สบู่เหลวออร์แกนคิ
จดั ทำโดย
เบญญาภา ลิน้ ทอง รหสั นกั เรียน 63302010067
นิศาชล ราชแขวง รหัสนักเรียน 63302010068
เสนอ
อาจารยน์ พิ ร จุทัยรัตน์
รายงานนีเ้ ป็นส่วนหนึ่งของรายวชิ าโครงการ รหสั วชิ า 302018501
สาขาวชิ าการบญั ชี ประเภทวชิ าพาณชิ ยกรรม
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาชลบรุ ี
สบเู่ หลวออร์แกนคิ
จัดทำโดย 63302010067
เบญญาภา ลิ้นทอง รหัสนกั เรยี น 63302010068
นิศาชล ราชแขวง รหสั นกั เรยี น
เสนอ
อาจารยน์ ิพร จุทัยรตั น์
รายงานน้เี ป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ าโครงการ รหสั วชิ า 302018501
สาขาวชิ าการบัญชี ประเภทวิชาพาณิชยกรรม
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2564
วทิ ยาลัยอาชีวศึกษาชลบุรี
ใบรบั รองโครงการ
วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาชลบุรี
เร่อื ง สบ่เู หลวออรแ์ กนคิ
จัดทำโดย นางสาวเบญญาภา ลนิ้ ทอง
นางสาวนศิ าชล ราชแขวง
ได้รบั การรบั รองใหน้ ับเปน็ ส่วนหน่ึงของการศึกษาตามหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชั้นสงู
(ปวส.) สาขาวิชาการบญั ชี ประเภทวิชาบรหิ ารธุรกิจ
…………………………………หวั หนา้ แผนกวิชา ………………..……..…รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ
(นางนิพร จทุ ยั รัตน์) (นายยรรยง ประกอบเก้ือ)
วันที่……..เดอื น………………….พ.ศ………. วันท่ี……..เดอื น………………….พ.ศ……….
คณะกรรมการสอบโครงการ
…………………………………………………ประธานกรรมการ (อาจารยท์ ี่ปรึกษาโครงการ)
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
…………………………………………………กรรมการ
(……………………………………………)
ชอ่ื ผลงาน สบูเ่ หลวออรแ์ กนิค
ชอ่ื นกั ศึกษา นางสาวเบญญาภา ลน้ิ ทอง
นางสาวนิศาชล ราชแขวง
สาขาวชิ า การบัญชี
ประเภทวชิ า บรหิ ารธรุ กิจ
ปีการศึกษา 2564
สถานศกึ ษา วทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษาชลบุรี
บทคดั ย่อ
ในการศึกษาเร่ืองสบเู่ หลวออร์แกนคิ วัตถปุ ระสงค์การศึกษา 1. เพอ่ื พัฒนาผลิตภณั ฑ์สบู่
เหลวออรแ์ กนิคด้วยสมุนไพร 2. เพือ่ พฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์สบู่เหลวออรแ์ กนิคให้ทางเลือกแก่ผูบ้ ริโภค
และ3. เพ่อื ศกึ ษาความพึงพอใจทผ่ี ู้บรโิ ภคมตี อ่ สบู่เหลวออร์แกนิค กลุ่มเป้าหมายในการศึกษาครั้งนี้
ได้แก่ นักศึกษาประกาศนียบัตรวชิ าชีพชนั้ สงู (ปวส.) ชั้นปที ี่ 2 แผนกวชิ าการบัญชี ภาคเรียนที่ 1 ปี
การศึกษา 2564 วทิ ยาลยั อาชวี ศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการศึกษา คือ
แบบสอบถามเพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มตี ่อผลิตภณั ฑแ์ ละพัฒนาบรรจุภัณฑส์ บ่เู หลวออร์แกนคิ แบง่
ออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านคุณภาพผลติ ภณั ฑ์ ด้านบรรจุภัณฑแ์ ละการใชง้ าน และด้านสง่ เสรมิ การจัด
จำหนา่ ย สถิตทิ ี่ใชใ้ นการศึกษา คือ 1. ร้อยละ(Percentage) 2. คา่ เฉลยี่ เลขคณติ
(Arithmetic Mean) 3. สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน(Standard Deviation S.D.)
ผลการศกึ ษาพบวา่
ตอนท่ี 1 เพ่ือพฒั นาผลติ ภณั ฑส์ บู่เหลวออรแ์ กนคิ ดว้ ยสมนุ ไพร และให้ทางเลือกแก่ผบู้ รโิ ภค
ดา้ นสภาพทัว่ ไปของผู้สอบแบบสอบถาม พบวา่ กลุม่ เป้าหมายสว่ นใหญ่เปน็ เพศหญิง จำนวน 80 คน
คดิ เปน็ ร้อยละ 95.20 สว่ นใหญ่อย่ใู นชว่ งอายุ 20 – 21 ปี จำนวน 47 คน คิดเป็นร้อยละ 55.30
รองลงมา อายุ 18 – 19 ปี จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 38.80 และ อายุ 22 ปขี น้ึ ไป จำนวน 4 คน
คิดเปน็ ร้อยละ 5.90 สว่ นใหญ่เปน็ ช่วงสถานะ ปวส.2/2 จำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 37 รองลงมา
ปวส.2/3 จำนวน 27 คน คดิ เป็นร้อยละ 32 และปวส.2/1 จำนวน 26 คน คดิ เป็นร้อยละ 31
จ
ตอนที่ 2 ข้อมลู เพือ่ ศึกษาความพึงพอใจทม่ี ีต่อผลิตภัณฑ์และพฒั นาบรรจภุ ณั ฑส์ บู่เหลว
ออรแ์ กนิค แบ่งออกเป็น 3 ด้าน คอื ด้านคุณภาพผลติ ภัณฑ์ ด้านบรรจภุ ณั ฑ์และการใช้งาน
และดา้ นสง่ เสริมการจัดจำหน่าย
ดา้ นคณุ ภาพผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก และเม่ือพจิ ารณาเป็นรายข้อ
แล้ว ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นสมนุ ไพรหอมสดชนื่ มคี วามพงึ พอใจในระดับมากท่สี ดุ รองลงมา ปรมิ าณของ
ผลติ ภัณฑ์มีความเหมาะสม ผลิตภัณฑม์ คี วามละเอยี ด นมุ่ นวล และผลติ ภณั ฑม์ ีความออ่ นโยนตอ่ ผวิ
ดา้ นบรรจภุ ัณฑ์และการใชง้ าน โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดบั มาก และเม่ือพิจารณาเปน็
รายขอ้ แลว้ ลกั ษณะของบรรจุภณั ฑ์สามารถดึงดดู ใหผ้ ซู้ ื้อตัดสนิ ใจซอื้ สินค้าได้มีความพึงพอใจในระดบั
มากทส่ี ุด รองลงมา สามารถพกพาไดส้ ะดวก บรรจุภณั ฑ์มีความเหมาะสมกบั ผลิตภณั ฑ์ ปรมิ าณการ
บรรจเุ หมาะสมกับราคา และบรรจภุ ณั ฑใ์ ชง้ านงา่ ยสะดวก
ดา้ นสง่ เสรมิ การจัดจำหน่าย โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดับมาก และเม่ือพจิ ารณาเป็นราย
ขอ้ แล้วผูข้ ายสภุ าพและอธั ยาศัยดีมคี วามพงึ พอใจในระดบั มากทีส่ ุด ค่าเฉล่ยี 4.39 รองลงมา มี
ผลติ ภณั ฑท์ ดลองใช้ ผลติ ภัณฑ์มรี าคาเหมาะสมกบั คณุ ภาพสินคา้ ผู้ขายแนะนำสรรพคุณของสมนุ ไพร
ในผลิตภัณฑ์ และแสดงราคาขายชัดเจน
คำสำคัญ สบู่เหลวออรแ์ กนิค , สมนุ ไพร , ความพงึ พอใจ
กติ ตกิ รรมประกาศ
การศกึ ษาเรอ่ื ง “สบู่เหลวออรแ์ กนิค” ในครั้งนี้ สามารถสำเรจ็ ลลุ ่วงอย่างสมบรู ณ์ด้วยความเมตตา จาก
อาจารยน์ พิ ร จุทยั รัตน์ ทีป่ รึกษาโครงการวจิ ัยใหค้ ำปรกึ ษาแนะนำแนวทางทถ่ี ูกตอ้ งและเอาใจใสด่ ้วยตีตลอด
ระยะเวลาในการทำวิจยั ผู้ศกึ ษารสู้ กึ ซาบซึ้งเป็นอยา่ งยิ่ง จึงขอกราบพระคณุ เปน็ อยา่ งสงู มา ณ โอกาสนี้
ขอขอบพระคุณบิดา มารดา และเพ่ือน 1 ทุกคนที่ได้ให้คำแนะนำชว่ ยเหลือสนับสนนุ ผวู้ ิจยั
โครงการมาตลอด โครงการจะสำเร็จลลุ ว่ งไปไม่ได้ หากไม่มบี คุ คลดงั กล่าวในการจดั ทำโครงการ
คณุ ค่าและประโยชนข์ องงานศกึ ษาน้ี ผู้ศึกษาขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตาแด่บุพการี
บูรพาจารย์ และผู้มีพระคณุ ท่านทง้ั ในอดีตและปจั จบุ นั ที่ไดอ้ บรม สงั่ สอน ชแ้ี นะแนวทางในการศึกษา
จนทำใหผ้ ้ศู กึ ษาประสบความสำเรจ็ มาจนตราบทกุ วันน้ี
เบญญาภา ล้นิ ทอง
นศิ าชล ราชแขวง
สารบัญ หน้า
ค
ใบรบั รองโครงการ ง
บทคดั ย่อ ฉ
กติ ติกรรมประกาศ ช
สารบัญ ฌ
สารบญั ตาราง ฎ
สารบญั ภาพ 1
บทที่ 1 บทนำ 1
1
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา 2
วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 2
ขอบเขตของการศึกษา 2
ผลทค่ี าดว่าจะได้รับ 3
นิยามศพั ท์เฉพาะ 3
บทท่ี 2 เอกสาร ทฤษฎีและงานวจิ ยั ท่ีเกีย่ วข้อง 4
จดุ ประสงคร์ ายวิชา สมรรถนะรายวิชาและคำอธบิ ายรายวิชา 5
ทฤษฎกี ารวิเคราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด 7
ทฤษฎีการวเิ คราะหผ์ ู้บรโิ ภค 10
ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด 12
ทฤษฎีพฤติกรรมผ้บู ริโภค 18
แนวความคดิ การพฒั นาบรรจุภณั ฑ์ 20
แนวคิดของหลักการบัญชตี น้ ทุน 26
แนวคดิ ในการวดั ผลกำไร 28
งานวิจัยท่ีเกย่ี วข้อง 28
บทท่ี 3 วธิ ีการดำเนนิ การวิจัย 28
ประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง 28
เครื่องมอื ท่ีใช้ในการศึกษา 29
ข้นั ตอนในการสรา้ งเคร่ืองมือ 29
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมลู และสถิติท่ีใช้ในการศึกษา
ช
สารบญั (ต่อ) หน้า
31
บทที่ 4 การวิเคราะหข์ ้อมลู 32
ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 35
ศกึ ษาความพงึ พอใจท่ีมีต่อผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภัณฑ์สบูเ่ หลวออร์แกนคิ 39
39
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ 40
สรปุ ผลการศกึ ษา 45
อภิปรายผลการศึกษา 46
ข้อเสนอแนะ 47
48
บรรณานกุ รม 55
ภาคผนวก 59
61
ภาคผนวก ก แบบขออนุมตั ิโครงการ แบบเสนอโครงการ 76
ข แบบสอบถาม
ค งบประมาณคา่ ใช้จ่าย
ง เอกสารประกอบ (ภาพถา่ ย)
ประวตั ิผูจ้ ัดทำ
สารบญั ตาราง หนา้
32
ตาราง 1 แสดงความถี่และร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายจำแนกตามเพศ 33
ตาราง 2 แสดงความถี่และร้อยละของกลุ่มเปา้ หมายจำแนกตามชว่ งอายุ 34
ตาราง 3 แสดงความถ่ีและร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายจำแนกตามชว่ งสถานะ 35
ตาราง 4 แสดงค่าเฉลยี่ และสว่ นเบี่ยงเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมาย
ที่มตี ่อผลติ ภัณฑแ์ ละบรรจุภัณฑส์ บู่เหลวออร์แกนิค 36
ตาราง 5 แสดงคา่ เฉลี่ยและสว่ นเบี่ยงเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกลุ่มเป้าหมาย
ท่ีมตี ่อผลิตภณั ฑแ์ ละบรรจภุ ัณฑส์ บเู่ หลวออร์แกนิค 38
ตาราง 6 แสดงคา่ เฉลยี่ และส่วนเบ่ยี งเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกลุ่มเป้าหมาย
ท่มี ีตอ่ ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภัณฑส์ บูเ่ หลวออร์แกนิค
สารบัญภาพ
หนา้
ภาพท่ี 1 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกล่มุ เปา้ หมายจำแนกตามเพศ 32
ภาพที่ 2 แสดงความถแี่ ละร้อยละของกลุม่ เปา้ หมายจำแนกตามช่วงอายุ 33
ภาพที่ 3 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกลมุ่ เป้าหมายจำแนกตามช่วงอายุ 34
ภาพที่ 4 แสดงค่าเฉลย่ี และสว่ นเบีย่ งเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกลมุ่ เป้าหมาย 36
สรปุ เป็นรายดา้ นคณุ ภาพผลติ ภัณฑ์
ภาพที่ 5 แสดงค่าเฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมาย 37
สรปุ เปน็ รายด้านบรรจภุ ณั ฑแ์ ละการใช้งาน
ภาพที่ 6 แสดงคา่ เฉลี่ยและส่วนเบยี่ งเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกลุ่มเปา้ หมาย 38
สรปุ เป็นรายด้านส่งเสริมการจัดจำหน่าย
ภาพที่ 7 อุปกรณท์ ำสบู่เหลวออร์แกนิค 62
ภาพท่ี 8 เตรยี มว่านหางจระเขแ้ ละข้ีเถ้า 62
ภาพที่ 9 ปลอกเปลือกวา่ นหางแลว้ หั่นเป็นชิ้นๆ 63
ภาพที่ 10 นำวา่ นหางจระเข้ทป่ี ลอกเปลือกแลว้ นำมาป่นั ใหล้ ะเอียด 63
ภาพท่ี 11 เตรียมขี้เถา้ 64
ภาพท่ี 12 นำขเี้ ถา้ ไปต้ม 20 นาที และพักไวใ้ หน้ ้ำขี้เถา้ แยกชั้น นำน้ำส่วนบนเทใสภ่ าชนะไว้ 64
ภาพท่ี 13 เท ad25 100 กรัม ลงในภาชนะ 65
ภาพที่ 14 ใสน่ ้ำเปลา่ 100 กรัม 65
ภาพท่ี 15 ใสน่ ำ้ ว่านหางจระเข้ 80 กรมั 66
ภาพท่ี 16 ใสน่ ำ้ ผึ้ง 20 กรัม 66
ภาพท่ี 17 ใส่ผงข้น/เกลอื แกง 10 กรัม จากน้ันคนใหเ้ ข้ากัน 67
ภาพท่ี 18 หยดนำ้ หอมแตง่ กลิน่ 1 cc 67
ภาพที่ 19 ใส่ส่วนผสมทกุ อย่างแล้วคนสว่ นผสมใหเ้ ข้ากันอีกรอบ 68
ภาพท่ี 20 นำสบูเ่ หลวว่านหางใสห่ ลอดบบี 68
ภาพที่ 21 เท ad25 100 กรมั ลงในภาชนะ 69
ภาพที่ 22 ใสน่ ้ำเปลา่ 100 กรมั 69
ภาพท่ี 23 ใส่น้ำข้เี ถา้ 50 กรัม 70
ภาพท่ี 24 ใส่นำ้ ผ้งึ 50 กรัม 70
ฎ
สารบัญภาพ (ตอ่ )
หน้า
ภาพท่ี 25 ใสผ่ งข้น/เกลอื แกง 10 กรัม จากนั้นคนให้เขา้ กนั 71
ภาพที่ 26 หยดนำ้ หอมแตง่ กลิน่ 1 cc 71
ภาพที่ 27 ใส่ส่วนผสมทกุ อย่างแล้วคนส่วนผสมใหเ้ ข้ากนั อีกรอบ 72
ภาพที่ 28 นำสบู่เหลวขเี้ ถ้าใส่หลอดบีบ 72
ภาพที่ 29 แปะโลโกส้ บู่เหลวออร์แกนคิ สูตรว่านหางจระเข้ 73
ภาพท่ี 30 แปะโลโกส้ บูเ่ หลวออร์แกนิค สูตรวา่ นหางจระเข้ 73
ภาพที่ 31 ผลิตภัณฑส์ บเู่ หลวออรแ์ กนคิ สตู รวา่ นหางจระเข้ 74
ภาพท่ี 32 ผลติ ภณั ฑส์ บูเ่ หลวออรแ์ กนิค สตู รขเ้ี ถ้า 74
ภาพท่ี 33 ผทู้ ำการศึกษาผลติ ภัณฑส์ บเู่ หลวออร์แกนคิ สูตรวา่ นหางจระเข้ และสูตรข้เี ถ้า 75
ภาพท่ี 34 ผลิตภณั ฑส์ บเู่ หลวออรแ์ กนิค สูตรวา่ นหางจระเข้ และสูตรข้เี ถ้า 75
1
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา
คนเรามีชวี ิตอยใู่ นโลกที่มเี ชือ้ โรคลอ้ มรอบอยู่ตลอดเวลาแต่มคี วามเขา้ ใจผิดเก่ยี วกับความ
สะอาดของสง่ิ แวดล้อมรอบตัวเราหลายอย่าง ทกุ วันนี้ก่อนปรุงอาหารทุกคนควรล้างมอื ใหส้ ะอาด แต่
หลายคนไม่ร้วู า่ เมื่อเสร็จจากการปรงุ อาหารแลว้ ควรจะล้างมือใหส้ ะอาดด้วย เนอื่ งจากในอาหารดบิ มี
เช้ือโรคมากมายโดยเฉพาะพวกเน้ือสด เชื้อโรคพวกน้ีอาจทำใหเ้ กดิ โรคได้
สบ่เู หลวล้างมอื เป็นสิ่งที่สามารถทำความสะอาดและขจัดสิง่ สกปรกให้ออกจากรา่ งกายของ
เราได้และยังสามารถบำรุงผิวพรรณใหด้ สู ะอาดไปพร้อมๆกับการฆ่าเชอื้ โรคท่ีเป็นอนั ตรายและอาจ
เปน็ สาเหตทุ ีท่ ำใหร้ ่างกายของเราเจบ็ ป่วย การล้างมือเป็นการดแู ลสุขภาพอนามยั พื้นฐานท่เี ราทุกคน
ได้รบั การปลูกฝงั กนั มาแตเ่ ด็ก เนอ่ื งจากในแตล่ ะวนั เราใชม้ ือหยิบสิง่ ตา่ งๆมากมาย หากไม่ล้างมือก่อน
รับประทานอาหารสิง่ สกปรกอาจเขา้ สรู้ า่ งกาย
เนื่องจากปัญหาดังกล่าวคณะผู้จัดทำจงึ จดั ทำโครงการสบู่เหลวออรแ์ กนิคมาเพื่อปอ้ งกันและ
ลดการแพร่เชื้อของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุทำใหเ้ กิดโรคและไข้หวดั ต่างๆและการทำโครงการสบเู่ หลว
ออรแ์ กนิคของเราจะมี 2 สตู ร ได้แก่ สูตรว่านหางจระเขแ้ ละสตู รข้เี ถา้ ซ่ึงการทำสบูเ่ หลวออรแ์ กนคิ
ขึ้นมาเองเป็นการประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยโดยทำขน้ึ เองไม่ตอ้ งสน้ิ เปลอื งเงนิ กับการซื้อสบเู่ หลวออรแ์ กนิคฆา่
เช้ือโรค ทง้ั นย้ี ังสามารถนำไปขายเพื่อเพิ่มรายได้เสริมในระหว่างเรียนและสิง่ สำคญั ยังไดใ้ ชเ้ วลาวา่ งให้
เกดิ ประโยชน์ไดเ้ รยี นร้แู ละรจู้ ักวิธีการทำสบเู่ หลวออร์แกนคิ ฆ่าเช้อื โรค
วตั ถุประสงค์ของโครงการ
1. เพ่ือพัฒนาผลิตภัณฑ์สบู่เหลวออรแ์ กนิคด้วยสมนุ ไพร
2. เพ่ือพัฒนาบรรจภุ ัณฑ์สบเู่ หลวออรแ์ กนิคให้ทางเลือกแก่ผบู้ รโิ ภค
3. เพ่อื ศึกษาความพึงพอใจท่ีผู้บรโิ ภคมีต่อสบู่เหลวออรแ์ กนคิ
2
ขอบเขตของการศึกษา
1. ขอบเขตดา้ นกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาประกาศนียบตั รวชิ าชพี ชั้นสงู (ปวส.)
ช้นั ปีท่ี 2 แผนกวชิ าการบัญชี ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยอาชีวศึกษาชลบรุ ี
จำนวน 84 คน
2. ขอบเขตด้านเน้ือหา ไดแ้ ก่ การพัฒนาผลิตภัณฑส์ บ่เู หลวออรแ์ กนิคทส่ี ามารถกำจัดเช้ือ
โรคได้ โดยใชส้ ่วนผสมทเี่ ป็นออร์แกนิคและสมนุ ไพรที่ไมม่ ีอันตรายจากสารเคมจี ะทำใหช้ ว่ ยขจดั
แบคทีเรียและเลือกใชบ้ รรจภุ ัณฑ์ท่ีมีขนาดเล็กพกพาไดส้ ะดวก
3. ขอบเขตด้านเวลาและดา้ นสถานที่ ตง้ั แตว่ นั ที่ 1 มิถนุ ายน 2564 – 1 ตุลาคม 2564
ณ วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี
ผลที่คาดวา่ จะไดร้ บั
1. ไดพ้ ัฒนาผลิตภัณฑส์ บู่เหลวออร์แกนิคด้วยสมนุ ไพร
2. ไดพ้ ัฒนาบรรจภุ ัณฑ์สบูเ่ หลวออรแ์ กนิคให้ทางเลอื กแกผ่ ู้บริโภค
3. ไดท้ ราบความพึงพอใจทผี่ ู้บรโิ ภคมตี อ่ สบู่เหลวออร์แกนิค
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ
1. สบู่เหลว หมายถงึ คือสบู่ที่ไม่ได้ทำเปน็ ก้อนเพราะมสี ่วนผสมนำ้ มากกว่าไขบรรจุใส่
ภาชนะ
2. ออรแ์ กนิค หมายถึง ผลผลิตจากการเกษตร ท่ีได้ผา่ นกระบวนการผลติ ทางเกษตรท่ี
ปลอดสารเคมีทกุ ชนิดทจ่ี ะเป็นอนั ตรายต่อมนษุ ย์ สตั ว์ และสง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนกระบวนการเล้ยี ง
การปลกู ต้องมีการดูแลอยา่ งพิถีพถิ นั ก่อนทีจ่ ะเรม่ิ การปลูกกจ็ ะต้องเตรยี มหน้าดินดว้ ยวิธธี รรมชาติ
เมลด็ พันธ์ทุ เี่ ลือกมาปลูกตอ้ งสะอาดปลอดภัย เรียกได้วา่ ตงั้ แตเ่ ริ่มตน้ จนจบกระบวนการต้องผ่านการ
ดแู ลอย่างพิถีพิถันตามหลกั มาตรฐานสากล
3. เช้ือโรค หมายถึง ส่ิงมชี วี ติ ขนาดเลก็ มากท่ีเมื่อเขา้ สรู่ า่ งกายแลว้ อาจก่อให้เกดิ อาการ
เจบ็ ป่วยหรือติดเช้ือ
4. สมนุ ไพร หมายถึง พืชท่ีมีสรรพคุณในการรกั ษาโรค หรอื อาการเจ็บป่วยต่างๆ การใช้
สมนุ ไพรสำหรับรักษาโรค หรืออาการเจ็บปว่ ยตา่ งๆน้ี จะต้องนำเอาสมุนไพรตั้งแต่สองชนิดขนึ้ ไปมา
ผสมรวมกนั
3
บทท่ี 2
เอกสาร ทฤษฎแี ละงานวิจัยท่ีเกย่ี วข้อง
การดำเนนิ โครงการ สบเู่ หลวออรแ์ กนคิ ณ วิทยาลยั อาชีวศึกษาชลบรุ ี ระหวา่ ง วันที่ 1
มิถนุ ายน 2564 – 1 ตลุ าคม 2564 ผู้ดำเนินโครงการไดร้ วบรวมเอกสาร ทฤษฎีและงานวจิ ัยที่
เกีย่ วขอ้ งมีหัวขอ้ ต่อไปน้ี
1. จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ าและคำอธบิ ายรายวชิ า
2. ทฤษฎกี ารวิเคราะหส์ ถานการณ์ทางการตลาด
3. ทฤษฎีการวิเคราะห์ผบู้ รโิ ภค
4. ทฤษฎกี ลยทุ ธ์การตลาด
5. ทฤษฎพี ฤติกรรมผู้บรโิ ภค
6. แนวความคิดการพฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์
7. แนวความคิดของหลกั การบัญชีตน้ ทุน
8. แนวคดิ ในการวัดผลกำไร
9. งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง
1. จดุ ประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ าและคำอธบิ ายรายวชิ า
1.1 จุดประสงคร์ ายวิชา
1.1.1 เข้าใจหลักการและกระยวนการวางแผนจัดทำโครงการสร้างหรือพฒั นางาน
1.1.2 ประมวลความรแู้ ละทักษะในการสรา้ งและหรือพฒั นางานในสาขาวิชาชีพ ตาม
กระบวนการวางแผน ดำเนนิ งาน แก้ปญั หา ประเมนิ ผล ทำรายงานและนำเสนอ
1.1.3 มเี จตคติและกิจนสิ ยั ในการทำงานด้วยความรับผิดชอบ มวี ินยั คุณธรรม
จรยิ ธรรม ความคดิ ริเรมิ่ สรา้ งสรรคแ์ ละสามารถทำงานร่วมกับผูอ้ น่ื
1.2 สรรมถนะรายวชิ า
1.2.1 แสดงความรูเ้ กี่ยวกบั การจดั ทำโครงการและการนำเสนอผลงาน
1.2.2 ดำเนนิ การจดั ทำโครงการ
1.2.3 รายงานผลการปฏิบตั ิงาน
4
1.3 คำอธิบายรายวิชา
ศึกษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกบั หลกั การจัดทำโครงการ การวางแผน การดำเนินงาน การแกไ้ ข
ปัญหา การประเมนิ ผล การจัดทำรางงานและการนำเสนอผลงาน โดยปฏิบตั จิ ัดทำโครงสรา้ งหรือ
พฒั นางานท่ีใช้ความรู้และทักษะในระดบั ฝมี ือสอดคลอ้ งกบั สาขาวิชาชีพที่ศึกษา ดำเนนิ การเป็น
รายบุคคลหรือกลมุ่ ตามลักษณะของงานให้แล้วเสร็จในระยะเวลาทก่ี ำหนด
2. ทฤษฎกี ารวเิ คราะห์สถานการณ์ทางการตลาด
เปน็ การวเิ คราะหส์ ภาพแวดล้อมของกิจการทั้งจุดแข็ง จดุ อ่อน โอกาส และอปุ สรรค โดย
พิจารณาความสัมพนั ธ์ระหว่างผลการประเมนิ สภาพแวดลอ้ มภายในระหว่างจุดแขง็ และจดุ อ่อน และ
การประเมนิ สภาพแวดล้อมภายนอกระหว่างโอกาส และอุปสรรค ว่ามคี วามโน้มเอียงไปในทิศทางใด
เพ่อื นำไปกำหนดกลยทุ ธท์ างการตลาด
SWOT เปน็ เครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ สำหรับองค์กร หรือโครงการ ซ่ึงชว่ ย
ผ้บู รหิ ารกำหนดจดุ แขง็ และจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายในโอกาสและอปุ สรรคจากสภาพแวดล้อม
ภายนอก เพ่ือการทำงานขององค์กรสสู่ ภาพที่ต้องการในอนาคต การวิเคราะห์ข้อมลู ทางการตลาดจะ
ช่วยให้นักการตลาดมองเหน็ ขนาดของตลาด สภาพการแข่งขนั ต้นทนุ การดำเนนิ ธุรกจิ และช้ีโอกาส
ของธรุ กจิ วา่ ควรจะผลติ สินค้าอะไร หรือ ควรมีการปรบั ปรงุ ธุรกิจอย่างไร เป็นส่วนหนึ่งของ
กระบวนการวางแผนเพ่ือใหแ้ ผนนน้ั ได้ใช้ประโยชนจ์ ากสง่ิ ท่ีมอี ยู่และแกป้ ัญหาท่ีไม่พึงประสงค์เปน็ ฐาน
คิดสำหรับกำหนดแผนงานโครงการจะใชเ้ ป็นแนวทางในการกำหนดวสิ ัยทัศน์และการกำหนดกลยทุ ธ์
เพื่อให้อตุ สาหกรรมพฒั นาไปในทางทเ่ี หมาะสม
หลักการสำคัญของ SWOT ก็คอื การวเิ คราะห์ โดยการสำรวจจากสภาพการณ์ 2 คา้ น
คอื สภาพการณภ์ ายในและสภาพการณ์ภายนอก ดงั นัน้ การวิเคราะห์ SWOT จึงเรียกได้วา่ เปน็ การ
วิเคราะหส์ ภาพการณ์ (Situation Analysis) ซง่ึ เปีนการวิเคราะหจ์ ดุ แข็ง จดุ อ่อน เพ่ือให้รู้ตนเอง (รู้
เรา) ร้จู ักสภาพแวดล้อม (รูเ้ ขา) ชดั เจน และวเิ คราะห์ โอกาส-อปุ สรรค การวิเคราะหป์ ัจจัยตา่ งๆ ทั้ง
ภาขนอกและภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยให้ผ้บู รหิ ารขององค์กรทราบถึงการเปลย่ี นแปลงตา่ งๆ ที่
เกิดขึ้นภายนอกองค์กร ท้ังสิง่ ที่ไดเ้ กดิ ข้นึ แลว้ และแนวโนม้ การเปล่ยี นแปลงในอนาคต รวมทั้ง
ผลกระทบของการเปล่ยี นแปลงเหล่าน้ที ี่มีฮ่อองค์กรธุรกิจ และจุดแข็ง จุดอ่อน และความสามารถ
ด้านต่างๆ ท่ีองค์กรมีอยู่ ซง่ึ ข้อมลู เหลา่ นี้จะเปน็ ประ โยชนอ์ ยา่ งมากต่อการกำหนดวิสยั ทศั น์ การ
กำหนดกลยุทธ์และการคำเนินตามกลยุทธ์ขององค์กรระดับองค์กรที่เหมาะสมต่อไป
5
2.1 จุดแข็ง (Strength) คือ ปัจจยั สภาพแวดลอ้ มภายในท่ีทำให้ได้เปรยี บเทยี บในการ
แขง่ ขัน เชน่ จดุ แข็งดา้ นสว่ นประสมการตลาด (4Ps), จุดแขง็ ทางด้านการเงนิ , จดุ แข็งทางดา้ นการ
ผลิต , จุดแขง็ ทางดา้ นการบริหารองค์การ เป็นต้น
2.2 จุดออ่ น (WEAKNESS) คือ การดำเนนิ งานภายในองค์กรทไ่ี มส่ ามารถกระทำได้ดี เช่น
การบริหาร การเงนิ การตลาด การวจิ ยั และพฒั นา จะเป็นอุปสรรคต่อความสำเรจ็
2.3 โอกาส (OPPORTUNITIES) คือ ปัจจัยจากสภาพแวดลอ้ มภายนอกท่ีเออ้ื ต่อการ
ประกอบกิจการ
2.4 อุปสรรค (Threat) คือ ปจั จัยจากสภาพแวดล้อมภายนอกท่ีทำให้กจิ การเสียเปรียบ ซ่งึ
จำเปน็ ตอ้ งปรับกลยุทธเ์ พื่อขจัดอปุ สรรคตา่ งๆท่ีเกิดขึ้น
3. ทฤษฎกี ารวเิ คราะหผ์ ู้บริโภค
ผ้บู ริโภคหมายถงึ ผูซ้ ือ้ หรือผู้รบั บรกิ ารจากผู้ประกอบธรุ กิจ หรือผู้ทีไ่ ดร้ ับการเสนอชกั ชวน
จากผปู้ ระกอบธรุ กจิ เพอ่ื ให้ซื้อสินคา้ หรอื บริการ และหมายความรวมถึงผ้ใู ชส้ นิ คา้ หรือผไู้ ด้รบั บริการ
จากผ้ปู ระกอบธุรกิจแมไ้ ม่ได้เสียคา่ ตอบแทน ในสงั คมปจั จุบัน ผูบ้ รโิ ภคมกั จะถูกเอารดั เอาเปรยี บดว้ ย
วิธีตา่ งๆ จากการใช้กลยุทธท์ างการตลาดที่ขนาดคุณธรรมและความรบั ผดิ ชอบ ผบู้ ริโภคจึงถูกเอารดั
เอาเปรียบทัง้ ในดา้ นคุณภาพและราคา อกี ทั้งประชาชนส่วนใหญ่ยงั ขาดความรูค้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับ
การใช้สิทธิตา่ งๆ ตลอดจนขาดข้อมูลประกอบการตดั สนิ ใจเลือกซื้อสินค้าและบรกิ าร
ความสำคญั ในเร่ืองการใชส้ ทิ ธิของผู้บริโภค จึงถูกเอารดั เอาเปรยี บทั้งในดา้ นคุณภาพและ
ราคา และจะไม่สนใจทจี่ ะรักษาของตนเองใหม้ ากขึน้ อีกทง้ั ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความร้คู วาม
เข้าใจเกย่ี วกับสทิ ธติ า่ งๆ ที่ได้รบั การค้มุ ครองตามกฎหมายและไมท่ ราบถึงวธิ ีการเลอื กซื้อสินคา้ และ
บริการทถ่ี ูกตอ้ ง ตลอดจนขาดข้อมูลประกอบการตดั สนิ ใจเลอื กซื้อสนิ คา้ และบริการ รวมทง้ั
ผู้บรโิ ภคยังคงมีลกั ษณะไมส่ นใจทจ่ี ะเอาเรอื่ งกับผ้ปู ระกอบธุรกิจทเ่ี อารดั เอาเปรียบ ยังมีลกั ษณะต่าง
คนต่างอยู่ ไมม่ ีการรวมตวั กนั เพือ่ สรา้ งอำนาจในกาประโยชนข์ องตนเองต่อรองเพื่อรักษาสิทธิ
กลยุทธ์ทางการตลาดท่ีสร้างความพึงพอใจให้แก่ผ้บู ริโภคและความสามารถในการคน้ หา
ทางแก้ไข พฤติกรรมในการตัดสินใจซ้อื สินคา้ ของผ้บู รโิ ภคในสังคมได้ถูกต้องและสอดคล้องกับ
ความสามารถในการตอบสนองของธุรกิจมากยิ่งขน้ึ ท่ีสำคัญจะชว่ ยในการพฒั นาตลาดและพัฒนา
ผลติ ภัณฑใ์ ห้ดีข้ึน ในตลาดปัจจุบันถือว่าผู้บริโภคเปน็ ใหญ่ และมีความสำคญั ท่ีสดุ ของนักธรุ กิจ จึง
จำเปน็ อย่างย่ิงทผี่ บู้ ริหารการตลาด จะต้องศึกษากลุ่มผบู้ ริโภคใหล้ ะเอยี ด ถงึ สาเหตขุ องการซอื้ การ
เปล่ยี นแปลงการซ้ือ การตัดสินใจซ้ือ ฯลฯ จะชว่ ยใหผ้ ู้บรหิ ารทายใจหรอื เดาใจกลมุ่ ผู้บริโภคของ
กิจการได้ถูกต้องว่ากล่มุ ผ้บู ริโภคเหลา่ นนั้ ต้องการอะไร มีพฤตกิ รรมการซ้ืออย่างไร แรงจูงใจในการซ้ือ
6
เกดิ จากอะไร แหลง่ ข้อมูลที่ผู้บริโภคนำมาตัดสินใจซ้ือคอื อะไร รวมท้งั กระบวนการตัดสินใจซือ้ ข้อมูล
ต่างๆ เหลา่ น้เี ป็นประโยชน์ต่อการวางแผนทางการตลาด
3.1 ประเภทของการบรโิ ภค สามารถแบ่งได้ตามลักษณะของสินคา้ เปน็ 2 ประเภท คือ
3.1.1 การบริโภคสนิ ค้าไม่คงทน คอื การบริโภคสิง่ ของชนิดทสี่ ิน้ เปลืองหรือใชห้ มดไป
เรียกวา่ destruction เชน่ การบริโภคนำ้ อาหาร ยารกั ษาโรค น้ำมนั เช้อื เพลงิ ฯลฯ
3.1.2 การบริโภคสินค้าคงทน คอื การบริโภคส่ิงของที่ยังคงใช้ได้อีก ลักษณะนี้เรียกว่า
diminution เช่นการอาศัยบ้านเรอื น,การใชร้ ถยนต์ เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เคร่ืองนงุ่ หม่ ฯลฯ อยา่ งไรก็ตาม
สินค้าประเภทน้ีก็จะค่อยๆสึกหรอไป จนในท่สี ุดจะไม่สามารถนำมาใชไ้ ด้อีก
3.2 องค์ประกอบ
สามารถอธบิ ายไดด้ ว้ ย โมเดลพฤติกรรมผบู้ ริโภค เป็นระบบท่เี กดิ ขนึ้ จากสง่ิ เร้า หรือสง่ิ
กระตุ้น(Stimulus) ใหเ้ กิดความตอ้ งการ (Need) ในความรู้สึกนึกคิดของผู้ซ้อื มอี ิทธิพลอิทธิพล ทำ
ให้เกิดการตอบสนอง (Buyer’s response) หรือ การตดั สนิ ใจของผซู้ ้ือ (Buyer’s purchase
decision) โดยสามารถเรยี กว่าโมเดลท่ีใช้อธบิ ายระบบนไ้ี ด้อีกลักษณะวา่ S-R Theory ประกอบด้วย
3 สว่ นสำคัญ ไดแ้ ก่
3.2.1 ส่ิงกระตนุ้ (Stimulus) ทง้ั ภายในและภายนอก นกั การตลาดจะสนใจ เนน้ การ
สรา้ งสงิ่ กระตนุ้ ทางการตลาดซงึ่ ควบคุมได้ และ สิ่งกระตนุ้ อื่นทคี่ วบคุมไมไ่ ด้
3.2.2 ความรูส้ กึ นกึ คิดของผูซ้ อ้ื (Buyer’s black box) เปรยี บเสมอื นกล่องดำ (Black
box) ซึ่งผผู้ ลติ หรือผขู้ ายไม่สามารถทราบได้ ต้องพยายามค้นหาความรูส้ ึกนกึ คิดของผู้ซ้ือ ที่ไดร้ ับ
อิทธพิ ลจากลักษณะของผู้ซ้ือ และกระบวนการตัดสนิ ใจของผู้ซ้อื
3.2.3 การตอบสนอง (Buyer’s Response) การตอบสนองหรอื การตดั สนิ ใจซอ้ื ของผู้
ซ้อื หรือ ผู้บรโิ ภคจะมีการตัดสินใจในประเด็นต่าง ๆ
3.3 กระบวนการพฤติกรรมผู้บรโิ ภค (Process of Behavior)
3.3.1 พฤตกิ กรมเกดิ ขน้ึ ไดต้ ้องมสี าเหตุทำให้เกิด
3.3.2 พฤติกรรมเกิดข้ึนไดจ้ ะตอ้ งมีสงิ่ จงู ใจหรอื แรงกระต้นุ
3.3.3 พฤตกิ รรมทเี่ กิดขนึ้ ย่อมมุ่งไปสู่เป้าหมาย
ลกั ษณะท่วั ไปของผบู้ ริโภค
1. สิ่งเร้า (stimuli) ในทางการตลาดนนั้ เราแบ่งสงิ่ เร้าออกเปน็ 2 ประเภท คือ สง่ิ เร้าทาง
การตลาดกับส่งิ แวดลอ้ มอ่ืนๆทางการตลาด ทมี่ ีอทิ ธิพลต่อการตัดสนิ ใจและพฤตกิ รรมของผบู้ ริโภค
ส่งิ เรา้ ทางการตลาด ได้แก่ สง่ิ ที่เราเรยี กวา่ สว่ นประสมทางการตลาดหรอื 4'Ps อนั ได้แก่ผลิตภัณฑ์
ราคา ชอ่ งทางการจดั จำหน่ายและการสง่ เสริมการตลาดน่นั เอง
7
ส่งิ แวดล้อมอน่ื ๆ ทางการตลาด ทอี่ ยอู่ ยู่ล้อมรอบผู้บรโิ ภคได้แก่ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี สังคม การเมือง
กฎหมาย และวัฒนธรรม ซง่ึ มีอทิ ธพิ ลต่อการตัดสนิ ใจของผู้บริโภค
สิง่ เร้าเหลา่ นนี้ ับเปน็ ตวั นำเขา้ หรือ input ทจ่ี ะเข้าไปยังกล่องดำของผู้บรโิ ภค และสง่ ผลใหม้ กี าร
ตอบสนองออกมาเปน็ output
2. กล่องดำ (black box) คำคำนเี้ ปน็ นามธรรม โดยสมมติวา่ กลอ่ งดำเปน็ ทีร่ วมเอาปจั จัย
ตา่ งๆ ที่ว่านี้ได้แก่ วฒั นธรรม สังคม ลักษณะ สว่ นบุคคล และลกั ษณะทางจติ วทิ ยาของผู้บรโิ ภคแตล่ ะ
คนเอาไว้ นอกไปจากน้ีในกล่องดำยงั มกี ระบวนการตดั สนิ ใจซอื้ อยู่อกี ด้วย สง่ิ เรา้ เม่ือมาถึงกลอ่ งดำจะ
ถกู ปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวตกแต่งขัดเกลาแปรรูปออกมาเปน็ การตอบสนอง ถา้ การตอบสนองเป็นไปใน
ทางบวก กระบวนการตัดสินใจซอ้ื ทำงาน จนกระทง่ั มีการซื้อเกิดขึน้ ตามมา ถา้ ตอบสนองเปน็ ไป
ในทางลบ ผ้บู ริโภคคงไม่ลงมือซอ้ื
3. การตอบสนอง (response) เป็นผลลพั ธจ์ ากอิทธิพลของปจั จยั และกลไกการทำงานของ
กระบวนการตัดสินใจซื้อทอ่ี ยู่ในกลอ่ งดำของผบู้ ริโภค ถา้ การตอบสนองเปน็ ไปในทางบวก จะ
สงั เกตเหน็ ผู้บรโิ ภคไปเลือกผลติ ภณั ฑ์ที่จะซอ้ื เลือกตราผลิตภณั ฑ์ท่ีจะซอ้ื เลือกร้านค้าทจ่ี ะซอื้ เลือก
จังหวะเวลาที่จะซื้อ และเลือกจำนวนทีจ่ ะซอ้ื เปน็ ตน้
4. ทฤษฎกี ลยุทธก์ ารตลาด
ความหมายและขอบเขตของการตลาดตลาด (Market) หมายถึง ทใ่ี ดกต็ าม ทัง้ ที่เปน็ สถานท่ี
หรอื ไม่มสี ถานที่ ท่มี ีอุปสงคแ์ ละอุปทาน ในสนิ ค้า หรอื บริการมาพบกนั จนทำใหเ้ กิดราคาทมี่ าจาก
กลไกตลาด โดยเศรษฐกิจในระบบตลาดนยี้ อมรบั การเปล่ยี นแปลงของราคา เช่น การทรี่ าคาลดลง
โดยอตั โนมัติเมื่อมกี ารเสนอขายสินคา่ เป็นต้น ทางด้านทฤษฎีนน้ั เหน็ วา่ เศรษฐกิจในระบบตลาดท่ี
แทจ้ ริงนั้น จำเปน็ ต้องประกอบไปดว้ ยเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้คือ ผู้ผลิตสนิ ค้าทีม่ ขี นาดเลก็ ผู้บรโิ ภค
จำนวนมากรวมถงึ มาตรการในการกีดกนั การเขา้ ตลาดทน่ี ้อย เง่อื นไขเหล่านถ้ี ้ามีครบทัง้ หมดจะถือวา่
เปน็ ตลาดทส่ี มบูรณซ์ ่ึงพบไดม้ ากในโลกปัจจุบัน (Kotler, 2003a, p.11) คำตลาด จงึ มคี วามหมาย
ครอบคลุมถงึ ลูกคา้ หลายกลมุ่ รวมท้ังตลาดท่มี ตี วั ตนโดยลักษณะทางกายภาพ และตลาดท่ไี ม่มตี วั ตน
ในกายภาพ (ตลาด Digital) ตลอดจนตลาดขนาดใหญท่ ่มี ีหลายๆตลาดย่อยซง่ึ มคี วามเก่ียวข้อง
สมั พันธ์อยใู่ นธรุ กจิ น้นั ขอบเขตของการตลาด (The Scope of Marketing) การตลาดเป็นงานที่
เกี่ยวข้องกับการสรา้ งสรรค์ การส่งเสรมิ และการส่งมอบสนิ คา้ หรือบริการใหก้ บั ผู้บรโิ ภคและองค์กร
การธุรกจิ ต่างๆ นักการตลาดมีหน้าที่กระตุ้นความต้องการ ซอ้ื ผลิตภัณฑ์ตา่ ง ๆ ของบรษิ ัทตลอดจน
รับผดิ ชอบต่อ
กลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) หมายถงึ แบบแผนพ้นื ฐานหรือแนวทางท่ถี ูก
กำหนดขึน้ สำหรับสร้างผลติ ภัณฑ์ เพ่ือตอบสนองความต้องการของกล่มุ เป้าหมายและตลาดเปา้ หมาย
8
โดยผูป้ ระกอบการจะต้องจดั สรรทรพั ยากรของประเทศมาใช้ให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ผลผลิต แบง่ ใช้
สัดส่วนต่างๆ ทางการตลาดใหเ้ หมาะสมสำหรบั การดำเนนิ งาน รวมทง้ั ดำเนินงานในขนั้ ตอนตา่ งๆ โดย
ประกอบไปดว้ ย การตดั สนิ ใจ การกำหนดระดบั คา่ ใชจ้ ่ายการตลาด การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์
การกำหนดกลยทุ ธ์ส่วนผสม และการกำหนดตลาดเป้าหมายทางการตลาดอย่างชัดเจน จนสามารถ
บรรลุเปา้ หมายทางเศรษฐกิจที่ตงั้ ไว้ได้ 4P หรอื Marketing Mix สามารถเรียกเป็นภาษาไทยไดว้ ่า
สว่ นผสมทางการตลาด เป็นทฤษฎีหนึ่งทน่ี ิยมใช้ในการวางแผนการตลาด โดยแบง่ ออกเป็น 4 ส่วน
หลักๆ ได้แก่ Product, Price, Place และ Promotion เราต้องวางแผนให้แต่ละสว่ นมีความ
สอดคล้องและไปในทิศทางเดียวกัน ครั้งแรกที่คิดออกมาอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ เรากส็ ามารถปรบั ไป
เรอ่ื ยๆ หลกั การตลาด 4P หรือ ส่วนผสมทางการตลาดนนั้ (Marketing Mix) มีรายละเอียดดว้ ยกัน
ดงั น้ี
4.1 ผลติ ภณั ฑ์ (Product)
ธรุ กิจมอี งคป์ ระกอบหลักซ่ึงเปน็ ปัจจยั สำคัญอย่างแรก คือ ผลิตภณั ฑส์ ินคา้ (Goods) หรือ
บริการ (Service) สำหรบั ในส่วนสนิ ค้าน้ันแบ่งออกเปน็ สนิ ค้าประเภทจับต้องได้ และสนิ คา้ ประเภท
จับต้องไมไ่ ด้ สำหรับการบริการนัน้ แบ่งออกเป็น บริการแบบมสี ่วนร่วม และการบรกิ ารแบบไมม่ ีส่วน
รว่ ม ดังนั้นสนิ ค้า และบริการจงึ นบั ได้ว่าเปน็ หวั ใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจอยา่ งแท้จริง โดยตอ้ งมี
คณุ ลกั ษณะสำคญั คือ คณุ ภาพ (Quality) สำหรบั ในสว่ นของคุณภาพน้ันยงั มคี วามหมายรวมถึง
ด้านความเหมาะสมในการใช้งาน คุณภาพการออกแบบ และคุณภาพตามมาตรฐานท่ีกำหนดไวอ้ ีก
ดว้ ย นอกจากน้นั คณุ ภาพยังเป็นตวั บง่ ชีส้ ำคัญถงึ ภาพลักษณ์ของธรุ กิจเราอีกดว้ ย
4.2 ราคา (Price)
การกำหนดราคานับวา่ เปน็ กลยทุ ธ์สำคัญอีกอยา่ งหน่ึงของการดำเนินธรุ กจิ โดยมกั จะข้ึนอยู่
กบั ปจั จัยต่างๆ เชน่ ขนาดของตวั ธรุ กิจ ประเภทของสนิ ค้าท่ีตอ้ งการจำหน่าย ค่าใชจ้ า่ ยตา่ งๆ
สง่ิ แวดล้อมทางการตลาด กฎหมาย ความเปล่ยี นแปลกของราคาวัตถุดบิ หรอื แมแ้ ตร่ ะบบการจัด
จำหน่าย ต้นทุนการผลิต และการสง่ เสริมการขาย เป็นตน้
สำหรับธุรกจิ ขนาดเลก็ นนั้ การกำหนดราคาขายของสินคา้ เปน็ สิ่งจำเปน็ อยา่ งยิ่ง เน่ืองจาก
ราคานั้น เป็นส่งิ ท่ีใชว้ ัดค่า และประโยชนข์ องตวั สินคา้ และยงั เปน็ ตวั กำหนดวา่ เราจะสามารถใช้
ทรัพยากรทมี่ ีอยูอ่ ยา่ งจำกดั ไปในทศิ ทางใด จะสามารถขายสนิ ค้าอยา่ งไร จำนวนเท่าไหร่ ราคาขายจะ
เปน็ เคร่ืองบ่งชี้สำคญั ของความสามารถในการทำกำไรของธรุ กจิ นัน้ ทั้งน้เี น่อื งจากกำไรน้ันคำนวณ
จาก รายรับหกั ลบด้วยตน้ ทุน และรายรบั ได้จากปรมิ านจำนวนทขี่ ายคณุ ด้วยราคาต่อหน่วย
อีกหน่ึงกลยทุ ธ์การขายสนิ ค้าที่นยิ มนำมาใชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย ได้แก่ การใหส้ ว่ นลด
(Discount) การขายเช่ือ (Credit) และการฝากขาย (Consignment) และยงั มีการใชน้ โยบายการต้ัง
ราคามาใช้อีกดว้ ย
9
4.3 ชอ่ งทางการจัดจำหน่าย (Place)
การนำสินค้าไปให้ถงึ มือของลูกคา้ โดยยดึ หลกั ความมปี ระสิทธิภาพ ความถูกตอ้ ง ความ
ปลอดภยั และความรวดเร็ว วิธขี ายหรอื กระจายสนิ คา้ ท่ีสามารถทำให้เกิดผลกำไรมากที่สุด ต้อง
กระจายสินคา้ ให้ตรงกลุ่มเปา้ หมายมากทีส่ ุด หากเป็นสนิ ค้าท่ขี ายไปหลายๆ แหง่ วธิ กี ารขาย หรือการ
กระจายสินค้านน้ั จะมีความสำคัญมาก โดยหลักการของการเลอื กวธิ ีกระจายสนิ ค้านน้ั ไม่ใชข่ ายให้มาก
สถานที่ เพราะมนั ขน้ึ อยูก่ ับว่า สนิ ค้าคืออะไร และกลุ่มเป้าหมายคอื ใคร
4.4 การสง่ เสรมิ การขาย (Promotion)
ความสำเร็จทางด้านธุรกจิ คอื การขายสนิ คา้ หรือบริการให้ไดม้ ากทีส่ ดุ แตม่ ักจะปญั หาว่า
ตอ้ งทำอยา่ งไร การสง่ เสริมการขาย จึงมีบทบาทสำคัญที่ชว่ ยใหย้ อดขายเพมิ่ มากขึ้น กิจกรรมดงั กล่าว
ประสบความสำเร็จ และมปี ระสิทธิภาพ
เมอื่ ธรุ กิจทราบว่าลูกค้าต้องการอะไร มีรสนิยมแบบไหน เพ่ือทีจ่ ะสามารถสรา้ งโปรโมช่นั ที่
ตอบสนองความต้องการของลกู ค้าได้โดยตรง แต่การสง่ เสริมการขายนนั้ มคี วามสมั พนั ธใ์ กล้ชิดกับ
งบประมาณ ดา้ นค่าใชจ้ ่ายอย่างมาก และควรจะต้องพยายามให้ไดผ้ ลลพั ธก์ ลบั คนื อย่างค้มุ ค่าทีส่ ุด ซ่ึง
มอี ยหู่ ลายวิธีทสี่ ามารถชว่ ยได้ทงั้ ทางตรง และทางอ้อม มดี ังนี้
4.4.1 การโฆษณา (Advertsing) อาจจะใชค้ ำพดู หรอื ข้อความ โดยมีความหมายทีจ่ ะ
ให้ลกู ค้ามีความรู้สึกดตี ่อต่อสินคา้ หรอื บรกิ ารนน้ั รวมทั้งจูงใจใหเ้ กดิ ความต้องการอยากทดลองสินค้า
หรือบริการของเรา
4.4.2 การขายโดยตรง (Direct Sales) เป็นการขายโดยเข้าไปตดิ ต่อถึงตัวลกู คา้
โดยตรง โดยการอธิบายรายละเอียดตา่ งๆ ของสนิ ค้าใหล้ ูกคา้ ได้ทราบ หรอื ท่เี รยี กวา่ การเสนอขาย
โดยตอ้ งอาศยั เทคนคิ และวธิ ีการทีน่ ่าสนใจ
4.4.3 การส่งเสรมิ การขายทางดา้ นลูกคา้ (Consumer Promotion) เป็นรูปแบบใน
การสรา้ งสง่ิ ดึงดูดใจใหก้ ับตวั ลกู ค้าโดยตรง เชน่ การลด แลก แจก แถม หรือการเลน่ เกมเพ่ือชงิ รางวัล
เป็นการกระต้นุ ใหล้ กุ คา้ เกิดความสนใจ และมคี วามหวังในประโยชน์ที่ได้รับจากตวั สินคา้ หรือบรกิ าร
ของเรา
4.4.4 การบริการ (Service) เป็นรูปแบบการให้บริการทงั้ ก่อน และหลังการขาย (การ
อธบิ ายคุณลักษณะทีด่ ี และการใช้สนิ คา้ ก่อนลูกคา้ จะทำการซอื้ เพื่อเปน็ การเช้ือเชิญให้เกดิ สนใจ)
การบรกิ ารขณะขาย (การสาธติ ใหล้ กู ค้าได้ชมก่อนท่จี ะตัดสินใจซ้ือสนิ ค้า หรืออาจจะเปน็ การใหล้ ูกค้า
ทดลองด้วยตัวเองก่อน) และบรกิ ารหลังการขายสินค้าให้กับลกู คา้ (เช่นการซ่อมบำรงุ หรอื ตรวจสอบ
สนิ ค้าเมอ่ื ลูกค้าไดซ้ ื้อไปแล้วโดยทำอยา่ งตอ่ เนื่อง เพอ่ื สรา้ งความประทับใจระยะยาว)
10
ความปรารถนาของผบู้ รโิ ภค หมายถึง การทจ่ี ะผลติ อะไรออกมาจำหนา่ ยควรตอ้ งคิดถงึ ส่ิงที่
ลกู ค้าหรือผูบ้ รโิ ภคมีความต้องการ อยากได้ไวค้ รอบครองหรือผลติ มาเพ่ือแกป้ ัญหาท่ีเกดิ ข้ึนจากความ
ปรารถนา
ตน้ ทุนของผูบ้ รโิ ภค หมายถึง การพิจารณาถึงตน้ ทนุ ของลูกคา้ ท่ีจะตอ้ งจา่ ยออกไป เช่น เรอ่ื ง
ของการเดนิ ทาง คา่ จอดรถ หรือแม้กระทั่งคา่ เสียเวลาก่อนการตงั้ ราคาในสินค้านนั้ ๆ
ความสะดวกในการซื้อ หมายถึง การจัดการสินค้าในทกุ จดุ ท่ตี อ้ งการจำหนา่ ย โดยชอ่ ง
ทางการจำหนา่ ยนั้นตอ้ งสามารถอำนวยความสะดวกในการซอ้ื หาสนิ คา้ ของผู้บรโิ ภคได้มากน้อยแค่
ไหน เพราะในปัจจุบนั ผบู้ ริโภคจะเป็นผตู้ ัดสนิ ใจว่าจะซ้ือจากท่ใี ด ช่องทางใดและเวลาไหนมากกวา่
การซ้ือตามชอ่ งทางที่ผ้จู ัดจำหนา่ ยกำหนดไว้
การส่ือสาร หมายถึง วธิ กี ารสอ่ื สารเพื่อกระตนุ้ ความสนใจในการเลอื กซ้อื ในปจั จบุ นั ควร
พิจารณาถงึ องคป์ ระกอบในหลายดา้ น เชน่ สื่อทเ่ี ลอื กใช้ เนอื่ งจากผูบ้ ริโภคมีการเลอื กที่จะรับฟงั
หรือไม่รบั ฟงั และนอกจากน้ันคือเม่ือรบั ฟังแล้วยงั สามารถท่จี ะเลือกท่ีจะเชอื่ หรือไม่ก็ได้ ซึ่งผูผ้ ลิตหรอื
ผปู้ ระกอบการควรเน้นถงึ ความสำคญั อย่างยิง่ ในด้านการส่ือสาร
5. ทฤษฎพี ฤติกรรมผบู้ รโิ ภค
พฤติกรรมผ้บู รโิ ภค (Consumer Behavior) หมายถึง การแสดงออกของแต่ละบคุ คลที่
เก่ียวข้องโดยตรงกับการใช้สนิ ค้าและบริการทางเศรษฐกิจ กระบวนการในการตดั สนิ ใจท่ีมผี ลต่อการ
แสดงออก
การตดั สนิ ใจซ้ือของผบู้ ริโภคนับเปน็ ขน้ั ตอนสดุ ทา้ ยของกระบวนการ คอื ผบู้ ริโภคตัดสนิ ใจ
ซื้อผลติ ภณั ฑ์ชนดิ ใด ย่หี ้อใด ราคาเทา่ ใด เม่ือไร และจำนวนเท่าใด หลังจากท่ไี ดผ้ ่านขั้นตอนกระตุ้น
ทางการตลาด ผ่านเข้ามาในหอ้ งของกล่องดำ ผสมผสานกับทัศนคติ และส่งผลไปยงั การตัดสนิ ใจซ้ือ
5.1 ประโยชน์ของการศกึ ษาพฤติกรรมผู้บริโภค
5.1.1 ช่วยใหน้ ักการตลาดเข้าใจถงึ ปัจจัยท่ีมอี ิทธิพลต่อการตดั สินใจซ้ือสนิ คา้ ของ
ผู้บริโภคและแนวโน้มความต้องการสินค้าของผู้บริโภคในอนาคตเพื่อการปรับโปรแกรมการตลาดหรอื
สว่ นประสมการตลาด
5.1.2 ช่วยใหผ้ เู้ กยี่ วข้องสามารถหาหนทางแก้ไขพฤติกรรมในการตัดสนิ ใจซือ้ สนิ ค้า
ของผู้บรโิ ภคในสังคมได้ถกู ต้องและสอดคล้องกบั ความสามารถในการตอบสนองของธุรกิจมากย่งิ ข้ึน
ซึ่งเป็นผลดีตอ่ การพัฒนาเศรษฐกจิ และการลงทุน
5.1.3 ชว่ ยใหก้ ารพัฒนาตลาดและการพัฒนาผลิตภณั ฑส์ ามารถทำไดด้ ขี ึ้น โดย
การศกึ ษารูปแบบความต้องการ การกระตุ้นและการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
11
5.1.4 เพ่อื ประโยชน์ในการแบ่งสว่ นตลาด เพื่อการตอบสนองความต้องการของ
ผูบ้ ริโภคใหต้ รงกับชนดิ ของสินคา้ ท่ีต้องการ ตรงกบั ปริมาณทต่ี ้องการ ตรงกบั เวลาและสถานท่ี ๆ
ต้องการรวมท้งั เง่ือนไขอื่น ๆ
5.1.5 ช่วยในการปรบั ปรงุ กลยทุ ธก์ ารตลาดของธรุ กิจตา่ ง ๆ เพือ่ ความได้เปรยี บ
ค่แู ข่งขนั
5.2 การวิเคราะห์พฤติกรรมผ้บู รโิ ภค
5.2.1 การตลาดสามารถทำความเข้าใจผ้บู ริโภคโดยอาศยั ประสบการณ์ในการขาย
สินคา้ แกล่ กู คา้ แตก่ ารเจริญเตบิ โตของบริษทั และตลาด ก่อให้เกิดการเปล่ยี นแปลงทท่ี ำให้นกั การ
ตลาดไม่ไดต้ ิดต่อค้าขายโดยตรงกบั ลูกค้านักการตลาดจงึ จำเปน็ ตอ้ งค้นหาหรอื วจิ ยั เก่ยี วกับพฤติกรรม
การซอื้ และการใช้ของผูบ้ ริโภคเพื่อทราบถงึ ลกั ษณะความต้องการ และพฤตกิ รรมการซ้ือของผูบ้ รโิ ภค
นกั การตลาดหาคำตอบใหก้ บั คำถามเกย่ี วกบั การตลาดโดยเกี่ยวข้องกบั 6WS และ 1H
5.3 กระบวนการพฤติกรรมผู้บริโภค
5.3.1 พฤติกรรมจะเกดิ ข้ึนได้ตอ้ งมีสาเหตุทำให้เกดิ (Behavior is caused) คอื
การทีค่ นเราจะแสดงพฤติกรรมอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดออกมาจะต้องมีสาเหตุทำใหเ้ กิดและส่ิงซ่ึงเป็นสาเหตุ
กค็ ือ ความต้องการที่เกิดข้นึ ในตวั มนษุ ยน์ ั่นเอง
5.3.2 พฤติกรรมจะเกดิ ขน้ึ ได้จะตอ้ งมสี ิง่ จูงใจหรือแรงกระตุ้น (Behavior is
Motivated) เมื่อคนเรามีความตอ้ งการเกิดขึ้นแลว้ คนเรากป็ รารถนาทจ่ี ะบรรลุถงึ ความตอ้ งการ
พ้ืนฐานจนกลายเป็นแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจ (Motivation) ใหบ้ ุคคลแสดงพฤติกรรมตา่ ง ๆ เพ่ือ
ตอบสนองความต้องการที่เกดิ ขน้ึ
5.3.3 พฤตกิ รรมทเี่ กิดขน้ึ ยอ่ มม่งุ ไปสู่เป้าหมาย (Behavior is Goal Directed)
การทค่ี นเราแสดงพฤตกิ รรมอะไรกแ็ ลว้ แตอ่ อกมานนั้ มิได้กระทำไปอยา่ งเล่ือนลอยโดยปราศจาก
จดุ มงุ่ หมายหรอื ไรท้ ิศทาง ตรงกนั ขา้ มกลับมีจดุ มงุ่ หมายหรือเปา้ หมายทีจ่ ะใหบ้ รรลุผลสำเร็จตาม
ความต้องการของตน
โมเดลพฤติกรรมผบู้ ริโภค
Kotler (2003) โมเดลพฤตกิ รรมผู้บรโิ ภค คือ แบบจำลองพฤตกิ รรมของผ้บู รโิ ภค S-R
Model เพอ่ื ใช้ศึกษาถึงสาเหตุจูงใจทีท่ ำให้มีการตัดสินใจเลอื กซื้อสนิ คา้ เริม่ ตน้ จากสิ่งเร้าทมี่ ากระตุ้น
(Stimulus) จนเกดิ ความปรารถนาข้นึ และสง่ิ เร้าท่ีมากระตุ้นความร้สู กึ ของผู้บรโิ ภค (Buyer's Black
Box) นัน้ ผผู้ ลิตไม่สามารถคาดการณล์ ่วงหนา้ ได้เลยวา่ ผู้บริโภคได้รบั อิทธิพลจากลกั ษณะทีต่ า่ งกนั
(Buyer's Characteristics) ถงึ มีการตอบสนองเกิดขึ้น (Buyer's Response) และการตัดสนิ ใจ
12
6. แนวความคดิ การพัฒนาบรรจภุ ณั ฑ์
บรรจุภณั ฑถ์ ือวา่ เป็นสว่ นสำคัญทีช่ ่วยเพิม่ มูลค้ำาใหก้ ับสินค้ำาและสง่ เสริมภาพลกั ษณใ์ ห้แก่
สนิ คา้ โดยมีนักวิชาการและผู้เช่ียวชาญได้ใหค้ ำจำกัดความของคำวา่ บรรจุภัณฑ์ (Packaging) ไว้
หลากหลายดังนี้
บรรจุภัณฑห์ มายถึง กิจกรรมต่างๆที่เกิดขน้ึ ตลอดกระบวนการตลาดในการใชว้ ัสดุ
ชนิดใดชนดิ หน่งึ มาสร้างสรรค์ภาชนะบรรจหุ รือหีบหอ่ ให้กับผลติ ภณั ฑ์ เพื่อปกป้องความเสียหาย
ของผลติ ภัณฑ์รักษาคุณภาพเกิดความสะดวกในการใชส้ อย สะดวกในการขนส่งและเพื่อการ
สอ่ื สารตา่ งๆและการตลาดโดยมคี า่ ใชจ้ ่ายที่เหมาะสมโดยการใชท้ งั้ ศาสตรศ์ ลิ ปะและเทคโนโลยี
รว่ มกัน
บรรจุภณั ฑ์ หมายถงึ วสั ดหุ ่อหุม้ หรือปกป้องสินค้า ให้มีคุณลักษณะและคณุ สมบัติ
เหมือนเดิมมากท่ีสุด โดยเรม่ิ จากแหล่งผลติ ไปจนถึงผบู้ ริโภค อกี ทัง้ ยังมีหน้าท่ีใหข้ ้อมูลสินค้าและ
นำเสนอสนิ คา้ ให้สวยงามเพ่ือดึงดดู ผ้บู ริโภค
บรรจุภณั ฑ์ แตเ่ ดิมมีไว้เพื่อปกปอ้ ง หรือบรรจผุ ลิตภณั ฑ์ แต่ในปัจจบุ ันมีปจั จัยมากมายท่ี
ผลักคนั ให้บรรจุภัณฑท์ วีความสำคัญมากข้ึน จนกลายเปน็ เครือ่ งมือทางการตลาดทสี่ ำคัญ การ
เพ่มิ ขึ้นของคแู่ ข่งท้งั ในค้านของจำนวนและการแข่งขนั ทร่ี ุนแรง อกี ทัง้ แรงผลกั ดันในเร่อื งของ
ขนาดและจำนวน หรือลักษณะของช้ันวางของในห้างสรรพสนิ ค้า ล้วนเปน็ ปัจจัยที่ทำให้เกดิ การ
พฒั นาหีบหอ่ บรรจุภณั ฑท์ ีช่ ่วยในงานขายมากขึน้ ตั้งแต่การกระตุน้ ความสนใจจากลกู ค้า การ
อธิบายสนิ คา้ หรือจนกระท่ังความสะดวกในการขาย การออกแบบท่ีดจี ะทำให้เกิดประโยชนเ์ หนือ
ค่แู ขง่ ขันและเพม่ิ ปริมาณการขายได้
โดยสรปุ แล้วบรรจุภัณฑ์ หมายถงึ การนำวัสดตุ า่ งๆ มาสรา้ งสรรคภ์ าชนะบรรจุใหก้ บั
ผลติ ภัณฑ์ ทำหน้าทีร่ กั ษาสภาพสนิ ค้ ใหค้ งอย่ใู นสภาพที่ดี ปอ้ งกนั ค้มุ ครองสนิ ค้าที่อยภู่ ายในจาก
ความเสียหาย เกิดความสะดวกในการใชส้ อย มีความปลอดภัยในการขนสง่ ไปยังผบู้ รโิ ภคสดุ ทา้ ย
ประเภทของบรรจภุ ณั ฑ์
การแยกประเภทของบรรจุภัณฑ์ สามารถจำแนกไดห้ ลายประเภทตามจดมุ่งหมายของบรรจุ
ภณั ฑค์ ังน้ี
6.1 การจำแนกประเภทบรรจภุ ณั ฑต์ ามลกั ษณะการใชง้ าน
6.1.1 บรรจุภัณฑ์ปฐมภูมิ (Primary or Individual Packaging) คือ บรรจุภณั ฑ์ชน้ื ใน
สุดทีส่ ัมผสั กบั สนิ ค้าโดขตรง มคี ุณสมบัติถนอมและรกั ษาผลติ ภณั ฑใ์ หค้ งกณุ ภาพเดิมจาก
แหล่งผลติ ใหไ้ ด้มากที่สดุ จนถึงผ้ใู ชว้ ัสดุที่ใช้จงึ ทนความรอ้ น ทนไขมัน ไมท่ ำปฏิกิรยิ ากบั
สนิ คา้ เช่น ซองน้ำตาล ขวดแชมพู ขวดน้ำมันพชื ซองขนม กระปุกครีมถนอมผวิ เปน็ ตน้
13
6.1.2 บรรจภุ ณั ฑท์ ุติขภมู ิ (Secondary or inner Packaging) คือ บรรจภุ ัณฑช์ น้ั ท่ี
สองทห่ี ่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ช้ันแรกไม่ได้สมั ผัสกบั สนิ ค้าโดขตรง มีคุณสมบตั ปิ ้องกันสินคา้ ให้ดู
แขง็ แรงย่ิงขนึ้ รวมถึงเพื่อการจำหนา่ ย การจัดวางเรียงบนชั้นสนิ ค้า การให้ข้อมลู สนิ ค้า และ
การใช้งานบนบรรจุภณั ฑ์ บรรจภุ ณั ฑ์ช้นั นจ้ี ึงถกู ออกแบบให้มคี วามสวยงามเพื่อใหล้ ูกค้า
ตดั สนิ ใจซื้อ เช่น กล่องใสผ่ ลติ ภณั ฑส์ ปา กล่องใส่สบู่ กลอ่ งใสผ่ ลิตภณั ฑอ์ าหารและยา เป็น
ตน้
6.1.3 บรรจภุ ณั ฑ์ตติยภูมิ (Tertiary or Outer Packaging) คือ บรรจภุ ณั ฑท์ ่ีอยู่
ภายนอกสุดของสนิ ค้า ทำหน้าท่หี อ่ หมุ้ บรรจุภัณฑ์ช้ันในทั้งหมด เพือ่ การขนสง่ สนิ คา้ บรรจุ
ภัณฑ์ช้นั นจ้ี งึ ได้รับการออกแบบใหม้ คี วามแข็งแรงและประหชัดเน้ือทใ่ี นการขนส่ง สามารถ
จำแนกลกั ษณะบรรจุภณั ฑ์ติยภมู ไิ ด้ ดังนี้
6.1.3.1 บรรจุภัณฑจ์ ากโรงงานถงึ โรงงาน เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ท่ใี ช้ขนสงสนิ ค้า
ระหวา่ งโรงงานผลติ ดว้ ยกนั เอง เช่น ลงั บรรจุปลาหรอื พริก ทเ่ี ป็นวัตถดุ ิบนำ้ สง่ โรงงานผลิตปลา
กระป้องเปน็ ต้น
6.1.3.2 บรรจภุ ัณฑ์จากแหล่งผลติ ถงึ แหลง่ ขายปลีก เปน็ บรรจภุ ณั ฑ์ขนส่งสินคา้
จากโรงงานผลิตสู่รา้ นคำ้ เน้นการป้องกนั สนิ คา้ ไมใ่ ห้สนิ คา้ เสียหาย จึงมกั ทำด้วยกระดาบลกู ฟูกที่
แขง็ แรงมีขนาดเหมาะสมต่อการจัดรียงใน ตู้ขนส่งสินค้า (Container)
6.1.3.3 บรรจุภัณฑ์จากแหล่งขายปลกี ถึงผ้บู ริโภคเป็นบรรจุภัณฑท์ ข่ี นสง่ สนิ ค้า
ย่อย
จากร้านคา้ ส่ผู ู้ซ้ือ เนน้ ความสะดวกในการถือสนิ ค้าเป็นหลกั ในขณะเดยี วกันยงั สามารถช่วยในการ
ประชาสัมพันธ์สนิ คา้ และชว่ ยรณรงค์ทางสังคมและสงิ่ แวดลอ้ มอีกดว้ ย
6.2 การจำแนกประเภทบรรจภุ ณั ฑต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ของการใชง้ าน
6.2.1 บรรจุภณั ฑเ์ พือ่ การขายปลีก (Consumer Package) เปน็ บรรจภุ ัณฑท์ ่ีผบู้ รโิ ภค
ซ้ือไปใช้ อาจมชี ั้นเดียวหรอื หลายชัน้ กไ็ ด้
6.2.2 บรรจุภณั ฑเ์ พ่อื การขนสง่ (Shopping หรอื Transportation) เปน็ บรรจุภณั ฑท์ ี่
ใชร้ องรบั หรอื ห่อหมุ้ บรรจภุ ัณฑช์ ้ันใน ทำหนา้ ทรี่ วบรวม เอาบรรจุภัณฑ์ขายปลกี เขา้
ด้วยกนั ให้เปนื หนว่ ยใหญ่ เพ่ือความปลอดภยั และความสะดวกในการเก็บรกั ษาและการ
ขนสง่ เชน่ กลอ่ งกระดายถูกฟูกท่ีไชบรรจุยาสฟี ัน กล่องละ 3 โหล เปน็ ต้น
14
6.3 การจำแนกประเภทบรรจภุ ัณฑ์ตามวิธีการบรรจุและวิธีการขนถา่ ยสนิ ค้า สามารถแบ่ง
ประเภทของภาชนะบรรจุ ออกเปน็ 3 ประเภท
6.3.1 บรรจภุ ัณฑบ์ รรจุเฉพาะหน่วย (Individual Package) คอื ภาชนะบรรจทุ ตี่ ้อง
สัมผัสกับสินค้าท่ีอยู่ภายในโดยตรง และถูกออกแบบให้มรี ูปร่างลกั ษณะตา่ งๆ เช่น รูปร่าง
แบบขวด แบบกระป้อง แบบหลอดแบบถงุ หรือแบบกลอ่ ง เป็นตน้ เพอ่ื ให้เหมาะแก่การ
จับถือ และอำนวยความสะดวกตอ่ การใชส้ ินคา้ ที่บรรจุอยู่ภายในภาชนะบรรจปุ ระเภทนี้
ตอ้ งทำหน้าทใ่ี หค้ วามปกป้องคมุ้ ครองสนิ คา้ ทบ่ี รรจอุ ยภู่ ายในด้วย
6.3.2 บรรจภุ ณั ฑบ์ รรจชุ ้นั ใน (Inner Package) คือ ภาชนะบรรจทุ ่ีอยู่ถดั ออกมาเปน็
ช้นั ท่สี อง มหี น้าทร่ี วบรวมภาชนะบรรจเุ ฉพาะหนว่ ยตง้ั แต่ 2 ชน้ิ ขน้ึ ไปเขา้ ไว้ดว้ ยกัน เพื่อ
ชว่ ยอำนวยความสะดวกในการจดั จำหน่ายสินคา้ ใหส้ ามารถจำหน่ายสนิ ค้าไดค้ รง้ั ละมาก
ข้นึ และอำนวยความสะดวกในการขนส่ง ตัวอย่างของภาชนะบรรจปุ ระเภทนี้ ได้แก่ กล่อง
กระดาษแข็งทบี่ รรจุเครื่องดื่มตัง้ แต่ 2 ขวดข้ึนไป ฟลิ ม์ หดรัดรูปสบู่ตง้ั แต่ 2 ก้อนขึน้ ไป เป็นต้น
6.3.3 บรรจุภัณฑบ์ รรจชุ ัน้ นอก (Outer Package) คอื ภาหนะบรรจุทใี่ ช้รวมหนว่ ย
สนิ ค้าขนาดใหญ่ ที่ใช้ในการขนส่ง โดยปกติผู้ซอ้ื สนิ คา้ รายย่อยจะไม่ไดเ้ ห็นภาชนะบรรจุ
ประเภทนมี้ ากนัก เน่ืองจากภาชนะบรรจปุ ระเกทน้ีมีหน้าท่ีหลกั ในการป้องกันสินค้าใน
ระหวา่ งการขนส่ง ลักษณะของภาชนะบรรจปุ ระเภทนไ้ี ดแ้ ก่ ลัง กล่องกระดาษลูกฟูกขนาด
ใหญ่ทีใ่ ช้สำหรบั บรรจุสินคา้ ไว้ภายในท่ผี นงั ค้านนอกของภาชนะบรรจุประเภทนี้ จะต้องใหข้ อ้ มูลที่
จำเปน็ ต่อการขนสง่ เช่น ตราสนิ คา้ รปู แสดงใหท้ ราบว่าสินคา้ อะไรท่ีบรรจุอยภู่ ายใน และเครื่องหมาย
ท่เี ก่ยี วข้องกับการขนสง่ เปน็ ต้น
ประโยชนข์ องบรรจุภณั ฑ์
1. การปอ้ งกนั (Protection) เช่น กนั นำ้ กนั ความช้นื กนั แสง กนั แก๊ส เมื่ออุณหภมู ิสูงหรือ
ตำ่ ด้านทานมิใหผ้ ลติ ภัณฑแ์ ปรสภาพไม่แต่ไม่ฉีกขาดงา่ ย ปกปอ้ งให้สินค้าอยู่ในสภาพใหม่สดอยใู่ น
สภาวะแวดลอ้ มของตลาดได้ในวงจรยาว โดยไมแ่ ปรสภาพขนานแทแ้ ละดัง้ เดิม
2. การจัดจำหนา่ ยและการกระจาย (Distribution) เหมาะสมต่อพฤตกิ รรมการซ้ือขาย
เอื้ออำนวยการแยกขาย สง่ ตอ่ การต้ังโชว์ การกระจาย การส่งเสรมิ จูงใจในตวั ทนต่อการขนย้าย
ขนสง่ และการคลงั สนิ ค้า ด้วยต้นทนุ สมเหตสุ มผล ไมเ่ กดิ รอยขูดขดี / ชำรดุ ตงั้ แตจ่ ดุ ผลติ และบรรจุ
จนถึงมอื ผซู้ ้ือ / ผใู้ ช้ / ผู้บริโภค ทนทานต่อการเก็บไว้นานได้
3. การสง่ เสริมการจำหน่าย (Promotion) เพ่ือยดึ พ้ืนทีแ่ สดงจุดเดน่ โชว์ตัวเองไดอ้ ยา่ ง
สะดุดตา สามารถระบุแจ้งเง่ือนไข แจง้ ข้อมูลเกยี่ วกบั การเสนอผลประโยชน์เพ่มิ เติมเพื่อจูงใจผบู้ ริโภค
15
เมอ่ื ต้องการจัดรายการเพื่อเสริมพลังการแข่งขนั กส็ ามารถเปลีย่ นแปลงและจดั ทำไดส้ ะดวก ควบคุม
ไดแ้ ละประหยัด
4. การบรรจภุ ณั ฑก์ ลมกลืนกับสินค้า และกรรมวิธีการบรรจุ (Packaging) เหมาะสมท้ังในแง่
การออกแบบ และเพ่อื ใหม้ ีโครงสร้างเข้ากับขบวนการบรรจุ และเอื้ออำนวยความสะดวกในการหว้ิ –
ถอื กลบั บ้าน ตลอดจนการใช้ไดก้ ับเคร่ืองมือการบรรจุทมี่ ีอยู่แลว้ หรือจดั หามาได้ ดว้ ยอตั ราความเร็ว
ในการผลิตทีต่ ้องการ ต้นทนุ การบรรจภุ ณั ฑ์ต่ำหรือสมเหตุสมผล สง่ เสรมิ จรรยาบรรณและรับผดิ ชอบ
ต่อสงั คม ไม่กอ่ ให้เกิดมลพิษและอยู่ในทำนองคลองธรรมถกู ตอ้ งตามกฎหมายและพระราชบัญญัติ
ตา่ งๆ
5. เพิม่ ยอดขาย เน่อื งจากในตลาดมสี ินคา้ และค่แู ขง่ เพม่ิ ขึ้นตลอดเวลา หากบรรจุภัณฑ์ของ
สนิ คา้ ใดได้รบั การออกแบบเป็นอย่างดี จะสามารถดึงดดู ตา ดงึ ดูดใจผบู้ รโิ ภคและก่อใหเ้ กิดการซอื้ ใน
ที่สดุ รวมทั้งการลดต้นทุนการผลิต
ลักษณะของบรรจภุ ัณฑ์ บรรจภุ ัณฑ์ มี 4 ลักษณะ คือ
1. การบรรจุภณั ฑข์ น้ั แรก (Primary packaging) การบรรจุภัณฑ์ขนั้ แรกนี้รวมถงึ การบรรจุ
ภัณฑเ์ ฉพาะหน่วย (Individualpackage) ไดแ้ ก่ สิง่ หอ่ หุ้มตัวผลิตภัณฑ์ หรือสนิ คา้ ท่ผี ลิตภัณฑ์เสร็จ
สน้ิ สมบรู ณแ์ ลว้ เปน็ การห่อหุ้มสนิ ค้า เพ่ือป้องกนั สนิ คา้ โดยตรงไม่ให้เสยี หาย เช่น ขวดยา หลอดยาสี
ฟัน กระดาษ ห่อขนม ขวด หรือกระปอ๋ ง
2. การบรรจุภณั ฑ์ขัน้ ท่สี อง (Secondary packaging) ได้แก่ สิ่งท่ีหอ่ หุ้มบรรจุภัณฑข์ ั้นแรก
เพอ่ื ทำหน้าที่ ป้องกันสินคา้ มใิ ห้เสยี หายรวมท้ังมหี นา้ ทดี่ ึงดูดความสนใจของผูบ้ รโิ ภค เช่น กลอ่ งใส่
ขวดยา กลอ่ งยาสีฟัน ถุงใส่ขนมท่หี ่อด้วยกระดาษหรอื พลาสตกิ ฯลฯ
3. การบรรจภุ ณั ฑ์ เพื่อการขนสง่ (Shipping packaging) ได้แก่ การบรรจุภัณฑ์ เพอ่ื เก็บ
รักษาและขนส่งสนิ คา้ เชน่ ลงั ขนาดตา่ งๆ
4. บรรจภุ ัณฑ์ เพอื่ การขายปลีก (Consummer Packaing) เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ทผี่ ผู้ ลติ สินค้า
สามารถออกแบบบรรจุภณั ฑ์กระตนุ้ การซอื้ ในลักษณะบรรจุภณั ฑเ์ ฉพาะหน่วย หรือบรรจภุ ณั ฑ์ชนั้ ใน
บรรจภุ ัณฑเ์ พื่อการขนสง่ รวมกันอยู่ เพื่อเพม่ิ คณุ ค่าสนิ คา้ แรงจูงใจ ให้ผู้พบเหน็ ตัดสนิ ใจซ้ือได้รวดเร็ว
ขนึ้
หลักการออกแบบของบรรจุภณั ฑ์
ในการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ นักออกแบบตอ้ งคำนงึ ถึงศาสตร์และศิลป์สำหรบั ใชแ้ ก้ปัญหาการ
ออกแบบบรรจุภณั ฑ์แต่ละด้านให้เกิดผลลพั ธ์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ท่มี ีประสิทธิภาพ ในการบรรลุ
วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของบรรจุภณั ฑ์สองขอ้ คือ การออกแบบโครงสร้างบรรจภุ ัณฑ์ และการออกแบบ
กราฟิกบรรจภุ ัณฑ์ ที่ล้วนมีรายละเอยี ดที่ตอ้ งคำนึงทฤษฎีและหลกั การที่เก่ียวข้อง
16
ข้อกำหนดในการออกแบบโครงการบรรจภุ ัณฑ์
- ชนิดของวัสดมุ คี วามเหมาะสม ปอ้ งกนั สนิ ค้าไดต้ ลอดอายุการวางขาย
- รูปแบบกลมกลืนสอดคลอ้ งกบั สินคา้
- ขนาดพอดีและสามารถรับน้ำหนักสนิ ค้าได้
- การขึ้นรูป การบรรจุ เปิด-ปดิ สะดวก ไมย่ ุง่ ยาก
การออกแบบกราฟฟิคบนบรรจุภณั ฑ์
การออกแบบและการจดั วางรูปประกอบตวั อักษร ลวดลาย ถอ้ ยคำ เครือ่ งหมายหรอื ตรา
สัญลักษณ์ทางการคา้ โดยใชห้ ลกั วิชาการทางศิลปะ การจัดภาพองคป์ ระกอบศลิ ปเ์ พื่อใหผ้ ลงานมี
ความประสานกลมกลืนกนั อย่างสวยงามและสามารถบรรลุวัตถปุ ระสงค์ทีว่ างไว้
ข้อมูลประกอบการออกแบบบรรจุภณั ฑ์
- ข้อมูลด้านการตลาด ไดแ้ ก่ สถานทจ่ี ัดจำหนา่ ย ฤดูกาล
- รูปแบบการกระจายสนิ คา้ (ปลกี /สง่ ) พฤติกรรมผู้บริโภค
- ปรมิ าณและมูลคา่ ของสินค้าในตลาด (ส่วนแบง่ ทางการตลาด )
- ข้อมูลเกยี่ วกบั ผลติ ภัณฑ์ ได้แก่ ประวตั คิ วามเปน็ มา
- คำอธิบาย จดุ เด่น ประโยชน์ ขนาดปรมิ าณบรรจุ ความถ่ี/ปรมิ าณการใช้ทีใ่ ชต้ อ่ ครั้ง ราคา
และต้นทนุ ข้อควรระวัง
ข้นั ตอนการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์
1. กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ถือเปน็ เร่ืองสำคญั ของการออกแบบบรรจุภณั ฑเ์ พราะ
กลุ่มเปา้ หมายสามารถสง่ ผลกระทบต่อผลิตภณั ฑ์ไดโ้ ดยตรง ผู้ประกอบการจะตอ้ งศึกษาและเรียนรู้
ความต้องการของตลาดและความต้องการของผ้บู ริโภค โดยกำหนดกลมุ่ เป้าหมายใหช้ ัดเจน เพอ่ื ทจี่ ะ
ได้สามารถออกแบบบรรจุภณั ฑ์ใหต้ รงต่อความต้องการของกลมุ่ เปา้ หมายใหม้ ากท่ีสุด ตัวอยา่ ง
กลุ่มเป้าหมาย เชน่ วัยร่นุ วัยทำงาน แม่บา้ น เด็ก ฯลฯ เป็นต้น
กลมุ่ เป้าหมายท่ีไดย้ กตัวอยา่ งน้ี นอกจากจะมีความสนใจและความต้องการทีแ่ ตกต่างกันแลว้
กลุ่มเป้าหมายเดียวกันแต่ชว่ งอายุต่างกนั และมีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน กย็ ่อมมคี วามต้องการ
แตกต่างกันดว้ ยเช่นกนั ซ่ึงทำให้ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ก็ต้องมีความแตกต่างกนั ไปตาม
กลมุ่ เปา้ หมายนั้นๆ หรือบางครง้ั ผลิตภณั ฑ์บางอย่างผลิตขึ้นมาเพื่อผู้บรโิ ภคกลุ่มหนึง่ แต่ผู้บริโภคอีก
กลุ่มหน่ึงกลับเปน็ ผเู้ ลือกและตัดสนิ ใจซ้ือ เชน่ อาหารเสรมิ สำหรับเด็กหรอื นมผงสำหรับทารก จะเห็น
ได้วา่ ผลติ ภณั ฑเ์ หลา่ นี้ ทารกและเด็กมิได้เปน็ ผูเ้ ลอื กซื้อ แต่ผู้เลอื กและตัดสินใจซื้อกลับเป็นผูป้ กครอง
ซึ่งเปน็ สงิ่ ทแ่ี สดงให้เห็นว่าก่อนการออกแบบบรรจุภัณฑผ์ ู้ประกอบการจำเปน็ ตอ้ งกำหนด
กลมุ่ เปา้ หมาย เพ่ือทำการศกึ ษาความต้องการของกลมุ่ เป้าหมายอยา่ งละเอยี ดรอบครอบ และคน้ หา
17
วธิ ีว่าจะออกแบบอย่างไรใหบ้ รรจุภณั ฑข์ องท่านสามารถดงึ ดูดความสนใจของผ้บู ริโภคตาม
กลุ่มเป้าหมายใหต้ ดั สนิ ใจเลือกซื้อผลิตภัณฑข์ องท่าน
2. กำหนดชอื่ ตราสินค้า (Brand) ตราสินคา้ ใช้เปน็ ชอื่ หรือเคร่อื งหมายสำหรบั การเรียกขาน
ผลติ ภัณฑ์ ผปู้ ระกอบการจะต้องทำการกำหนดชอื่ ตราสนิ คา้ ใหเ้ รียบรอ้ ยก่อนการออกแบบบรรจุ
ภณั ฑ์ โดยกำหนดให้ช่อื ตราสินค้ามีความเปน็ เอกลักษณ์ ชัดเจน น่าสนใจ ทส่ี ำคัญจะต้องเปน็ ที่จดจำ
ได้ง่ายแกผ่ บู้ รโิ ภคตราสนิ คา้ ท่ีดีนัน้ สามารถยกตัวอย่างไดด้ ังน้ี คือตั้งตามช่ือเจ้าของกิจการ ตงั้ ตาม
ความเชอ่ื อันเปน็ มงคล ต้งั ตามแหล่งท่ีมาของผลิตภัณฑ์ หรือตงั้ โดยการผสมคำทม่ี ีความหมายให้เกิด
เป็นคำใหม่ท่ีมีเอกลกั ษณ์ ฯลฯ เปน็ ต้น
ลกั ษณะทด่ี ีของตราสินคา้ ท่ดี ี
- สน้ั กะทดั รัด จดจำไดง้ ่าย ออกเสยี งได้งา่ ยมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณเ์ ฉพาะตัว
- แปลเปน็ ภาษาตา่ งประเทศไดง้ ่ายมีความหมายทเี่ หมาะสม
- สามารถบอกถงึ คุณสมบตั ทิ ี่สำคญั ของผลติ ภณั ฑ์
- สอดคล้องกับคา่ นิยมและวัฒนาธรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถนำไปจดทะเบียน
การคา้ ได้ต้องไมซ่ ้ำกับของเดมิ ทีม่ อี ยู่
3. วสั ดุทีใ่ ชท้ ำบรรจุภณั ฑ์ วัสดมุ คี วามจำเปน็ อยา่ งย่ิงต่อการออกแบบบรรจุภณั ฑ์ การที่
ผ้ปู ระกอบการตดั สินใจว่าจะใชว้ สั ดอุ ะไรมาผลติ เปน็ บรรจุภัณฑน์ ั้น ทา่ นควรคำนึงถงึ ความปลอดภัย
ของผู้บริโภค ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สง่ิ แวดล้อม และคุณสมบัติของวัสดแุ ตล่ ะประเภท ทจี่ ะนำมาผลติ
บรรจภุ ัณฑเ์ ป็นสำคัญ เนอื่ งวสั ดุแต่ละชนิดแต่ละชนดิ จะมีคณุ สมบตั ทิ ่ีเปน็ ข้อดีและข้อเสีย ในการ
คมุ้ ครองผลติ ภัณฑใ์ ห้คงคุณภาพ การยืดอายผุ ลิตภัณฑ์ และการนำกลบั มาใชใ้ หม่(Recycle) ที่
แตกตา่ งกนั ไป หากทา่ นเลือกใช้วัสดุไม่ถูกต้องนอกจากจะทำให้เกดิ ผลกระทบต่อตวั ผลิตภณั ฑ์
ผู้บริโภคและสง่ิ แวดล้อมแล้ว ยังเปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ ตน้ ทนุ ในการผลติ บรรจภุ ัณฑ์ที่เพิม่ ข้ึนอกี ด้วย
4. รปู ทรง บรรจภุ ณั ฑ์ ทีม่ ีรูปรา่ งสวยงาม สามารถสร้างความประทบั ใจใหก้ ับผ้บู ริโภค ถึงแม้
ผู้บริโภคจะยงั มไิ ดส้ มั ผสั กับตัวผลิตภณั ฑ์ทอ่ี ยภู่ ายใน รูปทรงของบรรจุภณั ฑส์ ามารถสร้างความเป็น
เอกลกั ษณ์ได้ กล่าวคือเมื่อผบู้ รโิ ภคเหน็ รูปทรงสามารถรับรู้ไดท้ ันทีว่าเป็นผลิตภัณฑ์อะไรและมชี ือ่ ตรา
สินคา้ อะไร หรอื จะเปน็ ผลติ ภณั ฑเ์ ดียวแตกต่างกันท่ชี ือ่ ตราสินคา้
5. สสี นั และกราฟฟคิ สสี นั และกราฟฟิคนี้คือการรวมของการใชส้ ัญลักษณ์ ตวั อกั ษร
ภาพประกอบ ลวดลายและพ้ืนผวิ ซึ่งสว่ นประกอบท้งั หมดสามารถบง่ บอกถงึ ช่ือตราสินค้า ลกั ษณะ
ผลติ ภณั ฑ์ ทบี่ รรจอุ ยภู่ ายในไดแ้ ละสามารถแสดงถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ดว้ ย
18
7. แนวคิดของหลักการบญั ชตี ้นทุน
การบัญชีต้นทนุ (Cost Accounting) จดั เปน็ วิธกี ารทางบัญชที ี่ทำหนา้ ท่รี วบรวมข้อมลู
ทางดา้ นตน้ ทนุ ของธุรกิจ ประเภทอตุ สาหกรรม โดยมวี ัตถุประสงค์พื้นฐานในการจัดทำรายงาน
ทางการเงนิ ตลอดจนวเิ คราะห์ และจำแนกข้อมลู เพ่ือใชใ้ นการบรหิ ารต้นทนุ (Cost Management)
ตามความต้องการของผ้บู รหิ าร ในปจั จบุ นั นไ้ี มใ่ ช่แต่กจิ ประเภทอุตสาหกรรมเท่านนั้ ทจ่ี ะต้องใช้
วิธีการทางบัญชีหรือข้อมูลของบัญชตี น้ ทนุ แตย่ งั มีธรุ กิจอกี หลายประเภท เชน่ โรงแรม โรงพยาบาล
โรงเรียน มหาวิทยาลัย ธนาคาร บริษทั เงนิ ทนุ บรษิ ัทสายการบนิ และกิจการอ่ืน ๆ อีกมากมายที่ไดม้ ี
การนำวิธกี ารบญั ชตี น้ ทนุ ไปประยุกต์ใชเ้ พ่อื การตัดสินใจของผบู้ รหิ าร อยา่ งไรก็ตามวตั ถุประสงค์ท่ี
สำคญั ของข้อมูลทางบญั ชีต้นทนุ พอสรุปไดด้ งั นี้
1.1 เพื่อให้ทราบถงึ ตน้ ทนุ การผลติ ตลอดจนตน้ ทุนขาย (Cost of goods sold) ประจำงวด
ซง่ึ จะนำไปหักออกจากรายได้ในงบกำไรขาดทนุ เพ่ือะชว่ ยใหผ้ บู้ ริหารไดท้ ราบผลการดำเนินงานของ
กิจการว่ามีผลกำไรหรือขาดทุนอยา่ งไร
1.2 เพอ่ื ใช้ในการตีราคาสินค้าคงเหลือ (Inventory Evaluation) ในธุรกจิ อตุ สาหกรรม
สนิ ค้าคงเหลือท่ีจะปรากฏในงบดุลจะประกอบด้วย วตั ถุดิบ งานระหว่างผลติ และสนิ ค้าสำเร็จรูป ซ่งึ
การแสดงมลู ค่าของสินค้าคงเหลือเหลา่ นไี้ ด้อยา่ งถูกต้อง หรือใกล้เคียงความเปน็ จริงมากทส่ี ุด
จำเป็นตอ้ งอาศยั วิธีการทางบัญชีต้นทนุ ทมี่ ีประสทิ ธิภาพ
1.3 เพอื่ ให้ขอ้ มลู เก่ยี วกบั การตดั สนิ ใจวางแผนและควบคุม (Planning and Control) ซ่งึ จะ
ชว่ ยให้ผ้บู รหิ ารสามารถดำเนินธุรกจิ ไปอยา่ งมแี บบแผน และบรรลุเป้าหมายตามความต้องการของ
ธุรกจิ ในท่ีสุด นอกจากนข้ี ้อมูลทางบัญชตี น้ ทนุ ยังชว่ ยใหผ้ ้บู รหิ ารได้ทราบถึงความผดิ พลาดหรอื
จดุ บกพร่องในการดำเนินธุรกิจ เพ่อื หาทางกำหนดวิธกี ารปฏิบัตเิ พ่ือแกไ้ ขเหตกุ ารณ์ที่ไม่พึงประสงคไ์ ด้
อย่างทนั ทว่ งที
1.4 เพื่อใชเ้ ป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ปญั หาเพ่อื ตดั สนิ ใจ(Decision Making) ทั้งนใ้ี นการ
ดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารมกั จะต้องประสบปัญหาทจี่ ะตอ้ งทำการแกไ้ ขอยูต่ ลอดเวลา ไมว่ ่าจะเป็นปญั หา
ในระยะสน้ั หรือปัญหาที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวก็ตาม เช่น การตัดสนิ ใจเก่ยี วกับการรับใบส่ังซ้อื
พเิ ศษ การปดิ โรงงานชั่วคราว การเพมิ่ – ลดรายการผลติ การตั้งราคาสินค้า การวิเคราะหก์ ำไร การ
กำหนดกลยทุ ธใ์ นการประมลู งาน เปน็ ต้น
ตน้ ทุนเป็นมูลคา่ ของทรพั ยากรทใี่ ชใ้ นการผลิตหรอื การให้บรกิ าร เปน็ สว่ นที่เรยี กวา่ มูลคา่ ของ
ปจั จยั เขา้ (Input Value) ของระบบ ต้นทุนจงึ เป็นเงนิ สดหรอื ค่าใชจ้ ่ายในรปู แบบอน่ื ทจี่ ่ายไปเพ่ือให้
ไดม้ าซ่ึงบรกิ ารหรือผลผลติ ในทางธุรกจิ
19
ต้นทุน ค่าใชจ้ า่ ย และความสูญเสยี โดยแท้จริงเปน็ ส่ิงเดยี วกัน แต่จะมีความหมายที่แตกตา่ ง
กนั ในด้านความหมายในการใช้งาน ต้นทุนและความสญู เสียต่างกเ็ ป็นค่าใชจ้ ่ายทง้ั ส้ิน คา่ ใชจ้ า่ ยไมว่ า่
จะอยใู่ นรูปแบบของเงินสดหรือส่งิ แลกเปล่ียนใดๆ ยอ่ มถือไดว้ า่ เป็นสิง่ ทจี่ ่ายไปเพอื่ ให้ได้ผลผลติ
คา่ ใช้จ่าย (Expense) หมายถึง ต้นทุนในการให้ได้รายไดส้ ำหรับช่วงระยะเวลาใดๆ เชน่ เงินเดอื นใน
สำนกั งาน ค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินหรือสิ่งแลกเปลี่ยนทจี่ ่ายไปเพ่ือใชใ้ นการบรกิ ารซ่ึงตัดลดทอนจาก
ส่วนใฃรายได้ในงวดบญั ชใี ดๆ จงึ มกั จะใชใ้ นดา้ นรายไดท้ างการเงนิ มากกว่าใช้ในระบบบญั ชีทรัพย์สนิ
ต้นทนุ (Cost) หมายถงึ ค่าใช้จา่ ยท่จี า่ ยไปสำหรับปัจจัยทางการผลติ เพื่อใหเ้ กิดผลผลิต
ต้นทุนจงึ เปน็ ส่วนทใี่ ช้สำหรบั นยิ าม อตั ราผลิตภาพหรือผลิตภาพ (Productivity) ซ่ึงเท่ากบั ผลผลติ
(Output) หารดว้ ยปจั จยั นำเข้า (Input) ตน้ ทนุ จงึ เป็นมลู ค่าทว่ี ดั ไดใ้ นเชิงเศรษฐศาสตร์ของทรัพยากร
ที่ใช้ และต้นทุนมีลกั ษณะทีใ่ ช้จา่ ยไปเพื่อให้ได้ผลติ ภณั ฑห์ รือการบริการท่ีถือเปน็ สินทรัพย์ได้ เช่น คง
คลังของวัสดุ งานระหว่างทำ และสินคา้ สำเรจ็ รปู ต้นทุน (Cost) กับ ความสูญเสยี (Lost) ความจริง
แล้วมคี วามหมายในเชิงเป็นค่าใชจ้ า่ ยทง้ั ค่เู หมือนกนั แต่ถ้าจะพิจารณาความแตกตา่ งของความหมาย
พอจะสรุปง่ายๆ ไดด้ ังน้ี
ต้นทุน คอื ค่าใชจ้ ่ายท่ีจ่ายไปแลว้ เกิดผลผลติ หรอื บรกิ ารทีเ่ ปน็ สินทรพั ย์ ต้นทนุ คือ ข้อมูล
ทางบัญชี เพื่อใชใ้ นการวางแผนและควบคุมการดำเนนิ งาน ในด้านการวางแผน ข้อมูลต้นทุนทีไ่ ด้จะ
ช่วยในการทำงบประมาณและประมาณการต้นทุนการผลิต กำหนดราคาขาย ประมาณการผลกำไร
และใช้ในการตัดสนิ ใจการลงทนุ และการขยายงาน ในดา้ นการควบคุม จะใช้ในการเปรยี บเทียบผล
การดำเนินงานกบั งบประมาณตน้ ทนุ ท่ีกำหนดไว้เพ่ือช่วยให้ฝ่ายบริหารรบั รถู้ ึงการปฏบิ ัตทิ ี่ไม่มี
ประสทิ ธภิ าพเมื่อสน้ิ รอบระยะเวลาบญั ชี
ความสูญเสีย คอื ค่าใชจ้ า่ ยท่ีจ่ายไปแลว้ เกิดผลได้น้อยกวา่ หรือคา่ เสียหายท่ตี ้องจา่ ยโดยไม่มี
ผลตอบแทน และเปน็ คา่ ใชจ้ ่ายท่ีถูกตัดออกจากส่วนของผู้ถือหนุ้ มากกวา่ ท่ีจะหักจากส่วนของการ
ลงทนุ ความสูญเสยี ที่เกิดข้ึนได้จากการตัดสนิ ใจท่ีผดิ พลาดหรอื เกิดจากสง่ิ ผดิ ปกติตามธรรมชาติ เช่น
ไฟไหม้ ตึกถล่ม เปน็ ตน้ ทุนกับความสูญเสยี เป็นสง่ิ เดยี วกัน เพยี งแต่มีเส้นแบ่งเขตซ่ึงทำให้ตนทนุ
กลายเปน็ ความสูญเสียเม่ือผลได้นอ้ ยกวา่ คา่ ใช้จา่ ย เมื่อปรับคา่ ใชจ้ ่ายให้เกดิ ผลประโยชน์มากขึน้ ทำให้
สรา้ งผลไดม้ ากกวา่ ความสญู เสียจะกลายเป็นต้นทนุ ไป การเพ่ิมข้นึ ของคา่ ใชจ้ า่ ยในเชิงต้นทนุ จึงเป็นสิ่ง
ท่ไี มน่ ่ากงั วลเนือ่ งจากจะไดผ้ ลประโยชน์เพ่ิมขึ้น ในขณะเดียวกนั ถ้าสามารถลดคา่ ใชจ้ ่ายซึง่ เป็นต้นทนุ
ลงไดโ้ ดยผลผลิตเทา่ เดิมหรอื มากกว่าก็จะเปน็ การดี แนวคิดตรงน้คี งจะสามารถชว่ ยให้ผู้บรหิ ารเลิก
กงั วลต่อตน้ ทุนและกงั วลต่อความสญู เสียมากกว่า
20
8. แนวคดิ ในการวดั ผลกำไร
แนวคดิ การวดั ผลกำไร แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ แนวคดิ ทางการบัญชีและแนวคอด
ทางเศรษฐศาสตร์
8.1 แนวคิดในการวัดผลกำไร-แนวคดิ ทางการบญั ชี การวดั ผลกำไรทางบัญชี คอื ผลตา่ ง
ระหว่างรายได้ท่เี กิดขึ้นในงวดบัญชตี ้นทุนกับค่าใชจ้ า่ ยท่ีเกี่ยวข้องทงั้ หมด ซึ่งเป็นผลมาจาก
- ขอ้ สมมุติฐานทางการบัญชี เช่น หลักการที่เกิดขึน้ ของรายได้ หลักราคาทนุ หลักการจบั คู่
รายได้กับค่าใชจ้ า่ ยหลักรอบระยะเวลา
- รายการและเหตุการณท์ างการบัญชที เ่ี กิดข้นึ แลว้ ตามเกณฑค์ งคา้ งและดำเนนิ งานต่อเนื่อง
วธิ ีวัดผลกำไรทางบัญชี มี 2 ประเภท ดงั นี้
8.1.1 การวัดผลกำไรจากรายการเละเหตุการณ์ทางบัญชเี ป็นรายการที่เกดิ ขึ้นแล้ว เช่น
การกู้ยมื เงนิ การซื้อสินคา้ การขายสนิ ค้า เปน็ ต้น ข้อดีของแนวคดิ น้ี คอื กิจการสามารถแสดง
รายละเอยี ดของกำไรไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ กำไรตามประเภทสินคา้ กำไรตามประเภทลูกค้า เปน็ ต้น
กิจการสามารถแสดงกำไรตามเหตกุ ารณ์เกดิ ของกำไร เช่น กำไรจากการดำเนนิ งาน กำไรจากการ
ลงทนุ กำไรจากการขายสินค้า
8.1.2 การวัดผลกำไรจากกจิ กรรม จะวดั กำไรโดยพจิ ารณาจากกจิ กรรมในการ
ดำเนินงาน เชน่ ผลิต ขาย เป็นตน้ ดงั นั้นกำไรจึงเกิดขน้ึ จากการรายงานความสำเรจ็ ไม่ใช่รายงาน
การคาดคะเน เช่น การวัดกำไรจากกิจกรรมการผลิต กจิ การจึงใหค้ วามสนใจในกิจกรรมทีเ่ กิดข้นึ โดย
ไมส่ นใจการเปลย่ี นแปลงมูลค่า ข้อดขี องแนวคิดน้ี คือ กิจการสามารถวดั กำไรตามวตั ถปุ ระสงคข์ อง
การดำเนินงาน และผ้บู รหิ ารสามารถวดั ประสทิ ธิภาพในการดำเนินงานของแตล่ ะกิจกรรมได้
8.2 แนวคิดในการวัดผลกำไร-แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ กำไรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง
การบริโภคและการออม การออม หมายถงึ ทุนทีเ่ พิ่มข้ึน ดังนั้น กำไรทางเศรษฐศาสตรจ์ ึงเปน็ สมการ
ได้ดงั น้ี
Ye = C+S=C+ (Kt-Kt-1)
Ye = กำไรทางเศรษฐศาสตร์
C = การบริโภค(Consumption)
S = การออม (Saving)
K t = ทนุ ณ วันปลายงวด
K t-1 = ทนุ ณ วนั ตน้ งวด
21
กำไรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถงึ จำนวนทีส่ ามารถบริโภคได้ โดยไม่กระทบทนุ กจิ การ
สามารถรกั ษาระดับทนุ ได้หากจำนวนทกุ วนั สิน้ งวดเทา่ กับเมอื่ ต้นงวด ดังนน้ั จำนวนเงนิ ทเ่ี กินกว่าทุน
ท่ตี ้องรักษาระดบั ไว้ คือ กำไร
กำไร หมายถงึ การเพ่มิ ของทุนหรอื สนิ ทรัพยส์ ุทธใิ นระหว่างงวด โดยวัดจากหน่วยเงินตาม
อำนาจซ้ือเดิมตลอดรอบระยะเวลานนั้ หรอื มลู ค่าสูงสดุ ที่สามารถบรโิ ภคได้โดยทำให้ฐานะ ณ วัน
ปลายงวดดีเทา่ กบั ฐานะ ณ วนั ตน้ งวด
แนวคดิ เกี่ยวกับทนุ และการรักษาระดับทนุ มีปัญหา คือ มูลคา่ ของทนุ หรอื สนิ ทรัพยส์ ุทธิ มี
การวดั มูลคา่ ได้ 6 วธิ ี ดงั นี้
1. วิธีมลู คา่ ปัจจบุ นั (Present Value) การตัง้ รายจา่ ยขึ้นเปน็ ทนุ (Capitalization) เปน็ การ
ใชม้ ลู ค่าปจั จุบนั ของกระแสเงินสดทกี่ ิจการต้องจ่ายใหเ้ จ้าของตลอดอายุการดำเนินงาน และจำนวน
เงนิ ทก่ี จิ การจะต้องจ่ายเม่อื กิจการดว้ ยการวดั มูลค่าของทนุ ปัจจยั ที่ตอ้ งคำนึงถึงในวธิ นี ี้ มีดังนี้
P = มลู คา่ ปจั จุบนั ของกระแสเงินสดท้งั หมดทจี่ ะต้องจ่ายให้แก่เจา้ ของหรือผูถ้ อื หุ้น
R t = กระแสเงินสดจา่ ยในแตล่ ะปี
i = อัตราคดิ ลด
n = ระยะเวลาทีก่ ิจการจะดำเนินงาน
2. การวดั มลู คา่ ตลาด (Market Valuation) วิธีน้ีคำนวณจำนวนหุ้นทั้งหมดของกจิ การที่
ออกจำหน่ายคูณดว้ ยราคาตลาดหุ้น (พจิ ารณาจากความเต็มใจในการลงทุนซ้ือหนุ้ ของกิจการ)
ตวั อย่าง กจิ การออกหนุ้ สามัญ 10,000 หนุ้ ราคาตามมูลค่าหุน้ ละ10 บาท วนั สน้ิ งวดราคาตลาดหนุ้
ละ 15 บาทดังน้ัน มลู ค่าของหนุ้ ตามวิธนี ้ี = 10,000x15=150,000
3. มลู ค่าเงนิ สดเทียบเทา่ ในปัจจบุ ัน (Current Cash Equivalent) วธิ ีนค้ี ำนวณทนุ จาก
มลู คา่ สทุ ธิของสินทรพั ย์ทขี่ ายได้ ไดจ้ ากราคาตลาดของสินทรพั ย์ทง้ั สน้ิ หักด้วยราคาตลาดของหนีส้ นิ
ทั้งสนิ้ วธิ นี ้ี ต้องอาศยั ความเห็นของผู้เชยี่ วชาญภายนอกในการตีราคาสินทรัพย์และหนส้ี ิน ซึ่งตอ้ งปรับ
ด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอน และปัจจัยอืน่ ทีเ่ กีย่ วข้องกับสินทรัพยแ์ ละหนีส้ ินแต่ละรายการ
ราคาตลาดสินทรัพยแ์ ละหนสี้ ินบางรายการกำหนดได้ยาก
4. ราคาทุนเดิม (Historical Input Price) ราคาทุนเดมิ เป็นราคาที่มีหลกั ฐานที่แน่นอน
ตรวจสอบได้ และเป็นราคาท่ีน่าเช่ือถอื แตไ่ ม่ได้แสดงฐานะของกิจการ หรอื ส่วนทนุ ของกิจการท่ี
เปน็ อยเู่ ม่ือเวลาเปลย่ี นไป เนื่องจากเป็นราคาในอดีตกำไรตามวิธีนี้ คอื กำไรทเ่ี กดิ จากการดำเนนิ งาน
และกำไรท่เี กิดจากการถือสินทรพั ย์ไว้เฉพาะสว่ นท่เี กดิ ขึน้ แล้ว
5. ราคาปัจจุบนั ในการจัดหา (Current Input Price) เปน็ ราคาทไี่ ด้มาจากการพิจารณาว่า
ถ้าหากกิจการต้องจดั หาสนิ ทรัพยท์ ี่มีอย่ใู นกิจการขณะนัน้ กิจการต้องจ่ายเป็นจำนวนเท่าใด ทนุ จะ
เทา่ กับจำนวนเงินท่ีกจิ การต้องจา่ ยในการจัดหาสนิ ทรัพย์ใหม่มาแทนสินทรัพย์เดิม หกั ดว้ ยมลู ค่าของ
22
หนี้สนิ ที่ต้องชำระกำไรตามวธิ ีนี้ คือกำไรท่เี กดิ จากการมีกรรมสทิ ธิ์ในสนิ ทรพั ยท์ ั้งสว่ นทเ่ี กิดขึ้นแลว้
และสว่ นทย่ี ังไมเ่ กดิ ขน้ึ
6. การรักษาระดบั ความสามารถในการผลติ (Productive Capacity Maintenance) เป็น
วธิ ีวัดทนุ จากกำลงั การผลิต กำไรตามแนวคิดนี้เกิดข้ึนเมื่อกำลงั การผลติ ท่ีกิจการสามารถใชใ้ นการผลิต
หรอื ใช้ผลติ จรงิ เม่ือสิ้นรอบระยะเวลาบญั ชสี งู กว่ากำลังการผลติ เมอ่ื เรม่ิ ระยะเวลาบัญชีการวัด
ความสามารถในการผลิต ทำไดด้ งั น้ี-วัดความสามารถในการผลิตของกิจการโดยวดั จากปรมิ าณสนิ คา้
ท่ีกจิ การผลิตได้ในปัจจุบนั เทียบกับปีก่อน วัดความสามารถในการถือครองสินทรพั ย์แนวคิดเกี่ยวกบั
พฤติกรรมเปน็ การนำผลกำไรไปใชใ้ นกระบวนการตัดสินใจของผู้เก่ียวขอ้ ง การใช้ผลกำไรเพื่อ
คาดคะเนเหตกุ ารณใ์ นอนาคต เช่น เงินปนั ผลท่ีกจิ การจ่ายในอนาคต ราคาตลาด ในอนาคตของห้นุ
กำไรท่ีใชใ้ นการคาดคะเนดังกลา่ วเป็นกำไรท่ีคำนวณจากราคาปัจจุบนั ผสู้ นใจผลกำไรกรณีนี้ ไดแ้ ก่ ผู้
ลงทนุ เจา้ หน้ี ท่ปี รึกษาการลงทนุ ผู้บริหารใช้ผลกำไรในการวางแผนและควบคุมงานในอนาคต-ผู้
ลงทนุ ใช้ผลกำไรในการประมาณกระแสเงนิ สด ผลตอบแทนการลงทุน
แนวคดิ เกีย่ วกับกำไรภายใตค้ วามไมแ่ นน่ อน การดำเนินธุรกิจย่อมมีความไม่แน่นอน ท่ีไมอ่ าจ
หลีกเล่ียงไดด้ ังนัน้ กำไรจึงไม่อาจใช้วัดผลการดำเนินงานท่ีผา่ นมาในอดีตดว้ ยมลู ค่าท่เี กิดขึน้ ตามวธิ ี
ปฏิบตั ทิ างการบัญชี (กำไร=รายได้-คา่ ใชจ้ ่าย) แตก่ ำไรจะหมายถงึ การเปลยี่ นแปลงในทุนของกจิ การ
ในช่วงเวลาหนึ่ง ซ่งึ ไม่รวมการเพม่ิ ทุน หรือการจ่ายปันผล มีเกณฑ์การวดั ดงั นี้
1. มลู คา่ ของกำไร เป็นการวัดจากการแลกเปลย่ี นส่งิ ของ
2. เกณฑ์การวัดมลู ค่าทางบัญชี ใชจ้ ำนวนเงนิ ณ วนั เกิดรายการ โดยไมค่ ำนึงถงึ อำนาจซื้อ
เกณฑ์การวดั มลู ค่าอาจแบ่งได้ 2 ระบบ ดังนี้
2.1 ระบบเงนิ ในนาม (Nominal Dollars) เปน็ ระบบเงินท่ีไมค่ ำนึงถงึ การเปล่ยี นแปลง
ค่าของเงนิ ในระยะเวลาทตี่ า่ งกนั เป็นระบบท่ีนิยมใชท้ ั่วไป
2.2 ระบบเงนิ คงท่ี (Constant Dollars) เปน็ ระบบทค่ี ำนึงถงึ ค่าของเงนิ ในเวลาตา่ งกัน
จึงใช้ดัชนีราคาเปน็ ตัวปรับมูลคา่
3. แนวคิดเกี่ยวกับทนุ ทนุ หมายถึง สินทรัพย์สุทธิ (สนิ ทรัพย์ ลบ หน้สี ิน) มี 2 แนวคดิ
3.1 ทนุ ทางการเงนิ หมายถึง ทนุ ซง่ึ วัดจากมลู ค่าของสินทรัพย์สุทธิ หรอื ส่วนทเ่ี จา้ ของ
นำมาลงทนุ ในรูปของสินทรัพย์
3.2 ทนุ ทางการผลติ หรือทุนทางกายภาพ หมายถึง ทนุ ทีว่ ัดจากความสามารถของ
กจิ การในการจัดการสินคา้ และบรกิ ารแนวคิดกำไรเกดิ ข้ึนเม่อื กำลงั การผลติ ที่กจิ การสามารถใชใ้ นการ
ผลิตหรือทใ่ี ช้ผลติ จริง เม่อื สิน้ รอบระยะเวลาบัญชสี งู กวา่ กำลงั การผลติ เม่ือตน้ รอบระยะเวลาบัญชี
สินทรพั ย์ไมเ่ ปน็ ตวั เงนิ ทม่ี ีอยู่ หมายถงึ การรักษาสินทรัพยใ์ ห้อย่ใู นสภาพเดิม หากมีการ
จดั หาสนิ ทรพั ยม์ าทดแทน กิจการจะใช้ราคาทดแทนปริมาณของผลผลิตที่จำหน่าย จะคำนงึ ถึงการ
23
เปล่ยี นแปลงทางดา้ นเทคนิค ปรมิ าณของผลผลิตทีจ่ ำหนา่ ย ซึ่งคำนึงถึงการเปลีย่ นแปลงทางด้าน
เทคนคิ และการเปลี่ยนแปลงในราคาขาย
การเปรยี บเทยี บมูลค่าของสินทรพั ย์ในช่วงเวลาต่างกนั ตามแนวทางของงบแสดงฐานะ
การเงนิ สามารถทำได้ 2 วิธี ดงั น้ี
1. การเปรียบเทียบทนุ หรอื สินทรัพย์สุทธิท้งั หมดของกจิ การ วิธนี ้ีกิจการจะวดั มูลคา่ เพิ่มขน้ึ
ของสินทรัพย์ตามระยะเวลาท่ีถอื สินทรัพยน์ นั้ (วดั กำไรจากการถือสินทรพั ย์)
2. การวัดมูลคา่ เพิ่ม การวัดมูลคา่ ในราคาที่มีหลกั ฐานสมบูรณท์ สี่ ุด หรอื วดั มูลคา่ ตามเงนิ สด
ท่ีไดร้ ับจากการตีราคาเพิ่มข้ึน เชน่ ราคา NRV ของสินค้าคงเหลือ
การเปรยี บเทียบรายไดแ้ ละค่าใชจ้ า่ ยตามแนวทางของงบกำไรขาดทนุ (Income
Statement approach) เป็นแนวคิดวัดความเกย่ี วพันโดยตรงระหวา่ งตน้ ทุนท่ีเกิดขน้ึ กบั รายไดใ้ น
บางกจิ การอาจจะเปล่ียนราคาทนุ เดิมเป็นราคาที่เป็นจำนวนเงนิ ตามอำนาจซ้ือ (กำไร) เช่น กำไรจาก
การถือครองสนิ ทรัพย์ (สินแร่) นอกจากวิธวี ดั ผลกำไรทแ่ี ตกตา่ งกนั นักบัญชแี ตล่ ะกลุ่มยงั มแี นวคิด
และมุมมองแตกตา่ งกนั เช่น
1. นักบญั ชกี ลุ่มดั้งเดมิ (Classical School) ใชร้ าคาทุนเดิม
2. นักบัญชีกลุ่มใหม่ (Neoclassical School)–สนบั สนนุ แนวคดิ เรื่องอำนาจซ้ือ นั่นคือ ปรบั
ดว้ ยดัชนีราคา
3. นักบญั ชกี ลมุ่ พฒั นา (Radical School) -ราคาปจั จุบนั -วธิ กี ารบัญชตี ามราคาทุนปัจจุบนั
(Current Income)-วิธีราคาตามทนุ ปัจจบุ ันทีป่ รับดว้ ยดัชนีราคา (General Price Level Adjusted
Current Cost Accounting)
รายการทีใ่ ชใ้ นการคำนวณกำไร
ความตอ้ งการทราบกำไรขาดทนุ สำหรับงวดปจั จยั ทีก่ ระทบกำไรไดแ้ ก่ ปจั จยั ภายนอกและ
ปจั จยั ภายใน เป็นหนา้ ท่ีผู้บริหารทจ่ี ะต้องจัดการการแสดงกำไรที่แตกต่างกนั ขนึ้ อยู่กับแนวคิด
2 แนวคดิ คือ
1. แนวคดิ ผลการดำเนินงานในปจั จุบัน
2. แนวคดิ รวมหมดทกุ อย่าง แนวคิดผลการดำเนนิ งานในปัจจุบนั แนวคิดนเี้ น้นตัวเลขกำไร
จากการดำเนินงานตามกจิ กรรมภายใต้สถานการณ์ตามปกติของกจิ การ ดงั นั้น การคำนวณกำไรหรือ
ขาดทุนสุทธิจะไมร่ วมรายการซ่ึงไมเ่ ก่ียวกับการดำเนินงานตามปกติ ตามแนวคดิ วธิ ีนี้ รายการทีไ่ มร่ วม
คำนวณกำไรขาดทุนสทุ ธิจะปรบั ปรุงเข้ากำไรสะสมโดยตรง แนวคดิ น้ีม่งุ วัดประสทิ ธิภาพของกิจการใน
การใช้ทรพั ยากรท่ีมอี ยู่ เชน่ ท่ีดิน ทุน แรงงาน และผบู้ ริหาร AICPA สนับสนนุ แนวคดิ นี้ ให้เหตุผล
สนับสนุน ดงั น้ี ผใู้ ช้งบกำไรขาดทนุ สนใจ กำไรสทุ ธิ ดังนน้ั งบกำไรขาดทนุ ควรแสดงใหเ้ ห็นกำไรสทุ ธิ
ทม่ี าจากกิจกรรมหลักของธรุ กจิ ผู้บรหิ ารและนักบัญชีเปน็ ผูท้ ี่มคี วามรแู้ ละความเช่ียวชาญทางการ
24
บญั ชี ดังนนั้ จงึ ควรใหผ้ บู้ ริหารและนกั บัญชีตัดสินใจว่ารายการใดควรเป็นรายการทร่ี วมอยู่ในการ
ดำเนินงานของกจิ กรรมตามปกติ รายการควรเป็นรายการพิเศษ มีผคู้ ดั ค้านแนวคดิ นี้ ให้เหตุผล ดงั นี้
ถ้างบกำไรขาดทนุ แสดงเฉพาะรายการทเี่ กี่ยวข้องกับการดำเนินงานในงวดปจั จุบันนั้น ผทู้ ไี่ ม่มคี วามรู้
อาจจะไมส่ นใจ รายการอนื่ นอกจาก กำไรสุทธิทแ่ี สดงในงบกำไรขาดทุน-การเปิดโอกาสให้ผบู้ ริหาร
และนกั บญั ชีเป็นผู้ตัดสินใจว่ารายการใดควรเป็นรายการทีร่ วมอยใู่ นการดำเนินงาน อาจเป็นชอ่ งทาง
ของการตกแตง่ รายการทางการเงินได้ง่าย
กำไรท่ีมปี ระโยชน์ต่อผู้ใช้ข้อมูลมากทีส่ ดุ ควรรวมรายการต่าง ๆ ท่มี ผี ลกระทบต่อการเพิ่มขึน้
หรือการลดลงในสว่ นของเจา้ ของ (ยกเว้นการจา่ ยปนั ผลและการเพ่ิมทนุ ลดทนุ ) น่ันคือ แนวคดิ ของงบ
กำไรขาดทุนเบด็ เสรจ็ ปจั จุบัน-แนวคดิ น้ไี ดร้ ับการสนับสนุนจาก AAA 1936,1941,1948 วา่ งบกำไร
ขาดทุนสำหรบั งวดใดงวดหนง่ึ ควรแสดงรายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่ายท้ังหมด โดยไม่คำนงึ ถึงว่าเป็นผลจากการ
ดำเนนิ งานในปัจจบุ ันหรอื ไม่ “รวมหมดทกุ อยา่ ง” เหตุผลสนับสนุน มดี ังนี้
1. การแสดงรายได้และคา่ ใชจ้ ่ายท้งั หมดในงบกำไรขาดทุน ทำให้ผู้ใช้เขา้ ใจได้ง่ายและ
สามารถประเมนิ ความสำคัญของรายการและผลกระทบของรายการท่ีมผี ลต่อการดำเนนิ งาน
2. การแสดงรายการดังกล่าว พรอ้ มทั้งชแ้ี จงรายละเอียดของรายการท่ีเกดิ ข้ึนทำใหผ้ ู้ใชง้ บ
การเงินสามารถจัดหมวดหมู่ได้ และวิเคราะหร์ ายการไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
3. การที่ผูบ้ ริหารสนใจแตเ่ ฉพาะกำไรสุทธิจากการดำเนนิ งาน อาจะทำใหก้ ิจการประมาณ
รายการตา่ ง ๆ ผดิ พลาดไป
4. ผูส้ นับสนุนแนวคดิ นี้ ผลรวมของกำไรขาดทุนสทุ ธใิ นแต่ละงวดควรเทา่ กบั กำไรขาดทุน
สทุ ธิรวมทง้ั หมด ดงั นนั้ กิจการควรรวมรายการพเิ ศษ และรายการปรับปรุงแกไ้ ขกำไร หรอื แกไ้ ข
ข้อผิดพลาดท่ีสำคัญ ไว้ในงบกำไรขาดทนุ
5. กิจการควรแสดงรายการและเหตกุ ารณ์ทางบญั ชีท่ีเกิดข้ึน ไมว่ ่ารายการนนั้ จะเปน็
รายการปกตหิ รือรายการพเิ ศษในงวดทีร่ ายการดังกลา่ วเกดิ ขนึ้
6. บางกรณี การจัดประเภทรายการและเหตุการณ์ทางบัญชีเปน็ รายการพเิ ศษ อาจมขี ้อ
โตแ้ ยง้ หรอื ไมช่ ดั เจน ดังน้นั หากยอมให้มีการใชด้ ลุ ยพนิ จิ อาจจะเกิดความไม่ชดั เจน
การแสดงรายไดแ้ ละค่าใชจ้ ่ายท้ังหมด โดยไม่คำนึงถงึ ว่าเป็นผลมาจากการดำเนินงาน
ตามปกตหิ รือไม่ อาจทำให้เกิดการอธบิ ายรายการท่ีไม่ชดั เจน หรอื การไมเ่ ข้าใจตัวเลขในงบกำไร
ขาดทุน ส่งผลใหเ้ กิดความผดิ พลาดในการวิเคราะห์ถ้าหากรายได้และคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีถือเปน็ รายการพเิ ศษ
ในงวดกอ่ นผดิ พลาด และรายการดังกลา่ วไมน่ ำมารวมอยู่ในงบกำไรขาดทุนของงวดบญั ชีปจั จุบนั แล้ว
จะมีผลทำให้กำไรขาดทุนของกจิ การผิดพลาดไปอยา่ งน้อย 2 งวด คอื งวดก่อนและงวดปัจจบุ ัน APB
ฉบับ 30 จำแนกรายการกำไรขาดทุนท่ีไม่ถอื เป็นรายการพเิ ศษ เนอ่ื งจากโดยลักษณะของรายการ
เหลา่ นค้ี าดได้วา่ จะเกิดขน้ึ ในอีกอนาคตอนั ใกล้ เชน่ การตัดจำหน่ายบญั ชลี ูกหนี้ สนิ คา้ คงเหลือ
25
รายจ่ายตอ่ ตดั บัญชหี รือสนิ ทรัพยไ์ ม่มีตัวตน รายการกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปล่ียนเงนิ ตรา
ตา่ งประเทศ การยกเลิกการดำเนนิ งานบางส่วน รายการกำไรหรอื ขาดทนุ จากการขาย หรอื จำหน่าย
ทด่ี นิ อาคารและอุปกรณ์ รายการขาดทนุ จากการนดั หยดุ งานของพนกั งาน การปรบั ปรงุ รายการ
เก่ยี วกับสัญญาเชา่
การแก้ไขและปรบั ปรุงรายการปกตหิ รอื รายการและเหตุการณ์ทางบัญชที ีเ่ กิดข้นึ ใหม่รายการ
และเหตุการณ์ทางบัญชดี งั กล่าว หมายถงึ รายการท่ีไมเ่ ขา้ ลักษณะของรายการทเ่ี กดิ ข้ึนในงวดบัญชี
ก่อน แตเ่ ปน็ รายการท่ีเกย่ี วข้องกับการคำนวณกำไรขาดทุนในงวดปัจจบุ นั หรอื งวดหนา้ เช่น การ
เปล่ยี นแปลงอายุการใช้งานเครือ่ งจกั ร การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางการบัญชี การปรบั ปรุง
รายการทเี่ กิดขนึ้ ในงวดบญั ชกี ่อนรายการที่ถือว่าเปน็ รายการทเี่ กดิ ข้นึ ในงวดบญั ชกี ่อนตอ้ งเข้าลกั ษณะ
ตามที่ APB ฉบับที่ 9 ระบุไว้ในรายการดังกล่าวเป็นรายการท่มี สี าระสำคัญ และเกีย่ วขอ้ งกบั การ
ดำเนนิ งานในงวดก่อน กิจการจะปรบั ปรงุ รายการน้กี บั กำไรสะสมต้นงวดเหตกุ ารณ์ทางบัญชที ี่
เก่ยี วขอ้ งกบั การคำนวณกำไรสรปุ การรายงานผลการดำเนินงาน
1. รายการพิเศษท่เี กีย่ วขอ้ งกับงวดปจั จบุ ัน
2. กำไรขาดทุนท่ีมสี าระสำคัญ
3. การแกไ้ ขและปรบั ปรงุ รายการปกตหิ รือรายการและเหตกุ ารณท์ างบญั ชีทีเ่ กดิ ขนึ้
4. การปรบั ปรงุ รายการทีเ่ กิดข้ึนในงวดบัญชกี ่อนสรุป รายการท่ี 1 2 และ 3 ตอ้ งนำมารวม
คำนวณกำไรขาดทนุ สำหรบั งวดในงบกำไรขาดทนุ รายการท่ี 4 ตอ้ งปรับปรงุ กับกำไรสะสมต้นงวด
การพัฒนาของแนวคิดอดีตจนถงึ ปจั จุบันมคี วามสอดคล้องกัน โดยรายการและเหตกุ ารณ์ทาง
บญั ชีทเี่ กี่ยวขอ้ งในการคำนวณกำไรหรอื ขาดทนุ สำหรับงวด มี 3 รายการ ดังนี้
1. การดำเนนิ งานตามปกติ (Ordinary Activities)
2. รายการพเิ ศษ (Extraordinary Items)
3. การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางการบัญชี (Changes in Accounting Estimates)การ
ดำเนินงานตามปกติ (Ordinary Activities) หมายถงึ กิจกรรมซึง่ เป็นสว่ นหนงึ่ ของการประกอบธุรกิจ
หรอื เกิดขนึ้ จากการดำเนินงานตามปกติของกิจการ รวมทัง้ กิจกรรมอนื่ ซ่งึ เกย่ี วเนื่องกับการประกอบ
ธุรกจิ หรอื การดำเนินงาน คือ รายไดแ้ ละค่าใชจ้ า่ ยทุกรายการทีร่ บั รใู้ นระหว่างงวดรายการท่เี ปน็
รายไดห้ รอื คา่ ใช้จ่ายแยกต่างหาก เช่น การปรับปรุงสนิ คา้ คงเหลือเป็นมลู คา่ สทุ ธทิ ่จี ะได้รบั การ
ปรับปรงุ ทีด่ นิ อาคาร และอปุ กรณ์ให้เป็นมลู คา่ ที่คาดวา่ จะไดร้ ับคนื รวมทัง้ การกลบั รายการที่เปน็
รายได้หรอื คา่ ใชจ้ ่ายแยกต่างหาก เชน่ การจำหน่ายท่ดี นิ อาคาร และอุปกรณ์ การจำหน่ายเงินลงทนุ
ระยะยาว การรับและจ่ายค่าเสียหายทเี่ กดิ ข้นึ จากคดีความตามกฎหมาย การกลบั รายการประมาณ
การหนสี้ นิ อื่น ๆ
26
รายการพิเศษ หมายถงึ รายได้หรอื ค่าใช้จ่ายท่ีเกดิ จากรายการหรือเหตุการณ์ทางบญั ชที ่ีต้อง
เข้าลกั ษณะครบทง้ั 2 ประการคือความแตกต่างอย่างชัดเจนจากการดำเนินงานตามปกติของกจิ การ
เช่น คา่ เสียหายจากภยั ธรรมชาติ คา่ เสยี หายจากไฟไหม(้ ข) ไมค่ าดว่าจะเกิดขนึ้ เป็นประจำหรอื เกดิ ขนึ้
ไมบ่ ่อยเชน่ การถูกยดึ หรือเวนคนื สินทรพั ย์ปจั จุบนั ของไทยไดย้ กเลกิ รายการพิเศษ แตใ่ ชก้ ารพิจารณา
ความมีสาระสำคัญและแสดงรายการนน้ั แยกต่างหากจากรายการปกติหากมีสาระสำคัญ และไมต่ ้อง
แสดงสทุ ธจิ ากภาษี
การเปลี่ยนแปลงประมาณการทางการบัญชี (Changes in Accounting estimates)การ
จัดทำงบการเงนิ อาจใช้การประมาณในการวัดมลู ค่าของบางรายการ เช่น คา่ เผ่ือหน้ีสงสัยจะสูญ คา่
เผื่อสนิ ค้าเสอื่ มสภาพล้าสมัย อายุการใช้งานสนิ ทรัพย์ เป็นต้นกจิ การจะตอ้ งนำผลกระทบจากการ
เปลย่ี นแปลงประมาณการทางบัญชมี ารวมคำนวณ เพอื่ หากำไรหรือขาดทุนสทุ ธิสำหรับงวดการ
เปลยี่ นแปลงประมาณการทางการบัญชี จะมผี ลกระทบต่องวดปัจจุบันเพยี งงวดเดยี ว เช่น ค่าเผอ่ื หนี้
สงสยั จะสญู หรอื ต่องวดปัจจุบนั และงวดต่อ ๆ ไป เช่น คา่ เส่อื มราคาอาคารและอุปกรณ์
9. งานวิจยั ทเ่ี กีย่ วข้อง
รำไพ โครตบรู ณ์ (2557) ศึกษาวิจยั เรือ่ งสบูเ่ หลวน้ำจากข้ีเถ้าเปลอื กกลว้ ย
มจี ุดมุ่งหมายเพ่ือลดปรมิ าณปลอื กกล้วยและปญั หาการลื่นล้มจากเปลือกกล้วย พวกเราจึงได้คดิ นำ
เปลอื กกลวั ยท่ีมองแล้วไมเ่ กดิ ประโยชน์นำมาแปรรปู ใหเ้ กิดประโยชนใ์ นรูปของสบูเ่ หลวเพ่อื ศกึ ษาว่า
สบเู่ หลวนำ้ ขเี้ ถา้ เปลือกกลว้ ยทงั้ 3ชนิดวา่ ชนิดใดมปี ระสิทธภิ าพในการชำระล้างได้ดีเหมือนกนั หรือไม่
โครงงานนี้จะเนน้ ท่ีความประหยัดสามารถนำเปลือกกล้วยท่ีเรากินกล้วยแลว้ มาผลติ เป็นสบเู่ หลวล้าง
มอื เพื่อเพม่ิ มูลค่าใหแ้ กผ่ ผู้ ลิต และสรา้ งรายได้ให้แก่ครอบครวั ได้กลว้ ยเปน็ พชื ทคี่ นสว่ นใหญร่ ู้จกั กนั ดี
เพราะสามารถนำสว่ นต่างๆมาใชป้ ระโยชน์ เราจงึ ไดค้ ิดว่าเรากินกลว้ ยแล้วเหลือเปลอื กกลว้ ยอาจทงิ้
ไม่เป็นที่ทำใหเ้ ราอาจเหยยี บแลว้ ลน่ื ล้มได้เราจงึ ได้คิดว่าเปลอื กกลว้ ยทที่ กุ คนมองว่าไม่มีประโยชน์แต่
มนั กลบั มปี ระโยชน์อกี มากมายและชว่ ยเพิม่ มลู ค่าใหเ้ ราไดอ้ ีกเพราะในเปลือกกล้วยนัน้ มีสารแทนนิ
นช่วยในการยบั ยั้งแบคทีเรียได้อกี ด้วยวัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาวิธีการทำสบเู่ หลวนำ้ ข้ีเถ้าเปลอื กกลว้ ย
2. ศึกษาและอธบิ ายกระบวนการทำสบู่เหลวจากนำ้ ข้ีเถ้าเปลือกกลว้ ย
3. นำสบเู่ หลวจากน้ำขีเ้ ถ้าเปลือกกลว้ ยไปใชป้ ระโยชนแ์ ละเพิม่ มูลค่าได้
(รำไพ โครตบูรณ.์ 2559:ออนไลน์)
27
จำลอง ศริ สิ ุข (2554)ศกึ ษาวิจัย เร่ืองสบู่สมนุ ไพรจากกลเี ซอรีนธรรมชาตินี้
จัดทำขึน้ เพือ่ เรยี นร้วู ิธกี ารทำสบู่ เพราะสบู่เป็นของใช้ท่ีจำเปน็ ในชีวติ ประจำวัน ทกุ วันเราอาบนำ้
ต้องใช้สบเู่ พื่อการขจดั ส่งิ สกปรกออกจากร่างกาย ซ่ึงคนส่วนมากมักจะเลือกสบู่ทส่ี ามารถทำ
ความสะอาดได้ดมี ากๆ จนไม่คำนงึ ถึงผลเสียทจี่ ะเกิดกับผวิ ในภายหลัง ปัจจุบันสบูม่ มี ากมาย
หลายชนดิ ใหเ้ ราเลือกใช้ ตามความเหมาะสมและความชอบของแตล่ ะ บุคคล บางชนิดก็ผสม
สมนุ ไพร บางชนิดกผ็ สมสารเคมี เชน่ Triclocarban เพ่ือฆ่าเชือ้ แบคทเี รีย ซึ่งผู้ใชบ้ างรายอาจ
เกดิ อาการแพส้ ารเคมี หากใช้บ่อยเกินไปแต่เรารจู้ ักสบ่เู หล่านัน้ ดเี พียงไร และจะมีสกั กค่ี นท่ีใส่
ใจในรายละเอียดวา่ สบแู่ ตล่ ะกอ้ นมีสว่ นประกอบสำคญั อะไรบ้าง สบูท่ ่ีดีจะต้องมสี ว่ นประกอบ
สำคัญที่จำเป็นและมีประโยชน์ตอ่ ผวิ ซง่ึ นอกจากจะทำให้สบทู่ ่ไี ดท้ ำความสะ อาดผิวไดด้ ีแล้วยัง
สามารถบำรงุ ผวิ ได้อีกดว้ ย ทั้งน้ี สบู่เป็นส่งิ ที่เราตอ้ งใช้เปน็ ประจำทุกวัน หาก เราคัดสรรสบู่ท่ีดมี ี
คุณภาพจะทำให้เรามีสขุ ภาพผิวของท่ีดีอยู่คู่กับเราไปตลอดนานเท่านานสบเู่ กิดจากการทำ
ปฏิกริ ยิ าเคมีของส่วนผสมพ้ืนฐาน คือน้ำดา่ ง (โซเดยี มไฮดรอกไชด)์ กับนำ้ มนั ซ่งึ จะเปน็ น้ำมนั
พชื หรอื น้ำมนั สัตว์ก็ได้ ปฏกิ ิริยาเคมเี ชน่ นี้เรียกวา่ Saponification ซ่ึงจะได้ของแข็งลื่นมีฟอง
เป็นส่วนผสมของสบู่ 5 สว่ นและกลเี ซอรีน 1 ส่วนในโรงงานอุตสาหกรรมไดส้ กัดเอากลเี ซอรนี อ
อกไป เราจงึ ได้ใช้เน้อื สบู่ล้วนๆ หรอื มีส่วนผสมของกลีเซอรีนเพียงเล็กน้อยส่วนการผลิตสบู่
ธรรมชาติ เปน็ กระบวนการผลติ แบบเยน็ ซง่ึ งสารสกัดกลีเซอรนี ยังคงมีอยู่ในเน้อื สบู่ทำใหผ้ ิวมีความ
ชุม่ ช้นื เมอื่ ใช้สบูช่ นดิ น้ีสบู่ทเ่ี กิดจากกระบวนนีเ้ องทเี่ ราเรียกกนั วา่ สบูธ่ รรมชาตินับเปน็ สบู่
แทท้ เ่ี ราไมต่ ้องไปแต่งเติมอะไรอีกเลย สบูธ่ รรมชาติน้ี กม็ คี ุณสมบัตขิ องสบทู่ ่ดี ีที่สุดสำหรบั ผิวเรา
ในสภาวะเศรษฐกจิ ถดถอย การผลิตสบู่สมนุ ไพรใช้เองนา่ จะเป็นแนวทางหน่ึงที่ลดคา่ ใช้จ่าย
ช่วยเหลอื เศรษฐกิจประชาชนชุมชนได้มาก เพราะวตั ถุดบิ หลักทใี่ ช้เป็นวสั ดุทผ่ี ลติ เองในประเทศ
เกษตรกรสามารถปลูกพืชน้ำมนั และสกดั น้ำมนั โดยวิธรการง่าย ๆ นำมาใชเ้ ป็นวตั ถุดบิ หลกั
นอกจากนใี้ นแหลง่ ชมุ ชนทม่ี ีขมนั สัตวเ์ หลอื ใช้ อกี ทั้งสมุนไพรหาไดใ้ นประเทศมากมาย การผลติ
สบู่ผสมสมนุ ไพรจึงเป็นการสนับสนนุ การนำสารจากวสั ดุธรรมชาตทิ ี่ผลติ ไดเ้ องมาใช้ประโยชน์
อยา่ งคุ้มค่าราคาถูก ประหยดั และใชไ้ ดง้ ่าย จึงนา่ ทีจ่ ะผลิตสบสู่ มนุ ไพรเพ่ือนำมาใช้ชำระล้างทำ
ความสะอาดรา่ งกายและของใชห้ รือใชซ้ กั เสื้อผา้ แทนผงชักฟอกได้ กอ่ นทจ่ี ะทำการผลติ สบู่
สมุนไพร จำเปน็ ต้องศกึ ษาวิธกี ารผลติ อยา่ งละเอียดก่อน เพ่ือความปลอดภยั และและจะไดส้ บ่ทู ี่มี
คณุ ภาพดี (จำลอง ศิริสุข.2559:ออนไลน์)
28
บทท่ี 3
วธิ กี ารดำเนินการศกึ ษา
สบ่เู หลวออรแ์ กนิค เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจภุ ณั ฑใ์ หม้ ีประสิทธิภาพ เหมาะสมกบั
ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค โดยผ้ศู ึกษาไดด้ ำเนินงานตามลำดบั ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ประชากรและกลุม่ ตวั อยา่ ง
2. เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการศึกษา
3. ข้นั ตอนในการสร้างเครื่องมือ
4. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
5. การวิเคราะห์ขอ้ มลู และสถิติที่ใช้ในการศกึ ษา
1. ประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง
นักศึกษาประกาศนียบตั รวิชาชีพช้ันสงู (ปวส.) ช้นั ปีที่ 2 แผนกวชิ าการบัญชี ภาคเรยี นท่ี 1
ปีการศึกษา 2564 วิทยาลยั อาชวี ศกึ ษาชลบุรี จำนวน 84 คน
2. เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ในการศึกษา
เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการศึกษาครัง้ น้เี ป็นแบบสอบถาม ซ่งึ ประกอบด้วยแบบตรวจรายการ แบบ
มาตราสว่ นประมาณค่า และแบบคำถามปลายปดิ และปลายเปิด จำนวน 3 ตอนมีรายละเอยี ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 ศกึ ษาความพงึ พอใจที่มตี อ่ ผลิตภณั ฑ์และพัฒนาบรรจุภัณฑส์ บ่เู หลวออรแ์ กนคิ
ลกั ษณะแบบสอบถามเปน็ แบบมาตราส่วน 5 ระดับ
ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะและความคดิ เห็น
3. ขนั้ ตอนในการสร้างเครอื่ งมือ
การสร้างเครื่องมือจากแบบสอบถาม ซงึ่ มรี ายละเอยี ดแบง่ เป็น 3 ตอน ดงั นี้
ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทั่วไปของผตู้ อบแบบสอบถาม
ขอ้ 1 เพศ
ขอ้ 2 อายุ
ขอ้ 3 กลมุ่ เรยี น
29
ตอนท่ี 2 ศึกษาความพึงพอใจท่มี ตี ่อผลติ ภัณฑ์และพฒั นาบรรจภุ ณั ฑ์สบู่เหลวออรแ์ กนิค
ลกั ษณะแบบสอบถามเปน็ แบบมาตราส่วน 5 ระดบั
ระดับ 5 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมากทสี่ ดุ
ระดบั 4 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจมาก
ระดบั 3 หมายถงึ มคี วามพึงพอใจปลานกลาง
ระดบั 2 หมายถึง มีความพงึ พอใจนอ้ ย
ระดับ 1 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจน้อยที่สดุ
โดยมีการกำหนดเกณฑ์การแปลความหมายข้อมลู ท่ีเปน็ ค่าเฉล่ียต่างๆ คือ
คา่ เฉลย่ี ระหวา่ ง แปลความหมาย
4.50 – 5.00 ความพึงพอใจมากท่สี ุด
3.50 – 4.49 ความพึงพอใจมาก
2.50 – 3.49 ความพงึ พอใจปานกลาง
1.50 – 2.49 ความพึงพอใจน้อย
1.00 – 1.49 ความพงึ พอใจนอ้ ยที่สุด
ตอนท่ี 3 เป็นแนวคำถามปลายเปิดสำหรบั ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความคดิ เห็นเพมิ่ เติม
และข้อเสนอแนะต่างๆ
4. การเก็บรวบรวมข้อมูล
คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมลู ตามลำดับขน้ึ ตอน ดังน้ี
4.1 ดำเนินการแจกแบบสอบถาม สบ่เู หลวออร์แกนคิ โดยแจกแบบสอบถามให้
กลมุ่ เปา้ หมายผ่านทางออนไลน์ โดยใช้ Google from
4.2 เกบ็ รวบรวมแบบสอบถาม สบูเ่ หลวออรแ์ กนิค เพื่อนำข้อมลู ท่ีได้มาวเิ คราะห์ต่อไป
5. การวิเคราะห์ข้อมูลและสถติ ทิ ใ่ี ช้ในการศึกษา
การวิเคราะห์ขอ้ มูลเก่ียวกับลักษณะของผตู้ อบแบบสอบถาม สถติ ทิ ใ่ี ช้เป็นรอ้ ยละ
(Percentage) คา่ เฉลีย่ (Arithmetic Mean) สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation S.D.)
โดยรวบรวมขอ้ มลู การหาค่าสถิติพน้ื ฐาน คือ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนน
ท่ไี ด้โดยใชส้ ูตรดงั น้ี
30
5.1 คา่ รอ้ ยละ
P = ×
เมื่อ P แทน รอ้ ยละ
F แทน ความถท่ี ่ีต้องการแปลงคา่ ใหเ้ ปน็ ร้อยละ
N แทน จำนวนความถี่ท้งั หมด
5.2 คา่ เฉลย่ี
̅ =
เมอื่ ̅ แทน คา่ เฉล่ยี
∑ แทน ผลรวมทง้ั หมดของความถ่ี คูณคะแนน
N แทน ผลรวมทง้ั หมดของความถี่ซ่ึงมีคา่ เท่ากับจำนวนขอ้ มลู ท้งั หมด
5.3 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
S.D. = √ −(∑ )
[ − ]
เมอ่ื S.D. แทน ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน
N แทน จำนวนคู่ทงั้ หมด
X แทน คะแนนแต่ละตวั ในกล่มุ ข้อมลู
∑ แทน ผลรวมของความแตกตา่ งของคะแนนแต่ละคู่
31
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู
แบบสอบถามน้ีมวี ัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาความพงึ พอใจท่ีมตี ่อผลติ ภณั ฑ์และพัฒนา บรรจุ
ภัณฑ์ให้มปี ระสิทธิภาพ เหมาะสมกบั ความต้องการของผ้บู ริโภค แบบสอบถามบรรจุภัณฑ์ของสบู่
เหลวออร์แกนิค แบ่งเป็น 3 ตอน ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 ศึกษาความ
พงึ พอใจท่ีมีต่อผลติ ภณั ฑ์และพัฒนาบรรจุภณั ฑ์สบเู่ หลวออรแ์ กนิค ตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะและความ
คิดเหน็ ในครงั้ นี้ ผศู้ ึกษาเสนอตามลำดบั ดงั น้ี
4.1 สัญลักษณ์ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมลู
n แทน จำนวนคนในกลุ่มเป้าหมาย
x̅ แทน คะแนนเฉลย่ี
S.D. แทน สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน
4.2 การนำเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู
การวิเคราะห์ข้อมลู ศกึ ษาครง้ั น้ี ผู้ศกึ ษาไดด้ ำเนนิ การวิเคราะหอ์ อกเปน็ 3 ตอนดงั น้ี
ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู ท่วั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ตอนท่ี 2 ศึกษาความพึงพอใจทม่ี ตี อ่ ผลิตภณั ฑ์และพฒั นาบรรจุภัณฑส์ บเู่ หลวออรแ์ กนิค
แบง่ ออกเปน็ 3 ด้าน คอื ดา้ นคุณภาพผลติ ภณั ฑ์ ด้านบรรจุภณั ฑแ์ ละการใชง้ านและดา้ นสง่ เสริมการ
จัดจำหนา่ ย
ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะและความคดิ เหน็
32
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู รอ้ ยละ
ตอนท่ี 1 ข้อมลู ท่วั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม
ตารางท่ี 1 แสดงความถแ่ี ละร้อยละของกลมุ่ เป้าหมายจำแนกตามเพศ 4.80
95.20
n = 84 100.00
สถานภาพ
จำนวน
เพศ
ชาย 4
หญงิ 80
รวม 84
จากตารางท่ี 1 พบวา่ กลุม่ เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 80 คน คดิ เปน็ ร้อยละ
92.50 เพศชาย จำนวน 4 คน คดิ เป็นร้อยละ 4.80
เพศ
ชาย หญิง
4.8%
92.5%
33
ตารางท่ี 2 แสดงความถ่ีและร้อยละของกลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงอายุ
n = 84
สถานภาพ
จำนวน ร้อยละ
อายุ 38.80
55.30
18 – 19 ปี 33 5.90
100.00
20 – 21 ปี 47
22 ปขี ้นึ ไป 4
รวม 84
จากตารางท่ี 2 พบว่ากล่มุ เป้าหมายส่วนใหญ่ อายุ 20 – 21 ปี จำนวน 47 คน คิดเปน็ ร้อย
ละ 55.30 รองลงมาอายุ 18 – 19 ปี จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 38.80 และ อายุ 22 ปีข้นึ ไป
จำนวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 5.90
อายุ
18 - 19 20 - 21 22 ปีขนึ้ ไป
5.90%
38.80%
55.30%
34
ตารางที่ 3 แสดงความถีแ่ ละร้อยละของกลมุ่ เปา้ หมายจำแนกตามช่วงสถานะ
n = 84
สถานภาพ
จำนวน รอ้ ยละ
สถานะ 31
37
ปวส.2/1 26 32
100.00
ปวส.2/2 31
ปวส.2/3 27
รวม 84
จากตารางท่ี 3 พบว่ากลุม่ เป้าหมายส่วนใหญ่คือ ปวส.2/2 จำนวน 31 คน คิดเปน็ ร้อยละ
37 รองลงมา ปวส.2/3 จำนวน 27 คน คดิ เป็นร้อยละ 32 และปวส.2/1 จำนวน 26 คน คดิ เปน็ รอ้ ย
ละ 31
สถานะ
ปวส.2/1 ปวส.2/2 ปวส.2/3
32% 31%
37%
35
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจทีม่ ีตอ่ ผลติ ภณั ฑ์และพฒั นาบรรจภุ ัณฑ์สบเู่ หลวออร์แกนิค แบ่ง
ออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ ดา้ นบรรจุภัณฑแ์ ละการใชง้ านและ
ดา้ นส่งเสริมการจัดจำหนา่ ย
ตารางท่ี 4 แสดงคา่ เฉลี่ยและส่วนเบย่ี งเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายท่มี ีตอ่
ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภัณฑส์ บู่เหลวออรแ์ กนิค
ด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์
ระดบั ความพึงพอใจ
รายการประเมิน
x̅ S.D. ระดบั แปรผล
1. กลิน่ สมนุ ไพรหอมสดชนื่ 4.38 0.76 มากทสี่ ุด
2. ผลิตภณั ฑ์มคี วามอ่อนโยนต่อผวิ 4.08 1.20 มาก
3. ชำระส่งิ สกปรกได้หมดจด 4.27 0.77 มาก
4. ปรมิ าณของผลิตภณั ฑ์มีความเหมาะสม 4.12 0.92 มาก
5. เนอ้ื ผลติ ภณั ฑ์มคี วามละเอยี ด นุ่มนวล 4.10 1.09 มาก
รวม 4.19 0.75 มาก
จากตารางท่ี 4 พบวา่ ความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมายที่มตี ่อผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภัณฑ์สบู่
เหลวออร์แกนิค ดา้ นคุณภาพผลติ ภัณฑ์ โดยรวมมีความพงึ พอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.19 และ S.D.
= 0.75) และเมื่อพจิ ารณาเป็นรายขอ้ ผลิตภัณฑ์มกี ลิน่ สมุนไพรหอมสดชน่ื มคี วามพึงพอใจในระดบั
มากทส่ี ดุ ( x̅ = 4.38 และ S.D. = 0.76) รองลงมาผลติ ภณั ฑช์ ำระส่ิงสกปรกไดห้ มดจด มีความพึง
พอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.27 และ S.D. = 0.77) ผลิตภณั ฑ์ปรมิ าณของผลติ ภณั ฑ์มีความเหมาะสม
มคี วามพึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.12 และ S.D. = 0.92) ผลติ ภณั ฑ์เนอื้ ผลิตภณั ฑ์มคี วามละเอียด
นุม่ นวล มีความพึงพอใจในระดับมาก ( x̅ = 4.10และ S.D. = 1.09) ผลิตภัณฑ์มคี วามอ่อนโยนตอ่ ผวิ
มีความพึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.08 และ S.D. = 1.20) ตามลำดบั
36
ภาพท่ี 4 แสดงคา่ เฉลี่ยและสว่ นเบ่ียงเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลมุ่ เปา้ หมายสรปุ
เปน็ รายด้านคุณภาพผลิตภณั ฑ์
ตารางท่ี 5 แสดงค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกล่มุ เป้าหมายทมี่ ีต่อ
ผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภัณฑส์ บู่เหลวออร์แกนิค
ดา้ นบรรจุภัณฑแ์ ละการใชง้ าน
ระดับความพึงพอใจ
รายการประเมิน
x̅ S.D. ระดบั แปรผล
1. ลักษณะของบรรจุภณั ฑ์สามารถดึงดูดใหผ้ ู้ซื้อ
ตดั สินใจซือ้ สนิ ค้าได้ 4.32 0.80 มากท่สี ดุ
2. ปรมิ าณการบรรจุเหมาะสมกับราคา 4.15 0.95 มาก
3. สามารถพกพาได้สะดวก 4.27 0.90 มาก
4. บรรจุภัณฑ์มีความเหมาะสมกบั ผลติ ภัณฑ์ 4.18 0.95 มาก
5. บรรจุภณั ฑใ์ ชง้ านง่ายสะดวก 4.11 1.13 มาก
รวม 4.20 0.72 มาก
37
จากตารางที่ 5 พบวา่ ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายท่ีมตี ่อผลิตภัณฑแ์ ละบรรจุภัณฑส์ บู่
เหลวออร์แกนิค ด้านบรรจุภณั ฑแ์ ละการใช้งาน โดยรวมมีความพึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.20
และ S.D. = 0.72) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อลกั ษณะของบรรจุภัณฑ์สามารถดึงดูดให้ผู้ซื้อ
ตัดสินใจซ้อื สินค้าได้ มีความพึงพอใจในระดบั มากทสี่ ุด ( x̅ = 4.32 และ S.D. = 0.80) รองลงมา
สามารถพกพาไดส้ ะดวก มคี วามพงึ พอใจในระดับมาก ( x̅ = 4.27 และ S.D. = 0.90) บรรจภุ ัณฑ์มี
ความเหมาะสมกับผลิตภณั ฑ์ มคี วามพึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.18 และ S.D. = 0.95) ปริมาณ
การบรรจเุ หมาะสมกบั ราคา มคี วามพึงพอใจระดบั มาก ( x̅ = 4.15 และ S.D. = 0.95) และบรรจุ
ภณั ฑ์ใช้งานง่ายสะดวก มคี วามพงึ พอใจในระดับมาก ( x̅ = 4.11 และ S.D. = 1.13) ตามลำดบั
ภาพท่ี 5 แสดงคา่ เฉลยี่ และส่วนเบย่ี งเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มเปา้ หมายสรปุ เป็น
รายดา้ นบรรจุภณั ฑ์และการใช้งาน
38
ตารางท่ี 6 แสดงคา่ เฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเมนมาตรฐานความพงึ พอใจของกลมุ่ เป้าหมายทมี่ ตี อ่
ผลติ ภณั ฑแ์ ละบรรจุภัณฑส์ บ่เู หลวออร์แกนิค
ด้านส่งเสรมิ การจัดจำหน่าย
ระดบั ความพึงพอใจ
รายการประเมิน
x̅ S.D. ระดับแปรผล
1. มผี ลิตภัณฑ์ทดลองใช้ 4.39 0.69 มาก
2. ผลติ ภัณฑม์ ีราคาเหมาะสมกับคุณภาพสนิ ค้า 4.29 0.86 มาก
3. ผู้ขายสภุ าพและอัธยาศัยดี 4.39 0.79 มากที่สดุ
4. แสดงราคาขายชัดเจน 4.24 1.06 มาก
5. ผู้ขายแนะนำสรรพคณุ ของสมุนไพรในผลิตภัณฑ์ 4.26 1.01 มาก
รวม 4.31 0.67 มาก
จากตารางที่ 6 พบวา่ ความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายท่ีมตี ่อผลติ ภณั ฑ์และบรรจุภัณฑส์ บู่
เหลวออร์แกนิค ด้านสง่ เสริมการจดั จำหนา่ ย โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( x̅ = 4.31 และ
S.D. = 0.67) และเม่อื พจิ ารณาเป็นรายข้อผู้ขายสุภาพและอัธยาศยั ดี มคี วามพงึ พอใจในระดับมาก
ทส่ี ดุ ( x̅ = 4.39 และ S.D. = 0.79) รองลงมามผี ลิตภณั ฑ์ทดลองใช้ มคี วามความพึงพอใจในระดบั
มาก ( x̅ = 4.39 และ S.D. = 0.69) ผลติ ภัณฑ์มีราคาเหมาะสมกบั คุณภาพสินคา้ มคี วามพงึ พอใจใน
ระดบั มาก ( x̅ = 4.29 และ S.D. = 0.86) ผู้ขายแนะนำสรรพคณุ ของสมุนไพรในผลติ ภณั ฑ์ มคี วาม
พึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.26 และ S.D. = 1.01) และผู้แสดงราคาขายชัดเจน มีความพึงพอใจใน
ระดบั มาก ( x̅ = 4.24 และ S.D. = 1.06) ตามลำดับ
ภาพท่ี 6 แสดงค่าเฉล่ยี และส่วนเบ่ยี งเมนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายสรปุ เปน็ รายด้าน
ส่งเสริมการจัดจำหน่าย
39
บทที่ 5
สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
ในการศึกษาเรื่องสบู่เหลวออรแ์ กนิค วัตถปุ ระสงค์การศึกษา 1. เพ่ือพฒั นาผลติ ภณั ฑส์ บู่
เหลวออร์แกนิคด้วยสมนุ ไพร 2. เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์สบู่เหลวออร์แกนิคให้ทางเลือกแก่ผบู้ ริโภค
และ 3. เพื่อศึกษาความพงึ พอใจทผี่ ู้บริโภคมตี ่อสบู่เหลวออรแ์ กนิค กล่มุ เป้าหมายในการศึกษาครงั้ นี้
ได้แก่ นักศึกษาประกาศนยี บัตรวิชาชีพช้นั สงู (ปวส.) ชั้นปที ่ี 2 แผนกวิชาการบญั ชี ภาคเรยี นที่ 1 ปี
การศกึ ษา 2564 วิทยาลัยอาชวี ศึกษาชลบุรี จำนวน 84 คน เครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการศึกษา คอื
แบบสอบถามเพื่อศึกษาความพงึ พอใจท่มี ตี ่อผลติ ภัณฑแ์ ละพฒั นาบรรจภุ ณั ฑส์ บูเ่ หลวออรแ์ กนิค แบ่ง
ออกเปน็ 3 ด้าน คือ ดา้ นคุณภาพผลติ ภัณฑ์ ด้านบรรจภุ ัณฑ์และการใชง้ าน และด้านสง่ เสรมิ การจดั
จำหนา่ ย สถติ ิที่ใชใ้ นการศกึ ษา คอื 1. รอ้ ยละ(Percentage) 2. ค่าเฉลีย่ เลขคณติ (Arithmetic
Mean) 3. ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน(Standard Deviation S.D.)
สรปุ ผลการศกึ ษา
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในการศกึ ษาครั้งน้ี สรปุ ไดด้ งั น้ี
ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทัว่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบวา่ กลุม่ เป้าหมายสว่ นใหญ่เป็นเพศหญงิ
จำนวน 80 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 95.20 ส่วนใหญอ่ ยู่ในช่วงอายุ 20 – 21 ปี จำนวน 47 คน คิดเป็นร้อย
ละ 55.30 รองลงมา อายุ 18 – 19 ปี จำนวน 33 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 38.80 และ อายุ 22 ปขี ึ้นไป
จำนวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.90 สว่ นใหญ่เปน็ ชว่ งสถานะ ปวส.2/2 จำนวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ
37 รองลงมา ปวส.2/3 จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 32 และปวส.2/1 จำนวน 26 คน คิดเปน็ รอ้ ย
ละ 31
ตอนที่ 2 ศึกษาความพึงพอใจท่มี ตี ่อผลติ ภัณฑ์และพฒั นาบรรจุภณั ฑส์ บ่เู หลวออร์แกนคิ แบง่
ออกเปน็ 3 ดา้ น คือ ดา้ นคุณภาพผลิตภณั ฑ์ ดา้ นบรรจุภณั ฑ์และการใชง้ าน และด้านสง่ เสรมิ การจดั
จำหนา่ ย
ดา้ นคณุ ภาพผลิตภัณฑ์ โดยรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( x̅ = 4.19 และ S.D. =
0.75) และเมอ่ื พิจารณาเปน็ รายขอ้ ผลิตภัณฑ์มกี ล่นิ สมนุ ไพรหอมสดชื่นมคี วามพึงพอใจในระดับมาก
ทส่ี ดุ ( x̅ = 4.38 และ S.D. = 0.76) รองลงมาผลิตภณั ฑช์ ำระสิง่ สกปรกได้หมดจดมีความพึงพอใจใน
ระดบั มาก ( x̅ = 4.27 และ S.D. = 0.77) ผลิตภณั ฑ์ปริมาณของผลิตภณั ฑ์มีความเหมาะสมมคี วาม
พงึ พอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.12 และ S.D. = 0.92) ผลิตภณั ฑ์เนื้อผลิตภณั ฑ์มคี วามละเอียด
นุ่มนวลมคี วามพึงพอใจในระดบั มาก ( x̅ = 4.10 และ S.D. = 1.09) ผลติ ภัณฑ์มคี วามอ่อนโยนต่อผิว