มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้วี ัด
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 งานและพลงั งาน
วิชาเพม่ิ เตมิ ฟิสิกส์ 2 ว30202 คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรยี นที่ 2
3 ช่ัวโมง / สัปดาห์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จานวน 1.5 หนว่ ยกิต
60 ช่วั โมง/ภาคเรยี น
สาระฟสิ กิ ส์ ๑. เขา้ ใจธรรมชาตทิ างฟิสิกส์ ปรมิ าณและกระบวนการวัด การเคล่ือนท่ีแนวตรง แรงและ
กฎการเคล่ือนท่ีของนิวตัน กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและกฎการ อนุรักษ์
พลังงานกล โมเมนตมั และกฎการอนรุ กั ษ์โมเมนตัม การเคล่ือนท่ีแนวโค้ง รวมทั้งนาความรู้ ไปใช้ประโยชน์
วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว ความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับตาแหน่ง กาลังเฉล่ีย พลังงาน
จลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล พลังงานศักย์โน้มถ่วง พลังงานศักย์ยืดหยุ่น กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชงิ กลของเครอื่ งกลอย่างง่ายบางชนดิ ประสิทธภิ าพและการได้เปรียบเชิงกล โม
เมนตัมของวัตถุ การดล ความสัมพันธ์ระหว่างแรงดลกับโมเมนตัม การชนของวัตถุในหนึ่งมิติท้ังแบบยืดหยุ่น
ไม่ยืดหยุ่น และการดีดตัวแยกจากกันในหน่ึงมิติ การเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ แรงสู่ศูนย์กลาง อัตราเร็วเชิง
เส้น อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ ประยุกต์ใช้ความรู้การ
เคลื่อนท่แี บบวงกลมในการอธบิ ายการโคจรของดาวเทียม
เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องเหมาะสม เกิดความ
ตระหนักและจิตอาสาในการดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมอย่างเหมาะสม เกิดความสามารถในการคิดความสามารถ
ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ในการส่ือสาร ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิตและ
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ และนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
1. วเิ คราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นท่ีใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับ
ตาแหนง่ รวมท้งั อธิบายและคานวณกาลังเฉลี่ย
2. อธบิ ายและคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ
พลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึง
สปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมท้ังอธิบายความ
สมั พนั ธร์ ะหว่างงานของแรงลพั ธ์และพลังงานจลน์ และคานวณงานทีเ่ กดิ ข้นึ จากแรงลัพธ์
3. อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกล รวมท้ังวิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการ
เคล่ือนท่ขี องวัตถุในสถานการณต์ า่ ง ๆ โดยใชก้ ฎการอนุรกั ษ์พลังงานกล
4. อธิบายการทางาน ประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกลของเครื่องกลอย่างง่ายบางชนิด โดยใช้
ความรูเ้ รอ่ื งงานและสมดลุ กล รวมทง้ั คานวณประสทิ ธภิ าพและการไดเ้ ปรยี บเชงิ กล
5. อธิบายและคานวณโมเมนตัมของวัตถุ และการดลจากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์
ระหวา่ งแรงลัพธ์กับเวลา รวมทัง้ อธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรงดลกบั โมเมนตมั
6. ทดลอง อธิบายและคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวกับการชนของวัตถุในหน่ึงมิติท้ังแบบยืดหยุ่น ไม่
ยืดหยุ่น และการดดี ตวั แยกจากกนั ในหน่งึ มติ ซิ งึ่ เป็นไปตามกฎการอนุรักษโ์ มเมนตมั
7. อธิบาย วิเคราะห์ และคานวณปริมาณต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเคล่ือนที่แบบโพรเจกไทล์ และ
ทดลองการเคล่อื นที่แบบโพรเจกไทล์
8. ทดลองและอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลาง รัศมีของการเคลื่อนที่ อัตราเร็วเชิงเส้น
อัตราเร็วเชิงมุม และมวลของวัตถุในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลมในระนาบระดับ รวมทั้งคานวณปริมาณต่าง ๆ ที่
เกย่ี วขอ้ ง และประยุกตใ์ ช้ความรูก้ ารเคลื่อนที่แบบวงกลมในการอธิบายการโคจรของดาวเทยี ม
รวมทั้งหมด 8 ผลการเรยี นรู้
หนว่ ยการเรียนรู้ ตารางกาหนดการสอน จานวนชัว่ โมง
หน่วยที่ 5 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5 งานและพลงั งาน 20
2
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง 2
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 งานและพลงั งาน 3
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 3 งานเนอ่ื งจากแรงคงตวั 3
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 งานเน่อื งจากแรงไม่คงตวั 3
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5 3
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 กาลัง 2
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 พลังงานกล (พลังงานจลน์) 2
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 พลังงานกล (พลงั งานศกั ย์โน้มถว่ ง)
พลังงานกล (พลังงานศักย์ยดื หยุ่น)
การอนรุ ักษ์พลงั งานกล
เคร่อื งกล
แผนการจัดการเรียนรู้
รายวชิ าฟิสกิ สเ์ พิม่ เตมิ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เร่ือง งานและพลังงาน
โดยบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
จดั ทาโดย
นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ
โรงเรียนศรีสโมสรวิทยา
สานักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาอุทยั ธานี ชัยนาท
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
รายวชิ าฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเติม (ว30202) เวลา 20 ช่วั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 งานและพลังงาน
เรอื่ ง งานเนอื่ งจากแรงคงตวั
1. ผลการเรยี นรู้
วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับ
ตาแหนง่ รวมทัง้ อธิบาย และคานวณกาลังเฉลยี่
2. สาระสาคญั
เมื่อมแี รงคงตวั F กระทาตอ่ วัตถุให้เคล่ือนทใ่ี นแนวตรงไดก้ ารกระจัด x ถ้าแรงและการกระจัดมีทิศทาง
เดยี วกัน จะทาให้เกิดงาน (work) ของแรง F มีคา่ W = F x ซึ่งอาจมีค่าของงานเป็นบวก ศูนย์ หรือ ลบ
ขึ้นอยู่กับมุม งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน.เมตร (N.m)หรือ จูล (J) อาจหาค่าของงานได้จาก
พ้นื ที่ใต้กราฟระหวา่ งแรงกบั ตาแหน่ง ทัง้ ในกรณีแรงคงตัวและแรงไมค่ งตวั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. บอกความหมายของงานในวชิ าฟสิ ิกส์ได้ (K)
2. วิเคราะหแ์ ละคานวณงานของแรงคงตัวจากสมการและพนื้ ทีใ่ ต้กราฟระหว่างแรงกบั ตาแหนง่ ได้ (P)
3. ทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ื่นได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
งานเกิดจากการออกแรงที่ทาให้วัตถุเคล่ือนที่ไปตามแนวแรง นั่นคืองานมีค่าเท่ากับแรงคูณกับ
ระยะทางท่ีวัตถุเคล่ือนท่ี หรือ W = Fs ซึ่งถ้าทิศของแรงกระทาและทิศการเคลื่อนท่ีของวัตถุไม่ได้อยู่ในแนว
เดียวกนั ต้องแตกแรงใหม้ าอย่ใู นแนวเดยี วกับการเคล่ือนท่โี ดยใชต้ รีโกณมติ ิ
วิธีในการคานวณหางาน คือ หาผลคูณของการกระจัดกับองค์ประกอบของแรงในทิศเดียวกับการ
กระจัดหรือผลคูณของแรงกบั องค์ประกอบของการกระจัดในทิศเดียวกับแรง ส่วนการหางานใต้กราฟ กรณีแรง
กระทามีค่าคงตัวหาได้จากพ้ืนท่ีของส่ีเหล่ียมผืนผ้า กรณีแรงมีขนาดเพิ่มข้ึนอย่างสม่าเสมอหาได้จากพ้ืนท่ีของ
สามเหลี่ยมมุมฉาก กรณที แี่ รงมขี นาดไม่สม่าเสมอหาไดจ้ ากผลรวมของพ้ืนที่ของสี่เหลี่ยมผืนผา้ เล็ก ๆ
เมอ่ื มแี รงคงตวั F กระทาต่อวตั ถุให้เคลือ่ นท่ีในแนวตรงไดก้ ารกระจดั x ถา้ แรงและการกระจัดมีทิศทาง
เดียวกนั จะทาใหเ้ กดิ งาน (work) ของแรง F มคี ่า W = F x ซ่ึงอาจมีค่าของงานเป็นบวก ศูนย์ หรือ ลบ
ข้ึนอยู่กับมุม งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน.เมตร (N.m)หรือ จูล (J) อาจหาค่าของงานได้จาก
พน้ื ทใ่ี ต้กราฟระหว่างแรงกับตาแหนง่ ทงั้ ในกรณแี รงคงตวั และแรงไมค่ งตัว
5. สมรรถนะสาคัญ
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซื่อสัตย์
2. มวี ินยั
3. ใฝุเรียนรู้
4. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
5. มงุ่ ม่ันในการทางาน
6. มีจติ สาธารณะ
7. ค่านิยม / คณุ ธรรม
1. ใฝุหาความรู้ หมนั่ ศึกษาเล่าเรียน
2. มสี ติ ร้คู ดิ ร้ทู า
3. มีระเบียบวนิ ัย
4. มคี วามเขม้ แขง็ ทง้ั ร่างกายและจติ ใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝาุ ยตา่
8. ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21
1. คดิ อย่างเป็นระบบและทางานกับผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
3. มคี วามยดื หยุ่น ปรบั ตวั เพอื่ พร้อมรบั การเปลีย่ นแปลง
9. ภาระงาน/ชน้ิ งาน
1. คาถามทดสอบความเข้าใจ 5.1
2. แบบฝึกหดั 5.1
10. กจิ กรรมการเรียนรู้ (รูปแบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ขนั้ ที่ 1 ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรียน
1.1 ครถู ามนกั เรียนว่า งาน คอื อะไรในความคดิ ของนักเรียน (คาตอบเป็นแบบปลายเปดิ )
1.2 ครูถามนักเรียนว่า งานทางฟิสิกส์ กับ งานในชีวิต เหมือนกันหรือไม่ (แนวคาตอบ :ไม่
เหมอื น)
1.3 ครใู หน้ กั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั ว่า งานทางฟสิ ิกส์ กบั งานในชวี ิต มขี ้อแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
1.4 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเกี่ยวกับ งานเน่ืองจากแรงคงตัว รวมถึงจุด
ประสงคก์ ารเรียนรู้ และเกณฑก์ ารวัดประเมินผล
ขั้นที่ 2 ขั้นสารวจและคน้ พบ
2.1 ครใู ห้นกั เรียนดภู าพต่อไปนี้ รปู หนึง่ เป็นการทากิจกรรมที่ออกแรงแล้วเกิดงาน อีกรูปหนึ่ง
ออกแรงแล้วไม่เกดิ งาน แล้วตัง้ คาถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือ ทบทวนเกี่ยวกับงานและพลังงาน
ทน่ี กั เรียนเคยได้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบอย่างอิสระไม่คาดหวังคาตอบ
ทถ่ี ูกตอ้ ง
จากรูปพิจารณาได้ว่ารูปทุกรูปมีงานเกิดขึ้น รูปผู้หญิงนั่งพิมพ์คีย์บอร์ด พิจารณานิ้วท่ีกดปุม
บนคีย์บอร์ดถือว่ามีงานเกิดขึ้นเพราะมีแรงท่ีนิ้วกดทาให้ปุมมีการเคล่ือนที่ ถ้าพิจารณาท่ีตัวผู้หญิงท่ีนั่งอยู่กับท่ี
จะถือว่าไม่เกิดงานเพราะไม่มีการเคลื่อนท่ี คนขับรถ พิจารณามือท่ีใช้หมุนพวงมาลัยจะถือว่ามีงานเกิดขึ้น ถ้า
พจิ ารณาตวั คนขบั ถือวา่ ไม่มีงานเกดิ ข้นึ เน่ืองจากแรงโนม้ ถว่ งเพราะคนขับรถไม่ได้มีการเคล่อื นท่ีขนึ้ หรอื ลง
2.2 ครถู ามนักเรียนว่า งานมคี วามสมั พันธ์กับพลังงานอย่างไร (คาตอบแบบปลายเปิด)
ขั้นที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูอธิบายเกี่ยวกับการหาค่าของงานตามรายละเอียดในหนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์
เพมิ่ เตมิ เลม่ 2 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) จนสรปุ ได้สมการ (5.1) ตามหนงั สือเรียน
W=Fx
โดยครูเน้นว่า สมการ(5.1) ใช้กับกรณีที่ทิศทางของแรง F และการกระจัด x อยู่ในทิศทาง
เดยี วกนั ไม่วา่ จะเปน็ การเคลอ่ื นท่ีบนพืน้ ระดับหรือพ้นื เอยี ง
3.2 ครูยกตัวอย่างการออกแรงที่ไม่อยู่ในแนวเดียวกับการเคล่ือนที่ของวัตถุ เช่น ช้างลากซุง
การดงึ กล่องดว้ ยเชอื ก โดยแรงมที ศิ ทามมุ กับการกระจดั แลว้ ใหน้ ักเรยี นอภิปรายรว่ มกันวา่ งานของแรงดังกล่าว
แตกต่างจากกรณีที่ผ่านมาอยา่ งไร จนสรุปไดส้ มการ (5.2) ตามหนังสือเรียน
W=Fx
3.3 ให้นักเรยี นพิจารณาคา่ ของ ที่ทาให้ค่าของงานเป็น บวก ลบ หรือ ศูนย์ โดยใช้รูป
5.3 ในหนังสือเรียนประกอบการพิจารณา แล้วอภิปรายร่วมกันจนได้ข้อสรุปเก่ียวกับค่าบวก ลบ หรือ ศูนย์
ของงานที่ข้นึ กบั มุมระหว่างแรงกับการกระจดั ทีก่ ระทาต่อกนั
ข้นั ที่ 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างงานท่ีมีค่าเป็นบวกและงานที่มีค่าเป็นลบในชีวิตประจาวัน เช่น
งานของแรงในแนวระดับที่ลากวัตถุให้เคลื่อนท่ีไปตามพื้นระดับมีค่าเป็นบวก งานของแรงดึงถุงทรายให้ข้ึนใน
แนวดิ่งมีค่าเป็นบวก งานของแรงดึงถุงทรายให้เคล่ือนที่ลงจากท่ีสูงมีค่าเป็นลบ งานของแรงที่ต้านให้วัตถุ
เคล่ือนท่ีช้าลงมีค่าเป็นลบ ครูเน้นเพิ่มเติมว่า งานที่เกิดจากแรงท่ีมีทิศทางตรงข้ามกับทิศทางการเคล่ือนท่ีของ
วตั ถุจะเปน็ ลบเสมอ เครอื่ งหมายบวกและลบของงานมิได้เป็นสิ่งแสดงทิศทางของงาน เพราะงานเป็นปริมาณส
เกลารจ์ ึงไมม่ ีทศิ ทาง
4.2 ครูอธิบายตัวอย่าง5.1 และ5.2 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จากน้ันครูนาอภิปราย
เก่ียวกับงานเนื่องจากแรงดึงดูดของโลกบริเวณใกล้ผิวโลกโดยเริ่มจากครูต้ังคาถามให้นักเรียนอ ภิปรายร่วมกัน
ว่าใน กรณีที่วัตถุตกแบบเสรีจากที่สูง มีแรงอะไรท่ีกระทาต่อวัตถุและมีงานเกิดขึ้นหรือไม่ (แนวคาตอบ : งาน
เน่ืองจากแรงดึงดูดของโลกบริเวณใกล้ผิวโลกมีค่าข้ึนกับผลต่างของระดับความสูง ในแนวด่ิงระหว่างจุดต้นกับ
จุดปลาย)
ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 สงั เกตการตอบคาถามในช้นั เรียน และพฤตกิ รรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามทดสอบความเข้าใจ 5.1 และทาแบบฝกึ หัด 5.1
11. นวัตกรรมการศกึ ษา
11.1 สอื่ และอุปกรณ์การเรยี นรู้
- หนงั สือเรียนรายวชิ าฟิสิกส์เพิ่มเตมิ เล่ม 2 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- ส่ือมลั ติมีเดีย จากอนิ เตอรเ์ น็ต
- คาถามทดสอบความเขา้ ใจ 5.1
- แบบฝึกหัด 5.1
11.2 แหล่งเรียนรู้
- ห้องสมุดโรงเรยี น
- อนิ เทอร์เนต็
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek
12. การวดั และประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการวดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ด้านความรู้ (K)
1. บอกความหมายของงานใน วดั จากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
วิชาฟิสกิ ส์ได้ - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 5.1 ร้อยละ 70 ขนึ้ ไป
เข้าใจ 5.1 - แบบฝึกหดั 5.1
- แบบฝึกหดั 5.1
ด้านกระบวนการ (P)
2. วิเคราะห์และคานวณงาน วดั จากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
ของแรงคงตัวจากสมการและ - คาถามทดสอบความ เขา้ ใจ 5.1 ร้อยละ 70 ข้นึ ไป
พื้นท่ีใต้กราฟระหว่างแรงกับ เข้าใจ 5.1 - แบบฝึกหัด 5.1
ตาแหน่งได้ - แบบฝกึ หัด 5.1
ดา้ นคณุ ลักษณะ (A)
3. ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่าง การสงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรยี นร้รู ายบคุ คล ขนึ้ ไป
เหน็ ของผูอ้ ืน่ ได้
เกณฑก์ ารให้คะแนน 80 - 100 % ให้ ดมี าก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดับคะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรบั ปรงุ
ระดับคะแนน
13. การบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
1. ผู้สอนใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
หลักพอเพียง พอประมาณ มเี หตผุ ลทดี่ ี มภี ูมคิ มุ้ กันในตวั ทด่ี ี
ประเดน็
กจิ กรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตามมาตร - มีการวางแผนการจัดกิจ
กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา ผลการเรยี นรู้ กรรมอย่างชัดเจนเป็นลา
ดับข้ันตอน มีการกาหนด ดบั
เนื้อหาสาระ จัดกิจกรรม
ผ่านกระบวนการกล่มุ
เวลา - กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะ - เพื่อให้กิจกรรมการเรียน - มีการเผื่อเวลาในการทา
สมกับเวลา กิจกรรมการ การสอนบรรลุผลการเรียนรู้ กิจกรรมแต่ละข้ันเพ่ือให้
เรียนรู้ใช้กระบวนการกลุ่ม ไดต้ ามเวลาที่กาหนด นักเรียนที่มีความสามารถ
นักเรียนทางานได้ทันตาม ต่างกันสามารถทางานให้
เวลาทก่ี าหนด เสร็จทนั เวลา
ส่อื - จัดเตรียมและใช้ส่ือในการ - ใช้เคร่ืองมือเพื่อให้นักเรียน - มีลาดับข้ันตอนในการ
จัดกิจกรรมการเรียนการ ได้ร่วมอภิปรายในแบบฝึกกิจ ใช้สือ่ ตา่ งๆอยา่ งคมุ้ คา่
สอนเหมาะสมกับจานวน กรรม
กลมุ่
แหลง่ เรยี นรู้ - กาหนดเน้ือหาสาระและ - เพ่ือให้การจัดการเรียนรู้ - มี กา รสื บค้ นท าง อิ น
กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะ สอดคล้องกับวิถีชีวิตทาให้ เทอร์ เน็ต การค้นคว้าใน
สมกับแหลง่ เรียนรู้ สามารถนาความรู้มาใช้ใน ห้องสมุดก่อนจะออกแบบ
ชวี ติ ประจาวันได้ กจิ กรรมการเรยี นรูต้ า่ งๆ
ความร้ทู ่ใี ช้ในการจัด - สบื ค้นเทคนคิ วิธกี ารสอน,รูปแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ศึกษาเนอื้ หาดา้ นต่างๆให้ชดั เจน
- ศึกษาคน้ ควา้ และบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งกับการจดั การเรียนรู้
คณุ ธรรม - มคี วามรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัตหิ น้าท่ีการสอน ตรงต่อเวลา เตรยี มการสอนล่วงหนา้
- มีความเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยุติธรรมกับนกั เรยี นทกุ คน
- มีความเสยี สละ อดทน และใฝุรู้
2. ผูเ้ รยี นมีคณุ ลกั ษณะ “ อยูอ่ ยา่ งพอเพียง”
พอประมาณ มเี หตุผลทดี่ ี มภี มู คิ มุ้ กันท่ีดี
- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเน้ือหา - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน
เหมาะสมกับความ สามารถและ ในเรื่องที่ศึกษา สามารถวิเคราะห์ข้อ สร้างความสามคั คใี นการทางาน
พอเพียงกบั จานวนสมาชกิ มูลต่างๆไดอ้ ย่างถกู ต้อง
- วางแผนการทางานอย่างรอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้กระ
คอบโดยกาหนดเวลาในการทา บวนการกลุ่ม
กจิ กรรมอย่างเหมาะสม
ความรู้ (วธิ ีการ) - สืบคน้ ขอ้ มลู เพื่อเสรมิ สร้างความรู้ ความเข้าใจ
- ศกึ ษา ค้นควา้ วิธีการทาแบบฝกึ หัดกจิ กรรม และใบงาน
- วเิ คราะห์ข้อมูลโดยใช้ทกั ษะกระบวนการคดิ
คณุ ธรรมท่เี กดิ กับนกั เรียน - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ท่ีได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อยถูก
ต้อง และเสรจ็ ทนั เวลา
- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีขณะปฏิบัติงานร่วม
กัน
- รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยความกระตอื รอื รน้ สนใจ ตัง้ ใจ และใฝเุ รียนรู้
3. ผลลพั ธ์ KPA 4 มติ ิ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการอยอู่ ยา่ งพอเพียง
ผลลพั ธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปล่ียนแปลงในด้านตา่ งๆ
ด้านวตั ถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นส่ิงแวดลอ้ ม ด้านวัฒนธรรม
ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความร้เู กีย่ วกบั การ - มีความรู้ความเข้าใจ -
เก่ียวกับงานเน่ืองจาก ทางานเป็นกลุ่มและ ธรรมชาตขิ องฟิสกิ ส์
แรงคงตวั การวางแผนร่วมกับ
ผอู้ น่ื
ด้านทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วม - -
การอภิปราย ทาแบบ กับผู้ อื่นใ นรูป แบ บ
ฝกึ /ใบงาน กลุ่มและมีทักษะใน
การสร้างปฏิสัมพันธ์
กับผอู้ ่นื
บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ปญั หาและอปุ สรรค
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ......................................................ผู้สอน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)
ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนศรีสโมสรวทิ ยา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………………………………
(นายเมธี วฒั นสิงห์)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวทิ ยา
คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.1
1. งาน W ของแรงคงตัว F ทีก่ ระทาตอ่ วตั ถใุ ห้เคลอ่ื นทด่ี ้วยการกระจัด S หาไดอ้ ย่างไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. ออกแรงยกถงุ ให้เคล่อื นที่ข้นึ เป็นระยะทางต่างกนั งานทีท่ าในแต่ละกรณีเท่ากัน หรอื ไม่
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. เด็กคนหนึ่งปีนต้นมะพร้าวที่ลาต้นตรงในแนวดิ่ง การปีนข้ึนในแนวดิ่งกับการใช้บันไดพาดท่ีเอียงทามุมกับ
พืน้ ดิน งานท่ีทาแต่ละครัง้ เท่ากันหรอื ไม่ให้เหตผุ ล
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
4. นกั ทอ่ งเท่ยี วแบกเปูไวบ้ นหลัง เดนิ ในแนวระดบั ได้ไกล 100 เมตร งานทีท่ าในการแบกเปเู ป็นเทา่ ใด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 5.1
1. งาน W ของแรงคงตัว F ท่กี ระทาต่อวตั ถใุ ห้เคลือ่ นทดี่ ้วยการกระจดั S หาได้อย่างไร
หาจากผลคณู ระหว่างแรงกบั การกระจัดท่ีอยูใ่ นแนวเดียวกัน ตามสมการ W = F s
2. ออกแรงยกถุงให้เคล่อื นที่ขึ้นเป็นระยะทางต่างกัน งานที่ทาในแตล่ ะกรณีเทา่ กนั หรอื ไม่
งานท่ีทาอาจจะเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ เพราะงานในการยกวัตถุด้วยอัตราเร็วสม่าเสมอข้ึนกับความ
สูงในแนวด่ิงของวัตถุท่ีเปล่ียนไป ตามสมการ W = mg (f i) โดยไม่ขึ้นกับเส้นทางการเคล่ือนที่ หากระยะทาง
ต่างกนั แตค่ วามสงู ในแนวดงิ่ เปลีย่ นไปเท่ากนั งานกจ็ ะเท่ากัน
3. เด็กคนหน่ึงปีนต้นมะพร้าวท่ีลาต้นตรงในแนวดิ่ง การปีนขึ้นในแนวดิ่งกับการใช้บันไดพาดที่เอียงทามุมกับ
พืน้ ดนิ งานท่ีทาแตล่ ะครั้งเท่ากนั หรือไม่ใหเ้ หตผุ ล
สมมติเด็กมีนา้ หนัก mg ขึ้นต้นมะพร้าวถึงตาแหน่งสูงจากพ้ืน h เท่ากัน ไม่ว่าจะปีนขึ้นโดยตรงหรือใช้
บนั ไดพาดต้นมะพรา้ วทามุม กบั พน้ื ดนิ งานทท่ี า W แต่ละครงั้ มคี ่าเท่ากนั คือ mgh ดงั น้ี
ในกรณีท่ีปนี ข้ึนในแนวดิง่ W = mg
ในกรณีท่ใี ชบ้ นั ไดพาด W = (mg ) (s) = (mg ) (s) = mg
4. นกั ท่องเทยี่ วแบกเปไู วบ้ นหลัง เดินในแนวระดับไดไ้ กล 100 เมตร งานที่ทาในการแบกเปเู ป็นเทา่ ใด
งานในการแบกเปูของนักท่องเท่ียวเป็นศูนย์ เพราะการเดินในแนวระดับ ความสูงในแนวดิ่งไม่
เปลีย่ นแปลง เน่อื งจากแรง (น้าหนกั ของเปู) มีทศิ ทางลงและการกระจัดมที ิศทางตัง้ ฉากกับแรง จะได้
W=Fs =0
แบบฝกึ หดั 5.1
1. ชาวบ้านคนหน่ึงหิ้วถังน้าหนัก 200 นิวตัน เคล่ือนท่ีไปบนพื้นราบได้ระยะทาง 10 เมตร ดังรูป จงหางานใน
การหวิ้ ถงั นา้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. นักเรียนคนหน่ึงถือของมวล 10 กิโลกรัม นั่งอยู่บนรถตู้ซึ่งแล่นไปบนถนนระดับได้ระยะทาง 50 เมตร
นักเรียนคนนีจ้ ะทางานเท่าใด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. นกั เรียนคนหน่งึ ดงึ ก้อนวัตถนุ ้าหนัก 5 นิวตัน เคลื่อนทีบ่ นพนื้ เอยี งท่ีมแี รงเสยี ดทานน้อยมากจาก R ถึง Q ดัง
รูป จงหางานที่ใชใ้ นการเคลอ่ื นวัตถุ จาก R ถึง Q
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
4. วัวตัวหน่ึงออกแรง 124 นิวตัน ลากเลื่อนไปบนพ้ืนระดับ โดยแนวแรงทามุม 30 องศากับพื้น จงหางาน
เน่ืองจากแรงน้ี เมอ่ื เลื่อนเคลื่อนทีไ่ ปตามพ้นื ระดับเป็นระยะทาง 0.50 กิโลเมตร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
5. ชายคนหนึ่งใชเ้ ชือกลากกล่องไม้มวล 60.0 กโิ ลกรัม ไปบนพ้ืนระดับฝืดด้วยอัตราเร็วคงตัวเป็นระยะทาง 1.0
กิโลเมตร ถ้าสัมประสิทธิ์ความเสยี ดทานจลน์ระหวา่ งพ้นื กบั กล่องไม้เท่ากบั 0.02 จงหา
ก. งานทช่ี ายคนนี้ทา
ข. งานเนอ่ื งจากแรงเสียดทานระหวา่ งพืน้ กับกล่องไม้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยแบบฝึกหัด 5.1
1. ชาวบ้านคนหนึ่งหิ้วถังน้าหนัก 200 นิวตัน เคล่ือนที่ไปบนพ้ืนราบได้ระยะทาง 10 เมตร ดังรูป จงหางานใน
การห้ิวถงั นา้
วิธที า เนื่องจากชาวบ้านคนนเ้ี คลือ่ นทีใ่ นแนวราบ สว่ นนา้ หนกั ของถงั น้าอยู่ในแนวดิง่ ดังรปู
ดังนั้น งานในการเคลือ่ นถังน้า W = Fs
ตอบ งานในการเคลื่อนถังนา้ เท่ากับ 0 จูล = 0J
2. นักเรียนคนหน่ึงถือของมวล 10 กิโลกรัม น่ังอยู่บนรถตู้ซ่ึงแล่นไปบนถนนระดับได้ระยะทาง 50 เมตร
นักเรียนคนน้ีจะทางานเทา่ ใด
วธิ ีทา เนอ่ื งจากเปน็ การเคลื่อนท่ีในแนวราบ ส่วนน้าหนักของมวลอยใู่ นแนวด่งิ
ดงั น้นั งานในการเคล่อื นท่มี วล W = Fs
= 0J
ตอบ งานในการเคลอื่ นที่มวลเทา่ กับ 0 จูล
3. นกั เรียนคนหนึ่งดงึ ก้อนวตั ถนุ า้ หนกั 5 นวิ ตนั เคลอ่ื นทบ่ี นพ้ืนเอียงท่ีมแี รงเสยี ดทานน้อยมากจาก R ถึง Q ดัง
รปู จงหางานที่ใช้ในการเคลอื่ นวัตถุ จาก R ถงึ Q
วธิ ที า
จากรปู งานที่ใช้ในการดงึ วัตถุ W = mg s
W = (5)( )(5)
= 15 J
ตอบ งานท่ีใชใ้ นการเคลอื่ นวัตถุจาก R ถึง Q เท่ากับ 15 จลู
4. วัวตัวหน่ึงออกแรง 124 นิวตัน ลากเลื่อนไปบนพ้ืนระดับ โดยแนวแรงทามุม 30 องศากับพ้ืน จงหางาน
เนื่องจากแรงนี้ เม่อื เลอ่ื นเคลือ่ นทไี่ ปตามพืน้ ระดบั เป็นระยะทาง 0.50 กิโลเมตร
วธิ ีทา จาก W = Fs
= (124)(0.5×103)(√ )
= 5.4×104 J
ตอบ งานทใี่ ชใ้ นการลากเล่อื น 5.4×104 จูล
5. ชายคนหน่ึงใชเ้ ชอื กลากกล่องไม้มวล 60.0 กโิ ลกรัม ไปบนพื้นระดับฝืดด้วยอัตราเร็วคงตัวเป็นระยะทาง 1.0
กโิ ลเมตร ถา้ สัมประสทิ ธ์คิ วามเสยี ดทานจลน์ระหวา่ งพ้ืนกบั กลอ่ งไมเ้ ทา่ กับ 0.02 จงหา
ก. งานที่ชายคนน้ที า
ข. งานเน่ืองจากแรงเสยี ดทานระหว่างพ้ืนกับกลอ่ งไม้
วิธีทา ก. หางานที่ชายคนนี้ทา
ให้ F เปน็ แรงทใ่ี ชใ้ นการลากกลอ่ งไปบนพ้ืนราบฝดื ดว้ ยอตั ราเร็วสม่าเสมอจะได้
F = N = mg = 0.02(60)(10) = 12 N
จาก W = Fs
= 12(1000)
= 12,000 J
ตอบ งานทชี่ ายคนนที้ า 12,000 จูล
ข. หางานที่ทาโดยแรงเสียดทาน โดยทแ่ี รงเสียดทาน f มขี นาดเท่ากับแรง F
ดังนน้ั งานของแรงเสียดทานจึงเทา่ กับงานของแรง F แต่มเี คร่ืองหมายเปน็ ลบ
ตอบ งานของแรงเสยี ดทานเท่ากับ -12,000 จลู
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 4
รายวชิ าฟสิ กิ สเ์ พ่ิมเติม (ว30202) เวลา 20 ช่ัวโมง
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 2 ชว่ั โมง
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 งานและพลงั งาน
เรอ่ื ง งานเนอ่ื งจากแรงไมค่ งตวั
1. ผลการเรียนรู้
วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพ้ืนที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับ
ตาแหน่ง รวมทั้งอธบิ าย และคานวณกาลงั เฉลยี่
2. สาระสาคญั
เมอ่ื มแี รงคงตวั F กระทาต่อวัตถใุ ห้เคล่ือนทใ่ี นแนวตรงได้การกระจัด x ถ้าแรงและการกระจัดมีทิศทาง
เดียวกนั จะทาใหเ้ กิดงาน (work) ของแรง F มีคา่ W = F x ซึ่งอาจมีค่าของงานเป็นบวก ศูนย์ หรือ ลบ
ข้ึนอยู่กับมุม งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน.เมตร (N.m)หรือ จูล (J) อาจหาค่าของงานได้จาก
พน้ื ท่ีใต้กราฟระหว่างแรงกับตาแหน่ง ทัง้ ในกรณีแรงคงตัวและแรงไมค่ งตวั
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของงานในวิชาฟสิ ิกส์ได้ (K)
2. วิเคราะหแ์ ละคานวณงานของแรงคงตัวจากสมการและพ้ืนทีใ่ ต้กราฟระหว่างแรงกบั ตาแหนง่ ได้ (P)
3. ทางานร่วมกบั ผู้อน่ื อย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผูอ้ ื่นได้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
งานเกิดจากการออกแรงท่ีทาให้วัตถุเคล่ือนที่ไปตามแนวแรง นั่นคืองานมีค่าเท่ากับแรงคูณกับ
ระยะทางที่วัตถุเคล่ือนท่ี หรือ W = Fs ซึ่งถ้าทิศของแรงกระทาและทิศการเคล่ือนท่ีของวัตถุไม่ได้อยู่ในแนว
เดียวกันตอ้ งแตกแรงให้มาอยใู่ นแนวเดยี วกับการเคล่ือนท่โี ดยใชต้ รโี กณมติ ิ
วิธีในการคานวณหางาน คือ หาผลคูณของการกระจัดกับองค์ประกอบของแรงในทิศเดียวกับการ
กระจัดหรือผลคณู ของแรงกบั องค์ประกอบของการกระจัดในทิศเดียวกับแรง ส่วนการหางานใต้กราฟ กรณีแรง
กระทามีค่าคงตัวหาได้จากพื้นที่ของสี่เหลี่ยมผืนผ้า กรณีแรงมีขนาดเพิ่มข้ึนอย่างสม่าเสมอหาได้จากพื้นที่ของ
สามเหลี่ยมมมุ ฉาก กรณีท่ีแรงมขี นาดไม่สม่าเสมอหาไดจ้ ากผลรวมของพื้นที่ของสี่เหล่ียมผืนผ้าเลก็ ๆ
เม่อื มแี รงคงตวั F กระทาตอ่ วตั ถใุ ห้เคลือ่ นท่ีในแนวตรงไดก้ ารกระจดั x ถา้ แรงและการกระจัดมีทิศทาง
เดียวกนั จะทาใหเ้ กิดงาน (work) ของแรง F มคี ่า W = F x ซ่ึงอาจมีค่าของงานเป็นบวก ศูนย์ หรือ ลบ
ขึ้นอยู่กับมุม งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน.เมตร (N.m)หรือ จูล (J) อาจหาค่าของงานได้จาก
พ้นื ท่ีใตก้ ราฟระหวา่ งแรงกับตาแหนง่ ทัง้ ในกรณแี รงคงตวั และแรงไม่คงตัว
5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซอ่ื สตั ย์
2. มีวนิ ัย
3. ใฝุเรยี นรู้
4. อยู่อยา่ งพอเพยี ง
5. มงุ่ ม่ันในการทางาน
6. มีจติ สาธารณะ
7. คา่ นิยม / คุณธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หม่นั ศึกษาเล่าเรยี น
2. มสี ติ รู้คดิ รทู้ า
3. มรี ะเบยี บวินยั
4. มีความเขม้ แขง็ ท้ังรา่ งกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ อ่ อานาจฝาุ ยต่า
8. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
1. คดิ อย่างเป็นระบบและทางานกบั ผอู้ ่นื อย่างสรา้ งสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยมี าประยกุ ต์ใชอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
3. มีความยดื หยุ่น ปรับตัวเพื่อพรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลง
9. ภาระงาน/ชิน้ งาน
1. คาถามทดสอบความเข้าใจ 5.2
2. ทาแบบฝึกหดั 5.2
10. กิจกรรมการเรยี นรู้ (รปู แบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ขนั้ ที่ 1 ข้ันนาเขา้ ส่บู ทเรียน
1.1 ครถู ามนักเรียนว่า งาน คืออะไรในความคิดของนักเรยี น (คาตอบเปน็ แบบปลายเปิด)
1.2 ครูถามนักเรียนว่าจากชั่วโมงเรียนที่ผ่านมา เป็นกรณีเฉพาะแรงคงตัวเท่าน้ัน แต่ถ้าใน
กรณที ่ีแรงไมค่ งตวั จะหางานของแรงนั้นไดอ้ ย่างไร (คาตอบเปน็ แบบปลายเปิด)
1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ งานเน่ืองจากแรงไม่คงตัวรวมถึง
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ และเกณฑ์การวัดประเมนิ ผล
ขนั้ ท่ี 2 ขน้ั สารวจและคน้ พบ
2.1 ครูให้นักเรียนพิจารณาในกรณีท่ีแรงคงตัว กระทาต่อวัตถุตลอดการเคลื่อนท่ีในแนวตรง
โดยทิศทางของแรงมีทิศเดียวกับการกระจัดของวัตถุ นอกจากจะหางานของแรงนี้ได้จากสมการ W = F
x ยังสามารถหาได้จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงคงตัวน้ีกับตาแหน่งต่าง ๆ ที่วัตถุเคลื่อนท่ีได้อีก
ด้วย ดงั กราฟในหน้าท่ี 76 หนังสอื เรียนรายวชิ าฟิสกิ สเ์ พิม่ เตมิ เล่ม 2 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560)
2.2 ครูถามนักเรียนว่า ความสัมพันธ์ของแกน x และ แกน y เมื่อต้องการพื้นท่ีใต้กราฟเป็น
อย่างไร (แนวคาตอบ : พื้นท่ีใต้กราฟ หมายถึงพื้นท่ีในบริเวณระหว่างแกน X กับเส้นกราฟ รวมทั้งในกรณีท่ี
เส้นกราฟอยู่ใตแ้ กน X)
2.3 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษากรณีงานของแรงไม่คงตัวแต่มีค่าเปล่ียนแปลงอย่างสม่าเสมอ กับงาน
ของแรงไม่คงตัวและมีค่าเปลี่ยนแปลงไม่สม่าเสมอ ในหน้า 77-78 หนังสือเรียนรายวิชาฟิสิกส์เพ่ิมเติม เล่ม 2
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และอภิปรายร่วมกันจนได้ข้อสรุปว่า ในกรณีของงานท่ีไม่คงตัวสามารถคานวณค่า
ได้จากการหาพื้นที่ใต้กราฟ
ขน้ั ที่ 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่ากรณีท่ีออกแรงผลักหรือดึงกล่องไปบนพ้ืนล่ืน ถ้านาขนาดของแรง
คงตัวท่ีผลักหรือดึงและตาแหน่งที่วัตถุ เคล่ือนที่มาเขียนกราฟจะได้กราฟมีลักษณะดังรูป 5.5 ในหนังสือเรียน
โดยการหางานของแรงสามารถหาได้จากพ้ืนที่ใต้กราฟ ซ่ึงพ้ืนที่ใต้กราฟ หมายถึง พื้นท่ีระหว่างเส้นกราฟกับ
แกน x ซ่ึงรวมทัง้ กรณีทกี่ ราฟอยใู่ ต้แกน x
ขนั้ ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครูสาธิตโดยการใช้เครื่องชั่งสปริงดึงสปริงให้ยืดออก แล้วให้นักเรียนสังเกตสเกลของ
เครื่องช่ังสปริง ครูอธิบายว่าแรงที่ใช้ดึงสปริงและแรงของสปริงเป็นแรงไม่คงตัวและมีค่าเปล่ียนแปลงอย่าง
สม่าเสมอ เมื่อเขียนกราฟระหว่างขนาดของแรงกับตาแหน่งจะได้กราฟดังรูป 5.6 ในหนังสือเรียน และการหา
งานของแรงไม่คงตัวที่มีค่าเปลี่ยนแปลงอย่างสม่าเสมอสามารถหาได้จากพื้นที่ใต้กราฟ โดยพิจารณาให้ขนาด
ของแรงเป็นขนาดของแรงเฉล่ีย
4.2 ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายสรปุ งานเนอื่ งจากแรงคงตัวและแรงไม่คงตวั ดังน้ี
เม่ือมีแรงคงตัว F กระทาต่อวัตถุให้เคลื่อนท่ีในแนวตรงได้การกระจัด x ถ้าแรงและการ
กระจัดมีทิศทางเดียวกัน จะทาให้เกิดงาน (work) ของแรง F มีค่า W = F x ซึ่งอาจมีค่าของงานเป็น
บวก ศูนย์ หรือ ลบ ข้ึนอยู่กับมุม งานเป็นปริมาณสเกลาร์ มีหน่วยเป็นนิวตัน.เมตร (N.m)หรือ จูล (J) อาจ
หาค่าของงานได้จากพื้นท่ใี ต้กราฟระหวา่ งแรงกับตาแหน่ง ท้ังในกรณแี รงคงตวั และแรงไม่คงตวั
ขนั้ ที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 สงั เกตการตอบคาถามในช้ันเรยี น และพฤตกิ รรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามทดสอบความเขา้ ใจ 5.2 และทาแบบฝึกหดั 5.2
11. นวัตกรรมการศกึ ษา
11.1 สอื่ และอุปกรณก์ ารเรยี นรู้
- หนังสือเรียนรายวิชาฟสิ กิ สเ์ พิ่มเตมิ เลม่ 2 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- สอ่ื มลั ติมเี ดีย จากอินเตอรเ์ น็ต
- คาถามทดสอบความเข้าใจ 5.2
- แบบฝึกหดั 5.2
11.2 แหล่งเรียนรู้
- หอ้ งสมดุ โรงเรยี น
- อินเทอรเ์ น็ต
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek
12. การวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ด้านความรู้ (K)
1. บอกความหมายของงานใน วัดจากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
วิชาฟสิ ิกส์ได้ - คาถามทดสอบความ เขา้ ใจ 5.2 ร้อยละ 70 ขน้ึ ไป
เขา้ ใจ 5.2 - แบบฝกึ หดั 5.2
- แบบฝึกหัด 5.2
ด้านกระบวนการ (P)
2. วิเคราะห์และคานวณงาน วัดจากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
ของแรงคงตัวจากสมการและ - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 5.2 รอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
พื้นท่ีใต้กราฟระหว่างแรงกับ เข้าใจ 5.2 - แบบฝกึ หัด 5.2
ตาแหน่งได้ - แบบฝกึ หัด 5.2
ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
3. ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่าง การสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรียนรู้รายบคุ คล ขนึ้ ไป
เห็นของผอู้ ื่นได้
เกณฑ์การใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดบั คะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรับปรงุ
ระดบั คะแนน
13. การบรู ณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
1. ผสู้ อนใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
หลกั พอเพียง พอประมาณ มีเหตผุ ลทีด่ ี มีภูมิคมุ้ กนั ในตัวท่ดี ี
ประเด็น
กจิ กรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตามผล - มีการวางแผนการจัดกิจ
กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา การเรยี นรู้ กรรมอย่างชัดเจนเป็นลา
ดับขั้นตอน มีการกาหนดเน้ือ ดบั
หาสาระ จัดกิจกรรมผ่านกระ
บวนการกลุม่
เวลา - กาหนดเน้ือหาสาระเหมาะ - เพื่อให้กิจกรรมการเรียน - มีการเผื่อเวลาในการทา
สอ่ื สมกับเวลา กิจกรรมการเรียน ก า ร ส อ น บ ร ร ลุ ผ ล ก า ร กิจกรรมแต่ละขั้นเพื่อให้นัก
แหล่งเรียนรู้
ความรู้ท่ใี ช้ในการจัด รู้ใช้กระบวนการกลุ่มนักเรียน เรียนรู้ได้ตามเวลาทีก่ าหนด เรียนที่มีความสามารถต่าง
ทางานไดท้ นั ตามเวลาท่ี กันสามารถทางานให้เสร็จ
กาหนด ทนั เวลา
- จัดเตรียมและใช้สื่อในการ - ใช้เครื่องมือเพื่อให้นัก - มีลาดับข้ันตอนในการใช้
จัดกิจกรรมการเรียนการสอน เรียนได้ร่วมอภิปรายใน สอ่ื ต่างๆอย่างคมุ้ ค่า
เหมาะสมกบั จานวนกลุม่ แบบฝกึ กจิ กรรม
- กาหนดเนื้อหาสาระและกิจ - เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ - มีการสืบค้นทางอินเทอร์
กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ สอดคล้องกับวิถีชีวิตทาให้ เนต็ การคน้ คว้าในห้องสมุด
แหล่งเรียนรู้ สามารถนาความรู้มาใช้ใน ก่อนจะออกแบบกิจกรรม
ชวี ิตประจาวนั ได้ การเรียนร้ตู า่ งๆ
- สืบคน้ เทคนคิ วธิ กี ารสอน,รปู แบบการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ศึกษาเนอ้ื หาด้านตา่ งๆใหช้ ดั เจน
คณุ ธรรม - ศึกษาค้นคว้าและบรู ณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งกับการจดั การเรยี นรู้
- มีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าทก่ี ารสอน ตรงต่อเวลา เตรยี มการสอนลว่ งหนา้
- มีความเมตตา ให้ความเสมอภาค และยตุ ธิ รรมกบั นกั เรียนทุกคน
- มีความเสียสละ อดทน และใฝุรู้
2. ผู้เรยี นมีคณุ ลกั ษณะ “อยู่อย่างพอเพียง”
พอประมาณ มเี หตผุ ลที่ดี มภี ูมคิ มุ้ กนั ท่ดี ี
- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าท่ีในกลุ่ม - มคี วามรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเน้ือหา - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางานสร้าง
เหมาะสมกับความสามารถและพอ ในเร่ืองที่ศึกษา สามารถวิเคราะห์ข้อ ความสามัคคใี นการทางาน
เพยี งกบั จานวนสมาชกิ มูลต่างๆได้อยา่ งถกู ต้อง
- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อ่ืนโดยใช้กระ
โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกล่มุ
อย่างเหมาะสม
ความรู้ (วิธีการ) - สืบค้นข้อมลู เพอ่ื เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ
- ศึกษา คน้ คว้าวิธกี ารทาแบบฝึกหดั กจิ กรรม และใบงาน
- วเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใช้ทกั ษะกระบวนการคิด
คุณธรรมท่ีเกิดกบั นกั เรยี น - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อยถูก
ตอ้ ง และเสรจ็ ทนั เวลา
- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดีขณะปฏิบัติงานร่วม
กนั
- ร่วมกจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยความกระตือรอื ร้น สนใจ ตัง้ ใจ และใฝเุ รยี นรู้
3. ผลลัพธ์ KPA 4 มิติ ท่ีเก่ยี วข้องกบั การอยู่อยา่ งพอเพียง
ผลลพั ธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปล่ยี นแปลงในดา้ นตา่ งๆ
ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสังคม ด้านสิง่ แวดล้อม ด้านวัฒนธรรม
-
ด้านความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เกี่ยวกับการทา - มีความรู้ความเข้า
-
เก่ียวกับงานเน่ืองจาก งานเป็นกลุ่มและการวาง ใ จ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง
แรงไมค่ งตัว แผนรว่ มกับผูอ้ ่ืน ฟิสิกส์
ด้านทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วมกับผู้ -
การอภิปราย ทาแบบ อ่ืนในรูปแบบกลุ่มและมี
ฝึก/ใบงาน ทักษะในการสร้างปฏิสัม
พนั ธ์กบั ผอู้ น่ื
บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ปญั หาและอปุ สรรค
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ......................................................ผู้สอน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)
ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนศรีสโมสรวทิ ยา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื …………………………………………
(นายเมธี วฒั นสิงห์)
ผอู้ านวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวทิ ยา
คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.2
1. การหางานของแรงคงตัวและแรงไม่คงตัวที่กระทาตอ่ วัตถุ มีวิธีการหาเหมือนหรือต่างกนั อย่างไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงท่ีกระทาต่อวัตถุมีค่าเพิ่มขึ้น
หรอื ลดลงอย่างสมา่ เสมอ จะหาพ้นื ทไ่ี ดอ้ ยา่ งไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงที่กระทาต่อวัตถุมีค่าเพ่ิมขึ้น
หรือลดลงอยา่ งไม่สม่าเสมอ จะหาพื้นทไี่ ดอ้ ยา่ งไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
4. สาหรับเส้นกราฟระหว่างขนาดของแรงไม่คงตัว F กับขนาดของการกระจัด F ท่ีมีค่าลบ มีความหมาย
อย่างไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 5.2
1. การหางานของแรงคงตวั และแรงไมค่ งตวั ที่กระทาตอ่ วัตถุ มีวิธกี ารหาเหมอื นหรอื ต่างกนั อย่างไร
เหมือนกัน คือ ทั้งงานของแรงคงตัวและงานของแรงไม่คงตัวหาได้จากพื้นท่ีใต้กราฟระหว่างแรงกับ
ตาแหน่ง ตา่ งกัน คือ งานของแรงคงตวั หาได้จากสมการ W = F x แต่งานของแรงไมค่ งตัวหาได้
W = Fเฉล่ีย × X
2. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงที่กระทาต่อวัตถุมีค่าเพิ่มข้ึน
หรอื ลดลงอย่างสม่าเสมอ จะหาพืน้ ทไ่ี ดอ้ ย่างไร
หางานได้จากพนื้ ท่ีใตก้ ราฟระหว่างแรงเฉลย่ี กับการกระจดั โดยแรงเฉล่ียหาจาก
แรงเฉลีย่ = แรงทีต่ าแหนง่ เริ่ม แรงท่ตี าแหนง่ ปลาย
3. ในการหางานจากกราฟระหว่างขนาดของแรงกับขนาดของการกระจัด ถ้าแรงท่ีกระทาต่อวัตถุมีค่าเพ่ิมขึ้น
หรอื ลดลงอยา่ งไม่สม่าเสมอ จะหาพ้นื ที่ไดอ้ ยา่ งไร
แบ่งพื้นท่ีใต้กราฟเป็นพ้ืนท่ีส่ีเหลี่ยมเล็ก ๆ ในช่วงขนาดของการกระจัดน้อยท่ีสุด แล้วนาพื้นท่ีท้ังหมด
มารวมกันเปน็ งานทั้งหมด
4. สาหรับเส้นกราฟระหว่างขนาดของแรงไม่คงตัว F กับขนาดของการกระจัด F ที่มีค่าลบ มีความหมาย
อยา่ งไร
แรง F ทมี่ ีคา่ ลบ หมายความวา่ แรงมที ิศทางตรงข้ามกับการเคล่อื นทจ่ี ึงทาใหง้ านมีค่าเปน็ ลบ
แบบฝกึ หัด 5.2
1. กราฟระหวา่ งแรงกบั การเคล่ือนที่ไปตามพื้นราบลื่นของวัตถุเป็นดังรูป จงหางานท่ีกระทาโดยแรงท่ีเคลื่อนที่
มวลไปตามทางเป็นระยะเทา่ กับ 4.0 เมตร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. แรงท่ีสปริงกระทาต่อมวลก้อนหนึ่งแสดงดังกราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงสปริงกับตาแหน่งของมวลจาก
ตาแหน่งสมดลุ ดังรปู
จงหา ก.งานของแรงสปริงจากตาแหนง่ 0 ถงึ 0.3 เมตร
ข.งานของแรงสปรงิ จากตาแหนง่ -0.3 ถึง 0.3 เมตร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. กราฟความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่กระทาต่อมวลก้อนหน่ึงกับการกระจัด แสดงดังรูป โดยแรงและ
การกระจดั มีทิศทางเดียวกัน งานทง้ั หมดของแรงนี้เป็นเท่าใด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
4. แรงไม่คงตัวกระทาต่อมวลก้อนหน่ึง ถ้ากราฟระหว่างแรงกับขนาดการกระจัดในแนวการเคล่ือนที่เป็นดังรูป
งานของแรงนมี้ คี ่าประมาณเท่าใด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยแบบฝึกหัด 5.2
1. กราฟระหวา่ งแรงกับการเคลื่อนท่ีไปตามพ้ืนราบลื่นของวัตถุเป็นดังรูป จงหางานที่กระทาโดยแรงท่ีเคลื่อนที่
มวลไปตามทางเปน็ ระยะเท่ากับ 4.0 เมตร
วิธที า จากกราฟ แรงที่กระทาต่อวัตถุเป็นแรงไม่คงตัวและมีการเปล่ียนแปลงอย่างสม่าเสมอ การหางานของ
แรงทมี่ ีค่าเปลย่ี นแปลงอยา่ งสม่าเสมอ หาได้จากพืน้ ท่ีใตก้ ราฟระหว่างแรงกับตาแหน่ง
ดังนน้ั งานของแรงนี้ = พืน้ ที่สเี่ หลีย่ มคางหมู ABCD
= × สูง × ผลบวกของดา้ นค่ขู นาน
= × 4 × (5+10)
= 30 J
ตอบ งานท่กี ระทาโดยแรงดงั กลา่ ว มีคา่ 30 จูล
2. แรงที่สปริงกระทาต่อมวลก้อนหน่ึงแสดงดังกราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงสปริงกับตาแหน่งของมวลจาก
ตาแหน่งสมดุล ดังรูป
จงหา ก.งานของแรงสปริงจากตาแหนง่ 0 ถึง 0.3 เมตร
ข.งานของแรงสปริงจากตาแหนง่ -0.3 ถงึ 0.3 เมตร
วิธีทา ก. จากกราฟจะเหน็ วา่ แรงทสี่ ปริงกระทากับมวลเปน็ แรงไม่คงตัวและแรงมีทิศทางตรงข้ามกับตาแหน่ง
เสมอ เราสามารถหางานเนือ่ งจากแรงสปริงนีจ้ ากพนื้ ทใี่ ตก้ ราฟระหวา่ งขนาดของแรงสปริงกับตาแหน่งของมวล
ดงั รปู
งานของแรงสปริงในช่วงจากตาแหนง่ 0 ถึง 0.3 เมตร เท่ากบั พื้นท่ีสามเหล่ยี ม ABC
พ้นื ที่สามเหล่ียม ABC = × ฐาน × สูง
= × (0.3) × (3)
= -0.45 จูล
ตอบ งานของแรงสปริงจากตาแหนง่ 0 ถึง 0.3 เมตร เท่ากบั -0.45 จูล
ข. งานของแรงสปรงิ ในชว่ งจากตาแหน่ง 0 ถึง - 0.3 เมตร เทา่ กับพื้นทีส่ ามเหล่ียม CDE
พื้นที่สามเหลีย่ ม ABC = × ฐาน × สงู
= × (0.3) × (3)
= -0.45 จลู
ดงั นั้น งานของแรงสปรงิ จากตาแหนง่ -0.3 ถงึ 0.3 เมตร คือ (-0.45) + (-0.45) = -0.9 จูล
ตอบ งานของแรงสปรงิ จากตาแหน่ง -0.3 ถึง 0.3 เมตร เทา่ กับ -0.9 จูล
3. กราฟความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงท่ีกระทาต่อมวลก้อนหนึ่งกับการกระจัด แสดงดังรูป โดยแรงและ
การกระจัดมีทศิ ทางเดียวกนั งานทง้ั หมดของแรงนีเ้ ปน็ เทา่ ใด
วธิ ที า แรงทกี่ ระทากบั มวลเปน็ แรงไม่คงตัว สามารถหางานของแรงน้ีไดโ้ ดยการหาพ้ืนที่ใต้กราฟ โดย
การแบง่ พนื้ ที่ใต้กราฟออกเป็นสว่ นย่อย ๆ แลว้ หาผลรวมของพื้นทส่ี ่วนย่อย ๆ เหล่านน้ั ดงั รูป
พื้นที่สามเหล่ียม ABCD = × สูง × ผลบวกของดา้ นค่ขู นาน
= × 0.1 × (2+5)
พืน้ ทีส่ เ่ี หลี่ยมผนื ผา้ CDEF = 0.35 J
= กวา้ ง × ยาว
= 0.1 × 5
= 0.5 J
พน้ื ทส่ี ามเหลย่ี ม EFG = × ฐาน × สูง
= × (0.3) × 5
= 0.75 จูล
เนอื่ งจากแรงและการกระจดั มที ศิ ทางเดยี วกนั ดังนน้ั งานเน่อื งจากแรงนี้จงึ มีค่าเปน็ บวก
งานทัง้ หมด = ผลรวมของพ้ืนทใี่ ต้กราฟสว่ นย่อย
= 0.35+0.5+0.75 = 1.6 จลู
ตอบ งานท้ังหมดของแรงนีเ้ ทา่ กบั 1.6 จลู
4. แรงไม่คงตัวกระทาต่อมวลก้อนหนึ่ง ถ้ากราฟระหว่างแรงกับขนาดการกระจัดในแนวการเคล่ือนท่ีเป็นดังรูป
งานของแรงนี้มีคา่ ประมาณเทา่ ใด
วธิ ีทา แรงท่ีกระทากับมวลเป็นแรงไม่คงตัว เราสามารถหางานของแรงนี้ได้โดยการหาพื้นท่ีใต้กราฟ โดยการ
แบง่ พ้ืนทีใ่ ต้กราฟออกเปน็ สว่ นยอ่ ย ๆ แลว้ หาผลรวมของพื้นทีส่ ่วนยอ่ ย ๆ เหล่าน้ัน ดังรูป
พนื้ ท่ีสี่เหลีย่ มผนื ผา้ ABCD = กวา้ ง × ยาว
= 2.5 × 0.2
= 0.5 J
พ้ืนทส่ี ี่เหล่ียมผืนผ้า CEFH = กวา้ ง × ยาว
= 4 × 0.2
= 0.8 J
พน้ื ทีส่ เ่ี หลี่ยมผืนผ้า GHIJ = กว้าง × ยาว
= 1.5 × 0.2
= 0.3 J
เนื่องจากแรงและการกระจัดมีทิศทางเดยี วกัน ดงั น้นั งานเน่ืองจากแรงน้ีจงึ มีคา่ เป็นบวก
งานทั้งหมด = ผลรวมของพืน้ ทใ่ี ต้กราฟส่วนยอ่ ย
= 0.5 + 0.8 + 0.3
= 1.6 J
ตอบ งานทั้งหมดของแรงน้ีเท่ากบั 1.6 จูล
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 3 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4
รายวชิ าฟิสกิ ส์เพิ่มเติม (ว30202) เวลา 20 ชว่ั โมง
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 3 ชั่วโมง
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 งานและพลงั งาน
เร่ือง กาลงั
1. ผลการเรยี นรู้
วิเคราะห์ และคานวณงานของแรงคงตัว จากสมการและพื้นที่ใต้กราฟความสัมพันธ์ระหว่างแรงกับ
ตาแหนง่ รวมทัง้ อธบิ าย และคานวณกาลงั เฉลย่ี
2. สาระสาคัญ
กาลงั หมายถึง อัตราการทางานหรืองานทีท่ าได้ในหนึ่งหน่วยเวลา หรือ P = W/t ค่ากาลังในช่วงเวลา
สั้น ๆ เป็นกาลัง ณ ขณะนั้น แต่การทางานมักไม่สม่าเสมอดังน้ันกาลังจึงไม่สม่าเสมอด้วย จึงหากาลังได้ในรูป
ของกาลงั เฉล่ีย และค่า 1 กาลังมา้ เทา่ กับ 745.6 วัตต์
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายของกาลงั และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกาลงั กบั งานได้ (K)
2. คานวณหาปรมิ าณทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับกาลังได้ (P)
3. ทางานรว่ มกบั ผ้อู ่นื อย่างสร้างสรรค์ ยอมรบั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่ ได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
กาลัง คืออตั ราการทางาน หรอื งานทที่ าได้ในหนงึ่ หนว่ ยเวลา มหี น่วยเป็น วตั ต์ หนว่ ยทน่ี ิยมใช้
อกี หน่วยหนงึ่ คือ แรงม้า ซึง่ มคี ่าเทา่ กับ 746 วัตต์
งานทีท่ าได้ในหนึ่งหนว่ ยเวลา เรียกวา่ กาลังเฉลย่ี ดังสมการ Pav =
5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. ซื่อสัตย์
2. มวี นิ ยั
3. ใฝเุ รยี นรู้
4. อย่อู ยา่ งพอเพียง
5. มุ่งม่ันในการทางาน
6. มจี ิตสาธารณะ
7. ค่านิยม / คณุ ธรรม
1. ใฝุหาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเลา่ เรียน
2. มสี ติ รคู้ ิด รู้ทา
3. มีระเบียบวินัย
4. มีความเข้มแขง็ ท้ังรา่ งกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ อ่ อานาจฝาุ ยตา่
8. ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
1. คดิ อยา่ งเปน็ ระบบและทางานกับผู้อน่ื อยา่ งสรา้ งสรรค์
2. การเขา้ ถึงสารสนเทศ และนาเทคโนโลยีมาประยกุ ต์ใชอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
3. มีความยดื หยุน่ ปรบั ตัวเพอ่ื พร้อมรับการเปลย่ี นแปลง
9. ภาระงาน/ชิน้ งาน
1. คาถามทดสอบความเขา้ ใจ 5.3
2. ทาแบบฝกึ หัด 5.3
10. กิจกรรมการเรียนรู้ (รปู แบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ขนั้ ท่ี 1 ขั้นนาเข้าส่บู ทเรยี น
1.1 ครูยกสถานการณ์ที่มีการทางานได้ปริมาณเท่ากันแต่ใช้เวลาต่างกัน ให้นักเรียนอภิปราย
รว่ มกนั ถงึ การทางานเทียบกบั เวลา
1.2 ครูถามนักเรียนว่าความเร็วมีผลต่อกาลังหรือไม่ (แนวคาตอบ : ความเร็วมีผลต่อกาลัง
เพราะจากสมการ P = F จะได้ว่า P = Fv ดังนั้น ความเร็วจะแปรผันตรงกับกาลัง ถ้าวัตถุเคลื่อนที่ด้วย
ความเรว็ v ทม่ี ากข้ึน กาลงั ของวตั ถุหรือระบบกจ็ ะเพิม่ ขึน้ ตาม)
1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ กาลัง รวมถึงจุดประสงค์การเรียนรู้
และเกณฑ์การวัดประเมนิ ผล
ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสารวจและค้นพบ
2.1 ครูให้นักเรียนแบ่งเป็น 5 กลุ่ม และให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมาหน้าชั้นเรียน
กลุ่มละ 1 คน พร้อมบอกข้อมูลของแต่ละคนให้ทราบ
กาหนดใหน้ ักเรียนแต่ละคนยกของจากพ้ืนข้ึนวางบนชน้ั วางของ ใหร้ ะยะจากพ้นื ถึงชั้นวางของ
2 เมตร
- ตวั แทนนกั เรยี นกลุ่มที่ 1 ออกแรง 250 นวิ ตัน ในเวลา 10 วนิ าที
- ตัวแทนนกั เรียนกลุ่มท่ี 2 ทางานได้ 100 จูล ในเวลา 10 วินาที
- ตัวแทนนักเรียนกลมุ่ ที่ 3 ออกแรง 200 นวิ ตัน ในเวลา 5 วินาที
- ตวั แทนนกั เรยี นกลุม่ ที่ 4 ออกแรง 150 นวิ ตนั ในเวลา 10 วนิ าที
- ตวั แทนนกั เรยี นกลุ่มที่ 5 ทางานได้ 150 จลู ในเวลา 5 วนิ าที
(แนวคาตอบ : ตวั แทนนักเรียนกลุ่มที่ 3 มีกาลงั มากทส่ี ดุ )
2.2 ครใู หน้ กั เรียนรว่ มกันอภปิ รายวา่ ทาไมตวั แทนของกลมุ่ ที่ 3 จงึ มกี าลงั มากทสี่ ดุ
(แนวคาตอบ : ใช้การเปรียบเทียบงานทไ่ี ดก้ บั เวลาทใ่ี ช้)
ข้ันท่ี 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจากกิจกรรมข้างต้น จนได้ข้อสรุปว่า งานท่ีทาได้ในหนึ่ง
หนว่ ยเวลา เรียกวา่ กาลังเฉลย่ี ดังสมการ Pav =
3.2 ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า กาลัง คืออัตราการทางาน หรืองานท่ีทาได้ในหน่ึงหน่วยเวลา มี
หน่วยเปน็ วตั ต์ หนว่ ยทน่ี ยิ มใช้อีกหนว่ ยหนึ่ง คือ แรงมา้ ซึง่ มีค่าเท่ากบั 746 วตั ต์
ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมว่า หน่วยของกาลังนอกจากหน่วย วัตต์ (W) แล้วยังมีหน่วยจูลต่อ
วินาที (J/s) ด้วย
4.2 ครูให้นักเรยี นศึกษาประวตั ิของ เจมส์ วตั ต์ เพิม่ เตมิ นอกเวลา
ขน้ั ท่ี 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 สงั เกตการตอบคาถามในชนั้ เรยี น และพฤตกิ รรมขณะทาการเรยี นการสอน
5.2 สังเกตจากการตอบคาถามทดสอบความเข้าใจ 5.3 และทาแบบฝกึ หัด 5.3
11. นวัตกรรมการศึกษา
11.1 ส่ือและอปุ กรณก์ ารเรยี นรู้
- หนังสือเรียนรายวชิ าฟิสกิ สเ์ พ่มิ เติม เลม่ 2 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- สอ่ื มลั ติมเี ดีย จากอินเตอร์เนต็
- คาถามทดสอบความเขา้ ใจ 5.3
- แบบฝึกหัด 5.3
11.2 แหล่งเรยี นรู้
- หอ้ งสมุดโรงเรียน
- อนิ เทอร์เน็ต
- เวบ็ ไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek
12. การวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี ารวดั เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมิน
ด้านความรู้ (K)
1. บอกความหมายของกาลัง วัดจากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
และความสัมพันธ์ระหว่างกาลัง - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 5.3 รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
กบั งานได้ เขา้ ใจ 5.3 - แบบฝกึ หดั 5.3
- แบบฝกึ หัด 5.3
ด้านกระบวนการ (P)
2. คานวณหาปริมาณที่เกี่ยว วัดจากการตอบคาถาม - คาถามทดสอบความ ตอบคาถามถูกต้อง
ข้องกบั กาลังได้ - คาถามทดสอบความ เข้าใจ 5.3 รอ้ ยละ 70 ขึน้ ไป
เขา้ ใจ 5.3 - แบบฝึกหัด 5.3
- แบบฝึกหัด 5.3
ดา้ นคุณลกั ษณะ (A)
3. ทางานร่วมกับผู้อ่ืนอย่าง การสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรยี นร้รู ายบุคคล ขน้ึ ไป
เห็นของผอู้ น่ื ได้
เกณฑ์การใหค้ ะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดับคะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดับคะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดับคะแนน 0 – 49 % ให้ ปรับปรงุ
ระดบั คะแนน
13. การบูรณาการหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
1. ผ้สู อนใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
หลักพอเพยี ง พอประมาณ มีเหตผุ ลทีด่ ี มีภมู ิคมุ้ กันในตวั ที่ดี
ประเดน็
กจิ กรรมการเรยี นรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตามผล - มีการวางแผนการจัดกิจ
กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา การเรียนรู้ ก ร ร ม อ ย่ า ง ชั ด เ จ น เ ป็ น
ดับข้ันตอน มีการกาหนด ลาดับ
เนื้อหาสาระ จัดกิจกรรม
ผ่านกระบวนการกลมุ่
เวลา - กาหนดเน้ือหาสาระเหมาะ - เพื่อให้กิจกรรมการเรียน - มีการเผื่อเวลาในการทา
สอ่ื สมกับเวลา กิจกรรมการ การสอนบรรลุผลการเรียนรู้ กิจกรรมแต่ละข้ันเพ่ือให้
แหลง่ เรยี นรู้ เรียนรู้ใช้กระบวนการกลุ่ม ได้ตามเวลาที่กาหนด นักเรียนท่ีมีความสามารถ
ความรู้ทใี่ ช้ในการจัด นักเรียนทางานได้ทันตาม ต่างกันสามารถทางานให้
กจิ กรรมการเรยี นรู้
เวลาทีก่ าหนด เสร็จทันเวลา
คณุ ธรรม
- จัดเตรียมและใช้ส่ือในการ - ใช้เคร่ืองมือเพื่อให้นักเรียน - มีลาดับข้ันตอนในการ
จัดกิจกรรมการเรียนการ ได้ร่วมอภิปรายในแบบฝึก ใช้สอ่ื ต่างๆอยา่ งคุ้มคา่
สอนเหมาะสมกับจานวน กิจกรรม
กล่มุ
- กาหนดเนื้อหาสาระและ - เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ - มี กา รสื บค้ นท าง อิ น
กิจกรรมการเรียนรู้เหมาะ สอดคล้องกับวิถีชีวิตทาให้ เทอร์เน็ต การค้นคว้าใน
สมกบั แหล่งเรียนรู้ สามารถนาความรู้มาใช้ใน ห้องสมุดกอ่ นจะออกแบบ
ชีวติ ประจาวันได้ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ า่ งๆ
- สืบคน้ เทคนิควิธีการสอน,รปู แบบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
- ศกึ ษาเนอื้ หาดา้ นต่างๆให้ชดั เจน
- ศึกษาคน้ ควา้ และบูรณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงกบั การจดั การเรียนรู้
- มคี วามรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัตหิ นา้ ทกี่ ารสอน ตรงตอ่ เวลา เตรยี มการสอนลว่ งหน้า
- มคี วามเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยตุ ธิ รรมกับนักเรียนทุกคน
- มีความเสยี สละ อดทน และใฝรุ ู้
2. ผู้เรยี นมีคุณลักษณะ “อย่อู ย่างพอเพยี ง”
พอประมาณ มเี หตผุ ลท่ีดี มภี ูมคิ ุ้มกนั ทีด่ ี
- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าที่ในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเนื้อ - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน
เหมาะ สมกับความสามารถและ หาในเรื่องท่ีศึกษา สามารถวิเคราะห์ สร้างความสามัคคีในการทางาน
พอเพยี งกบั จานวนสมาชกิ ข้อมูลตา่ งๆได้อยา่ งถกู ต้อง
- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้กระ
โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกลุ่ม
อย่างเหมาะสม
ความรู้ (วิธีการ) - สบื ค้นขอ้ มลู เพอื่ เสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจ
- ศึกษา ค้นคว้าวิธกี ารทาแบบฝึกหัดกิจกรรม และใบงาน
- วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใชท้ กั ษะกระบวนการคิด
คณุ ธรรมทเ่ี กิดกบั นกั เรียน - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย
ถูกตอ้ ง และเสรจ็ ทันเวลา
- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามที่ดีขณะปฏิบัติงานร่วม
กนั
- รว่ มกจิ กรรมการเรียนร้ดู ้วยความกระตือรือรน้ สนใจ ตัง้ ใจ และใฝุเรยี นรู้
3. ผลลัพธ์ KPA 4 มิติ ที่เกีย่ วข้องกับการอยู่อยา่ งพอเพียง
ผลลพั ธ์ สมดุลพร้อมต่อการเปลีย่ นแปลงในด้านต่างๆ
ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสงั คม ดา้ นสิง่ แวดล้อม ดา้ นวฒั นธรรม
-
ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เก่ียวกับการ - มีความรู้ความเข้าใจ
-
เก่ียวกบั กาลงั ทางานเป็นกลุ่มและ ธรรมชาตขิ องฟสิ ิกส์
การวางแผนร่วมกับผู้
อ่ืน
ดา้ นทกั ษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วม -
การอภิปราย ทาแบบ กับผู้อ่ืนในรูปแบบกลุ่ม
ฝึก/ใบงาน และมีทัก ษะในกา ร
ส ร้ า ง ป ฏิ สั ม พั น ธ์ กั บ
ผู้อน่ื
บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ปญั หาและอุปสรรค
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแก้ไข
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ......................................................ผูส้ อน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)
ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนศรสี โมสรวิทยา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ …………………………………………
(นายเมธี วฒั นสิงห์)
ผู้อานวยการโรงเรียนศรีสโมสรวิทยา
คาถามตรวจสอบความเข้าใจ 5.3
1. กาลงั เฉลีย่ เก่ยี วข้องกับปรมิ าณใดบ้าง
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. กาลังเฉลี่ยของเครอื่ งกลชนดิ เดยี วกันสองเคร่อื งที่มกี าลงั ไมเ่ ท่ากนั บ่งบอกอะไรแกเ่ รา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. สมมติเส้นทางขึน้ ไปยงั นา้ ตกในอทุ ยานแห่งหนึง่ มีสองเส้นทาง เส้นทางแรก คดเค้ียวแตล่ าดชันน้อยเส้นทางที่
สองลาดชันมาก เส้นทางใดขึน้ ไดง้ า่ ยกว่า เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 5.3
1. กาลังเฉลี่ยเก่ยี วขอ้ งกับปรมิ าณใดบา้ ง
กาลังเฉลี่ยเกี่ยวข้องกับ งานที่ทาได้ และช่วงเวลาที่ใช้โดยปริมาณท้ังสามมีความสัมพันธ์กันดังสมการ
กาลังเฉล่ยี = งานท่ที าได้
ช่วงเวลาทใ่ี ช้
2. กาลังเฉลี่ยของเคร่ืองกลชนิดเดียวกนั สองเคร่อื งท่ีมีกาลังไม่เท่ากันบง่ บอกอะไรแก่เรา
ในเวลาเทา่ กัน เครื่องกลที่มกี าลงั เฉล่ยี มากกวา่ จะทางานได้มากกว่า
3. สมมตเิ ส้นทางข้ึนไปยังนา้ ตกในอทุ ยานแหง่ หนึ่งมสี องเส้นทาง เสน้ ทางแรก คดเคี้ยวแตล่ าดชันน้อยเส้นทางท่ี
สองลาดชนั มาก เสน้ ทางใดขึน้ ได้งา่ ยกว่า เพราะเหตใุ ด
เสน้ ทางที่ลาดชันน้อยขนึ้ ได้งา่ ยกว่า เพราะแรงที่ใช้ในการเดินขึ้นทีส่ งู นอ้ ยกว่า
แบบฝึกหัด 5.3
1. นักว่ิงคนหน่ึงมีมวล 600 กิโลกรัม ว่ิงแข่งขันข้ึนอาคาร 25 ชั้น ด้วยอัตราคงตัวโดยใช้เวลา 10 นาที แต่ละ
ช้ันสูง 3.2 เมตร จงหากาลังเฉลยี่ ของนักวิง่
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. เคร่ืองยนต์ของเรือลาหน่ึงมีกาลัง 3 กิโลวัตต์ สามารถทาให้เรือแล่นได้ด้วยอัตราเร็วคงตัว 5.0 กิโลเมตรต่อ
ชัว่ โมง จงหาแรงจากเคร่ืองยนต์ท่ที าให้เรอื ลานแี้ ล่น
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. เครื่องยนต์ของรถยนต์คันหน่ึงมีกาลัง 60 กิโลวัตต์ ถ้าแรงจากเคร่ืองยนต์ที่ทาให้รถเคลื่อนที่มีค่า 4000 นิว
ตนั รถยนต์สามารถเคลอื่ นท่ดี ว้ ยอตั ราเรว็ กีก่ โิ ลเมตรต่อช่วั โมง
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยแบบฝึกหดั 5.3
1. นักวิ่งคนหน่ึงมีมวล 600 กิโลกรัม ว่ิงแข่งขันขึ้นอาคาร 25 ช้ัน ด้วยอัตราคงตัวโดยใช้เวลา 10 นาทีแต่ละ
ช้นั สูง 3.2 เมตร จงหากาลงั เฉลยี่ ของนกั วิง่
วธิ ที า กาลังเฉลีย่ ของนกั วิ่ง Pav =
งานที่นกั วงิ่ ทาได้ W = Fx
= (60)(9.8)(25 × 3.2)
= 47,040 J
ดงั นัน้ Pav = = 78.4 w
ตอบ กาลังเฉล่ียของนักวง่ิ เทา่ กบั 78.4 วตั ต์
2. เครื่องยนต์ของเรือลาหน่ึงมีกาลัง 3 กิโลวัตต์ สามารถทาให้เรือแล่นได้ด้วยอัตราเร็วคงตัว 9.0 กิโลเมตรต่อ
ช่ัวโมง จงหาแรงจากเครอ่ื งยนต์ท่ที าใหเ้ รอื ลานแ้ี ลน่
วิธีทา จาก Pav = = = Fv
F = = = = 1200 N
ตอบ แรงจากเคร่อื งยนตท์ ่ีทาให้เรือลานแ้ี ลน่ เทา่ กบั 1200 นิวตนั
3. เคร่ืองยนตข์ องรถยนต์คนั หนงึ่ มีกาลัง 60 กโิ ลวตั ต์ ถา้ แรงจากเครอ่ื งยนตท์ ท่ี าให้รถเคล่อื นท่ีมีคา่
4000 นวิ ตัน รถยนต์สามารถเคลือ่ นทดี่ ้วยอัตราเรว็ กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วธิ ที า จาก Pav = = = Fv
60 × 103 = 4000 v
v = 15
=
= 54 km/h
ตอบ รถยนตส์ ามารถเคล่ือนท่ดี ้วยอัตราเรว็ 54 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 4 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 4
รายวิชาฟิสกิ ส์เพิม่ เติม (ว30202) เวลา 20 ชัว่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ เวลา 3 ช่ัวโมง
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 5 งานและพลงั งาน
เรือ่ ง พลงั งานกล (พลงั งานจลน์)
1. ผลการเรียนรู้
อธิบาย และคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ
พลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึง
สปริงกับระยะทางท่ีสปริงยืดออก ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมท้ังอธิบาย
ความสัมพนั ธร์ ะหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคานวณงานที่เกิดข้ึนจากแรงลพั ธ์
2. สาระสาคัญ
พลังงาน หมายถึงความสามารถในการทางาน พลงั งานกลหรือพลงั งานทางกลศาสตรม์ ี 2 รปู แบบคือ
1. พลังงานจลน์ Ek หมายถึงพลงั งานในวัตถุท่ีกาลังเคล่ือนท่ี
2. พลังงานศกั ย์ Ep หมายถึงพลงั งานทส่ี ะสมอยใู่ นวตั ถุ
พลังงานกลเป็นผลรวมของพลังงานจลน์และพลังงานศกั ยต์ ามสมการ E = Ek + Ep
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. บอกความหมายพลังงานกลและพลงั งานจลนไ์ ด้ (K)
2. ทดลองและคานวณหาปรมิ าณท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั พลงั งานได้ (P)
3. ทางานรว่ มกบั ผู้อ่นื อยา่ งสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเห็นของผ้อู ่ืนได้ (A)
4. สาระการเรียนรู้
พลงั งาน หมายถงึ ความสามารถในการทางาน
เกลาร์ ค่าพขลอังงงพานลจงั งลานน์ จEลk นห์คมอื าคยรถึ่งงึ หพนลง่ึงั ขงาอนงผในลวคัตูณถรุทะ่ีกหาวลา่ ังงเมควลล่ือกนบั ทอี่ ัตซร่ึงาขเึ้นรว็อยยกู่กกับาคลวังาสมอเงร็วหขรอืองวEัตkถ=ุ เ½ป็นmปรvิม2 าณส
5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. ซ่ือสัตย์
2. มวี ินัย
3. ใฝเุ รียนรู้
4. อยู่อย่างพอเพยี ง
5. มุง่ มนั่ ในการทางาน
6. มจี ิตสาธารณะ
7. ค่านิยม / คุณธรรม
1. ใฝหุ าความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเลา่ เรียน
2. มีสติ รู้คดิ รทู้ า
3. มีระเบยี บวินยั
4. มีความเข้มแข็งทง้ั ร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ตอ่ อานาจฝาุ ยต่า
8. ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21
1. คดิ อย่างเปน็ ระบบและทางานกับผูอ้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยมี าประยกุ ตใ์ ช้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
3. มีความยืดหยุ่น ปรบั ตวั เพือ่ พร้อมรบั การเปลยี่ นแปลง
9. ภาระงาน/ชิน้ งาน
1. คาถามท้ายกจิ กรรม 5.1
10. กจิ กรรมการเรียนรู้ (รูปแบบวงจรการเรียนรู้ 5E)
ข้ันท่ี 1 ข้ันนาเข้าส่บู ทเรียน
1.1 ครถู ามนกั เรยี นว่า รู้จกั พลงั งานอะไรบา้ ง และพลงั งานคอื อะไร (คาตอบแบบปลายเปิด)
1.2 ครยู กตัวอย่างสถานการณ์ว่า วตั ถทุ ีอ่ ยู่บนโตะ๊ ถูกยกข้ึนด้วยความเร็ว จะมีพลังงานแบบใด
เกดิ ข้นึ บา้ ง (แนวคาตอบ : พลงั งานจลน์และพลงั งานศักย์)
1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ พลังงานกล (พลังงานจลน์) รวมถึง
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ และเกณฑก์ ารวัดประเมินผล
ขน้ั ที่ 2 ขนั้ สารวจและคน้ พบ
2.1 ครใู หน้ กั เรียนทากิจกรรม 5.1 การทดลองหาความสัมพนั ธ์ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ใน
หนังสอื เรียนรายวิชาฟิสกิ ส์เพิม่ เตมิ เลม่ 2 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) โดยครแู นะนากอ่ นทดลอง ดงั น้ี
1. ในการปล่อยรถทดลองนน้ั จะต้องปล่อยจากตาแหน่งเดียวกันทุกคร้ัง
2. เส้นเชือกท่ีใช้ในการลากรถและแขวนนอต ควรให้มีความยาวพอดีท่ีจะทาให้รถ
ทดลองอยู่หา่ งจากปลายรางมากกว่า 60 เซนตเิ มตรและนอตอยู่สูงจากพนื้ มากกวา่ 60 เซนตเิ มตร ดงั รปู
3. ครูควรเน้นว่าระยะท่ีรถเคลื่อนที่ x ซ่ึงเท่ากับ 50 เซนติเมตรน้ัน คือระยะที่วัดจาก
แถบกระดาษ ดังน้ัน จะต้องวัดจากจุดแรกบนแถบกระดาษไปเป็นระยะ 50 เซนติเมตร เพ่ือการหาอัตราเร็ว
ของรถทดลอง เม่ือเคล่ือนท่ีได้ 50 เซนติเมตร จากแถบกระดาษให้หาอัตราเร็วที่จุดบนแถบกระดาษที่อยู่ใกล้
กับตาแหนง่ 50 เซนติเมตรมากที่สุด ดงั รูป
4. จับรถทดลองไว้โดยให้แถบกระดาษดึงรถทดลอง เมื่อกดสวิตซ์เคร่ืองเคาะสัญญาณ
เวลาแล้วจึงปล่อยรถทดลองใหเ้ คลอื่ นที่
ขน้ั ที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป
3.1 ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม 5.1 สรปุ ได้ดังน้ี
1. งานท่ีทาโดยแรงดงึ รถทดลองเป็นสดั ส่วนตรงกับอตั ราเร็วของรถยกกาลังสอง เขียนได้
วา่ F x ∝ v2 หรือ F x = kv2
2. ความชันของกราฟ k มีค่าคงตัวและเท่ากับครึ่งหนึ่งของมวลรถ ดังนน้ั k =
3. งานที่เกดิ จากแรงดงึ รถทดลองเท่ากบั พลังงานจลนข์ องรถทดลองและเท่ากบั
หรือ F x = mv2
ขัน้ ที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครใู หค้ วามรู้เพ่มิ เติมวา่ พลังงานจลน์ของวัตถุที่เปลี่ยนไปนั้นอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้
ข้ึนอยูก่ ับทศิ ทางของแรงที่มากระทา กลา่ วคือ ถา้ แรงท่ีมากระทามีทิศทางเดียวกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของวัตถุ
จะทาใหพ้ ลงั งานจลนข์ องวตั ถุเพ่มิ ข้นึ แตถ่ า้ แรงท่ีมากระทามที ศิ ทางตรงข้ามกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของวัตถุ จะ
ทาใหพ้ ลงั งานจลน์ของวัตถุลดลง และเมื่อให้งานท่ีเป็นบวกแก่วัตถุจะทาให้พลังงานจลน์ของวัตถุเพิ่มข้ึนน่ันคือ
Ek เป็นบวกและเมื่อให้งานท่ีเป็นลบแก่วัตถุ จะทาให้พลังงานจลน์ของวัตถุลดลง นั่นคือ Ek เป็นลบ จะเห็นว่า
งานทีท่ าให้พลังงานจลนข์ องวตั ถลุ ดลง เป็นงานลบ เพราะเป็นงานของแรงต้านการเคลื่อนที่น่ันเอง งานของแรง
ตา้ นอาจจะเปลยี่ นเปน็ พลังงานชนิดอน่ื ได้ เชน่ ความร้อนที่เกดิ ขึ้น
ขนั้ ที่ 5 ขัน้ ประเมินผล
5.1 สังเกตการตอบคาถามในชั้นเรียน และพฤติกรรมขณะทาการเรียนการสอน
5.2 สงั เกตจากการตอบคาถามท้ายกจิ กรรม 5.1
11. นวัตกรรมการศึกษา
11.1 สอ่ื และอปุ กรณ์การเรยี นรู้
- หนังสือเรยี นรายวิชาฟิสิกส์เพ่มิ เตมิ เล่ม 2 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)
- สอื่ มลั ตมิ เี ดยี จากอินเตอร์เนต็
- คาถามท้ายกิจกรรม 5.1
- ชดุ อปุ กรณก์ จิ กรรม 5.1 การทดลองหาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงานกับพลงั งานจลน์
11.2 แหล่งเรียนรู้
- หอ้ งสมดุ โรงเรียน
- อินเทอร์เนต็
- เว็บไซต์ : https://sites.google.com/a/bpn.ac.th/physics/hna-erek
12. การวัดและประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ดา้ นความรู้ (K)
1. บอกความหมายพลังงานกล วัดจากการตอบคาถาม - คาถา มการ ทดลอ ง ตอบคาถามถูกต้อง
และพลังงานจลน์ได้ - คาถามการทดลอง กจิ กรรม 5.1 รอ้ ยละ 70 ขน้ึ ไป
กิจกรรม 5.1
ด้านกระบวนการ (P)
2. ทดลองและคานวณหาปริ วดั จากการตอบคาถาม - คาถา มการ ทดลอ ง ตอบคาถามถูกต้อง
มาณทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับพลังงานได้ - คาถามการทดลอง กิจกรรม 5.1 รอ้ ยละ 70 ขนึ้ ไป
กิจกรรม 5.1
ด้านคณุ ลักษณะ (A)
3. ทางานร่วมกับผู้อื่นอย่าง การสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ได้คะแนนในระดับ 2
สร้างสรรค์ ยอมรับความคิด การเรยี นรรู้ ายบคุ คล ขึ้นไป
เห็นของผอู้ นื่ ได้
เกณฑ์การให้คะแนน 80 - 100 % ให้ ดีมาก
ระดบั คะแนน 70 - 79 % ให้ ดี
ระดับคะแนน 60 - 69 % ให้ ปานกลาง
ระดับคะแนน 50 - 59 % ให้ พอใช้
ระดบั คะแนน 0 – 49 % ให้ ปรบั ปรุง
ระดับคะแนน
13. การบรู ณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
1. ผสู้ อนใช้หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
หลกั พอเพียง พอประมาณ มเี หตุผลทด่ี ี มภี ูมิค้มุ กันในตัวท่ีดี
ประเดน็
กิจกรรมการเรียนรู้ - มีการวางแผนการจัดกิจ - จัดการเรียนรู้ตรงตามผล - มีการวางแผนการจัด
กรรมด้านต่างๆชัดเจน มีลา การเรียนรู้ กิจกรรมอย่างชัดเจนเป็น
ดับขั้นตอน มีการกาหนดเน้ือ ลาดบั
หาสาระ จัดกิจกรรมผ่านกระ
บวนการกล่มุ
เวลา - กาหนดเนื้อหาสาระเหมาะ - เพื่อให้กิจกรรมการเรียน - มีการเผ่ือเวลาในการทา
สมกับเวลา กิจกรรมการเรียน ก า ร ส อ น บ ร ร ลุ ผ ล ก า ร กิจกรรมแต่ละข้ันเพื่อให้
รู้ใช้กระบวนการกลุ่มนักเรียน เรยี นรู้ไดต้ ามเวลาท่ีกาหนด นักเรียนที่มีความสามารถ
ทางานได้ทันตามเวลาที่กา ต่างกันสามารถทางานให้
หนด เสร็จทันเวลา
สอ่ื - จัดเตรียมและใช้ส่ือในการ - ใช้เครื่องมือเพื่อให้นัก - มีลาดับขั้นตอนในการ
จัดกิจกรรมการเรียนการสอน เรียนได้ร่วมอภิปรายใน ใช้ส่ือต่างๆอยา่ งคุ้มค่า
เหมาะสมกบั จานวนกลุ่ม แบบฝกึ กิจกรรม
แหล่งเรยี นรู้ - กาหนดเน้ือหาสาระและกิจ - เพื่อให้การจัดการเรียนรู้ - มี กา รสื บค้ นท าง อิ น
ความรทู้ ใ่ี ช้ในการจดั กรรมการเรียนรู้เหมาะสมกับ สอดคล้องกับวิถีชีวิตทาให้ เทอร์เน็ต การค้นคว้าใน
กิจกรรมการเรียนรู้
แหล่งเรยี นรู้ สามารถนาความรู้มาใช้ใน หอ้ งสมดุ ก่อนจะออกแบบ
คณุ ธรรม
ชวี ิตประจาวันได้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่างๆ
- สบื ค้นเทคนิควิธกี ารสอน,รูปแบบการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
- ศึกษาเนือ้ หาดา้ นต่างๆให้ชัดเจน
- ศึกษาค้นคว้าและบูรณาการหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการจดั การเรียนรู้
- มคี วามรับผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ น้าท่ีการสอน ตรงต่อเวลา เตรยี มการสอนลว่ งหนา้
- มีความเมตตา ใหค้ วามเสมอภาค และยุติธรรมกับนักเรียนทกุ คน
- มีความเสียสละ อดทน และใฝรุ ู้
2. ผู้เรียนมคี ณุ ลักษณะ “อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง”
พอประมาณ มเี หตผุ ลที่ดี มีภมู คิ มุ้ กนั ที่ดี
- แต่ละกลุ่มแบ่งหน้าที่ในกลุ่ม - มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับเน้ือ - ฝึกการมีส่วนร่วมในการทางาน
เหมาะ สมกับความสามารถและ หาในเร่ืองท่ีศึกษา สามารถวิเคราะห์ สรา้ งความสามัคคีในการทางาน
พอเพียงกบั จานวนสมาชกิ ข้อมลู ตา่ งๆไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
- วางแผนการทางานอย่างรอบคอบ - รู้จักทางานร่วมกับผู้อื่นโดยใช้กระ
โดยกาหนดเวลาในการทากิจกรรม บวนการกลุม่
อย่างเหมาะสม
ความรู้ (วธิ กี าร) - สืบค้นข้อมลู เพอื่ เสรมิ สรา้ งความรู้ ความเข้าใจ
- ศกึ ษา คน้ ควา้ วธิ ีการทาแบบฝึกหัดกจิ กรรม และใบงาน
- วเิ คราะหข์ ้อมูลโดยใช้ทักษะกระบวนการคดิ
คุณธรรมทเ่ี กิดกบั นกั เรียน - มีความรับผิดชอบในหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมาย ทางานด้วยความเรียบร้อย
ถกู ต้อง และเสร็จทนั เวลา
- มีความสามัคคีในหมู่คณะ มีวินับเป็นผู้นาและผู้ตามท่ีดีขณะปฏิบัติงานร่วม
กนั
- รว่ มกจิ กรรมการเรยี นรู้ดว้ ยความกระตอื รือรน้ สนใจ ตง้ั ใจ และใฝเุ รียนรู้
3. ผลลัพธ์ KPA 4 มติ ิ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับการอยู่อยา่ งพอเพียง
ผลลพั ธ์ สมดลุ พร้อมต่อการเปล่ยี นแปลงในดา้ นต่างๆ
ดา้ นวตั ถุ ดา้ นสังคม ด้านส่งิ แวดลอ้ ม ดา้ นวฒั นธรรม
-
ดา้ นความรู้ - มีความรู้ความเข้าใจ - มีความรู้เก่ียวกับการ - มีความรู้ความเข้า
-
เก่ียวกับพลังงานกล ทางานเป็นกลุ่มและ ใ จ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง
(พลงั งานจลน์) การวางแผนร่วมกับผู้ ฟิสกิ ส์
อื่น
ดา้ นทักษะ - มีความสามารถใน - สามารถทางานร่วม -
การอภิปราย ทาแบบ กับผู้อ่ืนในรูปแบบกลุ่ม
ฝึก/ใบงาน และมีทัก ษะในกา ร
สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้
อ่นื
บนั ทึกผลหลังการสอน
ผลการเรียนรู้
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ปญั หาและอปุ สรรค
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะแนวทางแกไ้ ข
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ......................................................ผ้สู อน
(นางสาวกนกวรรณ บุญเกตุ)
ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียนศรีสโมสรวทิ ยา
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ …………………………………………
(นายเมธี วัฒนสงิ ห์)
ผูอ้ านวยการโรงเรยี นศรีสโมสรวิทยา
คาถามท้ายกจิ กรรม 5.1
1. กราฟที่ได้มีลกั ษณะอย่างไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
2. จากลกั ษณะของกราฟ สรุปความสมั พันธ์ระหวา่ งงานกบั กาลงั สองของอัตราเรว็ สุดทา้ ยได้อยา่ งไร
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
3. จากกราฟระหวา่ ง F x กับ v2 ความชนั ของกราฟคือคา่ ใด
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………….………………………………………………………………………………………………
เฉลยคาถามท้ายกิจกรรม 5.1
1. กราฟท่ไี ด้มลี กั ษณะอยา่ งไร
ตอบ เป็นกราฟเสน้ ตรง
2. จากลกั ษณะของกราฟ สรุปความสมั พนั ธร์ ะหว่างงานกบั กาลังสองของอัตราเร็วสดุ ทา้ ยได้อยา่ งไร
ตอบ งานแปรผนั ตรงกบั กาลังสองของอัตราเร็วสดุ ท้าย
3. จากกราฟระหว่าง F x กบั v2 ความชนั ของกราฟคอื ค่าใด
ตอบ ครง่ึ หนึง่ ของมวลรถ หรอื
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 5 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
รายวชิ าฟสิ ิกสเ์ พิม่ เติม (ว30202) เวลา 20 ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 3 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 5 งานและพลังงาน
เรอ่ื ง พลังงานกล (พลงั งานศกั ยโ์ น้มถ่วง)
1. ผลการเรียนรู้
อธิบาย และคานวณพลังงานจลน์ พลังงานศักย์ พลังงานกล ทดลองหาความสัมพันธ์ระหว่างงานกับ
พลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึง
สปริงกับระยะทางที่สปริงยืดออก ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น รวมท้ังอธิบาย
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงานของแรงลัพธแ์ ละพลงั งานจลน์ และคานวณงานทเ่ี กิดข้ึนจากแรงลพั ธ์
2. สาระสาคัญ
พลงั งาน หมายถงึ ความสามารถในการทางาน พลังงานกลหรือพลังงานทางกลศาสตรม์ ี 2 รปู แบบคอื
1. พลงั งานจลน์ Ek หมายถึงพลังงานในวัตถทุ ่กี าลงั เคลอ่ื นท่ี
2. พลังงานศักย์ Ep หมายถงึ พลงั งานทสี่ ะสมอยู่ในวัตถุ
พลงั งานกลเปน็ ผลรวมของพลงั งานจลน์และพลังงานศักย์ตามสมการ E = Ek + Ep
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. บอกความหมายพลังงานกล พลงั งานจลน์ และพลังงานศกั ยไ์ ด้ (K)
2. ทดลองและคานวณหาปริมาณท่เี กี่ยวขอ้ งกับพลงั งานได้ (P)
3. ทางานรว่ มกับผู้อืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคดิ เหน็ ของผ้อู ื่นได้ (A)
4. สาระการเรยี นรู้
พลังงานศักย์ Ep หมายถึงพลังงานที่สะสมอยู่ในวัตถุ ซ่ึงขึ้นอยู่กับตาแหน่งของวัตถุ พลังงานศักย์
จาแนกเป็นพลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วง ซ่งึ เปน็ พลงั งานภายนอกที่เอาชนะแรงของสนามโน้มถ่วง หาได้จากผลคูณของ
มวล ความเรง่ เนอ่ื งจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก และระดับความสูง หรือ Ep = mgh ส่วนพลังงานศักย์ยืดหยุ่นเป็น
พลังงานท่เี กิดข้นึ จากการกดหรือดึงสปริงหรือการอออกแรงดึงวัตถุท่ีมีความยืดหยุ่นให้ยืดออก ค่าพลังงานศักย์
ยืดหยุ่นหาได้จาก คร่ึงหนึ่งของผลคูณระหว่างค่าคงตัวสปริงกับระยะยืด-หดยกกาลังสอง หรือ Ep = ½ kx2
พลังงานกลเปน็ ผลรวมของพลงั งานจลน์และพลงั งานศกั ยต์ ามสมการ E = Ek + Ep
5. สมรรถนะสาคญั
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ซื่อสตั ย์
2. มีวินยั
3. ใฝเุ รียนรู้
4. อยู่อยา่ งพอเพียง
5. มุ่งมน่ั ในการทางาน
6. มีจติ สาธารณะ
7. คา่ นิยม / คุณธรรม
1. ใฝุหาความรู้ หม่นั ศกึ ษาเลา่ เรยี น
2. มสี ติ ร้คู ิด รทู้ า
3. มีระเบียบวนิ ัย
4. มคี วามเขม้ แขง็ ทัง้ รา่ งกายและจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝุายต่า
8. ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
1. คิดอยา่ งเป็นระบบและทางานกบั ผอู้ ื่นอย่างสรา้ งสรรค์
2. การเขา้ ถงึ สารสนเทศ และนาเทคโนโลยมี าประยกุ ตใ์ ชอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
3. มคี วามยดื หยุ่น ปรบั ตวั เพื่อพร้อมรบั การเปลีย่ นแปลง
9. ภาระงาน/ชิ้นงาน
1. คาถามท้ายกิจกรรม 5.2
10. กจิ กรรมการเรียนรู้ (รูปแบบวงจรการเรยี นรู้ 5E)
ขนั้ ที่ 1 ขนั้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น
1.1 ครูถามนักเรียนว่านอกจากพลังงานจลน์แล้ว นักเรียนรู้จักพลังงานอะไรอีกบ้าง (คาตอบ
เปน็ แบบปลายเปิด)
1.2 ครูถามนักเรียนว่า สาหรับพลังงานกล เป็นผลรวมของพลังงานใดบ้าง (แนวคาตอบ :
พลังงานจลน์และพลังงานศกั ย์)
1.3 แจ้งให้นักเรียนทราบว่าจะได้ศึกษาเก่ียวกับเก่ียวกับ พลังงานกล (พลังงานศักย์โน้มถ่วง)
รวมถึงจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ และเกณฑ์การวัดประเมนิ ผล
ขัน้ ที่ 2 ขน้ั สารวจและคน้ พบ
2.1 ครูให้นักเรียนกิจกรรม 5.2 การทดลองพลังงานศักย์โน้มถ่วงกับเส้นทางการเคล่ือนท่ีใน
หนังสอื เรียนรายวิชาฟสิ ิกสเ์ พิ่มเติม เลม่ 2 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) โดยครูแนะนากอ่ นทดลอง ดังน้ี
1. ในการหางาน ให้ดึงรถทดลองข้นึ ไปตามพืน้ เอยี งดว้ ยอัตราเร็วคงตวั
2. เพ่ือให้เกิดความสะดวกในการทากิจกรรม ให้นักเรียนทาเครื่องหมายบนรางไม้ที่
ตาแหน่งเร่ิมต้นของรถและตาแหน่งสุดท้ายที่จะลากรถขึ้นไปดังรูป เม่ือทากิจกรรมจะได้ x ค่าเดิม ส่วนระยะ
ความสงู h จะเปลย่ี นไปตามมุมเอยี งของรางไม้