The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทสรุป Best Practice รายงานการพัฒนาหลักสูตรวิชา งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kunnika9315, 2023-07-21 01:00:32

บทสรุป Best Practice รายงานการพัฒนาหลักสูตรวิชา งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน

บทสรุป Best Practice รายงานการพัฒนาหลักสูตรวิชา งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน

Keywords: การพัฒนาหลักสูตรวิชา งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน,est Practice รายงานการพัฒนาหลักสูตร,หลักสูตรเพิ่ม,เติม,est Practice รายงานการพัฒนาหลักสูตรห้วยม,้าวิทยาคม

1


2 ชื่อผลงาน : รายงานการพัฒนาหลักสูตรวิชาเพิ่มเติม “’งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ชื่อผู้เสนอผลงาน : นางกรรณิการ์ อ้อสถิตย์ นายยุทธยา ขัดสม และนางสุรางค์ ถิ่นสุข โรงเรียน : โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม สังกัด : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาแพร่ ......................................................................... ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา หลักสูตรเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาและการสอนเพราะหลักสูตรเป็นแม่บทสำคัญต่อการศึกษาใน ทุกระดับและทุกสาขาวิชา ซึ่งระบุสิ่งที่คาดหวังที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนและแนวทางการจัดให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ ต่าง ๆ การพัฒนาหลักสูตรเป็นงานที่จะต้องปฏิบัติอย่างเป็นระบบและมีการวางแผนการดำเนินงานเป็นอย่างดี จึงจะทำให้ได้หลักสูตรที่มีคุณค่าสนองตอบต่อการแก้ปัญหาและต้องตามความต้องการของผู้เรียน สังคมอย่างยั้งยืน และถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการศึกษาซึ่งเป็นเครื่องหล่อหลอมบุคคลให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ สังคมจะมี ลักษณะอย่างไรในอนาคตขึ้นอยู่กับหลักสูตร หลักสูตรจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นเครื่องมือนำไปสู่การบรรลุ เป้าหมายของการศึกษา และการสร้างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ก็เป็นอีกกระบวนการหนึ่งในการบริหารจัดการ หลักสูตรของโรงเรียนเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรายวิชาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มสาระการเรียนรู้และประสบการณ์ที่มี ความเกี่ยวข้อง ตามความแตกต่างและตามความต้องการผู้ปกครอง ตลาดแรงงาน สถานประกอบการ เทคโนโลยีซีเอ็นซี เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม ตัวเครื่อง จะทำงานตามรูปแบบที่ใช้คำสั่งในโปรแกรม เป็นเครื่องที่สามารถใช้งานได้หลากหลายภาษา ปัจจุบันเครื่องซีเอ็นซี เป็นที่นิยมมากและมีความจำเป็นสำหรับการผลิตชิ้นงานต่าง ๆ ซึ่งหากผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจหลักการทำงาน เครื่องซีเอ็นซี โครงสร้างและส่วนประกอบของเครื่องซีเอ็นซีตลอดจนการเขียนโปรแกรม และทดสอบการทำงาน ของเครื่องซีเอ็นซี ในงานกลึง งานกัด ผู้เรียนสามารถต่อยอดการประกอบอาชีพอิสระ หรือสถานประกอบการ/ ตลาดแรงงาน สร้างรายได้ให้ผู้เรียนและเกิดทักษะสมรรถนะผู้เรียน โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็ก ประจำตำบลห้วยม้า มีผู้เรียนรวมทั้งสิ้น 134 คน ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร รับจ้างทั่วไป มีฐานะยากจนถึงปานกลาง หรือผู้ปกครอง แยกทางกัน ผู้เรียนอาศัยอยู่กับปู่ ย่า ตา ยาย ส่วนใหญ่ต้องทำงานช่วยผู้ปกครองหารายได้เลี้ยงครอบครัว ผู้เรียน ส่วนหนึ่งที่ผู้ปกครองมีฐานะค่อนข้างดีมักจะส่งบุตรหลานไปเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด และผู้เรียนแผนการเรียน ที่ 2 (ภาษา สังคม การงานและเทคโนโลยี) มักจะไม่ค่อยสนใจในเรียนรายวิชาพื้นฐานหรือวิชาที่ต้องเรียนหนัก ส่วนใหญ่ชอบที่จะฝึกฝนประสบการณ์ด้านงานอาชีพหรือด้านงานช่างต่างๆ เมื่อผู้เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น แล้ว มีความตั้งใจและมุ่งไปเรียนต่อในระดับอาชีวศึกษาตามที่ตนเองถนัดและสนใจ ตลอดจนความต้องการของ ผู้ปกครองที่เน้นเรื่องประกอบอาชีพในสถานประกอบการหรือหารายได้ให้กับครอบครัว โรงเรียน คณะกรรมการ สถานศึกษา จึงต้องมีการวางแผนร่วมกันเพื่อหาแนวทางที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จริง เป็นพื้นฐาน ในการเรียนระดับที่สูงขึ้นและต่อยอดการประกอบอาชีพ จากข้อมูลสถิติการเรียนต่อของผู้เรียนแผนการเรียนที่ 2 ส่วนใหญ่มุ่งเรียนสายอาชีพที่สถานบันอาชีวศึกษาในจังหวัดแพร่ อีกประเด็นโรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม ได้สมัครเข้า ร่วมโครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อการจัดทำรูปแบบและแนวทางพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยง การศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแพร่ซึ่งเป็นโครงการที่ดีสอดคล้อง


3 กับบริบทของโรงเรียนและความสนใจของผู้เรียน ทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาขาดครูด้านงานช่างหรืองานอาชีพ และปัญหาผู้เรียนไม่สนใจเรียน สนองตามความต้องการของผู้ปกครองที่อยากให้บุตรหลานเรียนด้านงานอาชีพ ผู้พัฒนาในฐานะครูผู้สอนจึงได้พัฒนาหลักสูตรเพิ่มเติมรายวิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน”กลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น โดยอาศัยความร่วมมือระหว่าง สถานศึกษาคู่พัฒนา จุดเน้นของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพวิชา“งานโปรแกรม ซีเอ็นซีพื้นฐาน” ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ พัฒนา ศักยภาพให้ผู้เรียนให้มีทักษะในการแสวงหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการสื่อสาร ใฝ่เรียนรู้ มีความรับผิดชอบและมีนิสัยรักการทำงาน มีจิตบริการสาธารณะ และมีความปลอดภัย วัตถุประสงค์ของการศึกษา การศึกษาครั้งนี้กำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษาไว้ดังนี้ 1. เพื่อพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา“งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ 2. เพื่อศึกษาผลการใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา“งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา“งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ประโยชน์และความสำคัญ การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน อาชีพ มีความสำคัญดังนี้ 1. โรงเรียนได้หลักสูตรสถานศึกษา รายวิชาเพิ่มเติมที่จัดการเรียนรู้ที่เน้นทักษะอาชีพและสอดคล้องกับ บริบท สภาพของท้องถิ่นของนักเรียน ที่มีความน่าสนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้การจัดการเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ สำหรับนักเรียนของตนเองได้ ซึ่งเน้นการลงมือปฏิบัติจริง มีความเหมาะสมกับบริบทของนักเรียน บริบทของ โรงเรียน ชุมชน ผู้มีทักษะต่อยอดประกอบอาชีพหรือเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป 2. ครูผู้สอน ผู้บริหารการศึกษา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้แนวทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาอย่าง เป็นระบบและเนื้อหาที่เหมาะสมกับช่วงผู้เรียน มีการวิเคราะห์ปัญหาความต้องการ วางแผน กำหนดเนื้อหา จุดประสงค์ชัดเจน มีแผนการจัดการเรียนรู้ นำไปทดลองใช้เพื่อปรับปรุง และมีแนวการวัดและประเมิน 3. นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้ทักษะอาชีพจากการฝึกประสบการณ์สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ ประโยชน์อย่างแท้จริง ประกอบอาชีพได้


4 ขอบเขตของการพัฒนา กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างระยะที่ 1 ใช้ในการพัฒนาหลักสูตร จำนวน 15 คน ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา จำนวน 1 คน ศึกษานิเทศก์ 1 คน ผู้บริหาร จำนวน 1 คน ครูผู้สอน/คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตร จำนวน 3 คน คณะครูจากวิทยาลัยเทคนิคแพร่ จำนวน 3 ผู้ปกครอง จำนวน 3 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 3 คน ใช้วิธีสุ่มแบบเจาะจง กลุ่มตัวอย่างระยะที่ 2 การหลักสูตรไปใช้ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แผนการเรียนที่ 2 ภาษา สังคม การงานอาชีพและเทคโนโลยี โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 21 คน ใช้วิธีสุ่มแบบเจาะจง ด้านตัวแปร ตัวแปรที่ใช้ในการพัฒนา ประกอบด้วย 1. ตัวแปรต้น ได้แก่ หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา“งานซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ 2. ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการใช้หลักสูตร ด้านเนื้อหา กรอบเนื้อหาส่วนที่นํามาพัฒนาหลักสูตร เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับงานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน กำหนดเนื้อหา สาระ จำนวน 9 เรื่อง ด้านระยะเวลา ใช้เวลาสอน 60 ชั่วโมง ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ตามตารางเรียนปกติเวลา 13.00-16.00 น. วิธีดำเนินการพัฒนาหลักสูตร การศึกษาครั้งนี้เพื่อพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน”กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ เป็นการศึกษาเชิงพัฒนา โดยมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 – 6 แผนการเรียนที่ 2 โรงเรียน ห้วยวิทยาคม อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการสึกษา 2565 เป็นกลุ่มตัวอย่าง ผู้พัฒนาได้ กำหนดรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีดำเนินการพัฒนาหลักสูตร ดังนี้ 1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2. การพัฒนาและร่างหลักสูตร 3. การทดลองใช้หลักสูตร 4. การประเมินผลและปรับปรุงหลักสูตร 1. การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เป็นการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรม ซีเอ็นซีพื้นฐาน” ผู้พัฒนาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร สัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีซีเอ็นซี


5 ที่มีความเชี่ยวชาญ ตรวจสอบยืนยันข้อมูลและข้อความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลักสูตรและ การสอน ด้านการบริหารหลักสูตร และผู้เชี่ยวชาญด้านการประกอบอาชีพ จึงมีความเชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลพื้นฐานที่ ได้มีความน่าเชื่อถือตลอดจนความต้องการของผู้เรียน จึงได้นำมาพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน รายละเอียดการดำเนินการดังนี้ 1. ศึกษาและวิเคราะห์แนวคิดแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร หลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ปรับปรุง 2560) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 (ปรับปรุง พ.ศ.2565) และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาหลักการและรูปแบบพัฒนาหลักสูตร การ จัดการเรียนรู้รายวิชา งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน และศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของหลักสูตร คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา แผนการสอน ข้อมูลเทคโนโลยีซีเอ็นซี” จากเอกสาร ตำราข้อมูลออนไลน์ เพื่อเป็นการเตรียมข้อมูลและกำหนดข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับทักษะการประกอบอาชีพ 2. สํารวจความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง กรรมการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ ครูผู้สอน ผู้บริหาร วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” บูรณาการการ จัดการเรียนรู้ส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพในอนาคตหรือการยอดการศึกษาระดับที่สูงขึ้นตรวจสอบและยืนยัน ข้อมูลโดยผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนา 2. การพัฒนาร่างหลักสูตร การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เป็นการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษากับสถานศึกษาคู่พัฒนา ตามโครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อจัดทำ รูปแบบและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา (CLC) ให้สอดคล้องกับริบทโรงเรียนและชุมชน ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การพัฒนาร่างหลักสูตร 1. การพัฒนาร่างหลักสูตร ซึ่งมีองค์ประกอบ ได้แก่ 1.1 ความเป็นและความสำคัญ 1.2 คำอธิบายรายวิชา เป็นการกำหนดของรายวิชาเพิ่มเติม ประกอบด้วย ชื่อรหัสวิชา ชื่อรายวิชา จำนวนชั่วโมงสอน ผลการเรียนรู้ สมรรถนะรายวิชา 1.3 ผลการเรียนรู้ เป็นการกำหนดคุณลักษณะที่คาดหวังจะให้เกิดกับผู้เรียน สะท้อความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่เกิดจากการเรียนการสอนตามหลักสูตร 1.4 โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” ประกอบด้วย หน่วยการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลาที่ใช้สอน น้ำหนักคะแนน 1.5 สาระการเรียนรู้ กำหนดเนื้อหาการเรียนรู้สอดคล้องกับผลการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ 1.6 เวลาเรียน กำหนดเวลาเรียนไว้ 60 ชั่วโมง 1.7 กิจกรรมการเรียนรู้ ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง 1.8 สื่อการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1.9 การวัดและประเมินผล เป็นไปตามที่กำหนด 2. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 9 แผน


6 3. ประเมินร่างหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น โดยนำร่างหลักสูตร และแผนการจัดการเรียนรู้เสนอผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรและการสอน เทคโนโลยีซีเอ็นซีและงานประเภทวิชา อุตสาหกรรม จำนวน 5 ท่าน พิจารณาตรวจสอบความแม่นตรงเชิงเนื้อหา ภาษาและความเหมาะสมของ องค์ประกอบของร่างหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แบบประเมินความเหมาะสม โดยใช้มาตรประมาค่า 5 ระดับ ของลิเคอร์ท บันทึกผลแล้วนำมาหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แลนำไปเทียบกับเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด. 2560 :103) 4.50-5.00 หมายถึง มีความเหมาะสมมากที่สุด 3.50-4.49 หมายถึง มีความเหมาะสมมาก 2.50-3.49 หมายถึง มีความเหมาะสมปานกลาง 1.50-2.49 หมายถึง มีความเหมาะสมน้อย 1.00-1.49 หมายถึง มีความเหมาะสมน้อยที่สุด 4. สร้างแบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เกณฑ์การประเมินทักษะการ ปฏิบัติงานและสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยให้สอดคล้องและครอบคลุมกับผลการเรียนรู้ใน รายวิชาแล้วนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้อง และนำมาปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาร่างหลักสูตร การพัฒนาร่างหลักสูตรให้สอดคล้องกับข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากตอนที่ 1 โดยมีขั้นตอน การดำเนินการ 3 ขั้นตอน ได้แก่ขั้นการพัฒนาร่างหลักสูตร ขั้นการตรวจสอบร่างหลักสูตร ขั้นตอน การปรับปรุงร่างหลักสูตร รายละเอียดในแต่ละขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การพัฒนาร่างหลักสูตรและประเมินหลักสูตร โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญดังนี้ 1. แนวคิดหลักการของหลักสูตร เป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินตามการใช้หลักสูตร ให้บรรลุตามผลการเรียนรู้ของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมอย่างประสิทธิภาพ 2. คำอธิบายรายวิชา เป็นการกำหนดของรายวิชาเพิ่มเติมที่ประกอบไปด้วย ชื่อรหัสวิชา ชื่อวิชา จำนวนชั่วโมง ผลการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ 3. ผลการเรียนรู้ เป็นการกำหนดคุณลักษณะที่คาดหวังของผู้เรียนที่สะท้อนถึงความสามารถ ของความรู้เจตคติทักษะอันเกิดจากการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม 4. โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม เป็นการกำหนดโครงสร้างของหลักสูตรที่ประกอบไปด้วย หน่วยการเรียนรู้สาระเนื้อหา และเวลาที่ใช้ เพื่อให้บรรลุผลตามผลการเรียนรู้ของหลักสูตร 5. โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร การกำหนดเนื้อหาของการเรียนรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดยมี ความสอดคล้องกับผลการเรียนรู้หลักสูตร ประกอบด้วย ชื่อหลักสูตร งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน ระยะเวลา จำนวน 60 ชั่วโมง ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ 6. เวลาเรียน เป็นการกำหนดระยะเวลาในการเรียนรู้ในแต่ละสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตร โดยกำหนดเวลาเรียน จำนวน 60 ชั่วโมงต่อภาคเรียน 7. แนวทางการจัดการเรียนรู้ เป็นการกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เป็น กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นบทบาทและมีส่วนร่วมของผู้เรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนรู้ที่ได้ลง มือปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ ชี้แนะ กระตุ้นหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้เรียน


7 ได้เกิดการเรียนรู้ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างชิ้นงาน โดยจัดกิจกรรม ร่วมกับสถานศึกษาคู่พัฒนา ตามสาขาวิชา ประเภทสาขาอาชีพที่ต้องการ (เทียบเคียงกับหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพ พ.ศ.2562) 8. สื่อการเรียนรู้ เป็นการกำหนดสืบประกอบการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหาสาระและกิจกรรม การเรียนการสอน เช่น ใบความรู้ใบงาน สื่ออื่น ๆ เช่น ภาพ วิดีทัศน์สื่อของจริง 9. การวัดและประเมินผล กำหนดวิธีการวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ โดยวัดทั้งภารความรู้ และวัดทักษะการปฏิบัติงาน 3. การทดลองใช้หลักสูตร เป็นการนำหลักสูตรเพิ่มเติมรายวิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน”กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ที่แก้ไขปรับปรุงแล้วทั้งฉบับไปใช้จัดการเรียนรู้กับกลุ่มตัวอย่าง เพื่อหาประสิทธิภาพของหลักสูตรและความเหมาะสม ของการนำหลักสูตรไปใช้ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตรรายละเอียดการดำเนินการดังนี้ 1. การเตรียมการทดลองการใช้หลักสูตรเพิ่มเติมรายวิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 - 6 แผนการเรียนที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม จำนวน 21 คน 2. การเตรียมอุปกรณ์และสื่อการเรียนให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ตามคู่มือการใช้/แผนการจัดการเรียนรู้ วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” 3. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่พัฒนาขึ้น มีการประเมินผลก่อนเรียน และหลังเรียนเพื่อศึกษาตัวแปรด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน นัดหมายนักเรียนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผ่านการวิเคราะห์หาค่าความแม่นตรง และค่าความเชื่อมั่นแล้ว บันทึกข้อมูลไว้ 4. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตรและประเมินผลการปฏิบัติงาน ตามตารางเรียนปกติสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง ครูผู้สอนบันทึกผลระหว่างเรียน ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการแก้ไขปรับปรุงหลักสูตร 5. เมื่อดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรครบถ้วนสมบูรณ์แล้วทำการทดสอบหลังเรียนโดยใช้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สร้างขึ้น 4. การประเมินผลและปรับปรุงหลักสูตร การประเมินและปรับปรุงหลักสูตรหลังจากได้นำหลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไปทดลองใช้และรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ได้จากการทดลองใช้หลักสูตรมาประเมินและนำมา ปรับปรุงแก้ไขทั้งในด้านโครงสร้างและรายละเอียดที่เป็นองค์ประกอบเพื่อให้มีความถูกต้องเหมาะสมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับกลุ่มตัวอย่าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำเสนอหลักสูตร รายวิชา เพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” ฉบับบสมบูรณ์ต่อสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดแพร่ หรือหน่วยงานที่ รับผิดชอบ เพื่อเผยแพร่ต่อไป


8 สรุปผลการพัฒนาและอภิปรายผล ผู้พัฒนาสรุปผลตามวัตถุประสงค์การพัฒนา ดังนี้ 1. ผลพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา“งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงาน อาชีพ พบว่า หลักสูตรมีความสอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนห้วยม้าวิทยาคม กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ สาระที่ 2 งานอาชีพ มฐ. ง 2.1 เข้าใจมีทักษะที่จำเป็นมีประสบการณ์เห็นแนวทางในงานอาชีพใช้ เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาชีพมีคุณธรรมและมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ ซึ่งหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” มีองค์ประกอบได้แก่คำอธิบายรายวิชา เน้นให้ผู้เรียนศึกษา และปฏิบัติเกี่ยวกับโครงสร้าง หลักการทำงาน วิธีการใช้งาน การบำรุงรักษาของเครื่องซีเอ็นซี ระบบแนวแกน การ เขียน และมีกิจนิสัยในการทำงานที่มีระเบียบแบบแผน มีความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม 2. ผลการวิเคราะห์ข้อที่ได้จาการสำรวจ เพื่อนำมาพัฒนาและร่างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม ดังนี้ 2.1 วิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของผู้บริหาร ครูผู้สอน ผู้ปกครอง ผู้เรียน กรรมการสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ จำนวน 15 คน เห็นด้วยที่จะให้โรงเรียนเปิดสอน รายวิชาเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” คิดเป็นร้อยละ 100 2.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของโครงร่างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซี พื้นฐาน” พบว่า โครงร่างหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” โดยภาพรวมมีความเหมาะสม ระดับมากที่สุด ( Χ = 4.66 S.D = 0.49) และแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม “งานโปรแกรมซีเอ็นซี พื้นฐาน” โดยภาพรวมมีความเหมาะสมระดับมากที่สุด ( Χ = 4.73, S.D = 0.45) เมื่อพิจารณารายประเด็น พบว่า ส่วนใหญ่มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด 2. สรุปผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ พบว่า หลักสูตรที่พัฒนาขึ้น ประสิทธิภาพของเท่ากับ 76.49/79.05 ซึ่งสูง กว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนด 75/75 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนการนำหลักสูตรรายวิชา เพิ่มเติม วิชา“งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.81 และทดสอบหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 15.81 คะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 3. สรุปผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ พบว่า ความพึงพอใจของผู้เรียนที่ต่อ การเรียนรู้โดยใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” ในภาพรวมผู้เรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.59 ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า ผู้พัฒนาดำเนินการพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็นระบบ ได้วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน สำรวจความคิดเห็นและความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านหลังสูตรเพิ่มเติม งานโปรแกรม ซีเอ็นซีพื้นฐาน ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหาร คณะครูในโรงเรียน คณครูจากสถานศึกษาคู่พัฒนา ตลอดจนสถาน ประกอบการ และนำมาวิเคราะห์และสรุปความเป็นไปได้ ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร และกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ยกร่างหลักสูตรอย่างเป็นระบบ ผ่านการตรวจสอบความแม่นตรงเชิงเนื้อหา ตรวจสอบคุณภาพ ความเหมาะสม โดยผู้เชี่ยวชาญ ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการ ทดลองใช้เพื่อหาประสิทธิภาพของหลักสูตรและคู่มือการใช้หลักสูตรมีการประเมินความพึงพอใจของผู้เรียน


9 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด/งานวิจัยของ ทวิช ลักษณ์สง่า (2558 : บทคัดย่อ) ได้พัฒนาหลักสูตรรายวิชา เพิ่มเติมการศึกษาท้องถิ่น สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า 1)นักเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นความสำคัญ และต้องการให้พัฒนาหลักสูตรที่เน้นการแสวงหาความรู้โดยใช้ท้องถิ่นที่ผู้เรียนอาศัยเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญ คาดหวังให้ผู้เรียนมีกระบวนการในการสร้างองค์ความรู้และเกิดความภาคภูมิในในท้องถิ่น 2) ผลการพัฒนา หลักสูตร ประกอบด้วยหลักการ จุดหมาย คำอธิบายรายวิชา ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวิชา แนวทางการจัด การเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผล และแผนการจัดการเรียนรู้(3) นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน และปฏิบัติการศึกษาท้องถิ่นโดยใช้แหล่งเรียนรู้ในและนอกโรงเรียน และมีผลการเรียนรู้ก่อนและหลังใช้หลักสูตร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธัญรัศม์ แพงภูงา (2561 : 93) ได้พัฒนา หลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมเรื่อง วิทยาศาสตร์กับวิถีชีวิตในชุมชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแคนดงพิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์ผลการวิจัยพบว่า (1) หลักสูตรรายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมเรื่อง วิทยาศาสตร์กับวิถีชีวิตในชุมชน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีองค์ประกอบได้แก่แนวคิด หลักการ จุดหมาย ผลการเรียนรู้คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา ขอบข่ายสาระการเรียนรู้เวลาเรียน แนวทางการ จัดการเรียนรู้สื่อการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล หน่วยการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ (2) หลังการ ใช้หลักสูตรสูงกว่าก่อนการใช้หลักสูตร มีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7178 เป็นร้อยละ 71.78 นักเรียนมีความพึง พอใจต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นอยู่ในระดับมากที่สุด และอารยา ดาเกลี้ยง (2565 : 71-75) ผลการวิจัยพบว่า (1) หลักสูตรสถานศึกษา มีองค์ประกอบได้แก่ วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าประสงค์ สมรรถนะสำคัญ ของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักการ จุดมุ่งหมาย คำอธิบายรายวิชา โครงสร้างรายวิชา/เวลาเรียน แนว ทางการจัดการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้และการวัดและประเมินผล ผลการประเมินความเหมาะสมของโครงร่าง หลักสูตรสถานศึกษาอยู่ในระดับมากที่สุด (2) การทดลองใช้และประเมินผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษา นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ นักเรียนมีความพึงพอใจต่อหลักสูตรสถานศึกษาอยูในระดับมากที่สุด และสอดคล้องกับงานวิจัยของ วิธเทอร์ (Wither, 2000 : 2175) ศึกษาเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นและการจัดการศึกษาพื้นฐาน เพื่อพิจารณาข้อมูล เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นของถาบันการศึกษา 72 YVLEI พบว่า โรงเรียนมีการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ของหลักสูตรปรับปรุงหลักสูตรให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน ทำให้เด็กเกิดความคิด ใช้ประสาท สัมผัสทุกส่วนของเด็กกับสิ่งแวดล้อม ให้โอกาสนักเรียนได้แลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชน โดยร่วมกันระหว่างครู ชุมชน นักเรียน และผู้นำชุมชน จัดเนื้อหากิจกรรมการเรียนการสอนตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับเช่นกัน ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะทั่วไป จากการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม วิชา “งานโปรแกรมซีเอ็นซีพื้นฐาน” กลุ่มสาระ การเรียนรู้การงานอาชีพ ตามโครงการส่งเสริมเวทีและประชาคมเพื่อจัดทำรูปแบบและพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่อง เชื่อมโยงการศึกษาขั้นพื้นฐานกับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา 1. การนำหลักสูตรไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ครูผู้สนควรออกแบบกิจกรรมหรือใช้เทคนิควิธีการจัดการ เรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น การทำโครงงาน เป็นต้น 2. เวลาที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่เนื่องด้วยกิจกรรมหลากหลาย


10 และผู้เรียนจำนวนมาก เครื่องซีเอ็นซีในโรงเรียนไม่มี ต้องไปเรียนนอกสถานที่บางกิจกรรม ต้องใช้เวลาเรียนวิชา อื่นๆ เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด 3. การนำหลักสูตรที่สร้างขึ้นไปใอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารและฝ่ายวิชาการควรตระหนักและส่งเสริมการ ใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม สนับสนุนงบประมาณส่วนที่เป็นค่างลงทะเบียนอย่างจริงจัง 4. การนำคู่มือหรือแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้สามารถประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมโดยพิจารณาจาก บริบท ของท้องถิ่นของโรงเรียน และสามารถเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ข้อเสนอแนะในการพัฒนาครั้งต่อไป 1. ควรมีการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีพอื่น ๆ ให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียนและเพื่อให้มีประสบการณ์ตรง 2. ควรมีการศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมที่ส่งเสริมทักษะงานอาชีพในระดับชั้น มัธยมศึกษาตอนต้น แบบบูรณาการกิจกรรมอื่น เช่น ลดเวลเรียน เพิ่มเวลารู้ กิจกรรมชุมนุม


Click to View FlipBook Version