The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพยาบาลผิวหนัง ติดเชื้อ ต่อมไร้ทอ-แปลง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Aommie kornkanok, 2020-05-01 02:38:51

การพยาบาลผิวหนัง ติดเชื้อ ต่อมไร้ทอ-แปลง

การพยาบาลผิวหนัง ติดเชื้อ ต่อมไร้ทอ-แปลง

เอกสารสรุปการพยาบาลผูป้ ่วยท่ี
มคี วามผดิ ปกติของระบบผวิ หนงั
การตดิ เช้ือ และระบบต่อมไรท้ ่อ

จดั ทำโดย นำงสำว กรกนก แกว้ เขยี ว 613060004-3

คานา

เอกสำรเลม่ น้จี ดั ทำข้นึ เพอ่ื เป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ ำ NU 112 204 กำรพยำบำล
สุขภำพผูใ้ หญ่ 2 เพอ่ื ใหไ้ ดศ้ ึกษำหำควำมรูใ้ นเร่อื งกำรพยำบำลผูป้ ่วยท่มี คี วำมผดิ ปกตขิ อง
ระบบผวิ หนงั กำรตดิ เช้อื และระบบต่อมไรท้ ่อและไดศ้ ึกษำอย่ำงเขำ้ ใจเพอ่ื เป็นประโยชน์
กบั กำรเรยี น
ผูจ้ ดั ทำหวงั วำ่ เอกสำรเลม่ น้จี ะเป็นประโยชนก์ บั ผูอ้ ่ำน หรอื นกั ศึกษำ ทก่ี ำลงั หำขอ้ มลู
เร่อื งน้อี ยู่หำกมขี อ้ แนะนำหรอื ขอ้ ผดิ พลำดประกำรใด ผูจ้ ดั ทำขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละขออภยั มำณ
ทน่ี ้ดี ว้ ย

ผูจ้ ดั ทำ
กรกนก แกว้ เขยี ว

สารบญั หนา้

เรอ่ื ง 1
12
กำรพยำบำลผูป้ ่วยทม่ี คี วำมผดิ ปกตริ ะบบผวิ หนงั 26
กำรพยำบำลผูป้ ่วยทม่ี ปี ญั หำกำรตดิ เช้อื
กำรพยำบำลผูป้ ่วยทม่ี คี วำมผดิ ปกตขิ องต่อมไรท้ ่อ

การพยาบาลผปู้ ่ วยที่มีความผดิ ปกติระบบผวิ หนงั
โครงสรำ้ งและหนำ้ ทข่ี องผวิ หนงั

ผวิ หนงั มี 3 ชน้ั 1
1.ชน้ั หนงั กำพรำ้ (epidermis)
2.ชน้ั หนงั แท้ (dermis)
3.ชน้ั ไขมนั ใตผ้ วิ หนงั (subcutaneous fat layer )

หนำ้ ทข่ี องผวิ หนงั
1.ช่วยป้องกนั อวยั วะทอ่ี ยู่ลกึ ทวั่ ไปจำกอนั ตรำย
2.ช่วยป้องกนั ไมใ่ หน้ ำ้ ภำยนอกซมึ เขำ้ ไปในร่ำงกำย
3.รบั ควำมรูส้ กึ ต่ำงๆ
4.ควบคุมอณุ หภมู ขิ องร่ำงกำย
5.ขบั ถำ่ ยของเสยี ออกจำกร่ำงกำย
6.เป็นแหลง่ สรำ้ งวติ ำมนิ ดี

กำรประเมนิ ผูป้ ่วยทม่ี คี วำมผดิ ปกตขิ องระบบผวิ หนงั

1.กำรซกั ประวตั ิ
-ประวตั กิ ำรเจบ็ ป่วย
-ประวตั กิ ำรสมั ผสั สง่ิ ต่ำงๆใน 1 เดอื นทผ่ี ่ำนมำ
-ปจั จยั สง่ เสรมิ และปจั จยั เสย่ี ง
-แบบแผนดำ้ นจติ ใจและอำรมณ์
-ทอ่ี ยู่อำศยั และสง่ิ แวดลอ้ ม

2.กำรตรวจร่ำงกำย จติ ใจ สงั คม จติ วญิ ญำณของผูป้ ่วยและครอบครวั
1) รอยโรค (skin lesion)
-รอยโรคปฐมภมู ิ (primary lesion)
-รอยโรคทตุ ยิ ภมู ิ (secondary lesion)

2

2) กำรกระจำยของรอยโรค (Distribution pattern of skin lesion)
-Linear เป็นทำงยำว
-Zosteriform เป็นแนวยำวตำมเสน้ ประสำท
-Korbner phenumenon เป็นทำงยำวตำมแนวเกำ
-Annular (circinate) เป็นวงแหวน
-Poluyclic เป็นวงซอ้ นหลำยวง
-Group เป็นกลมุ่
-Reticular เป็นตำขำ่ ย
3) กำรตรวจทำงหอ้ งปฏบิ ตั กิ ำร
-KOH เพอ่ื ตรวจดูเช้อื รำ
-Biopsy เพอ่ื ดูกำรเปลย่ี นแปลงทำงจลุ พยำธิ
-Patch test

ควำมผดิ ปกตขิ องผวิ หนงั ทพ่ี บบอ่ ย

1.กำรตดิ เช้อื
1.1 กำรตดิ เช้อื แบคทเี รยี
-เซลลอ์ กั เสบ (Cellulitis)
เกดิ จำกกำรตดิ เช้อื แบคทเี รยี เฉพำะทข่ี องผวิ หนงั ทำใหเ้กดิ กำรอกั เสบแบบ
nonnecrotizing อำจมเี น้อื ตำยหรอื ไมก่ ็ได
กำรรกั ษำ: ทำควำมสะอำดผวิ หนงั ดว้ ยสบู่ยำฆ่ำเช้อื โรค หลกี เลย่ี งกำรเกำ

3

-Necrotizing Fascitis
คอื ภำวะทเ่ี กดิ กำรตดิ เช้อื แบบรุนแรงและรวดเรว็ เกดิ จำกเช้อื
Streptococcus pyogenes
กำรรกั ษำ: ผ่ำตดั เอำเน้อื เย่อื ทต่ี ำยแลว้ ออกใหห้ มด ใหย้ ำปฏชิ วี นะ

-ฝีและฝีฝกั บวั (Furuncle and Carbuncle)
เป็นกำรอกั เสบของรูขมุ ขนทม่ี อี ำกำรรนุ แรง
กำรรกั ษำ: รกั ษำควำมสะอำดร่ำงกำย กรดี หนองออก

1.2 กำรตดิ เช้อื ไวรสั
-อสี ุกอใี ส (Chicken pox, Varicella)
-หดั (Measles)
-หดั เยอรมนั (Rubella,German Measles)
-หูด (Verruca Vulgaris)
-เรมิ (Herpes simplex) พบทง้ั เดก็ และผูใ้ หญ่
-งสู วดั (Herpes zoster) เกดิ จำก varicella zoster

virus

4

1.3 กำรตดิ เช้อื รำ
-โรคกลำกและเกล้อื น
-Candidiasis
2.กำรแพ ้
2.1 ลมพษิ (urticaria)
-Dermographism เกดิ จำกกำรขดั ผวิ หนงั เบำๆ

-Physical urticaria

-Angioedema ลมพษิ ยกั ษ์

2.2 Eczema
-Contact dermatitis

5

- Non contact dermatitis

2.3 Erythema Multiforms & Steven Johnson
syndrome

2.4 Toxic Epidermal Necrolysis (TEN) การหลดุ ลอกของผวิ หนงั > 30 %
ถา้ มากกว่า 90% เรียกว่า Exfoliative dermatitis

3. สาเหตจุ ากกรรมพนั ธ์ุ
-เร้ือนกวาง/สะเก็ดเงนิ (Psoriasis)
เกดิ ไดก้ บั ทกุ สว่ นของร่างกาย
การแบ่งตวั หนงั กาพรา้ ผดิ ปกติ
เกิดผน่ื แดง มีสะเก็ดขาวลอกเป็ นแผน่ ลกั ษณะสาคญั คือ Auspitz’ s sign
มีจดุ เลือดออกเป็ นหย่อม เล็บจะหนา บ๋มุ เป็ นหลมุ เล็ก

6

แนวทางการดแู ล/รกั ษาผปู้ ่ วย โรคเรื้อนกวาง/สะเก็ดเงนิ (Psoriasis)
•หลกี เลี่ยงปัจจยั กระตนุ้ ทจ่ี ะทาใหโ้ รคกาเริบ เชน่ ความเครียด แสงแดด
•แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยรบั ประทาน อาหารท่ีมวี ิตามนิ เอสงู เชน่ มนั หวาน, ผกั
ตาลงึ , แครอท, ตบั ววั , ฟักทอง เป็ นตน้
•ยา Steroid และ ยา Methrotrexate จะชว่ ยยบั ยง้ั การแบง่ เซลล์
•Phototherapy ดว้ ย Ultraviolet

4.สาเหตจุ ากระบบอิมมนู / connective tissue disease
-Systemic Lupus Erythematosus (SLE)
อาการทางผวิ หนงั ท่ีพบไดบ้ ่อย
Butterfly rash
Alopecia
Mucous membrane lesion
Photosensitivity

-Scleroderma
อาการเริ่มแรกนวิ้ มือบวมแดง แขง็ งอหรือเหยียดไมส่ ะดวก ผวิ มอื เทา้
แขนขาจะแขง็ รดั ตงึ ผวิ หนา้ ตงึ ไมม่ รี อยยน่ อา้ ปากไดน้ อ้ ย เกิดรอยย่น
คลา้ ยหรู ดู รอบๆปาก กระดกล้นิ ไมไ่ ด้

7

ผวิ หนงั ถกู ทำลำยไฟไหม-้ นำ้ รอ้ นลวก Burn

สาเหตุ
SCALD
FLASH
CHEMICAL
ELECTRICAL
RADIATION

ปจั จยั ท่มี ีผลตอ่ ความรุนแรงของแผลไหม้
•age
•part of body burned
•concurrent injuries
•post medical Hx.
•Extent
•Depth
พยาธสิ รรี วทิ ยาของ แผลไหม้
กำรตอบสนองเฉพำะท่ี (Local response)

กำรตอบสนองทวั่ ร่ำงกำย (Systemic response)

8

การตอบสนองของรา่ งกายในระยะเฉียบพลนั Acute phase
• ภำยหลงั 72 ชวั่ โมงหลงั จำกเกดิ แผลไหม้ มรี ะยะเวลำของช่วงน้อี ยู่ท่ี 10 วนั ถงึ 1
เดอื น
•มกี ำรกลบั ของสำรนำ้ เขำ้ สู่หลอดเลอื ด
•มอี ตั รำกำรเผำผลำญทส่ี ูงข้นึ
•ปสั สำวะออกเพม่ิ มำกข้นึ กำรบวมลดลง
•ภำวะแทรกซอ้ นไดแ้ ก่ แผลตดิ เช้อื หวั ใจวำย ไตวำย กำรยดึ ตดิ ของขอ้ บรเิ วณทม่ี ี
แผลไหม้ ลำไสไ้ มเ่ คลอ่ื นไหว และกำรเกดิ แผลในกระเพำะอำหำร

การตอบสนองของรา่ งกายในระยะฟ้ื นฟู Rehabilitation phase
•เร่มิ ฟ้ืนฟสู ภำพเมอ่ื แผลหำยเหลอื บรเิ วณทม่ี บี ำดแผลไม่เกนิ 20 %
•กำรมขี อ้ จำกดั ในกำรเคลอ่ื นไหวและกำรเกดิ ขอ้ ยดึ ตดิ
•เกดิ กำรเปลย่ี นแปลงภำพลกั ษณ์
•กำรเปลย่ี นทำงดำ้ นบทบำท

Assessment
Physical Assessment
•กำรประเมนิ ขนำด
1. RULE OF NINES
2.LUND and BROWDER

•กำรประเมนิ ควำมลกึ
•กำรประเมนิ ควำมรุนแรงของแผลไหม้

Psychological Assessment

9

แนวทางการดูแลรกั ษาผูป้ ่ วยท่ีมแี ผลไหมใ้ นระยะฉุกเฉิน (emergent period)
•กำรประเมนิ ABC
•กำรใหส้ ำรนำ้ ทดแทน
•ใสส่ ำยสวนปสั สำวะเพอ่ื ประเมนิ urine output ทกุ ชวั่ โมง
•ใส่ NG-tube เพอ่ื ป้องกนั กำรสำลกั
•ประเมนิ ควำมปวดและจดั กำรควำมปวด
•ตดิ ตำมและประเมนิ สญั ญำณชพี
•ใหว้ คั ซนี เพอ่ื ป้องกนั บำดทะยกั ในผูป้ ่วยทย่ี งั ไมม่ ภี มู คิ มุ้ กนั

แนวทางการดูแลรกั ษาผูป้ ่ วยท่ีมแี ผลไหมใ้ นระยะเฉียบพลนั (Acute phase)
• ปฏบิ ตั ติ ำมหลกั Aseptic technique อย่ำงเคร่งครดั ขณะทำแผล
-Superficial and First degree burnกำรดูแลบำดแผลเนน้ ท่ี
กำรใช้ moisturizers เพอ่ื ควำมสุขสบำย จนกวำ่ ผวิ หนงั จะกลบั มำเป็นสปี กติ
-Deep partial-thickness burns และfull-thickness
burnsกำรดูแลบำดแผลจะตอ้ งทำกำรตดั แต่งเน้อื เยอ่ื ทำควำมสะอำดแผลวนั ละ 2
ครง้ั และกำรรกั ษำโดยใชย้ ำ silver sulfadiazine (SSD)ทำบรเิ วณ
บำดแผลซง่ึ SSD มฤี ทธ์ใิ นกำรฆ่ำเช้อื แบคทเี รยี ทง้ั แกรมบวกและแกรมลบ สำมำรถป้อง
กบั กำรตดิ เช้อื ได้
-Skin graft transplantation
•จดั ใหผ้ ูป้ ่วยอยู่ในหอ้ งแยก ขณะใหก้ ำรพยำบำลสวมเส้อื คลมุ หมวก หนำ้ กำกและถงุ มอื
•กำรส่งเสรกิ ำรไดร้ บั พลงั งำนโดยคำนวณจำกสูตร ( 25 Kcal/kg. X นน. เป็น
kg. )+ (40 Kcal/kg. X %TBSA burned) = พลงั งำนท่ี
ควรไดร้ บั ในหน่งึ วนั และเนน้ อำหำรทม่ี โี ปรตนี พลงั งำนและเกลอื แร่สูง
•กำรจดั กำรควำมปวดอย่ำงเหมำะสมทงั้ แบบใชย้ ำและไมใ่ ชย้ ำ
•กำรดูแลดำ้ นจติ ใจ
•ช่วยเหลอื ผูป้ ่วยในกำรทำ Range of motion

การดูแลรกั ษาผูป้ ่ วยท่มี ีแผลไหมร้ ะยะฟ้ื นฟสู ภาพ

•Therapeutic positioning
•Splinting
•Exercise
•Discharge planning

10

Bed sore

ปจั จยั ท่เี ก่ยี วขอ้ ง
1.Intensity of pressure
2.Tissue tolerance
3.Shear
4.Fiction
5.Poor perfusion
6.Duration of pressure

ระดบั ความรนุ แรงของแผลกดทบั

การพยาบาลผูป้ ่ วยท่ีมีแผลกดทบั
-ลดแรงกดทบั
-กำรทำควำมสะอำดร่ำงกำย
-กำรดูแลแผลกดทบั
-โภชนำกำรดี

การพยาบาลผูป้ ่ วยท่ีมีความผิดปกติของระบบผวิ หนัง
1.ภำวะเสย่ี งต่อกำรเกดิ ภำวะตดิ เช้อื ซำ้ ซอ้ นต่อผวิ หนงั บรเิ วณต่ำง ๆ
2. ควำมแขง็ แรงของผวิ หนงั บกพร่องเน่อื งจำกผวิ หนงั ถกู ทำลำย
3. เกดิ ควำมไมส่ ุขสบำย เน่อื งจำกกำรคนั อำกำรปวด
4. ภำวะโภชนำกำรไมเ่ พยี งพอกบั ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำย
5. มคี วำมบกพร่องในกำรเคลอ่ื นไหว/จำกดั กำรเคลอ่ื นไหวจำกกำรเจบ็ ปวด
และกำรดงึ รงั้ ของบำดแผล
6. อตั มโนทศั นเ์ ปลย่ี นแปลงเน่อื งจำกกำรเปลย่ี นแปลงภำพลกั ษณข์ องตนเอง

11

การพยาบาลผูป้ ่วยท่มี ปี ญั หาการติดเช้ือ

1.หลกั ในการประเมินการติดเช้ือในรา่ งกาย
1) กำรซกั ประวตั ิ

-กำรเจบ็ ป่วยดว้ ยโรคตดิ เช้อื ในครงั้ ก่อน
-กำรเขำ้ ไปในพ้นื ทท่ี ม่ี กี ำรตดิ เช้อื แพร่ระบำด
-ประวตั กิ ำรรบั ประทำนอำหำร
-สุขนิสยั ในกำรดำเนินชวี ติ ประจำวนั
-ประวตั กิ ำรไดร้ บั วคั ซนี
2) กำรตรวจร่ำงกำย
-ระบบผวิ หนงั
-ประเมนิ สญั ญำณชพี
3) กำรตรวจทำงหอ้ งปฏบิ ตั กิ ำร
-กำรตรวจเลอื ด

การพยาบาลผูป้ ่ วยท่มี ีปญั หาการติดเช้ือท่พี บบ่อย

1.Leptospirosis
โรคฉ่ีหนู (Leptospirosis) หรอื เรยี กอกี อย่ำงวำ่ โรคเลป็ โตสไปโรซสิ
เป็นกำรตดิ เช้อื แบคทเี รยี ชนิดหน่งึ ทเ่ี กดิ ข้นึ ไดท้ ง้ั กบั คนและสตั ว์ กำรตดิ เช้อื ใน
คนมสี ำเหตมุ ำจำกกำรสมั ผสั ดนิ นำ้ อำหำรทป่ี นเป้ือนปสั สำวะ เลอื ด หรอื
เน้อื เยอ่ื ของของสตั วท์ ต่ี ดิ เช้อื ชนดิ น้ี เช่น สุนขั ววั ควำย หนู สุกร มำ้ สตั วป์ ่ำ
เป็นตน้
อาการของโรคฉ่ีหนู
ผูต้ ดิ เช้อื จำกโรคฉ่ีหนูจะสำมำรถแสดงอำกำรไดต้ งั้ แต่ 2-30 วนั หลงั ไดร้ บั เช้อื
แต่สว่ นใหญ่มกั แสดงอำกำรในช่วงประมำณ 7-14 วนั ซง่ึ อำกำรของโรคน้ีอำจ
ปรำกฏตง้ั แต่ไมม่ อี ำกำรเลย มอี ำกำรขนั้ อ่อนไปจนถงึ ขน้ั รนุ แรงถงึ ชวี ติ
โรคฉ่ีหนูส่วนมำกมกั ไมท่ ำใหเ้กดิ อำกำรรนุ แรง มเี พยี งอำกำรทวั่ ๆ ไปคลำ้ ยโรค
หวดั ใหญ่ ดงั น้ี
-คลน่ื ไส้ อำเจยี น
-ปวดศีรษะ มไี ขส้ ูง หนำวสนั่
-ปวดกลำ้ มเน้อื หรอื ขอ้ ต่อ
-เจบ็ ช่องทอ้ ง
-รูส้ กึ เหน่อื ยลำ้
-ตำแดงหรอื ระคำยเคอื งทต่ี ำ
-มผี น่ื ข้นึ
-ไมอ่ ยำกอำหำร

12

สาเหตขุ องโรคฉ่ีหนู
เช้อื แบคทเี รยี ทท่ี ำใหเ้กดิ โรคฉ่ีหนูมชี อ่ื วำ่ เลป็ โตสไปรำ (Leptospira) มกั พบ
กำรตดิ เช้อื ชนดิ น้ไี ดใ้ นสุนขั หรอื สตั วต์ ำมฟำรม์ เช่น สุกร โค กระบอื รวมถงึ สตั วจ์ ำพวก
หนู โดยกำรแพร่เช้อื สูค่ นสำมำรถเกดิ ข้นึ ไดเ้มอ่ื ดวงตำ ปำก จมกู หรอื รำ่ งกำยสว่ นทเ่ี ป็น
แผลสมั ผสั กบั ปสั สำวะ เลอื ด หรอื เน้ือเย่อื จำกสตั วท์ ต่ี ดิ เช้อื
ผูท้ ท่ี ำงำนหรอื อยู่ในภำวะต่อไปน้อี ำจมคี วำมเสย่ี งต่อกำรตดิ เช้อื จำกโรคฉ่ีหนูสูง ควรตอ้ ง
ระมดั ระวงั เป็นพเิ ศษ ไดแ้ ก่
-คนทท่ี ำงำนฟำรม์ ปศุสตั วห์ รอื ทำงำนใกลช้ ดิ กบั สตั ว์ สมั ผสั เน้อื หรอื มลู ของสตั ว์
-คนแลเ่ น้อื หรอื คนทท่ี ำงำนกบั สตั วท์ ต่ี ำยแลว้
-ชำวประมงทห่ี ำสตั วต์ ำมแหลง่ นำ้ จดื
-ผูท้ อ่ี ำบนำ้ ตำมแมน่ ำ้ ลำคลอง ทเ่ี ป็นแหลง่ นำ้ จดื ทงั้ หลำย
-คนทท่ี ำกจิ กรรมหรอื เลน่ กฬี ำทำงนำ้ เช่น วำ่ ยนำ้ พำยเรอื แลน่ เรอื ลอ่ งแก่ง เป็นตน้
-สตั วแพทย์
-พนกั งำนกำจดั หนู
-พนกั งำนลอกท่อ
-คนงำนเหมอื ง
-ทหำร
-ผูม้ อี ำชพี สมั ผสั นำ้ หรอื คนทย่ี ำ่ นำ้ ในท่นี ำ้ ทว่ มขงั นำน ๆ

การวินิจฉยั โรคฉ่ีหนู
กำรตดิ เช้อื โรคฉ่ีหนูทไ่ี มร่ นุ แรงอำจยำกต่อกำรวนิ จิ ฉยั เน่อื งจำกมอี ำกำรคลำ้ ยคลงึ กบั โรค
อ่นื ๆ เช่น โรคหวดั ในขณะทโ่ี รคฉ่ีหนูชนดิ รนุ แรงจะวนิ จิ ฉยั ไดง้ ำ่ ยกวำ่ เน่อื งจำกแสดง
อำกำรรุนแรงมำกกวำ่ หำกแพทยพ์ จิ ำรณำแลว้ วำ่ มคี วำมเป็นไปไดท้ จ่ี ะเป็นกำรตดิ เช้อื จำก
โรคฉ่ีหนู จงึ อำจมกี ำรส่งตรวจเลอื ดหรอื ตรวจปสั สำวะอย่ำงใดอย่ำงหน่ึงหรอื ตรวจทงั้ คู่
ส่วนกรณีทผ่ี ูป้ ่วยมอี ำกำรของโรคชนดิ รนุ แรง อำจตอ้ งใชก้ ำรวนิ ิจฉยั วธิ ีอ่นื ร่วมดว้ ย เช่น
กำรเอกซเรยท์ รวงอก กำรตรวจเลอื ดเพอ่ื ดูกำรทำงำนของตบั และไตเพม่ิ เตมิ เป็นตน้

การรกั ษาโรคฉ่ีหนู
โดยมำกโรคฉ่ีหนูมกั ไมม่ อี ำกำรรนุ แรงและหำยดไี ดเ้อง หรอื อำจรกั ษำดว้ ยยำปฏชิ วี นะ
อย่ำงยำเพนซิ ลิ ลนิ (Penicillin) หรอื ดอกซไี ซคลนิ (Doxycycline)
เป็นระยะเวลำ 5-7 วนั ซง่ึ ควรตอ้ งรบั ประทำนตำมกำหนดใหค้ รบถว้ นแมอ้ ำกำรจะดขี ้นึ
แลว้ กต็ ำม เพอ่ื ใหแ้ น่ใจวำ่ เช้อื แบคทเี รยี ถกู กำจดั จนหมด และป้องกนั กำรกลบั ไปตดิ เช้อื
อกี ครง้ั

13

ภาวะแทรกซอ้ นของโรคฉ่ีหนู
ภำวะแทรกซอ้ นทพี บไดบ้ อ่ ยทส่ี ุดในผูป้ ่วยโรคฉ่ีหนูชนดิ รนุ แรง คอื ภำวะไตวำยเฉียบพลนั
สว่ นสำเหตกุ ำรตำยของผูป้ ่วยโรคน้สี ว่ นใหญ่เกดิ จำกภำวะเก่ยี วกบั ปอดทร่ี ำ้ ยแรงอย่ำงกำรมี
เลอื ดออกในปอด

การป้ องกนั โรคฉ่ีหนู
-ใหค้ วำมรูเ้ก่ยี วกบั กำรตดิ ต่อของโรคแก่ประชำชน โดยแนะนำใหห้ ลกี เลย่ี งกำรวำ่ ยนำ้ หรอื
กำรเดนิ ลยุ ในนำ้ ทอ่ี ำจปนเป้ือนเช้อื ปสั สำวะจำกสตั วน์ ำโรค หรอื ควรสวมใสร่ องเทำ้ บูต๊
ป้องกนั ทกุ ครง้ั หำกมคี วำมจำเป็น
-หมนั่ ตรวจตรำแหลง่ นำ้ และดนิ ทรำยทอ่ี ำจมเี ช้อื ปนเป้ือน ควรระบำยนำ้ ตำมทอ่ ระบำยออก
แลว้ ลำ้ งเพอ่ื กำจดั นำ้ ทป่ี นเป้ือน
-ส่งเสรมิ กำรป้องกนั โรคแก่ผูท้ ท่ี ำอำชพี ทม่ี คี วำมเสย่ี งทงั้ หลำย โดยใหส้ วมถงุ มอื ยำงหรอื
รองเทำ้ บูต๊
-ควบคมุ และกำจดั หนูตำมบรเิ วณทอ่ี ยู่อำศยั สถำนทท่ี ำงำน รวมถงึ สถำนท่ที อ่ งเทย่ี วต่ำง ๆ
โดยเฉพำะในพ้นื ทช่ี นบท
-แยกสตั วท์ ต่ี ดิ เช้อื ออกจำกสตั วช์ นิดอน่ื ๆ และบรเิ วณทอ่ี ยู่อำศยั เพอ่ื ป้องกนั กำร
แพร่กระจำยของเช้อื โรค
-ปศุสตั วแ์ ละสตั วเ์ ล้ยี งควรไดร้ บั กำรฉีดวคั ซนี ป้องกนั โรคฉ่ีหนู โดยเลอื กฉีดวคั ซนี ซโี รวำร์
(Serovars) สำหรบั ป้องกนั เช้อื ฉ่ีหนูชนดิ ทพ่ี บไดบ้ ่อยตำมทอ้ งถ่นิ นนั้ ๆ ทงั้ น้กี ำรฉีด
วคั ซนี แมจ้ ะสำมำรถป้องกนั โรคฉ่ีหนู แต่ไมอ่ ำจป้องกนั กำรตดิ เช้อื หรอื แพร่เช้อื ทำงปสั สำวะ
ได ้

การพยาบาลผูป้ ่ วยโรค Leptospirosis
1.เสย่ี งต่อกำรไดร้ บั อนั ตรำยจำกกำรเกดิ ภำวะแทรกซอ้ นของโรค
2.เสย่ี งต่อกำรไดร้ บั สำรอำหำรและนำ้ ไมเ่ พยี งพอกบั ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำย
เน่อื งจำกคลน่ื ไส้ อำเจยี น ปวดทอ้ ง

3.ไมส่ ุขสบำยจำกอำกำรปวดศีรษะ
4.ควำมทนต่อกจิ กรรมลดลงเน่อื งจำกพยำธสิ ภำพของโรค
5.วติ กกงั วลเน่อื งจำกควำมเจบ็ ป่วยรุนแรงของโรค
6.ขำดควำมรูใ้ นกำรปฏบิ ตั ติ วั ขณะเจบ็ ป่วยเน่อื งจำกควำมเจบ็ ป่วยครงั้ แรก

14

2. มาลาเรยี (Malaria)
มาลาเรยี (Malaria) คอื โรคทเ่ี กดิ จำกเช้อื โปรโตซวั แพร่สูร่ ่ำงกำยคนจำกกำรกดั

ของยุงกน้ ปลอ่ งเพศเมยี (Anopheles Spp.) ผูป้ ่วยจะมไี ขส้ ูงและหนำวสนั่
โดยมกั พบโรคน้ใี นเขตทม่ี ภี มู อิ ำกำศรอ้ นช้นื และมแี หลง่ นำ้ ขงั ตำมธรรมชำตมิ ำก ซง่ึ เป็นท่ี

อำศยั ของยุงกน้ ปลอ่ งทเ่ี ป็นพำหะนำโรค

อาการของมาลาเรยี
อำกำรของมำลำเรยี จะแตกต่ำงกนั ไป ระยะเวลำทเ่ี กดิ จะข้นึ อยู่กบั ชนดิ ของโปรโตซวั ทเ่ี ป็น
สำเหตุ โดยอำกำรของมำลำเรยี ทพ่ี บบ่อย ไดแ้ ก่

-มไี ขส้ ูง หนำวสนั่
-เหงอ่ื ออกมำก
-ปวดศีรษะ
-คลน่ื ไส้ อำเจยี น
-ปวดเมอ่ื ยกลำ้ มเน้อื
-ภำวะโลหติ จำง
-อจุ จำระเป็นเลอื ด
-อำกำรหมดสตไิ มร่ บั รูต้ ่อกำรกระตนุ้ ต่ำง ๆ หรอื โคมำ่

สาเหตขุ องมาลาเรยี มำลำเรยี เกดิ จำกกำรตดิ เช้อื โปรโตซวั ทเ่ี รยี กวำ่ พลำสโมเดยี ม

(Plasmodium) มยี ุงกน้ ปลอ่ งเพศเมยี เป็นพำหะ โดยเช้อื โปรโตซวั พลำสโม
เดยี ม (Plasmodium) มอี ยู่หลำยชนิดดว้ ยกนั แต่ชนิดทท่ี ำใหเ้กดิ โรคในคนมี
อยู่ 5 ชนดิ ไดแ้ ก่

พลำสโมเดยี ม ฟลั ซพิ ำรมั (Plasmodium Falciparum)
พลำสโมเดยี ม ไวแวก็ ซ์ (P.Vivax)
พลำสโมเดยี ม มำลำรอิ ่ี (P.Malariae)
พลำสโมเดยี ม โอวำเล่ (P.Ovale)
พลำสโมเดยี ม โนวไ์ ซ (P. Knowlesi)
เช้อื ทพ่ี บไดบ้ ่อยทส่ี ุดในประเทศไทย คอื พลำสโมเดยี ม ฟลั ซพิ ำรมั

(Plasmodium Falciparum) และรองลงมำ คอื พลำสโมเดยี ม ไว
แวก็ ซ์ (P.Vivax)

การวนิ ิจฉยั มาลาเรยี

แพทยจ์ ะวนิ จิ ฉยั โดยกำรซกั ประวตั แิ ละกำรเดนิ ทำงของผูป้ ่วย รวมไปถงึ กำรตรวจร่ำงกำย

และตรวจเลอื ด โดยสว่ นใหญ่แพทยจ์ ะใชก้ ำรตรวจเลอื ดทเ่ี รยี กวำ่ Thick

Smear และ Thin Smear 15

การรกั ษามาลาเรยี
มำลำเรยี รกั ษำได้ หำกไดร้ บั กำรวนิ จิ ฉยั และกำรรกั ษำอย่ำงทนั ทว่ งที แพทยจ์ ะรกั ษำดว้ ย
กำรดูแลประคบั ประคองอำกำร รวมทงั้ บำบดั รกั ษำภำวะแทรกซอ้ น และใหย้ ำฆ่ำเช้อื
มำลำเรยี (Antimalarial) ซง่ึ กำรเลอื กชนดิ ของยำหรอื รูปแบบกำรใหย้ ำจะ
ประกอบไปดว้ ยหลำยปจั จยั ดว้ ยกนั เช่น ชนิดของโปรโตซวั ควำมรุนแรงของอำกำร อำยุ
ของผูป้ ่วย กำรตง้ั ครรภ์ รวมไปถงึ กำรด้อื ยำ

ภาวะแทรกซอ้ นของมาลาเรยี
ภำวะแทรกซอ้ นทร่ี ุนแรงและเป็นอนั ตรำยถงึ ชวี ติ ไดแ้ ก่
-ภำวะโลหติ จำง (Anaemia) เป็นภำวะทเ่ี มด็ เลอื ดแดงไมส่ ำมำรถลำเลยี ง
ออกซเิ จนไปยงั กลำ้ มเน้อื และอวยั วะทส่ี ำคญั ของร่ำงกำย เน่อื งจำกเซลลเ์มด็ เลอื ดแดงถกู
ทำลำย
-มำลำเรยี ข้นึ สมอง (Cerebral Malaria) เช้อื มำลำเรยี ส่งผลกระทบต่อ
สมอง ทำใหห้ ลอดเลอื ดในสมองบวม ซง่ึ สรำ้ งควำมเสยี หำยใหส้ มองไดอ้ ย่ำงถำวร และ
อำจทำใหเ้กดิ อำกำรชกั หรอื โคมำ่ ได้
-ปอดบวมนำ้ (Pulmonary Oedema) เกดิ กำรสะสมของเหลวใน
ปอดทำใหม้ ปี ญั หำในกำรหำยใจ
อวยั วะภำยในลม้ เหลว เช่น ตบั ไต หรอื มำ้ ม
-มำ้ มบวมและแตก
-ภำวะนำ้ ตำลในเลอื ดตำ่ (Hypoglycaemia)
-ภำวะกำรหำยใจลม้ เหลวเฉียบพลนั (Acute Respiratory
Distress Syndrome: ARDS)
-อำกำรชอ็ กเน่อื งจำกควำมดนั โลหติ ลดลงอย่ำงรวดเรว็

การป้ องกนั มาลาเรยี
-สวมเส้อื ผำ้ สอี ่อนและปกปิดร่ำงกำยไดอ้ ย่ำงมดิ ชดิ เช่น เส้อื แขนยำวและกำงเกงขำยำว
-ใชย้ ำทม่ี สี ำรไลแ่ มลงทำผวิ หนงั
-นอนในมงุ้ หรอื บรเิ วณทป่ี ลอดจำกยุง อำจใชม้ งุ้ ชบุ ยำไลย่ ุงเพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธิภำพในกำร
ป้องกนั ยุง

ขอ้ วินิจฉยั การพยาบาลท่พี บบ่อยในผูป้ ่ วยมาลาเรยี
1.เสย่ี งต่อกำรไดร้ บั อนั ตรำยจำกกำรเกดิ ภำวะแทรกซอ้ นของโรคทด่ี ำเนินอยู่
2.ไดร้ บั สำรอำหำรเพยี งพอกบั ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำยเน่อื งจำกมกี ำรเผำผลำญของพลงั งำน
มำกผดิ ปกตจิ ำกพยำธิสภำพของกำรตดิ เช้อื แบคทเี รยี
3.ควำมทนต่อกจิ กรรมลดลงเน่อื งจำกมกี ำรทำลำยเมด็ เลอื ดแดงทำใหป้ รมิ ำณออกซเิ จนลดลง

16

3.เมลอิ อยโดสสิ (Melioidosis)
Melioidosis โรคเมลอิ อยด หรอื เมลอิ อยโดสสิ เป็นโรคตดิ เช้อื จำกแบคทเี รยี
แกรมลบชนดิ แทง่ (Gram-negative rods) ยอ้ มเช้อื จะพบวำ่ มลี กั ษณะ
ตดิ สชี ดั ทป่ี ลำยทงั้ สองดำ้ นทำใหด้ ูคลำ้ ยเขม็ กลดั ซอ่ นปลำย (Closed safety
pin)ทป่ี นเป้ือนไดใ้ นนำ้ และดนิ แพร่กระจำยสู่คนผำ่ นกำรสมั ผสั เช้อื โดยตรงหรอื โดยกำร
ตดิ ต่อจำกสตั วท์ ต่ี ดิ เช้อื เช่น สุนขั แมว หมู มำ้ ววั ควำย แกะ แพะ เป็นตน้ พบอตั รำกำร
ป่วยมำกทส่ี ุดในช่วงฤดูฝน โดยในประเทศไทยจะพบมำกในแถบภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื
นอกจำกน้ี ยงั ถอื วำ่ เป็นโรคทม่ี อี ตั รำกำรป่วยตำยสูง

กลมุ่ เสย่ี งทส่ี ุด คอื
-ผูป้ ่วยโรคเบำหวำนโรคพษิ สุรำเร้อื รงั โรคไตเร้อื รงั
-ผูท้ ส่ี มั ผสั เช้อื จำกดนิ หรอื นำ้ เช่น เกษตรกร เดก็ ๆทเ่ี ลน่ นำ้ ในนำ
-ผูม้ โี รคประจำตวั ทเ่ี ป็นสำเหตใุ หม้ ภี มู คิ มุ้ กนั ตำ่ อ่นื ๆเช่น โรคมะเร็ง ผูไ้ ดร้ บั ยำกดภมู คิ มุ้ กนั -
-ผูป้ ่วยทไ่ี ดร้ บั ยำสเตยี รอยดเ์ ป็นเวลำนำน หรอื ผูท้ ท่ี ำนยำตม้ ยำหมอ้ ยำชดุ ยำลูกกลอนทม่ี สี
เตยี รอยดป์ นเป้ือน

อำกำรของโรคเมลอิ อยด์
โรคเมลอิ อยดเ์ กดิ ข้นึ ไดใ้ นหลำยลกั ษณะและมกั แสดงอำกำรทแ่ี ตกต่ำงกนั ออกไปข้นึ อยู่กบั
อวยั วะภำยในร่ำงกำยทม่ี กี ำรตดิ เช้อื ดงั น้ี
-กำรตดิ เช้อื ทป่ี อด เกดิ จำกกำรสูดดมเช้อื เขำ้ ไป ซง่ึ เป็นรูปแบบกำรตดิ เช้ือทพ่ี บไดบ้ อ่ ยทส่ี ุด
ของโรคน้ี โดยกำรตดิ เช้อื ทป่ี อดนนั้ อำจจะทำใหเ้กดิ กำรอกั เสบและทำใหม้ ฝี ีหนองในปอด
ตำมมำ อำกำรทป่ี รำกฏใหเ้หน็ มไี ดต้ ง้ั แต่หลอดลมอกั เสบชนิดไมร่ นุ แรงไปจนถงึ อำกำรของโรค
ปอดบวมชนิดรุนแรง
-กำรตดิ เช้อื ในกระแสเลอื ด มกั ทำใหเ้กดิ อำกำรชอ็ ก และเสย่ี งต่อกำรเสยี ชวี ติ สูง ทงั้ น้ี หำกเช้อื
แบคทเี รยี เมลอิ อยดเ์ ขำ้ สู่กระแสเลอื ด อำจส่งผลใหม้ อี ำกำรปวดศีรษะ มไี ข้ หำยใจลำบำก รูส้ กึ
ไมส่ บำยทอ้ ง ปวดขอ้ ต่อ และมภี ำวะสูญเสยี กำรรบั รูด้ ำ้ นสถำนท่ี เวลำ และบคุ คลได้
-เช้อื กระจำยทวั่ ร่ำงกำย เช้อื เมลอิ อยดส์ ำมำรถแพร่กระจำยจำกผวิ หนงั ผ่ำนเลอื ดไปสู่อวยั วะ
อน่ื ๆ จนกลำยเป็นกำรตดิ เช้อื เร้อื รงั ทอ่ี ำจส่งผลต่อหวั ใจ สมอง ตบั ไต มำ้ ม ต่อมลูกหมำก
ขอ้ ต่อ ต่อมนำ้ เหลอื ง กระดูก และดวงตำ ซง่ึ กำรตดิ เช้อื เหลำ่ น้อี ำจเกดิ ขน้ึ อย่ำงฉบั พลนั หรอื
เร้อื รงั กไ็ ด้ สงั เกตจำกอำกำรของผูป้ ่วยทอ่ี ำจมไี ข้ นำ้ หนกั ลด ปวดทอ้ ง เจบ็ หนำ้ อก ปวด
กลำ้ มเน้อื หรอื ขอ้ ต่อ ปวดศีรษะ หรอื เกดิ อำกำรชกั

17

การวินิจฉยั โรคเมลอิ อยด

-Health History
-Laboratory
-CBC :Leukopenia
-Gram stain / culture พบ เช้อื

Burkholderiapseudomallei
-Antibody เพม่ิ ข้นึ (Gold blot detection IgM,

IgGELISA, PCR)
-Indirect hemaemagglutinationtest (IHA) (ไมน่ ิยมใช้
วนิ จิ ฉยั ในถน่ิ ทม่ี กี ำรระบำด เช่น ใหผ้ ลบวก Titer จะเพม่ิ ข้นึ 4 เท่ำจำก baselineเช่น
>1:160 แต่ผลน้มี คี วำมคลำดเคลอ่ื นถำ้ ใชใ้ นถน่ิ ทม่ี กี ำรระบำด)

-Chest x-ray :Lobar pneumonia, pulmonary
edema, โพรงฝี
-Ultrasound พบฝีในตบั ขนำดเลก็ กระจำยอยู่ทวั่ ไปดูคลำ้ ยกบั รงั ผ้งึ (Honey
comb) หรอื เนยของชำวสวสิ (Swiss cheese appearance)

การรกั ษาโรคเมลอิ อยด

-Antibiotics
◦Ceftazidime(Fortum)
◦Imipenem, meropenem
◦Doxycycline

-Operation
-Symptomatic treatment

การป้ องกนั โรคเมลอิ อยด

-ผูป้ ่วยทม่ี ภี มู ติ ำ้ นทำงร่ำงกำยบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ มะเร็ง หรอื ตอ้ งรบั กำรรกั ษำดว้ ยกำร

ทำเคมบี ำบดั ผูป้ ่วยโรคเบำหวำน โรคไตเร้อื รงั หรอื ผูท้ ม่ี แี ผลเปิดบนผวิ หนงั ควรหลกี เลย่ี ง

กำรสมั ผสั กบั ดนิ และนำ้ ทอ่ี ำจมเี ช้อื แบคทเี รยี เจอื ปน โดยเฉพำะบรเิ วณท่ีมฟี ำรม์ ปศุสตั ว์

-ผูท้ ท่ี ำกำรเกษตรควรสวมรองเทำ้ บูทเพอ่ื ป้องกนั กำรตดิ เช้อื จำกกำรทเ่ี ทำ้ และขำสมั ผสั กบั

ดนิ

-ผูท้ ท่ี ำงำนใกลช้ ดิ ผูป้ ่วย เช่น แพทย์ พยำบำล เจำ้ หนำ้ ทใ่ี นหอ้ งปฏิบตั กิ ำร ควรสวม 18

อปุ กรณป์ ้องกนั อยำ่ งเหมำะสม ไดแ้ ก่ หนำ้ กำกอนำมยั ถงุ มอื และเส้อื คลมุ

ขอ้ วนิ ิจฉยั ทางการพยาบาล
-เสย่ี งต่อกำรแลกเปลย่ี นกำ๊ ซบกพร่องเน่อื งจำกกำรเกดิ พยำธิสภำพของกำรตดิ เช้อื ในระบบ
ทำงเดนิ หำยใจ
-เสย่ี งต่อกำรกำรกำซำบเลอื ดของเน้อื เย่อื ไมเ่ พยี งพอจำกกำรตดิ เช้อื เขำ้ สูก่ ระแสเลอื ด
-เสย่ี งต่อกำรเสยี สมดลุ ของนำ้ และelectrolytesเน่อื งจำกกำรเกดิ พยำธิสภำพของ
กำรตดิ เช้อื ในระบบทำงเดนิ ปสั สำวะ
-ไมส่ ุขสบำยเน่อื งจำกมไี ขส้ ูง ปวดศีรษะ ปวดกลำ้ มเน้อื ฯลฯ
-กำรปฏบิ ตั ติ วั ไมเ่ หมำะสมเน่อื งจำกขำดควำมรูเ้ ร่อื งโรค
-วติ กกงั วล

กจิ กรรมการพยาบาล
1.เส่ยี งต่อการแลกเปลย่ี นกา๊ ซบกพรอ่ งเน่ืองจากการเกดิ พยาธิสภาพของการติดเช้ือใน
ระบบทางเดินหายใจ
-ประเมนิ ประสทิ ธภิ ำพกำรแลกเปลย่ี นกำ๊ ซ (PaO2/FiO2, Oxygen
saturation) และอำกำรแสดงของภำวะtissue hypoxia
-Bed rest, Fowler’s positionแยกผูป้ ่วยถำ้ เป็นไปได้
-Clear airway, give oxygen as ordered
-ประเมนิ สญั ญำณชพี ทกุ 4ชวั่ โมง
-ใหก้ ำรดูแลโดยยดึ หลกั aseptic techniqueและstandard
precaution
-สอนbreathing exerciseและeffective cough
-Hygiene care
-Wound dressing with aseptic technique
-ใหย้ ำantibioticและ IV fluid ตำมแผนกำรรกั ษำ
-Nutrition management
-Environmental care
-แนะนำญำตเิ ร่อื งinfection control
-ตดิ ตำมผลกำรตรวจทำงหอ้ งปฏบิ ตั กิ ำรทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง

19

4.ไขห้ วดั นก (Avian Influenza)
ไขห้ วดั นก (Bird Flu, Avian Flu) เป็นโรคตดิ เช้อื ไวรสั ไขห้ วดั ใหญ่สำยพนั ธุ์
เอทเ่ี กดิ ข้นึ ในสตั วป์ ีก เช้อื ไวรสั ไขห้ วดั นกส่วนใหญ่ไมส่ ำมำรถแพร่เช้ือสูค่ นได้ เวน้ แต่เช้อื
ไวรสั ไขห้ วดั นก 2 สำยพนั ธุท์ เ่ี คยพบกำรแพร่เช้อื จำกสตั วส์ ูค่ นจนทำใหเ้กดิ กำรระบำด ไดแ้ ก่
-สายพนั ธุ H5N1 พบกำรระบำดในประเทศไทยครง้ั แรกปี พ.ศ. 2547 และมกี ำรระบำด
ในประเทศแถบเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ รวมทง้ั ประเทศจนี และฮ่องกง
-สายพนั ธุ H7N9 พบกำรระบำดในประเทศจนี ปี พ.ศ. 2556 แต่ไมพ่ บกำรระบำดใน
ประเทศไทย

อาการของไขห้ วดั นก
ไขห้ วดั นกเป็นโรคตดิ เช้อื ไวรสั ทม่ี รี ะยะเวลำในกำรฟกั ตวั ของเช้อื ก่อนแสดงอำกำรอยู่ท่ี
ประมำณ 3-5 วนั ทง้ั น้หี ำกเป็นเช้อื ไวรสั สำยพนั ธุ์ H5N1 อำจใชเ้วลำฟกั ตวั ไดถ้ งึ 17
วนั ในขณะทส่ี ำยพนั ธุ์ H7N9 จะใชเ้วลำ 1-10 วนั แต่โดยปกตแิ ลว้ จะอยู่ทป่ี ระมำณ 5
วนั โดยในช่วงทเ่ี ช้อื ฟกั ตวั จะยงั ไมม่ อี ำกำรใด ๆ แต่หำกเขำ้ สู่ระยะแสดงอำกำรแลว้ อำกำร
ทวั่ ไปทพ่ี บไดค้ อื
-มไี ขส้ ูง
-ปวดกลำ้ มเน้อื
-ปวดศีรษะ
-มปี ญั หำเก่ยี วกบั ระบบทำงเดนิ หำยใจ เช่น ไอ หรอื มนี ำ้ มกู ไหล

การวนิ ิจฉยั โรคไขห้ วดั นก
กำรวนิ จิ ฉยั โรคไขห้ วดั นกนนั้ ไมส่ ำมำรถทำไดด้ ว้ ยตนเอง เน่อื งจำกอำกำรเร่ิมแรกนนั้ คลำ้ ย
กบั โรคไขห้ วดั ใหญ่ทวั่ ไป ดงั นน้ั เมอ่ื เร่มิ มอี ำกำรไขส้ ูง ปวดกลำ้ มเน้ือ ปวดศีรษะ ควรรบี ไป
พบแพทย์

การรกั ษาไขห้ วดั นก
ยำทแ่ี พทยม์ กั ใชใ้ นกำรรกั ษำโรคไขห้ วดั นก ไดแ้ ก่
ยำโอเซทำมเิ วยี ร์ (Oseltamivir)
ยำซำนำมเิ วยี ร์ (Zanamivir)

วธิ ปี ้ องกนั ไขห้ วดั นก
วธิ ปี ้องกนั ไขห้ วดั นกทด่ี ที ส่ี ุดคือกำรหลกี เลย่ี งกำรสมั ผสั เช้อื ควรหลกี เล่ียงกำรเขำ้ ใกลส้ ตั วป์ ีกทกุ ชนิด
หำกหลกี เลย่ี งไม่ไดก้ ็ควรลำ้ งมอื ทกุ ครงั้ หลงั จำกสมั ผสั กบั สตั วป์ ีก

20

5.โรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019
ขณะน้ยี งั ไมม่ ใี ครทรำบชดั เจนถงึ แหลง่ กำเนดิ ของเช้อื ไวรสั โคโรนำสำยพนั ธุใ์ หม่ ก่อนหนำ้
น้มี กี ำรสนั นษิ ฐำนวำ่ ไวรสั ชนดิ น้อี ำจเร่มิ ตดิ ต่อจำกสตั วป์ ่ำมำสู่คน โดยมตี น้ ตอของกำร
แพร่ระบำดจำกงเู ห่ำจนี (Chinese cobra) และงสู ำมเหลย่ี มจนี
(Chinese krait) ทน่ี ำมำวำงจำหน่ำยในตลำดสดเมอื งอู่ฮนั่ ซง่ึ เป็นสถำนทพ่ี บ
ผูต้ ดิ เช้อื กลมุ่ แรก ๆ

อาการ
องคก์ ำรอนำมยั โลก ระบวุ ำ่ ผูต้ ดิ เช้อื ไวรสั โคโรนำสำยพนั ธุใ์ หม่ จะมอี ำกำรเร่มิ แรกคอื มไี ข้
ตำมมำดว้ ยอำกำรไอแหง้ ๆ หลงั จำกนน้ั รำว 1 สปั ดำหจ์ ะมปี ญั หำหำยใจตดิ ขดั ผูป้ ่วย
อำกำรหนกั จะมอี ำกำรปอดบวมอกั เสบร่วมดว้ ย หำกอำกำรรุนแรงมำกอำจทำใหอ้ วยั วะ
ภำยในลม้ เหลว
ขณะทก่ี รมควบคมุ โรค กระทรวงสำธำรณสุข แนะนำวำ่ หำกผูท้ เ่ี ดนิ ทำงมำจำกพ้นื ทเ่ี สย่ี ง
กำรระบำดของโรคมอี ำกำรไข้ ร่วมกบั อำกำรทำงเดนิ หำยใจอย่ำงใดอย่ำงหน่งึ เช่น ไอ เจบ็
คอ มนี ำ้ มกู หำยใจเหน่อื ยหอบ ควรรบี พบแพทยท์ นั ที
การป้ องกนั
ปจั จบุ นั ยงั ไมท่ รำบชดั เจนวำ่ เช้อื ไวรสั โคโรนำสำยพนั ธุใ์ หมแ่ พร่กระจำยจำกคนสู่คนได้
อย่ำงไร แต่เช้อื ไวรสั ชนดิ คลำ้ ยกนั แพร่ผ่ำนทำงละอองของเหลวทอ่ี อกมำจำกกำรไอและจำม
คำแนะนำทด่ี ที ส่ี ุดจำก องคก์ ำรอนำมยั โลกคอื เรำสำมำรถป้องกนั ตวั เองจำกไวรสั ทต่ี ดิ ต่อ
ทำงระบบทำงเดนิ หำยใจทกุ ชนิดไดด้ ว้ ยกำรลำ้ งมอื เลย่ี งกำรเขำ้ ใกลค้ นทไ่ี อหรอื จำม และ
พยำยำมอย่ำสมั ผสั ใบหนำ้ ดวงตำ จมกู และปำก

21

การพยาบาลผูป้ ่ วยท่มี ีปญั หาการตดิ เช้ือในโรงพยาบาล
ควำมหมำย: โรคตดิ เช้อื ในโรงพยำบำล (Nosocomial Infection) คอื
โรคตดิ เช้อื ทเ่ี กดิ จำกกำรไดร้ บั เช้อื ขณะทผ่ี ูป้ ่วยไดร้ บั กำรตรวจ และ/หรอื กำรรกั ษำ ใน
โรงพยำบำลและไมอ่ ยู่ในระยะฟกั ตวั ของเช้อื มกั เกดิ ข้นึ ในผูป้ ่วยทร่ี บั ไวร้ กั ษำในโรงพยำบำล
แลว้ นำนเกนิ 48-72ชวั่ โมงบคุ คลอ่นื เช่น แพทย์ พยำบำล บคุ ลำกรทำงกำรแพทย์ หรอื ผูม้ ำ
เย่ยี มผูป้ ่วย หำกไดส้ มั ผสั และรบั เช้อื ในโรงพยำบำลกอ็ ำจเกดิ ตดิ เช้อื ในโรงพยำบำลได้

โรคตดิ เช้ือในโรงพยาบาลท่พี บบอ่ ย
1. การติดเช้ือระบบทางเดินหายใจสว่ นลา่ ง Lower Respiratory

Tract Infection
หมำยถงึ กำรตดิ เช้อื ทท่ี ำใหเ้กดิ ปอดอกั เสบทเ่ี กดิ ข้นึ ในโรงพยำบำล
เกณฑก์ ำรวนิ ิจฉยั ปอดอกั เสบในโรงพยำบำล
-Chest x-ray: ปอดมี infiltration, consolidation,
cavitationหรอื มนี ำ้ ในช่องเย่อื หมุ้ ปอดโดยไมม่ สี ำเหตอุ น่ื ทงั้ ท่เี กดิ ข้นึ ใหม่ หรอื ทม่ี ี
อยู่เดมิ แต่มคี วำมรุนแรงมำกข้นึ และ อำกำรแสดงต่อไปนี อย่ำงนอ้ ย 2ขอ้
• มไี ข้ ≥ 38 C
•ไอมเี สมหะข้นึ ใหมห่ รอื เพม่ิ ปรมิ ำณข้นึ จำกเดมิ
•WBC ใน CBC > 12,000 or < 4,000 cells/ml
ประเภทของปอดอกั เสบในโรงพยาบาล
-ปอดอกั เสบในโรงพยำบำล (hospital-acquired pneumonia,
HAP) ปอดอกั เสบทเ่ี กดิ ข้นึ หลงั จำกรบั ไวร้ กั ษำตวั ในโรงพยำบำลตงั้ แต่ 48 ชวั่ โมงข้นึ ไป
โดยทผ่ี ูป้ ่วยไมไ่ ดร้ บั กำรสอดใส่ท่อช่วยหำยใจในขณะทท่ี ำกำรวนิ ิจฉยั โรค
-ปอดอกั เสบทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั เคร่อื งช่วยหำยใจ(ventilator-associated
pneumonia, VAP) : ปอดอกั เสบทเ่ี กดิ ข้นึ หลงั จำกกำรใส่ท่อช่วยหำยใจ
ตง้ั แต่ 48 ชวั่ โมงข้นึ ไป จนถงึ 48 ชวั่ โมงหลงั ถอดท่อช่วยหำยใจ ไมว่ ำ่ ยงั ใชเ้ คร่อื งช่วยหำยใจ
หรอื ไมก่ ต็ ำม

22

2. การตดิ เช้ือทางเดนิ ปสั สาวะ (Urinary tract infection: UTI)
คอื กำรอกั เสบของทำงเดนิ ปสั สำวะเน่อื งจำกภำวะตดิ เช้อื หลงั จำกทผ่ี ูป้ ่วยเขำ้ รบั กำรรกั ษำใน
โรงพยำบำล แบง่ ตำมตำแหน่งทเ่ี กดิ 2ประเภทคอื
-กำรตดิ เช้อื ในทำงเดนิ ปสั สำวะสว่ นลำ่ ง กำรตดิ เช้อื บรเิ วณกระเพำะปสั สำวะ ลงไปจนถงึ ท่อ
ปสั สำวะ
-กำรตดิ เช้อื ในทำงเดนิ ปสั สำวะส่วนบน กำรตดิ เช้อื ของท่อไต กรวยไต และเน้อื ไต

เกณฑการวินิจฉยั UTI
1. เพำะเช้อื จำกปสั สำวะพบเช้อื > 105CFU/ml และมเี ช้อื ไมเ่ กนิ 2 ชนดิ และมอี ำกำร
แสดงต่อไปน้อี ย่ำงนอ้ ย 1ขอ้ คอื
-มไี ข้ ≥ 38 หรอื
-ปสั สำวะกะปรดิ กะปรอย ปสั สำวะบ่อย ปสั สำวะลำบำก หรอื กดเจบ็ บรเิ วณหวั เหน่ำ
2.มี S & S ของ UTI อย่ำงนอ้ ย 1อย่ำง และตรวจพบอย่ำงนอ้ ย 1ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
• พบ Leukocytes esterase และ/หรอื nitrate ในปสั สำวะ
• ปสั สำวะเป็นหนอง (WBC > 10 cell/mm3 หรอื > 3 cell/HPFใน
ปสั สำวะทไ่ี มไ่ ดป้ นั่ )
• ยอ้ ม gram stain พบเช้อื จำกปสั สำวะทไ่ี มไ่ ดป้ นั่ และ
• ผลกำรเพำะเช้อื ในปสั สำวะพบเช้อื > 103 CFU/ml และ < 105 CFU/ml เช้อื
ไมเ่ กนิ 2 ชนดิ

3. การติดเช้ือแผลผ่าตดั (Surgical site infection: SSI)
กำรตดิ เช้อื ทแ่ี ผลผ่ำตดั หรอื ทบ่ี รเิ วณทท่ี ำหตั ถกำรอนั ก่อใหเ้กดิ กำรตดั ผำ่ นผวิ หนงั โดยกำร
ตดิ เช้อื อำจเกดิ ตงั้ แต่ชนั้ ผวิ หนงั เน้อื เย่อื ใตผ้ วิ หนงั เน้อื เยอ่ื พงั ผดื ลกึ ลงไปถงึ กลำ้ มเน้อื และ
อวยั วะหรอื ช่องวำ่ งภำยในอวยั วะภำยใน
•เกดิ จำกกำรไดร้ บั เช้อื จลุ ชพี ขณะทอ่ี ยู่ในโรงพยำบำล โดยอำจจะเป็นเช้อื ท่ี
•อยู่ในตวั ผูป้ ่วยเอง (endogenous microorganism)
•จำกภำยนอกร่ำงกำยผูป้ ่วย (exogenous microorganism)

23

3.1 Superficial Incisional SSI
กำรตดิ เช้อื ของแผลผำ่ ตดั ทผ่ี วิ หนงั และเน้อื เยอ่ื ใตผ้ วิ หนงั ทเ่ี กดิ ภำยใน 30 วนั หลงั ผำ่ ตดั
วนิ ิจฉยั จำก:
1.มหี นองออกจำกแผลผ่ำตดั
2.แยกเช้อื ได้ (ของเหลว/เน้อื เย่อื จำกแผลผ่ำตดั )
3.S & S ของแผลตดิ เช้อื อย่ำงนอ้ ย 1อย่ำง ไดแ้ ก่ ปวด หรอื กดเจบ็ แผลบวม แดง หรอื
รอ้ น
4.ศลั ยแพทยเ์ ปิดแผลออกก่อนถงึ กำหนดตดั ไหม (ยกเวน้ เมอ่ื เพำะเช้อื แลว้ ใหผ้ ลลบ
5.แผลปิดทม่ี หี นอง หรอื นำของเหลวเพำะเช้อื ใหผ้ ลบวก
6.แผลแยก ยกเวน้ เมอ่ื นำของเหลวไปเพำะเช้อื แลว้ ใหผ้ ลลบ
3.2 Deep Incisional SSI
กำรตดิ เช้อื ทต่ี ำแหน่งผำ่ ตดั ชน้ั พงั ผดื และกลำ้ มเน้อื ทเ่ี กดิ ภำยใน 30 วนั หลงั ผ่ำตดั Dxเมอ่ื มี
อย่ำงนอ้ ย 1ขอ้
-มหี นองไหลจำกชใ้ั ตผ้ วิ หนงั บรเิ วณผ่ำตดั
-แผลผำ่ ตดั แยกเองหรอื ศลั ยแพทยเ์ ปิดแผล และกำรเพำะเช้อื เป็นบวก หรอื ผูป้ ่วยมอี ำกำรหรอื
อำกำรแสดงอย่ำงนอ้ ย 1 อย่ำงต่อไปน้ี มไี ข้ (> 38 C) หรอื ปวดหรอื กดเจบ็ บรเิ วณแผล
-พบฝี (abscess) หรอื หลกั ฐำนอ่นื ทแ่ี สดงกำรตดิ เช้อื
-ศลั ยแพทยว์ นิ จิ ฉยั วำ่ มกี ำรตดิ เช้อื ทแ่ี ผลผ่ำตดั ชน้ั พงั ผดื และกลำ้ มเน้ือ

3.3 Organ/Space SSI

กำรตดิ เช้อื อวยั วะทผ่ี ่ำตดั ทเ่ี กดิ ข้นึ ภำยใน 30วนั หลงั กำรผำ่ ตดั หรอื ภำยใน 1ปีหลงั กำรผำ่ ตดั
เมอ่ื มกี ำรใส่อปุ กรณท์ ำงกำรแพทยเ์ ขำ้ ไปในตวั ผูป้ ่วย
วนิ ิจฉยั เมอ่ื ผูป้ ่วยมอี ำกำรอย่ำงนอ้ ย 1 ขอ้ ต่อไปน้ี
-มหี นองออกจำกทอ่ ระบำยทใ่ี ส่ไวภ้ ำยในอวยั วะหรอื ช่องโพรงในร่ำงกำย
-เพำะเช้อื ไดจ้ ำกของเหลวหรอื เน้อื เยอ่ื จำกอวยั วะหรอื ช่องโพรงในร่ำงกำย
-พบฝี หรอื หลกั ฐำนกำรตดิ เช้อื จำกกำรตรวจพบโดยตรงขณะผำ่ ตดั หรอื จำกกำรตรวจ
เน้อื เยอ่ื หรอื กำรตรวจทำงรงั สวี ทิ ยำ
-ศลั ยแพทยว์ นิ จิ ฉยั วำ่ มกี ำรตดิ เช้อื ทอ่ี วยั วะหรอื ช่องโพรงในร่ำงกำย

24

4. การติดเช้ือในกระแสเลอื ดในโรงพยาบาล (nosocomial blood
stream infection: BSI)
กำรตดิ เช้อื แบคทเี รยี (bacteremia) หรอื เช้อื รำ (fungemia) ใน
กระแสเลอื ดหลงั จำกทอ่ี ยู่ในโรงพยำบำลแลว้ ไมต่ ำ่ กวำ่ 48ชวั่ โมง โดยทไ่ี ม่มกี ำรตดิ เช้อื ท่ี
อวยั วะอน่ื ๆ
•สว่ นใหญ่ของกำรตดิ เช้อื ในกระแสเลอื ดในรพ.มกั เป็น device -
associated bloodstream infection

วินิจฉยั เม่ือผูป้ ่ วยมีอาการและอาการแสดงเขา้ ไดก้ บั เกณฑอยา่ งนอ้ ย1ขอ้ ดงั ตอ่ ไปน้ี
-เพำะเช้อื จำกเลอื ดพบเช้อื ก่อโรคทม่ี กั เป็นสำเหตกุ ำรตดิ เช้อื ในกระแสเลอื ด ตงั้ แต่ 1 ตวั อย่ำง
และเช้อื นนั้ ไมส่ มั พนั ธก์ บั กำรตดิ เช้อื ในโรงพยำบำลทต่ี ำแหน่งอน่ื
-มี S & S ของกำรตดิ เช้อื อย่ำงนอ้ ย 1 อย่ำงเช่น มไี ข(้> 38๐C) หนำวสนั่ ควำมดนั
โลหติ ตำ่ (SBP ≤ 90 mm Hg) ปสั สำวะออกนอ้ ยลง (แต่ไมน่ อ้ ยกวำ่ 20 ml/
ชวั่ โมง); และ
-พบเช้อื ทม่ี กั จะปนเป้ือนจำกผวิ หนงั จำกกำรตรวจเพำะเช้อื ในเลอื ดตงั้ แต่ 2 ครงั้ ข้นึ ไป เช่น
เก็บวนั เดยี วกนั แต่คนละเวลำ/เกบ็ คนละวนั (ไมเ่ กนิ 2 วนั )

หลกั การป้ องกนั และควบคมุ การแพรก่ ระจายเช้ือโรคจากการดูแลผูป้ ่ วย
1.ปฏบิ ตั ติ ่อผูป้ ่วยทกุ รำยเหมอื นกนั โดยยดึ หลกั กำร Standard
Precautions
2.สวมเคร่อื งป้องกนั ร่ำงกำย เมอ่ื มขี อ้ บง่ ช้ี ตำมหลกั กำรของ Standard
Precautions
3.ใช้ Transmission-based precautions เมอ่ื ผูป้ ่วยมโี รคตดิ เช้อื
ทแ่ี พร่เช้อื โดยวธิ กี ำรเฉพำะ

Standard Precautions
1. ใส่ถงุ มอื ทกุ ครง้ั ทค่ี ำดวำ่ จะมกี ำรสมั ผสั เลอื ด สำรนำ้ หรอื สำรคดั หลงั่ ของผูป้ ่วย
2. ลำ้ งมอื ทกุ ครง้ั หลงั สมั ผสั เลอื ด สำรนำ้ หรอื สำรคดั หลงั่ ของผูป้ ่วยและทุกครงั้ หลงั ถอดถงุ มอื
3. ใสผ่ ำ้ ปิดปำก-จมกู และแวน่ ป้องกนั ตำทกุ ครงั้ ทค่ี ำดวำ่ จะมกี ำรกระเดน็ ของเลอื ด สำรนำ้ หรอื
สำรคดั หลงั่ ของผูป้ ่วยถกู บรเิ วณใบหนำ้ และใส่ผำ้ กนั เป้ือน(ยำง พลำสตกิ ) หรอื รองเทำ้ บูท๊ เพอ่ื
ป้องกนั บรเิ วณลำ้ ตวั เทำ้

25

การพยาบาลผูป้ ่วยท่มี ีความผดิ ปกตขิ องต่อมไรท้ ่อ

การพยาบาลผูป้ ่ วยเบาหวาน
สาเหตขุ องโรคเบาหวาน

• กรรมพนั ธุ์ ไวรสั
• กำรเปลย่ี นแปลงวถิ ชี วี ติ : Sedentary lifestyle
• ภำวะอว้ น
• ควำมเครยี ดทร่ี นุ แรง
• ยำและฮอรโ์ มนทไ่ี ดร้ บั : ยำขบั ปสั สำวะ ยำคมุ กำเนิด
• โรคทตี บั อ่อน ตบั อ่อนอกั เสบ

เบาหวานชนิดท่ี 1 : Diabetes Type 1

Insulin Dependent DM: IDDM, Juvenile DM
ขำดอนิ ซูลนิ
• มกั พบในผูป้ ่วยทม่ี อี ำยุ < 78 ปี
• ผูป้ ่วยมกั มรี ูปร่ำงผอม
• อำกำรเกดิ ข้นึ อย่ำงรวดเร็ว
• ตอ้ งรบั กำรรกั ษำโดยกำรฉีดอนิ ซูลนิ
เบาหวานชนิดท่ี 2 : Diabetes Type 2

Non Insulin Dependent DM: NIDDM
พร่อง Insulin & มภี ำวะด้อื ต่อกำรออกฤทธ์ขิ องอนิ ซูลนิ (Insulin

Resistance)
• มกั พบในผูป้ ่วยทม่ี อี ำยุ > 78 ปี
• ผูป้ ่วยมกั มรี ูปร่ำงอว้ น
• อำกำรเกดิ ข้นึ แบบค่อยเป็นค่อยไป

อาการและอาการแสดง

-Polyuria

-Polydipsia
-Polyphagia
-Weight Loss
-Tired

ภาวะแทรกซอ้ นจากโรคเบาหวาน 26

ภำวะวกิ ฤตจำกเบำหวำน DKA HHS Hypoglycemia
• กำรตดิ เช้อื
• แผลทเ่ี ทำ้ (DM foot)
• โรคทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กำรเสอ่ื มของหลอดเลอื ด :โรคไตวำย โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด
ตำมวั

เป้ าหมายในการดูแลผูป้ ่ วยเบาหวาน

• มคี วำมรูเ้รอื งโรค
• มคี วำมรูเ้ร่อื งกำรควบคมุ อำหำร
• มคี วำมรูเ้ร่อื งกำรใชย้ ำลดนำ้ ตำล
• มคี วำมรูเ้ร่อื งกำรออกกำลงั กำย
• มคี วำมรูเ้ร่อื งภำวะแทรกซอ้ นระยะสน้ั & ระยะยำว
• มคี วำมรูเ้ร่อื งกำรจดั กำรกบั ภำวะแทรกซอ้ น

การควบคุมอาหาร
รบั ประทำนอำหำรใหห้ ลำกหลำย(Balanced diet) โดยใหไ้ ดพ้ ลงั งำน โดย
เฉลย่ี 20-45 kcal/นำ้ หนกั ตวั มำตรฐำน
สดั ส่วนของอำหำรประกอบดว้ ย
คำรโ์ บไฮเดรตรอ้ ยละ 45-60
โปรตนี รอ้ ยละ 15-20
และไขมนั ไมอ่ ่มิ ตวั รอ้ ยละ 10
หลกี เลย่ี งอำหำรคำรโ์ บไฮเดรตเชงิ เดย่ี ว เช่น นำ้ ตำลทรำย นำ้ ผ้งึ นำ้ ผลไม้
ควรรบั ประทำนผกั 4-6 ส่วนต่อวนั ผลไม้ 3-5 สว่ นต่อวนั

การออกกาลงั กาย
Aerobic moderate intensity 150 นำที ต่อสปั ดำห์
• จะช่วยใหค้ วบคมุ ระดบั นำ้ ตำลในเลอื ดไดด้ ขี ้นึ
• ช่วยควบคมุ นำ้ หนกั ตวั
• ทำใหห้ วั ใจและหลอดเลอื ดแขง็ แรง และลดระดบั ไขมนั ในเลอื ด
• ทำใหล้ ดควำมเสย่ี งต่อกำรเกดิ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด

ยาลดน้าตาลในเลอื ด
รบั ประทานพรอ้ มอาหาร
Biguanide : Metformin (8-12 ชม)
ออกฤทธ์ยิ บั ยงั้ กำรดูดซมึ กลูโคส และกรดอะมโิ น
• จำกลำไสเ้ลก็
• ขดั ขวำงกำรสรำ้ งกูลโกสโดยตบั และเน้อื เย่อื ต่ำง ๆ
S/E ทอ้ งเสยี ทอ้ งอดื และปวดทอ้ ง คลน่ื ไส้ เบอ่ื อำหำร กำรรบั รสเสยี ไป

Sulfonylurea
กระตนุ้ เบตำ้ เซลลใ์ หห้ ลงั่ อนิ ซูลนิ ออกมำมำกข้นึ ช่วยใหอ้ นิ ซูลนิ ออกฤทธ์ิทเ่ี น้อื เย่อื ต่ำง ๆ เช่น
กลำ้ มเน้อื ไขมนั และตบั ไดด้ ขี ้นึ
S/E มผี น่ื ตำมผวิ หนงั คลน่ื ไส้ ตวั เหลอื ง ซดี เมด็ เลอื ดขำวและเกลด็ เลอื ดตำ่

27

ยาฉีด Insulin
ผูป้ ่วยเบำหวำนทจ่ี ำเป็นตอ้ งฉีดอนิ ซูลนิ มลี กั ษณะดงั ต่อไปน้ี คอื
1.เป็นโรคเบำหวำนชนิดท่ี 1 เน่อื งจำกร่ำงกำยมอี นิ ซูลนิ อยู่นอ้ ยมำกหรอื ไม่มอี ยู่เลย
2. มโี รคตบั หรอื ไตพกิ ำร เพรำะจะไมส่ ำมำรถใชย้ ำชนดิ รบั ประทำนได้ เน่อื งจำกกำรขจดั พษิ
ยำออกจำกร่ำงกำยจะเป็นไปไมไ่ ดด้ ี
3. ผูป้ ่วยทไ่ี มส่ ำมำรถควบคมุ โรคได้ ดว้ ยกำรควบคุมอำหำร กำรออกกำลงั กำยและไดร้ บั ยำ
ชนิดรบั ประทำนในขนำดเต็มทแ่ี ลว้
4. มภี ำวะเครยี ดอย่ำงรุนแรง เช่น ป่วยหนกั มปี ญั หำกำรตดิ เช้อื รนุ แรง
ไดร้ บั กำรผ่ำตดั เป็นตน้

ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวาน
Diabetic ketoacidosis (DKA)
• พบบอ่ ยในโรคเบำหวำนชนดิ ท่ี 1
• ปกตมิ กั เกดิ จำก
1) กำรขำดอนิ ซูลนิ เพรำะผูป้ ่วยละเลยไมฉ่ ีดตำมแนวกำรรกั ษำ ทำใหเ้กดิ ภำวะ
Insulin withdrawal ทก่ี ระตนุ้ ใหม้ กี ำรหลงั่ กลูคำกอนเพม่ิ ข้นึ
2) กำรกระตนุ้ ของ Epinephrine, Norepinephrine ทม่ี จี ำนวน
เพม่ิ ข้นึ เน่อื งจำกผูป้ ่วยมภี ำวะเครยี ดทำงดำ้ นร่ำงกำย เช่น กำรตดิ เช้ือ กำรผ่ำตดั หรอื ภำวะ
เครยี ดทำงดำ้ นจติ ใจ
อาการของ DKA
เร่มิ ดว้ ยอำกำรเบอ่ื อำหำร คลน่ื ไส้ อำเจยี น ปสั สำวะบอ่ ย อำจพบอำกำรปวดทอ้ งร่วมดว้ ย
ถำ้ ไมไ่ ดร้ บั กำรรกั ษำในระยะน้ผี ูป้ ่วยจะซมึ ลงจนไมร่ ูส้ กึ ตวั

28

Hyperglycemic Hyperosmotic State (HHS)
• พบบ่อยในเบำหวำนชนดิ ท่ี 2
• เกดิ จำกปจั จยั สง่ เสรมิ ต่ำงๆ เช่น เครยี ด ตดิ เช้อื
• มรี ะดบั นำ้ ตำลในเลอื ดสูงมำกและทำใหเ้กดิ Osmotic diuresis
ทำใหร้ ่ำงกำยเสยี นำ้ ทำงปสั สำวะ
• ไมม่ ี Ketoacidosis

Hypoglycemia
นำ้ ตำลในเลอื ดตำ่ กวำ่ 70 mg%
สำเหตุ
• ฉีดยำผดิ
• กนิ นอ้ ยใชก้ ำลงั มำก
• กนิ อำหำรเลยเวลำหลงั ฉีดยำ
• เครยี ด
• อำเจยี น
อาการ
Autonomic Symptom ใจสนั่ หวั ใจเตน้ เรว็ รอ้ น เหงอ่ื ออก มอื สนั่ หวิ
กระสบั กระส่ำย
Neuroglycopenic Symptom ปวดศีรษะ มนึ งง ตอบโตช้ ำ้
ตำพร่ำ งว่ งซมึ ชกั หมดสติ

การพยาบาล
1. มคี วำมวติ กกงั วลเน่อื งจำกเพง่ิ ไดร้ บั กำรวนิ ิจฉยั วำ่ เป็นเบำหวำน
วตั ถปุ ระสงค์ : ลดควำมวติ กกงั วลคน้ หำสำเหตขุ องควำมกงั วล

2. ไมส่ ำมำรถวำงแผนกำรดูแลตนเองไดเ้น่อื งจำกขำดควำมรูเ้ ร่อื งโรคและกำรดูแลตนเอง
วตั ถปุ ระสงค์ :
1. สำมำรถวำงแผนกำรดูแลตนเองได้
2. มคี วำมรูแ้ ละทกั ษะในกำรดูแลตนเองมำกข้นึ

3. มโี อกำสเกดิ ภำวะวกิ ฤตจำกเบำหวำนเน่อื งจำกกลวั กำรฉีดยำเขำ้ ใตผ้ วิ หนงั และไมก่ ลำ้ ฉีด
ยำใหก้ บั ตนเอง
วตั ถปุ ระสงค์
1. ผูป้ ่วยสำมำรถฉีดยำเบำหวำนใหต้ นเองไดอ้ ย่ำงถกู ตอ้ งและมนั่ ใจ
2. ผูป้ ่วยตดั สนิ ใจเร่อื งกำรปรบั ขนำดยำอย่ำงมเี หตผุ ลและไมท่ ำใหเ้กดิ อนั ตรำยต่อตนเอง

29

ต่อมใตส้ มอง

Anterior Pituitary
• GH
• ACTH
• TSH
• PRL
• Gonadotropins

FSH
LH

Posterior Pituitary
• ADH
• Oxytocin

โรคท่เี กดิ จากความผิดปกตขิ อง Posterior pituitary gland
1. ขำด ADH : โรคเบำจดื (diabetes insipidus)
2. ADH เกนิ : Syndrome of Inappropriate
secretion of Antidiuretic Hormone (SIADH)

โรคเบาจดื (Diabetes Insipidus หรอี DI)
เกดิ ควำมพร่องหรอื ขำด ADHส่งผลใหไ้ ตไมส่ ำมำรถดูดกลบั นำ้ ได้ ทำใหม้ ปี สั สำวะออก
มำก (polyuria)และกระหำยนำ้ มำก (polydipsia) ขำดนำ้ โอกำสเกดิ
circulatory collapse /hypertonic
encephalopathy
อาการและอาการแสดง “บ่อย มาก จาง”
ปสั สำวะออกมำก 4-20 ลติ ร ปสั สำวะบ่อยทกุ 30 - 60 นำทปี สั สำวะจำงมำก ถพ. ของ
ปสั สำวะตำ่ 1.001-1.005 Hypernatremia มอี ำกำรกระหำยนำ้ อย่ำงต่อเน่ือง
plasma osmolality จะสูงกวำ่ urine osmolality
เป็น DI นำนๆ เกดิ ภำวะ hydronephrosis ข้นึ ได้
การวนิ ิจฉยั โรค
• กำรทดสอบโดยกำรจำกดั นำ้ (water restriction) ไมเ่ กนิ 4 ชม
• กำรวดั หำค่ำควำมถว่ งจำเพำะและ osmolarity
การรกั ษา
• ให้ synthetic vasopressin (desmopressin) ทำง
หลอดเลอื ดดำหรอื พน่ ทำงจมกู (intranasal or nasal spray)
• ใหย้ ำกระตนุ้ กำรปลอ่ ย ADH จำก Hypothalamus
Chlorpropamide (sulfonylurea), Clofibrate ,
และcarbamazepine

30

การพยาบาลผูป้ ่ วย DI
• ตอ้ งให้ ADH ทดแทน ใหด้ ม่ื นำ้
• Observe ภำวะขำดนำ้ Shock, Hypernatremia

• Intake/output
• รำยงำนแพทยเ์ มอ่ื ปสั สำวะออกมำกกวำ่ 200 มล/ชวั่ โมงหรอื เมอ่ื ถพ urine นอ้ ย
กวำ่ 1.002
• ขณะให้ ADH ทดแทน สงั เกตอำกำรนำ้ เกนิ Hyponatremia
• หำ้ มหยุดยำเอง มบี ตั รประจำตวั

Syndrome of Inappropriate Antidiuretic
Hormone(SIADH)
มกี ำรหลงั่ ของ ADH มำกอย่ำงต่อเน่อื ง มผี ลใหม้ กี ำรคงั่ ของสำรนำ้ นอกเซลลเ์ พม่ิ ข้นึ
ทำใหเ้กดิ โซเดยี มตำ่ ซง่ึ ตรงกนั ขำ้ มกบั โรคเบำจดื
สาเหตุ
1. ควำมผดิ ปกตขิ องกระบวนกำรทำงำนของ hypothalamus และ

pituitary gland
2. ยำ pharmacologic agents
3.Transient SIADH : หลงั ผ่ำตดั pituitary gland
4. มกี ำรตดิ เช้อื ทป่ี อด ผูป้ ่วยโรคจติ ทไ่ี ดร้ บั กำรรกั ษำดว้ ยยำหลำยชนดิ

อาการและอาการแสดง 31

• ปวดศีรษะ
• สบั สน
• ระดบั ควำมรูส้ กึ ตวั ลดลง
• อ่อนเพลยี ไม่มแี รง
• ตะครวิ บรเิ วณทอ้ ง
• คลน่ื ไสอ้ ำเจยี น เบอ่ื อำหำร
• ชกั และหมดสตใิ นเวลำต่อมำ

• serum hypoosmolality and hyponatremia

การพยาบาลผูป้ ่ วย SIADH
นำ้ เกนิ : จำกดั นำ้ 1000 cc/day ใหย้ ำขบั ปสั สำวะ
Intake/output ชงั่ นำ้ หนกั ทกุ วนั
สงั เกตอำกำร Hyponatremia
ให้ Hypertonic saline (3%-5% NSS) VEIN DRIP
รำยงำนแพทย์ เมอ่ื ถพ. Urine มำกกวำ่ 1.030

32

โรคความผิดปกตขิ องตอ่ มหมวกไต

Adrenal cortex; ACTH control
•mineralocorticoids; aldosterone
ควบคมุ สมดลุ ของนำ้ และ electrolyte
•glucocorticoids; cortisol ควบคมุ กำรเผำผลำญอำหำร
•gonadocorticoids เก่ยี วกบั ฮอรโ์ มนเพศ

Adrenal medulla;
•ผลติ และหลงั่ catecholamine; epinephrine &
norepinephrine
•สมั พนั ธก์ บั กำรทำงำนของระบบ sympathetic

พยาธสิ ภาพของต่อมหมวกไต
adrenal cortex
• cortical hyperfunction
– Cushing syndrome (glucocorticoids)
• cortical hypofunction
– primary hypoadrenalism
(Addison’s disease or primary
adrenal insufficiency)
acute : addison’s crisis
adrenal medulla
• pheochromocytoma

Cushing’s syndrome
• Adrenal cortex ทำงำนมำกกวำ่ ปกติ หลงั่ Cortisol มำกเกนิ
• truncal obesity อว้ นกลำงลำตวั
• Moon face หนำ้ กลม
• buffalo hump ไขมนั สะสมทห่ี ลงั &คอ
• Hirsutism ขนดก
• purple striae ผวิ บำง แตกสแี ดง
• ÓBP ควำมดนั โลหติ เพม่ิ ข้นึ

33

การรกั ษา
• ผ่ำตดั transphenoidal pituitary surgery
ผ่ำตดั bilateral adrenectomy
• ลดกำรสรำ้ ง & หลงั่ cortisol โดยใหย้ ำลด ระดบั cortisol :
Bromocriptine,Ketoconasole,
aminoglutethimide,metyrapone,
• ฉำยแสง
• หยดุยำ glucocorticoid : steroid

การดูแล
1. ผ่ำตดั เอำกอ้ นเน้อื งอกออก ( Transphenoidal
Hypophysectomy)
ระวงั CSF รวั่ , หำ้ มไอ จำม สงั่ ข้มี กู , สงั เกตอำกำร
Adrenal crisis : BP drop, ขำดนำb , Hyponatremia,
Hyperkalemia, Hypoglycemia
เบำจดื : ขำด ADH ขำดนำ้

ปญั หาทางสุขภาพท่พี บไดใ้ นผูป้ ่ วย Cushing’s Syndrome
1. มภี ำวะไมส่ มดุลสำรนำ้ และ E’lyte ; นำ้ เกนิ
2. มโี อกำสเกดิ อบุ ตั เิ หตหุ กลม้ กระดูกหกั
3. มโี อกำสตดิ เช้อื ไดง้ ำ่ ย เกดิ แผลไดง้ ำ่ ย
4. มโี อกำสไดร้ บั อนั ตรำยจำก HT crisis
5. ภำพลกั ษณเ์ ปลย่ี นแปลง

การพยาบาลผูป้ ่ วย Cushing
• อำหำรจดื Low Salt (2-4 gm/day) , Low CHO, Low
fat,
• High biological Value Protein
• จำกดั นำ้ 2,000 CC / day
• BW OD, I/O
• Observe Volume overload, Hypernatremia,
Hypokalemia
• แนะนำใหก้ นิ ผกั ผลไม้ อำหำรมแี คลเซยี มสูง
• หำ้ มหยุดยำ Prednisolone เองเมอ่ื อำกำรดขี ้นึ
• ระวงั กำรตดิ เช้อื เลอื ดออกงำ่ ย

34

Adrenal insufficiency /Adrenal crisis
ต่อมหมวกไตชนั้ นอกผลติ ฮอรโ์ มน glucocorticoids ไดน้ อ้ ยกวำ่ ปกติ
1. Primary adrenal insufficiency (Addison’s
disease); ผดิ ปกตทิ ต่ี ่อมหมวกไต - TB or fungal infection -
กำรทำลำยของ adrenal cortex, adrenal hemorrhage,
autoimmune disease
2. Secondary adrenal insufficiency; ผดิ ปกตทิ ต่ี ่อมใต้
สมองจำกเน้อื งอก,หลงั ผำ่ ตดั ต่อมใตส้ มอง, กำรขำดเลอื ดไปเล้ยี งจำกตกเลอื ดหลงั คลอด
(Sheehan’s syndrome), กำรตดิ เช้อื
3. Acute : Adrenal crisis

อาการและอาการแสดง
-เหน่อื ย อ่อนแรง ซมึ เศรำ้
-เบอ่ื อำหำร นำ้ หนกั ลด
- มนึ ศีรษะ orthostatic hypotension
- คลน่ื ไสอ้ ำเจยี น ทอ้ งเสยี
-hyponatremia, hypoglycemia,
-mild normocytic anemia, lympocytosis
- hyperkalemia
-Hyperpigmentation (จำกACTH ทส่ี ูงข้นึ )
-โรคด่ำงขำว (vitiligo)

การรกั ษา
ถำ้ เป็น primary (addison’s disease) ตอ้ งไดร้ บั ฮอรโ์ มนชนิดกิน
ทดแทนไปตลอดชวี ติ : cortisol or prednisolone

35

ขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาล
1. มภี ำวะไมส่ มดุลของสำรนำ้ (ขำดนำ้ ) เน่อื งจำกมพี ยำธสิ ภำพฮอรโ์ มนจำกต่อมหมวกไต
ลดลงและขำดควำมรู ้
2.เสย่ี งต่ออนั ตรำยจำกควำมไมส่ มดลุ ยข์ องอเิ ลคโตรไลทใ์ นร่ำงกำย
(hyperkalemia & hyponatremia)
3. มโี อกำสไดร้ บั อนั ตรำยจำกนำ้ ตำลในเลอื ดตำ่ เน่อื งจำกมพี ยำธิสภำพฮอรโ์ มนจำกต่อม
หมวกไตลดลงและขำดควำมรู ้
4. ควำมสำมำรถในกำรทำกจิ กรรมลดลงเน่อื งจำกอ่อนเพลยี จำกขำดนำ้ หรอื
มภี ำวะนำ้ ตำลในเลอื ดตำ่
5. มภี ำวะไมส่ มดุลของสำรอำหำร: ไดร้ บั นอ้ ยกวำ่ ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำย
เน่อื งจำกเบอ่ื อำหำรจำกอำกำรซมึ เศรำ้

ความผิดปกตขิ องต่อมหมวกไตชน้ั ใน

Pheochromocytoma
หลงั่ epinephrine &norepinephrine มำกผดิ ปกติ
อาการและอาการแสดง
“5 Hs” ไดแ้ ก่
•Headache ปวดหวั
•Hyperrhidrosis เหงอ่ื ออกมำก
•Hypertension ควำมดนั โลหติ สูง

•Hypermetabolism; palpitation, tremor,
weight loss กำรเผำผลำญสงู
•Hyperglycemia นำ้ ตำลในเลอื ดสูง

การประเมินทางการพยาบาล

• ซกั ประวตั ;ิ โรคประจำตวั กำรรบั ประทำนยำ กำรรบั ประทำนอำหำร
• ประเมนิ S/S ; ทเ่ี หน็ ชดั severe headache, palpitation,

hyperhidrosis 36
• กำรตรวจทำงหอ้ งปฏบิ ตั กิ ำร
– Vanillylmandelic acid-VMA (ระดบั
freecatecholamines) ในปสั สำวะ

การรกั ษา
1. Rest ศีรษะสูงเพอ่ื ป้องกนั ภำวะ orthostatic hypotension
2. monitor EKG
3. ใหย้ ำกลมุ่ alpha adrenergic blocking agents เช่น
Phentolamine และยำคลำยกลำ้ มเน้อื ยำลดควำมดนั โลหติ
4. ผำ่ ตดั adrenalectomy ในกรณีทม่ี เี น้อื งอกขนำด 8-10 ซม. โดย
ควบคุมBP ก่อน 7-10 วนั โดยให้ Phentolamine หรอื Prazosin
5. หลงั กำรผ่ำตดั บำงรำยอำจตอ้ งไดร้ บั ฮอรโ์ มนทดแทนในกลมุ่ corticosteroid
เพอ่ื ป้องกนั ภำวะต่อมหมวกไตทำงำนไมเ่ พยี งพอ(adrenal insufficiency)
เช่น Solu-Medrol หรอื Prednisolone
6. หลงั ผ่ำตดั BP อำจตำ่ และ Hypoglycemia เน่อื งจำกขำด
cathecolamine จำนวนมำก ตอ้ งประเมนิ อำกำรอย่ำงใกลช้ ดิ
7. กรณีเน้อื งอกทไ่ี มส่ ำมำรถผ่ำตดั ไดห้ มดอำจใช้
I131metaiodobenzylguanidine ในขนำดสูง

ขอ้ วนิ ิจฉยั ทางการพยาบาลกอ่ นผ่าตดั adrenalectomy
1. มโี อกำสไดร้ บั อนั ตรำยจำก HT crisis เน่อื งจำกมกี ำรฮอรโ์ มน
catecholamine จำกเน้อื งอก
2. มคี วำมไมส่ ุขสบำย : ปวดศีรษะ ใจสนั่ กระวนกระวำย เหงอ่ื ออกจำกพยำธิสภำพของ
โรค
3. เสย่ี งต่อกำรเกดิ อบุ ตั เิ หตลุ น่ื ลม้ ตกเตยี งจำกมคี วำมผดิ ปกตใิ นกำรมองเหน็ / ภำวะ
orthostatic hypotension เน่อื งจำกไดร้ บั ยำควบคุมระดบั ควำมดนั
โลหติ
4. มภี ำวะไมส่ มดุลของสำรนำ้ อเิ ลคโตรไลท์ และสำรอำหำร เน่อื งจำกไดร้ บั นอ้ ยกวำ่ ควำม
ตอ้ งกำรของร่ำงกำย รบั ประทำนอำหำรไมไ่ ด้ คลน่ื ไส้ อำเจยี น

37

การพยาบาลผูป้ ่วยท่มี ีความผิดปกตขิ องตอ่ มไทรอยด

ต่อมไทรอยดม์ หี นำ้ ทผ่ี ลติ ฮอรโ์ มนทม่ี ผี ลต่อเมตำบอลซิ มึ กำรเจรญิ เตบิ โต และพฒั นำกำร
ของร่ำงกำย

กลไกการหลงั่ ไทรอยดฮอรโมน
กำรสรำ้ งและกำรหลงั่ ไทรอยดฮ์ อรโ์ มนของต่อมไทรอยด์ จะถกู กระตนุ้ โดยฮอรโ์ มน TSH
(thyroid stimulating hormone) จำกต่อมใตส้ มองสว่ นหนำ้ เมอ่ื มี
ปรมิ ำณไทรอยดฮ์ อรโ์ มนในเลอื ดสูงกวำ่ ปกติ จะมผี ลยอ้ นกลบั ไปยบั ยง้ั ใหต้ ่อมใตส้ มองสว่ นหนำ้
หลงั่ TSH นอ้ ยลง ทำใหต้ ่อมไทรอยดล์ ดกำรหลงั่ ไทรอยดฮ์ อรโ์ มน แต่ถำ้ หำกปริมำณฮอรโ์ มน
thyroxine ในเลอื ดนอ้ ยกวำ่ ปกติ จะมผี ลกระตนุ้ ใหต้ ่อมใตส้ มองสว่ นหนำ้ หลงั่ TSH
ออกมำกระตนุ้ ใหต้ ่อมไทรอยดห์ ลงั่ ไทรอยดฮ์ อรโ์ มน เพม่ิ ข้นึ
เมอ่ื ขำดสำรไอโอดนี ร่ำงกำยจะขำดไทรอยดฮ์ อรโ์ มน จะส่งผลไปกระตนุ้ ไฮโปทำลำมสั ใหห้ ลงั่
สำรเคมี TRH (Thyroid releaing hormone) มำกระตนุ้ ต่อมใต้
สมองส่วนหนำ้ ใหห้ ลงั่ ฮอรโ์ มน TSH (Thyroid stimulating
hormone) และสง่ มำทต่ี ่อมไทรอยดม์ ำกเกนิ ปกติ ต่อมไทรอยดเ์ มอ่ื ไดร้ บั กำรกระตนุ้
มำกจงึ ขยำยขนำดโตข้นึ เพอ่ื เร่งกำรสรำ้ งไทรอยดฮ์ อรโ์ มนใหเ้พยี งพอกบั ควำมตอ้ งกำรของ
ร่ำงกำย

38

Hyperthyroidism
ไทรอยดเ์ ป็นพษิ (Hyperthyroidism, Overactive
Thyroid) คอื ภำวะทต่ี ่อมไทรอยดส์ รำ้ งฮอรโ์ มนออกมำมำกเกนิ ไป ทำใหร้ ะบบเผำ
ผลำญทำงำนมำกข้นึ เป็นสำเหตทุ ำใหน้ ำ้ หนกั ลดลงอย่ำงรวดเรว็ แบบผดิ ปกติ หวั ใจเตน้ เร็ว
หรอื เตน้ ผดิ ปกติ เหงอ่ื ออกงำ่ ย และหงดุ หงดิ ฉุนเฉียว เป็นตน้
สาเหตขุ องไทรอยดเป็ นพษิ
สำเหตขุ องโรคไทรอยดเ์ ป็นพษิ เกดิ ข้นึ จำกกำรทต่ี ่อมไทรอยดท์ ำงำนมำกผดิ ปกติ จนทำให้
ร่ำงกำยมปี รมิ ำณของฮอรโ์ มนไทรอยดม์ ำกกวำ่ ควำมตอ้ งกำรของร่ำงกำย และมสี ภำวะเป็น
พษิ จนส่งผลต่อร่ำงกำยในดำ้ นต่ำง ๆ โดยไทรอยดเ์ ป็นพษิ เกดิ จำก 3 สำเหตหุ ลกั ๆ ไดแ้ ก่
-โรคเกรฟวส์ (Graves' Disease) จะทำใหร้ ่ำงกำยหลงั่ ฮอรโ์ มนไทโรซนี ออก
มำมำกผดิ ปกตจิ นกลำยเป็นพษิ ซง่ึ ยงั คงไมท่ รำบสำเหตทุ แ่ี น่ชดั วำ่ โรคเกรฟวสน์ น้ั เกดิ จำก
อะไร พบเพยี งแต่วำ่ โรคดงั กลำ่ วมกั เกดิ ข้นึ ในผูห้ ญงิ ในวยั ร่นุ และวยั กลำงคน อกี ทงั้ ยงั
เป็นไดว้ ำ่ เป็นกำรถำ่ ยทอดทำงพนั ธุกรรม โดยกำรสูบบหุ ร่จี ะยง่ิ เพม่ิ ควำมเสย่ี งโรคเกรฟวส์
มำกข้นึ
-กำรรบั ประทำนอำหำร กำรรบั ประทำนอำหำรทม่ี ไี อโอดนี มำกเกนิ ไปก็สำมำรถก่อใหเ้ กดิ โรค
ไทรอยดเ์ ป็นพษิ เน่อื งจำกไอโอดนี เป็นส่วนประกอบสำคญั ในกำรผลติ ฮอรโ์ มนไทรอยด์
เน้อื งอกทต่ี ่อมไทรอยด์ เป็นกรณีทพ่ี บไดน้ อ้ ย เน้อื งอกทเ่ี กดิ บรเิ วณไทรอยด์ และเน้อื งอกท่ี
เกดิ บรเิ วณต่อมใตส้ มอง อำจส่งผลใหเ้กดิ กำรหลงั่ ของฮอรโ์ มนไทรอยดม์ ำกข้นึ จนกลำยเป็น
พษิ ได้
-กำรอกั เสบของต่อมไทรอยด์ (Thyroiditis) กำรอกั เสบทไ่ี มท่ รำบสำเหตขุ องต่อม
ไทรอยดส์ ำมำรถส่งผลต่อกำรทำงำนของของต่อมไทรอยดไ์ ด้ โดยกำรอกั เสบของต่อม
ไทรอยดจ์ ะทำใหฮ้ อรโมนไทรอยดถ์ กู ผลติ ออกมำมำกข้นึ และทำใหฮ้ อรโ์ มนรวั่ ไหลออกไปท่ี
กระแสเลอื ด ทงั้ น้กี ำรอกั เสบของต่อมไทรอยดส์ ่วนใหญ่ไมม่ อี ำกำรเจบ็ ยกเวน้ อำกำร
ไทรอยดอ์ กั เสบแบบก่งึ เฉียบพลนั ทเ่ี กดิ ข้นึ ไดน้ อ้ ย สำมำรถส่งผลใหเ้กดิ อำกำรเจบ็ ได้
-กำรไดร้ บั กำรเสรมิ ฮอรโ์ มนไทรอยดท์ ม่ี ำกเกนิ ไป ยำทม่ี สี ่วนประกอบของไอโอดีนบำงชนดิ
เช่น ยำอะไมโอดำโรน (Amiodarone) ทใ่ี ชใ้ นกำรรกั ษำโรคหวั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ
จะทำใหเ้กดิ กำรหลงั่ ของฮอรโ์ มนไทรอยดม์ ำกข้นึ จนกลำยเป็นพษิ

39

อาการของไทรอยดเป็ นพษิ
อำกำรทพ่ี บไดม้ ำกทส่ี ุดในคนทม่ี อี ำกำรไทรอยดเ์ ป็นพษิ ก็คอื อำกำรคอพอก ซ่งึ เป็นอำกำรท่ี
ต่อมไทรอยดโ์ ตข้นึ ผูป้ ่วยจะรูส้ กึ หรอื เหน็ กอ้ นขนำดใหญ่ทบ่ี รเิ วณคอ ซ่ึงบำงครงั้ แพทยก์ ็
อำจสำมำรถตรวจพบอำกำรคอพอกได้ นอกจำกน้ยี งั มอี ำกำรอ่นื ๆ ทเ่ี กดิ ข้นึ จำกโรคไทรอยด์
เป็นพษิ ได้ เช่น
-อำรมณแ์ ปรปรวน วติ กกงั วล หงดุ หงดิ งำ่ ย ไมม่ สี มำธิ
-คลน่ื ไส้ อำเจยี น ถำ่ ยเหลว
-นอนหลบั ยำก
-มปี ญั หำสำยตำ เช่น ตำโปน เหน็ ภำพซอ้ น เป็นตน้
-สุขภำพผมเปลย่ี นไป ผมเปรำะบำงขำดงำ่ ย และมอี ำกำรผมร่วง
-ผูห้ ญงิ มรี อบเดอื นผดิ ปกติ ประจำเดอื นมสี จี ำงและมำไมส่ มำ่ เสมอ
-กลำ้ มเน้อื อ่อนแรง โดยเฉพำะบรเิ วณตน้ ขำและตน้ แขน
-เลบ็ ยำวเร็วผดิ ปกติ
-หวั ใจเตน้ เร็วมำกกวำ่ 100 ครง้ั /นำที โดยเฉพำะในผูส้ ูงอำยุ
-มอื สนั่ ตลอดเวลำ
-ไทรอยดเ์ ป็นพษิ ขนั้ วกิ ฤต หำกมกี ำรควบคมุ ระดบั ไทรอยดท์ ไ่ี มด่ ี อำจทำใหอ้ ำกำรรุนแรง
ข้นึ หรอื เป็นอนั ตรำยต่อชวี ติ ซง่ึ สญั ญำณทบ่ี อกวำ่ ไทรอยดเ์ ป็นพษิ เขำ้ ขน้ั วกิ ฤตคอื หวั ใจเตน้
เรว็ ผดิ ปกติ มไี ขส้ ูงเกนิ กวำ่ 38 องศำเซลเซยี ส ทอ้ งเสยี อำเจยี น ตวั เหลอื ง ตำเหลอื ง

การวนิ ิจฉยั โรคไทรอยดเป็ นพษิ
-ตรวจวดั ปรมิ ำณฮอรโ์ มนไทรอยด์ ปรมิ ำณของฮอรโ์ มนไทรอยด์ T3 และ T4 ในเลอื ด
เป็นสง่ิ ระบชุ ดั เจนไดถ้ งึ กำรทำงำนของต่อมไทรอยด์
-ตรวจวดั กำรทำงำนของต่อมใตส้ มอง (Thyroid-Stimulating
Hormone: TSH)

40

การรกั ษาโรคไทรอยดเป็ นพษิ

-กำรรบั ประทำนยำตำ้ นไทรอยด์ ยำเมไทมำโซล (Methimazole: MMI)
และยำโพพลิ ไทโออูรำซลิ (Propylthiouracil: PTU) เป็นยำตำ้ นไทรอยดท์ ่ี
มกี ำรใชใ้ นประเทศไทยอย่ำงแพร่หลำย โดยกลไกกำรทำงำนของยำคอื ตวั ยำจะเขำ้ ไป

ขดั ขวำงกำรสรำ้ งฮอรโ์ มนไทรอยดไ์ มใ่ หส้ รำ้ งฮอรโ์ มนมำกจนเกนิ ไปภำยใน 2-8 สปั ดำห์
-กำรรกั ษำดว้ ยรงั สไี อโอดนี (Radioactive Iodine) เป็นกำรรกั ษำดว้ ย
กำรรบั ประทำนสำรรงั สไี อโอดนี ซง่ึ เป็นสำรทม่ี คี วำมปลอดภยั โดยสำรชนิดน้ีจะถกู ดูดซมึ
โดยต่อมไทรอยด์ และทำลำยเน้อื ต่อม ทำใหต้ ่อมไทรอยดค์ ่อย ๆ หดตวั ลงและอำกำรจะ

ค่อย ๆ ดขี ้นึ
-กำรผ่ำตดั ต่อมไทรอยด์ (Thyroidectomy) ในกรณีทผ่ี ูป้ ่วยอยู่ในภำวะ
ตง้ั ครรภ์ หรอื ไมส่ ำมำรถใชย้ ำในกำรรกั ษำหรอื รกั ษำดว้ ยรงั สไี อโอดนี ได้
-กำรใชย้ ำตำ้ นเบตำ้ (Beta Blockers) ยำตำ้ นเบตำ้ จะช่วยลดอตั รำกำรเตน้ ของ
หวั ใจใหช้ ำ้ ลง บรรเทำอำกำรใจสนั่ และอำกำรวติ กกลงั วล และมกั ใชก้ บั ผูป้ ่วยทม่ี คี วำมดนั

โลหติ สูง

ขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยท่ีมีภาวะไทรอยดฮอรโมนมากกว่าปกติ

-เสย่ี งต่อกำรส่งเลอื ดออกจำกหวั ใจลดลง (Decreased cardiac

output ) เน่อื งจำกหวั ใจตอ้ งททำงำนหนกั ข้นึ จำกกำรเพม่ิ กำรเผำผลำญของร่ำงกำย

ร่วมกบั มกี ำรเปลย่ี นแปลงกำรไหลเวยี นของเลอื ดดำและแรงตำ้ นของหลอดเลอื ดส่วนปลำย

-ขำดควำมสมดุลของภำวะโภชนำกำรโดยไดร้ บั สำรอำหำรนอ้ ยกวำ่ ทร่ี ่ำงกำยตอ้ งกำร

เน่อื งจำกร่ำงกำยมกี ำรเผำผลำญอำหำรมำกกวำ่ ปกติ

-ทอ้ งเสยี เน่อื งจำกกระเพำะอำหำรและลำไสม้ กี ำรเคลอ่ื นไหวมำกข้นึ

-เสย่ี งต่อกำรขำดสมดลุ ของอเิ ลคโทรไลตเ์ น่อื งจำกทอ้ งเสยี คลน่ื ไส้ อำเจยี นและเหงอ่ื อก

มำก

-แบบแผนกำรนอนหลบั ถกู รบกวนเน่อื งจำกวติ กกงั วลและระบบซมิ พำเทตกิ ทำงำนมำกข้นึ

-เสย่ี งต่อกำรบำดเจบ็ ทก่ี ระจกตำเน่อื งจำกตำโปน

-วติ กกงั วลเน่อื งจำกถกู กระตนุ้ ไดง้ ำ่ ยและสูญเสยี กำรควบคุมอำรมณ์ 41

Hypothyroidism

สาเหตขุ องไฮโปไทรอยด
-โรคภมู คิ มุ้ กนั ทำลำยตนเอง (Autoimmune Disease) โรคน้คี อื กำร
ทร่ี ะบบภมู คิ มุ้ กนั ในร่ำงกำยผลติ แอนตบิ อด้ขี ้นึ มำทำลำยเน้อื เย่ือภำยในร่ำงกำยตวั เอง ท่ี
พบไดบ้ ่อยทส่ี ุดคอื ไทรอยดอ์ กั เสบฮำชโิ มโต (Hashimoto's

Thyroiditis)
-กำรรกั ษำต่อมไทรอยดเ์ ป็นพษิ (Hyperthyroidism) ต่อมไทรอยดเ์ ป็น
พษิ หรอื ไฮเปอรไ์ ทรอยด์ (Hyperthyroidism)
-กำรผ่ำตดั ต่อมไทรอยด์
-กำรรกั ษำดว้ ยรงั สี
-ยำรกั ษำโรคบำงตวั
-กำรขำดธำตไุ อโอดนี
-โรคแต่กำเนดิ (Congenital Disease)
-ควำมผดิ ปกตขิ องต่อมใตส้ มอง (Pituitary Gland)

อาการของไฮโปไทรอยด 42

-อ่อนเพลยี
-นำ้ หนกั ข้นึ
-ทอ้ งผูก
-ปวดเมอ่ื ย
-รูส้ กึ หนำวงำ่ ย
-ผวิ และผมแหง้
-บวมนำ้
-ซมึ เศรำ้

-Myxedema
Coma โดย
ผูป้ ่วยจะเกดิ อำกำรทน
หนำวไมไ่ ดแ้ ละงว่ งซมึ
ตำมมำดว้ ยอำกำรหลบั
ลกึ และไมร่ ูส้ กึ ตวั

การวินิจฉยั ไฮโปไทรอยด
-กำรตรวจทเี อสเอช วธิ ีน้จี ดั เป็นเคร่อื งมอื หลกั ทใ่ี ชว้ นิ ิจฉยั ไฮโปไทรอยด์ อำกำรของไฮโป
ไทรอยดใ์ นขน้ั แรกนน้ั จะแสดงวำ่ ระดบั ฮอรโ์ มนของต่อมไทรอยดอ์ ยู่เกณฑป์ กติ กำรตรวจ
ฮอรโ์ มนทเี อสเอชจะช่วยใหแ้ พทยว์ นิ ิจฉยั โรคไดก้ ่อน
-กำรตรวจฮอรโ์ มนไทรอยด์ ในกรณีทผ่ี ูป้ ่วยป่วยเป็นไฮโปไทรอยดอ์ นั เน่อื งมำกจำกควำม
ผดิ ปกตขิ องต่อมใตส้ มองหรอื ไฮโปทำลำมสั ซง่ึ มรี ะดบั ทเี อสเอชตำ่ กวำ่ ปกติ

การรกั ษาไฮโปไทรอยด
ไฮโปไทรอยดส์ ำมำรถรกั ษำไดด้ ว้ ยกำรใหฮ้ อรโ์ มนสงั เครำะหอ์ ย่ำงยำเลโวไทรอกซนิ
(Levothyroxine) ซง่ึ เป็นยำสำหรบั รบั ประทำน เลโวไทรอกซนิ จะช่วยเพม่ิ ระดบั
ฮอรโ์ มนในร่ำงกำยใหก้ ลบั มำเป็นปกติ หลงั จำกผูป้ ่วยรบั ยำน้เี ขำ้ ไปประมำณ 1-2 สปั ดำหจ์ ะ
เร่มิ ดขี ้นึ นอกจำกน้ี ยำเลโวไทรอกซนิ ยงั ค่อย ๆ ช่วยลดระดบั คอเลสเตอรอลท่เี พม่ิ ข้นึ จำก
กำรป่วยเป็นไฮโปไทรอยด์ ผูป้ ่วยควรไดร้ บั กำรรกั ษำดว้ ยเลโวไทรอกซนิ ตลอดชวี ติ แต่กำรให้
จำนวนตวั ยำในกำรรกั ษำอำจเปลย่ี นแปลงได้ โดยแพทยจ์ ะตรวจระดบั ฮอรโ์ มนทเี อสเอชของ
ผูป้ ่วยเป็นระยะ ๆ

ขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยท่ีมีภาวะไทรอยดฮอรโมนนอ้ ยกว่าปกติ
-ควำมทนในกำรทำกจิ กรรมลดลง (Activity intolerance) เน่อื งจำก
เคลอ่ื นไหวตวั ชำ้ (อำจมอี ำกำรปวดเกรง็ กลำ้ มเน้อื และปวดกระดูกร่วมดว้ ย
-ขำดควำมสมดุลของภำวะโภชนำกำรโดยไดร้ บั สำรอำหำรมำกกวำ่ ทร่ี ่ำงกำยตอ้ งกำยเน่ืองจำก
ร่ำงกำยมกี ำรเผำผลำญอำหำรนอ้ ยกวำ่ ปกติ
-ทอ้ งผูกเน่อื งจำกกำรทำหนำ้ ทข่ี องระบบทำงเดนิ อำหำรลดลง
-เสย่ี งต่อกำรขำดสมดุลอณุ หภมู ริ ่ำงกำยเน่อื งจำกกำรไหลเวยี นเลอื ดไปเล้ยี งท่ผี วิ หนงั ลดลง
ร่วมกบั ต่อมไขมนั และต่อมเหงอ่ื ทำงำนลดลง
-เสย่ี งต่อภำวะนำ้ เกนิ เน่อื งจำกอตั รำกำรกรองทไ่ี ตลดลง
-กำรสอ่ื สำรบกพร่องเน่อื งจำกควำมสำมำรถในกำรพดู และสอ่ื สำรชำ้ ลง

43

Hyperparathyroidism

สาเหตุ - Primary
(ตอ่ มโตขนึ ้ จากเนือ้ งอก/ มะเร็ง)
- Secondary
(โรค/ความผิดปกติ/ยาที่ทาให้ Ca ต่า)

อาการของฮอรโมนพาราไทรอยดสูง
ผูป้ ่วย Hyperparathyroidism บำงคนอำจไมม่ อี ำกำรใด ๆ
เกดิ ข้นึ หรอื อำจมอี ำกำรเพยี งเลก็ นอ้ ย เช่น เมอ่ื ยลำ้ อ่อนเพลยี ไม่มสี มำธิ กระหำย
นำ้ และปสั สำวะบ่อย ควำมอยำกอำหำรลดลง กลำ้ มเน้อื อ่อนแรง ทอ้ งผูก หรือมภี ำวะ
ซมึ เศรำ้ เป็นตน้

การรกั ษา
-Surgery
-Limit dietary calcium
-Force fluid
-IVF (0.9% NSS)
-Furosemide
-Calcimimetic, Cinacalcet

44

Hypoparathyroidism

สำเหต:ุ - ไมท่ รำบสำเหตุ
- Autoimmune disorder
- ไมม่ ตี ่อมพำรำไทรอยดต์ ง้ั แต่เกดิ
- ตดั ต่อมพำรำไทรอยดอ์ อกโดยไมเ่ จตนำ
- ถกู เบยี ดจำกกอ้ นมะเร็งทก่ี ระจำยเขำ้ มำ
- ไดร้ บั รงั สี
- กำรสงั เครำะห์ PTH เป็นผลจำก Magnesemia
- ต่อมพำรำไทรอยดถ์ กู กดกำรทำงำนจำก Hypercalcemia
- ต่อมพำรำไทรอยดเ์ จรญิ เตบิ โตชำ้
- ต่อมพำรำไทรอยดข์ ำดเลอื ดไปเล้ยี งระหวำ่ งกำรผำ่ ตดั /กำรบำดเจบ็

อาการและอาการแสดง
-Tetany, Face and hands tingling
&twitching
-↑Deep tendon reflex
- Laryngospasm, resp. stridor,
- paralysis of vocal cord
-EKG prolong QT interval
-กระดูกผดิ รูป
-ฟนั รำ้ ว แตกงำ่ ย
-ผวิ แหง้ ผมร่วง

45

การวนิ ิจฉยั
Laboratory
 Serum calcium
↑ Urinary calcium
↑ Serum phosphorus
 Urinary phosphorus

การรกั ษา
-Calcium gluconate & Calcium chloride IV
-Vitamin D
-Calcium supplement
-High calcium diet
-Side effects of drugs

การพยาบาล
1.การตง้ั ขอ้ วนิ ิจฉยั ทางการพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยท่มี ีภาวะพาราไทรอยดฮอรโมน
มากกวา่ ปกติ
-ควำมทนในกำรทำกจิ กรรมลดลงเน่อื งจำกอ่อนลำ้ กลำ้ มเน้อื อ่อนแรงและปวดกระดูก
-เสย่ี งต่อกำรหกลม้ เน่อื งจำกมวลกระดูกบำงลง โรคกระดูกพรนุ และปวดกระดูก
-ปวดเฉียบพลนั เน่อื งจำกมกี ำรสลำยมวลกระดูกมำกข้นึ ซง่ึ เป็นผลกระทบจำกกำรเพม่ิ ของ
ระดบั แคลเซยี มในเลอื ด
2.การตง้ั ขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาลสาหรบั ผูป้ ่ วยท่มี ีภาวะพาราไทรอยดฮอรโมนนอ้ ย
กว่าปกติ
-เสย่ี งต่อกำรไดร้ บั บำดเจบ็ เน่อื งจำกอำกำรชกั /เกรง็ จำกกำรหดตวั ของกลำ้ มเน้อื
-มกี ำรเปลย่ี นแปลงของภำวะโภชนำกำรโดยไดร้ บั นอ้ ยกวำ่ ทร่ี ่ำงกำยตอ้ งกำรเน่ืองจำอำกำร
ปวดเกรง็ ทอ้ งและลกั ษณะของฟนั ทเ่ี ปลย่ี นไป
-ควำมทนในกำรทำกจิ กรรมลดลงเน่อื งจำกอ่อนลำ้ และมกี ำรรบั รูบ้ กพร่อง

46

บรรณานุกรม

บษุ บำ สมใจวงศ.์ 2562. เอกสารประกอบการสอนวิชา NU 112 204 การพยาบาล
สขุ ภาพผูใ้ หญ่ 2 เร่อื ง การพยาบาลผูป้ ่ วยท่ีมีความผดิ ปกตขิ องระบบผิวหนัง .
ขอนแก่น: คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ขอนแก่น.

ดลววิ ฒั น์ แสงโสม. 2563. เอกสารประกอบการสอนวชิ า NU 112 204 การ
พยาบาล สุขภาพผูใ้ หญ่ 2 เร่อื ง การพยาบาลผูป้ ่ วยท่มี ีปญั หาการติดเช้ือ .
ขอนแก่น: คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ขอนแก่น.

นงลกั ษณ์ เมธำกำญจนศกั ด์ิ และ ปทั มำ สุรติ .2563. เอกสารประกอบการสอนวิชา
NU 112 204 การพยาบาล สุขภาพผูใ้ หญ่ 2 เร่อื ง การพยาบาลระบบ
ตอ่ มไรท้ ่อ. ขอนแก่น: คณะพยำบำลศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั ขอนแก่น.

47


Click to View FlipBook Version