ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ห ม ก ลุ่ ม แ ร ก
ข อ ง มู ล นิ ธิ ส่ ง เ ส ริ ม ศิ ล ป า ชี พ
ใ น ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า สิ ริ กิ ติ์
พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
พระธาตุประสิทธิ์รวมใจ ผ้ามุกไหมงามตา
อาชีพปริศนา พัฒนาหัตถกรรมไทย
1.
ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ห ม ก ลุ่ ม แ ร ก ข อ ง มู ล นิ ธิ ส่ ง เ ส ริ ม ศิ ล ป า ชี พ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ความเป็นมา
เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร
ผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดนครพนม ในพื้นที่บ้านไชยบุรี อำเภอท่าอุเทน และบ้านท่าบ่อสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
ซึ่งขณะนั้น พลตรี ยง ณ นคร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กราบบังคมทูลรายงาน และมีราษฎรมาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ จำนวนมาก
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ตามเสด็จไปทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะห่างไกลทุรกันดาร
เพียงใด ทรงทอดพระเนตรเห็นหญิงชาวบ้านยากจนนุ่งซิ่นไหมมารอเฝ้าฯ บนพื้นดินโคลนที่ชื้นแฉะหลังน้ำท่วม ซิ่นไหมมัดหมี่
สวยงามแปลกตานั้น เป็นแรงบันดาลพระราชหฤทัยในการสร้างอาชีพเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่จะทรงช่วยเหลือราษฎร ให้พึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน และเป็นต้นกำเนิดของศิลปาชีพในเวลาต่อมา
เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ ณ วัดธาตุประสิทธิ์ กิ่งอำเภอนาหว้า
อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ และมีราษฎร จำนวน ๖ คน ที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ
ทูลเกล้าฯ ถวายผ้าไหมแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระองค์รู้สึกพอพระราชหฤทัย
เป็นอย่างมาก เนื่องจากผ้าไหมมีลวดลายสวยงามและเป็นเอกลักษณ์แบบพื้นบ้าน
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๕ ทรงมีรับสั่งให้ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ราชเลขานุการในพระองค์ฯ
พร้อมด้วยท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ธีขะระ และภายหลังมี พ.ต.ท.วสิษฐ เดชกุญชร (ยศขณะนั้น) ราชองครักษ์ฯ นำคณะไปจังหวัด
นครพนม เพื่อค้นหาผ้าที่ชาวบ้านทอ รับสั่งว่าไปถึงบ้านแล้ว ก็ต้องเข้าไปถึงก้นครัวเขาด้วย ดูว่าเขากินอยู่กันอย่างไร ผ้าขี้ริ้วก็อย่า
ละเลย เพราะคนไทยเวลาผ้าเก่าจะนำไปทำผ้าถูเรือน ลวดลายเก่าจะอยู่ที่นี่ และพบว่าอำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม บ้านเขาเป็น
ใต้ถุนโล่งแบบอีสานทุกบ้านมีกี่ทอผ้า จึงได้เริ่มส่งเสริมการทอผ้าไหมในพื้นที่ ทรงรับสั่งให้ทอผ้าไหมเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยอาศัย
หลักการที่ว่าฟื้นฟูการทอผ้าไหมในช่วงว่างจากการประกอบอาชีพทำนา เพื่อเสริมรายได้ให้แก่ราษฎร เน้นการทอลวดลายที่เป็น
อัตลักษณ์พื้นบ้านอย่างแท้จริง ทรงรับซื้อไว้หมดและพระราชทานเงินให้ เพื่อให้พวกเขารู้ว่างานเหล่านี้ทำสตางค์ได้ และช่วยประคอง
ชีวิตให้พ้นจากความยากจน
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ พระองค์ท่านได้มีรับสั่งให้จัดตั้งกลุ่มทอผ้าไหมบ้านนาหว้า เป็น “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ รับสั่งให้ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ฑีขะระ
รองราชเลขานุการในพระองค์ฯ ให้ตั้งชื่อกลุ่มทอผ้าไหมอำเภอนาหว้า ชื่อ “กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”
๐๘๐-๐๕๑๘๐๒๔ ศูนย์หัตถกรรมวัดพระธาตุประสิทธิ์
2.
ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ห ม ก ลุ่ ม แ ร ก ข อ ง มู ล นิ ธิ ส่ ง เ ส ริ ม ศิ ล ป า ชี พ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ปัจจุบันกลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
มี ก า ร สื บ ท อ ด ภู มิ ปั ญ ญ า สู่ ลู ก ห ล า น โ ด ย ใ ช้ อ า ค า ร ศู น ย์ หั ต ถ ก ร ร ม แ ล ะ จำ ห น่ า ย สิ น ค้ า พื้ น บ้ า น วั ด ธ า ตุ ป ร ะ สิ ท ธิ์ แ ล ะ
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ ณ วัดศรีโพธิ์ชัย เป็นแหล่งเรียนรู้กระบวนการทอผ้าซึ่งบรรจุไว้ในหลักสูตร
ภูมิปัญญาท้องถิ่นของโรงเรียนบ้านนาหว้า โรงเรียนนาหว้าพิทยาคม และโรงเรียนราษฎร์สามัคคี มีสมาชิกกลุ่ม
ในพื้นที่อำเภอนาหว้า ทั้งศูนย์หัตถกรรมและจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านวัดธาตุประสิทธิ์ และกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหม
บ้านท่าเรือ รวม ๑๘๐ คน มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีกิจกรรมทอผ้าไหม
เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสมาชิกได้รวมกัน
ทอผ้าไหมเฉลิมพระเกียรติ ทูลเกล้าฯ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในปี ๒๕๖๕ มีการทอผ้าไหมเฉลิมพระเกียรติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ทรงเจริญ
พระชนมพรรษา ครบ ๙๐ พรรษา จำนวน ๙๒ เมตร
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานสิ่งที่ยั่งยืนแก่ราษฎร
พระองค์ทรงหยิบงานผ้าที่ราษฎรทำอยู่แล้วในครัวเรือน สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษและมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว
มาสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดสร้างงานสร้างรายได้เลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน ก่อเกิดมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
ใ น ทุ ก ถิ่ น ทั่ ว ผื น แ ผ่ น ดิ น ไ ท ย
๐๘๐-๐๕๑๘๐๒๔ ศูนย์หัตถกรรมวัดพระธาตุประสิทธิ์
3.
ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ห ม ก ลุ่ ม แ ร ก ข อ ง มู ล นิ ธิ ส่ ง เ ส ริ ม ศิ ล ป า ชี พ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ข้อมูลทั่วไป
จำนวนกี่ทั้งหมด ๘๙ หลัง
ประเภทของกี่
กี่ ๒ ตะกอ มี ๓๘ หลัง
กี่ ๕ ตะกอ มี ๕๑ หลัง
ลักษณะของผ้า
๒ ตะกอ คือการทอผ้าหน้า-หลัง ๕ ตะกอ คือผิวไม่เรียบ มีลายในเนื้อผ้า ผ้าหนานุ่ม
สีเหมือนกันบางกว่า ๔ ตะกอ โดยที่การทอแบบ ๕ ตะกอ มีการขึ้นลายหลายแบบมีหลายลาย
คือจำนวนตะกอที่เท่ากัน ลายยกดอกอาจมีได้หลายรูปทรง
4.
กระบวนการผลิตผ้ามัดหมี่
การพัดหมี่ เพื่อให้ด้าย
จัดเรียงเส้นอย่างเป็นระเบียบ
การมัดหมี่ คือ การใช้เชือกกล้วยมัดให้แน่
เพื่อป้องกันสีซึมเข้าในข้อหมี่ เพื่อขึ้นลวดลายต่างๆ
การย้อมสีผ้า คือการนำเส้นด้าย
ที่มัดหมี่มาย้อมกับสีที่ต้องการ
การล้างและการตากเส้นด้าย
คือการนำเอาผ้าที่ย้อมไปล้างน้ำ
ให้สะอาดเพื่อไม่ให้สีตกและนำไปตาก
การกวักด้าย การค้นเส้นยืน
สืบหูก ปั่นหลอด
การทอผ้า คือการนำเส้นด้ายมาขัดกันให้เป็นลวดลาย
โดยขึงเส้นด้ายเส้นหนึ่งเป็นเส้นหลัก
เรียกว่า เส้นยืน และใช้อีกเส้นหนึ่ง เรียก เส้นพุ่ง
5.
ประวัติ
ลายผ้า
ก ลุ่ ม ท อ ผ้ า ไ ห ม ก ลุ่ ม แ ร ก
ข อ ง มู ล นิ ธิ ส่ ง เ ส ริม ศิ ล ป า ชี พ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวดนครพนม
6.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลายโบราณพื้นถิ่น อายุกว่า 200 ปี เกิดจากการนำเส้นไหมหลาย
สีมาปั่นเข้าด้วยกัน (ก่อม) แล้วนำมาทบเป็นผืนผ้าทำให้เกิดลวดลาย
สวยงาม แปลกตา คนโบราณเรียกว่าผ้าก่อม หรือผ้าหมากไม
แต่ปัจจุบันเรียก “ผ้าหางกระรอก” เพราะเนื้อผ้ามีความเหลือบสีเห็น
เป็นลายเส้นเล็กๆ คล้ายขนกระรอก
7.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ผ้าทอลายโบราณที่เป็นการสืบสานมรดกทางภูมิปัญญา
มากกว่า 100 ปี เป็นการเลียนแบบพืชน้ำชนิดหนึ่ง
เรียกว่า "ต้นกระจับ"มีมากตามหนองน้ำในภาคอีสาน
ลักษณะต้นเกาะเกียวกันสวยงามชาวอีสาน
เรียกลายนี้ว่า "ลายหมากจับ" บางชิ้นมีการประยุกต์
เพิ่มความสวยงามของลายโดยเพิ่มเส้นวงรอบของลายเข้าไป
เรียกว่า “ลายหมากจับวง”
8.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ผ้าไหมมัดหมี่ลายตาสับปะรด ลายผ้าผืนแรกที่ราษฎร์บ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า
(นางวงเดือน อุดมเดชาเวทย์) ทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้นเมื่อเสด็จทอดผ้าพระกฐินต้น ณ วัดธาตุประสิทธิ์
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลายผ้าดั้งเดิมที่มีลักษณะเด่น คือ เป็นลายเล็กๆ ที่มีความสวยงามแปลกตา
เป็นลายสร้างสรรค์ขึ้นมาจากชีวิตประจำวันของผู้เฒ่าผู้แก่ในท้องถิ่นที่รับประทานผลไม้
กับข้าวเหนียวอย่างสับปะรด ซึ่งชาวอีสานเรียกว่า“หมากนัด”ชาวบ้านเลยเล็งเห็นว่า
เปลือกหมากนัดมีลายแปลกตาและสวยงาม ถ้าหากนำมาเป็นลวดลายของผ้าคงสวยงาม
ชาวบ้านเลียนแบบตาหมากนัดและนำมาทอ เป็นผ้ามัดหมี่ลายตาหมากนัด
9.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เกิดจากการมัดหมี่ มีวิธีการทอโดยทอหมี่ลายเส้นๆผสมกับไหมควบ
จะมีลวดลายเล็กๆสลับด้วยการทอไหมเป็นสีอยู่ระหว่างเส้นคั่น
เป็นการทอผ้าลายมัดหมี่สลับการควบด้ายธรรมดาที่ไม่ได้มัดหมี่
จนได้ลวดลายเป็นริ้วสวยงาม ซึ่งโบราณมีการเรียนแบบลาย
ธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว หรือของใช้มาผสมผสานเป็นลาย
ในระหว่างเส้นคั่น เช่น นาค ปลา คลื่นน้ำ ฟันปลา ตะขอ ฯลฯ
10.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาจากการเลียนแบบลวดลาย
จากธรรมชาติ อย่างข้อไม้ไผ่ที่ช่วยยึดให้ลำไผ่ตั้งตรง
และไม่หักง่าย เมื่อลำไผ่สูงขึ้นหรือเจอลมแรง เปรียบดังเช่นการใช้
ชีวิตที่บางครั้ง บางเรื่อง ก็ต้องมีการโอนอ่อนเหมือนลำไผ่ลู่ลม
เชื่อว่าหากผู้ใดสวมใส่ดูอ่อนโยน อ่อนซ้อย และอายุยืนยาว
11.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นผ้าลายโบราณสืบทอดภูมิปัญญาจากการเลียนแบบลวดลาย
ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และสิ่งของเครื่องใช้ จากตะขอเกี่ยวสิ่งของ
หรือขอเกี่ยวตักน้ำในบ่อ ทำให้ลวดลายสวยงามแปลกตา
บ้างก็เชื่อว่าผ้าลายขอจะนำโชคลาภเกี่ยวเงินเกี่ยวทอง หรือความรัก
ความสามัคคีปองดอง และนำความเจริญรุ่งเรืองมาในชีวิต
12.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลายที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษจะมีลักษณะเป็นลายเล็กกลม
บ้าง รีบ้าง ซึ่งคำว่า “ตุ้ม” เป็นภาษาอีสาน หมายถึงเครื่องประดับ
ซึ่งมีรูปร่างคล้ายลูกปัด หรือรูปขนมเปียกปูน เช่น ตุ้มหู
จึงมีจินตนาการมาเป็นลวดลายผ้า มีชื่อเรียกว่า “ลายหมี่ตุ้ม”
จนถึงปัจจุบันหลังจากนั้นก็มีการประยุกต์เพิ่มวงกลมเข้าไปในลายด้วย
จึงมีลายเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งลายเรียกว่า “ลายหมี่ตุ้มวง”
13.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นผ้าลายโบราณเลียนแบบจากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
"ต้นสน" ซึ่งคนโบราณเชื่อว่าใบของต้นสนเป็นใบที่มีความเป็นระเบียบ
จึงเหมาะสมที่จะนำมาเป็นลายของผ้ามัดหมี่และผ้าขิด เพราะชาวบ้าน
มีความเชื่อว่า ชีวิตคนจะต้องมีระเบียบ มีวินัยเสมือนต้นสน
ถ้าใครปฎิบัติได้จะทำให้ชีวิตสงบสุข
14.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นการรวมลวดลายที่มีความเป็นสิริมงคลในชีวิตเข้าด้วยกัน
โดยทอเป็น "ลายนาคชูสน" ที่เชื่อว่าใครที่ได้ใส่ผ้าลายนี้จะทำให้ชีวิต
มีความอุดมสมบูรณ์และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
15.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ชาวบ้านมีความเชื่อว่านาคเป็นเจ้าแห่งงูทั้งหลายที่นำความ
อุดมสมบูรณ์มาให้ ถ้าใครสามารถทำลายเป็นรูปพญานาคได้
คนนั้นจะได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวแทนของความอุดมสมบุรณ์
สำหรับผู้ที่สวมใส่ก็จะมีความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และมีความสุข
16.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ดอกบัวเป็นดอกไม้พื้นบ้านของไทย ซึ่งในชุมชนภาคอีสาน
มีดอกบัวตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ดอกบัวมีลักษณะกลีบซ้อนกัน
มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ชาวบ้านนิยมนำมาใช้บูชาพระ สื่อความหมายถึง
ความศรัทธา ในพระพุทธศาสนา สติปัญญาและความสุข
เชื่อกันว่าถ้าใครได้ใส่ผ้าลายดอกบัวจะเป็นมงคลในชีวิต
เจริญรุ่งเรืองและมีความสุข
17.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลายที่เลียนแบบมาจากดอกไม้ที่มีอยู่พื้นถิ่น
ที่เป็นสัญลักษณ์ของความดีและสามารถนำไปถวายพระ
เพื่่อแสดงความเคารพสนับถือ สำหรับผู้ที่สวมใส่ผ้าลายดอกพิกุล
จะช่วยความเป็นศิริมงคลในชีวิต
18.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลายโบราณที่เกิดจากความเชื่อเรื่องโชคลาภของชาวอีสาน
โดยเชื่อกันว่า ลายแมงมุมสามารถป้องกันสิ่งไม่ดีที่มองไม่เห็นได้
นิยมใช้ตกแต่งหน้าพระประธานหรือโดยรอบพื้นที่จัดงานพิธีกรรม
ผู้ที่สวมใส่ผ้าทอลายแมงมุมจะช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาในชีวิตได้
และสื่อถึงความพากเพียร อุตสาหะ ความอดทน ดังเช่นแมงมุมที่ใช้เวลา
ในการถักทอใยจนสำเร็จ
19.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เกิดจากการเรียนแบบลักษณะทางธรรมชาติ
ของหวีกล้วยที่เป็นซี่ๆหรือแขนง นำมาทอเป็นลวดลายผ้า
ที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ
20.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
ผ้าทอที่ใช้เส้นด้ายหรือเส้นไหมอย่างน้อย ๒ สี ทอเป็นพื้น
ลายริ้วตามลักษณะซิ่นทิว และใช้เส้นด้ายพุ่งทอเป็นลายคั่น
ด้วยหางกระรอก(ใช้เป็นเส้นควบ) เพื่อเป็นการตกแต่งให้ผ้า
มีลักษณะสวยงามยิ่งขึ้น
21.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เกิดจากการเลียนแบบลักษณะของพืช ที่นำมาประกอบ
เป็นอาหารในพื้นถิ่น ที่มีจำนวนมาก เรียกว่า"ถั่วแปบ"
จะมีลักษณะยาวและบรรจบกันคล้ายถั่ว นำมามัดหมี่ทอ
เป็นลายผ้าที่สวยงามแปลกตา
22.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอุปกรณ์การกรอเส้นฝ้าย
และนำมาดัดแปลงเป็นลวดลายลงในผืนผ้า ให้มีลักษณะสวยงาม
เป็นเอกลักษณ์
23.
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม
เป็นลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก อุปกรณ์การที่ใช้ในกระบวนการ
ทอผ้า (กงปั่นเส้นด้าย) และนำมามัดหมี่ทอเป็นลวดลายลงในผืนผ้า
สวยงามแปลกตา
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ
หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทาน
รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง จากการประกวดผ้า ประเภทผ้า ไหมโสร่งหางกระรอก เมื่อปี พ.ศ.2548
ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
ผ้าไหมโสร่งหางกระรอก เป็นลายโบราณพื้นถิ่น อายุกว่า 200 ปี เกิดจากการนำเส้นไหม
หลายสีมาปั่นเข้าด้วยกัน (ก่อม) แล้วนำมาทบเป็นผืนผ้าทำให้เกิดลวดลายพร้อมกับได้ผสม
ลวดลายผ้าโสร่ง เข้ากับลายผ้าหางกระรอกให้อยู่ในผืนเดียวกัน จนทำให้เกิดลวดลายสวยงาม
แปลกตา จึงเรียกว่า “โสร่งหางกระรอก”
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ
หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทาน
รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง จากการประกวดผ้า ประเภท ผ้าไหมพื้นเรียบชนิดบาง เมื่อปี พ.ศ.2547
ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
ผ้าไหมพื้นเรียบ เป็นการทอสืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ เนื่องจากเป็นลายพื้นฐาน
โดยใช้เส้นไหมมาขัดกันจนเป็นผืนยาว มองดูมีความเรียบง่าย สวยงาม
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ
หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม
ผ้าไหมมัดหมี่ เป็นลายผ้าที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดผ้า
ประเภท ผ้าไหมมัดหมี่ในโครงการปลูกหม่อน-เลี้ยงไหมพันธุ์ไทยแท้ พระราชทาน
จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อปี พ.ศ.2556
ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
ผ้าไหมมัดหมี่ เป็นผ้าที่พัฒนามาจากผ้าไหมพื้นเรียบมาผสมกับแนวคิด
ในการผสมผสานลวดลายต่างๆ เพื่อที่จะมัดหมี่ตามลวดลายที่ต้องการแล้วนำมาทอ
จึงได้ผ้าที่สวยงาม นิยมสวมใส่งานประเพณีต่างๆ
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ
หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทานรา
งวัลรองชนะเลิศอันดับสอง จากการประกวดประเภท ผ้าไหมลายลูกแก้ว สมาชิกเก่า
เมื่อปี พ.ศ.2541 ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
ผ้าไหมลูกแก้ว เป็นลวดลายที่ได้มาจากการศึกษาดูงานที่จังหวัดสุรินทร์ จึงได้นำพัฒนา
ต่อยอดให้เกิดลวดลายที่มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นชาวบ้านนิยมสวมใส่ในงานประเพณีต่างๆ
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ
หมู่ที่ 1 ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า
จังหวัดนครพนม
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทาน
รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง จากการประกวดประเภท ผ้าไหมลายเกล็ดเต่า เมื่อปี พ.ศ.2547
ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร
ผ้าไหมลายเกล็ดเต่า เป็นลวดลายที่ชาวบ้านเลียบแบบมาจากกระดองเต่า
ซึ่งเป็นความเชื่อเรื่องสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว
กลุ่มทอผ้าไหมกลุ่มแรกของมูลนิ ธิส่งเสริมศิลปาชีพ
ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม