การประเ ม ิ น ตาม สภาพ จ ร ง ิ ผล
เป็นการประเมินผู้เรียนที่มี ความเที่ยงตรงและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งผลสัมฤทธิ์ ที่จะประเมินจะสอดคล้องกับความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน มากที่สุด การประเมินผู้เรียนตามสภาพจริง (Authentic Assessment)
ทำ ไมจึงต้องมีการประเมินผู้เรียนตามสภาพจริง ปัญหาเหล่านี้ทำ ให้ต้องสูญเสียงบประมาณสำ หรับการบริหารการศึกษามากขึ้นทุกปี แต่คุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการศึกษากลับต่ำ ลง ดังนั้นระบบการศึกษาไทยในปัจจุบันต้องการการประเมินผลเพื่อที่จะพัฒนาการศึกษาให้มี คุณภาพโดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ อย่างหนักเช่นในปัจจุบันจำ เป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทย ต้องนำ ระบบการประเมินคุณภาพมาตรฐานการศึกษามาใช้เช่นเดียวกับนานาประเทศในโลก สถาบันการศึกษามีปริมาณที่มากยากที่จะควบคุมและตรวจสอบให้ทั่วถึง อีกทั้งยังแตก ต่างกันตามนโยบายของกระทรวงทำ ให้เกิดความหลากหลายในเรื่องคุณภาพการศึกษา ไม่อยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน การไม่ยอมรับผลการประเมินที่ออกมาในทางลบทำ ให้การประเมินไม่มีผล ต่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน การเก็บข้อมูลที่ไม่มีประสิทธิภาพข้อมูลที่ได้มาไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง หรือล่าช้าไม่ทันเหตุการณ์ ขาดองค์กรกลางที่มีความเป็นอิสระมาตรวจสอบผลการดำ เนินงานการจัดการศึกษา ของหน่วยงานต่างๆด้อย่างมีประสิทธิภาพและเที่ยงธรรม ระบบการประเมินผลของไทยยังขาดการจัดทำ เกณฑ์มาตรฐานระดับชาติที่มีคุณภาพ จากการศึกษาของสำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พบว่าระบบการประเมินผลและการควบคุมมาตรฐานการศึกษาไทยมีปัญหาหลายประการเช่น Question ปัญหา
c c l A เเบบดั้ง ดั้ เดิม c l A เเบบปรับปรุง ในการประเมินตามสภาพจริงที่มาใช้ในการจัดการศึกษา ซึ่งนักวิชาการได้ นำ เสนอเหตุผลในการนำ การ ประเมินผลตาม สภาพจริงมาใช้ ดังนี้ เหตุตุตุ ผ ตุ ผลในการใช้ช้ ช้ปช้ ระเมิมิ มิ นมิ นผลตามสภาพจริริ ริ งริ ง l A เเบบที่ควรจะเป็น *** C หมายถึง หลักสูตร (Curriculum) I หมายถึง การเรียรีนการสอน (Instructional) A หมายถึง การประเมิน (Assessment) 3.1 ครูผู้สอนมักจะจำ แนกการเรียนการสอน และการวัดและประเมิน ผลออกจากกัน ซึ่งที่แท้จริงแล้ว ควรจะมีการดำ เนินการที่ควบคู่กันไป ในเวลาเดียวกันและเป็นไปอย่างต่อเนื่องที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
3.2 ครูผู้สอนส่วนมากจะใช้แบบทดสอบเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการ วัด และประเมินผลเพียงอย่างเดียวที่นักวิชาการได้ยอมรับกันว่าเป็น เครื่องมือที่มี ข้อจำ กัดในการประเมินเพื่อตัดสินผู้เรียน โดยเฉพาะ แบบทดสอบแบบปรนัย ที่โดยส่วนมากจะวัดความจำ ไม่ครอบคลุม การวัดความคิดในระดับสูง หรือวัดกระบวนการของผู้เรียนไม่ได้ อาทิ การพูด การปฏิบัติ การสร้างสรรค์ เป็นต้น จึงต้องมีการปรับ เปลี่ยนวิธีการวัดและการประเมินให้มีความสอดคล้องกับการวัด กระบวนการและความคิด ในระดับสูง เหตุตุตุ ผ ตุ ผลในการใช้ช้ ช้ปช้ ระเมิมิ มิ นมิ นผลตามสภาพจริริ ริ งริ ง
ปรัชญาพื้นฐานของการประเมินผลตามสภาพจริงริ การประเมินตามสภาพจริงริมุงเน้น กระบวนการ (process) และผลผลิต (product) ที่เกิดขึ้น กระบวนการมีความสำ คัญ เช่นเดียวกับผลผลิตจาก การกระทำ มุ่งเน้นการ พิจารณาว่าผู้เรียรีนได้เรียรีนรู้อะไร เรียรีนรู้อย่างไร และทำ ไมจึงเรียรีนรู้เช่นนั้นนั้ การประเมินตามสภาพจริงริมุ่งเน้นว่าความรู้ ในเรื่อรื่งใดเรื่อรื่งหนึ่งมีความหมายได้หลากหลาย มิได้มีความหมายเดียวสำ หรับทุกคนในโอกาส เพิ่มการเรียรีนรู้เป็นป็เรื่อรื่งของกระบวนการที่เป็นป็ธรรมชาติมี บูรณาการและเป็นป็ ส่วนหนึ่งของชีวิตวิมิใช่เป็นป็เรื่อรื่งของการหยิบ ยื่นหรือรืยากให้เรียรีนผู้เรียรีนต้องการกระตือรือรืร้นที่จะค้นคว้าว้ เพื่อหาความหมายของสิ่งที่เรียรีนการเรียรีนรู้จึงเป็นป็ผลจากการ ปฏิบัติจริงริมากกว่าว่การซ้าหรือรืทำ ตามคำ บอกกล่าวเท่านั้นนั้หัว เรื่อรื่งย่อย 1 2 3
การประเมิน ตามสภาพจริงริมุ่งเน้นสืบสวนสอบสวน (inquiry) กล่าวคือเน้นการพัฒนทักษะการแก้ไข ปัญหาตาม สภาพที่เป็นจริงริในชีวิปวิระจำ วัน ซึ่งผู้เรียรีนจะต้องสังเกตคิด ถามและทดสอบความคิดของตนเอง การประเมินตามสภาพจริงริมีจุดหมายเพื่อกระตุ้น และอำ นวย ความสะดวกต่อการเรียรีนรู้ของผู้เรียรีน เมื่อผู้เรียรีนได้รับข้อมูลย้อนกลับ เกี่ยวกับการเรียรีน จะช่วยให้ ผู้เรียรีนได้รับแนวทางใหม่ๆ และสามารถ พัฒนาการเรียรีนรู้ได้ กว้างขวางยิ่งขึ้น นอกจากนี้จุดมุ่งหมายของการ ประเมินจึงไม่ได้ อยู่ที่มีการจัดลำ ดับหรือรืจัดประเภทของผู้เรียรีนแต่ อย่างใด การปนระเมินตามสภาพจริงริเน้นการเชื่อมโยงระหว่าง พุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย เมื่อผู้เรียรีนเห็นความสำ คัญ ของกิจกรรมการเรียรีน ผู้เรียรีนย่อมเกิดความสนใจที่จะศึกษา และเกิดความพยายามยิ่งขึ้น 4 5 6
การประเมินตามสภาพจริงริมีความเชื่อว่าการ ตัดสินใจในสิ่งที่จะสอนและสิ่งที่จะวัดเป็นเรื่อรื่งอัตนัย (subjective) และเป็นเรื่อรื่งเกี่ยวกับคุณค่า (value) การประเมินตาม สภาพจริงริ เน้นการมีส่วนร่วม ในการ ตัดสินใจ โดยผู้สอนควร ร่วมมือกับผู้เรียรีนในการตัดสินใจ เกี่ยว กับสิ่งที่เรียรีนและร่วมกัน ตรวจสอบว่าได้เรียรีนรู้มากน้อย เพียงใด ซึ่งนับเป็นกระบวนการ ตัดเชิงประชาธิปไตย การประเมินตามสภาพจริงริ เชื่อการเรียรีนรู้เป็นป็กระบวน การที่เกิด จากความร่วมมือ (coll aborative process) กล่าวคือ ผู้เรียรีนและผู้ สอนถือเป็นผู้เรียรีน ที่ต้องร่วมมือกัน มีอิสระที่จะ แสดงออกทางความ คิด และ ทดสอบความคิดซึ่งกันและกัน ทั้งทั้ผู้เรียรีนและผู้สอนต้องมี ความรับผิดชอบทางปัญญา ต่อกันเพื่อสร้างหลักสูตรที่ใช้ ในชั้นชั้เรียรีน 7 8 9
จอน มูลเลอร์ (Jon Mueller, 2008) กล่าว ว่าว่การประเมินตามสภาพจริงริเป็นการประเมินสิ่ง ที่อยู่ ในตัวนักศึกษา จากการที่นักศึกษาทำ จริงริ ซึ่งแสดงให้เห็นความสามารถในการประยุกต์ความ รู้และทักษะ สติกเกอร์ (stiggins, 1987) กล่าวว่าว่ การประเมินการปฏิบัติของผู้ถูกสอบ เพื่อ แสดงความสามารถ และความชำ นาญ เฉพาะด้าน จากการประยุกต์ใช้ความรู้และ ทักษะที่มีอยู่ของผู้ทดสอบ ความหมายของการประเมินผล ตามสภาพจริงริ
มีนักการศึกษาได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับการประเมินตามสภาพจริงริไว้อว้ย่างหลาก หลายสามารถ สังเคราะห์ความหมายของการประเมินตามสภาพจริงริดังนี้ เป็นการประเมินที่ใช้เทคนิคอย่างหลากหลายวิธีวิธีเพื่อตรวจสอบคุณภาพ ของงานของนักเรียรีน เพื่อแสดงออกถึงทักษะจากการเรียรีนรู้ ตลอดจนการ แสดงถึงการกระทำ การหรือรืวิธีวิธีการที่นักเรียรีนใช้ ซึ่งต้องอาศัยหลักการที่่ว่าว่ นักเรียรีนต้องมีการลงมือทำ หรือรืปฏิบัติ หรือรืแสดงออก เป็นวิธีวิธีการประเมินที่สะท้อนให้เห็นพฤติกรรม และทักษะที่จำ เป็นของนักเรียรีนใน สถานการณ์ ที่เป็นจริงริแห่งโลกปัจจุบัน ที่เน้นงานที่นักเรียรีนแสดงออกในภาคปฏิบัติ (Performance) เน้นกระบวนการเรียรีนรู้ (Process) ผลผลิต (Products) และแฟ้ม สะสมผลงาน (Portfolio) เป็นการประเมินเชิงปฏิบัติที่มีสัมพันธ์และมีความหมายที่แท้จริงริกับชีวิตวิประจำ วันวั เหตุผลประการหนึ่งของ ความพยายามพัฒนารูปแบบทางเลือกใหม่สำ หรับการประเมินคือ การ ประเมินโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐาน การประเมินผลโดยวิธีวิธีการอิงกลุ่ม การใช้แบบทดสอบชนิด เลือกตอบนั้นมีความล้มเหลวทั้งในเรื่อรื่งการประเมินทักษะระดับสูงและความสามารถของผู้เรียรีนที่ จะปฏิบัติงาน การประเมินโดยใช้เครื่อรื่งมือหลากหลายชนิด แทนการใช้แบบ ทดสอบเป็นเครื่อรื่งมือในการวัดเพียงอย่าง เดียวเทคนิคการประเมินจาก สภาพจริงริมานิยมทำ โดยการรวบรวมงานภาคปฏิบัติที่ได้จัดกิจกรรมการ เรียรีนรู้ ตามสภาพความเป็นจริงริที่สำ คัญกับชีวิตวิประจำ วันวั
การเรีย รี กชื่อการประเมินตามสภาพจริง ริ การประเมินภาคปฏิบัติ (Performance Assessment) เพราะ นักเรีย รี นจะถูกทดสอบโดยการให้ปฏิบัติจริงริเป็นธรรมดา การประเมินตามสภาพจริงริอาจเรีย รี กชื่อหลายอย่าง ได้แก่ - มีเยอร์ Meyer กล่าวว่า นักการศึกษาบางคนแยกการประเมิน ภาคปฏิบัติ (Performance Assessment) ออกจากการประเมินตาม สภาพจริงริ (Authentic Assessment) โดยการประเมิน ภาคปฏิบัติ อยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติ แต่ไม่เน้นการทำ งานในชีวิตวิจริงริ - การประเมินตรง (Direct Assessment) เป็นอีกชื่อหนึ่ง เพราะการประเมินตามสภาพจริงริ ใช้หลักฐานในการประเมินเป็นจำ นวน มากนำ ความรู้และทักษะไปใช้จริงริในการทำ งาน ถ้านักเรีย รี นทำ แบบ ทดสอบได้ เราอาจสรุปว่านักเรีย รี นสามารถประยุกต์ความรู้จากตำ ราได้ แต่นักเรีย รี นสามารถแสดงได้โดยตรงจากปฏิบัติจริงริ
ความสำ คัญของการประเมินตามสภาพจริง ริ ทำ ให้เกิดบุคคลแห่งการเรีย รี นรู้ ทำ ให้เกิดการพัฒนาคุณลักษณะบุคคลแบบ องค์รวม ผู้เรีย รี นมีความสุขในการเรีย รี น สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่าว่งโรงเรีย รี น บ้านและ ชุมชน
การนำ เสนองาน การปฎิบัติในสภาพจริงริ (Performance in the Fileld) เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมิน (Criteria) การประเมินตนเอง (Self-Assessment) ลักษณะของการประเมินผลตามสภาพจริง ริ
จากการจำ แนกคุณลักษณะของการประเมินตามสภาพจริงริข้างได้จำ แนก คุณลักษณะของ การประเมินจากทางเลือกใหม่ไว้ 6 ประการหลักดังนี้ 1) การประเมินจากทางเลือกใหม่นี้ผู้สอนต้องจัดโอกาสเรียรีนรู้ให้ผู้เรียรีนได้ แสดงออกใน ภาคปฏิบัติ คิดสร้างสรรค์ ผลิตผลงาน หรือรืกระท าบางสิ่ง บางอย่างที่สัมพันธ์กับสิ่งที่เรียรีน 2) ต้องดึงและกระตุ้นให้ผู้เรียรีนได้ใช้ระดับการคิดขั้นขั้สูงและใช้ ทักษะในการแก้ปัญปัหา 3) งานหรือรืภารกิจหรือรืกิจกรรมที่ให้ผู้เรียรีนทำ ต้องเป็น ป็ สิ่งที่มีความหมาย สำ หรับผู้เรียรีน 4) สิ่งที่เรียรีนต้องสามารถนำ ไปประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็น ป็ จริงริใน ชีวิตวิประจำ วันได้ 5) ต้องใช้คนเป็น ป็ ผู้ตัดสินการประเมิน ไม่ใช่เครื่อรื่งจักรตัดสิน (People not machine) 6) ผู้สอนจะต้องเปลี่ยนบทบาทใหม่ทั้งทั้ในด้านการสอนและการประเมิน
คุณลักษณะของการประเมินจากทางเลือกใหม่ดังกล่าวสรุปได้ เป็น ป็ แผนผังดังนี้
ประโยชน์ของการประเมินตามสภาพจริงริ 1. การเรียรีนการสอนและการประเมิน ตามสภาพ จริงริจะให้โอกาสแก่ผู้เรียรีน ได้เกิดการเรียรีนรู้ตามศักยภาพของ ตนเอง 2. การประเมินผลตามสภาพจริงริ ให้โอกาสต่อ กิจกรรมการเรียรีน การสอนที่เน้นผู้เรียรีนเป็นสำ คัญ 3. การประเมินผลตามสภาพจริงริ จะให้โอกาสในการเตรียรีมผู้เรียรีนให้ เกิดทักษะในการดำ รงชีวิตวิใน สังคมอย่างมีความสุข 4. การประเมินตามสภาพจริงริ ช่วยให้ผู้เรียรีนมีความสุขใน การเรียรีน ส่วนประกอบของการประเมินตามสภาพจริงริ โดยปกติการประเมินตามสภาพจริงริ ประกอบด้วย ผลงานของผู้ถูกประเมิน และ เกณฑ์การประเมิน (rubric) ซึ่งจะ ประเมินจากผลงานที่นักเรียรีนผลิต จำ นวนหลายๆ ชิ้น
ระดับของการประเมินผลตามสภาพจริง ริ งาน/กิจกรรมการปฏิบัติที่นำ ไปใช้ในการประเมินตามสภาพจริงริมีระดับ ของสภาพ จริงริที่ต่อเนื่องแตกต่างกัน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้ พิจารณาจากสถานการณ์การทดสอบที่มี การกำ หนดสถานการณ์ทดสอบจากสภาพ จริงริน้อยไปสู่สภาพจริงริมาก เช่น ครูผู้สอนกำ หนดสถานการณ์ปัญปัหาการซื้อ ขาย โดยใช้ธนบัตร จริงริแล้วถามปัญปัหาให้ นักเรียรีนแต่ละคนทอนเงินได้ถูกต้อง พิจารณาจากรูปแบบคำ ตอบที่มีการกำ หนดรูป แบบคำ ตอบจากการให้คำ ตอบแบบจำ กัดค่า สอบการให้ตัวตอบที่ไม่จำ กัดขอบเขตคำ ตอบ เช่น งานที่เขียนตอบสั้นสั้ๆ ตามคำ สั่งสั่และ จำ กัดเวลาตอบ โดยใช้ แบบทดสอบแบบ ปรนัย หรือรืแบบอัตนัยแบบจำ กัดคำ ตอบ ตามจุดประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง
พิจารณาจากลักษณะความถี่ของการทดสอบ มีระดับของสภาพจริงริตามลักษณะของความถี่ในการ ทดสอบ ถ้าทดสอบโดยใช้แบบทดสอบแบบปรนัยที่มีเวลา จำ กัดหรือรืทดสอบเพียงครั้งเดียวจะมีสภาพจริงริที่น้อยแต่ ถ้ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ในระหว่าว่งการเรียรีนการสอนจะมีระดับของสภาพจริงริที่ สอดคล้องกับชีวิตวิจริงริมากกว่าว่ - สภาพจริงริน้อย การทดสอบจำ กัดเวลา และทดสอบน้อยครั้ง -สภาพจริงริมาก การเก็บรวบรวมข้อมูลจากงาน ที่ปฏิบัติใน ระหว่าว่งการเรียรีนการสอน
การประเมินแบบดั่งดั่เดิม การประเมินแบบสภาพจริงริ ดูคำ ตอบ ดูการปฏิบัติ ดูกรวางแผน ดูการทำ งานจริงริ การระลึก/การจำ การสรุปองค์ความรู้/การประยุกต์ใช้ ครูเป็นศูนย์กลาง นักเรียรีนเป็นศูนย์กลาง ใช้หลักฐานทางอ้อม ใช้หลักฐานของจริงริ การสอนเพื่อสอบ การสอนเพื่อการเรียรีนรู้ ลักษณะของการประเมินมิ
กำ หนดคุณภาพผลการเรียรีนรู้ การจัดทำ กำ หนดการสอน การจัดทำ แผนการสอน ดังนั้น ก่อนที่ครูจะจัดกิจกรรมการเรียรีนการสอน จึงจำ เป็นต้อง วางแผนการจัด กิจกรรมการเรียรีนการสอนให้สอดคล้องกับลักษณะสำ คัญ ดังกล่าว ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ลักษณะของการประเมินเเบบดั้งดั้เดิมเเละการประเมินตาม สภาพจริงริ 2) ต้องฝึกให้นักเรียรีนหาคำ ตอบในสิ่งที่เรียรีนรู้ว่ามีประโยชน์อย่างไร ในชีวิตวิประจำ วันวั 1) ต้องฝึกให้นักเรียรีนเกิดความสามารถในกระบวนการวิเวิคราะห์และ กระบวนการคิดรวบยอดในเรื่อรื่งต่างๆได้ วิเวิคราะห์หลักสูตร มีความสอดคล้องกับธรรมชาติของผู้ เรียรีน การจัดกิจกรรมมีจุดเด่นที่สนับสนุน ให้เกิดการเรียรีนรู้ที่แท้จริงริการจัด กิจกรรมส่งเสริมริให้มีการเรียรีนรู้ ที่แท้จริงริมากขึ้น ลักษณะการจัด กิจกรรมก่อให้ เกิดผลงานจากการปฏิบัติ
ประเภทวิธีวิธี การและเครื่อ รื่ งมือประเมินผลตามสภาพจริงริ เครื่อ รื่ งมือที่ใช้ในการประเมินผลตามสภาพจริงริมีดังนี้ การสังเกต การสอบถาม การทดสอบ การสัมภาษณ์ การตรวจผลงาน แฟ้มฟ้สะสมผลงาน (Portfolio) การจัดนิทรรศการ 1 2 3 4 5 6 7
เกณฑ์ของการประเมินผลที่ดี ต้องมีความเที่ยงตรง (Validity) คือต้องสามารถให้ข้อมูลที่ สอดคล้องกับเป้าป้หมายหรือรืจุดประสงค์ของการเรียรีนรู้ที่กำ หนด ต้องไม่ใช้เฉพาะการทดสอบด้วยข้อสอบเลือกตอบที่สอบ เป็น ป็ กลุ่ม เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์และตัดสินผลการเรียรีนเท่านั้นนั้ การประเมินผลจะต้องสามารถวัดผู้เรียรีนได้หมดทั้งทั้ตัวโครงการ ประเมินจะต้องมีเป้าป้หมายและกระบวนการประเมินพัฒนาการของ ผู้เรียรีน ทั้งทั้ทางด้านร่างกาย สังคมอารมณ์ สติปัญปัญา การประเมินผลจะต้องเกี่ยวข้องกับการสังเกตช้า ๆ หลายครั้งซึ่งจะ ช่วยให้ผู้สอนค้นพบพฤติกรรม ของผู้เรียรีนอย่างแท้จริงริหลีกเลี่ยง การตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพื่อพบพฤติกรรมที่ไม่เป็น ป็ ปกติ การประเมินผลจะต้องดำ เนินการต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งในการ ประเมินผู้เรียรีนแต่ละคน จะเปรียรีบเทียบความก้าวหน้าของตนเอง มากกว่าว่จะเปรียรีบเทียบกับกลุ่ม การประเมินผลจะต้องใช้วิธีวิธีการที่หลากหลาบ เพื่อรวบรวมข้อมูล จากแหล่งต่างๆที่จะใช้เป็น ป็ ข้อมูลในการตัดสินอย่างมีเหตุผล ข้อมูลจากการประเมินผล จะต้องนำ ไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตร เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้เรียรีนแต่ละคน
สิ่งที่ควรคำ นึงในการประเมินตามสภาพจริง ริ การออกแบบการวัดและการประเมินตามสภาพจริงริควรวิเวิคาระห์ แปลความ หมายของจุดประสงค์การเรียรีนรู้ที่จะใช้ว่าว่ การแปลงจุดประสงค์การเรียรีนรู้ให้เป็น ป็ ภาระงานที่ผู้ เรียรีนต้องปฏิบัติ จะทำ ให้ลดภาระงานในการวัดและ ประเมินของครูผู้สอน เพียงแต่ผู้สอนมีการสังเกต พฤติกรรมการแสดงออกของผู้เรียรีน ตรวจสอบผล งานการฝึกฝึปฏิบัติก็จะสามารถนำ ผลดังกล่าวมาประเมิน ผู้เรียรีนได้ การกำ หนดผู้เรียรีนเป็น ป็ กลุ่มเล็กให้ดำ เนินงานกลุ่ม และกำ หนดเกณฑ์การประเมินในแต่ละชิ้นงานให้มี ความชัดเจนหรือรืให้มีการวัดและประเมินกันเอง ภายในกลุ่ม โดยมีครูผู้สอนเป็น ป็ ผู้ดูแลให้คำ ปรึกรึษา จะทำ ให้ผู้เรียรีนมีส่วรร่วมในการเรียรีนการ สอนมากขึ้น ถ้าผู้เรียรีนได้บรรลุประสงค์นี้อย่างครบถ้วนแล้ว ผู้เรียรีนควรจะมี พฤติกรรมการแสดงออกที่แตกต่างจากผู้เรียรีนที่ไม่บรรลุจุดประสงค์
การประเมินสภาพจริงริ Authentic Assessment) มักนิยมใช้รูบริคริเพื่ออธิบายความสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียรีน มีประเด็นสำ คัญ ดังนี้ การประเมินผลตามสภาพจริง ริโดยการใช้รูบริค ริ ความหมายของรูบริคริ “รูบริคริ” (Rubric) มาจากภาษาละตินว่าว่ “ RUBRICATERRA ” ซึ่งเป็น ป็ คำ โบราณที่ ใช้ในทางศาสนา หมายถึง การทำ เครื่อรื่งหมาย สีแดงไว้บว้นสิ่งสำ คัญเพื่อใช้นำ ทาง ส่วนทางการศึกษานั้นนั้รูบริคริหมายถึง สมรรถภาพหรือรืรายการของ คุณลักษณะที่บรรยายถึงความสามารถในการแสดงออกของ นักเรียรีนในแต่ละระดับชั้นชั้เพื่อใช้เป็น ป็ แนวทางที่ชัดเจนในการให้คะแนน รูบริค ริ
นักวิชวิาการสมัยใหม่อธิบายว่าว่คำ ว่าว่ “ Rubric ” หมายถึง “ กฎ” หรือรื “ กติกา ” (Rule) ส่วนคำ ว่าว่ “ Rubric Assessment ” นั้นนั้หมายถึง แนวทางในการให้ คะแนน (Scoring Guide)ซึ่ง สามารถที่จะแยกแยะ ระดับต่าง ๆ ของความสำ เร็จในการเรียรีน หรือรืการปฏิบัติของนักเรียรีนได้อย่าง ชัดเจนจาก ระดับดีมากไปจนถึง ระดับต้องปรับปรุงแก้ไข ดังนั้นนั้รูบริคริจึงเป็น ป็ เครื่อรื่งมือในการให้คะแนน ซึ่งประกอบด้วย เกณฑ์ด้านต่าง ๆ ที่ใช้ พิจารณาชิ้นงานหรือรืการปฏิบัติงาน และระดับ คุณภาพของเกณฑ์แต่ละด้านซึ่งมีตั้งตั้แต่ระดับดีเยี่ยมจนถึงระดับต้อง ปรับปรุงส่วนเกณฑ์การประเมิน (Scoring Rubrics)
ทำ ไมใช้รูบริค ริ รูบริคริเป็น ป็ เครื่อรื่งมือที่สามารถใช้ได้กับทั้งทั้การสอนและการประเมิน ครูสามารถ ใช้ รูบริคริเพื่อพัฒนา หรือรืปรับปรุงการปฏิบัติงานของนักเรียรีนได้ และช่วยให้ครูสามารถตั้งตั้ความ คาดหวังกับการ ปฏิบัติงานของนักเรียรีนได้อย่างชัดเจน รูบริคริเป็น ป็ เครื่อรื่งมือที่มีประโยชน์ในการช่วยเหลือนักเรียรีนให้เป็น ป็ ผู้ที่สามารถตัดสิน คุณภาพชิ้นงานอย่างมี เหตุผล ทั้งทั้งานของตนเองและผู้อื่น นักเรียรีนจะรู้ข้อผิดพลาดของตนเองและผู้อื่น การทำ เช่นนี้บ่อย ๆ ช่วยให้ นักเรียรีนเกิดความรับผิดชอบในงานของตนเองมากยิ่งขึ้น รูบริคริเป็น ป็ เครื่อรื่งมือที่ช่วยลดจำ นวนเวลาที่ครูใช้ในการประเมินผลงานของนักเรียรีน ลงได้ เพราะโดยปกติ ครูมักประเมินงานของนักเรียรีนที่ละชิ้น แต่ถ้าใช้รูบริคริในการประเมินงานแล้ว นักเรียรีนจะสามารถประเมิน งานของตนเองและของเพื่อน ๆ ได้ รูบริคริใช้ได้ง่ายและอธิบายได้ง่ายเช่นกัน การใช้รูบริคริจะช่วยให้นักเรียรีนทราบว่าว่ นักเรียรีนได้เรียรีนรู้อะไร และเมื่อมี การประชุมผู้ปกครอง ครูอาจใช้รูบริคริอธิบายให้ผู้ปกครองเข้าใจได้ง่ายโดยผู้ ปกครองจะทราบได้ว่าว่บุตรหลานของ ตนต้องทำ อย่างไรบ้างจึงจะประสบผลสำ เร็จในการเรียรีน
ประโยชน์ ช่วยให้การคาดหวังวัของครูที่มีต่อผลงานของนักเรียรีนบรรลุผลสำ เร็จได้ ช่วยให้ครูเกิดความกระจ่างชัดยิ่งขึ้นว่าว่ต้องการให้นักเรียรีนเกิดการเรียรีน รู้หรือรืพัฒนาการอะไรบ้าง ช่วยให้นักเรียรีนสามารถระบุคุณลักษณะจากงานที่เป็นตัวอย่างได้โดยใช้ รูบริคริตรวจสอบ ช่วยให้นักเรียรีนสามารถควบคุมตนเองในการปฏิบัติงานเพื่อไปสู่ความ สำ เร็จได้ เป็นเครื่อรื่งมือในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่าว่งกิจกรรมการปฏิบัติ งานต่าง ๆ ของนักเรียรีนได้เป็นอย่างด ช่วยให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ปกครอง ผู้สนับสนุน ได้เกิดความเข้าใจ เกณฑ์ในการตัดสินผลงานนักเรียรีนที่ครูใช ช่วยในการให้เหตุผลประกอบการให้ระดับผลการเรียรีนของนักเรียรีนได้
เพื่อประเมินกระบวนการ (Process) เช่น ประเมินการเรียรีนรู้เป็น ทีม กลยุทธการ สัมภาษณ์ เป็น ป็ ต้น พื่อประเมินการปฏิบัติ (Performance) เช่น ประเมินการนำ เสนอปากเปล่า การอภิปราย การสาธิต เป็น ป็ ต้น เพื่อประเมินผลผลิต (Product) เช่น ประเมินแฟ้มฟ้สะสม ผลงาน รายงานการวิจัวิจัย นิทรรศการ ผลงานศิลปะ เป็น ป็ ต้น จุดประสงค์
การบรรยายคุณภาพของแต่ละระดับความสามารถ (Quality Description) เป็น ป็ การเขียนคำ อธิบายความสามารถให้เห็นถึง ความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละระดับ ซึ่งจะทำ ให้ง่ายต่อการ ตรวจให้คะแนน องค์ประกอบ เกณฑ์หรือรืประเด็นที่จะประเมิน (Criteria) เป็น ป็ การพิจารณาว่า ภาระงานหรือรืชิ้นงานนั้นนั้ๆ ประกอบด้วยคุณภาพที่ด้านอะไรบ้าง เพิ่มหัวเระดับความสามารถหรือรืระดับคุณภาพ (Performance Level) เป็น ป็ การกำ หนดจำ นวน ระดับของเกณฑ์ ส่วนมากจะ ประกอบด้วย 3 - 6 ระดับรื่อรื่งย่อย
รูบริคริแบบวิเวิคราะห์(Analytic Rubrics) เป็นเกณฑ์การให้ คะแนนที่แยกส่วน หรือรืองค์ประกอบคุณลักษณะของผลงาน หรือรืกระบวนการ แล้วนำ แต่ละส่วนหรือรืองค์ประกอบของ คุณลักษณะมารวมกันเป็นคะแนนรวม ชนิดของรูบริค ริ รูบริคริแบบองค์รวม(Holistic Rubrics) เป็นเกณฑ์การให้ คะแนนผลงานหรือรืกระบวนการ ที่ไม่ได้แยกส่วนหรือรืแยกองค์ ประกอบการให้คะแนน คือจะประเมินในภาพรวมของ ผลงาน หรือรืกระบวนการนั้น รูบริคริแบบAnnotated Holistic Rubrics ผู้ประเมินจะ ประเมินแบบ holistic rubrics ก่อนแล้วจึงประเมินแยก ส่วนอีกบางคุณลักษณะที่เด่น ๆ เพื่อใช้เป็นผลสะท้อนในบาง คุณลักษณะของ ผู้เรียรีน การให้คะแนนแบบ holistic rubrics ใช้ได้ง่ายและใช้เพียงไม่กี่ ครั้งต่อผู้เรียรีน 1 คน จะ เป็นการประเมิน ในภาพรวมของทุกคุณลักษณะในการปฏิบัติ งาน
คะแนนสูงสุด – คะแนนต่ำ สุด เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ = จำ นวนระดับคุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพรูบริค หลังจากที่ครูตรวจให้คะแนนแล้ว (ถือว่าว่เป็น ป็ การวัด) ครู ควรกำ หนดการตัดสินขั้น ขั้ สุดท้ายในรูป ของระดับคุณภาพ (ถือว่าว่เป็น ป็ การประเมิน) เช่น ดี พอใช้ หรือ รื ควรปรับปรุง โดย สามารถกำ หนดการตัดสินขั้น ขั้ สุดท้ายของคุณภาพได้ตามสูตร ดังนี้
จากตัวอย่างที่ 1 1. รูบริครินี้ มี 4 เกณฑ์ 2. แต่ละเกณฑ์ มี 3 ระดับคุณภาพ คือ ดีมาก (3) ดี (2) และ ควรปรับปรุง (1) 3. รูบริครินี้ คะแนนเต็ม (คะแนนสูงสุด) = 12 คะแนน (4 เกณฑ์ x 3 คะแนน) 4. รูบริครินี้ คะแนนต่ำ สุด = 4 คะแนน (4 เกณฑ์ x 1 คะแนน) ตัวอย่างเกณฑ์การตัดสินคุณภาพรูบริค
1. กำ หนดเนื้อหา/ วัตวัถุประสงค์ของ การประเมิน 2. ระบุตัวบ่งชี้/ รายการพฤติกรรม/ คุณลักษณะ/มิติที่ ต้องการประเมิน 3. คัดเลือกตัวบ่งชี้/ รายการพฤติกรรม/ คุณลักษณะ/มิติที่ ต้องการประเมิน 5. บรรยายคุณภาพ ของ เกณฑ์การประเมิน แต่ละ ระดับให้ชัดเจน ขั้น ขั้ ตอนในการออกแบบรูบริค (Rubrics) 4. จัดลำ ดับ ความ สำ คัญ/กำ หนด ระดับ คุณภาพ
ข้อดีของการประเมินด้วยรูบริค 1. เพิ่มความยุติธรรมในการให้คะแนนและการจัดอันดับ แสดงความ คาดหวังที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียรีน แสดงให้ สาธารณชนทราบได้อย่างชัดเจน 2. รูบริคริช่วยชี้ให้เห็นชัดเจนว่าตัวบ่งชี้ส าคัญที่ต้องการ วัดคืออะไร สอดคล้องกับจุดประสงค์ของหลักสูตรหรือรื ไม่ ช่วยขจัดสิ่งที่ไม่ส าคัญ และไม่ชัดเจนออกไป 3. รูบริคริช่วยครูผู้สอนและผู้เรียรีนในการพัฒนาการ เรียรีนการสอน
แฟ้มสะสมผลงานแสดงความต่อเนื่อง และพัฒนาในการเรียรีน รู้ของนักเรียรีนในการศึกษาเรื่อรื่งใด เรื่อรื่งหนึ่ง และสะท้อนถึงความ คิดสร้างสรรค์ของนักเรียรีน ผู้จัดทำ รวมถึงแสดงถึง จุดเด่นความ ถนัด ความสนใจของแต่ละบุคคลสะท้อนถึงการจัดกิจกรรมการ เรียรีนการ สอนที่เน้นผู้เรียรีนเป็นสำ คัญ 1. เพื่อให้เจ้าของแฟ้มได้ ประเมิน ตนเองว่าว่ผลการเรียรีนรู้ หรือรืงาน ที่ทำ เป็นอย่างไร ประสบผล สำ เร็จในระดับใด มีระบบหรือรืไม่ ควรจะปรับปรุงแก้ไข อย่างไร 2. เพื่อให้ผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง ได้ ประเมินเจ้าของแฟ้มว่าว่มี ความ สามารถในการเรียรีนรู้หรือรืการ ปฏิบัติงานเป็นอย่างไร ประสบผล สำ เร็จในระดับใด ควรจะได้รับการ ช่วยเหลือหรือรืพัฒนาหรือรืไม่อย่างไร การประเมินผลตาม สภาพจริงโดยใช้ แฟ้มสะสมผลงาน
ความสำ คัญของแฟ้ม ฟ้ สะสมงาน ตัวอย่างผลงานที่เป็นผลผลิต (Product samples) การสังเกตของครู (Teacher Observations) วัตถุประสงค์ของแฟ้ม ฟ้ สะสมงาน การจัดทำ แฟ้ม ฟ้ สะสมงานมี วัตถุประสงค์ 2 ประการ ตัวอย่างผลงานที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการ (Process Samples) ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการวัดวัและประเมินผลด้วยวิธีวิธีการหลากหลาย ข้อมูลที่เป็นข้อเสนอแนะจากผู้ปกครองและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
1.แฟ้มฟ้สะสมงานส่วนบุคคล (Personal Portfolio) เป็น ป็ แฟ้มฟ้ที่แสดง ข้อมูล เกี่ยวกับตัวเจ้าของแฟ้มฟ้เช่น พรสวรรค์กีฬา งานอดิเรก และการ ร่วมกิจกรรมชุมชน เป็น ป็ ต้น 2.แฟ้มฟ้สะสมงานเชิงวิชวิาการ (Academic Portfolio) หรือรืแฟ้มฟ้ส าห รับนักเรียรีน เป็น ป็ แฟ้มฟ้ที่แสดงผลเกี่ยวกับการเรียรีน การสอน เช่น แฟ้มฟ้ สะสมงานเพื่อใช้ ประเมินผลการผ่านจุดประสงค์การ เรียรีนรู้ เป็น ป็ ต้น 3.แฟ้มฟ้สะสมงานเชิงวิชวิาชีพ (Professional Portfolio) เป็น ป็ แฟ้มฟ้ที่ แสดงผลงาน เกี่ยวกับอาชีพ เช่น แฟ้มฟ้สะสมงานเพื่อใช้ ในการสมัคร งาน แฟ้มฟ้สะสมงานเพื่อ เสนอขอเลื่อนระดับ เป็น ป็ ต้น 4.แฟ้มฟ้สะสมงานสำ หรับโครงการ (Project Portfolio) โดยเป็น ป็ แฟ้มฟ้ที่แสดงถึงความพยายามหรือรืขั้นขั้ตอน การทางานในโครงการหนึ่ง หรือรืในการศึกษาส่วน บุคคล เช่น แฟ้มฟ้ โครงงานวิทวิยาศาสตร์ ในแฟ้มฟ้ จะประกอบด้วยภาพของวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ และแสดง ขั้นขั้ตอนต่าง ๆ ในการดำ เนินงานจนได้ผลผลิตที่ ต้องการ เป็น ป็ ต้น ประเภทของแฟ้ม ฟ้ สะสมงาน
1.การกำ หนดเกณฑ์ (Criteria selection) การกำ หนดเกณฑ์เป็น ป็ เรื่อรื่งที่ยาก 2.การประเมินของครู (Teacher assessment) ครูจำ เป็น ป็ ต้อง ได้รับการอบรมให้เข้าใจถึงการ ประเมินด้วยแฟ้มฟ้สะสมผลงาน 3.การประเมินตนเองของผู้เรียรีน (Student self-assessment) ผู้เรียรีนไม่คุ้นเคยการให้เป็น ป็ ผู้ ตัดสินผลงานที่ตนเองทำ แฟ้ม ฟ้ สะสมงานมีประโยชน์อย่างไร? แฟ้มฟ้สะสมผลงานทำ หน้าที่สะท้อนความสามารถออกมาเป็น ป็ ผลงานชิ้น สุดท้าย มีความแตกต่างจากแบบทดสอบอย่างชัดเจน ที่ไม่ใช่การสอบเพื่อ หาข้อผิดพลาด และยังทำ ให้ครูผู้สอนสามารถหา จุดเด่นของนักเรียรีนได้ ปัญหาที่พบได้ในการประเมินด้วยแฟ้ม ฟ้ สะสมผลงาน
การประเมินตามสภาพจริงริ (Authentic assessment) เป็น ป็ การวัดและประเมินผล แนวใหม่ที่เน้นการวัดและประเมิน กระบวนการและผลงานที่สอดคล้องกับชีวิตวิของนักเรียรีน เพื่อ ให้ผู้เรียรีนเกิดการพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพการประเมิน แบบนี้จะเกิดประโยชน์กับผู้เรียรีน มากเพราะเป็น ป็ การประเมินที่ ทำ ให้นักเรียรีนแสดงความรู้ความสามารถได้ชัดเจน ซึ่งจะทำ ให้ ครู ทราบความสามารถที่แท้จริงริของผู้เรียรีนว่าว่มีจุดเด่นและข้อ บกพร่องในเรื่อรื่งใด อันจะนำ ไปสู่การ แก้ไขที่ตรงประเด็นที่สุด สรุป
Thank you ผู้จัดทำ นางสาวกชนิกา ใจทา 65115217218 นางสาวรวิสรา โคตะบิน 65115217219