The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wkk's homework, 2022-01-31 05:41:53

กรด-เบส

กรด-เบส

กรด-เบส

1.นายบดนิ ทร์ ศรหี าคุณ เลขที่ 2
2.น.ส.ญาตาวี อนิ ทรจ์ กั ร์ เลขที่ 4

3.น.ส.ธมลวรรณ แพรวนภา เลขท่ี 14
4.นายกฤตภพ เเซต่ นั เลขท่ี 16

5.นายมีบุญ ขำเจริญ เลขที่ 17

2

คำนำ

E-book เล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเปน็ ส่วนหนึ่งของวชิ าเคมี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องกรด-เบส และได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อเป็น
ประโยชน์กบั การเรยี น

ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำ E-book เล่มนี้จะมีข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังหาข้อมูล หรือสนใจศึกษาเรื่องกรด-เบส เป็นอย่างดี หากมี
ข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา ณ
ที่นดี้ ว้ ย

คณะผู้จัดทำ
30 มกราคม 2565

3 หน้า

สารบญั 4
5
10.1 ทฤษฎกี รด-เบส 6
10.2 คูก่ รด-เบส 9
10.3 การแตกตัวของกรด เบส และนำ้ 9
10.4 สมบัติกรด-เบสของเกลือ 11
10.5 pH ของสารละลายกรดและเบส 12
10.6 ปฏิกริ ิยาเคมีของกรดและเบส 14
10.7 การไทเทรตกรด-เบส 15
10.8 สารละลายบัฟเฟอร์
10.9 การประยุกตใ์ ช้ความรู้เกี่ยวกบั กรด-เบส

4

10.1 ทฤษฎกี รด-เบส

1.ทฤษฎีกรด-เบส อารเ์ รเนยี ส
สารอเิ ล็กโทรไลตจ์ ะแตกตัวเปน็ ไอออน เมอ่ื ละลายอยู่ในนำ้ และใหน้ ยิ ามไวว้ า่ สารที่

เมอ่ื ละลายน้ำแลว้ แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน ( H+ ) หรอื ไฮโดรเนยี มไอออน ( H2O+ )
เรยี กวา่ “กรด” ทเี่ ม่อื ละลายนำ้ แล้วแตกตวั ใหไ้ ฮดรอกไซด์ไอออน ( OH− ) เรียกว่า “เบส”
โดยกรด คือ สารทีใ่ หโ้ ปรตอน และเบส คอื สารทร่ี บั โปรตอน

2.ทฤษฎีกรด-เบสเบรนิ สเตด-ลาวรี
กรด คือ สารทีส่ ามารถใหโ้ ปรตอนกับสารอ่ืนๆได้ ( Proton donor ) และเบส

คือ สารที่สามารถรับโปรตอนจากสารอื่นได้ ( Proton acceptor ) ทฤษฎกี รด-เบสเบ
รินสเตด-ลาวรีสามารถใชพ้ ิจารณาความเป็นกรด-เบสของสารทีเ่ กิดปฏิกิริยาในนำ้ ไดด้ ว้ ย

3. ทฤษฎีกรด-เบสลิวอิส
กรด คือ สารทสี่ ามารถรับคอู่ เิ ลก็ ตรอน และเบส คือ สารที่สามารถให้คู่

อิเล็กตรอน

5

10.2 คูก่ รด-เบส

ตามทฤษฎขี องโยฮันน์ นิโคเลาส์ เบรนิ สเตด และทอมสั มารต์ นิ ลาวรี หรือทฤษฎี
กรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรีที่ระบุไว้ว่าคู่กรด-เบส คือ สารประกอบสองตัว โดยตัวหนึ่ง
ทำหน้าที่เป็นกรดในปฏิกิริยาไปข้างหน้า กับสารที่ทำหน้าที่เป็นเบสในปฏิกิริยาย้อนกลับ
หรอื ในทางกลับกัน โดยสารทเ่ี ป็นคกู่ รด-เบสกันจะมจี ำนวนโปรตอนต่างกันอยู่ 1 โปรตอน
และสารที่เป็นคกู่ รดจะมีโปรตอน (H+) มากกว่าสารท่เี ป็นคเู่ บส

จากปฏิกริ ิยาของกรดกบั เบสทกี่ ล่าวถงึ แล้วตามทฤษฎีของเบรนิ สเตต-ลาวรจี ะเหน็ วา่ ใน
ปฏกิ ริ ิยาหน่ึง อาจจะจัดคกู่ รด-เบสได2้ คูด่ ว้ ยกัน

กรดมอนโปรติก (monoprotic acid)
คอื กรดทีแ่ ตกตัวให้ 1 โปรตอนตอ่ 1 โมเลกุล

กรดพอลโิ ปรติก (polyprotic acid)
คือ กรดแตกตวั ให้โปรตอนมากกว่า 1 โปรตอนตอ่ 1 โมเลกุล

สารแอนโฟเทอรกิ (amphoteric substances)
คอื สารที่สามารถเป็นไดท้ ้ังกรดและเบสขน้ึ อยกู่ บั ปฏิกิรยิ า ดงั นั้นสารนี้จะมีทั้งคู่กด
และคเู่ บส

6

10.3 การแตกตวั ของกรด เบส และน้ำ

การแตกตัวของกรดแก่และเบสแก่ จะแตกตัวได้หมด 100% หมายถึง การแตกตัว

ของกรดแก่และเบสแก่ เป็นไอออนได้หมดในตัวทำละลายซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำ เช่น การแตก

ตัวของกรด HCl จะได้ H+หรือ H3O+และ Cl−ไม่มี HCl เหลืออยู่ หรือการแตกตัวของ
เบส เช่น NaOH ได้ Na+ไมม่ ี NaOH เหลอื อยู่ และ OH

กรดแก่ แตกตัวได้หมด 100% > HClO4, HCL , HBr , H2SO44, HNO3

เบสแก่ แตกตัวได้หมด 100% > LiOH , KOH , CsOH , N2OH, RbOB

การแตกตัวของกรดแก่ และเบสแก่เขียนแทนด้วยลูกศร ซึ่งแสดงการเปลี่ยนแปลงไป
ข้างหนา้ เพยี งอยา่ งเดียว

สูตร mol = = = = อนภุ าค
22.4 1000 6.02∗1023

การแตกตัวของกรดแก่-เบสแก่

กรดแก่-เบสแก่จะมีความสามารถในการละลายน้ำให้สารละลายที่มีไอออนได้มากซึ่ง
แสดงว่ามีความแรงของกรดหรือเบสสูงในทางการคำนวณถือว่ากรดแก่ -เบสแก่แตกตัวได้
ร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นในการแตกตัวของกรดแก่และเบสแก่มีแต่เฉพาะปฏิกิริยาไปข้างหน้าจึง
ไมเ่ กดิ สมดลุ ข้ีน

7

การแตกตัวของกรดออ่ น

สารละลายกรดอ่อน เชน่ กรดแอซิติก เมื่อละลายนำ้ จะนำไฟฟา้ ได้ไม่ดี เพราะกรด
แอซิติกแตกตัวเป็นไอออนได้เพียงบางส่วน เขียนแทนโดยสมการจะใช้ลูกศร เพื่อชี้ว่า
ปฏกิ ริ ยิ าเกดิ ข้นึ ทงั้ ปฏกิ ริ ยิ าไปขา้ งหน้าและปฏิกิรยิ าย้อนกลบั และอยใู่ นภาวะสมดลุ กนั

ปริมาณการแตกตัวของกรดอ่อน เป็นร้อยละ เช่น กรด HA แตกตัวได้ร้อยละ 10
ในน้ำ หมายความว่า กรด HA 1 โมล เมอื่ ละลายน้ำจะแตกตวั ให้ H+ เพียง 0.10 โมล

เปอร์เซ็นต์การแตกตวั ของกรดอ่อน = จำนวนโมลของกรดทแี่ ตกตวั *100
จำนวนโมลของกรดท้งั หมด

คา่ คงทีส่ มดลุ ของกรดอ่อน ( )

กรดอ่อนแตกตัวได้เพียงบางส่วน ปฏิกิริยาการแตกตัวไปข้างหน้า และปฏิกิริยา
ย้อนกลบั เกดิ ขึน้ ไดพ้ รอ้ มกัน และปฏิกิริยาการแตกตัวของกรดอ่อนนี้จะอยู่ในภาวะสมดลุ

คา่ คงท่สี มดุลของกรดนี้ใชเ้ ปรียบเทยี บความแรงของกรดได้ ถา้ ค่า Ka มีค่ามาก
แสดงวา่ กรดมคี วามแรงมาก แตกตวั ได้ดี ถา้ คา่ Ka น้อยแสดงวา่ กรดแตกตัวได้น้อย มี
ความแรงนอ้ ย สำหรบั กรดท่ีแตกตวั ได้ 100% จะไมม่ คี ่า Ka

การแตกตวั ของเบสอ่อน

เบสอ่อนเมื่อละลายน้ำจะแตกตัวเป็นไอออนเพียงบางส่วน และปฏิกิริยาการแตกตัว
ของเบสอ่อน เป็นปฏิกิริยาที่ผันกลับได้ เช่น แอมโมเนีย เมื่อละลายน้ำจะมีภาวะสมดุล
เกิดขึน้

Kb คือ ค่าคงที่สมดลุ ของเบส คา่ Kbน้ีเป็นค่าคงที่และใชเ้ ปรยี บเทียบความแรงของ
เบสได้ เช่นเดยี วกบั คา่ Ka

• โมโนโปรติกเบส (monoprotic base) จะรับ H+ได้ 1 ตัว และมีค่า Kb เพียงค่า
เดียว เช่น NH3

• โพลิโปรติกเบส (polyprotic base) จะรับ H+ได้มากกว่า 1 ตัว และมีค่า Kb ได้
หลายค่า เชน่ ไฮดราซีน H2NNH2

8

คา่ คงท่ีสมดุลของเบสอ่อนบางตัว

การบอกปริมาณการแตกตัวของเบสอ่อน ในลักษณะของค่า Kb แล้วก็ยังสามารถ
บอกปรมิ าณการแตกตัวของเบสอ่อนได้ในลกั ษณะของเปอรเ์ ซน็ ตข์ องการแตกตวั

เปอรเ์ ซน็ ต์การแตกตัวของเบสอ่อน = จำนวนโมลของเบสที่แตกตวั *100

จำนวนโมลของเบสท้งั หมด

การแตกตวั ของน้ำ

น้ำเป็นอิเล็กโทรไลต์ที่อ่อนมาก จึงทำให้แตกตัวได้น้อยมาก ดังนั้นการนำไฟฟ้าของ
น้ำจะน้อย จนไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยการนำไฟฟ้าผ่านหลอดไฟ แต่ตรวจได้ด้วย
เครื่องวัดกระแส (แอมมิเตอร์) ด้วยเหตุนี้จึงมีการอนุโลมให้น้ำบริสุทธิ์เป็นสารนอนอิเล็ก
โทรไลต์

ตามทฤษฎขี องเบรนิ สเตต–ลาวรี กลา่ วว่า น้ำ ทำหนา้ ที่เป็นท้ังกรดและเบส ไอออน
ที่เกิดขึ้นจากการแตกตัวของน้ำนั้นจะมีการถ่ายเทโปรตอนกันเอง เรียกว่า ออโตไอออนไน
เซชัน

9

10.4 สมบตั กิ รด-เบสของเกลือ

เกลือ เปน็ สารประกอบไอออนิกทเ่ี กดิ จากปฏิกริ ยิ าระหวา่ งกรดกบั เบส เกลอื เปน็ สาร
อิเลก็ โทรไลต์ท่แี ตกตวั เปน็ ไอออน ในสารละลายทม่ี ีนา้ เปน็ ตวั ทา ละลาย บางกรณีเกลือ
สามารถทา ปฏิกริ ยิ ากับน้า ได้ เรียกวา่ ไฮโดรไลซสิ ของเกลือ (salt hydrolysis) ซง่ึ
หมายถึง ปฏกิ ริ ยิ าระหว่างไอออนลบ และหรอื ไอออนบวกของเกลือกบั นา้ จาก ปฏกิ ริ ยิ า
ไฮโดรไลซิสของเกลือมกั มผี ลต่อความเป็นกรดเป็นเบสของสารละลาย

ความเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลือสามารถระบไุ ด้จากคา่ Ka หรอื Kb ของ
ไอออนทีเ่ กิดปฏกิ ริ ยิ าไฮโดรลิซิสได้ดังน้ี

Ka > K สารละลายมสี มบัตเิ ป็นกรด
K > K สารละลายมีสมบตั เิ ปน็ เบส
K = K สารละลายมสี มบตั ิเป็นกลาง

10.5 pH ของสารละลายกรดและเบส

pH คือ ค่าที่แสดงถึงความเข้มข้นของไฮโดรเจนไอออน (H+) หรือไฮโดรเนียม
ไอออน (H3O+) ใชบ้ อกความเปน็ กรดหรอื เบสของสารละลาย โดยค่า pH ของสารละลาย
เปน็ ค่าลอการทิ ึมของไฮโดรเจนไอออน (หรือไฮโดรเนยี มไอออน) ที่เปน็ ลบ

สารละลายกรด (H3O+) pH = -log [H3O+]
สารละลายเบส OH− pOH= -log [OH−]

10

pH < 7 สารละลายเป็นกรด
pH = 7 สารละลายเปน็ กลาง
pH > 7 สารละลายเป็นเบส

นอกจากจะบอกความเปน็ กรดเปน็ เบสของสารละลายดว้ ยค่า pH แล้วยงั สามารถบอกคา่
ความเป็นกรด-เบส ไดโ้ ดยใชค้ า่ pOH ซึง่ ค่า pOH ของสารละลาย คอื คา่ ท่บี อกความ
เขม้ ขน้ ของ OH-

วิธวี ดั pH ของสารละลาย

• วิธีเปรียบเทียบสี วธิ ีนี้เปน็ การวัด pH โดยประมาณ (มคี วามถกู ต้อง 0.5 หน่วย
pH) ซง่ึ ทำได้โดยเติมอินดเิ คเตอร์ทเ่ี หมาะสมลงไปในสารละลายท่ีตอ้ งการวัด pH
แลว้ เปรยี บเทยี บกับสารละลาย ทำไดโ้ ดยเติมอินดเิ คเตอร์ทเี่ หมาะสมลงไปใน
สารละลายทต่ี อ้ งการวดั pH แลว้ เปรียบเทยี บสีกบั สารละลายบฟั เฟอร์ทที่ ราบคา่
pH แน่นอน ซึง่ เติมอินดิเคเตอร์ชนิดเดียวกนั หรือใช้กระดาษชบุ อินดิเคเตอร์
(กระดาษ pH) จุม่ ลงไปแล้วเปรยี บเทยี บกบั สีมาตรฐาน

• วิธีวัดความต่างศกั ย์ วิธีน้วี ดั pH ไดอ้ ย่างละเอยี ด (มีความถกู ต้อง 0.01 หน่วย
pH) โดยการใช้เครื่องมอื ทเี่ รียกว่า พีเอชมเิ ตอร์ ซง่ึ วัด pH ของสารละลายได้โดย
การวดั ความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างขว้ั ไฟฟา้ 2 ขั้ว

11

10.6 ปฏกิ ริ ิยาเคมขี องกรดและเบส

ปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งกรดกับเบส หรือเรยี กวา่ ปฏกิ ริ ยิ าสะเทนิ (Neutralization) คือ การ
ทำให้เป็นกลาง ซึ่งเมื่อนำกรดมาทำปฏิกิริยากับเบสจะเกิดการลดความเข้มข้น หรือลด
ความเป็นกรดเป็นเบสของสารตั้งต้นลง เมื่อสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดทำปฏิกิริยากับเบส จะเกิด
ผลิตภัณฑเ์ ป็นเกลอื และจะมนี ้ำเกิดข้นึ เปน็ ส่วนใหญแ่ ตจ่ ะมีบางปฏกิ ริ ิยาทไ่ี ดเ้ กลือเพยี งอย่าง
เดียว ดังสมการ

กรด + เบส → เกลอื + น้ำ

ชนดิ ของปฏิกิรยิ าระหว่างกรดและเบส มดี ังนี้
1.ปฏิกิริยาระหว่างกรดแก่กับเบสแก่
2.ปฏกิ ริ ิยาระหว่างกรดแก่กับเบสออ่ น
3.ปฏิกิรยิ าระหว่างกรดออ่ นกับเบสแก่
4.ปฏกิ ิรยิ าระหว่างกรดอ่อนกบั เบสออ่ น เชน่

ในการพิจารณาว่าเกลือที่เกิดจากปฏิกิริยาสะเทินนั้น มีสมบัติเป็นกรด กลาง หรือ
เบสนนั้ สามารถพิจารณาจากสารตง้ั ต้นทที่ ำปฏิกริ ยิ ากัน ดงั น้ี

1.เกลอื ท่เี กดิ จากปฏกิ ิริยาระหวา่ งกรดแก่กบั เบสแก่ จะมสี มบัตเิ ป็นกลาง
2.เกลือท่ีเกดิ จากปฏิกิริยาระหวา่ งกรดแกก่ บั เบสอ่อน จะมีสมบัตเิ ปน็ กรด
3.เกลือที่เกดิ จากปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งกรดออ่ นกบั เบสแก่ จะมีสมบตั ิเปน็ เบส

12

10.7 การไทเทรตกรด-เบส

มีวัตถุประสงค์เพื่อหาจุดสมมูล (Equivalence point) ซึ่งเป็นจุดที่ปริมาตรของของ
กรด และเบสทำปฏิกิริยากันพอดี เพื่อนำไปใช้คำนวณหาความเข้มข้น จุดสมมูลของกรด
และเบสในแต่ละคูจ่ ะมีระดบั pH ทีแ่ ตกตา่ งกนั ขึ้นอยกู่ บั ชนดิ ของกรดและเบส

จุดสมมูล ( Equivalence point) คือ จุดที่กรด และเบสทำปฏิกิริยาพอดีกัน จุด
สมมูลจะมี pH เป็นอย่างไรนน้ั ขึน้ อย่กู บั ชนดิ ของกรดและเบสท่ีนำมาไทเทรตกนั และขึน้ อยู่
กับความเขม้ ข้นของกรดและเบส

จุดยุติ (End point) คือ จุดที่อินดิเคเตอร์เปลี่ยนสี ขณะไทเทรตกรด- เบสอยู่ จุด
ยุติจะใกล้เคียงกับจุดสมมูลได้นั้นจะต้องเลือกอินดิเคเตอร์เหมาะสม ในทางปฏิบัติถือว่าจุด
ยตุ เิ ปน็ จุดเดยี วกับจุดสมมูล

กราฟของการไทเทรต

เป็นกราฟที่ได้จากการเขียนระหว่าง pH ของสารละลายที่เปลี่ยนไปขณะไทเทรต
กับปริมาตรของสารละลายมาตรฐาน จะได้กราฟที่มีรูปร่างเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับความ
แรงของกรด และเบสที่เกี่ยวข้องในการทำไทเทรต ความเข้มข้นของกรดและเบส สภาวะที่
เกิดเป็นบัฟเฟอร์ และการเกิดไฮโดรไลซีสของเกลือ จุดประสงค์ของการเขียนกราฟของการ
ไทเทรต เพื่อศึกษาดูว่า การไทเทรตระหว่างกรด- เบสคู่นั้นจะทำได้หรือไม่ และยังใช้เป็น
ส่วนหนึ่งในการเลือกใช้อินดิเคเตอร์อีกด้วย ซึ่งกราฟของการไทเทรตนี้ แบ่งออกได้เป็น 3
ชว่ ง คือ

1.กอ่ นถึงจดุ สมมลู

2.ทจ่ี ดุ สมมลู จำนวนโมลของกรดจะทำปฏกิ ริ ิยาพอดีกบั เบส

3.หลงั จดุ สมมูล

13

ตัวอยา่ งกราฟการเปลย่ี นแปลง pH การไทเทรตระหวา่ งกรด-เบส
การไทเทรตกรดแก่กับเบสแก่

การไทเทรตกรดออ่ นกบั เบสแก่

การไทเทรตกรดแกก่ ับเบสออ่ น

14

10.8 สารละลายบฟั เฟอร์

หมายถึง สารละลายที่มีความสามารถในการควบคุมระดับ pH เอาไว้ได้ เมื่อเติม
สารละลายกรดหรือเบสจำนวนที่ไม่มากเกินไป เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำบริสุทธิ์ที่เติมกรด
หรือเบสจำนวนเท่ากัน สารละลายที่มีสมบัติเป็นสารละลายบัฟเฟอร์จะควบคุมระดับ pH
เอาไว้ได้ดีกว่าน้ำกลั่น สารละลายบัฟเฟอร์เกิดจากการผสมระหว่างสารละลายกรดอ่อนกับ
เกลอื ของกรดออ่ นนนั้ หรอื สารละลายเบสออ่ นกบั เกลอื ของเบสอ่อนน้ัน แมว้ า่ สารละลาย

บัฟเฟอร์จะควบคุมระดับ pH เอาไว้ได้ดีกว่าน้ำกลั่น แต่ถ้าเติมกรดหรือเบสมาก
เกินไป สารละลายบฟั เฟอรก์ จ็ ะไมส่ ามารถควบคุมระดบั pH เอาไว้ไดต้ ลอด

ในที่สุดจะเสียสมบัติในการเป็นสารละลายบัฟเฟอร์ไป เราเรียกความสามารถในการ
ควบคมุ ระดับ pH ของสารละลายบัฟเฟอร์ว่า buffer capacity

สารละลายบัฟเฟอรม์ ี 2 ประเภท

1.บัฟเฟอร์กรด (Acid buffer solution) เกิดจากสารละลายของกรดอ่อนผสมกับ
สารละลายเกลอื ของกรดออ่ นชนดิ น้ัน สารละลายบัฟเฟอร์ประเภทน้ีมี pH < 7

2.บัฟเฟอร์เบส (Basic buffer solution) เกิดจากสารละลายของเบสอ่อนผสมกับ
สารละลายเกลือของเบสออ่ นน้ัน สารละลายบฟั เฟอร์แบบนี้ มี pH > 7

15

10.9 การประยกุ ตใ์ ช้ความร้เู กี่ยวกบั กรด-เบส

ตัวอย่างสารที่เป็นกรดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำส้มสายชู มีกรดแอซีติก ผลไม้
ตระกูลส้ม เชน่ สม้ เขยี วหวาน ส้มเช้ง ส้มโอ มะนาว มะกรดู พวกน้ีมีกรดซติ ริก หรือกรด
ส้ม โยเกิร์ต มีกรดแลกติก น้ำอัดลมชนิดต่าง ๆ มีกรดคาร์บอนิก หรือสัตว์บางชนิดก็ให้
กรดได้ เช่น มด มีกรดฟอร์มิก นอกจากนี้ยังพบในกระเพาะอาหารของคนด้วย ตัวอย่าง
สารที่เป็นเบสที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ แชมพู ยาสระผม ผงซักฟอก เป็นต้น และ
กรด-เบสมบี ทบาทมากมายหลายๆดา้ น เช่น

ดา้ นความสะอาด

ใช้กรดเบสทำความสะอาดสิ่งของต่าง ๆ เช่น ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำทำความสะอาด
ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ ซึ่งสารที่ใช้ทำความสะอาดห้องน้ำหรือเครื่องสุขภัณฑ์นั้นมีสมบัติเป็น
กรดที่รุนแรง เมื่อทำปฏิกิริยากับปูนขาวที่ต่อเชื่อมแผ่นกระเบื้อง ทำให้เกิดสารที่ไม่เกาะกับ
ผิวของวัตถุ สามารถใช้นำ้ ล้างสารเหล่านใี้ หห้ ลุดออกไป จึงทำใหห้ ้องน้ำและเครื่องสุขภัณฑ์
สะอาด แต่ควรระมัดระวังไม่ให้สารเหล่านี้ถูกร่างกายหรือเสื้อผ้า และไม่ควรสูดหายใจเอา
ไอของสารเขา้ ไป

ด้านยารกั ษา

ใช้กรดเบสเป็นยารักษาโรค เช่น ใช้ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร โดยปกติแล้วเซลล์
ในกระเพาะอาหารของคนเราจะหลั่งกรดไฮโดรคลอริกออกมา เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะ
อาหารมีคา่ pH อยใู่ นชว่ ง 1.6-2.5 จะทำใหส้ ามารถยอ่ ยโปรตีนได้ดที ่ีสดุ การรับประทาน
อาหารไม่เป็นเวลาหรือภาวะเครียด ทำให้กรดไฮโดรคลอกริกหลั่งออกมามาก กัดเนื้อเย่ือ
ในกระเพาะอาหารทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ ถ้ามีกรดในกระเพาะอาหารมาก
ควรใช้ยาลดกรดชนิดที่เหมาะสมและใช้ในปริมาณที่เหมาะสม โดยยาลดกรดที่ใช้กันทั่วไป
มักจะมสี ว่ นประกอบของเบสบางชนดิ

16


Click to View FlipBook Version