ปัจจัยทางจิตวิทยาทีม่ ีผลตอ่ พฤติกรรม
สขุ ภาพ : เจตคติ ค่านิยม
รหัสวชิ า 324221 : สุขศึกษาและพฤติกรรมสขุ ภาพ
อ.มนชนก ชูวรรธนะปกรณ์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั พะเยา
วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้นสิ ิตเขา้ ใจความสมั พันธ์ระหวา่ งปัจจยั ต่างๆ
ทีม่ ีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพ
เพ่อื ใหน้ สิ ิตมีความรู้ ความเขา้ ใจในหลักการของ
พฤติกรรมสขุ ภาพ
เพอ่ื ใหน้ สิ ิตเขา้ ใจปัจจัยทางจิตวิทยาที่มีผลตอ่
พฤติกรรมสุขภาพ: เจตคติ คา่ นิยม
เพอ่ื ใหน้ สิ ิตบอกหลักการทางจิตวิทยาในการเขา้ ถึง
ชุมชนได้
เพ่อื ใหน้ สิ ิตมีความรคู้ วามเขา้ ใจแนวคดิ และทฤษฎี
เกีย่ วกับการพัฒนาพฤติกรรมสขุ ภาพ
จิตวิทยากับพฤติกรรมสขุ ภาพ
ความหมายของพฤตกิ รรมสุขภาพ(Definition of
Health Behavior)
Glanz, K. Lewis, F.M. et Rimer, B.K. (1997:9)
ได้นยิ ามพฤติกรรมสขุ ภาพว่า ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ
สว่ นท่ี 1 เปน็ คณุ ลักษณะของบุคคล ได้แก่ ความเชือ่
ความคาดหวงั แรงจงู ใจ การรบั รู้ ค่านิยม ฯลฯ
ส่วนท่ี 2 เปน็ คณุ ลกั ษณะของอารมณ์ ความรู้สึก และ
บุคลิกลกั ษณะ
สว่ นท่ี 3 เปน็ พฤติกรรมภายนอกทีเ่ ป็นการกระทาและนิสยั
ทั้ง 3 ส่วนนสี้ ัมพันธ์กับการทาให้ตนเองมีสขุ ภาพที่ดี
จิตวิทยากับพฤติกรรม ความหมายของจิตวิทยา (Definition of
สขุ ภาพ Psychology)
Atkinson et al.(1993:4) อธบิ ายไว้ว่า
จิตวิทยาเปน็ การศกึ ษาอยา่ งเป็นวทิ ยาศาสตร์
เกีย่ วกับพฤติกรรมและกระบวนการทางจิต
(the scientific study of behavior and mental
processes) คาวา่ วทิ ยาศาสตร์นนั้ หมายถึง
วธิ กี ารทีใ่ ช้อย่างเป็นระบบเพือ่ สงั เกต อธบิ าย
และทานาย
จิตวิทยากบั พฤติกรรม พฤติกรรม หมายถงึ กจิ กรรมทุกอย่างที่บคุ คลทา
สุขภาพ แล้วสามารถสงั เกตได้ = พฤติกรรมภายนอก
(overt behavior)
กระบวนการทางจิต หมายถงึ ความคดิ
ความรู้สึก แรงจงู ใจ ฯลฯ ที่อยู่ภายในบคุ คลทีไ่ ม่
สามารถสงั เกตได้ = พฤติกรรมภายใน
(covert behavior)
นิยามของจิตวทิ ยาและพฤติกรรมสุขภาพ จะเหน็
ได้ว่ามีความเกย่ี วขอ้ งกนั น่นั คอื องคค์ วามรู้ทาง
จิตวทิ ยาสามารถนามาใช้ในการอธิบาย ทาความเขา้ ใจ
ควบคุมและทานาย พฤติกรรมสุขภาพ
จิตวิทยากับพฤติกรรม Brannon, L.et Feist, J.(1997 : 11-14)
สุขภาพ ไดส้ รปุ ไว้ว่า
“ ปัญหาสุขภาพ เป็นเรื่องทีเ่ กีย่ วข้องกับพฤติกรรม
จิตวิทยาจึงมีสว่ นเกี่ยวข้องกบั สุขภาพ”
นอกจากนี้มีการนาจิตวิทยาไปใช้ในวงการ
สาธารณสุข ช่วยใหแ้ พทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่
รกั ษาคนไข้ที่โรคอยา่ งเดียว แต่จะมองทีค่ วามเปน็
มนษุ ยท์ ้ังร่างกาย จิตใจ กบั สงั คมแบบเป็นองค์รวม
จิตวิทยากบั พฤติกรรมสุขภาพ
❖ องค์ความร้ทู างจิตวิทยาที่นามาใช้อธิบายพฤติกรรมสขุ ภาพ
ในที่นจี้ ะใช้เนอื้ หาของจิตวทิ ยาทวั่ ไป (General Psychology) เพื่อใช้อธิบาย
ดงั นี้
1. พฒั นาการมนษุ ย์ ( Human Development)
พัฒนาการ หมายถึง การเปล่ยี นแปลงที่เกิดข้ึนทางดา้ นร่างกาย จิตใจ
อารมณ์และพฤติกรรมทางสังคม ท้ังทีง่ ่ายและซับซ้อน อาจเกิดสืบเนื่องเป็น
เหตุผลซ่งึ กันและกัน
ข้ึนอยู่กับ – ระยะเวลาที่ธรรมชาติกาหนด
- สภาพสิ่งแวดล้อมทีอ่ าจบั่นทอน หรือ ส่งเสริมพัฒนาการ
พัฒนาการของมนษุ ยแ์ บง่ ออกเปน็ วยั ทารก วัยเด็ก วัยรนุ่
วัยผไู้ หญ่ ย่อมมีพฒั นาการทง้ั ทางรา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ สังคม
ที่แตกตา่ งกนั
จิตวิทยากบั พฤติกรรมสขุ ภาพ (ต่อ)
❖ องค์ความร้ทู างจิตวิทยาทีน่ ามาใชอ้ ธบิ ายพฤติกรรมสุขภาพ
ประเดน็ สาคัญ คือ
1. สามารถจดั สิง่ แวดล้อมใหเ้ ปน็ สถานการณท์ ีเ่ หมาะสมเสริม
ตามช่วงเวลาและวุฒิภาวะ เพื่อให้ชีวิตพัฒนาไปได้อยา่ งเหมาะสม พ่อ
แม่สามารถเป็นตวั อยา่ งที่ดีด้านสุขภาพแกเ่ ด็ก เมื่อเข้าโรงเรียนมีครู เพือ่ น
และส่งิ แวดล้อมเอือ้ ให้เด็ก ฯลฯ
2. การทาความเข้าใจกับทฤษฎพี ฒั นาการทางปัญญาของ
Piaget รู้ว่าการให้สขุ ศึกษาเน้นกระบวนการคดิ เชิงนามธรรม
ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์คิดวเิ คราะห์
ทฤษฏี Psychosocial Development ของ Erikson ทีเ่ น้นจดุ วกิ ฤต
ทางการเปล่ยี นแปลงทางจิตวทิ ยา เพือ่ ปรับตวั ให้เข้ากับสังคมและ
สามารถนามาใช้ทาความเขา้ ใจกับคนได้
จิตวิทยากบั พฤติกรรมสขุ ภาพ (ตอ่ )
❖ องคค์ วามร้ทู างจติ วิทยาทีน่ ามาใช้อธิบายพฤติกรรมสุขภาพ
2. การรบั รู้ (Perception)
เปน็ กระบวนการท่บี คุ คลเลอื กจัดการ และให้ความหมายตอ่ สิง่
ที่รับเข้ามา
การรบั รู้บางชนดิ มมี าแตก่ าเนิด แตก่ ารรบั รู้สว่ นใหญ่ของคนเราได้รับ
อทิ ธิพลจากการเรียนรแู้ ละประสบการณ์
ข้ันตอนการรบั รู้ รบั สัมผัสจากสิง่ เร้า---> ระบบประสาทส่วนกลาง
--->
แปลความหมาย ---> ความรู้ ความเข้าใจ โดยตอ้ งอาศัยความจา
ความรู้ และประสบการณ์เดมิ ความตอ้ งการ เจตคติ ค่านยิ ม และ
บคุ ลกิ ภาพ
จิตวิทยากับพฤติกรรมสขุ ภาพ (ตอ่ )
❖ องคค์ วามรทู้ างจิตวิทยาทีน่ ามาใชอ้ ธบิ ายพฤติกรรม
สขุ ภาพ
3. การเรยี นรู้ (Learning)
เรือ่ งการเรียนรู้เปน็ เรือ่ งใหญ่และสาคญั มากกับการทา
ความเข้าใจกบั คน ตามแนวคดิ สาคัญทางจิตวิทยามี 2
แนวคิดใหญ่ๆท่เี ปน็ พื้นฐานคือ
Behavioral Perspective กับ Cognitive Perspective ซึ่ง
มีอิทธิพลต่อการอธิบายการเรียนรู้ในรูปของทฤษฎี เทคนิค
ในการปรับพฤติกรรมสุขภาพ
จิตวิทยากบั พฤติกรรมสุขภาพ (ต่อ)
❖ องคค์ วามรู้ทางจิตวิทยาทีน่ ามาใช้อธบิ ายพฤติกรรม
สุขภาพ
4. การจูงใจ (Motivation)
การจงู ใจมีอิทธิพลต่อการกระทา เก่ยี วขอ้ งกบั อารมณ์
เปน็ ตัวการสาคญั ต่อ
การดาเนินชีวิตให้ไปสเู่ ป้าหมายตามทีว่ างไว้
การสร้างแรงจงู ใจทาได้จากหลายแหล่งวิธีดงั นี้
จติ วิทยากับพฤตกิ รรมสขุ ภาพ
แหลง่ กระตุ้น วธิ ีการสรา้ งใหเ้ กิดแรงจูงใจ
จากภายนอก • ใชส้ ิ่งเร้ากระตุ้นให้เกิดการตอบสนอง
• ใชผ้ ลกรรมทางบวก(รางวัล)หรือให้สิ่ง
จากภายใน
ทางชีวภาพ ท่ไี ม่พงึ พอใจเพอ่ื ให้เกดิ พฤติกรรม
หลีกหนี
สงั คม
• เรา้ ให้เกดิ ภาวะคุกคาม ความเสีย่ ง
• ควบคมุ ให้เกดิ ความต้ังใจอย่าง
ต่อเนือ่ ง
• กระตนุ้ การรับสัมผัส (ใชก้ ลิน่ รสชาติ)
• ลดความหิว กระหาย ไม่สบายใจ
• ใชต้ ัวแบบทางบวก
• ให้เขา้ เป็นสมาชิกกลุ่ม
จติ วิทยากับพฤติกรรมสขุ ภาพ
แหลง่ กระตุ้น วธิ ีการสรา้ งใหเ้ กดิ แรงจูงใจ
ความรูส้ ึก/อารมณ์ • ทาให้มีความรู้สึกทด่ี ีๆ/ ลดความรสู้ ึกไมด่ ี
• ทาให้มีความม่นั คง ปลอดภยั มีคณุ ค่าใน
ความหมาย(Cognitive)
ตัวเอง
จิตวิญญาณ (ปัญญา)
• พัฒนาการรบั รคู้ วามสามารถตนเอง
• ให้ตั้งเป้าหมายด้วยตนเอง
• ลดการควบคมุ จากคนอื่น
• ทาให้เขา้ ใจจุดมุ่งหมายของชีวิต
• สร้างให้เกิดความศรทั ธา
จิตวิทยากบั พฤติกรรมสขุ ภาพ (ตอ่ )
❖ องค์ความรู้ทางจิตวิทยาทน่ี ามาใช้อธบิ ายพฤตกิ รรมสขุ ภาพ
5. บคุ ลิกภาพ (Personality)
บคุ ลกิ ภาพเกีย่ วข้องอย่างไรกบั สุขภาพ?
ทาไมบางคนจงึ ไม่สามารถควบคมุ ดูแลสขุ ภาพของตนได้?
ทาไมบางคนไมส่ ามารถทาตามแนะนาของแพทย์ พยาบาล
นกั สุขศกึ ษา?
ทาไมบางคนจึงดือ้ ต่อตา้ น ไม่ยอมรบั คาแนะนา?
จิตวิทยากับพฤติกรรมสุขภาพ (ต่อ)
❖ องคค์ วามรทู้ างจิตวิทยาทีน่ ามาใช้อธบิ ายพฤติกรรม
สขุ ภาพ
5. บคุ ลิกภาพ (Personality)
มีงานวจิ ัยหลายฉบบั ชีใ้ ห้เหน็ วา่ psychological reactance
เหล่านมี้ ี ความสมั พนั ธ์กบั บคุ ลิกภาพ เนื่องจาก
❖ เป็นพลังจูงใจภายในทีถ่ กู กระตุ้นให้เกิดขนึ้ เมื่อบคุ คลรบั รวู้ า่
ตนเองถกู คกุ คามหรือขาดอิสระในการดาเนินชีวติ จึงเกดิ การ
ต่อตา้ น ไม่ยอมรบั และไม่เข้าใจ
เจตคติ
ปจั จยั ทางจติ วทิ ยา ปจั จยั ทางจติ วิทยา: ความเชอ่ื เจตคติ คา่ นิยม
( Psychological Factors: Beliefs, Attitudes,
Values)
ความเป็นมาของเจตคติ
▪ คาวา่ “attitude” น้ันหากจะบญั ญัตศิ พั ท์เป็นคา
ไทย ควรใช้คาว่า “ เจตคต”ิ แทนคาวา่ “ทศั นคต”ิ
▪ เน่อื งจาก “เจตคติ” ตามพจนานุกรมฉบบั ราช
บณั ฑิตสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายวา่ เปน็
ท่าทีหรือความรู้สึกของบุคคลต่อสิ่งใดส่งิ หนง่ึ
▪ ตรงกบั ภาษาอังกฤษ วา่ attitude ให้ความหมาย
ว่า ความพร้อมหรือแนวโน้มทีจ่ ะทาสิ่งหนึง่ สิง่ ใด
เจตคติ ความหมายของเจตคติ
▪ Douglass and Pratkanis (1994: 271)
ให้นยิ ามคาวา่ เจตคติ หมายถึง การ
ประเมนิ ที่หมาย หรือสภาวะทางปญั ญาที่
เกิดขึ้นคอ่ นข้างคงทนต่อคุณคา่ ของทีห่ มาย
▪ Krench and Crutchfield (1984:152)
มองวา่ เจตคติ หมายถึง บุคคล
▪ Allport (1935: 810) สรปุ ไว้ว่า เจตคติ
หมายถึง ความพร้อมทางจิต ทีม่ อี ิทธพิ ลตอ่
บุคคลในการตอบสนองต่อทห่ี มายและ
สถานการณ์ต่างๆที่สมั พันธ์กัน
เจตคติ ความหมายของเจตคติ
▪ Downie, Tannahill and Tannahill (1997:
120-125) ได้แสดงความคิดเห็นและเปรียบเทียบ
นิยามของเจตคติ คือ จากแนวคิดที่ Roediger
et al(1984:587) นิยามเจตคติว่า เปน็ แนวโน้มท่ี
ค่อนข้างคงทนต่อการตอบสนองอย่างสม่าเสมอ
ต่อบุคคล วตั ถุ หรือสถานการณ์
จากนิยามนี้ มีประเด็นทค่ี วรพจิ ารณาหลาย
ประเด็นดังนี้
✓ ประเด็นแรก เจตคติ คือ “ค่อนข้างคงทน”
(relatively stable) ดังนั้นเจตคติจงึ เปลีย่ นแปลง
ได้ และสามารถทาให้เปลีย่ นได้
เจตคติ ความหมายของเจตคติ
✓ ประเดน็ ที่สอง คือ “ การตอบสนองอยา่ ง
สม่าเสมอ”(respond consistently) กล่าว
วา่ พฤติกรรมการตอบสนองต่อทีห่ มาย
สามารถบ่งชถี้ ึงเจตคติต่อส่งิ นั้น
✓ ประเด็นที่สาม เจตคตติ ้องมตี ่อบุคคล
วัตถุ หรือสถานการณ์ ดงั น้ัน เจตคติจะ
เป็นความเฉพาะเจาะจงต่อที่หมาย
เจตคติ ความหมายของเจตคติ
❖ หากนานิยาม Roediger et al มา
เปรียบเทียบกบั Ribeaux and Poppleton
(1978) Ribeaux and Poppleton ได้นยิ าม
วา่ เจตคติ คือ การเรียนรู้ทจี่ ะคิด รู้สกึ และ
กระทาในทางท่เี ฉพาะเจาะจงต่อทห่ี มาย
พบประเดน็ ทีน่ า่ สนใจคอื
✓ ประเด็นที่ 1 เจตคติเกิดจากการเรียนรู้ เจตคติ
เปลี่ยนแปลงไดม้ าจากผลของการมคี วามรู้และ
ความเข้าใจตอ่ สิ่งใดสิ่งหนึง่ และเจตคติ
สามารถเปลี่ยนแปลงไดต้ ลอดช่วงอายุ
เจตคติ ความหมายของเจตคติ
✓ ประเดน็ ที่ 2 พบวา่ เจตคตมิ ี 3 องค์ประกอบ
2.1 ส่วนทีเ่ ป็นปัญญาหรือความเชื่อ
(Cognitive aspect)
2.2 ส่วนที่เปน็ ความร้สู ึก (affective aspect)
2.3 การกระทา (conative aspect)
ซึง่ นิยามน้ีแตกตา่ งจาก Roediger et al ทีน่ ยิ ามเจต
คติเป็นเรื่องของการกระทาและมองวา่ เจตคตมิ มี ติ ิ
เดย่ี ว ขึน้ อยู่กบั ประสบการณ์ทีไ่ ด้รบั ของบุคคล
เจตคติ
แหลง่ การเกดิ เจตคติ
▪ ประสบการณต์ รง (Direct Experience)
▪ ครอบครวั (Parents&Family)
▪ โรงเรียน (Schools)
▪ กลมุ่ เพ่อื นและกลมุ่ อา้ งอิง
(Peers & Reference Groups)
▪ สือ่ มวลชน (Mass Media)
▪ วัฒนธรรม (Culture)
▪ บทบาททางสังคม (Social Roles)
▪ กฎหมาย (Laws)
เจตคติ กระบวนการในการสรา้ งเจตคติ
❖ เจตคตสิ ร้างไดห้ ลายทางซึง่ เปน็ ผลมาจากการที่
มนุษย์ปรบั ตวั กบั สิง่ แวดล้อม
1. Genetics (ทางพันธกุ รรม)
แฝดแท้ที่ถูกแยกเล้ียงดมู เี จตคติที่ใกล้เคยี งกัน
2. การเรียนรู้
การศกึ ษาแสดงใหเ้ หน็ ว่าเจตคติ ได้มาจาก
การเรียนรู้หลายรูปแบบ เชน่ สิ่งเร้า บคุ คล การ
สงั เกตการกระทามีผลต่อการสรา้ งเจตคติ
เจตคติ กระบวนการในการสร้างเจตคติ (ต่อ)
3. Mere exposure
งานวจิ ัย แสดงให้เห็นชัดวา่ บคุ คลที่ไดเ้ ผชิญ
ต่อที่หมายซ้าๆ มักจะชอบที่หมายน้ันหรือ มกั มี
แนวโนม้ มีเจตคติตอ่ สิ่งที่คุ้นเคย
4. Labeling and Metaphors
การติดป้ายทหี่ มายส่งผลถึงเจตคติ ทางบวก
และทางลบได้
5. Differentiation and Integration
การสร้างเจตคตอิ ีกวธิ หี นง่ึ โดยเปลีย่ น
definition ของเจตคตทิ ี่หมาย (differentiation) หรือ
อธิบายขยายความหมายของทีห่ มาย (integration)
เจตคติ
❖ การวัดเจตคติ
เจตคติ เป็นพฤติกรรมภายใน เป็นการรับรคู้ วาม
เขา้ ใจของแต่ละบคุ คลข้ึนกับประสบการณ์ที่ได้รับ ไม่ใช่
ต้องเป็นเรือ่ งที่เปน็ จริง (Facts) เสมอไป
❖ มาตรวัดเจตคติ
มีวิธีวัดเจตคติ 2 วิธีเท่าน้ัน (ธีระพร อุวรรณโณ, 2536)
คอื
1. Summated Rating Scale (มาตรรวมการ
ประมาณค่า)
2. Semantic Differential Scale (มาตรจาแนก
ความหมาย)
เจตคติ ❖ Summated Rating Scale (มาตรรวมการ
ประมาณค่า) คดิ คน้ โดย Rensis Likert(1932)
วธิ ีการนเี้ ปน็ ทีน่ ิยมกนั มากในการวจิ ยั ทางสขุ ภาพ
▪ ลกั ษณะของมาตร : ตวั มาตรจะประกอบดว้ ย
ข้อความต่างๆทั้งทางบวกและทางลบ
▪ วิธีการสร้างมาตร : กาหนดทีห่ มายของเจตคติให้
ชัดเจน เช่น การส่งเสริมสุขภาพ และพิจารณาว่า
มาตรที่สร้างข้นึ มานั้นจะวัดได้กีอ่ งค์ประกอบ
▪ ตีความคะแนนเจตคติ : ทาได้ 3 กรณี
1. ตีความคะแนนของผู้ตอบในกลุ่มเดียวกัน
2. ตีความคะแนนของผู้ตอบในกลุ่มเดียวกนั ตอบ
มากกวา่ 1 ครั้ง
3. ตีความคะแนนของผู้ตอบมากกว่า 1 กลุ่ม
เจตคติ ❖ Semantic Differential Scale (มาตรจาแนก
ความหมาย) มาตรนพี้ ัฒนาขนึ้ โดย Charles Osgood
และคณะ(1957) เป็นมาตรที่สามารถบอกทิศทางและ
ความเขม้ ของเจตคตติ อ่ ทีห่ มายได้
▪ ลักษณะของมาตร : ข้อความที่ระบถุ ึงที่หมายของเจต
คติปรากฎอยู่ส่วนบนของมาตร
▪ วิธีการสร้างมาตร : กาหนดที่หมายของเจตคติให้
ชดั เจน นาที่หมายไปกระตุ้นตวั คุณศัพท์ คดั เลอื กตวั
คุณศพั ท์และจดั หมวดหมู่
▪ การนามาตรไปใช้ : นาไปให้กลุ่มตวั อยา่ งจรงิ ตอบ
และนามาให้คะแนน
จติ วิทยาในการเขา้ ถงึ ชมุ ชน
1. การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Participation)
กลยทุ ธท์ ีจ่ ะให้เกิดการมสี ว่ นร่วมของชมุ ชน
1. กระบวนการข้ันต้นของการพัฒนา
2. กระบวนการพัฒนาต้องมลี กั ษณะภาพรวม (Holistic)
3. ต้องส่งเสริมและช่วยให้ประชาชนมีการมองหรือปริทัศนต์ ่ออนาคตในทางบวก
4. ต้องส่งเสริมและสนับสนุนใหเ้ กิดการเรียนรู้ (learning) โดยเนน้ ใหเ้ ป็นศูนย์กลาง
5. กระตุ้นและสนับสนนุ อยา่ งจริงจังใหเ้ กิดการมสี ่วนร่วม อย่างแขง็ ขนั ของ
ประชาชนในทุกระดับ
6. ให้มีบูรณาการผสมผสาน (integration) ท้ังจากล่างสู่บนและบนสู่ลา่ ง
จติ วิทยาในการเขา้ ถงึ ชมุ ชน
- การร้จู ักชมุ ชน
- การร้จู ักตนเอง
วิธีการปรับเจตคติ (Bartholomew et.al.,2001; 191)
วิธกี าร ใชอ้ ย่างไร
ค้นหาความเชอ่ื คน้ หาความเชื่อที่ไมถ่ กู ตอ้ งกอ่ นใส่
ปรับมุมมองเกย่ี วกับตน intervention
ปรับมมุ มองเกีย่ วกบั สิง่ แวดลอ้ ม กระต้นุ ท้งั ปัญหา ความรสู้ ึกทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
สรา้ งขอ้ ขดั แยง้ กบั ภาพตนเอง
ประสบการณต์ รง เพม่ิ ทกั ษะใหม่
เสนอตวั แบบ ใหข้ อ้ ขัดแย้งใหม่ๆ
ลงมือเรียนรูด้ ว้ ยตนเองแล้วได้รับรางวัล
นาเสนอตัวแบบที่แสดงพฤติกรรมตามที่
ตอ้ งการแลว้ ได้รับตวั เสรมิ แรง
คา่ นิยม
ค่านยิ ม
คา่ นิยมอาจแบง่ เปน็ 2 ประเภท
1. ค่านิยมเฉพาะตวั (Individual Value) คา่ นิยมสว่ นบุคคลเปน็ การ
ตดั สนิ ใจเลอื กในสง่ิ หรือสถานการณ์ท่ตี นตอ้ งการหรือพอใจนนั้ ถอื วา่ เป็น
คา่ นิยมของบุคคลนนั้
2. คา่ นิยมสังคม (Social Value) หมายถึงคา่ นิยมของคนสว่ นใหญ่ในสังคม
กล่าวคอื สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่ยอมรับวา่ เปน็ ส่งิ ที่ดงี าม หรือควรแก่การ
ปฏิบัติสิง่ หรือสถานการณ์นน้ั ๆ กจ็ ะกลายเปน็ ค่านยิ มของสังคมนั้น ๆ
คา่ นยิ ม (ตอ่ )
คา่ นิยมแบ่งออกเปน็ 2 ระดบั
ค่านิยมในทางปฏิบัติ (Pragmatic values) เปน็ หลกั ของศลี ธรรมที่ตง้ั อยู่บน
รากฐานทีว่ ่าตนในสงั คมตอ้ งพง่ึ พาอาศัยกัน ดงั น้ันค่านยิ มจึงประณาม สิง่ ทีท่ าให้
เกิดความแตกแยกในสงั คม เชน่ การคดโกง การทาร้ายกนั และยกย่องพฤติกรรม
ที่เป้นประโยชนต์ ่อสว่ นรวม เชน่ ความขยันขันแข็ง ความซื่อสตั ย์
ค่านิยมอดุ มคติ (Ideal values) ซึง่ มคี วามลกึ ซึ่งกว่าค่านยิ มในทางปฏิบัติ เชน่
ศาสนาคริสต์สอนว่าใหค้ นรักเพื่อนบ้านเหมอื นกบั รกั ตนเอง ซึง่ น้อยคนที่จะปฏิบตั ิ
ตามได้ แต่ค่านยิ มระดับนี้กม็ ีความสาคญั ในการทาใหค้ นเหน็ แก่ตวั นอ้ ยลง
ชนดิ ของค่านยิ ม
ชนิดของคา่ นิยม
ค่านิยมทางวัตถุ
ค่านิยมทางสังคม
ค่านิยมทางความจริง
ค่านิยมทางจริยธรรม
ค่านิยมทางสุนทรียภาพ
ค่านิยมทางศาสนา
ค่านยิ ม
คา่ นิยม (Values) ความหมาย
▪ ความคิด พฤติกรรม และสิง่ อืน่ ที่คนในสังคมใดสงั คมหนึ่งเหน็ ว่ามคี ณุ คา่
จึงยอมรบั มาปฏบิ ัติ คา่ นิยมมักเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย
▪ สิ่งที่คนสนใจ สิ่งที่คนยกย่องเป็นสิ่งที่ต้องทา
▪ เปน็ ความเช่อื ซึ่งมผี ลต่อการกระทา มคี วามชอบความพอใจเปน็ หลัก
▪ ค่านิยมเปน็ แกนกลางสาคญั ที่ให้คนปฏิบตั ิ มีบทบาท 2 อยา่ ง
- เปน็ มาตรฐานที่จะนาส่กู ารปฏิบตั ิ
- กระตุ้นเพือ่ ให้เกดิ แรงจูงใจทีใ่ ห้เกิดการปฏบิ ัติ
คา่ นิยม
❖ ค่านิยม เปน็ มาตรฐานควบคุม กาหนดเป้าหมายการปฏิบตั ิ และเป็นแกนกลาง
ในการเสริมสร้างแรงจงู ใจ เจตคติใน 2 ประเด็นคือ
1. เป็นตวั นาทางในการดาเนนิ ชวี ิต
2. เป็นมาตรฐานในการตัดสินตนเองและผู้อน่ื
❖ ประเภทของคา่ นิยม
1. ค่านยิ มเฉพาะตัว ค่านยิ มของสังคม
2. ค่านิยมวิถีปฏิบตั >ิ >ค่านิยมจดุ หมายปลายทาง
คา่ นยิ ม
คา่ นยิ มท่ผี ิดๆ เก่ยี วกับการป้องกันโรค
การซื้อยาทานป้องกนั โรคกามโรคหลังจากเทีย่ วหญงิ บรกิ าร สาเหตนุ า่ จะ
เกดิ จากความเขา้ ใจผิด และมกี ารบอกเลา่ กนั ตอ่ ๆ กนั มา
การใชย้ าทาแทง้ ยาขบั ประจาเดือน เพื่อทาแท้ง สาเหตมุ าจากความไมร่ ู้
และการขายยา โดยไรจ้ รรยาบรรณของผู้ชายยาในรา้ นขายยา
ค่านิยมเก่ยี วกับเรือ่ งเวทยม์ นตค์ าถา สิง่ ศักดิ์สทิ ธิ์ ชว่ ยปอ้ งกนั โรคร้ายได้
การรบั ประทานอาหารดิบ ซง่ึ เปน็ ตน้ เหตุของโรคพยาธิ
การไม่สวมหมวกกันน็อคในขณะทีข่ บั ข่รี ถจักรยานยนต์
คา่ นยิ ม
ค่านยิ มท่ผี ิดๆ เกย่ี วกบั กับการส่งเสริมสุขภาพ
การซื้ออาหารเสริมสขุ ภาพมาทาน เชน่ เยลลี่ นมผึ้ง โสมต่างๆ เปน็ ต้น
คา่ นิยมทีผ่ ิดในการดื่มเครือ่ งชกู าลังตา่ งๆ เชน่ กระทิงแดง ลิโพวิตัน-ดี เอม็ -150
การเลย้ี งลูกด้วยนมกระปอ๋ งดกี วา่ นมแม่ เพราะแมไ่ มเ่ สียรปู ทรง
คา่ นิยมผิดๆ เกีย่ วกับการออกกาลงั กาย เชน่ คนสูงอายไุ มค่ วรออกกาลังกาย
การซื้อวิตามินให้ลูกทานด้วยความเช่อื วา่ จะทาใหล้ กู แขง็ แรง เรียนเก่ง และ โตไว
คา่ นยิ ม
คา่ นิยมผิดๆ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล
การซือ้ ยาทานเองโดยไมม่ ีความรเู้ กย่ี วกับการใชย้ าทถี่ ูกตอ้ ง
การนิยมใชย้ าชดุ ของประชาชนในเขตชนบท
การรกั ษากับหมอพระ หมอนา้ มนต์ หมอเถือ่ น โดยวิธีการรกั ษาทีไ่ มถ่ กู ตอ้ ง
การใชย้ าคุมกาเนิดในการรกั ษาโรคกระเพาะของประชาชนในภาคเหนือ
ค่านิยมในการใหค้ วามสาคญั กับแพทยเ์ กนิ ไป
คา่ นยิ ม
คา่ นยิ มท่ผี ิดๆ เกย่ี วกบั การฟื้นฟสู ขุ ภาพ
การงดอาหาร เชน่ เนอ้ื สัตว์ ไข่ เพราะเชื่อว่าเปน็ อาหารแสลง
หลงั คลอดบุตร
การทากายภาพบาบดั กับหมอน้ามนั
การไม่ยอมเคลื่อนไหวหลังการผ่าตดั เพราะกลัวแผลจะแยก
ค่านยิ ม
วิธีการสรา้ งคา่ นิยมทางสุขภาพทีถ่ กู ต้อง
1. การสรา้ งศรทั ธาให้เกดิ แก่ค่านยิ มที่จะปลกู ฝงั
2. การสง่ เสริมใหป้ ฏิบัติตามค่านยิ ม
3. การสร้างคา่ นยิ มโดยการตรวจสอบคา่ นยิ ม
ค่านยิ ม
❖ เกณฑก์ ารพิจารณาวา่ อะไรเป็นคา่ นิยม
1. ต้องเลอื กอยา่ งอิสระเพราะเหน็ คุณคา่ ไม่ใช่ถกู บังคบั
2. พิจารณาขอ้ ดี ขอ้ เสีย และผลที่ตามมา
3. ภาคภูมิใจว่าเป็นสิ่งทีด่ ี
4. ยินดีที่จะเปดิ เผยขอ้ มูลตอ่ ผูอ้ ืน่
5. ตอ้ งมีการปฏิบัติตามค่านิยมทีย่ ึดถือ และปฏบิ ัติเป็นกิจวัตร
บทสรปุ
เจตคติ
“เจตคติ: เป็นองค์รวมของความเชือ่ หลายความเชื่อทีม่ ีตอ่ ทีห่ มายทีเ่ ฉพาะ”
คา่ นยิ ม
“คา่ นิยม: ความเชอ่ื ทีแ่ สดงออกในรูปวิถีปฏบิ ตั ิ และในรูปของสิง่ ที่ยึดถือเป็น
จดุ หมาย มีอิทธิพลตอ่ การตัดสินผิด ถกู ชว่ั ดี”
…Thank you…
for
your
…Attention…