The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนลูกเสือสามัญ-ป.5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mr.Maruding Peatek, 2022-06-08 13:33:47

แผนการสอนลูกเสือสามัญ-ป.5

แผนการสอนลูกเสือสามัญ-ป.5

41
4. นำของสว่ นตวั เขา้ ทพี่ ักเป็นหมู่
5. นายหมู่จัดแบ่งหน้าท่ตี ามความเหมาะสม
6. จัดทำอุปกรณภ์ ายในคา่ ยพักแรม
7. รักษากฎของคา่ ยอยา่ งเครง่ ครัด
8. จงเป็นมิตรท่ดี ีแก่ชาวบ้าน โดยเชญิ เจา้ หนา้ ทม่ี าชมการแสดงและบำเพ็ญประโยชน์

ใหแ้ ก่เขา

42

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 5

แผนการจัดท่ี 10 เรือ่ ง การเดนิ ทางไปยงั สถานทต่ี า่ ง ๆ จำนวน 1 ชัว่ โมง

จุดประสงค์ 1. บอกช่อื ทศิ ท้งั 8 ไดถ้ ูกต้อง

2. บอกวธิ ใี ช้เขม็ ทิศได้

3. บอกเครื่องหมายตา่ ง ๆ ในแผนท่ีได้

4. หาทศิ ทางโดยใชแ้ ผนทีแ่ ละเข็มทิศได้

เนอื้ หา 1. ทศิ และการใชเ้ ขม็ ทิศ

2. มาตราส่วนและเครือ่ งหมายบนแผนที่

กิจกรรมการเรยี นการสอน

1. พิธเี ปิด ( ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เพลง “ ทศิ ” 5 นาที

3. สอนตามหลกั สตู ร 30 นาที

3.1 แบ่งหมู่ลกู เสอื เรยี นตามฐานโดยผู้กำกบั อธิบายและสาธติ แล้วฝกึ ลูกเสือปฏิบตั ิ

ฐานท่ี 1 การใช้เขม็ ทศิ การวางแผนที่ให้ถกู ทศิ ทาง

ฐานที่ 2 มาตราสว่ น เคร่ืองหมาย และเส้นทางทกี่ ำหนดบนแผนที่

3.2 ผกู้ ำกบั สรุปแลว้ ใหล้ กู เสือจดบันทึก

3.3 เกมทดสอบ “ ทิศ ”

4. เลา่ เรื่องสนั้ ที่เป็นคติ 5 นาที

5. พิธปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแต่งกาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

สื่อการเรียนการสอน 1. เข็มทิศ

2. แผนภมู ทิ ศิ ทง้ั 8 ทิศ

3. แผนภูมิแสดงเคร่ืองหมายบนแผนที่

4. แผนท่ี

5. แผนภูมิเพลง

การวดั ผลและประเมินผล 1. การสงั เกต ความสนใจ และการเข้าร่วมกิจกรรม
2. การทดสอบ หาทศิ ทางโดยใชแ้ ผนที่และเขม็ ทิศ

บนั ทึกหลงั การสอน…………………….……………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา……………………………………………………………

43

ทิศ

ทิศ 8 ทิศ อาจบอกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ คือ บอกเปน็ ทิศและบอกเปน็ องศา เช่น

1. ทศิ เหนือ 0 องศา(หรือ 360 องศา) อดุ ร = N

2. ทศิ ตะวันออกเฉียงเหนอื 45 องศา อีสาน = NE

3. ทศิ ตะวนั ออก 90 องศา บรู พา = E

4. ทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ 135 องศา อาคเนย์ = SE

5. ทศิ ใต้ 180 องศา ทกั ษณิ = S

6. ทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้ 225 องศา หรดี = SW

7. ทิศตะวนั ตก 270 องศา ประจมิ = W

8. ทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือ 315 องศา พายพั = NW

การใช้เขม็ ทิศ
1. ให้วางเขม็ ทศิ ในแนวราบให้นิง่
2. คอ่ ย ๆ หมุนกรอบ ให้ N ตรงกับปลายเข็มทศิ
3. จะไดท้ ิศทงั้ 8 ตามต้องการ

การวางแผนท่ใี ห้ถูกทิศทาง
ในการใช้แผนท่ีจะใหป้ ระโยชนม์ ากน้อยเพียงไรน้ัน ขึ้นอยูก่ ับผ้ใู ชส้ ามารถวางแผนท่ีให้

ถูกทศิ ทางและสามารถหาตำแหนง่ ของตนเองได้ในแผนที่
ตามปกติด้านบนของแผนท่ีจะเป็นทิศเหนือ ฉะนัน้ เม่ือวางเข็มทศิ ลงบนแผนทีแ่ ลว้

จะต้องหันแผนท่ใี หด้ ้านบนตรงกับทิศเหนือ แม่เหล็ก (Magnetic North) หรอื ถา้ ในแผนทีม่ เี สน้
Magnetic North Lime ก็จงหันแผนที่ให้ตรงกับทศิ เหนือในเข็มทิศ ก็เป็นอันวาแผนทีอ่ ยู่ใน
ตำแหนง่ ทถ่ี ูกทิศทางแลว้

มาตราสว่ น (Scale)
คือ อัตราสว่ นระหว่างระยะในแผนทก่ี บั ระยะทางในภมู ิประเทศ เราสามารถคำนวณ

หรือวัดระยะทาง โดยใช้สูตร
มาตราสว่ น = ระยะในแผนที่
ระยะในภูมปิ ระเทศ

44

ชนิดของมาตราสว่ นมี 3 ชนิด1คือ
1. มาตราเศษส่วน เชน่ 50,000 หรือ 1:50,000 /หมายความวา่ หนง่ึ หน่วยของระยะ แผนที่
จะเทา่ กบั 50,000 ซม.
2. มาตราสว่ นคำพูด จะบอกเป็นตวั อกั ษรเปน็ ภาษาพู เช่น 1 นิว้ ต่อ 1 ไมล์ หรือ 1 นิว้ ต่อ
1 กิโลเมตร เปน็ ต้น
3. มาตราส่วนเปน็ บรรทัด จะพิมพไ์ ว้ ณ ท่ขี อบด้านลา่ งของแผนท่ี ถ้าผู้ใชแ้ ผนท่ตี ้องการทราบ
ว่าระยะในแผนท่ีระหวา่ ง 2 ตำบล หรือ 2 จดุ มีความยาวเท่าไรในภมู ปิ ระเทศ เราก็ใชม้ าตรส่วน
เสน้ บรรทดั วัดระยะในแผนที่ จะทราบระยะจรงิ ในภูมปิ ระเทศได้เลย โดยไมต่ ้องคำนวณทม่ี าตรา
ส่วน เสน้ บรรทดั จะมหี นว่ ยแสดงไว้เปน็ ไมล์ เมตร หลา หรอื ไมล์ทะเล

45

แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสอื สามญั ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5

แผนการจัดท่ี 11 เรื่อง การเดินทางไปยงั สถานท่ีตา่ ง ๆ (ต่อ ) จำนวน 1 ชว่ั โมง

จุดประสงค์ 1. เดนิ ทางไกลไป - กลบั ตามระยะทาง 10 กิโลเมตร ได้

2. กฎและเคร่อื งหมายจราจร

เนอ้ื หา 1. การเดินทางไกล

2. กฎและเครื่องหมายจราจร

กจิ กรรมการเรยี นการสอน 10 นาที
1. พิธเี ปดิ ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก )

2. เกม “ ข้ึนเขาลงหว้ ย” 5 นาที

3. สอนตามหลักสูตร 30 นาที

3.1 ผู้กำกบั ลกู เสือและลกู เสอื อภิปรายตามหัวข้อ ต่อไปนี้

- ประโยชนข์ องการเดินทางไกล

- การปฏิบตั ิตนในการเดนิ ทางไกล

- กฎและเคร่ืองหมายจราจร

- การปฏบิ ตั ิตามกฎจราจร

3.2 เพลง “ ข้ามถนน ” และทำท่าประกอบเพลง

3.3 ร้องเพลง “ เดนิ ทางไกล ”

4. เลา่ เรื่องสัน้ ทเี่ ป็นคติ 5 นาที

5. พิธปี ิด ( นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

สื่อการเรียนการสอน 1. แบบรายงานการเดินทางไกล

2. ภาพเคร่ืองหมายจราจร

3. แผนภูมเิ พลง

การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกต ความสนใจ และการให้ความร่วมมอื

2. ตรวจผลงาน รายงานเดินทางไกล

บนั ทกึ หลงั การสอน…………………….…………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา…………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………….…

46
การเดินทางไกล

ในการเดินทางไกลนน้ั ควรคำนึงถึงสิ่งตอ่ ไปน้ี
1. ควรเลือกเส้นทางท่ีผ่านภูมปิ ระเทศท่ีแปลก ๆ เรา้ ความอยากรอู้ ยากเหน็ เพื่อให้

ลกู เสอื ไดใ้ ช้ความสังเกตจดจำลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทผ่ี ่านไป และลงบนั ทกึ หวั ขอ้ สำคัญ
ไว้เปน็ รายงานโดยละเอยี ด
2. การเดินทางไกลไมค่ วรนำลูกเสือไปตามถนนหนทางในเมือง หรือผา่ นชมุ ชน อยา่ ง
น้อยควรมีภูมปิ ระเทศเปน็ ป่าเขา ท่งุ นา หากไมข่ ลกุ ขลักนัก ลูกเสอื ควรมีแผนทต่ี ิดตัว
ไปดว้ ย และเดนิ ตามแผนท่นี ้ันโดยใชเ้ ข็มทิศช่วย
3. รายงานทก่ี ล่าวนั้น กลา่ วถงึ ลกั ษณะภมู ิประเทศ 2 ข้างทาง อาชพี พลเมือง ทต่ี ั้งค่าย
พักแรมสภาพถนนหนทาง ต้นไม้ นก และสตั ว์ที่พบเห็น และบนั ทกึ ภารกจิ ท่ีทำใน
วันหน่ึง ๆ ซง่ึ ควรทำแผนที่สงั เขปประกอบไว้ด้วย
4. การเดินทางไกลพักแรมอยา่ งน้อยปีหนงึ่ ควรมกี ารเดินทางไกล 1 ครัง้ หรือ 2 คร้งั
(สำหรบั พักแรมใหญ่ ส่วนการสอบต้องเป็นไปตามกำหนด)

ประโยชนข์ องการเดนิ ทางไกล
1. ฝึกความอดทน ความรอบคอบ และความไม่ประมท
2. รู้จักตระเตรยี มการ และส่งิ จำเปน็ ในการเดินทางไกล
3. เป็นคนมีความสงั เกตดี
4. มีความระมัดระวงั ตัวต่ออันตรายท่ีจะเกดิ ขึ้นโดยไมป่ ระมาท
5. มคี วามสามคั คี ชว่ ยเหลอื กัน เพราะอยรู่ ่วมกนั เปน็ หมู่คณะ
6. ได้ใช้ชวี ิตกลางแจง้
7. รูจ้ กั ชว่ ยตนเอง เช่น รู้จกั ประกอบอาหาร ทำทีพ่ กั ฯลฯ

การปฏบิ ตั ติ นในการเดนิ ทางไกล
1. เดินตามระบบหมู่ และรักษาระเบียบวนิ ยั โดยเคร่งครัด
2. เมื่อเดนิ บนถนน จงเดนิ ใหถ้ ูกต้องตามกฎของการจราจร
3. ไม่แวะดมื่ เคร่ืองดมื่ หรือซ้ือขนมรบั ประทาน และหา้ มข้ึนรถโดยสารทุกชนิด
4. ทำตวั เป็นมิตรทด่ี ีของคนทกุ คน เพื่อเผยแพร่เกยี รติคุณของการลกู เสอื และบำเพ็ญตน
ใหเ้ ป็นประโยชน์ต่อผู้อน่ื
5. มคี วามสามัคคีภายในหมู่ของตน และเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผ่ต่อกัน

47
6. รูจ้ กั อนรุ กั ษ์ธรรมชาติ
7. ขณะเดนิ ทางไมท่ ำใหผ้ ู้อื่นได้รบั ความเดือดร้อนหรือเสียหาย
8. ไมท่ ำลายทรพั ยส์ ินของผอู้ ่ืน หรอื ของทางราชการ
กฎและเครื่องหมายจราจร
1. สญั ญาณไฟฟา้

ไฟแดง ให้รถทุกคนั หยดุ ทห่ี ลังแนวเสน้ หยดุ
ไฟเหลือง ใหร้ ถทกุ คันเตรยี มหยุดที่หลังแนวเสน้ หยุด

ใหร้ ถทกุ คันเตรยี มผ่านไปได้
ไฟเขียว ให้รถทุกคันผา่ นไปได้
2. สัญญาณมือ เม่ือต้องการให้รถหยุด มี 2 ท่า คือ
2.1 เม่อื พนกั งานเจ้าหน้าท่ี (ตำรวจจราจร) ยนื และเหยียดแขนทงั้ สองขา้ งออกไป

เสมอระดับไหล่ และตั้งฝ่ามือข้นึ ผขู้ ับข่ซี ง่ึ ขับรถมาทางด้านทเ่ี หยียดแขนทั้ง
สองข้างของพนักงานเจ้าหนา้ ทีต่ ้องหยดุ รถ
2.2 เมอื่ พนกั งานเจ้าหน้าท่ยี ืน และแยกแขนทอ่ นลา่ งตง้ั ฉากกับแขนทอ่ นบนและตง้ั
ฝ่ามอื ข้ึน ส่วนแขนซา้ ยเหยียดออกไปเสมอระดับไหล่ ผู้ขบั ขีซ่ งึ่ ขับรถมา
ทางด้านหน้าและด้านหลงั ของพนักงานเจ้าหน้าทต่ี ้องหยดุ รถ
ความปลอดภยั บนท้องถนน
1. การเดนิ ถนน
1.1 อยา่ หยอกลอ้ กันกลางถนน
1.2 ควรเดินบนทางเท้า ถา้ ไม่มี ควรเดนิ ชิดขอบถนนด้านขวา
1.3 การเดินในเวลาคำ่ คนื ไม่ควรสวมเสอื ดำ
2. การขา้ มถนน
2.1 ตอ้ งขา้ มในทม่ี ีทางข้าม (ทางมา้ ลาย) ถ้าทางแยกทม่ี สี ัญญาณไฟจราจรควรข้าม
ขณะทม่ี ีสัญญาณไฟแดงใหร้ ถหยุด
2.2 ถ้าถนนไม่มีทางมา้ ลาย ควรยืนขอบทางเท้าก่อน ดูทางด้านขวามอื ล้วมอง
ทางด้านซ้ายมือ แลว้ มองทางดา้ นขวามืออกี ครั้ง เม่อื แน่ใจไมม่ รี ถในระยะใกล้
แล้วจงึ ขา้ มถึงกึงกลางถนน ใหม้ องซ้ายอกี ครั้งเพ่ือความแนใ่ จ
2.3 อยา่ เหมอ่ หรือชกั ชา้ ขณะขา้ มถนน
2.4 ข้ามถนนเวลามฝี นตกต้องระมัดระวงั มากข้นึ เพราะผขู้ ับข่ีอาจมอไม่เห็น และ
หยุดรถได้ยาก
2.5 ถ้ามีรถจอดอย่ตู ้องมองให้แน่ใจก่อน

48

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5

แผนการจัดที่ 12 เรอื่ ง การเดินทางไปยงั สถานท่ีตา่ ง ๆ (ต่อ ) จำนวน 1 ช่ัวโมง

จดุ ประสงค์ 1. เลอื กศกึ ษาประเทศทีน่ ่าสนใจได้ 1 ประเทศ

2. บอกสงิ่ สำคญั ของประเทศทนี่ า่ สนใจได้

เนอ้ื หา ศึกษาเรอ่ื งราวและส่งิ สำคญั ทีน่ า่ สนใจเกี่ยวกับต่างประเทศ 1 ประเทศ

กิจกรรมการเรยี นการสอน

1. พิธเี ปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนิง่ ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เกม “ ขี่ม้าวงกลม ” 5 นาที

3. สอนตามหลกั สูตร 30 นาที

3.1 ให้ลูกเสือแตล่ ะหมเู่ ลือกศึกษาเร่ืองราวและสิ่งสำคญั ทนี่ า่ สนใจเก่ยี วกบั ต่างประเทศ

หมู่ละ 1 ประเทศ

3.2 ให้ตัวแทนของหมู่รายงานตามเวลาทก่ี ำหนด

3.3 ผกู้ ำกับสรปุ บทเรยี นโดยใชส้ อ่ื การเรยี นการสอน ประกอบ

3.4 ร้องเพลง “ เกยี รติคณุ ลูกเสือไทย ”

4. เล่าเรื่องสั้นทเ่ี ป็นคติ 5 นาที

5. พธิ ีปิด ( นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที

สื่อการเรียนการสอน 1. ใบงาน

2. แผนท่โี ลกหรอื แผนทป่ี ระเทศเพือ่ นบา้ น

3. แผนภมู เิ พลง

การวดั ผลและประเมินผล 1. การสงั เกต ความสนใจ

2. ตรวจผลงาน

บนั ทกึ หลงั การสอน…………………….……………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา…………………………………………………………….…

…………………………………………………………………………………………………….…

49

แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื สามัญ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 5

แผนการจดั ท่ี 13 เร่ือง ทักษะในทางวิชาลกู เสอื จำนวน 1 ชัว่ โมง

จดุ ประสงค์ 1. บอกวิธใี ชม้ ดี และขวานอยา่ งเหมาะสมกับงานได้

2. บอกวิธเี ก็บรกั ษามีดและขวานได้

เนือ้ หา การใชแ้ ละเก็บรักษามดี และขวาน

- ชนดิ ของมดี และขวาน

- วิธใี ช้และเกบ็ รักษามีดและขวาน

- ใช้มดี เหลาสมอบก และขวานตดั - ผา่ ไม้เพ่ือก่อไฟ

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. พธิ ีเปิด ( ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เกม “ ขึน้ เขาลงหว้ ย ” 5 นาที

3. สอนตามเอหา 30 นาที

กลุม่ ลูกเสอื เรยี นตามฐานโดยผกู้ ำกับอธิบายและสาธติ แล้วให้ลกู เสอื ฝกึ ปฏิบตั ิดังนี้

ฐานที่ 1 วิธใี ช้เกบ็ รักษามดี และขวาน

ฐานท่ี 2 การพก นำพา และส่งให้ผ้อู ่ืน

ฐานท่ี 3 การใชม้ ดี เหลาสมอบก

ฐานที่ 4 การใช้ขวานตดั และผ่าไม้เพื่อก่อไฟ

4. เล่าเร่ืองส้ันที่เปน็ คติ 5 นาที

5. พธิ ปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

ส่อื การเรียนการสอน 1. มีดและขวานชนิดต่าง ๆ

2. หินลบั มดี และขวาน

3. ไม้สำหรับทำสมอบกและฟนื

การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกต ความสนใจ

2. ดกู ารเขา้ ร่วมกจิ กรรม

บนั ทกึ หลงั การสอน…………………….…………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษา…………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………….…

50

การใช้ขวานและเลื่อย
ขวานนับว่าเปน็ เครื่องมอื ทเี่ ป็นอันตรายมาก แมว้ ่าจะต้องใชม้ ากในการตดั ต้นไม้
ทอนไม้ หรือริดก่ิงไมก้ ็ตาม สว่ นเล่อื ยทีใ่ ชใ้ นการตัดไม้น้ัน กไ็ ม่ใช่เลอื่ ยทีใ่ ชส้ ำดบั เลื่อยไมแ้ ปล
รูป เช่นเลอื่ ยลนั ดา เล่ือยยก (หรือเรยี กว่าเลือ่ ยทใ่ี ชต้ ามบ้าน) เลอ่ื ยที่ใช้ในการตัดไมก้ ็จะเป็นเลอ่ื ย
ขนาดใหญ่ ท่ีอาจใช้คนเดียวหรอื หลายคนกไ็ ด้
1. ขวาน ที่เหมาะกบั การใช้งาน ควรหนักประมาณ 1 กโิ ลกรมั ขวานมหี ลาย
ชนดิ ดังนี้

1.1 ขวานไทย ทำด้วยเหลก็ หน้าตรง ดา้ มคมบางหนา้ กวา้ งประมาณ 2
นิ้วครง่ึ หรือประมาณ 3 นว้ิ สันหนาประมาณ 2 นิ้ว - 2 นวิ้ ครง่ึ ตรงกลางมชี ่องสำหรับใส่ดา้ ม
ซง่ึ ทำด้วยไมเ้ นอ้ื แขง็ ความโตของดา้ มพอกำไดถ้ นัดมือ มี 2 ขนาด คือ ขวานขนาดเลก็ ยาว
ประมาณ 12 - 14 นิ้ว ส่วนขนาดใหญ่จะยาวประมาณ 2 ฟุตคร่ึง

1.2 ขวานฝรั่ง ทำดว้ ยเหล็กกลา้ ดามคมบางหน้าขวานกวา้ งประมาณ 4 น้วิ
ครึง่ สนั ขวานกวา้ งหน้าประมาณ 2 นวิ้ คร่ึง มชี ่องเป็นวงรีสำหรับใสด่ ้ามเป็นไมเ้ นื้อแขง็ ดา้ ม
กลมรแี ละงอเล็กน้อย ปลายดา้ มกว้างกวา่ ตอนใกลค้ มขวาน ท้ังน้ีเพื่อให้เขา้ กบั อุ้งมือพอดี มี
นำ้ หนักประมาณ 1 กิโลกรัม มที ง้ั ขนาดเลก็ คือยาวประมาณ 12 - 14 นว้ิ และขนาดใหญย่ าว
ประมาณ 2 ฟุตคร่งึ

ประโยชนข์ องขวานทงั้ 2 ชนดิ มีดังน้ี
1. ความขวานใช้ฟัน ผา่ ตัด ทอน ริดกงิ่ โค่นตน้ ไม้
2. สันขวาน ใช้ตอก ทบุ

1.3 ขวานโยน เปน็ ขวานทน่ี ิยมใชใ้ นหมู่กรรมการทำไมข้ องภาคกลาง มี
หน้าขวานกวา้ งประมาณ 4 นิว้ โคนขวานเป็นรู จึงทำให้ดรู ปู รา่ งคล้ายเสยี ม มีหวั ขวานเป็นไม้
เนือ้ แข็งมรี ูกลมทางข้างขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลางประมาณ 1 นิว้ สำหรบั ใสด่ ้ามตั้งฉากกบั ขวาน
เน่ืองจากดา้ มของขวานขนิดน้ีเลก็ จงึ กำไดแ้ น่น ประกอบกับขวานมี 2 ชั้น จงึ ทำใหส้ ามารถปิด
หน้าขวานใหก้ ินเนื้อไม้ไดต้ ามความต้องการนยิ มใชถ้ ากไม้ หรอื เสาต่าง ๆ

1.4 ขวานนกกะไน เปน็ ที่นยิ มใชก้ นั มากสำหรบั กรรมการในภาคเหนือ
เป็นขวานซงึ่ ทำในประเทศไทย มหี นา้ ขวานกวา้ งประมาณ 2 น้ิว ยาวประมาณ 8 - 10 นิว้ สัน
ขวานหนา้ ประมาณ 1 นิ้วครึ่ง รปู ขวานโค้งน้อย ๆ เนื่องจากหนา้ ขวานเลก็ และตวั ขวานยาว
จงึ ทำให้มนี ำ้ หนกั ดใี นการเจาะไม้และเข้าเนื้อไมเ้ ลก็ นอกจากนีย้ งั มีประโยชนใ์ นการเจาะจมกู ซงุ
สำหรบั ร้อยโซ่ ให้ชา้ งชกั ลากอีกด้วย

2. เลื่อย เลื่อยทีใ่ ช้ในการตัดไม้นิยมใช้ 2 ชนดิ ดังนี้

51
2.1 เลอื่ ยยมบาล เปน็ เลอื่ ยแบบใช้ 2 คน มีฟันเลื่อยแบบสามเหล่ยี มตลอด
ความยาวของเลอื่ ยมีตัง้ แตข่ นาด 4 ฟุต - 8 ฟุต
2.2 เล่อื ยคันศร เป็นเลอ่ื ยที่นยิ มใช้ตดั ไม้ของทวีปยุโรป เชน่ สวีเดน ขนาด
ที่เหมาะในการโคน่ ต้นไม้ คือ ใบเลอื่ ยยาว 39 น้วิ มีช่องระหว่างใบเลอ่ื ยกบั คนั ประมาณ 10
นว้ิ ใช้โคน่ ตน้ ไม้ขนาดเลก็ ๆ ได้ดแี ละประหยัด เพราะใชค้ นเพยี งคนเดียว
การโค่นตน้ ไม้ ตัดไม้ ริดกิ่งไม้
การโค่นตน้ ไม้ กอ่ นโค่นต้นไมต้ อ้ งริดกง่ิ ทัง้ หมดทแ่ี กะกะออกเสียก่อน และเร่มิ ต้น
ดว้ ย
1. การบากหน้าใหต้ ่ำที่สุดเทา่ ทจี่ ะทำไดล้ ึกประมาณ 1/3 ของต้นไม้
2. ตอ่ ไป ลัดหลังดว้ ยเลื่อยใหไ้ ดร้ ะดบั และต้ังฉากกบั ต้นไม้ และเลื่อยเข้าไปใหส้ ูง
กว่าบากหนา้ ประมาณ 2 - 4 เซนติเมตร
3. ให้เหลอื แกนกลางไว้ระหว่างการบากหน้า และรอยลัดหลัง ประมาณ 2 - 4 นว้ิ
แกนนจ้ี ะชว่ ยยดึ ลำต้นไว้ ไมใ่ ห้ลม้ ไปทางอน่ื และทำใหไ้ มแ่ ตกหรือฉีกขาดงา่ ย
การตดั ไม้ การตดั ลำต้นออกเป็นทอ่ น ๆ ควรตัดจากดา้ นหนึ่งใหถ้ ึงตรงกลางให้รอย
บากกวา้ งประมาณครง่ึ หน่ึงของความหน้าของต้นไม้ แล้วพลิกต้นไมก้ ลบั ทำรอยบากในทำนอง
เดยี วกันจากอีกดา้ นหน่งึ จนไมท้ ้งั สองท่อนหลดุ ออกจากกนั ก่อนตัดต้องหาไมห้ รอื สิ่งอ่ืน ๆ มา
เป็นฐานคำ้ ยันเสยี ก่อน
การริดก่งิ ไม้ ต้องตดั ก่งิ ไม้ขนาดตา่ ง ๆ ออกให้เหลือแต่ลำตน้ ซ่ึงต้องริดกิ่งจาก
โคนไมไ้ ปหายอด ริดกงิ่ ไมท้ ลี ะก่งิ จากเบ้อื งลา่ งใหใ้ กล้กับลำต้นเทา่ ทีจ่ ะทำได้
ขอ้ ควรระวังในการใช้ขวานและเล่ือย
1. ให้ผ้ดู ูอยู่ห่างออกไปเป็น 2 เท่าของระยะจากช่วงแขนถงึ หนา้ ขวาน (ประมาณ 2
- 4 เมตร) ตามขนาดของขวาน
2. อย่าให้มีสงิ่ กีดขวางการทำงาน
3. อย่าเหว่ยี งขวานตามสบาย ตอ้ งดูวา่ ไมท้ ี่จะตดั นน้ั มไี ม้รองรับอย่างมนั่ คงหรือไม่
4. อยา่ ใหค้ มขวานและฟนั เลื่อยกระทบกบั ดนิ หนิ หรือโลหะอืน่ ๆ
5. จงพกั ผ่อนเม่ือรูส้ ึกเหนื่อยและเกบ็ ขวานไวก้ บั ท่อนไม้ สว่ นเล่ือยอย่าทิง้ คา้ งไว้ท่ีไม้
6. อย่าใชข้ วานที่หนักเกินไป
7. อยา่ พยายามเพ่ิมกำลงั แรงในขณะทีฟ่ นั หรือเลอ่ื ยไม้
8. อย่าฟันไม้ตรง ๆ จงฟันเฉยี ง
การดแู ลรักษาและซ่อมแซมขวานเลื่อย
1. เม่ือใช้แล้ว กอ่ นเก็บต้องเชด็ ถูใหส้ ะอาดทุกคร้งั

52

2. ทาด้วยน้ำมันพชื หรือน้ำมันหล่อลนื่ เพื่อปอ้ งกนั สนิม
3. อาจจะเก็บให้มิดชิดในกล่องเครื่องมอื หรือเอาคมขวานสับไวท้ ี่ขอนไม้ สว่ นเล่ือย
แขวนไวใ้ นห้องเกบ็
4. เม่ือด้ามหักหรอื แตกร้าว หรอื นอตหลวม ต้องรีบซ่อมแซมทันที อยา่ ปล่อยทง้ิ ไว้
จะเกิดอนั ตรายมากขณะทีน่ ำออกใช้
5. ลับคมขวานและคดั คลองเลื่อยอยเู่ สมอ

53

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 5

แผนการจัดท่ี 14 เรื่อง ทักษะในทางวิชาลูกเสือ ( ต่อ ) จำนวน 1 ชวั่ โมง

จุดประสงค์ 1. ผกู เงอื่ นจากเชือกทมี่ ีขนาดเดียวกันและบอกประโยชน์ได้อยา่ งน้อย 1 เงอ่ื น

2. ผกู เงอ่ื นจากเชือกทม่ี ีขนาดต่างกันและบอกประโยชน์ไดอ้ ยา่ งนอ้ ย 1 เงอ่ื น

3. ผกู เงอ่ื นดว้ ยเชือกกับวสั ดุอยา่ งใดอย่างหนงึ่ และบอกประโยชน์ได้อย่างนอ้ ย 1 เงือ่ น

เน้อื หา 1. การผูกเงือ่ นโดยใช้เชือกทมี่ ขี นาดเดียวกนั

2. การผกู เงอ่ื นโดยใชเ้ ชือกท่ีมขี นาดต่างกัน

3. การผูกเงอ่ื นโดยใช้เชือกกับวสั ดุอย่างใดอย่างหนง่ึ

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. พิธีเปิด ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบน่ิง ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เกม “ รถไฟด่วน ” 5 นาที

3. สอนตามเนอื้ หา 30 นาที

3.1 ลกู เสือชว่ ยกนั อภิปรายถงึ ประโยชน์ของเชือกในชวี ิตประจำวัน

3.2 ผูก้ ำกับสรุปการใชเ้ งอ่ื นดังนี้

- การใชเ้ ชือกที่มีขนาดเดียวกัน

- การใชเ้ ชือกกบั วสั ดุอยา่ งใดอยา่ งหนึง่

3.3 แบง่ หม่ลู กู เสอื เรียนตามฐานต่าง ๆ ดังนี้

ฐานท่ี 1 เง่ือนท่ีใช้เชือกขนาดเดียวกันประกอบด้วยเง่ือนประมง เงอ่ื นผกู ร่น

และเง่อื นผกู คนลาก

ฐานท่ี 2 เงื่อนที่ใชเ้ ชือกที่มีขนาดตา่ งกนั ประกอบด้วยเงอ่ื นขัดสมาธิ และเง่ือน

ขัดสมาธิ 2 ชัน้

ฐานท่ี 3 ใช้เชือกผูกกับวสั ดุอย่างใดอยา่ งหน่ึงประกอบด้วยเงอ่ื นผูกซุง เงื่อน

ตะกรดุ เบ็ด และเง่อื นผกู รง้ั

3.4 ผู้กำกบั ลกู เสอื ทบทวนสรุปผลการเรียนจากฐาน

3.5 เกมทดสอบปดิ ตาผกู เง่ือน

4. เลา่ เรื่องส้นั ทีเ่ ปน็ คติ 5 นาที

5. พิธปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

สอื่ การเรียนการสอน 1. เชือก

2. แผนภมู เิ งื่อน

54

การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกต ความสนใจ
2. ทดสอบ

บันทึกหลงั การสอน…………………….……………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………….…
ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………….…
…………………………………………………………………………………………………….…

55

การผูกเง่ือนโดยใชเ้ ชอื กขนาดเดยี วกนั

1. เงื่อนประมง
เปน็ เงื่อนที่ใช้สำหรับต่อเชื่อท่มี ีขนาดเดียวกัน ซง่ึ เป็นท่ีรู้จกั กันอกี ช่ือหน่ึงวา่

“เงอ่ื นหัวล้านชนกัน” นัน่ เอง
ประโยชนข์ องเงื่อนประมง

1. ใช้ตอ่ เช่ือที่มีขนาดเดียวกนั
2. ใชต้ อ่ เช่ือท่ีมขี นาดเลก็ หรือใชต้ อ่ สายเอน็ ตกปลาซง่ึ ชาวประมงนิยมใช้ท่วั ไป
3. ใช้ต่อเชื่อที่มขี นาดใหญ่ เพ่อื ใชล้ ากจงู เพราะสามารถรบั กำลงั ลากไดด้ ี
4. ใชผ้ กู คอขวดเพื่อเป็นการถือห้ิว
5. ใชผ้ ูกสายไฟเพื่อทำกบั ระเบิด
วิธีผูกเงื่อนประมง
ขน้ั ที่ 1 ใหป้ ลายเชอื กซ้อนกันดังรูป

ขนั้ ที่ 2 ผูกปลายเชือก ก รอบตัวเชือก A ด้วยผกู ขดั ชัน้ เดยี วธรรมดา

ขั้นท่ี 3 ผูกปลายเชือก ข รอบตวั เชือก B

56
ขนั้ ท่ี 4 ดงึ เส้นเชอื ก A , B ให้ปมเงอื่ นเชอื กเขา้ ไปชนกัน
2. เงื่อนผูกร่น

เปน็ เงื่อนผูกเพื่อทบเชือกส่วนทชี่ ำรุด
ประโยชน์

1. ใช้ผกู รน่ ทบเชือกทชี่ ำรุดเล็กนอ้ ย ซ่ึงถา้ ใช้กำลังมาก ๆ อาจขาด เม่ือทบแล้วจะให้
กำลงั เทา่ เดมิ

2. ใช้ทบเชอื กทยี่ าวมาก ๆ ใหส้ ้ันลงตามต้องการ
วิธีการผกู เงือ่ นผกู รน่
ขนั้ ที่ 1 ทบเชอื กดังรปู

ขั้นที่ 2 ทำส่วนปลายเชือกให้เป็นบว่ ง

ขัน้ ท่ี 3 ดึงบ่วง ก และ ข เข้าไปในห่วง ดึง A , B ใหต้ งึ

ขั้นที่ 4 ใชไ้ ม้ขัดเสน้ เชือก A กบั บ่วง ข , B กบั บว่ ง ก

57

3. เง่ือนผูกคนลาก
ประโยชน์

1. ทำบวงคลอ้ งไหล่เมือ่ ตอ้ งการลากของหนกั ๆ
2. ใช้ผกู ลกู บนั ได
วิธกี ารผกู
ขั้นท่ี 1 ใช้สองมอื จบั ตรงกลางเชอื กแลว้ พลิกมอื ขวาจนเกดิ บว่ ง
โดยเชือกมือซา้ ย A อยู่ดา้ นบน

ขั้นที่ 2 จับเชือกด้านซา้ ย A อ้อมด้านใต้ (ด้านหลัง) ของบ่วง

ขน้ั ท่ี 3 ดงึ ขอบบว่ งลา่ งลอดใต้เสน้ เชือก A

ขน้ั ท่ี 4 ดงึ บ่วงล่าง (จากขั้นที่ 3) ข้ามขอบบ่วงบน ดงึ และจัดเง่ือนให้เรยี บร้อย

58
การผกู เงอื่ นโดยใชเ้ ชือกตา่ งขนาดกนั
1. เงอ่ื นขัดสมาธิ

เป็นเง่ือนตอ่ เชอื กที่มีขนาดต่างกัน
ประโยชน์ ใชต้ ่อเช่ือที่มีขนาดต่างกัน
วธิ ีการผูกเงอื่ นขดั สมาธิ
ขน้ั ที่ 1 งอเชือกเส้นใหญ่ให้เป็นบ่วง สอดปลายเชือกเส้นเลก็ เขา้ ในบว่ งโดยสอดจากข้างล่าง

ขนั้ ที่ 2 มว้ นเชือกเส้นเล็กลงอ้อมดา้ นหลังเชือกเสน้ ใหญ่ท้ังคู่

ขั้นท่ี 3 จับปลายเชอื กเสน้ เลก็ ข้ึนไปลอดเสน้ ตัวเองเป็นการขดั ไว้ จัดเงื่อนใหแ้ นน่ และเรียบรอ้ ย

59
2. เงอื่ นขัดสมาธิ 2 ชนั้

ใช้คลอ้ งผกู กับสมอ ขอ หรือบ่วง ใชต้ ่อเชือกทม่ี ขี นาดตา่ งกนั มาก หรือต่อเชือกเปยี ก
น้ำ เชอื กไนล่อน
วิธีการผูก

การผกู เงือ่ นโดยใชเ้ ชอื กผูกวัสดุอ่ืน
1. เงอื่ นผกู ซงุ

เงือ่ นผกู ซุงเป็นเงื่อนทใี่ ชส้ ำหรับผกู สงิ่ ของตา่ ง ๆ ใหแ้ น่น เป็นเงื่อนทมี่ ลี กั ษณะพเิ ศษคือ
ผูกงา่ ย แกง้ ่าย แต่เปน็ เง่ือนทีย่ ่ิงดงึ ยิ่งแน่น ยง่ิ ดึงแรงมากเทา่ ไรกจ็ ะย่งิ แนน่ มากเทา่ นน้ั
ประโยชน์ของเง่ือนผกู ซุง

1. ใช้ผูกกับวตั ถทุ ี่เปน็ ทอ่ นยาว ๆ เช่น ท่อนซุง เสา เป็นต้น
2. ใช้ผกู สัตว์ เรือ หรอื แพ ไว้กบั หลัก
3. ใชผ้ ูกหินแทนสมอเรือ หรอื ผูกหินแทนสมอบกกไ็ ด้
4. ใช้เป็นเง่ือนเริ่มตน้ ในการผูกทแยง
ข้นั ตอนการผกู เงือนผกู ซงุ

ข้ันท่ี 1 สอดเชือกให้คล้องรอบตน้ ซุงหรือเสา

ขั้นที่ 2 งอปลายเชอื กคล้องตวั เชือก

60
ขั้นที่ 3 พันปลายเชือกรอบเส้นตัวเอง 3 - 5 รอบ ดงึ ตัวเชอื กใหเ้ ง่ือนแน่น

2. เงอ่ื นตะกรุดเบ็ด
เงื่อนตะกรดุ เบด็ นับเป็นเง่ือนท่ีสำคัญของวิชาลกู เสอื เพราะใช้ผูกเงอ่ื นอ่ืน ๆ อีกหลาย

เง่ือน เช่น เงื่อนผูกแน่น เง่ือนประกบ เง่ือนกากบาท
ประโยชน์ของเง่ือนตะกรดุ เบ็ด

เปน็ เง่ือนท่ีใช้ในงานตา่ ง ๆ มากมาย เชน่ ผกู ส่งิ ของต่าง ๆ ผกู เหล็ก ผูกรั้ว ผกู ตอมอ่
ในการสรา้ งสะพาน ผูกรอกแขวน ผกู สมอเรือ ผูกเบ็ด เป็นต้น
วิธีผกู เงื่อนตะกรดุ เบ็ด
ข้ันที่ 1 พันเชือกใหเ้ ป็นบว่ งสลบั กัน ดังรูป

ขน้ั ท่ี 2 เลื่อนบ่วงให้เข้าไปซ้อนจนทับกันเป็นบ่วงเดยี ว

61

ขั้นที่ 3 นำบ่วงจากขั้นท่ี 2 สวมลงในเสาแลว้ ดึงปลายเชือกจดั เงื่อนให้แน่น

3. เงื่อนผกู ร้งั
ประโยชน์ของเงื่อนผกู รง้ั ใช้ผูกเสาเตน็ ท์ ผูกสัตว์ ผูกบ่วงต่าง ๆ สามารถเลอื่ นเชือก

ให้หย่อนและตึงได้ ผูกหว่ งต่าง ๆ เพราะเล่อื นเชือกให้หยอ่ นหรอื ตงึ ได้
วธิ กี ารผูกเง่ือนผกู ร้ัง

62 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5
จำนวน 1 ชว่ั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญ
แผนการจัดที่ 15 เร่อื ง ทักษะในทางวชิ าลูกเสือ ( ตอ่ )

จุดประสงค์ 1. ผูกแน่นแบบต่าง ๆ ได้ถกู ต้องและม่นั คง

2. บอกประโยชน์ของการผูกแน่นแบบตา่ ง ๆ ได้

เน้ือหา การผูกแน่น ผกู ประกบ ผูกทะแยง ผกู กากบาท

กจิ กรรมการเรียนการสอน

1. พิธเี ปิด ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบน่งิ ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. สอนตามหลักสูตร 35 นาที

2.1 ผู้กำกบั ลูกเสอื อภิปรายถึงประโยชนข์ องการใช้เชือกในชีวิตประจำวัน

2.2 แบ่งหมลู่ กู เสอื เรยี นตามฐาน โดยผูก้ ำกับอภิปรายและสาธติ แลว้ ให้ลูกเสอื ปฏบิ ตั ิ ดังน้ี

ฐานท่ี 1 การผกู ประกบและประโยชน์

ฐานที่ 2 การผกู ทะแยงและประโยชน์

ฐานที่ 3 การผกู กากบาทและประโยชน์

2.3 เกมทดสอบ “ การแขง่ มา้ โรมัน ”

3. เล่าเร่ืองสน้ั ทเ่ี ป็นคติ 5 นาที

4. พิธปี ิด ( นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแต่งกาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

ส่ือการเรียนการสอน 1. ไมพ้ ลอง เชอื ก

2. แผนภมู ิขนั้ ตอนการผกู แน่นแบบตา่ ง ๆ

3. แผนภูมเิ พลง

การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกตความสนใจ การเขา้ ร่วมกิจกรรม

2. การซักถาม บอกประโยชน์ของการผูกแน่นแบบต่าง ๆ

บันทึกหลังการสอน…………………….…………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………….………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา…………………………………………………………….…

………………………………………………………………………………………………………

63

การผูกแน่น
การผูกแน่น เป็นการผูกวัตถใุ หต้ ิดแน่นเข้าด้วยกนั โดยใช้เชือกหรือวสั ดุอื่นหรอื วสั ดุคลา้ ย
เชอื ก ซง่ึ มปี ระโยชน์ตอ่ ลูกเสอื เปน็ อยา่ งมาก ในการเข้าค่ายพักแรมหรือการเดินทางไกล เป็นตน้
การผูกแนน่ มี 3 คือ

1. ผูกประกบ
2. ผกู ทแยง
3. ผกู กากบาท
1. ผกู ประกบ
ประโยชน์
1. ใชต้ ่อไม้หลาย ๆ ทอ่ นเขา้ ด้วยกนั ให้ยาว
2. ใชผ้ กู ตอ่ ไม้ในการก่อสรา้ ง
3. ใช้ผกู ตอ่ พลองทำเสาธงลอย
วธิ ีการผกู
วธิ ีท่ี 1 ผกู ประกบ 2 ทอ่ น
ขัน้ ที่ 1 เอาไม้ท่ีจะตอ่ มาวางซอ้ นขนานกันโดยให้ปลายทีจ่ ะต่อซ้อนกันราว 1 ใน 4
หรือ 1 ใน 5 ของความยาวของไม้ จากนัน้ เอาเชือกผกู เง่ือนตะกรุดเบ็ดทเ่ี สาตน้ ใดตน้ หน่งึ แล้ว
บิดปลายเชอื กเขา้ กับตวั เชือก (แตง่ งาน) ใชล้ ่มิ ขนาดเท่าเสน้ เชือกยัดระหว่างเสา “ตามรูป” ใช้
เชอื ก 2 เสน้ เวลาผูกจริงผกู ทลี ะเส้น

64
ขั้นท่ี 2 พันเชือกรอบไมท้ ัง้ สองอันให้เชอื กเรยี งกันพนั จำนวนรอบจนกว้างเทา่ กับ

ความกว้างของไม้ทัง้ สองอนั สอดเชือกเข้ากลางระหวา่ งไมท้ ง้ั สอง ซง่ึ ยังห่างกนั อยู่เพราะมลี ิ่มยดั
ไว้เพอ่ื เตรียมพนั หกั คอไก่

ขน้ั ที่ 3 หักคอไกโ่ ดยสอดเชอื กในระหว่างไม้พนั รอบเชือกท่พี นั อยเู่ ดิม ดงึ ลม่ิ ออก
รดั หกั คอไกใ่ หแ้ นน่

ขั้นท่ี 4 ผูกปลายเชอื กดว้ ยเง่ือนตะกรุดเบ็ดทีไมค้ นละอันกบั ที่ขึน้ ต้น

65
วธิ ที ี่ 2 ผูกประกบ 3 ท่อน
วธิ กี ารผกู เร่มิ ดว้ ยผูกตะกรุดเบ็ดทีเ่ สาต้นกลาง แตง่ งานเชือกแล้วพันรอบเสาท้งั สามใหเ้ ชือก
เรียงกันจนกว้างเทา่ ความกวา้ งของเสาทงั้ สามตน้ หกั คอไก่รัดจนแนน่ ลงทา้ ยด้วยผูกตะกรดุ เบ็ดท่ี
เสาตน้ รมิ เปน็ อันสำเร็จ
2. ผูกทแยง

ประโยชน์
1. ใชผ้ กู นง่ั ร้านในการก่อสรา้ ง
2. ผูกไม้ค้ำยันเสาป้องกันเสาล้ม
3. ใช้ผูกตอม่อเสาสะพาน

วิธผี ูก
ขัน้ ที่ 1 ใชป้ ลายเชอื กด้านหนง่ึ คล้องรอบไม้เสาท้ังสองต้น และผูกด้วยเง่อื นผกู ซงุ

ขัน้ ท่ี 2 ดึงปลายเชือกลงทางขวา เพือ่ ใหเ้ งือ่ น

แนน่ แล้วพนั รอบเสาท้งั สอง 3 - 4 รอบ

ข้ันที่ 3 พันทแยงรอบเสาทั้งคู่ 3 รอบ

ขัน้ ที่ 4 หักคอไก่ 2 - 3 รอบ

66
ขน้ั ท่ี 5 ลงดว้ ยเง่ือนตะกรุดเบ็ด

3. ผูกกากบาท
ประโยชน์

1. ใช้ผกู นง่ั ร้านในการก่อสรา้ ง
2. ใชผ้ กู ตอม่อเสาสะพาน
วิธีการผูก
ขน้ั ที่ 1 ผกู เง่ือนตะกรุดเบด็ ท่หี ลักอนั ต้ัง (อันนอนก็ได้) แล้วแต่งงานปลายเชือกสว่ นที่เหลอื ให้
เขา้ กนั ใหเ้ รียบร้อย

67
ขน้ั ท่ี 2 อ้อมเชือกลอดใต้ไมอ้ ันนอนทางด้านขวา ดงึ ให้ตึงมือพาดขา้ มอันต้ังด้านบน ลอดอัน
นอนดา้ นซา้ ยขนึ้ มาพาดข้ามอันตัง้ ด้านลา่ ง ลอดอนั นอนด้านขวาเป็นอันครบรอบ พันอย่างน้สี ัก 3
– 4 รอบ ดึงใหต้ งึ ทุก ๆ รอบ

ขนั้ ท่ี 3 หักคอไก่
หกั คอไก่ คือการพันรอบอ้อมเงอื่ นในข้นั ท่ี 2 เพื่อรัดเชือกใหต้ ึง จะไดไ้ ม่รดู ลง

ขั้นท่ี 4 เม่ือหักคอไกไ่ ด้ 2 - 3 รอบ และดงึ เชอื กให้ตึงแล้ว ให้จบลงด้วยเงอื่ นตะกรุดเบ็ดท่ไี ม้
อันนอนซง่ึ เปน็ คนละอนั กบั อันขน้ึ

68

หมายเหตุ การผกู กากบาทมลี ำดับข้ันการผูกดงั นี้
1. ขน้ึ ต้นด้วยเงือ่ นตะกรุดเบด็ ท่ีหลกั ตน้ หนึ่ง
2. แต่งงานเชือกกบั ปลายเชือก
3. พันเชือกอ้อมหลกั ท้งั สอง
4. คักคอไกเ่ พอื่ รดั เชือกให้แน่น
5. ลงท้ายด้วยเง่อื นตะกรุดเบ็ดที่หลักคนละต้นกบั ขอ้ 1

69

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 5
แผนการจดั ที่ 16 เรื่อง ทักษะในทางวิชาลกู เสือ ( ต่อ ) จำนวน 1 ช่วั โมง

จุดประสงค์ 1. บอกฤดูกาลตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ินของตนได้

2. บอกทิศทางลม และชื่อลมประจำฤดกู าลทพี่ ัดผ่านได้

3. บอกลักษณะอากาศตามฤดกู าลนั้น ๆ ได้

เนื้อหา กาลอากาศ

1. การเกิดฤดูกาลต่าง ๆ ในประเทศไทย

2. สญั ญาณหรือสาเหตทุ ี่ทำให้ลักษณะอากาศเปลยี่ นแปลง

3. ลมตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ้ ในประเทศไทย

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. พธิ ีเปดิ ( ธงขน้ึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เกม “ ลูกเสอื ลอดถ้ำ ” 5 นาที

3. สอนตามเนื้อหา 30 นาที

3.1 ผ้กู ำกับลูกเสอื สนทนาถงึ ลักษณะอากาศท่เี กดิ ข้ึนตามฤดกู าล

3.2 ผู้กำกับอธิบายเกีย่ วกบั เครื่องมอื ท่ีใชบ้ อกสัญญาณเก่ยี วกับอากาศ เช่น

เทอร์โมมิเตอร์ ไฮโดรมิเตอร์ และบารอมิเตอร์

3.3 ใหล้ กู เสือดำเนินการอภิปรายกลมุ่ ตามหวั ขอ้ ต่อไปน้ี

กลมุ่ ที่ 1 ฤดูร้อน ฤดฝู น ฤดหู นาว

กลุ่มที่ 2 ลกั ษณะอากาศในแต่ละฤดูกาล

กล่มุ ท่ี 3 ลมบก และลมทะเล ประจำฤดูกาล

3.4 เพลง “ ลมบก ลมทะเล ”

4. เลา่ เร่ืองส้นั ทีเ่ ปน็ คติ 5 นาที

5. พธิ ปี ดิ ( นัดหมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

สือ่ การเรียนการสอน 1. ภาพเครื่องมือทีใ่ ชบ้ อกสัญญาณเกีย่ วกับกาลอากาศ เช่น เทอรโ์ มมิเตอร์

ไฮโดรมเิ ตอร์ และบารอมเิ ตอร์

2. แผนภมู ิเพลง “ ลมบก ลมทะเล ”

70

การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกต
1.1 ความสนใจ
1.2 การเข้าร่วมกจิ กรรม

2. การซกั ถาม
2.1 บอกฤดกู าลตา่ ง ๆ ในทอ้ งถน่ิ ของตน
2.2 บอกทศิ ทาง และชือ่ ลมประจำฤดูกาลทีพ่ ัดผา่ น
2.3 บอกลกั ษณะอากาศตามฤดูกาล

บนั ทกึ หลงั การสอน…………………….…………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………….…………
…………………………………………………………………………………………….…………
…………………………………………………………………………………………….…………
ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา………………………………………………..…….…….…
…………………………………………………………………………………………….…………

71
กาลอากาศ
กาลอากาศ
ประเทศไทยต้ังอยู่ในเขตร้อนมมี หาสมุทรและทะเลล้อมรอบบางส่วน ทำให้อณุ หภมู ิ
และความกดอากาศบนพ้ืนน้ำและแผ่นดนิ แตกตา่ งกนั มากจึงเกิดการเคล่อื นที่ของลมมรสุมตา่ ง ๆ
ประเทศไทยแบ่งฤดกู าลออกเป็น 3 ฤดู คือ
1. ฤดูฝน จะเกิดเป็นฤดูทล่ี มมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้พัดเขา้ สู่ประเทศไทย เริ่มตงั้ แต่
เดือนพฤษภาคม - ตลุ าคม ประมาณ 5 เดือน ฝนตกชกุ ในเดือนสิงหาคม - กนั ยายน
2. ฤดูหนาว จะเปน็ ฤดูท่ีลมมรสุมตะวันออกเฉยี งเหนือเขา้ สปู่ ระเทศไทยเรมิ่ ตั้งแต่
เดอื นพฤศจกิ ายน - กมุ ภาพันธ์ ประมาณ 3 เดือน อากาศโดยทว่ั ไปไมห่ นาวเย็นมากนกั ยกเว้น
ทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเปน็ ทส่ี ูง จะมีอากาศหนาวเปน็ บางครั้งบางคราว
3. ฤดูรอ้ น เป็นฤดูทมี่ ีกระแสลมจากทะเลจนี ใตเ้ ร่ิมพัดเขา้ สู่ประเทศไทยจากทศิ ใต้
และทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ ประกอบกบั แสงอาทิตย์เลอื่ นตรงกับประเทศไทยมากข้นึ เร่ิมตง้ั แต่เดือน
กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม ประมาณ 3 เดือน ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวมาก โดยเฉพาะเดือน
เมษายนจะรอ้ นทีส่ ดุ เพราะอุณหภูมขิ ึน้ สงู ท่ีสดุ
สัญญาณหรือสาเหตทุ ที่ ำให้อากาศเปล่ียนแปลง
1. กระแสลมและฝน กระแสลม คือ การเคลือ่ นไหวของอากาศทลี่ ้อมรอบตัวเรา
เกดิ ข้ึนเน่ืองจากอากาศบนพื้นโลกในที่ตา่ ง ๆ ไม่เท่ากนั บรเิ วณใดไดร้ บั ความร้อนจากดวงอาทิตย์
มาก อากาศจะขยายตัวลอยสงู ขน้ึ อากาศจากทีอ่ ื่นซงึ่ มีความกดดันสงู กวา่ จะเคลอ่ื นตวั เขา้ มาแทนท่ี
ซ่งึ เราเรยี กอากาศเคลอื่ นท่วี า่ “กระแสลม” อากาศจะเคลื่อนท่จี ากท่มี คี วามกดดันสงู ไปสู่ท่มี คี วาม
กดดันตำ่ เสมอ และถ้ากระแสลมเคล่ือนทผี่ า่ นทะเลหรือมหาสมทุ ร ก็จะนำความชื้น ละอองไอน้ำ
ไปด้วย เม่อื กระทบกับอากาศเยน็ กจ็ ะกล่นั ตัวเป็นหยดน้ำตกลงมาเปน็ ฝน

สำหรบั ประเทศไทยในแตล่ ะปจี ะมีระยะฝนตกตามภมู ิภาคตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1.1 ภาคเหนือ ประมาณ 6 – 8 เดอื น
1.2 ภาคใต้ ประมาณ 8 - 11 เดอื น
1.3 ภาคตะวันออก ประมาณ 8 - 11 เดอื น
1.4 ภาคตะวันอกเฉยี งเหนอื ประมาณ 4 - 6 เดือน
1.5 ภาคกลาง ประมาณ 5 - 7 เดือน
2. ความกดดันอากาศ คือสภาวะท่ีอากาศมีไอน้ำแตกร่างกัน กล่าวคอื เมื่อใดท่ี

อากาศมไี อนำ้ มาก ความกดดันจะตำ่ ลง และอาจจะเป็นเหตใุ ห้เกดิ ลมหรือพายุ แตถ่ ้าในอากาศมี
ไอน้ำน้อย ความกดดันของอากาศจะสูง ซึง่ ทำให้อากาศปลอดโปรง่

72

3. อณุ หภูมิ หมายถงึ ระดับความร้อน อณุ หภมู ิของอากาศเปลย่ี นแปลงอยู่
ตลอดเวลาและความเปลยี่ นแปลนเ้ี องทำใหเ้ กิดกระแสลม นำ้ ค้าง เมฆ หมอก ฝน พายุ ฯลฯ
เคร่ืองมือทีใ่ ช้วัดอุณหภมู ิเรยี กวา่ “เทอรโ์ มมิเตอร์”

4. ความช้ืนแหง้ ของอากาศ อากาศชนื้ ไม่ไดห้ มายความวา่ อากาศมไี อนำ้ มาก แต่
หมายถงึ ว่าอากาศจะสามารถรับไอนำ้ ที่ระเหยขึ้นไปได้อีกเพยี งเลก็ น้อย วันไหนอากาศแห้ง อากาศ
จะสามารถรับไอนำ้ ที่ระเหยขึ้นไปได้อีกเป็นจำนวนมาก

ลมต่าง ๆ ทเี่ กดิ ข้ึนในประเทศไทย
1. ลมมรสมุ คือ ลมท่เี กิดจากความกดดันของอากาศเหนือพ้ืนดินกับพน้ื
มหาสมทุ รแตกต่างกนั ในฤดูร้อน ลมนพ้ี ัดจากมหาสมุทรเข้าสู่พ้ืนดิน ทำให้
เกิดฝนตกและนำความชมุ่ ช้ืนสู่แผน่ ดนิ ในฤดูหนาวลมนพี้ ัดจากพ้นื ดินไปสู่
มหาสมุทร นำความแห้งแล้งและความหนาวมาส่แู ผน่ ดิน

2. ลมบกลมทะเล มี 2 ชนิด คือ ลมบกและลมทะเล
ลมบก เกดิ ในเวลากลางคนื เปน็ ลมที่พัดจากฝัง่ ส่ทู ะเล เพราะเวลากลางคนื
พื้นดนิ คายความรอ้ นได้เรว็ กว่าพน้ื น้ำ จึงทำให้อณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือพ้นื ดิน
ต่ำกว่าอณุ หภมู ขิ องอากาศเหนือพื้นน้ำ ความกดดันของอากาศบนพื้นดินจงึ สูง
กว่าพ้ืนนำ้ อากาศจงึ เคล่อื นท่ีจากฝั่งสทู่ ะเล กลางวันแผ่นดนิ ร้อนกวา่ น้ำ
ความกดดนั ของอากาศบนพ้ืนดินจงึ ต่ำกว่า ความกดดันของอากาศบนพ้ืนนำ้
อากาศจึงเคลือ่ นท่จี ากทะเลเข้าส่ฝู งั่

3. ลมประจำถิ่น คือ ลมทพี่ ัดข้นึ เฉพาะแหง่ ตามภูมภิ าคตา่ ง ๆ เกิดข้ึนเนื่องจาก
ความกดดนั ของอากาศในภูมิภาคนนั้ ๆ แตกต่างกัน ลมประจำถ่นิ ในประเทศ
ไทย คือ “ลมว่าว” ซ่งึ พัดอยู่ระหวา่ งเดือนมีนาคม - เมษายน เนอื่ งจากความ
กดดนั อากาศในอ่าวไทยกับภาคตะวันออกเฉียงเหนอื แตกตา่ งกัน ลมจึงพัดจาก
อ่าวไทยไปสูภ่ าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื

หมายเหตุ ในเร่ืองนี้อาจสอนได้หลายวิธี เช่น
ฐานท่ี 1 ฤดูกาลตา่ ง ๆ
ฐานที่ 2 สญั ญาณและสาเหตใุ ห้อากาศเปล่ียนแปลง
ฐานที่ 3 ลมตา่ ง ๆ ท่เี กดิ ในประเทศไทย

73
การจัดทำสถิติกาลอากาศประจำวนั

การทำสถติ ิกาลอากาศประจำวนั น้ัน ลกู เสอื สามารถจดั ทำข้ึนได้อย่างงา่ ย ๆ โดยการ
สงั เกตสภาพอากาศและวัดอุณหภูมิด้วยเทอรโ์ มมิเตอร์ แลว้ จดบันทกึ ไว้ เราควรทำการสงั เกตใน
ตอนเช้าและตอนบา่ ยของทกุ ๆ วันตอ่ เน่ืองกัน เปน็ ระยะเวลาอยา่ งน้อย 2 เดอื น เม่ือครบ
กำหนดแล้ว ให้ลูกเสือนำสถิตกิ าลอากาศประจำวันทจี่ ดบันทกึ ไว้มาพจิ ารณาดู จะพบว่าสภาพ
อากาศและอุณหภมู ิเปลี่ยนแปลงไป ซงึ่ จะทำใหเ้ ราเขา้ ใจถึงสภาพอากาศโดยทว่ั ๆ ไปของ
ท้องถ่นิ ได้เปน็ อยา่ งดี

ตวั อย่างตารางสถติ ิกาลอากาศประจำวัน
วันท_ี่ ________เดือน_________________พ.ศ.___________

เวลา อุณหภูมิ(องศาเซลเซยี ส) สภาพอากาศ หมายเหตุ

เช้า 15 หมอกมาก

บ่าย 20 สว่าง

ผบู้ นั ทึก________________________
การสำรวจสถานทส่ี ำคัญ

การสำรวจ คือ การคน้ หาหรอื ค้นพบสถานทีห่ น่ึง เราควรออกไปศกึ ษาให้เขา้ ใจ และ
รวบรวมรายละเอยี ดต่าง ๆ ไว้ เพอ่ื จะทำให้ทราบถงึ ประวัติความเป็นมาและความสำคญั ของ
สถานท่ี ตลอดจนทราบถึงหน้าท่ีการบรกิ ารของสถานที่ต่าง ๆ ในทอ้ งถน่ิ ทอ่ี าศัยอยู่ซึ่งจะทำใหเ้ รา
สามารถติดต่อขอรับบรกิ ารจากสถานทีน่ ้นั ๆ ได้ และแนะนำผู้อ่ืนใหม้ าใช้บรกิ ารได้อยา่ งถูกตอ้ ง

สถานทีต่ ่าง ๆ ในท้องถิ่นท่เี ราไปทำการสำรวจ เชน่ วดั โบราณสถาน สถานี
อนามัย ทว่ี า่ การอำเภอ สถานีตำรวจ สถานที่ท่องเท่ียว สถานีขนส่ง เปน็ ต้น เมื่อลูกเสือไป
ทำการสำรวจต้องบันทกึ สังเกต และเขยี นรายงานผลการสำรวจสถานที่ โดยสอบถามข้อมูลของ
สถานทต่ี ่าง ๆ จากผูร้ หู้ รือผู้เปน็ เจา้ ของสถานท่นี น้ั ๆ

74

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5

แผนการจัดท่ี 17 เร่อื ง ระเบยี บแถว ( ตอ่ ) จำนวน 1 ชวั่ โมง

……………………………………………………………………………………………………

จุดประสงค์ เดนิ สวนสนามไดถ้ กู ต้อง พร้อมเพรยี ง

เนือ้ หา การเดินสวนสนาม ( ตอ่ )

กิจกรรมการเรยี นการสอน

1. พธิ ีเปดิ ( ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เพลง “ เกยี รตศิ ักด์ิลกู เสอื ไทย ” 5 นาที

3. สอนตามเนอื้ หา 30 นาที

3.1 ผกู้ ำกบั ฝกึ การเดนิ ทา่ แบกอาวุธ ( เดิน - หยุด )

3.2 ให้นายหม่แู ยกฝึกหมขู่ องตนเพ่ือความพร้อมเพรียง ผู้กำกับคอยแนะนำ

4. เลา่ เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นคติ 5 นาที

5. พิธีปดิ ( นดั หมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลกิ ) 10 นาที

สือ่ การเรียนการสอน 1. ธงประจำกอง

2. ธงเขียว เหลือง แดง

3. พลอง

4. ป้ายชื่อโรงเรียน

5. ดุริยางค์หรอื นกหวีด

6. ไม่ถือของผู้กำกบั

การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสงั เกต

2. ผลการปฏบิ ตั ิ

บันทึกหลงั การสอน…………………….…………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………….……

………………………………………………………………………………………………….……

………………………………………………………………………………………………………

ข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศึกษา…………………………………………………………….…

……………………………………………………………………………………………….………

75

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามัญ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5
แผนการจดั ที่ 18 เรอ่ื ง ระเบียบแถว ( ต่อ ) จำนวน 1 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์ เดนิ สวนสนามไดถ้ ูกต้อง พร้อมเพรยี ง

เน้อื หา การเดินสวนสนาม ( ตอ่ )

กิจกรรมการเรยี นการสอน

1. พธิ เี ปดิ ( ธงข้นึ สวดมนต์ สงบนงิ่ ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เพลง “ ลกู เสืออดทน ” 5 นาที

3. สอนตามเนื้อหา 30 นาที

3.1 ผ้กู ำกับจัดรปู ขบวนสวนสนาม

3.2 ฝึกการเดนิ สวนสนาม

4. เล่าเรื่องส้นั ที่เป็นคติ 5 นาที

5. พธิ ีปดิ ( นัดหมาย ตรวจเครื่องแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

ส่ือการเรียนการสอน 1. ธงประจำกอง

2. ธงเขียว เหลือง แดง

3. พลอง

4. ป้ายชื่อโรงเรียน

5. ดรุ ยิ างค์หรือนกหวีด

6. ไม่ถอื ของผ้กู ำกับ

การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกต

2. ผลการปฏิบัติ

บันทึกหลังการสอน…………………….……………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………...….…

………………………………………………………………………………………………………

76 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5
จำนวน 1 ชว่ั โมง
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญ
แผนการจดั ที่ 18 เรอื่ ง งานอดิเรกและเร่อื งท่ีสนใจ

จุดประสงค์ เลอื กทำงานอดิเรกท่ีตนถนดั และสนใจอยา่ งนอ้ ย 2 อย่างได้

เนอื้ หา งานอดิเรกและเรอื่ งทส่ี นใจ

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. พธิ ีเปิด ( ธงขึ้น สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เกม “ ครอบครวั สตั ว์ ” 5 นาที

3. สอนตามเนือ้ หา 30 นาที

3.1 อภปิ รายซกั ถามความหมายงานอดิเรกและประเภทของงานอดิเรก

3.2ใหล้ ูกเสอื เลา่ เกย่ี วกบั งานอดิเรกทต่ี นได้ทำอย่ทู ่ีบ้านและทโ่ี รงเรียน

3.3ให้ลูกเสือเลือกงานอดิเรกทต่ี นสนใจ แลว้ รายงาน

3.4รอ้ งเพลงลูกเสือบำเพญ็ ตน

4. เล่าเร่ืองสนั้ ท่เี ป็นคติ 5 นาที

5. พิธปี ดิ ( นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

สอ่ื การเรียนการสอน 1. ตัวอย่างงานอดเิ รก เช่น สมดุ สะสมแสตมป์ ฯลฯ

2. แผนภมู เิ พลง

การวดั ผลและประเมินผล 1. การสงั เกต

2. ตรวจผลงาน

บันทึกหลงั การสอน…………………….……………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา………………………………………………………...….…

………………………………………………………………………………………………………

77

งานอดิเรกทน่ี ่าสนใจ

ผกู้ ำกับลูกเสือนำเข้าสบู่ ทเรียน โดยถามว่า “งานอดิเรกมีอะไรบ้าง และให้แตล่ ะคน
บอกงานอดเิ รกทีต่ นเองสนใจ พรอ้ มกบั บอกประโยชน์ (ตัวอย่างเทา่ นนั้ อาจจะเพม่ิ ได้ตามความ
สนใจของลูกเสอื ) เช่น

1. การทำสวนครวั
2. การปลกู ไมด้ อกไม้ประดับ
3. การสะสมแสตมป์
4. การประดษิ ฐ์เครื่องรับวิทยุ
5. การแกะสลกั และการป้นั
6. การเลยี้ งสตั ว์

ฯลฯ

78 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5
จำนวน 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามญั
แผนการจัดท่ี 19 เร่ือง งานอดิเรกและเร่ืองทีส่ นใจ

จดุ ประสงค์ เลือกทำงานอดิเรกท่ีตนถนดั และสนใจอยา่ งน้อย 2 อย่างได้

เนือ้ หา งานอดิเรกและเรอ่ื งทีส่ นใจ

กิจกรรมการเรียนการสอน

1. พธิ เี ปดิ ( ธงขนึ้ สวดมนต์ สงบนิ่ง ตรวจ แยก ) 10 นาที

2. เพลง “ อยา่ เกียจครา้ น ” 5 นาที

3. สอนตามเนื้อหา 30 นาที

3.1 อภิปรายซกั ถามความหมายงานอดิเรกและประเภทของงานอดิเรก

3.2 ใหล้ ูกเสอื เล่าเกยี่ วกับงานอดิเรกท่ตี นไดท้ ำอยู่ที่บ้านและที่โรงเรยี น

3.3 ใหล้ กู เสอื เลอื กงานอดเิ รกท่ีตนสนใจ แล้วรายงาน

4. เล่าเร่ืองสัน้ ทีเ่ ปน็ คติ 5 นาที

5. พิธีปดิ ( นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแตง่ กาย ธงลง เลิก ) 10 นาที

ส่ือการเรียนการสอน 1. ตัวอย่างงานอดเิ รก เชน่ สมดุ สะสมแสตมป์ ฯลฯ

2. แผนภูมิเพลง

การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกต

2. ตรวจผลงาน

บนั ทกึ หลังการสอน…………………….………………………………………………….………

………………………………………………………………………………………………….……

……………………………………………………………………………………………….………

………………………………………………………………………………………………………

ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา…………………………………………………………….…

…………………………………………………………………………………………….…………


Click to View FlipBook Version