41 ศึกษาเอกสารคู่มือหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 (อายุ 3 – 6 ปี) ของกระทรวงศึกษาธิการ ศึกษาแนวคิดทฤษฎี เอกสาร เอกสารและตำราที่เกี่ยวข้องกับทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ผู้วิจัยสร้างแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ซึ่งเป็นแบบประมาณค่า (Rating Scale) ทั้ง 3 ด้าน ด้านละ 3 ข้อ รวมทั้งหมด 9 ข้อ นำเสนอแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย แบบสังเกตพฤติกรรมทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาโดยใช้ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) นำผลการประเมินของผู้เชียวชาญวิเคราะห์หาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบประเมินทักษะทาง สมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดยค่า IOC ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1.00 ทุกข้อ นำแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ไปทดลองใช้กับนักเรียนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย (Try out) จำนวน 50 คน แล้วนำคะแนนที่ได้มาวิเคราะห์ หาค่าอำนาจจำแนกมีค่าอยู่ระหว่าง 0.32 – 0.54 และนำไปหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสังเกตทั้งฉบับ โดยมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.74 นำแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ที่ผ่านการหาคุณภาพแล้วไปจัดพิมพ์เป็น ฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ภาพที่ 4 ขั้นตอนการสร้างและหาคุณภาพของแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย
42 การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการในการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้ 1. นำแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ที่ผ่านการวิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไข แล้ว นำไปให้เด็กปฐมวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายดำเนินการทดสอบก่อนการจัดกิจกรรม 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ จำนวน 18 เรื่อง เรื่องละ 1 แผน รวม 18 แผน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ดังแสดงในตาราง 2 3. หลังจากดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบ ร่วมมือตามกำหนดการในแผนการจัดกิจกรรมแล้ว ผู้วิจัยแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ประเมินกลุ่มเป้าหมายหลังการจัดกิจกรรม 4. นำคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ทั้งก่อนและหลังการจัดกิจกรรมไปวิเคราะห์ ข้อมูลสถิติต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดยนำข้อมูล ไปหาค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. เปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ
43 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยเลือกใช้สถิติ ดังนี้ 1. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพของเครื่องมือ ดังนี้ 1.1 หาค่าเที่ยงตรง (Validity) โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of ItemObjective Congruence: IOC) คำนวณจากสูตร (ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ, 2543: 248-249) สูตร = ∑ เมื่อ = ดัชนีความสอดคล้อง ∑ = ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ = จำนวนผู้เชี่ยวชาญ 1.2 อำนาจจำแนก (r) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ 1.3 หาค่าความเชื่อมั่นโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟ่า ( - Coefficient) ของครอนบัค (Cronbach) โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ 2. สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลหาค่าสถิติพื้นฐานการบรรยายข้อมูล โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ประกอบด้วย 2.1 ค่าเฉลี่ย () 2.2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ()
44 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยกำหนดสัญลักษณ์และอักษรย่อที่ใช้ในการวิเคราะห์และแปลข้อมูล ดังนี้ แทน จำนวนเด็กปฐมวัยในกลุ่มเป้าหมาย แทน ค่าเฉลี่ย แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดยนำข้อมูล ไปหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. เปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดยนำข้อมูลไปหา ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผู้วิจัยได้นำคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือมาหาค่าสถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนน ปรากฏใน ตาราง 3
45 ตารางที่ 3 ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลัง การจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ ระยะการจัดกิจกรรม ก่อนการจัดกิจกรรม 8 13.50 2.45 หลังการจัดกิจกรรม 8 24.88 3.09 จากตาราง 3 พบว่า คะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 13.50 และหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 24.88 ตามลำดับ 2. เปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ ผู้วิจัยได้นำคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือมาเปรียบเทียบกัน ดังแสดงใน ตาราง 4
46 ตารางที่ 4 การเปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ ผู้เรียน คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลังเรียน 1 10 24 2 13 24 3 11 18 4 14 27 5 14 27 6 13 27 7 15 25 8 18 27 ค่าเฉลี่ย () 13.50 24.88 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน () 2.45 3.09 จากตาราง 4 พบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ มีทักษะทางสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม
47 บทที่ 5 สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาผลการเปรียบเทียบทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังได้รับ การจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมการเล่า นิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ สมมติฐานการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ มีทักษะทางสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรม ประชากรและกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ประชากร เด็กปฐมวัยชาย - หญิง ที่มีอายุระหว่าง 5 - 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนบ้านกุดผึ้ง ตำบลกุดผึ้ง อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 8 คน กลุ่มเป้าหมาย เด็กปฐมวัยชาย - หญิง ที่มีอายุระหว่าง 5 - 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาค เรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนบ้านกุดผึ้ง ตำบลกุดผึ้ง อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู จำนวน 8 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ 2. แบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย
48 วิธีดำเนินการวิจัย 1. นำแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ที่ผ่านการวิเคราะห์และปรับปรุงแก้ไขแล้ว นำไปให้เด็กปฐมวัยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายดำเนินการทดสอบก่อนการจัดกิจกรรม 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ จำนวน 18 เรื่อง เรื่องละ 1 แผน รวม 18 แผน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ 3. หลังจากดำเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบ ร่วมมือตามกำหนดการในแผนการจัดกิจกรรมแล้ว ผู้วิจัยแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ประเมินกลุ่มเป้าหมายหลังการจัดกิจกรรม 4. นำคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ทั้งก่อนและหลังการจัดกิจกรรมไปวิเคราะห์ ข้อมูลสถิติต่อไป การวิเคราะห์ข้อมูล 1. วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดยนำข้อมูลไปหา ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2. เปรียบเทียบคะแนนทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมเล่า นิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ สรุปผลการวิจัย เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ มีทักษะทางสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม อภิปรายผลการวิจัย จากการวิจัยครั้งนี้พบว่า เด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะ แบบร่วมมือมีทักษะทางสมอง EF หลังการจัดกิจกรรมสูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรม ซึ่งสามารถอภิปรายได้ว่า การจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือช่วยส่งเสริมทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยได้ เนื่องมาจากแผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือทั้ง 18 แผน ได้ผ่านการตรวจสอบ จากผู้เชี่ยวชาญ และได้นำไปทดลองใช้เพื่อหาคุณภาพที่เหมาะสม ดังนั้น กิจกรรมตามแผนการจัดกิจกรรม การเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือจึงสามารถนำมาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อเสริมทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซี่งในขั้นก่อนการเล่านิทานครูได้สร้างข้อตกลงให้เด็กตั้งใจฟังนิทาน
49 ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้เด็กจดจ่อใส่ใจในการฟังนิทาน และนอกจากนี้ขณะทำกิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือ หากมีเด็กคนใดไม่สามารถเริ่มทำกิจกรรมได้ครูจะกระตุ้นให้เด็กเริ่มลงมือทำงานและตั้งใจทำงานจนสำเร็จ และในขณะที่เด็กลงมือทำกิจกรรมครูใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้เด็กจัดวางระบบในการปฏิบัติกิจกรรมของตนเอง และของกลุ่ม ซึ่งจะทำให้เด็กพัฒนาด้านการวางแผนและจัดระบบดำเนินการขณะทำกิจกรรม ซึ่งสอดคล้องกับ ไวก็อตสกี้ ( Vygotsky. 1896-1934) ที่กล่าวว่า การเล่นเป็นเหมือนนั่งร้านแห่งพัฒนาการ (Scaffolding of development) เด็กได้พัฒนาทักษะหลากหลายจากง่ายไปหายาก ทุกๆการเล่นจะมีอุปสรรค (Zone of Proximal Development : [ZPD]) เด็กจะเรียนรู้ได้ที่ที่สุดจากการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่หรือเพื่อนที่มี ความสามารถมากกว่า ซึ่งความช่วยเหลือนั้นก็ควรมาในรูปแบบของการเล่น มากกว่า การเรียนหรือมาจาก คำสั่งของผู้ใหญ่ ที่สอดคล้องกับตุลา แฉ่งฉายา (2559: 38) ที่กล่าวว่า การจัดกิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือเป็น การทำงานเป็นกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนความคิด แสดงความคิดเห็นกันภายในกลุ่ม ได้ฝึกความกล้าที่จะ แสดงออกอย่างถูกต้อง ใช้เหตุผล รู้จักยอมรับเหตุผลของเพื่อน รู้จักการช่วยเหลือแบ่งปันซึ่งกันและกัน รับผิดชอบร่วมกัน และทำให้สมาชิกภายในกลุ่มเกดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เป็นการเปิดโอกาสตนเองได้ เรียนรู้ความคิด รูปแบบ หรือสภาพแวดล้อมที่ต่างไป ซึ่งนั้นจะเป็นประสบการณ์ที่ดีในการทำงาน และสามารถ เป็นประโยชน์ต่อการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ดีซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เด็กมีทักษะทางสมอง EF ที่ดีขึ้น โดย สอดคล้องกับ สุภาวดี หาญเมธี (2559 : 45-48) ที่กล่าวว่า การลงมือทำด้วยตนเองจะช่วยฝึก EF ในด้านการ คิดริเริ่ม การตัดสินใจ การวางแผนจัดระบบ การบริหารเวลา และทรัพยากรต่างๆ การฝึกความอดทน มุ่งมั่นที่ จะต้องบรรลุผลตามที่ตั้งใจไว้ หากไม่ เป็นไปตามแผน เขาจะยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนความคิดและงานของเขาได้ อย่างไร และเมื่อทำเสร็จแล้วเขาก็ จะได้ประเมินความรู้สึก ความคิด ผลดี ผลเสียด้วยตนเองเพื่อพัฒนา ปรับปรุงในครั้งต่อไป รวมทั้งการตั้ง คำถามชวนคิดชวนคุยให้มาก เพื่อให้เด็กได้ลองคิด อย่างหลากหลาย ถ้า กิจกรรมไม่เป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างไรได้บ้าง ทำไมเรื่องนี้จึงเป็นอย่างนี้ ฯลฯ เด็กจะได้ฝึก EF ในด้านของ การยืดหยุ่นความคิด การคิด วิเคราะห์ การคาดการณ์ไปข้างหน้า การคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น และสอดคล้อง กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ และสถาบัน อาร์แอลจี รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป (2561 : 89-113) ที่กล่าวว่า การที่เด็กได้ลงมือทำและมีส่วนร่วมในการเผชิญสถานการณ์ต่างๆ เป็นการสั่งสม ประสบการณ์และ เกิดการเรียนรู้เป็นพื้นฐานของการฝึกการจำเพื่อใช้งาน การคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจ อีกทั้งยังช่วย ให้สมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ เป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบความสามารถของตนเอง และเมื่อ ทำซ้ำ ๆ จนเกิดการพัฒนาวิธีการคิด วิธีทำและเกิดความชำนาญ มีความคล่องแคล่วในการคิดและลงมือทำ ก่อให้เกิดความมั่นใจที่จะลงมือทำและภูมิใจเมื่อทำสำเร็จ การทำอะไรด้วยตนเองจะทำให้เด็กเชื่อว่า ความสำเร็จเกิดจากความเพียรพยายาม ทำให้มีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ไม่คิดการพึ่งพิง นำไปสู่การพึ่งพา ตนเองในระยะยาว นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ จิราภรณ์ แจ่มใส (2558) ที่ได้ศึกษา
50 ผลของการใช้กิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือประกอบการเล่านิทานในการพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัย ผลการวิจัยพบว่า คะแนนทักษะทางสังคมโดยรวมและรายด้าน ของเด็กปฐมวัยมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่าง มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และยังสอดคล้องกับ สุนิษา ภารตระศรี(2565) ที่ได้ศึกษา ผลการจัด ประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้นิทานเพื่อพัฒนาทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการจัด ประสบการณ์ตามแผนการจัดประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้นิทาน เพื่อพัฒนา ทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัย มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์กำหนด 84.51/82.22 2) ทักษะสมอง (EF) ของเด็กปฐมวัยหลังการจัด ประสบการณ์สูงกว่าก่อนการจัดประสบการณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ และข้อเสนอแนะในการทำวิจัย ครั้งต่อไป ดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลวิจัยไปใช้ 1.1 ผู้ที่มีความประสงค์จะนำการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือไปใช้ ควรศึกษาและทำความเข้าใจในทฤษฎีแนวคิดพื้นฐานหลักการเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถใช้รูปแบบการจัด กิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ ครูควรสังเกต การทำกิจกรรมของเด็กว่ามีการจดจ่อใส่ใจหรือไม่ เด็กมีการริเริ่มลงมือทำอย่างไร เด็กสามารถบอกการวาง แผนการทำงานอย่างไร หากในช่วงสัปดาห์แรกเด็กยังไม่สามารถทำกิจกรรมตามแผนที่วางไว้ได้ครูควรให้เวลา กับเด็กในการ ปรับตัวที่จะต้องทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ช่วงสัปดาห์แรกเด็กยังมีการขัดแย้ง แย่งอุปกรณ์กัน ไม่ให้ ความร่วมมือกับกลุ่ม ครูต้องคอยกระตุ้น ให้กําลังใจ แนะนําส่งเสริมในการทำกิจกรรม โดยสร้างบรรยากาศให้ เหมาะสมกับการเรียนรู้ ให้เด็กรู้สึกสนุกสนานที่ได้ลงมือทำกิจกรรม 1.2 ครูควรระวังการใช้คำถามหรือการสัมภาษณ์ในระหว่างที่เด็กทำกิจกรรม ไม่ให้รบกวน สมาธิเด็กในการทำกิจกรรม หากสังเกตพบว่าเด็กต้องการความช่วยเหลือ หรือทำกิจกรรม ไม่เป็นไปตามที่ วางแผน ครูจึงจะเข้าไปสอบถาม และช่วยเหลือเด็ก 1.3 เวลาในการทำกิจกรรมควรยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม ให้เหมาะกับช่วงวัยและ ความสนใจของเด็ก
51 2. ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือต่อทักษะทางสมองEF ด้านอื่นๆ เช่น ด้านยืดหยุ่นความคิด ด้านมุ่งเป้าหมาย เป็นต้น 2.2 ควรมีการศึกษาเพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ ต่อ ทักษะทางสมอง EF ของผู้เรียนในระดับชั้นอื่น ๆ ต่อไป
52 บรรณานุกรม
53 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. จิราภรณ์ แจ่มใส. (2558). ผลของการใช้กิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือประกอบการเล่านิทานใน การพัฒนาทักษะทางสังคมของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต (วิทยาการทางการศึกษา และการจัดการเรียนรู้). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ฉัตรวิไล สุรินทร์ชมพู. (2561). ผลการใช้นิทานเพื่อพัฒนา EF (Executive Function) ของ เด็กปฐมวัยด้านทักษะพื้นฐาน. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรบัณฑิต. (การศึกษาปฐมวัย). เลย : มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. ดาริกา ตวงบุ. (2564). การสร้างแบบวัดทักษะการคิดเชิงบริหาร (EF) ด้านทักษะพื้นฐาน สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในจังหวัดนครพนม. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (การวัดผลและประกันคุณภาพการศึกษา). มหาสารคาม: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ดุษฎี อุปการ. (2560). การพัฒนากระบวนการเรียนการสอนกิจกรรมเสรีตามแนวคิดเครื่องมือ ทางปัญญาและการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างเอ็กเซ็กคิวทีฟฟังก์ชันส์ของ เด็กอนุบาล. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ตุลา แฉ่งฉายา. (2559). การพัฒนากิจกรรมสร้างสรรค์ศิลปะร่วมกันจากการฟังนิทานเพื่อส่งเสริม การเป็นพลเมืองดีของผู้เรียนระดับปฐมวัยด้วยค่านิยม 12 ประการ. วิทยานิพนธ์ ศิลปมหาบัณฑิต. (ทัศนศิลปศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. นภัสวรรณ สิงหพล. (2565). การส่งเสริมพฤติกรรมความกล้าแสดงออกผ่านการเล่านิทานของ เด็กระดับชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนแจ้งวิทยา. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรบัณฑิต. (การศึกษาปฐมวัย). สงขลา: บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา. นิตยา พิมพ์ทอง. (2564). การส่งเสริมทักษะทางสมอง EF (Executive Function) ของชั้นอนุบาล ปีที่ 2/2 โดยการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ (รายงานผลการวิจัย). บุรีรัมย์: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์.
54 นิภา ดิษฐสุวรรณ. (2562). ผลการจัดกิจกรรมการเล่านิทานสองภาษาร่วมกับสื่อผสมที่มีต่อ ความสามารถในการฟังและพูดภาษาไทยของเด็กปฐมวัยที่ใช้ภาษามลายูถิ่นเป็นภาษาแม่. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (หลักสูตรและการสอน). สงขลา: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยทักษิณ. นพรัตน์ นามบุญมี. (2556). การพัฒนาความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ของเด็กปฐมวัยโดยใช้กิจกรรม สร้างสรรค์แบบร่วมมือเทคนิคกลุ่มสืบสอบ. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (หลักสูตรและการสอน). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น. นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล. (2558). เอกสารประกอบทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูครั้งที่ 8 เรื่อง Exclusive function กับความพร้อมทางการเรียนในเด็กปฐมวัย. กรุงเทพ: สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล. นฤมล จิ๋วแพ. (2549). ผลการเล่านิทานประกอบภาพที่มีต่อพฤติกรรมความเอื้อเฟื้อของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. บุษนีย์ สมญาประเสริฐ. (2551). ผลของการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบการเล่นเกมที่มีผลต่อ การรักการอ่านของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (การศึกษาปฐมวัย). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. บุษบา ดวงจันทร์ทิพย์. (2558). ผลการจัดกิจกรรมเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือและคำถาม ปลายเปิดต่อความสามารถในการคิดเชิงเหตุผลและจิตสาธารณะของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตร มหาบัณฑิต. (หลักสูตรและการสอน). อุดรธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. ปาริชาต ประกอบมาศ. (2564). การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมทักษะ EF และสมรรถนะการเคลื่อนไหว ของนักเรียนประถมศึกษาตอนปลายโดยใช้แนวคิดการเต้นเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับสตอรี่ไลน์. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต. (สุขศึกษาและพลศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ประพันธ์ศิริ สุเสารัจ. (2556). การพัฒนาการคิด. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง. ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์. (2561). สร้างเด็กภูมิดีด้วย EF. กรุงเทพ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชซิ่ง. มลทพร พันธ์แก้ว. (2563). การศึกษาคะแนนพัฒนาการด้านสังคมของเด็กปฐมวัยโดยใช้ชุด กิจกรรม สร้างสรรค์ตามแนวคิดการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน. วารสารครุพิบูล. 7(1). 97-107.
55 เยาวพา เดชะคุปต์. (2525ก). กิจกรรมสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน. กรุงเทพฯ: (หลักสูตรและการสอน). มหาวิทยาลศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร. ระกา เอี่ยม. (2557). การพัฒนากิจกรรมการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยการเล่านิทานประกอบ งานศิลปะที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็กปฐมวัย. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต. (หลักสูตรและการสอน). พิษณุโลก: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร. วรัญญา ศรีบัว. (2560). เอกสารประกอบการสอน นิทานและหุ่นสำหรับเด็กปฐมวัย. อุดรธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี. วิไล เวียงวีระ. (2526). นิทานสาหรับเด็ก. เข้าใจเด็กก่อนวัยเรียน. เล่ม 2. ชมรมไทยอิสราเอล. กรุงเทพฯ: เจริญผล. วีรญา สุวรรณวงศ์. (2564). การพัฒนาคุณลักษณะความเป็นคนดีของเด็กปฐมวัย โดยการจัด ประสบการณ์การเล่านิทานคุณธรรม โรงเรียนอนุบาลวิภาวี จังหวัดบึงกาฬ. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตร์บัณฑิต. (กาบริหารและการพัฒนาการศึกษา). สกลนคร: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร. วีระศักดิ์ ชลไชยะ. (2560). พัฒนา EF ตั้งแต่ปฐมวัยรากฐานของการพัฒนาประเทศในยุค Thailand 4.0. สืบค้น 15 กันยายน 2566, จาก http://www.thaipediatrics.org. ศรัญญา พิมเสน. (2562). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์โดยการเล่านิทานแบบเล่าไปวาดไป. วิจัยในชั้นเรียน. สุราษฎร์ธานี: โรงเรียนบ้านคลองนามิตรภาพที่ 201 สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษประถมศึกษาสุราษฎร์ธานีเขต 1. สุนิษา ภารตระศรี. (2559, พฤษภาคม - สิงหาคม). ผลการจัดประสบการณ์เรียนรู้โดยใช้นิทาน เพื่อพัฒนาทักษะสมอง (EF)ของเด็กปฐมวัย. วารสารวิทยาลัยนครราชสีมา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์). 16(2): 363-365 สุพพัต สกุลดี. (2561). การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับอนุบาล 1 โดยผ่านการเล่านิทาน. ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. (หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์. สุภาวดี หาญเมธี. (2558). EF องค์ความรู้ใหม่เพื่อการพัฒนาเด็กไทย. สืบเมื่อค้น 15 กันยายน 2566, จาก http://164.115.41.60/excellencecenter/. …………….. (2559). พัฒนาทักษะสมอง EF ด้วนการอ่าน. กรุงเทพฯ: ไอดี ออล ดิจิตอล พริ้นท์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2559). ฝึก EF พัฒนาสมองลูกน้อย. กรุงเทพฯ: สำนักศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ.
56 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ และสถาบัน RLG รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป. (2561). คู่มือพัฒนาทักษะสมอง EF Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย. กรุงเทพฯ: มติชน. สำนักงานศึกษาธิการภาค17. (2562). รายงานการศึกษาการดำเนินงาน การจัดการศึกษาเด็กปฐมวัย (อนุบาล 1-3) ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานศึกษาธิการภาค17. พิษณุโลก: สำนักงาน ศึกษาธิการภาค 17 สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ. Bruner, J. S & Kenney, H. J. (1966). On Relational Concepts, in J. S. Bruner, R. R. Olver & P. M. Greenfild, eds. Studies in Cognitive Growth. N.Y. : Wiley & Sons. Dixson, D, james J. and Dle Saltz, s. (1977, June). Training Disadvantaged Preschoolees on various Fantasy Activities: Effects on Cognitive Functioning and lmpulse control, Child Development. 2(3) : 67-379. Gioia, G.A., Espy, K.A. and Isquith, P.K. (2003). Behavior Rating Inventory of Executive Function–Preschool version. Lutz, FL : Psychological Assessment Resources. Piaget. J.; & B. (1969). The Psychology of child. New York: Weaver. Helen, Basic Books. Vygotsky, L. (1978). Mind in society: The developmental of higher psychological process. Cambridge MA: Harvard University Press.
57 ภาคผนวก
58 ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือ
59 รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือ 1. นางรัชนี ศรีหริ่ง พนักงานราชการ โรงเรียนบ้านกุดผึ้ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หนองบัวลำภู เขต 2 2. นางมาลัย พานทอง พนักงานราชการ โรงเรียนบ้านกุดผึ้ง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หนองบัวลำภู เขต 2 3. ดร.ศศิธร อัมรินทร์แสงเพ็ญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี
60 ภาคผนวก ข ดัชนีความสดคล้อง (IOC) ของแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ค่าอำนาจจำแนก (r) และค่าความเชื่อมั่น
61 ตารางที่ 5 ดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย แบบประเมินทักษะทางสมอง EF หัวข้อที่ ประเมิน ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คนที่ 1 คนที่ 2 คนที่ 3 ∑ 1. ทักษะการจดจ่อใส่ใจ ข้อที่ 1.1 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 1.2 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 1.3 +1 +1 +1 3 1.00 2. ทักษะการริเริ่มลงมือทำ ข้อที่ 2.1 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 2.2 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 2.3 +1 +1 +1 3 1.00 3. ทักษะการวางแผนและจัดระบบดำเนินการ ข้อที่ 3.1 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 3.2 +1 +1 +1 3 1.00 ข้อที่ 3.3 +1 +1 +1 3 1.00
62 ตารางที่ 6 ค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ด้าน/ข้อที่ ค่าอำนาจจำแนก (r) แปลผล ทักษะการจดจ่อใส่ใจ 1 0.48 นำไปใช้ได้ 2 0.32 นำไปใช้ได้ 3 0.43 นำไปใช้ได้ ทักษะการริเริ่มลงมือทำ 1 0.54 นำไปใช้ได้ 2 0.33 นำไปใช้ได้ 3 0.39 นำไปใช้ได้ ทักษะการวางแผนและจัดระบบดำเนินการ 1 0.53 นำไปใช้ได้ 2 0.37 นำไปใช้ได้ 3 0.35 นำไปใช้ได้ ค่าความเชื่อมั่นของแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย มีค่าเท่ากับ 0.74
63 ภาคผนวก ค ตัวอย่าง แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ
64 (ตัวอย่าง) แผนการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ หน่วย กลางวัน กลางคืน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 แผนการจัดประสบการณ์ที่2 กิจกรรมเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ วัน พุธ ชั้นอนุบาล 3 เวลา 40 นาที จุดประสงค์ เพื่อให้เด็ก 1. บอกลำดับการทำงานก่อน-หลังได้(K) 2. ทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ (A) 3. สนทนาและแสดงความคิดเห็นร่วมกับครูและเพื่อนได้(P) 4. ทำงานร่วมกับเพื่อนได้ (P) 5. เก็บอุปกรณ์เข้าที่อย่างเรียบร้อยได้ด้วยตนเอง (A) สาระการเรียนรู้ กลางวัน - กลางคืน เกิดจากโลกหมุนรอบตัวเองและหมุนรอบดวงอาทิตย์ กลางวัน เป็นเวลาที่ดวง อาทิตย์ส่องแสงสว่าง ทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัว กลางคืน คือ ระยะเวลาตั้งแต่ท้องฟ้าไม่มีแสงอาทิตย์ แล้ว ซึ่งเหมาะสำหรับการพักผ่อน ทั้งกลางวัน และกลางคืน มีความสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตประจำวันของคน การเจริญเติบโตของพืช และมีสัตว์ ประสบการณ์สำคัญ 1. การฟังนิทาน 2. การประดิษฐ์ 3. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น 4. การเล่นและการทำงานร่วมกับผู้อื่น
65 วิธีการดำเนินการ 1. ขั้นนำ 1.1 ครูและเด็กร่วมกันร้องเพลงดาวดวงน้อย 1.2 ครูและเด็กสร้างข้อตกลงร่วมกัน ดังนี้ 1.2.1 เด็กๆ จะตั้งใจทำกิจกรรม 1.2.2 เด็กๆ จะไม่หยอกล้อกัน 1.2.3 เด็กๆ จะไม่แกล้งเพื่อน 1.2.4 เด็กๆ จะไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น 2. ขั้นสอน 2.1 ครูเล่านิทานประกอบหนังสือภาพ เรื่องดวงดาว ดวงเดือน 2.2 ครูและเด็กสนทนาเกี่ยวกับเนื้อหาในนิทาน 2.3 ครูให้เด็กเข้ากลุ่ม กลุ่มละ 4 คน เพื่อทำงานศิลปะ 2.4 ขณะที่เด็กทำกิจกรรมครูคอยให้คำแนะนำ หรือให้ความช่วยเหลือเมื่อเด็กต้องการ และคอยสังเกตพฤติกรรมการทำงานของเด็ก 2.5 เมื่อเสร็จแล้ว เด็กช่วยกันเก็บอุปกรณ์ 3. ขั้นสรุป 3.1 ครูให้เด็กแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 3.2 ครูและเด็กร่วมกันสรุปกิจกรรม สื่อการเรียนรู้ 1. เพลงดาวดวงน้อย 2. นิทานเรื่องดวงดาว ดวงเดือน 3. กาว 4. กระดาษทิชชู่ 5. ลูกโป่ง 6. แปรงสำหรับทากาว 7. สีน้ำ 8. พู่กัน 9. จานสี
66 การประเมินผล สังเกต 1. การบอกลำดับการทำงานก่อน-หลัง 2. การทำงานที่ได้รับมอบหมาย 3. การสนทนาและแสดงความคิดเห็นร่วมกับครูและเพื่อน 4. การทำงานร่วมกับเพื่อน 5. การเก็บอุปกรณ์เข้าที่ของเด็ก ภาคผนวก เพลงดาวดวงน้อย ดาวดวงน้อยกระพริบวิบวาว อยากรู้จังเธอคือสิ่งใด เหนือพื้นโลกที่สูงขึ้นไป ดังเพชรพราวบนฟากฟ้าไกล ดาวดวงน้อยกระพริบวิบวาว อยากรู้จังเธอคือสิ่งใด (ผู้แต่ง : เพลงเด็ก by KidsOnCloud) นิทานเรื่อง ดวงดาวดวงเดือน ณ ป่าหมู่ดาว มีเมฆสีฟ้ากับเมฆสีขาวเป็นเพื่อนรักกันทั้งคู่มีหน้าที่คอยหว่านดาว และนำดวง จันทร์ขึ้นไปบนท้องฟ้าในตอนคืนและเก็บในตอนเช้ามืด ในวันหนึ่งเมฆสีฟ้าและเมฆสีขาวสังเกตว่าดวงดาว บนท้องฟ้ามีจำนวนน้อยลงและดวงจันทร์ก็มีขนาดเล็กลงด้วยเมฆสีฟ้าและเมฆสีขาวจึงตกลงกันว่าจะ ประดิษฐ์ดวงจันทร์ และดวงดาวเพิ่ม เมฆสีฟ้าเสนอจะทำดวงดาว ส่วนเมฆสีขาวเสนอว่าจะทำดวงจันทร์ วันถัดมา ในตอนกลางวันเมฆสีฟ้าและเมฆสีขาวจึงตั้งหน้าตั้งตาประดิษฐ์ดวงดาวและดวงจันทร์ให้ทันก่อน มืด แต่ในขณะนั้นเองเมฆสีขาวไม่รู้ตัวว่าใส่ส่วนประกอบบางอย่างที่ใช้ในการประดิษฐ์ดวงดาวผิดไป ทำให้ ดวงดาวที่ทำอยู่นั้นหายไปจนหมด เมฆสีขาวร้องไห้เสียใจหนักมาก เพราะคิดว่าคืนนี้ท้องฟ้าคงไร้ดาวเมฆสี ฟ้าเห็นแบบนั้นเลยเข้าไปปลอบใจเมฆสีขาว แล้วเสนอว่าจะช่วยเมฆสีขาวประดิษฐ์ดวงดาวให้ทันก่อนมืด เมฆสีฟ้าและเมฆสีขาวช่วยกันประดิษฐ์ดวงดาวจนเสร็จ เมื่อท้องฟ้ามืดลง เมฆสีฟ้าและเมฆสีขาวก็ช่วยกัน นำดวงจันทร์ขึ้นไปบนท้องฟ้า และหว่านดวงดาวทั่วท้องฟ้า จนท้องฟ้าในคืนนั้นเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ ของดวงดาว (ผู้แต่ง : พรหมจิรา สันประภา)
67 ภาคผนวก ง ตัวอย่าง แบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย
68 คู่มือแบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย คู่มือการใช้แบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงและอธิบาย รายละเอียดในการประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ซึ่งในการประเมินครั้งนี้ผู้ประเมินได้ให้คำ นิยามความหมายของทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย หมายถึง กระบวนการทางความคิดระดับสูงของ สมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทำ โดยคำนึงถึงความรู้และประสบการณ์ ที่ผ่านมาเพื่อช่วยให้บุคคลได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สามารถจำแนกทักษะทางสมอง EF ออกเป็น 3 ทักษะ ดังนี้ ทักษะการจดจ่อใส่ใจ จำนวน 3 ข้อ ทักษะการริเริ่มลงมือทำ จำนวน 3 ข้อ ทักษะการวางแผนและจัดระบบดำเนินการ จำนวน 3 ข้อ คำชี้แจง แบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย เป็นการบันทึกระดับคุณภาพของพฤติกรรม โดยวัดเป็น 3 ระดับคะแนน คือ 3 2 1 ข้อปฏิบัติในการประเมิน 1. เขียนชื่อผู้ประเมิน ผู้ถูกประเมิน อายุผู้ถูกประเมิน วันเดือนปีที่ประเมิน 2. ให้ผู้ประเมินให้คะแนนตามพฤติกรรมที่สังเกตพบ เมื่อมีการประเมินตรงกับช่องใด ให้ทำเครื่องหมาย √ลงในช่องนั้น เกณฑ์การให้คะแนน 3 หมายถึง เด็กปฏิบัติได้และทำได้ 2 หมายถึง เด็กปฏิบัติได้และทำได้บ้างเล็กน้อย 1 หมายถึง เด็กปฏิบัติไม่ได้หรือไม่ปฏิบัติเลย
69 (ตัวอย่าง) แบบประเมินทักษะทางสมอง EF ของเด็กปฐมวัย ชื่อผู้ประเมิน............................................................................................................................. ............................ ชื่อผู้ถูกประเมิน........................................................................... อายุ..............ปี ...........เดือน ชั้นอนุบาลปีที่ 3 วัน/เดือน/ปี ที่ประเมิน............................................................................................ โรงเรียนบ้านกุดผึ้ง คำชี้แจง ขีดเครื่องหมาย √ลงในช่องระดับคะแนนตามแบบความก้าวหน้าพฤติกรรมด้านทักษะทางสมอง EF พฤติกรรมด้านทักษะทางสมอง EF ระดับคะแนน หมายเหตุ 3 2 1 1. การจดจ่อใส่ใจ 1.1 การตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ 1.2 การมุ่งความสนใจทำงานโดยไม่วอกแวก 1.3 การทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง 2. การริเริ่มลงมือทำ 2.1 การตัดสินใจทำงานด้วยตนเอง 2.2 การตัดสินใจทำงานทันที 2.3 การชักชวนเพื่อนให้ปฏิบัติงาน 3. การวางแผนและจัดระบบดำเนินการ 3.1 การวางแผนปฏิบัติกิจกรรมง่าย ๆ ด้วยตนเอง 3.2 การบอกลำดับขั้นตอนการทำงาน 3.3 การวางแผนปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
70 ภาคผนวก จ ภาพการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ
71 ภาพการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ การจัดกิจกรรมการเล่านิทาน การทำกิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือ
72 ภาพการจัดกิจกรรมการเล่านิทานเสริมด้วยศิลปะแบบร่วมมือ (ต่อ) การทำกิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือ การทำกิจกรรมศิลปะแบบร่วมมือ
73 ประวัติย่อผู้วิจัย
74 ประวัติย่อผู้วิจัย ชื่อ นางสาวพรหมจิรา สันประภา วันเกิด 13 ธันวาคม 2544 สถานที่เกิด จังหวัดสกลนคร สถานที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 93 หมู่ 3 ตำบลคำบ่อ อำเภอวาริชภูมิ จังหวัดสกลนคร 47150 สถานศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2556 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จาก โรงเรียนบ้านตาดภูวง พ.ศ. 2559 ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จาก โรงเรียนบ้านตาดภูวง พ.ศ. 2562 ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก โรงเรียนธรรมบวรวิทยา พ.ศ. 2566 คณะครุศาสตร์ (สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย) จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี