๑
๒
ชดุ ความรู้
เส้นทางการทอ่ งเทีย่ วเชิงวถิ ีพุทธในจงั หวัดเชียงราย
พระอธิการยอด ปญญฺ าวชโิ ร (คาหลา้ )
นิสิตหลกั สตู รพทุ ธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา
บณั ฑิตวทิ ยาลัย
มหาวิทยาลัยมหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
วทิ ยาลยั สงฆ์เชียงราย
๓
คานา
จากการศึกษางานวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวิถีพุทธในจังหวัดเชียงรายโดยมี
วัตถุประสงค์เพ่ือ ๑) เพื่อศึกษาเส้นทางการท่องเท่ียวเชิงวิถีพุทธ ในจังหวัดเชียงราย ๒) เพื่อศึกษาการจัดการ
เสน้ ทางการท่องเทย่ี วเชงิ วถิ ีพทุ ธ ในจังหวัดเชียงราย ๓) เพ่ือจัดทาชุดความรู้เส้นทางการท่องเทยี่ วเชยี งวิถีพุทธ ใน
จังหวัดเชียงราย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เคร่ืองมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
รวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Document) และจากการสัมภาษณ์จึงทาให้ได้ชุดความรู้เส้นทางการท่องเท่ียวเชิงวิถี
พทุ ธในจังหวดั เชียงราย
พระอธกิ ารยอด ปญฺญาวชิโร (คาหลา้ )
๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สารบญั
เรอ่ื ง หนา้
๑.คานา ๑
๒.สารบัญ ๔
๓. บทนา ๑๕
๔.วัดร่งุ ขนุ่ ๒๐
๕.วัดรอ่ งเสอื เตน้ ๒๕
๖.หว้ ยปลาก้ัง ๓๑
๗.วัดพระแกว้ ๓๗
๘.วดั พระธาตดุ อยตงุ
๙.วดั พระธาตุผาเงา
จากเวป็ ไซด์ หอนาฬิกาเชียงราย (thespacehotels.com
๑ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
บทนา
การท่องเท่ียวแห่งประเทศไทย ได้จัดทาแผนแม่บทอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งชาติ(พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๕๓)
ซึง่ คณะรฐั มนตรไี ดใ้ หค้ วามเหน็ ชอบในการประชมุ เม่อื วันท่ี ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๓โดยกา หนดนโยบายของแผน
ไวว้ ่าเป็นการพัฒนาใหป้ ระเทศไทยคงความเปน็ ผู้นา ทางการท่องเที่ยวของภูมภิ าคเอเชยี แปซฟิ กิ อย่างต่อเนื่อง โดย
ได้ให้การท่องเที่ยวของไทยมีการ พัฒนาควบคู่ไปกับสาขาเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเพื่อเป็นการเร่งรัดให้เกิด
การกระจายรายได้และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีความพร้อมและเข้มแข็งในการบริห ารจัดการใน
ธรุ กิจท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพเพอื่ ผลประโยชนข์ องทอ้ งถ่ินโดยตรงและเปน็ การอนุรกั ษ์ทรัพยากรของ
ไทยให้คงความสมบรู ณ์ตลอดจนคงความเปน็ เอกลักษณ์และวฒั นธรรมท่ีชัดเจน
ทรัพยากรการท่องเท่ียวประเภทประวัติศาสตร์ศาสนสถานและศิลปวัฒนธรรม ท่ี สาคัญของมนุษย์สร้าง
ข้ึน เช่น วัด พระปรางค์อุโบสถวิหารสถูปเจดีย์พระพุทธรูป ศาลาการเปรียญ หอไตรนั้น เป็นทรัพยากรท่ีมีคุณค่า
ของชนชาติไทยสะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรม ภูมิปัญญา วิถีชีวิต และเทคโนโลยีการจัดการของผู้คนในสังคมเป็น
แหล่งรวมศิลปวิทยาการในสาขาต่างๆ ทั้งด้านโบราณคดีศาสนสถาน วัฒนธรรม จารีตประเพณีสถาปัตยกรรม
ศิลปกรรม สุนทรียศาสตร์ฯลฯ ทรัพยากรการท่องเท่ียวโดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัดนั้น นับว่ามีคุณค่า
และมีบทบาทที่สาคัญย่ิง เพราะวัดเป็นแหล่งท่ีเชื่อมโยงความเป็นมาของวัฒนธรรมกับ ชุมชนและเป็นสถานที่
รวบรวมมรดกศิลปวัฒนธรรมและศิลปกรรมอันวจิ ิตรงดงามเพียบพร้อม ด้วยคุณค่าทางศิลปะที่แสดงใหเ้ ห็นถึงภูมิ
ปัญญาและความเป็นอจั ฉริยะของบรรพบุรษุ นอกจากนวี้ ัดยังประกอบด้วยสภาพแวดลอ้ มท้ังทางภูมสิ ถาปตั ยกรรม
ท่ีสวยงาม วัดจึงเป็นทรัพยากรการ ท่องเท่ียวที่มีความสาคัญทางประวัติศาสตร์และมีคุณ ค่าทางศิลปะที่
นักทอ่ งเทย่ี วให้ความสนใจ
สถานที่สาคัญในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะศาสนสถานท่ีสาคัญของวัดในจังหวัดเชียงรายถือว่าเป็นแหล่ง
รวมสามารถ ศึกษาย้อนกลับได้ท้ังในด้านประวัติศาสตร์ ประเพณีวัฒนธรรม ความเป็นมาของชุมชน สังคม และ
การเป็นแหล่งรวมของศิลปะวิทยาการ ต่างๆ ตลอดจนองค์ความรู้ด้านพุทธศาสตร์และพุทธศิลป์มีความสาคัญต่อ
การเป็นมรดกเชิงประวัติทางพระพุทธศาสนาซึ่งไม่เฉพาะแต่คนไทยท่ีเป็นพุทธศาสนิกชนเท่านั้น นักท่องเท่ียว
ต่างชาติกย็ ังสนใจทีจ่ ะศึกษาหาความรูโ้ ดยอาศัยวัดและศาสนสถานเปน็ ศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและการเรียนรู้
นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติต่าง ๆ วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนในสังคมไทยมาต้ังแต่อดีต อิทธิพล
๒ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
ของพทุ ธศาสนาเป็นปัจจัยสาคัญในการกา หนดวิถชี ีวิตของชาวไทยโดยเฉพาะอย่างยิง่ เปน็ แหลง่ ท่รี วบรวมงานศิลป
วิทยาการและความรู้มากมายหลายสาขา ตลอดจนเป็นแหล่งรวมของศิลปกรรมที่มีค่า เช่น โบราณสถาน
โบราณวัตถุ และจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งงานศิลปกรรมต่าง ๆ เหล่าน้ีนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้าค่าและเป็น
เสมือนเอกลักษณ์ของ ความเป็นชาติไทย ปัจจุบันวัดมีบทบาทเพ่ิมมากขึ้นกว่าเดิมคือการเป็นแหล่งท่องเท่ียว
ประเภทศาสนสถานที่สาคัญ เพราะภายในวัดประกอบไปด้วย ศิลปะ วัฒนธรรมท่ีสะท้อนให้เห็นอารยธรรมและ
ความเจริญของชาติอันเป็นแหล่งรวม ที่สามารถศึกษาย้อนกลับได้ในด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีวัฒนธรรม
ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมรวมท้ังการเชื่อมโยงความเป็นมาของวัฒนธรรม กับชุมชนและการต้ังถ่ินฐานของชุมชน
นอกจากน้ีวัดยังเป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวท่ีประกอบด้วย สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงาม สงบ สันโดษ
ตามหลักพระพทุ ธศาสนา
แนวทางการบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนให้วัดและศาสนสถานท่ีสาคัญของวัดเป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยว
ของนักท่องเที่ยว โดยมีแนวทางและมาตรการท่ีหลากหลาย เช่น การจัดการบริหารอนุรักษ์วัดด้วยการร่วมมือกัน
ระหว่างวัดกรมศิลปากรและภาคเอกชน การพัฒนาการท่องเท่ียวและการอนุรักษ์โบราณวัตถุโบราณสถานอันเป็น
สมบัติของชาติได้และถ้าหากวัดท่ีเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวได้มีการดา เนินการในลักษณะของการเสริมสร้างคุณค่า
ของการพัฒนาศักยภาพในการ บริหารจัดการและส่งเสรมิ ให้ชุมชน และผู้ประกอบการท่องเท่ียวมีส่วนร่วมในการ
จัดกิจกรรมการ ท่องเท่ียว และการจัดรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวท่ีเหมาะสม รวมท้ังการเช่ือมโยงแหล่ง
ท่องเท่ียวประเภทวัดเข้าด้วยกัน ก็นับว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของผู้ที่สนใจและนักท่องเท่ียวอีกท้ังยังจะเป็น
ประโยชน์ต่อการกิจกรรมการท่องเท่ียวในเชิงวัฒนธรรมท่ีมีการเรียนรู้ในทางพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์และ
ศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ
เส้นทางการท่องเท่ียวทางพระพุทธศาสนา ในจังหวัดเชียงราย เน้นการศึกษาถึงโบราณสถาน
กระบวนการเรียนรู้ และการสร้างสรรค์ เชิงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมโดยกาหนดเส้นทางการท่องเท่ียวทาง
พระพุทธศาสนาในเชิงประวัติศาสตร์และวิถีเชิงพุทธเป็น ๓ กลุ่มหลักอันเป็นที่มาของการได้ทาชุดความรู้เส้นทาง
การท่องเที่ยวเชิงวิถพี ุทธในจงั หวดั เชียงราย ทาให้ได้ชุดคมู่ ือโดยวิเคราะห์ จากเอกสาร การสัมภาษณ์ พร้อมท้ังศา
สนสถาน/วัตถุอนั อยู่ในวัด เพ่อื ได้พทุ ธปรัชญา อันประกอบด้วย ประวตั ิวดั โดยย่อ สถาปัตยกรรม กิจกรรมท่ีสาคัญ
ของวัด พุทธปรัชญาจากโครงสร้างของวดั ดา้ นการท่องเท่ียวเชิงวิถพี ุทธ โดยชุดคู่มือเสน้ ทางแหลง่ ท่องเท่ียวเชิงวิถี
พุทธ มเี น้อื หาดงั น้ีคอื
๓ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แหล่งทอ่ งเทย่ี วศิลปกรรมเชิงพุทธศิลป์ร่วมสมัย
กลุ่มวัดที่มีกิจกรรมการท่องเทยี่ วเชงิ วัตถธุ รรมท่ีเน้นความเป็นพุทธศิลป์ ท่ผี ู้วิจัยได้นาเปน็ ขอบเขตมี
๓ วัดคือ วดั ร่องขุ่น วดั ร่องเสอื เต้น และวดั ห้วยปลาก้งั เป็นสถานท่ีมีสภาพแวดลอ้ มสวยงาม มคี วามเป็นเอกลกั ษณ์
เฉพาะตวั มีการสร้างสรรค์ศิลปะตามพระพทุ ธศาสนาหรือประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นส่ิงทีด่ ึงดูใจให้นกั ท่องเท่ียว
เข้ามาเที่ยวชม ประกอบกับวัดมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้และการเท่ียวชม จึงกลายเป็น
แหล่งท่องเท่ียวทางพระพุทธศาสนาทมี่ ีลกั ษณะเดน่ ในด้านพทุ ธศิลปกรรม และกิจกรรมเชิงวิถีพุทธกับการส่งเสริม
สังคมอยู่ดมี สี ุข ดังน้ี
๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วดั ร่องขนุ่ (White Temple)
วัดร่องข่นุ สร้างขึน้ เม่อื ประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับสมยั รัชกาลท่ี ๖ มีชาวบา้ นเข้ามาจับจอง ที่ดินทาไร่
นาบริเวณบ้านร่องขุ่นในปัจจุบันเพียงไม่กี่หลังคาเรือนโดยอาศัยลาน้าสาย เล็ก ๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้าแม่ลาวซ่ึงมี
ลักษณะสีขุ่นเลี้ยงชีพชาวบ้านจึงเรียกว่า “บ้านฮ่องขุ่น” หรือในภาษาภาคกลางเรียกว่า “บ้านร่องขุ่น” มาโดย
ตลอด หลังขุนอุดมกิจ เกษมราษฎร์ นาครอบครัวเข้ามาอยู่ในหมบู่ า้ นเพื่อขึ้นกว่า ๕๐ หลังคาเรือน ทา่ นจึงคิดสร้าง
สานักสงฆข์ ึ้นในหมู่บ้าน วัดร่องข่นุ ถือกาเนิดครั้งแรก ณ รมิ ฝงั่ แม่น้าลาวทิศตะวันตกใกลก้ ับนา้ แม่มอญคณะศรัทธา
สรา้ งศาลาและกฏุ ิเป็นเรอื นไมแ้ ละไดอ้ าราธนานมิ นต์ พระทองสุข บาวิน จากวัดสนั ทรายน้อยเปน็ เจ้าอาวาส
พระครูวิจิตรศิลปาจารย์ กล่าวถึงพัฒนาการของวัดร่องขุ่นอันเป็นวัดท่องเท่ียวไว้ว่าพระไสว ชาคโร ได้
สร้างพระอุโบสถในปีพ.ศ. ๒๕๐๗ และได้อาราธนาพระหินโบราณจากหมู่บ้านหนองสระ อาเภอแม่ใจ จังหวัด
พะเยา มาเป็นพระประธานในอุโบสถปีพ.ศ. ๒๕๒๐ ต่อมาปี๒๕๒๙ ได้รับวิสุงคามสีมา ปีพ.ศ. ๒๕๓๓ ได้บูรณ
ซ่อมแซมกาแพงวัด ปีพ.ศ. ๒๕๓๗ สร้างหอฉันและ ซุ้มประตูวัด และในปีพ.ศ. ๒๕๓๔ พระไสว ชาคโร ได้รับ
พระราชทานแตง่ ต้ังสมณศกั ด์ิเปน็ พระครเู จ้าคณะตาบลชัน้ ตรที ่ี “พระครูชาคริยานยุ ตุ ” คณะศรัทธาเหน็ ว่าวัดสรา้ ง
มา ๓๘ ปีอยูใ่ นสภาพทรุดโทรมเป็นที่อยูข่ องค้างคาวฝูงใหญใ่ ช้ทาสังฆกรรมไม่ไดจ้ ึงคิดสร้างอโบสถ์หลังใหม่
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้เข้ามาทาการแก้ไขเปล่ียนแปลงเพิม่ เตมิ ตามปรารถนาของทา่ น จนทาให้
วัดร่องขนุ่ สวยงามประทับใจผคู้ นทม่ี าเย่ียมชมทงั้ ชาวไทยและชาวต่างชาติจากวัดร่องขุ่นที่ไม่มใี ครรู้จักกลายเป็นวัด
ทม่ี ีชอื่ เสียงเปน็ ทเ่ี ชิดหน้าชตู าของจังหวดั และประเทศชาติโครงการกอ่ สร้างวัดเม่อื เสร็จสมบูรณ์จะประกอบไปด้วย
หมู่สถาปัตยกรรม ๙ หลัง ประกอบด้วยอุโบสถ หอพระธาตุ หอพระ หอบรรยายธรรม หอวิปัสสนา กุฏิพระ ซุ้ม
ทางเข้าเขตพุทธาวาส หอศิลป์ห้องสุขา อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้ซ้ือที่ดินทางทิศใต้ ๑ ไร่ ๒๐๐ ตารางวา
คุณวนั ชยั วชิ ญชาครจากกรงุ เทพมหานครได้บริจาคทด่ี นิ อกี ๕ ไร่ ๓๐๐ ตารางวารวมเป็น ๑๐ ไร่ ๑๐๐ ตารางวา
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้ต้ังจิตอธิษฐานขอถวายตนรับใช้พุทธศาสนาเพ่ือสร้างวัดร่องขุ่น ต้ังแต่
ทา่ นอายุ ๔๒ ปี (พ.ศ.๒๕๔๐) เป็นต้นไป จวบจนกว่าจะส้ินลม ณ วัดแห่งน้ีซงึ่ ท่านไดต้ ั้งความไว้ว่าจะมุ่งอุทิศถวาย
ตนเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมวลมนุษยชาติอันเป็นที่รักของท่านด้วยความศรัทธาเช่ือหมั้นในองค์
สมเด็จพระสมั มาสัมพุทธเจ้า
๕ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วหิ ารขาว (White temple) วดั ร่องขุน่ จงั หวัดเชยี งราย
วดั ร่องขนุ่ (Wat Rong Khun) ตัง้ อยู่ทจี่ งั หวัดเชยี งราย ไดร้ ับการบูรณะ โดยอาจารย์เฉลิม ชัยโฆษิตพิพัฒน์
จิตรกรชาวเชยี งราย ผู้เปน็ ศลิ ปนิ แห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จติ รกรรม) จากวดั เลก็ ๆ ซึ่งอยใู่ นสภาพค่อนข้างเส่ือม
โทรมนไ้ี ดก้ ลายเปน็ ศาสนสถานที่สวยงามดว้ ยสถาปัตยกรรมและงานศิลปะเต็มไปด้วยลวดลายอ่อนช้อยประณีต
ดงึ ดูดนกั ท่องเทีย่ วให้มาเย่ียมชมวัดนีอ้ ย่างคบั คงั่ ตลอดปี อุโบสถของวัดร่องขุ่นมีสีขาวบริสุทธส์ิ ะอาดซ่ึงได้กลายเปน็
เอกลักษณเ์ ปน็ ที่จดจาของนักทอ่ งเทีย่ วชาวต่างชาติซ่งึ พากันเรียกวดั รอ่ งขนุ่ วา่ วัดขาว (Thailand White Temple)
ประดับประดาด้วยชอ่ ฟ้าใบระกาอยา่ งวิจติ รอลงั การตามด้วยลวดลายออ่ นช้อยอ่นื ๆ อีกมากมายเป็นเชิงช้นั ลดหล่ัน
กนั ลงมาหนา้ บนั ประดบั ดว้ ยพญานาคและตดิ กระจกระยบิ ระยบั โดยความตงั้ ใจของผสู้ ร้างนั้นต้องการสื่อสัญลักษณ์
ต่างๆ ในพุทธศาสนาโดยสีขาวหมายถงึ พระบริสุทธิคุณส่วนกระจกหมายถงึ พระปญั ญาธคิ ุณของพระพุทธเจ้าท่ีสอ่ ง
แสงโชติช่วงชชั วาลนอกจากนี้ตวั พระอโุ บสถยังสรา้ งอยู่บนเนินเตี้ยๆที่มที ะเลสาบใสสะอาดสะท้อนเงาอาคารได้
อย่างชดั เจนและทางเดนิ เข้าอุโบสถทเ่ี ปน็ สะพานทอดยาวน้ันก็หมายถึงการเดนิ ข้ามวฏั สงสารม่งุ สูพ่ ทุ ธภูมิส่วนบน
ของหลังคาไดน้ าหลักธรรม อันสาคญั ยงิ่ คือศลี สมาธิปัญญามาแสดงออกในรูปของสัตว์ในช่อฟ้าช้ันตา่ งๆและภายใน
อุโบสถยงั มภี าพจิตกรรมฝาผนงั รวมทงั้ อาคารแสดงภาพวาดทต่ี ัง้ อยู่ภายในบรเิ วณวัดเพื่อแสดงผลงาน ของอาจารย์
เฉลมิ ชัยใหน้ ักท่องเทีย่ วไดช้ ่ืนชมอีกเช่นกัน
ท่ีน่ีเปิดให้ชมทุกวัน ๐๖.๓๐-๑๘.๐๐น. ห้องแสดงภาพเปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา ๐๘.๐๐-
๑๗.๓๐น. วันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการเวลา ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐น. สอบถามเพิ่มเติมโทร. ๐ ๕๓๖๗ ๓๕๗๙,
ททท.สานักงานเชียงรายโทร. ๐ ๕๓๗๑ ๗๔๓๓ และศูนย์บริหารจัดการการท่องเท่ียวจังหวัดเชียงรายโทร. ๐
๕๓๗๑ ๕๖๙๐
นอกจากนี้สถานท่ีท่องเท่ียวใกล้เคียง (Chiang Rai Attractions) ประกอบด้วยวัดพระสิงห์โบสถ์มีความ
สวยงามและท่ีน่าสนใจคือที่หน้าโบสถ์ใหม่มีบานประตูไม้แกะสลักฝีมืออาจารย์ถวัลย์ดัชนีศิลปินแห่งชาติ วัดพระ
๖ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แก้ววัดคู่บ้านคู่เมือง ของเมืองเชียงราย วดั พระธาตุดอยจอมทองเป็นท่ีต้งั เสาสะดือเมอื ง ๑๐๘ หลัก นา้ ตกขุนกรณ์
ไรส่ งิ ห์ เปน็ ต้น
การบรหิ ารจดั การภายในวัด
การบริหารจัดการวัดร่องขุ่น ตาบลป่าอ้อดอนชัย อาเภอเมืองเชียงราย มีพระอธิการ กิตติพงษ์ กลฺยาโณ
เป็นเจ้าอาวาส และทาหน้าที่ประธานคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ได้จัดระบบการบริหารจัดการตามระเบียบของมหา
เถรสมาคมทุกประการ โดยแตง่ ตง้ั คณะกรรมการเป็น ๒ ชุด คือคณะกรรมการชดุ แรก เป็นคณะกรรมการชดุ ใหญ่มี
เจ้าอาวาสเป็นประธานคณะกรรมการตามระเบียบมหาเถรสมาคม และมีคณะกรรมการอีกจานวน ๘ คน ท่ีทา
หน้าที่ตรวจสอบระบบการบริหารการก่อสร้าง การเงินของวัดทั้งหมด โดยจะตรวจสอบความโปร่งใสเดือนละ ๑
ครั้ง ๒ และคณะกรรมการชุดท่ี ๒ เป็นคณะอนุกรรมการจานวน ๘ คน มีอาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ เป็น
ประธานคณะอนุกรรมการ ทาหน้าที่ควบคุมดูแลการรับบริจาค การจัดซ้ือจัดจ้าง ตลอดถึงการวางแผนในการ
บริหารภายในของวัด โดยเฉพาะการเปิดตู้บรจิ าคจะมีคณะอนุกรรมการ ๔ คนทาหน้าท่ีเปิดตบู้ ริจาคท่ีมีอูย่แล้วให้
คณะอนุกรรมการอีก ๔ คนเปน็ คนตรวจนบั จานวนเงิน เมอื่ ตรวจนบั เสร็จแลว้ ทุกคนตอ้ งลงนามรับรองดว้ ย
การเดนิ ทางไปวัดร่องขุน่ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเชียงราย–กรงุ เทพฯ ผ่านจังหวัดพะเยา
ผ่านอาเภอแม่ใจ จังหวดั พะเยา เข้า อาเภอพาน จังหวัดเชียงราย ขับรถมุ่งหน้าไปทางจังหวัดเชียงรายเร่ือย ๆ พอ
ออกจากตัวอาเภอพาน จะข้ามสะพานแม่ลาว (แม่น้าลาว) ขับรถไปซักพักจะถึงแยกปากทางแม่สรวย (แยกไป
อาเภอแม่สรวย และไป จังหวัดเชียงใหม่) ไปต่ออีกประมาณ ๑๐กิโลเมตร ก่อนจะถึงแยกขนุ กรณ์ (ทางไปน้าตกขุน
กรณ์) ประมาณ ๒๐๐ เมตร มองไปทางด้านซ้ายมือจะเห็นตัววัดสีขาวสะดุดตา เมื่อถึงทางแยกให้เล้ียวซ้ายไปทาง
นา้ ตกขุนกรณ์วดั รอ่ งขนุ่ จะอย่เู ขา้ ไปประมาณ ๑๐๐ เมตร ซ่ึงวัดร่องขุน่ จะอย่กู ่อนถงึ ตวั เมอื งเชียงราย ๑๓ กิโลเมตร
ตรงหลกั กโิ ลเมตรท่ี๘๑๖ ถนนพลหลโยธิน (ถนนหมายเลข ๑/A๒)
ถ้าเดินทางมาจากอาเภอแม่สาย มาจากสนามบินนานาชาติเชียงราย หรือตัวเมืองเชียงรายให้เดิน
ไปทางทิศใต้ทางไปอาเภอพาน จังหวัดเชียงราย ออกจากตัวเมืองเชียงราย จะผ่านแยกไฟแดงสถานีขนสง่ แห่งที่ ๒
ขบั ตรงไปเรอ่ื ย ๆ จนถึงไฟแดง แยกขนุ กรณ์ (ทางไปน้าตกขุนกรณ์) ให้เลี้ยวขวาเขา้ ไป ซึง่ ใช้เวลาเดนิ ทางจากตัวเม
องเชยี งรายไม่กน่ี าทกี ็จะถึงวัดรอ่ งขนุ่
๗ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แต่ถ้าเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่ ให้ไปทางอาเภอดอยสะเก็ด เข้าอาเภอเวียงป่าเป้าจังหวัด
เชียงราย ผา่ นอาเภอแม่สรวย มาจนถึง สามแยกปากทางแม่สรวยให้เลี้ยวซ้ายไปทางจังหวัดเชียงราย (ถ้าเลี้ยวขวา
ไป อาเภอพาน) จากปากทางแม่สรวยไปทางตัวเมืองเชียงรายประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จนถึงแยกขุนกรณ์ (ทางไป
น้าตกขนุ กรณ)์ ใหเ้ ล้ียวซ้ายเขา้ ไปก็ถึงวดั รอ่ งขนุ่ ซ่งึ ถนน ร่องขุน่ -สวนดอกผ่านด้านทศิ เหนอื ของวดั
แผนทีว่ ดั รอ่ งขนุ่ อาเภอเมืองเชียงราย
ดงั นนั้ ทางเขา้ วัดต้องเดินเข้ามาจากทิศเหนือไปทิศใตจ้ ะเห็นอุโบสถสีขาวอยู่ทางด้านขวามือ นั้นคอื อุโบสถ
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เมื่อเดินเลยไปทางทิศใต้ของอุโบสถจะมีซุ้มประตูเข้าไปชมอุโบสถอยู่ทางขวา ซุ้มนี้
เรียกว่า “ซุ้มเข้าเขตพุทธาวาส” มีรูปของอาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ เท่าตัวจริงยืมหัวเราะร่า ผายมือให้การ
ต้อนรับทกุ ท่าน ดา้ นซ้ายของซุ้มประตูน้เี ป็นหอ้ งแสดภาพและของท่รี ะลึก ฉะน้ันจึงไดแ้ บ่งพน้ื ที่ออกเปน็ ๓ เขต คือ
เขตพุทธาวาส เรียกว่าพุทธภูมิเป็นท่ีอยู่ของพระพุทธเจ้า จะอยู่ด้านขวา มีเสานางเรียกต้ังโปร่ง ๆ เป็นเขตแดน
ประกอบด้วยอุโบสถ หอพระธาตุสะพานสุขาวดีข้ามน้าไปสู่ยังหอพระอีกหลัง สองเขตสังฆาวาส อยู่ด้านซ้ายด้าน
เดียวกับเขตฆราวาส จะประกอบด้วยกุฏิพระ บ้านบุญขาวหรือศาลาบาเพ็ญบุญกุศล และหอวิปัสสนา จุคน
ประมาณ ๒๐๐ คน เป็นลักษณะ ๓ ชั้น ชั้นล่างสาหรับบรรยายธรรม ชั้นที่ ๒ เป็นท่ีปฏิบัติธรรมทั่วไปและชั้นท่ี ๓
เป็นสถานที่ฝึกวิปัสสนากรรมฐานขั้นสูงของผู้สนใจทั่วไป และเขตฆราวาส อยู่ด้านซ้ายมือหลังแรก เป็นหอศิลป์
ขา้ งล่างหอ้ งโถงใหญ่ใชเ้ ป็นท่จี าหนา่ ยผลงานส่ิงพมิ พ์ของที่ระลึกตา่ ง ๆ ห้องวีดทิ ศั น์เพ่ือบรรยาย จุคนประมาณ ๕๐
๘ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
คน จากการศึกษาวัดมสี ถสานท่ีเรียนรู้ต่าง ๆ อนั เปน็ ส่วนแห่งการทอ่ งเท่ยี วเชิงวิถีพุทธน้ัน มรี ายละเอียดเสนาสนะ
ตา่ ง ๆ ดังนี้
๑. อุโบสถสีขาว
๒. หอพระธาตุ
๓. หอพระพทุ ธรูป
๔. หอศลี ป์หรือพิธธิ ภัณฑภ์ าพเขยี นของอาจารย์เฉลมิ ชัย
๕. ห้องแสดงภาพและจาหน่ายภาพ
๖. หอ้ งสขุ าทองคา
๗. บ้านบญุ ขาว
๘. โรงปัน้
๙. หอบรรยายธรรม
๑๐.หอวปิ สั สนา
๑๑.กฎุ ิพระสงฆ์
๑๒.ซุ้มทางเขา้ เขตพทุ ธาวาวาส
วัดร่องขุ่น มีท่ีจอดรถในลานจอดรถอยู่รอบ ๆ วัดทุกทิศ ยกเว้นทิศตะวันออก แต่ด้านทิศเหนือจะอยู่อีก
ฝ่งั หนึ่งของถนน เน่อื งจากขา้ งวดั ทศิ เหนือเป็นถนนผ่านไปนา้ ตกขุนกรณ์เม่ือจอดรถแล้วเดินเข้ามาชมบริเวณวัดร่อง
ขุ่น ข้ามมาแล้วจะมีหลักช่ือวัดร่องขุ่น ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เดินเล้ียวขวามาข้างอุโบสถก็จะมีจุดให้ได้
ถา่ ยรูปกันอีก เป็นลักษณะซุ้มขนาดใหญ่สที องอร่ามประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ด้านบน ใกล้ๆ กบั ซมุ้ ที่งดงามสีทอง
นจี้ ะมีประตูเข้าภายในอุโบสถ ซ่ึงจะปิดในเวลา ๑๘.๐๐ น. หากมาช้ากว่านี้ก็จะได้ชมความสวยงามเพียงด้านนอก
เท่าน้ัน วัดร่องขุ่นปัจจุบันมีพระอธิการกิตติพงษ์ กลฺยาโณ เป็นเจ้าอาวาส มีกาแพงรอบอุโบสถ เป็นประตูปิด-เปิด
ส่วนห้องแสดงภาพหรือหอศิลป์เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์เวลา ๐๘.๐๐–๑๗.๓๐ น. ส่วนวันเสาร์อาทิตย์และ
วันหยุดราชการ เวลา ๐๘.๐๐–๑๘.๐๐ น. ถา้ นอกเวลานก้ี ็ได้ชมเพยี งภายนอกเหมือนกับท่รี อเวลาจนคา่ เพ่อื ถ่ายรปู
วัดร่องขุ่นเวลากลางคืน
๙ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
การเดินทางไปวดั รอ่ งขุ่น
ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเชียงราย – กรุงเทพฯ ผ่าน จ.พะเยา ผ่าน อ.แม่ใจ จ.พะเยา เข้า อ.พาน จ.
เชียงราย ขับรถมงุ่ หน้าไปทาง จ.เชียงรายเร่ือยๆ พอออกจากตัว อ.พาน จะขา้ มสพานแมล่ าว (แม่น้าลาว) ขับรถไปซัก
พักจะถึงแยกปากทางแม่สรวย (แยกไป อ.แม่สรวย และไป จ.เชียงใหม่) ขับรถต่อไปอีกซักประมาณ ๑๐ ก.ม ก่อนจะถึง
แยกขุนกรณ์ (ทางไปน้าตกขุนกรณ์) ประมาณ ๒๐๐ เมตร ถ้ามองดูทางด้านซ้ายมือ จะเห็นตัววัดสีขาวสะดุดตายิ่งนัก
เม่ือถึงทางแยกให้เล้ียวซ้ายไปทางน้าตกขุนกรณ์ วัดร่องขุ่นจะอยู่เข้าไปประมาณ ๑๐๐ เมตร ซ่ึงวัดร่องขุ่นจะอยู่ก่อนถึง
ตัวเมอื งเชียงราย ๑๓ ก.ม ตรงหลัก ก.ม ที่ ๘๑๖ ถนนพลหลโยธนิ (หมายเลข ๑/A๒ ) แผนท่วี ดั ร่องขนุ่
ถ้ามาจาก อ.แม่สาย มาจากสนามบินนานาชาติเชียงราย หรือตัวเมืองเชียงราย ให้มาทางทิศใต้ ทางไป อ.
พาน จ.เชียงราย ทางไป จ.พะเยา เม่ือออกจากตัวเมืองเชียงราย จะผ่านแยกไฟแดงสถานีขนส่งแห่งท่ี ๒ ขับตรงมา
เร่ือยๆ จนถึงไฟแดง แยกขวา แยกขุนกรณ์ (ทางไปน้าตกขุนกรณ์) ให้เล้ียวขวาเข้ามา ซ่ึงใช้เวลาเดินทางจากตัวเมือง
เชียงรายไมก่ ีน่ าทีกจ็ ะถึงวัดร่องขนุ่ แผนทีว่ ัดรอ่ งข่นุ
ถา้ มาจาก จ.เชียงใหม่ ให้มาทาง อ.ดอยสะเก็ด เขา้ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชยี งราย มาเรื่อยๆ ผ่าน อ.แม่สรวย มา
จนถึง สามแยกปากทางแม่สรวยให้เลี้ยวซ้ายไปทาง จ.เชียงราย (เลี้ยวขวาไป อ.พาน, ไป จ.พะเยา) จากปากทางแม่สรวย
ขับไปทางตัวเมืองเชียงรายประมาณ ๑๐ ก.ม จนถึงแยกขุนกรณ์ (ทางไปน้าตกขุนกรณ์) ให้เล้ียวซ้ายเขา้ ไป แผนทีว่ ัดร่อง
ขุน่ วดั ร่องขุ่นเปิดใหเ้ ขา้ ชมทุกวนั เวลา ๐๖.๓๐ – ๑๘.๐๐ น.
๑๐ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แผนทีเ่ ส้นทางไปวดั ร่องขุน่ จงั หวัดเชยี งราย
สรุปเส้นทาง การไปวัดร่องขุ่นจาก วัดสาคัญท่ีสุดในเชียงราย คือวัดพระแก้วน้ัน โดยมีวัดที่นักท่องเท่ียว
สามารถไปเที่ยวและทากิจกรรมทางดา้ นพทุ ธศาสนา จากเสน้ ทางได้แก่
๑. วดั ม่ิงเมือง ได้ถวายทานเสริมมิ่งขวัญกาลงั ใจ
๒. วัดเจด็ ยอด ได้ถวายสกั การะเกจิอาจาย์ครูบาสายล้านนา
๓. วดั เชยี งยืน (สนั โคง้ หลวง) ได้สมั ผสั วถิ พี ุทธของชาวไทขืน
๔. วดั ทรายขาว ไดเ้ รยี นรู้ ศลิ ปะพุทธศาสนาจาก พม่า อินเดยี ไทย
กิจกรรมสาหรับนกั ทอ่ งเที่ยวเชิงวถิ ีพทุ ธทีเ่ ด่นคือ การเปิดวดั ให้ชมพุทธศิลปะกรรมประตมิ กรรมระดับชาติ
และนานาชาติ ปีละครั้ง ทุกๆปี เพ่ือให้นักท่องเท่ียวได้ศึกษาเรียนรู้พุทธปรัชญาชั้นสูงจาก พุทธศิลปะกรรม โดย
ศิลปนิ ระดับชาติและนานาชาติทห่ี มุนเวียนกันมาแสดงในแตล่ ะปี
ความต่อเนือ่ งการสบื สานวัฒนธรรประเพณี
อาจารย์เฉลิมชยั โฆษติ พิพฒั น์ สร้างโบสถ์ในเขตพทุ ธาวาสเปรยี บเหมือนบา้ นของพระพทุ ธเจา้ สขี าว แทน
พระบรสิ ุทธ์ิคุณของพระเจ้ากระจกขาว หมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าท่ีแปล่งประกายไปท่ัวโลกมนุษย์
และจักรวาล สะพานหมายถึง การเดนิ ข้ามวัฏสงสารมุ่งสพู่ ุทธภูมิกอ่ นขึ้นสะพาน คร่ึงวงกลมเล็กหมายถงึ โลกมนษุ ย์
วงใหญ่ท่ีมีเข้ียวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหูหมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ผู้ใดจะเข้า เฝ้า
๑๑ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
พระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้อง ตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปกพญามารเพ่ือเป็นการชาระจิต
เราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านข้ึนไปบนเส้นของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน ๑๖ ข้างละ ๘ ตัว หมายถึง
อุปกิเลส ๑๖จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึงเขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่าง เป็นสระน้า
หมายถงึ สที นั ดรมหาสมทุ ร มีสวรรคต์ ้งั อยู่ ๖ ช้นั แทนดว้ ยดอกบัวทพิ ย์ ๑๖ ดอกรอบอุโบสถ ดอกท่ใี หญส่ ดุ ๔ ดอก
ตรงทางข้ึนด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า ๔ พระองค์ประกอบด้วย พระโสดาบัน พระสกิทาคามีพระนา
คามแี ละ พระอรหันต์เปน็ สงฆส์ าวที่เราควรกราบไหว้บูชาก่อนขึ้นบันไดคร่ึงวงกลม หมายถึงโลกกุตตรปัญญาบนั ได
ทางข้ึน ๓ ข้ัน แทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงไปสู่แผ่นดินของรูปพรหม ๔ แทนด้วยดอกบัวทิพย์๔ ดอก
และบานประตู๔ บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้ามธรณี
ประตูเข้าสู่พทุ ธภูมิ ฝาผนังอุโบสถด้านใน ได้วาดภาพศิลป์ที่เกยี่ วเน่ืองกับการทาบุญสร้างความดีมีคติสู่สวรรค์เป็น
การวาดภาพประยกุ ต์ใหเ้ ขา้ กับสถานการณป์ จั จุบนั อีกด้วย
เป็นฝีมือของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นจิตรกรไทยมีผลงานจิตรกรรมไทยหลายผลงาน เช่น ภาพ
จติ รกรรมไทยในอุโบสถวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, เขียนภาพประกอบบทพระราชนิพนธ์ พระ
มหาชนก และผลงานศิลปะที่ วัดร่องขุ่น ซ่ึงมีทั้งงานสถาปัตถยกรรม, ประติมากรรมปนู ป้ัน และงานจติ รกรรมไทย
ได้รับการยกยอ่ งเป็นศลิ ปนิ แห่งชาติ สาขาทัศนศลิ ป์
สาหรับโบสถ์สีขาวนั้นตกแต่งด้วยลวดลายกระจกสีเงิน หน้าบันประดับด้วยพญานาค ภาพจิตรกรรมฝา
ผนังภายในพระอโุ บสถ และมีห้องแสดงภาพวาดน่าสนใจมากมายค่ะ รวมไปถึงศลิ ปะประยุกต์ในยุคเก่าผสมผสาน
กบั ยุคใหม่ที่ดูมเี สนห่ ์ไม่เหมอื นทีไ่ หนอีกด้วย
ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ท่ี โบสถ์ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมือง
สวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ โบสถ์ จึงเปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว แทนพระ
บริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า สาหรับกระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าท่ีเปล่งประกายไปท่ัว
โลกมนุษย์ และจักรวาล
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งน้ีอยู่ ๓ ประการ คือ เพ่ือชาติ ศาสนา
และพระมหากษัตรยิ ์ ซึ่งอาจารย์บอกว่า "จึงต้ังความปรารถนาที่จะถวายชีวติ ใช้ช่วงเวลาท่ีดีท่ีสุดของตนเอง สร้าง
งานพุทธศิลป์ เพื่อเป็นงานประจารัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้ และจะถวายชีวิตไปจนตายคา
วดั "1
๑๒ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
กจิ กรรม ทีส่ าคัญของวัดรอ่ งขุ่น
วันวิสาขบูชา ท่านพระครูวิจิตรศิลปาจารย์ เจ้าอาวาสวัดร่องขุ่น ได้นาเหล่าคณะศรัทธาประกอบกิจกรรม
ทาบญุ เวียนเทยี นวิถใี หมใ่ นช่วงเช้าวนั น้ี (New normal)
ประเพณีงานบุญ "วันพญาวัน" ๑๕ เมษายน ๒๕๖๕ วนั ทสี่ ามของเทศกาลปใี หม่เมือง
พุทธปรชั ญา
๑. อุโบสถสีขาว เปน็ อุโบสถท่ีคล้ายกับโบสถ์ขาวต้นแบบที่วัดม่ิงเมือง จังหวัดน่าน ซึ่งออกแบบสร้างตาม
จินตนาการของท่านเจ้าอาวาส และผลงานลวดลายปูนป้ันโดย สล่าเสาร์แก้วเลาดีช่างพ้ืนบ้านเมืองน่าน สกุลช่าง
เชียงแสนโบราณ สาหรับอุโบสถวัดร่องขุ่นเป็นโบสถ์สีขาวทั้งหลังชมความงดงามของศิลปะตามจินตนาการของ
อาจารย์เฉลิมชัย โฆสติ พิพฒั น์ และลูกศษิ ย์ฝมี ือดขี องอาจารย์ศิลปะมีความประณตี สวยงาม บนลวดลายปูนปั้นถูก
ประดับประดาไปด้วยกระจกสีเงินแวววาว เม่ืออุโบสถต้องแสงอาทิตย์จะมีประกายระยิบระยับงดงามย่ิง ภายใน
อุโบสถมีภาพเขียนฝาผนังฝีมือของอาจารย์เฉลิมชัย โฆสิตพิพัฒน์ อุโบสถขาวหลังน้ีเร่ิมก่อสร้างเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๑
อุโบสถเป็นลักษณะเด่นของวัด ท่ตี กแต่งด้วยสีขาวเปน็ พ้นื ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บน
ปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซ่ึงเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถท่ี
ประดบั ด้วยสัตวใ์ นเทพนิยาย เปน็ รปู กึ่งช้างก่ึงวหิ คเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตานา่ สนใจมากภาพจิตรกรรมฝาผนัง
ภายในพระอุโบสถก็เปน็ ฝมี ือภาพเขียนของอาจารยเ์ ฉลมิ ชัยเอง (ภายในพระอุโบสถหา้ มถ่ายรปู )
ความหมายของอุโบสถ สีขาวของโบสถ์แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาวหมายถึง พระ
ปญั ญาธคิ ุณของพระพทุ ธเจ้าท่ีเปลง่ ประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ได้นาหลักธรรม
อนั สาคญั ยงิ่ ของการปฏิบตั ิจิต ๓ ข้อ คือ ศีล สมาธิปัญญา นาไปสู่ความวา่ ง (ความหลดุ พ้น) ช่อฟ้าเอก หมายถงึ ศีล
ประกอบด้วยสัตว์๔ ชนิดผสมกัน แทน ดิน น้า ลม ไฟช้าง หมายถึง ดิน นาค หมายถึง น้า ปีกหงส์หมายถึง ลม
และหน้าอก หมายถึง ไฟ ข้ึนไปปกปักรกั ษาพระศาสนา บนหลงั ช่อฟา้ เอกแทนดว้ ยพระธาตุ หมายถึง ศีล ๕ ศลี ๘
ศลี ๑๐ ศลี ๒๒๗ ขอ้ และ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์2
๑๓ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
ช่อฟ้าชั้นท่ี ๒ (บน) หมายถึง สมาธิแทนด้วยสัตว์๒ ชนิด คือ พญานาคกับหงส์เขี้ยวพญานาค หมายถึง
ความช่ัวในตวั มนษุ ย์หงส์หมายถึง ความดีงาม ศีลเป็นตัวฆา่ ความช่ัว (กิเลส) เม่อื ใจเราชนะกิเลสได้ก็เกิดสมาธิมีสติ
กาหนดรู้เกดิ ปญั ญา
ชอ่ ฟ้าชั้นที่ ๓ (สงู สุด) หมายถึง ปัญญา แทนด้วยหงส์ปากครฑุ หมอบราบูน่งสงบไม่ปรารถนาใด ๆ มุ่งสู่
การดับส้นิ ซึ่งอาสวะกิเลสภายในดา้ นหลงั หางช่อฟา้ ชั้นท่ี ๓ มีลวดลาย ๗ ชิ้นหมายถึงโพชฌงค์๗ ลาย ๘ ช้นิ รองรับ
ฉัตร หมายถึง มรรค ๘ ฉตั รหมายถึงพระนพิ พานลวดลายบนเชงิ ชายด้านขา้ งของหลังคาชั้นบนสุดแทนดว้ ยสังโยชน์
๑๐ เสา ๔ มมุ ด้านขา้ งโบสถ์คอื ตงุ (ธง) กระดา้ ง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแดพ่ ระพทุ ธเจา้ ตามคตลิ ้านนา
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สร้างโบสถ์ในเขตพุทธาวาสเปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว
แทนพระบริสุทธ์ิคุณของพระเจ้ากระจกขาว หมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าท่ีแปล่งประกายไปท่ัวโลก
มนษุ ย์และจกั รวาล สะพานหมายถึง การเดนิ ข้ามวฏั สงสารมุ่งสู่พุทธภมู ิก่อนข้ึนสะพาน คร่งึ วงกลมเล็กหมายถงึ โลก
มนุษย์วงใหญ่ที่มีเข้ียวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหูหมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ผู้ใดจะเข้าเฝ้า
พระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้อง ต้ังจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองท้ิงลงไปในปกพญามารเพื่อเป็นการชาระจิต
เราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไปบนเส้นของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน ๑๖ ข้างละ ๘ ตัว หมายถึง
อุปกิเลส ๑๖จากน้ันก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึงเขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่าง เป็นสระน้า
หมายถึงสที นั ดรมหาสมุทร มีสวรรค์ต้งั อยู่ ๖ ชัน้ แทนดว้ ยดอกบวั ทพิ ย์ ๑๖ ดอกรอบอุโบสถ ดอกทีใ่ หญ่สุด ๔ ดอก
ตรงทางข้ึนด้านข้างโบสถ์หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า ๔ พระองค์ประกอบด้วย พระโสดาบัน พระสกิทาคามี
พระนาคามีและ พระอรหันต์เป็นสงฆ์สาวที่เราควรกราบไหว้บูชาก่อนขึ้นบันไดคร่ึงวงกลม หมายถึงโลกกุตตร
ปญั ญาบันไดทางขึ้น ๓ ขั้น แทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงไปสู่แผ่นดินของรูปพรหม ๔ แทนด้วยดอกบัว
ทิพย์๔ ดอก และบานประตู๔ บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหล่ียมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะ
กา้ วข้ามธรณปี ระตูเข้าสู่พุทธภมู ิ ฝาผนงั อุโบสถด้านใน ได้วาดภาพศิลปท์ ี่เก่ยี วเน่ืองกับการทาบุญสร้างความดีมีคติ
สู่สวรรคเ์ ปน็ การวาดภาพประยุกต์ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณ์ปจั จุบนั อีกด้วย3
๒. หอพระธาตุ ภาคกลางเรยี กพระธาตุว่า “เจดยี ์” แต่คนภาคเหนอื จะนิยมเรียกเจดีย์วา่ “พระธาตุ” พระ
ธาตุของวัดร่องขุ่น หลังไม่ใหญ่โตนักตั้งอยู่ด้านหลังอุโบสถ จะมีลักษณะเป็น สีขาวเช่นเดียวกับอุโบสถ ได้สร้างหอ
ครอบพระธาตุไว้เป็นสถาปตั ยกรรม/ศลิ ปกรรมแบบล้านนาประยกุ ต์ตามแนวคิดของอาจารย์เฉลมิ ชัย โฆสิตพิพฒั น์
พร ะธ าตุ ห รื อเ จ ดีย์ อง ค์น้ี ได้ บร ร จุ พ ระ บร มส า รีริ กธ าตุ ขอ งพ ร ะสั มม าสั ม พุ ท ธ เ จ้ า ไว้ เป็ นท่ี สั กก าร บูช าข อ ง
พุทธศาสนิกชนในทอ้ งถ่นิ ตัง้ แตส่ ร้างพระธาตมุ าเป็นแหล่งศึกษาเรยี นรู้อีกจุดหนงึ่ ซึ่งควรแก่การเข้าไปศึกษาเรยี นรู้4
.
๑๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
๓. หอพระพุทธรูป ตั้งอย่ดู ้านหลังหอพระธาตหุ รือเจดีย์ไปทางทิศตะวันตกอีกทีหนึ่ง โดยมีสะพานสุขาวดี
ไปยังหอพระ เป็นสถานท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปท่ีเป็นพุทธศิลปะที่งดงามอีกองค์หนึ่ง ซึ่งทางวัดอาจารย์เฉลิมชัย
โฆสติ พพิ ฒั น์ ได้ออกแบบสร้างหอบรรจพุ ระไว้อยา่ งสวยงามเป็นแบบลา้ นนาประยุกตต์ ามทัศนะของท่าน5
๔. หอศลิ ปห์ รือพิพิธภณั ฑ์ภาพเขยี นของอาจารยเ์ ฉลิมชัย ตง้ั อยตู่ รงขา้ ม (ดา้ นหน้า) กับซุ้มประตเู ขา้ เขต
พุทธาวาส พิพิธภัณฑ์น้ีจะนาผลงานการเขยี นของอาจารย์เฉลิมชัย ไปตั้งแสดงไว้ให้นักท่องเทย่ี วหรอื ผูท้ เ่ี ขา้ ไปใน
วัดร่องขุ่นได้ศกึ ษาเรียนรู้มีผลงานทุกประเภทท่ีท่านไดส้ ร้างผลงานไว้ผลงานทุกชน้ิ ท่ีอยู่ในพิพิธภัณฑจ์ ะไม่จาหน่าย
จะต้ังไว้แสดงให้คนได้ชม ได้ศึกษา เป็นงานศิลปะรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม งานประติมากรรม
งานภาพพิมพห์ รืองานออกแบบโมเดลตา่ งๆ เพือ่ นาไปสร้างไม่ว่าจะเปน็ พระพุทธรูป ตราสัญลกั ษณ์ รวมทั้งงานการ
รบั ใช้ใตเ้ บอื้ งพระยคุ ลบาทดว้ ย โดยจัดแสดงงานตงั้ แตเ่ รม่ิ ตน้ วาดภาพตอนอายุ ๑๔ ปีขณะที่อยู่เชียงราย จนกระท่ัง
เข้ากรุงเทพฯ เรียนท่ี วิทยาลัยเพาะช่าง และมหาวิทยาลัยศิลปากรโดยแบ่งจัดแสดงเปน็ สัดส่วน งาน สวย ๆ และ
วจิ ิตรพิสดารทง้ั นัน้ 6
๕. ห้องแสดงภาพและจาหน่ายภาพ อยู่ด้านซ้ายของประตูเข้าเขตพุทธาวาส คือ เมื่อเข้าซุ้มเขต
พุทธาวาสจะมีห้องแสดงภาพและจาหน่ายภาพ สาหรับห้องแสดงภาพและจาหนา่ ยภาพน้ัน เป็นสถานท่ีแสดงภาพ
ทเ่ี ป็นผลงานท่ีจะจาหนา่ ยแก่ผู้ท่ีต้องการจะได้ไปเป็นทรี่ ะลึก หรือนาไปเก็บอนุรักษ์ไว้หรือเป็นของท่ีระลึกแกเ่ พ่ือน
ๆ ญาติๆ รายได้เขาจะนามาพัฒนาวัดร่องขุ่นต่อไป ดังน้ันผู้ที่ต้องการสามารถซื้อได้ที่ห้องแสดงภาพและจาหน่าย
ภาพน้ไี ด้ 7
๖. ห้องสุขาทองคา อยู่ติดกับห้องแสดงภาพและจาหน่ายภาพเข้าไปในเขตฆราวาส เป็นห้องสุขาท่ี
แปลกกว่าท่ีอื่นทั้งหมด ผู้เข้าไปท่องเท่ียวในวัดจะเรียกว่า “ห้องสุขาทองคา” เนื่องจากตัวอาคารเหลืองอร่ามไป
ด้วยสีเหลืองทอง ประดุจด่ังทองคาอันสุกใส เป็นการอานวยความสะดวกแก่ ผู้เข้าไปท่องเท่ียวในวัดร่องขุ่น ห้อง
สุขามีความสะอาด มคี นดูแลอยู่ตลอดเวลา8
๗. บ้านบุญขาว เป็นศาลาสาหรับทาบุญ สร้างกองการกุศลตามวิถีพุทธ จะอยู่ทางด้านเยื้อง ๆ กับ
อุโบสถไปทางทิศใต้ จะมีพระภิกษุสงฆ์ประจาอยู่ นักท่องเที่ยวผู้ใดมีความประสงค์จะทาบุญถวายสังฆทาน หรือ
ทาบุญอน่ื ๆ ก็เชิญไดท้ ี่บ้านบุญขาว จะมีเจา้ หนา้ ทคี่ อยแนะนาอานวยความสะดวกประจาาอยู่
.
.
๑๕ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
๘. โรงปั้น เป็นสถานที่ท่ีกลุ่มศิลปินลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัยช่วยกันป้ันแต่งลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า
“แหล่งปั๊มงาน” ก็วา่ ได้ ผู้ที่สนใจใคร่จะดูวิธีการ ข้ันตอนการปั้น การตกแต่ง ประดับกระจก หรือการเติมสีสนั ของ
ชิ้นงาน ก็สามารถเข้าไปศึกษาเย่ยี มชมไดแ้ ต่อาจจะไม่เหมาะกบั ผู้ทแี่ พ้ฝนุ่ ละออง เนื่องจากเป็นสถานทใี่ ช้วสั ดุทีเ่ ป็น
ฝุ่น เช่น ทราย ปนู เปน็ ตน้
๙. หอบรรยายธรรม เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะ ๓ ช้ัน ยังสร้างไม่เสร็จแต่ชั้นล่างสามารถ
ใช้งานไดแ้ ตย่ ังไมส่ มบรู ณ์ตัง้ อยูท่ างทศิ ใต้ของอโุ บสถ กอ่ นถึงบา้ นบุญขาว ซง่ึ จะอยู่เย้อื ง ๆ กัน
๑๐. หอวปิ ัสสนา เปน็ อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะชน้ั เดียว อยูเ่ ขา้ ไปขา้ งในเป็นสถานทีส่ าหรับผู้
ท่มี ีความสนใจจะเข้าไปฝกึ ปฏบิ ัตวิ ิปสั สนากรรมฐาน มีเครื่องอานวยความสะดวกในการปฏิบัตธิ รรมพอสมควร
๑๑. กุฏิพระสงฆ์ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กเช่นกัน และมีสีขาวเช่นส่ิงปลูกสร้าง อ่ืน ๆ ภายในวัด
ตามเอกลักษณ์ของอาจารย์เฉลิมชัย ปัจจุบนั (พ.ศ. ๒๕๕๕) มีพระภิกษุ ๓ รปู สามเณร ๕ รปู รวมทั้งสนิ้ ๘ รปู
๑๒. ซุ้มทางเข้าเขตพุทธาวาส เป็นซุ้มท่ีประตูท่ีจะเดินเข้าไปชม/สักการะบริเวณอุโบสถจะมีเจ้าหน้าท่ี
ประจาอยู่ซุ้มทางเข้า-ออก เพ่ือบริการด้านต่าง ๆ แก่นักท่องเท่ียวที่เข้าไปชม/สักการะมีภาพอาจารย์เฉลิมชัย โฆ
สิตพพิ ัฒน์ เท่าตวั จรงิ ยืนให้การต้อนรบั และให้ผูท้ ี่ประสงค์ จะถา่ ยรูปกบั อาจารยไ์ ด้ถา่ ยกนั อยา่ งไมต่ ้องเกรงใจ9
วัดรอ่ งเสือเตน้ (Blue temple)
ประวตั ิการท่องเที่ยววัดร่องเสอื เตน้
วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ที่ชุมชนร่องเสือเต้น ตาบลริมกก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ชมความงามของ
พระอุโบสถสีน้าเงิน สร้างข้ึนด้วยศิลปะแบบไทยประยุกต์ที่มีความสวยงดงามแปลกตา จากฝีมือการรังสรรค์ของ
นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่น ชาวเชียงราย ซ่ึงเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
เป็นศิลปะประยุกต์ท่ีเป็นเอกลักษณ์ใช้เฉดสีเป็นสีน้าเงินฟ้าตัดกับสีทอง ลวดลายต่างๆ ที่พร้ิวไหว โดยเฉพาะ
๑๖ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
ประติมากรรมบันไดพญานาคท่ีใช้เฉดสีเดียวกันน้ันมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมท่ัวไป
อย่างเห็นได้ชัด 10 เมื่อพูดถึงแลนด์มาร์คในจังหวัดเชียงราย ผู้คนส่วนใหญ่คงนึกถึงพิพิธภัณฑ์บ้านดาของอาจารย์
ถวัลย์ หรือ วัดร่องขุ่นของอาจารย์เฉลิมชัย แต่เม่ือไม่นานมาน้ีได้เกิดสถาปัตยกรรมแห่งใหม่ท่ีโดดเด่นสะดุดตาคือ
วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตั้งอยู่ริมแม่น้ากก ฝ่ังด้านซ้ายทางทิศ
ตะวันออกของเทศบาลนครเมืองเชียงราย ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงรายมากนัก ในอดีตสถานที่แห่งน้ีเคยเป็นท่ีตั้ง
ของวัดร้าง เม่ือ ๘๐-๑๐๐ ปีก่อน จากคาบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่เล่าว่า ในสมัยนั้นยังไม่มีบ้านเรือนและผู้คน
อาศัยอยู่มากนัก สัตว์ป่าจึงมีจานวนมากโดยเฉพาะเสือ ชาวบ้านที่ผ่านแถวนั้นมักชอบเห็นเสือกระโดดข้ามร่องน้า
ไปมา จึงเรียกบริเวณนี้ต่อๆกันมาว่า “ร่องเสือเต้น” รวมท้ังได้เรียกหมู่บ้านใกล้เคียงบริเวณน้ีว่า “บ้านร่องเสือ
เต้น” อีกดว้ ย
วัดร่องเสือเตน้ ถกู สร้างขึ้นเนื่องจากชาวบ้านร่องเสือเต้นไม่มีที่ทาบุญในหมู่บ้าน เวลาทาบุญใน วันสาคัญ
ต้องไปทาบุญที่วัดอ่ืน ทาให้คนในหมู่บ้านต่างกระจัดกระจายกันไป จึงได้ร่วมกันบูรณะวัดร้างแห่งน้ี เพ่ือเป็นศูนย์
รวมจิตใจของชาวบ้านรอ่ งเสือเตน้ และเปน็ ที่ประกอบพธิ ีกรรมทางศาสนาใน วันสาคัญ จงึ สร้างวดั แห่งน้ีข้ึนและให้
ช่ือว่า “วัดร่องเสือเต้น” ความโดดเด่นของวันร่องเสือเต้นที่เห็นได้ชัดคือ วิหารวัดร่องเสือเต้น สร้างและออกแบบ
โดยศลิ ปินพื้นบ้านชาวเชยี งราย นายพุทธา กาบแก้ว หรือท่ีคนรู้จดั ในนาม สล่านก หลังจากทจ่ี บการศึกษาใหมๆ่ ก็มี
โอกาสได้มาเปน็ ลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพฒั น์ ในการสร้างวดั ร่องขุ่น จนได้ซึมซบั ศิลปะแนวพุทธศิลป์
มาจากอาจารย์เฉลิมชัย เรียกว่า ศิษย์ก้นกุฏิเลยก็ว่าได้ การสร้างวิหารวัดร่องเสือเต้น สร้างขึ้นเมื่อ วันท่ี ๒๗
ตลุ าคม ๒๕๔๘ โดยมีขนาดกว้าง ๑๓ เมตร ยาว ๔๘ เมตร สร้างเสร็จเมื่อ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙ ร่วมใช้เวลา
ก่อสร้างแล้วเสร็จถงึ ๑๑ ปี
เม่ือเข้าไปยังวัดร่องเสือเต้น ก็ต้องตื่นตาตื่นใจไปความสวยงามของวัด ที่มีความแตกต่างจากรูปแบบการ
สร้างวัดท่ัวๆ ไปเร่ิมตั้งแต่ด้านหน้าวัดมีซุ้มประตูวัดสุดอลังการ ที่สร้างเป็นพญานาคท้าวมุจลินทร์ และปู่ศรีสุทโธ
ถัดเข้าเป็นวงเวียน ท่ีจัดสร้างเป็นพระอุปคุต พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้า ก่อนท่ีจะเข้าไปยังวิหารวัด ท่ีมีความ
สวยงามอลังการณ์ด้วยงานประติมากรรมพุทธศิลป์ร่วมสมัย ซึ่งภายในวัดประกอบไปด้วยศาสนสถานท่ีเป็นการ
ทอ่ งเที่ยวเชิงพุทธได้แก่ วหิ ารหลวง และพระเจดยี ์ พระธาตเุ กศแก้วจุฬามณีหา้ พระองค์ และศาสนสถานอน่ื ๆ
๑๗ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วัดร่องเสือเต้น จงั หวัดเชียงราย
เส้นทางการไปวัดร่องเสอ้ื เต้น
เส้นทางการเดินทางไปวัดร่องเสือเต้น อาเภอเมืองเชียงรายวัดร่องเสือเต้น ต้ังอยู่ท่ีชุมชนร่องเสือเต้น
ตาบลริมกก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ไฮไลต์ท่ีสาคัญอยู่ท่ีพระอุโบสถใหม่ที่สร้างขึ้น ด้วยศิลปะแบบไทย
ประยุกต์ ท่ีมีศิลปะท่ีมีความสวยงดงามแปลกตา จากฝีมือการรังสรรค์ของ นายพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก
ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซ่ึงเคยเป็นลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และเคยเข้าไปทางานที่วัดร่องขุ่น
เป็นศิลปะประยกุ ต์ท่ี เป็นเอกลักษณ์ใช้เฉดสีเป็นสีน้าเงินฟ้าตัดกับสีทอง ถ้าเดินทางจากรถยนต์ : เดินทางจากตัว
เมืองเชียงราย ใช้เส้นถนนพหลโยธินมาทาง อ.แม่สาย ผ่านห้าแยกพ่อขุน พอข้ามสะพานแม่น้ากก ให้ชิดซ้าย จะ
เจอแยก ไฟเขียว-แดง ให้เลี้ยวซา้ ยเข้าไป ประมาณ ๑๐๐ เมตร จะเห็นป้ายบอกทางเขา้ ประตูวดั หากเดินทางจาก
เดินทางถนนสายแม่จัน-แม่สาย เมื่อข้ามสะพานแม่น้ากกแล้วถึง ทางแยก เลี้ยวซ้ายประมาณ ๒๕๐เมตร
เขา้ ไปถนนสายแม่ยาวแล้วเลย้ี วซ้ายประมาณ ๕๐ เมตร เข้าสู่วัดรอ่ งเสือเต้น
๑๘ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แผนทเี่ ส้นทางไปวดั รอ่ งเสือเต้น จังหวดั เชียงราย
สรุปเสน้ ทาง การไปวัดร่องเสือเต้นนั้น โดยมวี ัดท่ีนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวและทากจิ กรรมทางดา้ นพุทธ
ศาสนา จากเสน้ ทางไดแ้ ก่
๑. วัดฝงั่ หม่นิ ไดศ้ กึ ษาเรียนรวู้ ัดเก่าแกฝ่ ั่งตะวันออกของจังหวัดเชียงราย
๒. วัดโปง่ พระบาท ได้ศึกษาอุทเทสิกเจดยี ์และความสงบจิตใจ
๓. พพิ ิธภัณฑบ์ า้ นดา ได้ศึกษาวถิ ีพุทธแบบล้านนาของผู้คนล้านนา
กิจกรรมสาหรับนักท่องเท่ียวเชิงวิถีพุทธที่เด่นคือ ประเพณีลอยกระทง โดยจัดทุกๆปี ให้ชาวพุทธและ
นักท่องเท่ียว ไดไ้ หวพ้ ระ รับศีล ฟงั เทศน์ ร่วมลอยเทยี นหอมสีตามประจาวันเกิดสะเดาะเคราะห์ รับโชค โชคดมี สี ุข
ตลอดปี พรอ้ มกับด่มื ด่าแสงสยี ามค่าคนื อนั แสดงถงึ การบูชาพระรตั นตรัย
๑๙ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สถาปัตยกรรม วัดดรอ่ งเสอื้ เตน้
วัดร่องเสือเต้น (Wat Rong Seur Ten) หรือท่ีชาวต่างชาติเรียกกันสั้นๆ ว่า Blue Temple เป็นอีกหน่ึง
สถานที่แสดงงานศิลปไ์ ทย ของจังหวดั เชียงราย โดยศิลปนิ เลือกถ่ายทอดความวิจิตรน้ีผา่ นงานประติมากรรม และ
สถาปัตยกรรมวดั ไทย
โทนสีน้าเงิน สีที่พวกเราไม่คิดว่าจะถูกใช้เป็นสีหลักในการสร้างวัด… แต่สาหรับท่ีน่ีนั้น! ได้ถูกนามา
สร้างสรรค์ผลงานภายในวัดเกือบท้ังหมด ซึ่งทาให้เกิดความโดดเด่น แตกต่าง และเป็นที่จดจาของนักท่องเท่ียวได้
อยา่ งง่ายดาย
พระอุโบสถ หรอื โบสถ์ ถูกรองพ้ืนดว้ ยสีน้าเงิน ตดั กบั งานปนั้ ลายกนกประยุกต์สที อง มีความพลวิ้ ไหว แต่
แฝงไปดว้ ยดุดนั ท่ียงั คงกลิน่ อายความเปน็ ลานนาไวไ้ ดอ้ ยู่ เข้าไปชมด้านในโบสถ์ ซ่ึงเป็นทปี่ ระดษิ ฐานพระพุทธรูปสี
ขาวมุกกันต่อเลยดีกว่า… พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ คือนามของพระประธานองค์นี้ เป็นพระพุทธศิลป์สมัย
เชียงแสนที่หน่ึง หรือท่ีเรียกกันสั้นๆ ว่า… พระเชียงแสนสิงห์หนึ่ง เข้าไปชมด้านในโบสถ์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน
พระพุทธรูปสีขาวมุกกันต่อเลยดีกว่า… พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ คือนามของพระประธานองค์นี้ เป็นพระ
พุทธศิลป์สมัยเชียงแสนท่ีหน่ึง หรือที่เรียกกันส้ันๆ ว่า… พระเชียงแสนสิงห์หน่ึง มาต่อกันท่ีบริเวณด้านหลังของ
โบสถ์ ซงึ่ เปน็ ที่ประดิษฐานพระพทุ ธรูปปางห้ามญาติสขี าวมกุ
กจิ กรรมวดั ร่องเสอื เตน้
ประเพณีลอยกระทง โดยจดวันศุกร์ ที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ เวลา ๑๙.๐๐ น. ไหว้พระ รับศีล
ฟังเทศน์ ร่วมลอยเทียนหอมสตี ามประจาวันเกดิ สะเดาะเคราะห์ รบั โชค โชคดีมสี ุข ตลอดปี
พทุ ธปรัชญา
พระวิหาร แห่งนี้ให้นิยามว่าเป็นทิพยสถาน คือ เป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าท้ังในรูปแบบของ
ประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิ และปัญญาตามมา มี
๒๐ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
ประติมากรรมบันไดพญานาคที่ใช้เฉดสีเดียวกันนั้นมีความชดช้อยและลวดลายแตกต่างจากประติมากรรมทั่วไป
อย่างเห็นไดช้ ดั โดยเฉพาะชว่ งเขย้ี วของพญานาคมีความพลวิ้ ไหวออ่ นช้อย
ภายในพระวิหาร มีผลงานจิตรกรรมภาพวาดฝาผนังเกี่ยวกับพระพุทธประวัติ โดยใช้เฉดสีน้าเงินฟ้ามี
ลวดลายทอ่ี ่อนชอ้ ยงดงาม มพี ระประธานสีขาว สูง ๖.๕๐ เมตร หน้าตักกว้าง ๕ เมตร ชื่อว่า “พระพุทธรชั มงคล
บดีตรีโลกนาถ” โดยมีพระรอดลาพูน จานวน ๘๘,๐๐๐ องค์ และแก้วแหวนเงินทองหลายส่ิงถูกฝังอยู่ ใต้
พระพุทธรูปองค์นี้ รวมทั้งบริเวณพระเศียรได้บรรจุพระบรมสารีรกิ ธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระญาณ
สังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก รวมทั้งยังได้รับพระราชทานนามพระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ
ทหี่ มายความวา่ “พระพทุ ธเจ้าทรงเปน็ มงคล เจา้ ในความเปน็ ราชา เป็นท่ีพ่งึ ในสามโลก”
ด้านหลงั วหิ าร มีพระพุทธรปู สขี าวปางห้ามญาตอิ งคใ์ หญ่ประดิษฐานอยู่ ถัดไปคือ “พระธาตุเกศแกว้ จฬุ า
มณีห้าพระองค์” มีความสูง ๒๐ เมตร โดยยอดขององค์พระธาตุได้บรรจุพระบรมสาริกธาตุ จากสมเด็จพระญาณ
สังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงฆปรินายก วัดร่องเสือเต้น งดงามด้วยพุทธศิลปร่วมสมัยที่มีความสวยงาม
โดดเด่นในแบบเฉพาะตัว เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเท่ียวทางพุทธศาสนาสาคัญของ
จังหวัดเชียงราย
วดั ห้วยปลากงั้ (เจดยี ์ ๙ ชั้น อภิมหากวนอมิ )
วัดห้วยปลาก้ัง ตั้งอยู่ในตาบลริมกก อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นอีกวัดหน่ึงของจังหวัดเชียงรายท่ี
สวยงามตงั้ อย่บู นเขา และมเี นินเขารายรอบวัดสามารถเหน็ วิวทิวทศั น์ที่สวยงาม เดมิ เป็นเพียงซากวัดร้างอยู่บนเนิน
เขา ต่อมา พระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ซ่ึงเป็นพระภิกษุจาพรรษาอยู่ท่ีวัดร่องธาร เชียงราย จึงมีจิตศรัทธา
ต้องการบูรณะ จึงได้ย้ายไปพานักอยู่ครั้งแรกเม่ือวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมีชาวชุมชนห้วยปลากั้ง
ร่วมบูรณะ เริ่มจากการต้ังเป็นสานักสงฆ์ จนได้รับอนุญาตต้ังวัดเมื่อวันท่ี ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยมีพระ
อธิการพบโชค ติสฺสวโส เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก สิ่งที่โดดเด่นของวัดน้ี คือ ” พบโชคธรรมเจดีย์” รูปทรงแปลกตา
ลกั ษณะเปน็ ทรงแหลมผสมผสานระหวา่ งศิลปะจีนและลา้ นนา หลงั คาสีแดงมรี ูปป้ันมังกรทอดยาวทง้ั สองข้างบนั ได
ภายในเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหันต์ต่างๆ และเป็นท่ีประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักจากไม้
จันทร์หอมองค์ใหญ่ รวมท้ังรูปป้ันเจ้าแม่กวนอิมสีขาวองค์ใหญ่ และโบสถ์สีขาวท่ีงดงามด้วยลวดลายปูนป้ันสุด
อลงั การ
๒๑ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เร่ิมก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๔๔ โดยคณะศรัทธาวัดห้วยปลาก้ังเริ่มกันก่อตั้งเป็นสานักสงฆ์ จนกระท่ังวันที่
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ได้มพี ระอาจารย์พบโชค ติสฺสวโสได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมและเร่ิมมีการก่อตั้งศาสนวัตถุ
เร่ิมตั้งแต่กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอฉัน เจดีย์และเม่ือวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ทางนักงานพุทธศาสนา
แหง่ ชาติ ได้มีประกาศแต่งตัง้ ใหเ้ ปน็ วดั โดยช่ือวา่ วัดหว้ ยปลาก้งั โดยมีพระอธกิ ารพบโชค ติสฺสวโส เป็นเจ้าอาวาสรูป
แรก ปัจจุบันวัดห้วยปลากั้งเป็นวัดท่ีมีศรัทธาจากต่างจังหวัด ต่างประเทศ เข้ามากราบไหว้นมัสการ และปฏิบัติ
ธรรมเป็นจานวนมาก ถือเป็นจุดกาเนิดพุทธศาสนาในเชียงรายแห่งหน่ึงท่ีสาคัญ ภายในวัดยังมีพระมหาพบโชค
ธรรมเจดีย์ ๙ ช้ัน ภายในมีพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมจาลองแกะสลักจากไม้หอม และแต่ละช้ันจะมีพระพุทธรูป
ประจาชนั้ ประดษิ ฐานอยู่
ช้ันแรก มีองค์เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรท่ีมีขนาดใหญ่ แกะสลักด้วยไม้จันทร์หอมที่นามาจาก
ประเทศจนี อนิ เดีย พมา่
ชน้ั ๒ เจา้ แม่กวนอมิ ปางประทับยนื
ชน้ั ๓ เจา้ แม่กวนอมิ ปางประทบั น่ัง
ชั้น ๔ หลวงพ่อพระพทุ ธโสธรจาลอง
ช้ัน ๕ เจ้าแมก่ วนอมิ ปางพันมือ
ชั้น ๖ หลวงปู่โต พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด
ชั้น ๗ พระพทุ ธรปู ปางนาคปรก ถือวา่ เปน็ ช้นั สวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้องค้มุ ครองปฐพี
ช้ัน ๘ พระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย เทพเจ้าแห่งความสาเร็จ เทพเจ้าแห่งความร่ารวย
ประทานทรัพย์ ประทานพร
ชน้ั ๙ พระอิศวร
ทางขึ้นมีความแคบและสูงชันต้องระมัดระวัง พบโชคธรรมเจดีย์ใช้เวลาในการก่อสร้าง ๙๙๙ วัน และ
สง่ิ ท่ีตั้งเด่นเป็นสง่าสะดุดตาแกผ่ ู้พบเห็นคอื องค์พระโพธิสัตว์เจา้ แม่กวนอิมขนาดใหญ่ ท่ีมีขนาดความสงู ๖๙ เมตร
ภายในมหาเจดีย์ ๙ ช้ันยงั มีเจ้าแม่กวนอิมหลายปาง ซ่ึงแต่ละปางก็จะขอพรแตกต่างกันไป เช่น เจ้าแม่กวนอิมปาง
เภสัช ขอพรในเรื่องของการเจ็บป่วยให้หาย เจ้าแม่กวนอิมปางปราบมารสามหน้า ขออโหสิกรรมในเร่ืองของเจ้า
กรรมนายเวร เจ้าแม่กวนอิมปางประธานยศ-ตาแหน่ง เจ้าแม่กวนอิมปางประทานทรัพย์ ประทานในเร่ืองติดขัด
เรอ่ื งการเงนิ ธรุ กิจการค้า เป็นตน้ บริเวณรอบเจดยี ์มีพระธาตจุ าลอง ประจาปเี กิดให้สักการะบูชา นอกจากพบโชค
๒๒ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เจดีย์แล้ว พระอาจารย์พบโชคสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิมตามนิมิตองค์ใหญ่ ที่มีขนาดความสูง ๖๙ เมตร ๒๓ ช้ัน ข้ึน
ดว้ ยลฟิ ท์ ท่ีชั้น ๒๒-๒๓ สามารถมองเห็นภูมิทัศนท์ สี่ วยงามของเชียงรายได้
วดั หว้ ยปลากงั้ จังหวดั เชียงราย
เส้นทางไปวัดห้วยปลากงั้
ปัจจุบันวัดห้วยปลากั้งเป็นวัดท่ีมีศรัทธา จากต่างจังหวัด ต่างประเทศ เข้ามากราบไหว้นมัสการ และปฏิบัติ
ธรรมเป็นจานวนมาก จึงถือได้ว่าเป็นจุดกาเนิดพระพุทธศาสนาในเชียงรายท่ีสาคัญอีกแห่งหน่ึง การเดินทางนั้นไม่ไกล
จากตัวเมืองเท่าไหร่ ตามเส้นทางน้ีไปกนั ได้เลย รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองไปทาง ต.แม่ยาว ระยะห่างจากตัวเมืองถงึ วัด
๒๓ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
ห้วยปลากั้งประมาณ ๖ กโิ ลเมตร รถโดยสารประจาทาง วัดอยู่ไกลจากถนนใหญ่ไม่มีรถผ่าน ใหเ้ หมารถจาก สถานขี นส่ง
เชยี งราย (ใหม)่
แผนที่เส้นทางไปวดั ห้วยปลาก้งั จงั หวัดเชยี งราย
สรุปเส้นทาง การไปวัดห้วยปลากั้ง โดยมีวัดที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวและทากิจกรรมทางด้านพุทธ
ศาสนา จากเส้นทางได้แก่
๑. วัดพระธาตุจอมสัก ไดเ้ รียนรูว้ ัดสาคญั ๙ จอมและเจริญจติ ตภาวนา
๒. วัดพระเชตะวัน (พระนอน) ได้เรียนรู้หลักธรรมชีวิตท่ีมีค่าจากพระพุทธรูปปางปรินิพพานและ
ศิลปะล้านนา
พุทธปรชั ญา
จุดเด่นของวัดนน้ีคือ "พบโชคธ รรมเจดีย์" เจดีย์สูง ๙ ชั้น ทรงแหลมศิลปะจีนผสม
ล้านนนาสง่างามด้วยทันได้ที่มีมังกรทอดยาวท้ังสองข้างบันได ล้อมรอบด้วยเจดีย์จาลองขนาด ๑๒ ราศี ภายใน
๒๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เจดยี ์ ประดิษฐานพระพุทธรูปและพระอรหนั ต์ต่างๆ รวมถึงเจ้าแม่กวนอิมแกะสลกั จากไม้จันหอมองค์ใหญ่ แตเ่ ดิม
เคยเปน็ วัดรา้ งที่มมี าแตโ่ บราณ ถูกบรู ณะโดย พระอาจารยพ์ บโชค ตสิ สะวงั โส จนฟ้ืนกลับมาเป็นศูนยร์ วมจติ ใจของ
ชาวเชยี งรายอีกครั้ง
ช้ัน ๒ ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอมิ ปางประทบั ยืน ช้ัน ๓ ประดษิ ฐานเจ้าแม่กวนอิมปางประทับน่ัง ชั้น ๔
ประดษิ ฐานหลวงพ่อพระพทุ ธโสธรจาลอง ชัน้ ๕ ประดษิ ฐานเจ้าแม่กวนอมิ ปางพนั มือ ชัน้ ๖ ประดษิ ฐานหลวงป่โู ต
พรหมรังสี และหลวงปู่ทวด ชั้น ๗ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้อง
คุ้มครองปฐพี ช้ัน ๘ ประดิษฐานพระสังกัจจายน์หรือพระศรีอริยเมตไตรย เทพเจ้าแห่งความสาเร็จ เทพเจ้าแห่ง
ความร่ารวย ประทานทรพั ย์ ประทานพร และช้ัน ๙ ประดิษฐานพระอศิ วร
ถดั จากพบโชคธรรมเจดีย์ ก็จะเปน็ “พระอโุ บสถ” สีขาวทงั้ หลงั มีความวิจิตรงดงามเปน็ อยา่ งมาก ทาง
ขน้ึ เป็นบันไดนาคเป็นปูนปั้นละเอียดละออสวยงาม รวมไปถึงลวดลายปูนป้ันตั้งแต่ยอดบนสุดจนถึงตัวพระอุโบสถ
ก็มีความละเอียดงดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานสขี าวองค์ใหญ่ ส่วนผนงั ด้านในก็เปน็ ลวดลายปูนป้นั สีขาว
ดว้ ยเช่นกัน
กิจกรรมของวัดห้วยปลาก้ัง สาธารณสงเคราะห์สร้าง ร.พ. ๔๐๐ ล้าน เพื่อผู้ยากไร้ คิดค่ารักษาแค่
ศูนย์บาท วัดห้วยปลาก้ัง เป็นสถานท่ีทาบุญแบ่งปันส่ิงต่างๆ แก่ประชาชนมาอย่างต่อเน่ือง ดังน้ันโรงพยาบาลจึง
เป็นหนึ่งในกิจกรรมในการช่วยเหลือ โดยจะเป็นโรงพยาบาลทรงเรือยาว ๑๐๘ เมตร สูง ๗ ช้ัน ใช้งบประมาณ
เบ้ืองต้น ๓๐ ล้านบาท และคาดว่าทั้งหมดจะต้องใช้รวมกันประมาณ ๔๐๐ ล้านบาท โรงพยาบาลดังกล่าวจะมี
ขนาด ๓๐ เตียง ลักษณะเป็นศูนย์การแพย์ที่ประกอบด้วยศูนย์ทันตกรรม ศูนย์โพลีคลินิก ศูนย์ฝึกวิชาชีพ และจะ
ใหบ้ รกิ ารเฉพาะผู้ปวยนอกหรือโอพีดีเท่าน้ัน โดยไมม่ บี รกิ ารนอนพัก โดยผู้ปว่ ยฉกุ เฉินหรือทัว่ ไปจะเขา้ รับการตรวจ
รักษาและกลับบ้านได้ หรือหากหนักกว่าน้ันก็จะส่งตัวต่อไป พร้อมกับรับอุปการะดูแลเด็กชาย-เด็กหญิงกาพร้า
มากกวา่ ๑,๐๐๐ ชวี ิต เพ่ือใหเ้ ด็กเหล่าน้ไี ด้พฒั นาคุณภาพชีวิตทง้ั กายและจิตใจ
แหล่งทอ่ งเทีย่ วเชงิ ประวัติศาสตร์และสง่ิ ศกั ดส์ิ ิทธิ์
กลุ่มวัดที่เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์และพระพุทธศาสนากาหนดจากการวัดเหล่าน้ัน ได้ตั้งอยู่ใน
แหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์และมีประวัติคามเป็นมาที่เก่ียวข้อง การประวัติศาสตร์บ้านเมืองในแต่ละยุค
สมัย มีความสาคัญในฐานะท่ีเป็นสถานท่ีเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์การพัฒนาบ้านเมืองให้เป็นไปทางวิถีพุทธ และ
๒๕ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เป็นวัดท่ีมีความสาคัญระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ ท่ีมีคุณค่าการเรียนรู้และการอนุรักษ์เพ่ือให้
ทราบท่ีมาและความเปน็ ไปของบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาอันเปน็ ศนู ยร์ วมวถิ ีชีวิตแบบพุทธ
วัดพระแกว้ (พระอารามหลวง)
ประวัตกิ ารท่องเทีย่ ววัดพระแก้ว
วัดพระแก้ว เชียงราย เป็นพระอารามหลวงช้ันตรีชนิดสามัญ ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง
เมื่อปพี .ศ. ๒๕๒๑ ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๙ ถนนไตรรัตน์ตาบลเวียง อาเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สังกัดคณะสงฆ์
มหานิกาย เป็นวัดสาคัญทางประวัติศาสตร์แหง่ หนึ่งของประเทศไทยกล่าวคือ เป็นจุดท่ีค้นพบพระแก้วมรกต และ
เปน็ ท่ปี ระดษิ ฐานพระแก้วมรกตเป็นเวลานาน ๔๕ ปกี อ่ นที่จะอัญเชญิ ไปยงั เชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า “วัดป่าเยีย้ ะ หรือ
ป่าญะ” เน่ืองจากภายในวัดมีไม้เย้ียะซึ่งเป็นไม่ไผ่พื้นเมืองชนิดหน่ึงคล้ายไม่ไผ่สีสุก ไม่มีหนาม ขึ้นอยู่เป็นจานวน
มาก ชาวบ้านนิยมนาไปชนิดนี้ไปทาหน้าไม้หรือคันธนูและเรียกวัดนี้ว่าวัดป่าเยี้ยะ จนกระท่ัง พ.ศ. ๑๙๗๗ ฟ้าฝ่า
องคพ์ ระเจดยี ไ์ ดพ้ บพระพุทธรูปปนู ปั้นลงรกั ปิดทองอยู่ภายใน จึงนาไปประดษิ ฐานไว้ในวิหาร ต่อมาปนู ป้ันบางแห่ง
หลุดกะเทาะออก แลเหน็ เน้ือแก้วสเี ขยี วภายใน จึงกะเทาะปูนออกท้งั องค์จึงพบว่าพระพทุ ธรูปทาด้วยแก้วมรกต มี
พุทธลักษณะงดงามมาก เป็นท่ีเล่ืองลือโจษขานกันทั่วไป ความทราบถึงเจ้าเมืองจึงมีใบบอกไปยังพระเจ้าสามฝ่ัง
แกน เจ้าเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าสามฝั่งแกนจึงได้อัญเชิญไปยังเมืองเชียงใหม่ หลังจากน้ันมาพระแก้วมรกตได้
ประดิษฐานยังสถานท่ีต่าง ๆ อีกหลายแห่ง ไดแ้ ก่ ลาปางเชียงใหม่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์กรุงธนบุรีจนในท่ีสุด
ประดษิ ฐาน ณ วัดพระศรรี ตั นศาสดารามกรงุ เทพมหานคร จนถึงปัจจบุ ัน
พระแก้วมรกต หรือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ในปัจจุบันได้ถูกจารึกไว้ บนแผ่นทองเหลือง ภายใน
วัด ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษดังนี้ (เฉพาะภาษาไทย) "ตานานรัตนพิมพ์วงศกล่าวไว้ว่า เมื่อประมาณ พ.ศ.
๓๐๐ เทวดาไดส้ ร้างพระแกว้ มรกต ถวายพระนาคเสนเถระท่ีเมืองปาฎลบี ุตร (ปจั จุบันเรียก ปตั นะ) ประเทศอินเดีย
ต่อมาได้อัญเชิญไปไว้ท่ีเมืองลังกา ในสมัย พระเจ้าอโนรธามังฉ่อ (พระเจ้าอนุรุทธะ) แห่งเมืองพุกามได้ส่งพระ
สมณทูตไปขอจากเจ้าเมืองลังกา ซึ่งถูกพวกทมิฬรุกราน จึงมอบพระแก้วมรกต และพระไตรปิฏกให้ แต่สา เภาท่ี
บรรทุกพัดหลงไปเกยอยู่ท่ีอ่าวเมืองกัมพูชา พระแก้วมรกตจึงตกเป็นของกัมพูชา และต่อมาได้ถูกนาไปไว้ ที่เมือง
อนิ ทาปฐั (นครวัด) กรุงศรีอยธุ ยาและกา แพงเพชร ตามลา ดับเมอ่ื ประมาณพ.ศ.๑๙๓๓ พระเจ้ามหาพรหม เจ้า
๒๖ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เมืองเชียงราย ได้ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตมาจากเมืองกาแพงเพชรและนา มาซ่อนไว้ที่เจดีย์วัดป่าเยียะ เมือง
เชียงราย กระทั่ง พ.ศ. ๑๙๗๗ อสนึบาต (ฟ้าผ่า) เจดีย์จึงได้ค้นพบพระแก้วมรกต ต่อมาได้ถูกอัญเชิญไปไว้เมือง
ต่างๆ ดังน้ี เมอื งเชยี งราย พ.ศ. ๑๙๓๔-๑๙๗๙ / เมอื งลาปาง พ.ศ. ๑๙๗๙-๒๐๑๑ / เมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๐๑๑-
๒๐๙๖ / เมอื งลาว พ.ศ. ๒๐๙๖-๒๓๒๑ / กรงุ รตั นโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๒๑-ปัจจุบนั "
วัดพระแกว้ พระอารามหลวง
การจัดการบริหารภายในวัด
วัดพระแก้ว (พระอารามหลวง) จังหวัดเชียงราย ได้จัดสภาพของวัดไว้เป็นสัดส่วน โดยแบ่งเป็น ๓ เขต
ได้แก่ เขตพุทธาวาส ประกอบดว้ ย พระอุโบสถ พระธาตุเจดียศ์ าลาการเปรียญ หอพระหยกเชียงราย สถานท่ีบูชา
วัตถุมงคล และพิพิธภัณฑ์โฮงแสงแก้ว เขตสังฆาวาสประกอบด้วย อาคารหอฉันและที่พักสงฆ์อาคารสมเด็จพระ
พุทธชินวงศ์อาคารรับรองอาคันตุกะ และเขตโรงเรียน ประกอบด้วยอาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม อาคาร
หอ้ งสมดุ โรงเรยี น อาคารผบู้ รหิ าร
๒๗ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สภาพภายในวดั พระแก้ว อาเภอเมืองเชียงรายนั้น ที่ประตูเข้าวดั ดา้ นขวาจดั ป้ายประชาสัมพันธ์ตามรอย
พระแก้วมรกต ประวัติย่อวัดพระแก้ว และเส้นทางท่องเทยี่ วในเทศบาลนครเชียงราย อาคารสุวรรณโชตมหาเถระ
ทตี่ ั้งของสานักงานเจ้าคณะภาค ๖ สานักงานวัดพระแก้วด้านซ้ายต้ังป้ายประวัติพระแกว้ มรกต ป้ายประวัติวัดพระ
แกว้ และที่จอดรถนกั ท่องเทยี่ ว อาคาร ๑๐๐ ปี พระพุทธิวงศว์ ิวัฒน์ทีต่ ัง้ สานักงานมลู นิธพิ ุทธวิ งศ์วิวัฒน์อยูด่ ้านซา้ ย
สุด ส่วนการก่อสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ทางวัดได้เน้นการก่อสร้างที่เป็นแบบล้านนา เพื่อรักษาไว้ซึ่งมรดกแห่งวิถี
ลา้ นนาเอาไวใ้ ห้ลกู หลานไดศ้ กึ ษาเรียนรตู้ อ่ ไป ซง่ึ มสี ิง่ ทเี่ ป็นแหลง่ เรยี นรหู้ รือท่ศี ึกษาท่องเที่ยวภายในวดั ดงั น้ี
เสน้ ทางไปวดั พระแกว้
การเดนิ ทางไปวดั พระแก้ว อาเภอเมืองเชยี งราย จังหวัดเชียงราย รถยนต์ (Car/ Bus) การเดินทางโดย
รถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปเชียงราย มีระยะทางประมาณ ๘๐๐ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๑ ช่ัวโมง
ถ้าเดินทางโดเครื่องบิน (Flight) การเดินทางโดยเคร่ืองบินจากสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ไปสนามบิน
เชยี งราย ใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ ๑ ช่ัวโมง ๑๕ นาที วัดพระแก้ว ตรงข้ามตดิ กับโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค และอยู่
ใกล้วดั พระสงหพ์ ระอารามหลวง
๒๘ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แผนที่เส้นทางไปวดั พระแก้ว จังหวดั เชียงราย
สรุปเส้นทาง การไปวัดพระแก้วนั้น โดยมีวัดท่ีนักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวและทากิจกรรมทางด้านพุทธ
ศาสนา จากเส้นทางไดแ้ ก่
๑. วดั พระสงิ ห์ ไดส้ ักการะสวดมนตน์ ่ังสมาธิ วิหารพระพุทธสหิ ิงค์
๒. วัดพระธาตจุ อมทอง ได้ศึกษาเรียนเรียนเสาสะดือเมืองเชียงราย
๓. วัดกลางเวยี ง ได้ศึกษาประวตั ิศาสตร์สะดือเมือง เชยี งราย ศิลปะสมัยเก่า
กิจกรรมสาหรับนักท่องเที่ยวเชิงวิถีพุทธท่ีเด่นคือ การสวดมนต์เจริญจิตตภาวนาทุกๆวันเสาร์ ซ่ึงช่วง
เชา้ มกี ารสนทนาธรรม เจรญิ จติ ตภาวนาภาคภาษาอังกฤษ และช่วงคา่ เป็นภาคภาษาไทย
พทุ ธปรชั ญา
พระอุโบสถ เป็นพระวิหารทรงเชียงแสน มีลักษณะฐานเต้ีย เชิงหลังคาลาดต่า สร้างข้ึนเมื่อ ปี พ.ศ.
๒๔๓๓ มีขนาดกว้าง ๙.๕๐ เมตร ยาว ๒๑.๘๕ เมตร ต่อมาได้ขอพระราชทาน วิสุงคามสีมา ประกอบพิธีผูกพัทธ
สีมา เมอื่ วันที่ ๖ เมษายน ๒๔๙๕11
พระประธานในอุโบสถ ชื่อพระเจ้าล้านทอง ชื่อน้ีได้มาเพราะเดิมเป็นของวัดล้านทอง ซึ่งต่อมาวัดถูกรื้อ
ท้ิงไป จึงถูกอญั เชิญมาประดิษฐานท่ีวดั ดอยงา เมือง หรอื ดอยงามเมอื ง ก่อนจะมาเป็นพระประธาน ท่ีวดั พระแก้ว
เมื่อปี ๒๕๐๔ เป็นพระพุทธรูปสา ริด ปางมารวิชัย หน้าตกั กว้าง ๒ เมตร สงู จากฐานถงึ พระรสั มี ๒.๘๐ เมตร รอบ
พระเศียร ๑.๖๐ เมตร น่ังขัดสมาธิราบ ยอดพระศกเป็นดอกบัวตูมอยู่ในเปลวเพลิง ชายสังฆาฏิส้ันเหนือรายพระ
ถัน เม็ดพระศกใหญ่ พระหนุ (คาง)เป็นปมใหญ่และชัดมากนับเป็นพระพุทธรูปในสกุลช่างศิปปาละท่ีใหญ่ และ
สวยงามท่สี ดุ ในประเทศไทย
พระเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ฐานรูปแปดเหล่ยี มแตล่ ะเหลี่ยมกวา้ ง ๕.๒๐ เมตร เสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง ๙.๕๐ เมตร
ห่อหมุ้ ทองแผ่นทองแดง ลงรักปิดทองท้งั องค์ กรมศิลปากรได้ประกาศขึน้ ทะเบียนองค์พระเจดีย์เป็น โบราณสถาน
สาคัญของชาตเิ ม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๘
๒๙ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
หอพระหยก เปน็ อาคาร ค.ส.ล. ทรงลา้ นนาโบราณประกอบดว้ ยไม้ช้ันเดยี ว ใต้ถุนสูง ขนาดกวา้ ง ๘ เมตร
ยาว ๑๒ เมตร เป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธรตนากร นวุติวัสสานุสรณ์มงคล" หรือ "พระหยกเชียงราย" แปลว่า
"พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นอากรแห่งรัตน เป็นมงคลอนุสรณ์ ๙๐ พรรษา" เพ่ือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนคริน
ทราบรมราชชนนี บนผนงั อาคาร แสดงกิจกรรม จากตานานพระแกว้ มรกต และภาพวาดการสร้าง และพิธีอัญเชิญ
พระหยกเชยี งรายสูพ่ ระอารามในวนั ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๔
พระพุทธรูปหยก สรา้ งดว้ ยหยกจากประเทศแคนาดา (มร.ฮเู วริ ด์ โล ผู้บรจิ าค) ขนาดหนา้ ตกั กว้าง ๔๗.๙
ซม. สูง๖๕.๙ ซม. เน่ืองในมหามงคลสมัย สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ๙๐ พรรษา
ในปี ๒๕๓๔ จังหวัดเชียงรายได้จัดสร้างพระพุทธรูปหยก แกะสลักโดยโรงงานหยกวาลินนาน มหานครปักกิ่ง
สาธารณรฐั ประชาชนจนี พระพทุ ธรูปหยกองคน์ ีส้ ร้างข้ึนเพือ่ เป็น องค์แทนพระแกว้ มรกตองคจ์ ริง ทีไ่ ดถ้ ูกอัญเชิญ
ไป12
โฮงหลวงแสงแกว้ เปน็ อาคารทรงล้านนาประยุกตเ์ ริม่ สร้างเมื่อวนั ที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๘ ภายใน
เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสาคัญ เช่นพระพุทธสิหิงค์ (จาลอง) รวมท้ังศิลปวัฒนธรรมเก่ียวกับ
พระพุทธศาสนาในรูปแบบท่ที ันสมยั 13
นอกจากนี้ในพิพิธภัณฑ์โฮงแสงแก้ว ยังมีศิลปะแบบล้านนาอันทรงคุณค่า อีกมากมายท่ีทางวัดได้นาไป
จัดต้ังไว้อย่างเป็นระเบียบให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเรียนรู้มีพระสงฆ์ คอยแนะนาประจาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ด้วย และ
บางคร้ังท่ีไม่มีการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัยห้องเรียนวัดพระแก้ว ก็ส่งนิสิตสาขา
การสอนภาษาองั กฤษเข้าไปเป็นผชู้ ่วยพระสงฆ์ทปี่ ระจาอยู่ทนี่ ัน้ ในด้านการแนะนานักท่องเที่ยวดว้ ย14
สภาพธรรมชาติ เป็นสวนไม้พุทธประวัติ/วรรณคดีรอบ ๆ พระอุโบสถทางวัดได้ปลูกต้นไม้ให้ร่มที่เป็น
ประเภทต้นไม้ตามพุทธประวัติและต้นไม้ในวรรณคดีโดยติดป้ายช่ือต้นไม้ไว้ให้นักท่องเท่ียวได้ศึกษาเรียนรู้ไปด้วย
นอกจากไดศ้ กึ ษาเกยี่ วกบั พุทธศาสนาแลว้ ยังได้ศึกษาธรรมชาติไปด้วย
รปู แบบและสภาพปา้ ยประชาสัมพันธ์ ในบริเวณวดั พระแก้ว เชียงราย จะมีปา้ ยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ
สถานที่ตา่ งๆ ของวัดไว้บริการและอานวยความสะดวกแกน่ กั ทอ่ งเทย่ี ว เช่นป้ายประวัติวัด ป้ายสขุ า ป้ายสุภาษิตคา
สอนต่าง ๆ
.
๓๐ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สถานท่ีบูชาวัตถุมงคล ทางวัดได้จัดสถานที่ให้เช่าบูชาวัตถุมงคลของวัดไว้เป็นสัดสว่ น ซึ่งตั้งอยู่ทางด้าน
ซา้ ยมือของทางขึ้นไปหอพระแก้วหยกเชียงราย ซึ่งเป็นการการจัดไว้บริการแกน่ ักท่องเที่ยวที่มีความประสงค์จะได้
ไว้ไปกราบไหว้สักการบูชา หรือนาไปเป็นของที่ระลึก ของฝากแก่ญาติๆ สถานท่ีมีความร่มรื่นต้ังอยู่ใต้ต้นดอกแก้ว
นอกจากนี้ยังมีป้ายประชาสัมพันธ์ของเทศบาลนครเชียงรายที่เป็นแผนที่การท่องเที่ยวในเทศบาลนครเชียงราย
เพ่มิ เติมจากทที่ างวัดไดจ้ ัดอานวยความสะดวกไว้ให้
ด้านความเช่ือและวิธีการบูชา ชาวเชียงรายนิยมมาไหว้พระทาบุญที่วัดพระแก้วน้ีเนื่องจากเกิดความ
ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเพ่ือนมัสการรอยทางอนั ศกั ด์ิสิทธิแ์ หง่ องค์พระแก้วมรกต รวมทั้งยังมาสักการะพระ
หยกเชียงรายและพระเจ้าล้านทอง เพื่อขอพระให้เกิดความเป็นสิริมงคล ประสบความสาเร็จ มีความรุ่งเรือง
ยงิ่ ขึน้ ไป15
กจิ กรรมประจาวัด
๑. กิจกรรมทาวัตรสวดมนต์ทุกวันเสาร์วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย ถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงทาง
ประวัติศาสตร์และถือว่าการสวดมนต์เป็นการเริ่มต้นท่ีจะให้ผู้เล่ือมใสได้ฝึกปฏิบัติธรรมขั้นต้นโดยใช้สวดมนต์เป็น
ส่อื ในการท่ีจะปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมในขน้ั สูงตอ่ ไป จึงจดั กิจกรรมสวดมนต์ทุกวันเสาร์ตลอดปีข้ึน โดยมวี ัตถุประสงค์
เพื่อให้สาธุชนได้สวดมนต์อย่างถูกต้องและนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน และเพื่อตอบสนองความต้องการของทาง
ราชการทเ่ี น้นคณุ ธรรมจริยธรรมและใหข้ ้าราชการเป็นต้นแบบ ในการปฏิบัติธรรมขน้ั ตน้ ใหค้ รอบครวั เป็นสุขซ่งึ จัด
ทุกวนั เสาร์ เวลา ๑๘.๓๐ - ๒๐.๓๐ น. อันจะนามาซ่งึ ความสนั ติสุขแห่งครอบครัว
๒. กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเพ่ือความสวัสดีของประชาชนเป็นกิจกรรมท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชน
ได้รับส่ิงท่ีเป็นสิริมงคลในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ประกอบกิจกรรมทุกวันที่ ๓๑ ธันวาคม- ๑ มกราคม
ของทุกปีซึ่งวัดพระแก้ว เป็นวัดแรกในจังหวัดเชียงรายท่ีจัดกิจกรรมวัฒนธรรมวิถีพุทธเช่นน้ีจนเป็นที่นิยมของวัด
ท่ัวไป16 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเทศกาลประเพณีล้านนาอ่ืน ๆอีกซ่ึงเป็นกิจกรรมที่เน้น การอนุรักษ์ไว้ได้แก่
ประเพณีเดือนยี่เป็ง (วันเพ็ญเดือน ๑๒) ประเพณีเทศนาแบบล้านนาในวันธรรมสวนะเทศกาลพรรษา ประเพณี
เทศกาลกฐนิ ประเพณงี านวนั กตัญญูฯลฯ
๓๑ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว
ตามเทศกาล ประเพณี และพธิ ที างศาสนา
กลุ่มวัดที่เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงเทศกาลา ประเพณี พระพุทธศาสนากาหนดจากการวัดเหล่านั้น ได้ตั้งอยู่ใน
แหล่งโบราณคดีทางประวัติศาสตร์และมีประวัติคามเป็นมาท่ีเก่ียวข้อง ประวัติศาสตร์บ้านเมือง ประเพณีสาคัญ
ของ การพัฒนาบ้านเมืองให้เป็นไปทางวิถีพุทธ และเป็นวัดท่ีมีความสาคัญระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และ
ระดับประเทศ ที่มีคุณค่าการเรียนรู้และการอนุรักษ์เพ่ือให้ทราบที่มาและความเป็นไปของบ้านเมืองและ
พระพทุ ธศาสนาอันเป็นศูนย์รวมวิถีชวี ติ แบบพุทธ โดยมีเทศกาล ประเพณี อนั เปน็ ที่สนใจของนกั ท่องเท่ียว
วัดพระธาตุดอยตงุ
วัดพระมหาชินธาตุเจ้า (ดอยตุง) หรือเรียกโดยทั่วไปว่า วัดพระธาตุดอยตุง ต้ังอยู่บริเวณส่วนที่เรียกว่า
“หน้าอก” ของ “ดอยนางนอน” ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซ่ึงเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวเขา โดยดอยตุงมี
ระยะทางจาก อ.เมืองเชียงราย ประมาณ ๔๖ กม. และมพี ระธาตดุ อยตุงประดิษฐานอยู่บนยอดดอย มองเหน็ ได้ใน
ระยะไกล เนื่องจากพระธาตดุ อยตุงต้งั อยู่สงู กว่าระดับนา้ ทะเลประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร
พระธาตุดอยตุง เป็นพระธาตุท่ีมีชื่อเสียงมากที่สุดของ จ.เชียงราย ซ่ึงมีความเก่าแก่ สวยงาม มองเห็นวิว
ธรรมชาติของเมืองเชียงรายได้อย่างเต็มตา มีลักษณะเป็นเจดีย์สีทองอร่าม ๒ องค์คู่กนั ในรูปแบบทรงปราสาทยอด
ทรงระฆังกลมขนาดเล็ก ต้ังบนฐานส่ีเหล่ียม กรุกระเบื้องดินเผา และถือเป็น พระธาตุประจาปีกุน ซึ่งปีกุนในคติ
ลา้ นนาน้ัน สญั ลักษณ์คือชา้ ง (กญุ ชร) ไม่ใช่หมูดังท่ีเราเข้าใจกัน นอกจากนี้ เม่ือถึงเทศกาลนมสั การพระธาตดุ อยตุง
จะมีพุทธศาสนิกชนท้ังชาวไทยและเพื่อนบ้านจากประเทศใกล้เคียง เช่น ชาวเชียงตุงในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา
ชาวหลวงพระบาง เวียงจันทน์ สปป.ลาว เดินทางเข้ามานมสั การเป็นประจาทกุ ปี และในฤดูหนาวบรรยากาศรอบ
องค์พระธาตจุ ะสวยงามเปน็ พิเศษ เพราะถูกหมอกสขี าวปกคลุมทั่วบริเวณ
๓๒ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วดั พระธาตดุ อยตงุ จงั หวัดเชยี งราย
ตานานพระธาตุดอยตงุ
ตานานของพระธาตุดอยตุงกล่าวว่า นี่คือเจดีย์แห่งแรกในอาณาจักรล้านนาอันเป็นท่ีบรรจุพระบรม
สารีริกธาตุ ส่วนพระรากขวัญเบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ท่ีพระเจ้าอชุตราช ทรงอัญเชิญมาจากประเทศ
อินเดีย นอกจากนี้ ยังมีเร่ืองเล่ากันว่าในอดีตไดม้ ีการปักธงตะขาบ (ตุง) ที่มคี วามยาวถงึ พันวาไว้บนยอดดอย ถ้า
หากปลายธงไปตกท่ไี หน ก็จะยดึ เอาเป็นทต่ี ้ังพระสถปู เหตนุ เ้ี องจึงนา่ จะเป็นท่ีมาของช่อื พระธาตดุ อยตงุ
แต่เดิมพระธาตดุ อยตุงมีองค์เดียว รูปแบบการก่อสร้างเป็นศิลปะเชียงแสนย่อมุมไม้สิบสอง คล้ายกับพระ
ธาตุดอยสุเทพ ท้ังน้ี เมืองเชียงรายสมยั ก่อนเป็นเมืองร้างอยู่หลายครา พระธาตุดอยตุงจึงขาดการบูรณปฏิสังขรณ์
ตัวพระธาตุทรุดโทรมและพังทลายลง พระเจ้ามังรายมหาราชจึงทรงมีรับสั่งให้สร้างเจดีย์อีกองค์ไว้ใกล้กันอีกองค์
หนึ่ง จึงทาให้พระธาตุดอยตุงมี ๒ องค์ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ องค์พระธาตุทรุดโทรมมาก ครูบาเจ้าศรีวิชัย กับ
ประชาชนเมืองเชียงรายจึงได้บูรณะข้ึนใหม่ โดยสร้างเป็นเจดีย์องค์ระฆังขนาดเล็ก ๒ องค์ บนฐาน ๘ เหล่ียม
ตามศิลปะแบบล้านนา การบูรณะครั้งหลังสุดมีข้ึนเม่ือปี พ.ศ.๒๕๑๖ โดยกระทรวงมหาดไทยได้สร้างพระธาตุองค์
ใหม่ขน้ึ ครอบพระเจดียเ์ ดมิ ไว้
ตามตานานสิงหนติโยนกและตานานพระธาตดุ อยทงุ เมอื งเชยี งแสนกล่าววา่ พระพุทธเจ้าได้เสด็จมายัง
ดอยดินแดง ประทับบนหินก้อนหน่ึงมีรูปทรงเหมือนมะนาวผ่าซีก และทานายว่าที่นี่จะเป็นท่ีประดิษฐานพระบรม
๓๓ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สารีริกธาตุสว่ นพระรากขวัญเบ้ืองซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) และบอกพระอานนท์ว่า หลังพระองค์ปรินิพพาน ให้พระ
มหากสั สปะนาพระบรมสารีริกธาตมุ าประดษิ ฐานท่ีนี่
พ.ศ. ๑ สมัยพญาอชุตราช กษัตริย์ผู้ครองเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นองค์ท่ี ๓ พระ
มหากัสสปะได้อัญเชิญโกศแก้วปัทมราช บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระรากขวัญเบ้ืองซ้าย (กระดูกไหปลาร้า)
มายังเมอื งโยนกนครไชยบรุ ีราชธานศี รชี ้างแส่น แล้วบอกเรอื่ งราวที่พระพทุ ธเจา้ ได้ทานาย พญาอชุตราชยินดี จึงให้
สร้างโกศเงิน โกศทองคาเข้าซ้อนโกศแก้วปัทมราช บูชาด้วยข้าวตอกดอกไม้ แล้วแห่ออกจากเมืองไปยังยอดดอย
ดินแดง พระมหากัสสปะต้ังโกศประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุบนหินท่ีพระพุทธเจ้าเคยประทับ แล้วอธิษฐานให้
พระบรมสารีริกธาตุจมลงในหินประมาณ ๘ ศอก พญาอชุตราชขอซื้อที่จากปู่เจ้าลาวจกและย่าเจ้า ๑,๐๐๐ คา
ดา้ นละ ๓,๐๐๐ วา และถวายครวั มลิ ักขุ ๕๐๐ ครวั ดแู ลพระธาตุ พระมหากัสสปะได้ให้ทาตงุ (ทงุ ) เสายาว ๘,๐๐๐
วา ตุงยาว ๗,๐๐๐ วา กว้าง ๕๐๐ วา ปกั บชู าพระธาตุ จึงเรียกวา่ ดอยทุง (ดอยตุง) แต่น้นั มา
กมั มะโลฤๅษีได้มาอยู่อปุ ัฏฐากพระธาตุบริเวณดอยมุงเมอื ง ต่อมาแม่กวางตัวหนึง่ มาดื่มน้าปัสสาวะพระ
ฤๅษี ต้ังท้องเกิดลูกเป็นกุมารีนอ้ ย กัมมะโลฤๅษีเก็บมาเลี้ยง ตั้งช่ือว่านางปทมุ มาวติ เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี พญาอชุตรา
ชได้มาสขู่ อนางไปเป็นมเหสีดว้ ยทองคา ๔๐๐,๐๐๐ คา กัมมะโลฤๅษีให้นาทองคานั้นไปหล่อเป็นรูปกวางสมมุติเป็น
แม่ใหน้ างปทมุ มาวติกราบไหว้ทกุ วัน
พ.ศ. ๑๐๐ สมยั พระองค์มงั รายนราช กษัตริย์ผูค้ รองเมืองโยนกนครไชยบรุ ีราชธานีศรชี า้ งแสนองคท์ ่ี ๔
ตานานสิงหนติโยนกวา่ พระมหาวชริ โพธิเถระไดน้ าพระบรมสารีรกิ ธาตุมาถวาย ๕๐ องค์ ส่วนตานานพระธาตดุ อย
ทงุ เมืองเชยี งแสนวา่ สุรเทโวฤๅษีได้นาพระบรมสารีรกิ ธาตุมาถวาย ๕๐องค์ พระองคม์ ังรายนราชยินดี ใหท้ าโกศเงิน
โกศทองคา โกศแก้วเข้าซ้อนกัน แล้วแห่ออกจากเมืองไปยังยอดดอยทุง (ดอยตุง) ตั้งโกศประดิษฐานพระบรม
สารีริกธาตุบนหนิ ท่ีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตสุ มัยพญาอชุตราช แล้วอธิษฐานให้พระบรมสารีริกธาตุจมลงใน
หินประมาณ ๗ ศอก พระองค์มังรายนราชให้ก่อเจดีย์ครอบหินสูง ๗ ศอก บุเงินจังโก ทองจังโก ประดับแก้ว ๗
ประการ ฉลองพระธาตุ ๓ เดือน แล้วซ้ือครัวมิลักขุ ๕๐๐ ครัวที่พญาอชุตราชเคยถวายมาถวายพระธาตุอีกคร้ัง ปู่
เจ้าลาวจกและย่าเจ้าได้อุปัฏฐากพระธาตุ ด้วยอานิสงค์จึงไปจุติเป็นเทวบุตรและเทวธิดาบนสวรรค์....ในปี พ.ศ.
๒๕๑๖ กระทรวงมหาดไทยได้ก่อสร้างพระธาตอุ งค์ใหมค่ รอบพระเจดียเ์ ดมิ ไว้ องค์พระธาตุเป็นสีทองขนาดเล็กสอง
องค์ สงู ประมาณ ๕ เมตร บนฐานส่ีเหลี่ยมย่อมุม มีซุ้มจระนาส่ที ิศ องค์ระฆังและปลียอดมขี นาดเล็ก ออกแบบโดย
นายประกิต (จิตร) บัวบุศย์ การสร้างพระธาตุองค์ใหม่นั้นใช้วิธีหล่อคอนกรีตมาประกอบครอบเจดีย์คู่ทั้งสองอ งค์
เพ่ือให้การเปล่ยี นแปลงได้มกี ารหารือต่อเจ้าคณะอาเภอแมส่ ายแล้ว และได้ให้นาพระสถูปครอบท่ถี อดออกมาไปต้ัง
ไว้ที่วัดนอ้ ยพระธาตุดอยตุงซึ่งอยู่ด้านลา่ งก่อนข้ึนดอยพระธาตุ จากน้ันจึงทาการบูรณะพระสถูปเจดีย์ให้กลับมาอยู่
ในสภาพด้ังเดิมสมัยครูบาศรีวิชัยให้แล้วเสร็จก่อนเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ใช้งบประมาณทั้งส้ิน ๒๑ ล้านบาท
๓๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
โดยรวมค่าปรับปรุงภูมิทัศน์ อาทิ ปรับปรุงพ้ืนท่ีลานพระธาตุให้กว้างข้ึน ร้ือโรงเก็บวัสดุอุปกรณ์ เคล่ือนย้าย
พระสังกัจจายน์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางต่างๆ ไปต้ังประดิษฐานในสถานท่ีที่เหมาะสม ปรับปรุงภูมิทัศน์ฐาน
บั น ไ ด น า ค ท า ง ข้ึ น เ พื่ อ ค ว า ม ส ะ ด ว ก ต่ อ พุ ท ธ ศ า ส นิ ก ช น ซ่ึ ง ไ ป น มั ส ก า ร พ ร ะ ธ า ตุ
เป็นจานวนมากของทุกปแี บบขององคพ์ ระธาตุดังกล่าวสามารถอนรุ ักษส์ ถาปตั ยกรรมแบบดั้งเดิมไว้ภายในได้
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ กรมศิลปากรมีโครงการร้ือถอนรูปแบบศิลปกรรมของพระธาตุดอยตุงท่ี
กระทรวงมหาดไทยได้ก่อครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นไปตามร้องขอของคนท้องถิ่นไปทาง
จังหวัด และส่งต่อมายังสานักโบราณคดีเชียงใหม่ ให้ช่วยฟ้ืนฟูพระสถูปในสมัยท่ีครูบาศรีวิชัยได้บูรณะไว้ตาม
ภาพถา่ ยที่ปรากฏอย่ใู นวหิ ารพระธาตดุ อยตุง ซึง่ คณะทางาน
เสน้ ทางไป วดั พระธาตดุ อยตุง
การเดินทาง : ใช้เสน้ ทางเชยี งราย-แมส่ าย - พระตาหนกั ดอยตุง ก่อนจะถงึ ทางแยกเขา้ พระตาหนกั ดอย
ตงุ ให้ตรงไปทางสวนรุขชาติดอยช้างมูบ จะมีป้ายบอกทางข้ึนวัดพระธาตุดอยตุง ระยะทางจากแยกพระตาหนักถึง
วดั ประมาณ ๗ กม. และ ระยะทางจากเชยี งรายถึงพระธาตดุ อยตุงประมาณ ๖๐ กโิ ลเมตร
สาหรับการเดินทางไปวัดพระธาตุดอยตุง ใช้เส้นทางเชียงราย – แม่สาย –พระตาหนักดอยตุง ก่อนจะถึง
ทางแยกเข้าพระตาหนักดอยตุง ให้ตรงไปทางสวนรุกขชาติดอยชา้ งมูบ จะมีป้ายบอกทางขนึ้ วัดพระธาตุดอยตุง
ระยะทางจากแยกพระตาหนกั ถงึ วัดประมาณ ๗ กม. ตอ้ งขับด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีรถสวนลงมาได้ ส่วน
ระยะทางจากเชียงรายถึงพระธาตุดอยตุงประมาณ ๖๐ กิโลเมตร โดยเปิดให้นมัสการทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐-
๑๖.๓๐ น. สอบถามเพิ่มเตมิ ไดท้ ีว่ ดั พระธาตุดอยตุง โทร. ๐๕๓-๗๖๗-๐๑๕-๗
๓๕ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
แผนทเี่ สน้ ทางไปวัดพระธาตดุ อยตุง จงั หวดั เชียงราย
สรุปเส้นทาง การไปวัดพระธาตุดอยตุง โดยมีวัดท่ีนักท่องเท่ียวสามารถไปเท่ียวและทากิจกรรมทางด้านพุทธ
ศาสนา จากเสน้ ทางได้แก่
๑. วดั ถ้าผาจม ได้ไปร่วมกจิ กรรมสวดมนต์ไหว้พระปฏบิ ัติธรรม
๒. วัดพระธาตาดอยเวา ได้ศึกษาเรียนเรียนประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์หมู่ป่า ๑๓ คนและปฎิบัติ
สมาธิ
๓. วัดเหมืองแดงน้อย ไดศ้ ึกษาศลิ ปะพระไมส้ าน และสวดมนต์ขอพร
กจิ กรรมสาหรับนักท่องเที่ยวเชิงวิถีพุทธที่เด่นคือ ประเพณีหกเป็งลอ่ งฟ้า สบื สานประเพณี หกเป็งล่องฟ้า
ไหว้สาพระธาตุดอยตงุ ประเพณีนมัสการและสรงนา้ พระธาตุดอยตุง การจัดงานประเพณีนมสั การและสรงน้าพระ
ธาตุดอยตุง “หกเป็งล่องฟ้า ไหว้สาพระธาตุดอยตุง” ประจาปี ขึ้นในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่า เดือน ๔ หรือเดือน ๖
เหนือ ด้วยมีความมุ่งหมายเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่บุรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ และส่งเสริมให้
พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันอนุรักษ์ สืบสาน สืบทอดจรรโลงประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่อดีตกาล ด้วยการ
พัฒนาจิตใจให้เกิดคุณธรรม จริยธรรม มีความอดทน มานะ เสียสละ เกิดจิตสานึกรักและหวงแหนพระบรมธาตุ
ดอยตุง โดยยึดเหน่ียวให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายและล้านนาทั้งหลายท้ังปวง อันเป็นฐานเช่ือมโยงให้
๓๖ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เกิดความรกั ความสามัคคี ความกตญั ญูกตเวที ตลอดทั้งความเจริญงอกงามด้านจิตใจ อกี ทัง้ ยังเปน็ การสง่ เสรมิ การ
ท่องเท่ียวของจังหวัดเชียงราย อีกดว้ ย
พทุ ธปรัชญา
พ ร ะ ธ า ตุ เ ป็ น รู ป แ บ บ ส มั ย ล้ า น น า แ ล ะ ก า ร บู ร ณ ะ ข อ ง ค รู บ า ศ รี วิ ชั ย ป ร ะ ก อ บ ไ ป ด้ ว ย
ส่วนฐาน ฐานเขียงรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้ายกพื้นสูง ถัดจากฐานเขียงเป็นส่วนฐานบัวคว่าบัวหงาย ประดับลูกแก้วอกไก่
เพยี งเสน้ เดยี วทที่ ้องไม้ (ครูบาศรีวชิ ยั ปรับเป็นลกู แกว้ ธรรมดา) อยใู่ นผงั ๘ เหลย่ี ม สว่ นกลาง สว่ นรองรับองค์ระฆัง
ทาเป็นฐานเขยี งซอ้ นกนั ๒ ฐานในผัง ๘ เหล่ียม รองรับบัวปากระฆังและองค์ระฆัง ๘ เหลี่ยม (ครูบาศรวี ิชัยบูรณะ
ส่วนองค์ระฆังให้สูงขึ้นกว่าเดิม) ส่วนยอด บัลลังก์แบบชุดฐานบัวรูป ๘ เหลี่ยม เหนือบัลลังก์ป้ันรูปกลีบบัวหวาย
รายรอบรับบัวฝาละมีรูปบวั ควา่ ในแผนผงั ทรงกลม รองรบั ปล้องไฉน ปลยี อด
รูปแบบดังกล่าวดอยสุเทพที่สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองเกษเกล้า โดยมีการทาส่วนรองรับองค์ระฆังเป็น
เหลี่ยม พระธาตุดอยสุเทพเป็น ๑๒ เหล่ียม ส่วนพระธาตุดอยตุงเป็น ๘ เหล่ียม ซ่ึงเชื่อว่าการทาส่วนรองรับองค์
ระฆังเปน็ เหลี่ยมน้ีไมเ่ กา่ ไปกว่าพระธาตดุ อยสุเทพ จึงเชอ่ื ว่าพระธาตดุ อยตุงน่าจะสรา้ งในราวปี พ.ศ. ๒๑๒๙ เพราะ
มีการพรรณาถึงการทานุบารุงพระธาตุดอยตุงถึง พ.ศ. ๒๑๒๙ โดยนรธามังช่อเป็นเจดีย์ทรงระฆังแปดเหลี่ยม
ศิลปกรรมล้านนาตอนปลายราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ได้เสนอว่าพระธาตุดอยตุงเปรียบเทียบ
รูปแบบได้กบั พระธาตุ
รูปแบบของอาจารย์ประกิต (จิตร) บัวบุศย์ ส่วนฐาน ฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกสูง รับช้ันฐานเขียงรูป
สี่เหล่ียมจัตุรัสขององค์เจดีย์แต่ละองค์ที่แยกออกจากฐานช้ันล่าง รองรับชุดฐานปัทม์ที่มีลวดบัวลูกแก้วแทรก
ระหวา่ งหนา้ กระดานท้องไม้ ๑ ชุด
ส่วนกลาง องค์พระธาตุทาเป็นทรงเรือนธาตุยกสูงย่อมุม (๑๒ มุม) แต่ละด้านของเรือนฐานท้ัง ๔ ด้านทา
เปน็ ซ้มุ จระนายน่ื ออกมาดา้ นละ ๑ ซุ้ม ภายในประดษิ ฐานพระพุทธรปู ประทับยืนดา้ นละ ๑ องค์
ส่วนยอด เหนือเรือนธาตุขึ้นไปเป็นชุดฐานปัทม์หรือฐานบัวรูป ๘ เหลี่ยม รองรับบัวปากระฆังและองค์
ระฆังทรงกลม โดยที่องคร์ ะฆังทาเป็นบัวลูกแก้วรัดอกคั่นกลางองค์ระฆัง ส่วนบนขององคร์ ะฆังไม่ต้ังบัลลังก์ แต่ทา
เป็นปล้องไฉนแบบลูกแก้วกลมขนาดใหญ่ซ้อนลดหลั่นกนั ขึ้นไป ๓ ชั้น รับปลียอดทรงน้าเต้า ๒ ช้ันและเม็ดน้าค้าง
รปู ดอกบวั ตูม
๓๗ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
บริเวณฐานไพทีและฐานเขียงรองรับองค์พระธาตุท้ัง ๒ ประดับผิวด้วยกระเบ้ืองดินเผาผิวเรียบมันปู
ทะแยง องค์พระธาตุตงั้ แต่ชดุ ฐานปทั ม์ถงึ เม็ดน้าคา้ งประดบั ด้วยโมเสคสีทองตลอดทั้งองค์ โดยรอบฐานไพทีทาเป็น
ช่องทางขนาดเล็กเป็นทางประทกั ษิณภายใน แนวกาแพงแก้วเต้ีย เปิดช่องทางเขา้ ออกทางด้านท้ายอุโบสถ ตง้ั ฉตั ร
ทีม่ ุมกาแพงแกว้ ท้ัง ๔ มมุ
วดั พระธาตผุ าเงา
หลวงพ่อพระพุทธิญาณมุนี ได้ให้การจากสัมภาษณ์ ว่าวัดพระธาตุผาเงา เป็นชื่อที่ได้มาจากช่ือของพระ
ธาตุผาเงาท่ีตัง้ อยู่บนยอดหินก้อนใหญ่คาว่าผาเงาก็คือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หนิ ก้อนน้ีมีลักษณะสูงใหญ่คล้าย
รปู ทรงเจดยี ์และทาให้ รม่ เงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงต้ังชือ่ วา่ “พระธาตุผาเงา”ความจรงิ ก่อนที่จะยา้ ยวัดมาที่นี่ เดิมมี
ชื่อว่า “วัดสบคา” ซ่ึงตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้าโขง ฝั่งน้าได้พังทลายลง ทาให้บริเวณ ของวัดพัดพังลงใต้น้าโขงเกือบหมด
วัด คณะศรทั ธาจงึ ไดย้ ้ายวัดไปอยทู่ ใ่ี หม่บนเนนิ เขา ซง่ึ ไมไ่ กลจากวดั เดิม
วัดพระธาตุผาเงา เป็นวัดเก่าแก่ที่สาคัญของจังหวัดเชียงราย พระธาตุองค์นี้เชื่อกันว่าสร้างมาต้ังแต่
ระหว่าง ปีพ.ศ.๔๙๔-๕๑๒ โดยขุนผาพัง เจา้ ผู้ครองนครโยนก องคท์ ่ี ๒๓ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นวดั ท่ีสาคัญและ
ประจากรุงเก่าแห่งนี้ก็เป็นได้จะเห็นได้ว่าพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงาที่ขุดค้นพบแห่งน้ีถูกสร้างและฝังอยู่ใต้
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ (พระประธาน) จะปิดบังซ่อนเร้นกลัวถูกโจรกรรมจากพวกนิยมสะสมของเก่า ตอนแรกได้
สันนษิ ฐานว่าบรเิ วณเนินเขาเล็ก ๆ ลูกนี้ที่กาลังแผว้ ถางอยู่น้ีจะตอ้ งเป็นวัดเก่าแน่ เพราะไดพ้ บเห็นซากโบราณวัตถุ
กลาดเกล่ือนไปท่ัวบริเวณในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ จึงไดล้ งมือแผ้วถางป่า แต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นถา้ เรียกว่า ถ้า
ผาเงา ปากถ้าถูกปิดไว้นาน ทาให้บริเวณแห่งน้ีเป็นป่ารก เต็มไปด้วย ซากโบราณวัตถุกระจัดกระจายอยู่กลาด
เกลื่อน การค้นพบพระพุทธรูปหลวงพ่อผาเงา เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. เม่ือคณะศรัทธาได้
ปรับพื้นท่ีเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างต่ืนเต้นและปีติยินดีเม่ือ ได้พบว่าใต้ตอไม้น้ัน (หน้าฐานพระประธาน) มีอิฐ
โบราณก่อเรียงไว้เม่ือยกอิฐออกก็พบหน้ากาก จึงได้พบพระพุทธรูป มีลักษณะสวยงามมาก ผู้เชี่ยวชาญทาง
โบราณวัตถุได้วิเคราะห์ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีอายุระหว่าง ๗๐๐-๑,๓๐๐ ปี คณะทั้งหมดจึงได้พร้อมกันต้ังช่ือ
พระพทุ ธรูปองคน์ ีว้ ่า “หลวงพ่อผาเงา” และเปล่ยี นช่ือวัดใหมเ่ ปน็ “วัดพระธาตุผาเงา” ตั้งแต่บัดน้ันเป็นตน้ มา
๓๘ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วดั พระธาตผุ าเงา อาเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย
นอกจากพระธาตุผาเงาแลว้ ยังมีซากพระธาตุโบราณอีก ๒ องคไ์ ดแ้ ก่ พระธาตุจอมจัน ต้งั อยูถ่ ัดสงู ขึ้นไป
๓๐๐ เมตร เป็นซากเจดีย์สูงประมาณ ๕ เมตร ปัจจุบันทางวัด ได้สร้างอุโบสถไว้ที่ บริเวณพระธาตุจอมจันน้ีและ
ส่วนที่สูงที่สุดของเนินเป็นที่ตั้งของซากเจดีย์อีกองค์หน่ึงสูงประมาณ ๕ เมตรเช่นกัน ชาวบา้ นเรียกว่า พระธาตุเจ็ด
ยอด ปัจจุบันทางวัดได้สร้าง พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ ครอบองค์พระธาตุเจ็ดยอดองค์เดิมไว้แต่ก็ยังสามารถ
มองเห็นซาก ของพระเจดยี เ์ จด็ ยอดได้ณ ภายใน พระเจดยี อ์ งคใ์ หม่นี้
วัดพระธาตุผาเงา มีถนนสายเชียงแสน-เชียงของผ่านทางทิศเหนือ จึงได้สร้างซุ้มประตูเข้า วัดทางทิศ
เหนือ เม่ือเข้าไปในวัดด้านซ้ายเป็นร้านอาหาร เคร่ืองด่ืม และสวนสมุนไพร ลานพักผ่อนใต้ ร่มไม้ด้านขวาเป็น
ลานจอดรถนักท่องเท่ียว และห้องน้าห้องส้วมบริการนักท่องเที่ยว จากนั้นเดินเข้า ไปจะได้พบกับเขตพุทธาวาส
ประกอบดว้ ย ด้านขวาเป็นสถานที่แสดงพุทธศิลปะ ต่าง ๆ วิหารหลวงพอ่ ผาเงา พระธาตผุ าเงา พระธาตุจอมจัน
อุโบสถ พระธาตุเจ็ดยอด พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย นอกจากพระธาตุผาเงาแล้วยังมีซากพระธาตุโบราณอีก ๒
องคไ์ ด้แก่ พระธาตจุ อมจนั ตง้ั อยถู่ ัดสูงข้ึนไป ๓๐๐ เมตร เป็นซากเจดยี ์สูงประมาณ ๕ เมตร ปัจจุบนั ทางวัดได้สรา้ ง
อุโบสถไว้ที่บริเวณพระธาตุจอมจันน้ีและส่วนที่สูงที่สุดของเนินเป็นที่ต้ังของซากเจดีย์อีกองค์หนึ่ง สูงประมาณ ๕
๓๙ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เมตรเช่นกัน ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุเจ็ดยอด ปัจจุบันทางวัดได้สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครอบองค์พระ
ธาตุเจ็ดยอดองคเ์ ดิมไวแ้ ตก่ ็ยงั สามารถมองเห็นซากของพระเจดีย์เจ็ดยอดได้ณ ภายในพระเจดีย์องค์ใหม่น้ี วัดพระ
ธาตผุ าเงา มีถนนสายเชียงแสน-เชยี งของผ่านทางทิศเหนือ จึงได้สรา้ งซมุ้ ประตูเข้าวดั ทางทิศเหนอื เมือ่ เขา้ ไปในวัด
ด้านซ้ายเป็นร้านอาหาร เครื่องด่ืม และสวนสมุนไพร ลานพักผ่อนใต้ร่มไม้ด้านขวาเป็นลานจอดรถนักท่องเท่ียว
และห้องน้าห้องส้วมบริการนักท่องเท่ียว จากน้ันเดินเข้าไปจะได้พบกับเขตพุทธาวาส ประกอบด้วย ด้านขวาเป็น
สถานที่แสดงพุทธศิลปะต่าง ๆ วิหารหลวงพ่อผาเงา พระธาตุผาเงา พระธาตุจอมจัน อุโบสถ พระธาตุเจ็ดยอด
พระบรมธาตพุ ุทธนิมติ เจดีย
การบรหิ ารจัดการภายในวัด
วัดพระธาตุผาเงา ได้บริหารจัดการภายในให้เป็นระบบ เป็นสัดส่วน จึงมีจัดการภายใน เพื่อให้เป็น
สถานท่ที อ่ งเที่ยวเชิงวถิ ีพทุ ธและแหลง่ เรียนร้แู กผ่ ูส้ นใจ ดังน้ี
๑. หลวงพ่อผาเงา
๒. วิหารหลวงพ่อผาเงา
๓. พระธาตผุ าเงา
๔. อุโบสถวัดพระธาตุผาเงา
๕. พระธาตุจอมจันฃ
๖. พระธาตเุ จด็ ยอด
๗. หอพระไตรปิฎกนานาชาติ
๘. บันไดนาคข้ึนอุโบสถและพระธาตุจอมจัน
๙. พพิ ิธภัณฑผ์ า้ ทอเชยี งแสน
๑๐.ซมุ้ ประตูเข้าวัด
อย่างไรก็ตาม วัดเป็นแหล่งท่องเท่ียวเชิงวิถีพุทธอันประกอบด้วยส่วนต่างๆท่ีเก้ือหนุนกันทางด้าน
ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี และภาษา ท่ีดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ดีกว่าสถานที่อื่น ๆ ซึ่งทาให้ได้รักษาอนุรักษ์
วัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาอันจะกอ่ ให้เกดิ การสืบอายุพระพุทธศาสนาให้คู่กับแผ่นดินไทยไปอีกนานเทา่ นาน
๔๐ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
เสน้ ทางไปวดั พระธาตผุ าเงา
วัดพระธาตุผาเงา วัดสาคัญของอาเภอเชียงแสน จงั หวัดเชียงราย ภายในวัดมีพระธาตุ ๓ องค์ คือ พระ
ธาตุผาเงาที่ตั้งอยูบ่ นยอดหินผา พระธาตุจอมจนั ที่เหลอื แต่ซากองค์พระเจดยี ์สูงประมาณ ๕ เมตร ถดั จากพระธาตุ
จอมจันข้ึนไปบนยอดเขา เป็นที่ต้ังของพระธาตุเจ็ดยอด ซ่ึงเหลือแต่ซากฐานสูง ๕ เมตร ทางวัดได้สร้างพระบรม
ธาตุพุทธนิมิต เจดีย์ขนาดใหญ่ครอบองค์พระธาตุไว้ บริเวณองค์เจดีย์ มีลานชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวของแม่น้า
โขงที่ตัดผ่านสวยงาม มีการจดั ทามุมทน่ี ่ังให้ได้ถา่ ยภาพ ทั้งซุ้มประตูด้านบนเป็นยอดเจดีย์สีทองสวยงาม มีความ
คลา้ ยกับประตูบรเิ วณสามเหลี่ยมทองคา ซุ้มรูปหัวใจ เกา้ อแี้ ละปา้ ยช่ือจดุ ชมวิว
วัดพระธาตุผาเงา อยู่ใกล้แม่น้าโขง วัดพระธาตุผาเงิน อยู่ใกล้วัดป่าสัก วัดพระธาตุจอมกิตติ อยู่ใกล้
ทะเลสาบเชียงแสน สามารถเดินทางไปอาเภอแมส่ าย และอาเภอดอยหลวง อาเภอเชียงของได้
แผนทีเ่ สน้ ทางไปวดั พระธาตุผาเงา จงั หวัดเชียงราย
๔๑ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
สรุปเส้นทาง การไปวัดพระธาตุผาเงา โดยมีวัดที่นักท่องเท่ียวสามารถไปเที่ยวและทากิจกรรมทางด้านพุทธ
ศาสนา จากเส้นทางไดแ้ ก่
๑. วดั พระธาตุจอมกิตติ ไดส้ วดมนต์ขอพรจากวัดหน่ึงใน ๙ จอมในจงั หวัดเชียงราย
๒. วดั พระธาตุสองพน่ี ้อง ไดศ้ กึ ษาโบราณสถานและวัดท่ีสาคัญของอาเภอเชยี งแสน
๓. วดั พระธาตุปูข้าว ไดศ้ ึกษาประวตั ศิ าสตรพ์ ุทธศาสนาและเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัด
พุทธปรชั ญา
๑. หลวงพ่อผาเงา เป็นพระพุทธรูปปูนปน้ั ศิลปะสมัยเชียงแสนสิงห์สาม มีเปลวรศั มีขัดสมาธิราบ ปาง
มารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔๐ นิ้ว มีอายุระหว่าง ๗๐๐-๑,๓๐๐ ปีขุดค้นพบในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๙ เวลา
๑๔.๐๐ น. ท่ีมาของชื่อ “หลวงพอ่ ผาเงา” ได้มาจากความฝันของคณุ พ่อจันทา พรมมา หนง่ึ ในคณะศรัทธาทง้ั หมด
ท่ีเริม่ บกุ เบิกแผ้วถางปา่ ได้นอนหลับฝันในเวลากลางคืนว่ามพี ระภกิ ษุรูปหน่งึ ร่างสงู ดา่ มาบอกวา่ กอ่ นยกชิ้นส่วนองค์
พระประธานเดิมข้ึนให้นิมนต์พระ ๘ รูปมาสวดถอนแล้วจะพบส่ิงมหัศจรรย์ย่ิงกว่านี้เมื่อปฏิบัติตามน้ันจึงขุดพบ
พระพุทธรูปดังกล่าวและตั้งชื่อตามพระธาตุที่ต้ังอยู่บนก้อนหินใหญ่กับท่ีฝันเห็นพระภิกษุว่า “หลวงพ่อผาเงา”
นั่นเอง17
หลวงพ่อผาเงา เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน ท่ีได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย พระพักตร์รูปไข่ พระ
หนุเปน็ ปม พระรศั มเี ป็นเปลว ปัจจุบนั ประดษิ ฐานอยกู่ ลางวหิ ารหลวงพอ่ ผาเงาที่ชาวบา้ นได้สร้างครอบเอาไว้ตง้ั แต่
เม่ือครั้นค้นพบองค์พระใหม่ๆ สาหรับความศักด์ิสิทธิ์ท่ีเล่าขานกันมาเกี่ยวข้องกับความเมตตา ก่อนจะมีการเข้าไป
บุกเบิกเพื่อบูรณะวัดพระธาตุผาเงา บริเวณดังกล่าวยังเป็นยอดดอยและมีป่าไม้หนาแน่น ชาวบ้านเล่าขานกันมา
ต้ังแต่บรรพบุรุษและหลายคนประสบพบเจอด้วยตัวเอง ว่าคราใดท่ีเข้าป่าล่าสัตว์และติดตามสัตว์ป่าไปจนถึง
บริเวณที่ตั้งของวัดพระธาตผุ าเงาในปัจจบุ ัน สตั ว์ป่าส่วนใหญจ่ ะหยุดน่ิงและ ไม่ว่ิงหลบหนี แต่ที่นา่ อศั จรรย์คือ ไม่
ว่าพรานป่าจะใช้ปืน ธนูหรืออาวุธใด ๆ ยิง ก็ไม่ถูกเนื้อต้องตัวสัตว์หรือสัตว์มักจะหายเอาตัวรอดไปได้ทุกคร้ัง ซ่ึง
เร่ืองเล่านีย้ งั คงตกทอดมาจนกระทัง่ ถึงปจั จบุ นั
ความมหัศจรรย์ของบริเวณดอยอันเป็นท่ีต้ังของวัดพระธาตุผาเงา ยังมีเร่ืองเล่าขานจากผู้ท่ีเดินทางไป
สักการะว่า เม่ือเจ็บไข้ได้ป่วย และเข้าไปสักการะจะหายหรือทุเลาจากโรคต่าง ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทาให้มี
๔๒ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
นกั ท่องเที่ยวหรือญาตโิ ยมหลายคนท่ีไปเยือนเชียงราย เพ่ือไปสักการะอย่างต่อเนอ่ื ง ด้วยเห็นผลแห่งความอัศจรรย์
ดังกล่าว ส่วนเร่ืองโชคลาภ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ท่ีไปขอโชคลาภและได้ดังใจหวัง มักจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาจาก
ตา่ งพ้นื ที่หรือกรุงเทพฯ โดยบางครั้งไดร้ ับโชคลาภถูกลอตเตอร่ี รางวัลที่ ๑ ก็มี นอกจากนี้ ชว่ งทมี่ ีญาติโยมอปุ ถัมภ์
อุปัฏฐากวัดมากที่สุด คงหนีไม่พ้นช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปีพ.ศ. ๒๕๔๐ เพราะมีญาติโยมจากกรุงเทพฯ ท่ี
ประสบกับปญั หา เดนิ ทางไปเยือนวดั พระธาตุผาเงาเป็นจานวนมาก เม่ือคนเหล่าน้ีพน้ จากวิกฤต ไดป้ วารณาตนขอ
เป็นโยมอปุ ถมั ภ์ วัด แต่เหนอื ส่ิงอ่ืนใด คอื หลวงพอ่ ผาเงายังคงความเปน็ พระพทุ ธรปู ท่ีเปน็ สญั ลกั ษณข์ องความ
เมตตาต่อสัตวโ์ ลก คาถาบูชาหลวงพอ่ ผาเงา วา่ “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” (๓ จบ)
“สนั ติโต วิปโุ ล ธัมโม” (๓ จบ)
๒. วิหารหลวงพ่อผาเงา เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตกแต่งด้วยลวดลาย
ปูนปั้นมขี นาดความกว้าง ๑๐ เมตร ขนาดความยาว ๒๘ เมตร หลังคาลดหลน่ั ๒ ชั้น มุงดว้ ยกระเบอื้ งดินขอเคลือบ
หนา้ บันวิหารประดบั ลวดลายปนู ป้นั ศลิ ปะเชยี งแสน บานประตูทาด้วยไม้สกั แกะสลกั ลวดลายเก่ียวกับประเพณสี ิบ
สองเดือนของล้านนา หน้าต่างทาด้วยไม้สักแกะสลักลวดลายเก่ียวกับเรื่องราวพระเจ้าสิบชาติและ พระเวสสันดร
ภายในวิหาร ฝาผนังประดับประติมากรรมนูนต่าเก่ียวกับพุทธประวัติสัตว์ป่าหิมพานต์ก่อสร้างข้ึนครอบบริเวณ
วิหารเดมิ ด้วย อฐิ โบราณทมี่ ีอยู่เดิม โดยเริ่มกอ่ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ จนแลว้ เสรจ็ ในปพี .ศ. ๒๕๓๕18
๓. พระธาตุผาเงา เป็นพระธาตุองค์เล็กทรงแปดเหล่ียม ศิลปะล้านนาได้สร้างประดิษฐานข้ึนบนก้อนหิน
แกรนิตขนาดใหญ่ เป็นฐานของพระธาตุสูง ๑๐ เมตร และมีหินก้อนใหญน่ อนลาด ลักษณะคล้ายเงาของพระธาตุท่ี
ตั้งอยู่ คณะผู้ค้นพบจึงขนานนามว่า “พระธาตุผาเงา” ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกที่สุดของเชิงเขาดอยคา ท่ีต้ังวัด
ปัจจบุ นั และตัง้ อย่ทู างทศิ ตะวนั ตกวิหาร หลวงพ่อผาเงา
๔. อุโบสถวัดพระธาตุผาเงา เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตกแต่งด้วยไม้สัก
แกะสลัก และลวดลายปูนปั้นในศิลปะแบบล้านนาเป็นโบสถ์วิหารคต ขนาดกว้าง๑๕ เมตร ขนาดยาว ๒๕ เมตร
หลังคามุงกระเบ้ืองดินขอโบราณลดหลั่น ๒ ชั้น ท่านผู้หญิงอุศนาปราโมช ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการ
ก่อสร้างอุโบสถ เพ่ือถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีและได้เสด็จฯ
ทรงเป็นประธานพิธถี วายอโุ บสถ เมอ่ื วนั ท่ี ๖ มกราคม ๒๕๔๗ อีกทั้งได้พระราชทานพระราชานุญาตอัญเชิญอักษร
พระนามาภิไธยอ่ “สธ” ประดษิ ฐานหน้าบนั อโุ บสถ ตั้งอยู่บนเนนิ สว่ นพระธาตจุ อมจนั
๔๓ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
๕. พระธาตุจอมจัน มีประวัติว่า เมื่อขุนลังได้ข้ึนครองเมือง "เวียงเปิกสา" (เมืองเชียงแสนปัจจุบันนี้) ได้
สร้างพระธาตจุ อมจันขึ้น ในช่วงปพี .ศ. ๙๙๖-๑๐๐๗ พระองค์ได้ชักชวนไพร่บ้านชาวเมืองทั้งหลายให้ช่วยกันสร้าง
เจดียไ์ ว้บนยอดดอยคา ซึ่งปจั จุบนั ชาวบา้ นเรียกว่าดอยจนั ทร์เจดีย์ทีว่ า่ น้ีหมายถงึ พระธาตุจอมจัน
พระธาตุจอมจัน ตั้งอยู่ระหว่างทิศเหนือ ติดกับแม่น้าคา แม่น้าโขง และที่ราบลุ่มเมืองเชียงแสน ทิศ
ตะวันออกเฉียงใต้ติดกับแม่น้ากก ทิศใต้ติดกับท่ีราบลุ่ม พระธาตุจอมจันได้รับการบูรณะและอนุ รักษ์เมือง
ประวัติศาสตร์เชียงแสน ของสานักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติท่ี ๖ เชียงใหม่ ซึ่งพระธาตุจอมจัน
คงเหลือแต่ฐานถงึ ปากระฆงั เทา่ นนั้ สว่ นองค์ระฆังและสว่ นยอดพังทลายลงหมด19
๖. พระธาตุเจ็ดยอด เป็นพระธาตุท่ีสร้างคู่กับพระธาตุจอมจัน คงเหลือซากสูงประมาณ ๕ เมตร และ
ปจั จุบันทางวดั ได้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ครอบเอาไว้เรียกว่า พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดี
ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ พระราช
ดาเนินแทนพระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารที รงเจิมแผ่นศิลาฤกษ์และเททอง
พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์หนึ่งเมื่อวันท่ี ๒๙ มกราคม ๒๕๒๔ การก่อสร้างเร่ิมต้นเมื่อวันที่ ๑๕ เดือนกุมภาพันธ์
๒๕๒๖ จนแล้ว เสรจ็ ปีพ.ศ. ๒๕๓๖ ขนาดกว้าง ๔๐ เมตร ความยาว ๔๐ เมตร ความสูง ๓ เมตร ออกแบบโดย
ศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรีโดยสร้างครอบพระธาตุเจ็ดยอดซึ่งเป็นพระธาตุเก่า ภายในมีภาพเขียนฝาผนังพุทธประวัติ
และพระราชประวัติพระนางจามเทวี20
ด้านนอกพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์สามารถเดินรอบไดม้ ีลักษณะคล้ายป้อมปราการสามารถมองเห็นภูมิ
ทศั น์ของอาเภอเชยี งแสน ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศพม่า อย่างสวยงาม
๗. หอพระไตรปิฎกนานาชาติ หอพระไตรปิฏกเฉลิมพระเกียรติ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐ ได้สร้าง
ขน้ึ กลางสระน้าทางด้านหน้าวิหารหลวงพ่อผาเงาทิศตะวันออก สร้างด้วยคอนกรตี เสริมเหล็ก ตัวเรือนสร้างด้วยไม้
สักทองทั้งหลัง โดยมีพลเรือเอกหม่อมหลวงอัศนีปราโมช เป็นประธานดาเนินการก่อสร้าง และท่านผู้หญิงวราพร
ปราโมช ณ อยุธยา เป็นประธานจัดหาทุนดาเนินการก่อสร้าง พร้อมด้วยคณะกรรมการ เพ่ือเป็นพระราชกุศลแด่
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั เนอื่ งในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ และ
เป็นท่ีเก็บรวบรวมพระไตรปิฏกนานาชาติของพระพุทธศาสนา ๙ ประเทศ ๙ ภาษา อนาคตต่อไปจะเป็นแหล่ง
ค้นคว้าของพทุ ธศาสนิกชนสบื ไป21
.
๔๔ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ที่ ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
๘. บันไดนาคขึ้นอุโบสถและพระธาตุจอมจัน ทางขน้ึ สู่อุโบสถและพระธาตุ จอมจนั ด้านข้างวิหารหลวง
พอ่ ผาเงาเป็นพญานาค ๗ เศียร มคี วามยาว ๑๘๓ เมตร จานวน ๒๔๙ ข้ัน ศลิ ปะปูนปั้น สร้างขน้ึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๗
๙. พพิ ธิ ภณั ฑผ์ ้าทอเชียงแสน พิพิธภณั ฑ์ผา้ ทอเชยี งแสน เปน็ เรือนไม้ ทรงล้านนา ๒ ชั้นใตถ้ ุนโล่ง
เร่ิมกอ่ สร้างเม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๗ เสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ มขี นาดกว้าง ๑๐ เมตร ความยาว ๒๐เมตร ช้ันบนเป็นสถานที่
จัดแสดงลวดลายผ้าทอสมัยเก่าลวดลายเชียงแสน แสดงวิถีชีวิตของชาวล้านนาดั้งเดิม ใต้ถุนเป็นที่ทอผ้าของกลุ่ม
ทอผ้าพื้นเมืองเชียงแสน ริเร่ิมจัดตั้งโดยพระครูไพศาลพัฒนาภิรัต (ปัจจุบันพระพุทธิญาณมุนี) เจ้าอาวาสวัดพระ
ธาตุผาเงา เป็นแหล่งเรียนร้เู ก่ียวกบั การ ทอผา้ เพ่ืออนุรกั ษ์ผ้าทอลวดลายเชียงแสน สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดาเนินทรงประกอบพิธีเปิดป้ายพิพิธภัณฑ์ผ้าทอล้านนาเชียงแสน เมื่อวันท่ี
๒๘ มกราคม ๒๕๔๓22
๑๐. ซุ้มประตูเข้าวัด ซุ้มประตูวัด สร้างขึ้น เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นรูปพระธาตุศิลปะเชียงแสน ได้นาเอา
ก้อนอิฐโบราณมาสร้างข้ึนใหม่ เพ่ือให้เห็นความย่ิงใหญ่ในการก่อสร้างวัดในอดีต ซึ่งใช้วัสดุล้วนแต่มีคุณค่า อยู่
ทางเข้าวดั ตดิ กบั ถนนเชียงแสน – เชียงของ
นอกจากสถาปัตยกรรมดังกล่าวแล้ว วัดพระธาตุผาเงา ยังถือได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านสมุนไพร และ
เป็นศูนย์กลางความร่วมมือด้านสมุนไพรในวัดของจังหวัดเชียงรายด้วย ทั้งนี้พื้นที่บางส่วนของวัดได้จัดให้เป็นสวน
สมุนไพร ท่คี รูบาอาจารย์นักเรยี น นักศึกษา และชาวบ้านโดยท่ัวไป มีโอกาสได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้เก่ยี วกบั สมนุ ไพร
โดยทางวดั พยายามสร้างเครือข่ายความร่วมมือกันระหว่าง วดั ชมุ ชน โรงพยาบาล และหมอชาวบ้าน เพอ่ื ทจ่ี ะได้มี
การแลกเปล่ียนความรู้และร่วมมือกันพัฒนาสวนสมุนไพร และยาสมุนไพรให้แพร่หลายมากขึ้น ซ่ึงโรงพยาบาลก็
เห็นดว้ ยทจ่ี ะเข้ามาชว่ ยในการตรวจสอบเรื่องคณุ ภาพ ตอนนี้ทางวดั ยงั มโี ครงการท่เี ก่ยี วข้องกบั สมนุ ไพรอีกมาก23
สรุปวดั พระธาตผุ าเงา จากวดั ร้างเป็นวดั มพี ระสงฆเ์ มอื่ มีการพัฒนาอย่างตอ่ เน่อื ง ทางกรมการศาสนาจึงได้
ประกาศยกเลิกฐานะวัดร้างให้เป็นวัดมีพระสงฆ์คือเป็นเช่นวัดปกติทั่วไปที่มีพระภิกษุสงฆ์สามเณรอยู่จา พรรษา
ตั้งแต่วันท่ี ๒๒ ตุลาคม ๒๕๒๒ ปัจจุบันต้ังอยู่บนฝ่ังแม่น้าโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงข้ามกับประเทศลาว อยู่ใน
หมู่บ้านสบคา ตาบลเวียง อาเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อยู่ทางทิศใต้ของตัวอาเภอเชียงแสนประมาณ ๓
กิโลเมตร มีพ้ืนที่ทั้งหมด ๑๔๓ ไร่พื้นท่ีส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็ก ๆ ทอดยาวลงมาตั้งแต่บ้านจาปีผ่านบ้านดอยจัน
และมาส้ินสุดท่ีบ้านสบคา แต่ก่อนชาวบ้านเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคา” แต่ต่อมาช่วงหลัง ๆ ชาวบ้านเรียกว่า
“ดอยจัน” มีพระธาตุโบราณอยู่ ๓ แห่ง ได้แก่ พระธาตุผาเงา พระธาตุจอมจัน และพระธาตุเจ็ดยอดหรือ
.
.
๔๕ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
พระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ปัจจุบันน้ีได้บูรณะให้เป็นสถานท่ีสักการบชู าของผู้มาแสวงบญุ เป็นจุด ๆ บริเวณจุดเชิง
เขาด้านล่าง คือ พระธาตุผาเงา เป็นสถานที่สร้างวิหาร พระธาตุจอมจันเป็นท่ีสร้างอุโบสถ พระธาตุเจ็ดยอดเป็นที่
สร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์บริเวณท่ัวไปเป็นป่าไม้ท้ังหมดนอกจากนี้ยังเป็นสานักปฏิบัติธรรมประจาจังหวัด
เชียงราย คือเป็นสถานท่ีปฏิบัติธรรมของพุทธศาสนิกชนทั่วไป เป็นสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของ
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ห้องเรียนวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ปีพ.ศ.
๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบัน จนได้รับเกียรติบัตรจากสานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะเป็นสานักปฏิบัติธรรม
ประจาจังหวัดดีเด่นเฉลิมพระเกียรติ๘๒ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพลมหาราช ในปีพทุ ธศักราช
๒๕๕๒ เมื่อวนั ท่ี ๒๕ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๕๒ อีกดว้ ย
กิจกรรมทางวัดพระธาตผุ าเงา คือโครงการ “สวดมนตเ์ สริมสริ ิมงคลถวายวัดเก่าเวียงเชียงแสน” ซึ่งจะมที ุก
ๆ วันพระ ๘ ค่า ท้ังข้างขึ้นและข้างแรม ตงั้ แต่เวลา ๑๗.๐๐ น. เป็นตน้ ไป โดยมีพระเดชพระคณุ พระพทุ ธิญาณมนุ ี เจ้า
อาวาสวดั พระธาตผุ าเงา/เจา้ คณะจังหวัดเชยี งราย พร้อมดว้ ยพระครูสจุ ิณเจติยานุการ ผชู้ ว่ ยเจ้าอาวาสวาส นาคณะสงฆ์
พร้อมด้วยแมช่ ี อบุ าสก อุบาสิกา และคณะศรัทธาชมรมสวดมนต์วัดเกา่ ฯ สวดมนตท์ าวตั รเยน็ เจริญสมาธิและแผเ่ มตตา
แผนทเ่ี สน้ ทางท่องเทย่ี ววิถีพุทธ ๖ แหง่ จงั หวัดเชียงราย
๔๖ | ชุ ด ค ว า ม รู้ เ ส้ น ท า ง ก า ร ท่ อ ง เ ท่ี ย ว วิ ถี พุ ท ธ ๖ วั ด ใ น เ ชี ย ง ร า ย
วัดและสถานที่ท่องเท่ียวทางพุทธศาสนาในจังหวัดเชียงราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มวัดท่ีเป็นแหล่งเรียนรู้เชิง
ประวัติศาสตร์และพระพุทธศาสนากลุ่มวัดที่มีกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัตถุธรรม ที่เน้นความเป็นพุทธศิลป์กลุ่ม
วัดท่ีมกี จิ กรรมการท่องเทย่ี วเชิงเน้นศรัทธาความเช่ือและประเพณีวฒั นธรรมและกลุ่มวดั ที่เนน้ การปฏิบัติธรรมและ
ศาสนกิจ โดยมีการสารวจทุนทางสังคมและการจัดเส้นทางท่องเท่ียวเชิงวิถีพุทธของชุมชนท่องเที่ยวเชิงวิถีพุทธที่
ได้รับความนิยมและ มีคุณค่าจานวน ๖ แห่งซ่ึงมีท้ังสถานท่ีสาคญั ที่เก่ียวข้องกับศาสนา พฤกษศาสตร์และงานภูมิ
ปัญญาท้องถ่ิน โดยปัจจัยท่ีมีผลต่อการตัดสินใจมาท่องเทีย่ วคือความสาคัญของสถานที่และส่ิงอานวยความสะดวก
และเป็นการทอ่ งเทย่ี วไดด้ ว้ ยตนเอง ใชเ้ วลาไมม่ ากนกั ในการทอ่ งเท่ยี วแต่ละเส้นทาง
รวมประวตั วิ ัด QR CODE