The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

42458_IS เจลล้างมือจากสารสกัดของพืชตระกูลส้ม _ไฟล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Darawalee Phimngern, 2021-03-25 10:31:14

42458_IS เจลล้างมือจากสารสกัดของพืชตระกูลส้ม _ไฟล

42458_IS เจลล้างมือจากสารสกัดของพืชตระกูลส้ม _ไฟล

โครงงาน IS

เร่ือง เจลลางมือจากสารสกัดของพชื ตระกลู สม

จัดทําโดย

กัณณณ ิศรา เดชาเรืองสมุทร เลขที่ 10

กัลยาพร สุขสมบูรณ เลขที่ 11

ฐานดิ า นาครอด เลขท่ี 12

ดวงกมล โพธ์คิ ง เลขท่ี 13

ดาราวลี พิมพเ งิน เลขท่ี 14

เดอื นเตม็ บัวทอง เลขท่ี 15

ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 4/1

เสนอ

นางสาว ทพิ ยร ตั น เหลี่ยมแกว

รายงานเลมนี้เปน หนง่ึ ของวชิ า IS

โรงเรียนสวุ รรณพลบั พลาพทิ ยาคม

สํานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 1

 
 

กิตติกรรมประกาศ

โครงงานวจิ ยั เรอ่ื งเจลลา งมอื จากสารสกดั ของเปลอื กสม สามารถดําเนนิ การประสบ
ความสาํ เรจ็ ลุลวงไปดว ยดี โดยการสนบั สนุนและการไดร บั การชวยเหลอื จากฝา ยบุคคลหลายฝาย ท่ี
คอยใหค าํ แนะนาํ และขอคิดเหน็ ในการศกึ ษาเปนอยา งดตี ลอดระยะเวลาที่ศึกษา

ขอขอบคุณคณุ ครทู พิ ยร ัตน เหลย่ี มแกว และคณุ ครปู ภาดา เฉลิมวัฒน ที่ไดใหคาํ ปรึกษา
เก่ียวกับการวิเคราะหข อมูลตา งๆ อนั เปน ประโยชนต อ การทํางานวจิ ยั รวมท้ังคาํ แนะนาํ เพ่อื มา
ปรับปรงุ แกไ ขใหด ีข้ึน ผวู ิจยั ขอกราบขอบพระคณุ เปน อยา งสูงไว ณ โอกาสนี้

สดุ ทา ยน้ีผวู จิ ัยหวงั เปน อยา งยงิ่ วางานวจิ ัยเลมนจี้ ะเปน ประโยชนส าํ หรบั ทานท่สี นใจ
คณุ ประโยชนท ีไ่ ดจากโครงงานวจิ ยั น้ี ขอยกใหก บั ผูมพี ระคณุ ทกุ ทา น รวมไปถงึ บุคคลที่เกย่ี วขอ ง
และรวมท้ังทมี่ ิไดกลา วถึง ผูวิจัยขอขอบพระคณุ อยา งสูงไว ณ โอกาสน้ี

คณะผจู ดั ทาํ

นางสาว กณั ณณ ศิ รา เดชาเรอื งสมทุ ร

นางสาว กัลยาพร สขุ สมบรู ณ

นางสาว ฐานดิ า นาครอด

นางสาว ดวงกมล โพธิค์ ง

นางสาว ดาราวลี พิมพเงนิ

นางสาว เดือนเต็ม บัวทอง

 
 

บทคัดยอ

โครงงาน เจลลางมอื จากสารสกัดของเปลอื กสม

ผจู ดั ทํา น.ส.กณั ณณศิ รา เดชาเรืองสมทุ ร ครูท่ีปรึกษา น.ส.ทพิ ยร ตั น เหลยี่ มแกว
น.ส.กลั ยาพร สุขสมบรู ณ น.ส.ปภาดา เฉลิมวฒั น
น.ส.ฐานิดา นาครอด
น.ส.ดวงกมล โพธ์คิ ง
น.ส.ดาราวลี พิมพเ งิน

น.ร.เดือนเต็ม บวั ทอง
โรงเรียนสุวรรณพลบั พลาพทิ ยาคม จงั หวดั กรุงเทพมหานคร

โครงงานวจิ ยั เรอ่ื งเจลลา งมอื จากสารสกดั ของพชื ตระกลู สม วัตถปุ ระสงคเพอื่ เปรยี บเทยี บ
อตั ราสวนของสารสกัดจากพชื ตระกูลสม ทส่ี ง ผลตอ เน้อื สัมผสั การระเหย ความคงทนของกลน่ิ
ขั้นตอนการดําเนินงานคือเตรียมสารสกดั จากพืชตระกูลสม ในอตั ราสว นสตู รที่1 และสตู รท่ี 2 ที่
ศกึ ษา โดยใชเปลือกสมจนี และสมเขยี วหวาน มีผลการทดลองดังน้ี เปรยี บเทียบอตั ราสวนของสตู ร
ท่ี 1 ระหวางสม จีน และสม เขยี วหวาน พบวาสมจนี มเี นื้อสัมผัส การระเหย ความคงทนของกล่ิน
ดีกวาสมเขยี วหวาน ในอัตราสวนของสตู รท่ี 2 ระหวางสม จีน และสม เขียวหวาน พบวาสม จนี มเี นอ้ื
สัมผัส การระเหย ความคงทนของกลิน่ ทดี่ กี วาสมเขยี วหวาน เมื่อนาํ เอาสมจีนสตู รท่ี 1 และสตู รที่ 2
มาเปรียบเทยี บกัน พบวาสม จีนสตู รที่ 2 มีเนือ้ สมั ผัส การระเหย ความคงทนของกลิน่ มากกวา สม
จีนสูตรที่ 1

 
 

สารบัญ หนา

กติ ติกรรมประกาศ ง
บทคัดยอ จ
สารบญั
บทที่ 1-2
1 บทนาํ
3-8
ความเปน มาและความสาํ คัญ 9-10
จดุ ประสงคข องโครงงาน 11-13
ขอบเขตการศึกษา 14-15
ประโยชนท่ไี ดร บั จากโครงงาน 16
2 เอกสารและงานวจิ ยั ทีเ่ กี่ยวขอ ง 17-20
3 วิธีทําเดนิ การวิจยั
4 ผลการวเิ คราะหข อ มูล
5 สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ เสนอแนะ
อา งองิ
ภาคผนวก

 
 


 

บทที่ 1

บทนาํ

ความเปนมา และความสาํ คญั ของปญ หา

ปจจบุ ัน เราไมส ามารถหลีกเลย่ี งปญ หาเช้ือโรคไดเลย เราตองเดินทางไปมาในสงั คม
สวนรวมเปน ประจํา ทําใหโอกาสติดเชือ้ โรคหรือลม ปว ยจงึ มมี ากขนึ้ ดวยเหตนุ ้ันจึงมมี าตรการ
ปอ งกนั เชื้อโรคหลายๆดาน หนงึ่ ในนนั้ คือการลา งมอื

เราสามารถใชเจลลางมอื ทดแทนไดก ารลา งมือได เจลลา งมอื จงึ มปี ระโยชนอยางมากใน
ชีวติ ประจําวนั ชวยในเรือ่ งของการประหยดั เวลาไปอยา งมาก แตบางคนก็ไมช อบใชเ จลลา งมือ
เพราะมกี ล่ินแอลกอฮอล และเลอื กท่ีจะไมเ ดนิ ไปลา งมอื เน่อื งจากในการหาทล่ี างมือและเวลาในการ
ลางมือใชเ วลาพอสมควร ทาํ ใหเ ช้อื โรคสามารถแพรห ลายไปทว่ั ในสังคม รวมถงึ คนใกลชดิ

ทางคณะผจู ดั ทาํ ไดเลง็ เหน็ ปญหาน้ีจึงไดจ ัดทําเจลลางมือจากสารสกัดของพืชตระกลู สม
ข้นึ มา เพอื่ ทจี่ ะสามารถใหผ ูใชส ามารถใชเจลลางมือจากสารสกัดของพชื ตระกลู สมทดแทนได

วัตถปุ ระสงคข องโครงงาน

เพอื่ เปรียบเทยี บอตั ราสว นของสารสกัดจากพชื ตระกลู สม ท่ีสงผลตอ เนื้อสมั ผัส การระเหย
ความคงทนของกล่ิน

สมมตฐิ านของโครงงาน

ไดอ ัตราสว นของสารสกัดจากพชื ตระกลู สม ท่ีสงผลตอเน้อื สัมผสั การระเหย ความคงทน
ของกลิ่นทีด่ ที สี่ ดุ

ขอบเขตของโครงงาน

ศกึ ษาขั้นตอนวิธีการทาํ เจลลา งมอื และการสกัดนาํ้ มันหอมระเหยจากเปลอื กสม ดวยวธิ ีการ
สกัดสารดวยตวั ทาํ ละลาย

 
 



 

ตวั แปร

ตัวแปรตน อตั ราสว นการสกดั จากพชื ตระกลู สม

ตัวแปรตาม ความคงทนของกลน่ิ เน้ือสัมผัส การระเหย
ตัวแปรควบคมุ ปริมาณของเอทานอล สถานท่ี และสารสกดั จากพชื ตระกูลสม

นยิ ามศัพทเฉพาะ

สารสกดั จากพชื ตระกลู สมหมายถงึ การสกดั สารอยางหยาบโดยใชเปลอื กสมจนี และ
สม เขยี วหวานมาสกัดโดยการแชเอทลิ แอลกอฮอลต ามเวลาทก่ี ําหนดคอื 30นาที 60นาที และ90นาที

ประโยชนท ี่ไดร บั จากโครงงาน

1) ไดอตั ราสว นที่เหมาะสมในการทาํ เจลลางมอื จากสารสกดั ของพืชตระกลู สมทม่ี ี
เนอื้ สมั ผัส การระเหยและความคงทนของกลนิ่ ทด่ี ที ่ีสุด

2) สามารถนาํ ไปตอยอดความคดิ ใหเปน รายได

 
 


 

บทท่ี 2

เอกสาร และงานวิจัยท่ีเก่ยี วของ

โครงงานเรอ่ื งเจลลางมอื กล่ินเปลือกสม ผทู ําโครงงานไดศ กึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ท่ี
เกย่ี วขอ งดังตอ ไปน้ี

แนวคิดและทฤษฎี

การไดกล่นิ เปด โอกาสใหรางกายรูจําโมลกลุ สารเคมีในอากาศทีถ่ ูกสูดเขา ไป อวยั วะดมกลน่ิ ท่ีอยใู น
ดา นทงั้ สองขา งของผนงั กั้นโพรงจมูก ประกอบดว ยเยือ่ บรุ บั กลน่ิ (olfactory epithelium) และ
เนอื้ เยือ่ ยดื ตอ ใตย อื่ บุ (lamina propria) เยือ่ บผุ ิวรับกลิน่ มีเซลลรับกลิน่ (olfactory receptor cell) บุผวิ
ดา นลา งของแผน กระดกู พรนุ (Cribriform plate) ผวิ ดานบนของแผนกระดูกตง้ั ฉากอนั เปน สวนของ
กระดกู เพดานปาก (Perpendicular plate of palatine bone), ผิวดานบนของกระดกู กนหอยของจมกู
(nasal concha) มีสารเคมปี ระมาณ 2% จกทงั้ หมดที่สูดเขาไปเทานน้ั ทไ่ี ปถึงอวัยวะดมกลน่ิ เปน
เพยี งแตต วั อยา งเล็กนอ ยของอากาศทีส่ ูดเขาไป

เชลลร บั กลน่ิ ย่นื ออกมาจากเยอ่ื บผุ ิวเพ่ือเปน ฐานสาํ หรบั เชลล (cilla) ทีม่ ีเมอื กอยรู อบๆ
กลิน่ ทําปฏกิ ริ ิยากบั ขนเซลลเ หลา นี้ กลิน่ โดยปกตเิ ปน โมลกลุ ประกอบอนิ ทรียเล็กๆ ระดับการ
ละลายไดใ นนาํ้ และลิพิดของกลน่ิ มคี วามเกย่ี วของโดยตรงกบั ความแรงของกล่นิ การท่กี ล่ินเขาไป
ยึดกับหนว ยรบั ความรสู ึกกบั โปรตนี จี (G protein-coupled receptor) ปลกุ ฤทธขิ์ อง adenylate
cyclase ซึ่งแปรอะดีโนซีนไตร ฟอสเฟต(ATP) ใหเปน Cyclic adenosine monophosphate ซึง่
สนับสนุนใหป ดประตูโซเดยี ม (sodium channel) ทําใหเกดิ ศกั ยตวั รับความรูส ึกเฉพาะพ้นื ท่รี ะดับ
กระตนุ ขีดเร่ิมเปล่ียน สําหรบั กลน่ิ ก็คอื ระดับการรบั รูท ่ีตํา่ ทส่ี ดุ เพยี งพอทีจ่ ะทาํ ใหเกดิ การ
ตอบสนองจากตัวรบั กล่ินในจมูก ตวั อยา งกค็ ือนํา้ หอมหยดหน่ึงในบนมี 6 หอ งคาไมเหมอื นกนั ใน
สารมีกลนิ่ ตา งๆ

 
 



 

ประวัติเจลลา งมอื

กรมอนามัย กระทรวง สาธารณสขุ ใหขอมลู วา เจลลา งมอื ทํามาจากเอทิลแอลกอฮอล (Ethyl
Alcohol 70% w/w) : เปนแอลกอฮอลชวยในการฆา เชอ้ื โรคไดหลากหลายชนดิ มีฤทธใิ์ นการฆา เชอื้
โรคไดก วาง ทง้ั เช้ือแบคทเี รยี เชื้อรา และเชอ้ื ไวรสั ปอ งกนั ไดท นั ทหี ลงั การใชแ ละปอ งกนั ไดใ น
ระยะเวลานาน (ตองเขม ขน 60-80% จึงจะใชไดผล เหมาะทส่ี ุดก็คอื 70%) แอลกอฮอลฆา เชื้อ
แบคทีเรยี สว นใหญได ฆาเชอื้ วัณโรคได ฆา เช้อื ราและไวรัสไดบางชนดิ สวนสง่ิ ที่ทําลายไมไดก ็
ไดแ ก สปอรของเชือ้ แบคทเี รีย และเช้อื ไวรัสและเชือ้ ราบางตวั

ดังน้ัน ในทางการแพทยจะใชแ อลกอฮอลใ นการฆา เช้ือท่เี กีย่ วกบั แผลครับ เพราะเชอ้ื
เหลาน้นั มกั จะเปนพวกแบคทเี รีย และจะไมคอยใชในการจดั การกบั เชอ้ื อืน่ ๆ เชอ้ื ไวรัส จะมีแคบ าง
ชนดิ ท่ีฆาโดยแอลกอฮอลได เชน เชือ้ เอชไอวี เชื้อเรมิ เชอ้ื ไวรสั ตับอักเสบบี และซี เช้ือไขหวดั ใหญ
สวนไวรัสในกลุมที่ตดิ ตอ ในระบบทางเดนิ อาหาร เชน เชือ้ ไวรัสตับอักเสบเอ และเชอื้ Enterovirus
มักจะไมสามารถถูกทําลายดวยแอลกอฮอล แอลกอฮอลฆาเช้อื แบคทเี รียสว นใหญไ ด ฆา เชื้อวัณโรค
ได ฆา เชือ้ ราและไวรัสไดบ างชนิด สวนส่งิ ทีท่ าํ ลายไมไ ดก ็ ไดแ ก สปอรข องเชื้อแบคทเี รยี และเชื้อ
ไวรัสและเชื้อราบางตวั

ดังนัน้ ในทางการแพทยจะใชแอลกอฮอลในการฆา เชอ้ื ท่เี กี่ยวกบั แผลครับ เพราะเชือ้
เหลา น้ันมกั จะเปนพวกแบคทีเรยี และจะไมคอยใชในการจัดการกับเชอื้ อ่ืนๆ เช้อื ไวรัส จะมีแคบาง
ชนดิ ทฆี่ าโดยแอลกอฮอลไ ด เชน เชื้อเอชไอวี เชอ้ื เรมิ เช้อื ไวรสั ตับอักเสบบี และซี เชอ้ื ไขห วดั ใหญ
สวนไวรสั ในกลมุ ทต่ี ิดตอ ในระบบทางเดนิ อาหาร เชน เชือ้ ไวรัสตบั อักเสบเอ และเชื้อ Enterovirus
มกั จะไมสามารถถกู ทําลายดว ยแอลกอฮอล การใชลา งมอื กค็ ลา ยกับการใชสําลชี ุบแอลกอฮอลม า
เช็ดมือ เชด็ แผลก็ได เอทิลแอลกอฮอล 70% เปน ตวั ทใ่ี ชใ นทางการแพทยแ ละมาตรฐาน
อตุ สาหกรรมอาหาร โดยปกตจิ ะระเหยเรว็ ในอณุ หภูมิหอ ง 25 องศา ปกตเิ อทิลแอลกอฮอลก นิ ได
ตา งจากเมทลิ แอลกอฮอลท่กี นิ ไมไ ด จึงไมต อ งหวงหากใชเจลลางมอื แลวไปจบั อาหารรบั ประทาน

 
 



 

งานวิจยั ที่เก่ียวขอ ง

เจลลางมือวา นหางจระเข Aloe Vera Gel

โดยโครงงานของโรงเรยี นชโิ นรสวทิ ยาลัย
บทคดั ยอ

โครงงานวชิ า IS เรือ่ ง เจลลา งมอื จากวา นหางจระเข จดั ทาํ ขน้ึ เพอ่ื ท่ีเราจะนําวนุ หรือเจลทอี่ ยภู ายใน
วา นหางจระเขม าทําเจลลา งมอื และเพอื่ ท่จี ะลดการใชส ารเคมีจากการทําเจลลา งมอื โดยเราสามารถ
แบง เปนการทดลองออกเปน 2 ตอนคือ

ตอนที่ 1 นําวา นหางจระเขม าปลอกเอาเปลือกออกแลว ฝานเอาวุนขางในวา นหางจระเขอ อกมา หลกั
จากน้ันนาํ เน้ือวุนมาปน ใหล ะเอยี ด

ตอนท่ี 2 นําเนอ้ื ทไ่ี ดม าจากวา นหางจระเขม าผสมกบั ชดุ ทาํ สบูทเี่ ราเตรยี มไว จากนั้นนําแอลกอฮอล
ท่เี ตรียมไวแ ลว มาตวงในถว ยจาํ นวน 15 ml

สรุปไดว า เจลจากวานหางจระเขน ้ันสามารถทําใหผ วิ นมุ ชมุ ชืน้ รักษาแผลสมานแผลชว ยในการ
ตอตานเชือ้ แบททีเรยี ได โดยทีเ่ รากใ็ ชส ารเคมใี นปรมิ าณที่นอ ยกวาเจลลางมือท่ีวางขายทีอ่ ยูใน
ทองตลาดและเจลลางมือท่ไี ดกส็ ามารถท่ีจะลางมอื ใหสะอาด

 
 


 

คณุ ประโยชนของสม

สมเปนผลไมท่ีมีรสเปรย้ี วอมหวานสามารถนาํ มาทาํ เครอ่ื งด่ืมใหค วามสดชื่นกบั รางกายได
นอกจากน้สี มยงั มคี ณุ คาทางอาหารไมน อ ยและประโยชนอ ีกหลากหลายอยาง จงึ สามารถบอกไดว า
สมเปน ผลไมสารพดั ประโยชน เรามาดูกนั ดกี วา 12 ประโยชนข องสมนัน้ มอี ะไรบาง

1. ผลไมแ กทอ งผกู
2. กระตุนภมู ิคมุ กนั รา งกาย
3. ปรับสมดุลระดบั นาํ้ ตาลในเลือด
4. ชวยลดความดนั โลหิต
5. ลดคอเลสเตอรอลในเลอื ด
6. บาํ รุงหวั ใจ
7. ลดความเสี่ยงโรคน่ิวในไต
8. ยับย้งั การเกิดแผลเปอย
9. ลดความเสย่ี งโรคสโตรก
10. ปอ งกันมะเรง็
11. ลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม
12. สมชว ยบํารงุ ผวิ

 
 



 

โรคตดิ เชอื้ ทต่ี ดิ ตอผา นทางมอื

โรคติดเชื้อมากมาย สามารถติดตอผา นการสมั ผัส ตัวอยางโรคทีพ่ บบอย มดี งั น้ี

1.โรคตดิ เชอื้ ระบบทางเดินหายใจ เชน หวดั วณั โรค ไขห วดั ใหญ โรคหดั หดั เยอรมนั นอกจากจะ
ติดตอ ผานการหายใจเอาเชือ้ เขา ไปแลว การท่มี อื ไปสมั ผัสกบั ส่ิงของเคร่อื งใชทใ่ี ชรวมกบั บคุ คลอ่นื
หรอื เคร่อื งใชใ นท่ีสาธารณะ เชน ลกู บิดประตู ราวโหนรถเมล หรือราวบันได แลว มาแคะจมกู เช้อื
โรคกจ็ ะเขา สโู พรงจมกู สวนหนา เมอ่ื หายใจเขา ไป กท็ าํ ใหเกดิ โรคได

2.โรคติดเชือ้ ทางเดินอาหาร เชน ทอ งเสยี โรคตบั อักเสบชนิดเอ โรคบดิ อหวิ าตกโรค โรคพยาธิ
ชนดิ ตาง ๆ ซ่งึ ติดตอไดจ ากการท่ีมือปนเปอ นเชือ้ เหลานี้ แลว หยบิ จับอาหารรบั ประทานเขาไป

โรคติดตอ ทางการสมั ผัสโดยตรง เชน โรคตาแดง โรคเชอ้ื รา แผลอักเสบทผี่ ิวหนงั หดิ เหา โรคเรมิ

โรคท่ีติดตอ ไดห ลายทาง เชน โรคอสี กุ อีใส อาจตดิ ตอไดจ ากการหายใจ และการสัมผสั

โรคติดเช้ือเหลา นี้ เปนโรคทพี่ บบอย และบางครงั้ อาจมีภาวะแทรกซอนท่ีรนุ แรงตามมาได

 
 



 

ปองกนั โรคระบาด...ดวยหลกั ปฏบิ ัติงายๆ 12 ขอ นี้!

สถานการณโรคระบาดกาํ ลังแพรกระจายไปทว่ั โลก สาเหตุมาจากสภาพอากาศทแ่ี ปรปรวนจนยาก
จะคาดเดา สาํ หรบั โรคระบาดที่มักเกดิ ขึ้นในประเทศไทย วิธกี ารปองกนั ที่ดที ส่ี ดุ คอื รักษาสุขภาพ
ใหแข็งแรงอยูเ สมอ สรา งภมู คิ ุม กันใหก ับตนเอง โดยมหี ลกั ปฏบิ ัตงิ ายๆ ดงั นี้..

1. ลา งมอื ทุกครั้งกอน – หลังรับประทานอาหาร
2. ลางมือทกุ คร้ังหลงั สัมผสั สง่ิ ของสาธารณะ เชน กลอนประตู ลกู บดิ ราวบนั ได ราวบนรถ

โดยสาร
3. ลา งมือทกุ คร้งั หลงั ขับถา ย
4. หลกี เลยี่ งการคลกุ คลี ใกลช ดิ และใชข องใชรว มกับผูป ว ยโรคระบาด
5. ใชผ า หรอื กระดาษทชิ ชูปด ปากและจมกู ทุกคร้งั เม่ือไอ จาม
6. หากเจบ็ ปว ยเปน ไขห วดั ควรใชหนา กากอนามยั เม่อื ตอ งไปสถานทชี่ ุมชน
7. หม่ันทําลายแหลง เพาะพนั ธุย งุ ลาย เชน โอง นาํ้ แจกัน กระปอ ง ยางรถยนตเ กา ๆ หลุมทีม่ ี

นํา้ ขงั
8. รบั ประทานอาหารท่สี ะอาด ปรุงสุกใหม ถูกสขุ ลักษณะ
9. หลีกเลย่ี งอาหารดบิ หรอื สกุ ๆ ดบิ ๆ
10. ดืม่ นํา้ ท่ีสะอาดเพยี งพอตอรางกาย
11. ใชภาชนะท่ีสะอาดในการรบั ประทานอาหารและดื่มน้ํา
12. ออกกาํ ลงั กายเปนประจาํ ตามความเหมาะสมของรา งกาย

 
 



 

บทท่ี 3

วธิ ีดาํ เนินการ

วัสด/ุ อุปกรณ

1. เอทิลแอลกอฮอล จาํ นวน 1000 มิลลิลติ ร
2. เปลือกสมเขยี วหวาน สมจีน จํานวน 150 กรมั ตอชนิด
3. กลีเซอรนี จํานวน 100 มลิ ลลิ ติ ร
4. น้ํากลั่น 1000 มลิ ลลิ ิตร
5. คารโ บพอล
6. ดา งไตรเอทาโนลามนี
7. บกี เกอรขนาด 100 ,250 มิลลิลติ ร
8. หลอดตวง
9. แทง แกว คนสาร
10. หลอดหยด
11. เครอ่ื งช่ังดิจติ อล
12. แปรงลา งทาํ ความสะอาด
13. แผนอะลมู เิ นยี มฟอยล จาํ นวน 1 มวน
14. ขวดบรรจุภณั ฑ จาํ นวน 12 ขวด

 
 

10 

 

วิธกี ารทํานํา้ มนั หอมระเหย

1. จดั เตรียมเปลอื กสมเขียวหวาน สม จีน ชนดิ ละ 150 กรมั
2. นาํ เปลือกสมแตละชนิดทเ่ี ตรยี มไวมาแชใ นบกี เกอรที่มเี อทลิ แอลกอฮอล บกี เกอรล ะ 100

มิลลิลติ ร
3. ปด ดว ยอะลูมิเนียมฟอยล ตามเวลาทไ่ี ดก าํ หนดไว
4. เมือ่ ไดน้ํามนั หอมระเหยแลวนํามาใสในขวดบรรจุ

สว นประกอบ

สตู รที่ 1 สตู รที่ 2

1. เอทิลแอลกอฮอล 95% จาํ นวน 75 มิลลลิ ติ ร 75 มิลลิลติ ร
2. คารโบพอล 940 จํานวน 0.4 กรัม 0.8 กรัม
3. ดางไตรเอทาโมลามนี จาํ นวน 10 หยด 16 หยด
4. กลเี ซอรีน จาํ นวน 5 มิลลิลติ ร 5 มลิ ลลิ ิตร
5. นาํ้ สะอาด จาํ นวน 40 มลิ ลิลิตร 40 มลิ ลลิ ติ ร
6. น้าํ มนั หอมระเหย จาํ นวน 10 มิลลลิ ิตร 25 มลิ ลิลตร

วธิ ีการทาํ เจลลา งมอื จากสารสกัดของพชื ตระกูลสม

1. นาํ กลีเซอรนี เทลงในน้ําสะอาด และจากนนั้ คนใหเขา กนั พอดี
2. นําคารโ บพอลมาโปรยลง ในสว นผสมของขอท่ี 1 ( คอยๆเตมิ และคนจนใหเขา กันด)ี
3. เติมเอทิลแอลกอฮอลในสว นผสมของขอ ที่ 2 และคนใหเ ขา กนั
4. เตมิ น้าํ มันหอมระเหยทเี่ ตรยี มเอาไว แลวบรรจุใสบรรจุภณั ฑท ป่ี ด สนทิ

 
 

11 
 

บทที่ 4

ผลการวเิ คราะหขอ มลู

ตอนท่ี1 ตารางเปรยี บเทยี บอตั ราสว นของสารสกัดจากพชื ตระกูลสม

สารละลาย สตู ร เวลา เวลาใน ความ เนื้อสมั ผัส การระเหย
การขน้ึ รปู คงทนของ ของเจล
สตู รที่ 1 30 นาที
สมเขียวหวาน 1 ชั่วโมง เจล กลนิ่
1 ชัว่ โมง
สูตรท่ี 2 30 นาที 2 ช่ัวโมง 35 วินาที ไมเ หนอะ 10 วินาที
30 นาที
สตู รท่ี 1 2 ช่วั โมง 42 วินาที ไมเ หนอะ 11 วินาที
สม จีน 1 ชัว่ โมง
1 ช่วั โมง 2 ชั่วโมง 52 วินาที ไมเหนอะ 12 วินาที
สูตรท่ี 2 30 นาที
30 นาที 2 ชว่ั โมง 38 วนิ าที ไมเ หนอะ 7 วินาที

1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง 43 วินาที ไมเหนอะ 8 วนิ าที
1 ช่วั โมง 2 ช่ัวโมง 60 วนิ าที 10 วินาที
30 นาที 2 ชั่วโมง 37 วินาที ไมเหนอะ 9 วินาที
สบายผวิ
30 นาที
ไมเหนยี ว
1 ช่วั โมง
1 ช่วั โมง 2 ชั่วโมง 47 วนิ าที ไมเหนอะ 10 วนิ าที
30 นาที 2 ชวั่ โมง 11 วินาที
2 ช่ัวโมง 62 วินาที ไมเ หนอะ 7 วินาที
2 ชวั่ โมง 39 วนิ าที สบายผิว 8 วนิ าที
2 ช่ัวโมง ไมเหนยี ว 9 วนิ าที
ไมเ หนอะ

60 วินาที ไมเหนอะ

120 วนิ าที ไมเหนอะ
สบายผวิ

 
 

12 

 

ตอนที2่ ผลวิเคราะหขอ มลู

โครงงานเรื่องเจลลา งมือจากสารสกดั ของพชื ตระกลู สม ไดท ดสอบประสิทธภิ าพของเจ
ลลางมอื มกี ารนาํ เสนอผลการวเิ คราะหข อมูล 2 ตอน ดังนี้

ตอนท่ี 1 ในการเปรยี บเทียบความคงทนของกล่นิ ของเจลลางมอื จากสารสกดั ของพืช

ตระกูลสม ในอตั ราสวนสูตรที่ 1 ระหวางสมจนี และสมเขียวหวาน พบวา สมจีนมีความคงทนของ
กล่ินทดี่ ีกวาสม เขียวหวาน ในอตั ราสวนสตู รที่ 2 ระหวางสม จนี และสม เขยี วหวาน พบวา สม จนี มี
ความคงทนของกลิ่นทด่ี กี วา สม เขยี วหวาน วิเคราะหข อมลู ไดวา สมจนี สตู รที่ 2 มคี วามคงทนของ
กลนิ่ ท่นี านและหอมกวา เนอ่ื งจากเวลาในการคงทนของกลน่ิ มเี วลาทม่ี ากท่ีสดุ เพราะสูตรที่ 2
ปรมิ าณของนา้ํ มันหอมระเหยมีมากกวา สูตรที่ 1 โดยสมเขียวหวานสตู รท่ี 2 สมจนี สตู รที่ 1
สมเขียวหวานสตู รท่ี 1 มีความคงทนของกลน่ิ รองลงมาเนือ่ งจากมีเวลาในการคงทนของกลิน่
นอ ยลงมาตามลําดบั

ตอนที่ 2 ในการเปรียบเทียบการระเหยของเจลลางมอื จากสารสกดั ของพืชตระกูลสม ใน

อตั ราสวนสูตรท่ี 1 ระหวา งสม จนี และสม เขยี วหวาน พบวา สม จีนมกี ารระเหยทด่ี กี วา สมเขยี วหวาน
ในอัตราสวนสูตรที่ 2 ระหวา งสม จนี และสม เขยี วหวาน พบวา สมจนี มกี ารระเหยทด่ี กี วา
สม เขียวหวาน วเิ คราะหขอ มูลไดว า สม จีนสูตรท่ี 2 มกี ารระเหยที่เรว็ และมอื แหง เร็วกวา เน่อื งจาก
เวลาในการระเหยมีเวลาท่ีนอ ยทสี่ ุด เพราะสตู รที่ 2 ปริมาณของนาํ้ มันหอมระเหยมมี ากกวาสตู รท่ี 1
โดยสม เขยี วหวานสูตรท่ี 2 สมจนี สตู รที่ 1 สมเขยี วหวานสตู รท่ี 1 มีการระเหยรองลงมาเน่ืองจากมี
เวลาในการระเหยนอยลงมาตามลาํ ดับ

ผลการวิเคราะหขอ มูล

การทดลองการเปรยี บเทยี บเนอ้ื สัมผัส การระเหย ความคงทนของกลิน่ ของเจลลางมอื จาก
สารสกัดของพชื ตระกลู สม คอื กล่ินของเปลือกสมเขยี วหวานและกลน่ิ ของเปลือกสมจนี ทง้ั 2 สตู ร
เปนเวลา 30 นาที 60 นาที 90 นาที สรปุ ผลการทดลองไดว า สม จีนสูตรท่ี 2 มีความคงทนของกลนิ่
การระเหย เนอื้ สัมผสั เนอื่ งจากเวลาในการคงทนของกลิ่นมีเวลาทีม่ ากที่สดุ และเวลาในการระเหยมี
เวลานอ ยที่สุด เพราะสูตรท่ี 2 ปริมาณของนาํ้ มนั หอมระเหยมีมากกวา สตู รท่ี 1 โดยสม เขยี วหวาน
สตู รท่ี 2 มีความคงทนของกลิ่น การระเหยเปนอนั ดบั ท่ีสอง เนื่องจากเวลาในการคงทนของกล่ินมี

 
 

13 
 

เวลาที่นอ ยกวา และมีเวลาในการระเหยทม่ี ากกวาชดุ การทดลองสม จีนสตู รท่ี2 สมจีนสตู รท่1ี มี
ความคงทนของกลิ่นและการระเหยเปนอนั ดับท่สี ามเนอื่ งจากเวลาในการคงทนของกลิ่นมเี วลาท่ี
นอ ยกวา และมเี วลาในการระเหยทีม่ ากกวา ชดุ การทดลองสมเขียวหวานสูตรท่ี 2 สมเขยี วหวานสตู ร
ท1ี่ มีความคงทนของกล่นิ เปน อันดบั สุดทา ยหรืออนั ดับทส่ี เ่ี น่ืองจากเวลาในการคงทนของกลนิ่ มี
เวลาทน่ี อยกวา และมีเวลาในการระเหยทม่ี ากกวา ชดุ การทดลองสมจนี สตู รที่ 2 สมเขียวหวานสตู รที่
2 และสมจนี สตู รท่1ี

 
 

14 
 

บทที่ 5

สรปุ ผล อภปิ รายผล และขอ เสนอแนะ

โครงงานเรื่องเจลลา งมือจากสารสกัดของพืชตระกลู สม

สรุปผล

ผลการเปรยี บอัตราสวนของสูตรท่ี 1 ระหวา งสมจีนและสมเขยี วหวาน พบวา สมจนี มเี นอ้ื
สัมผัส การระเหย ความคงทนของกลิ่น ดีกวาสม เขียวหวาน ในอัตราสว นสตู รที่ 2 ระหวา งสมจนี
และสม เขียวหวาน พบวาสมจีนมีเนอื้ สัมผสั การระเหย ความคงทนของกล่ิน ดีกวา สม เขยี วหวาน

อภปิ รายผล

เจลลา งมือจากสารสกัดจากพชื ตระกูลสมจนี ในสูตรที่ 2 มีการระเหยและความคงทนของกลนิ่ ดี
ทีส่ ุด เนื่องจากเวลาในการคงทนของกลนิ่ จากสารสกัดสมจีนสูตรที่ 2 ทั้ง 3 ชุดการทดลองมี
เวลานานท่สี ดุ สมเขยี วหวานสตู รท่ี 2 สม จนี สูตรท่ี 1 สม เขียวหวานสตู รที่ 1 มคี วามคงทนของ
กลน่ิ รองลงมาเนือ่ งจากมเี วลาในการคงทนของกลน่ิ นอ ยลงมาตามลาํ ดับ และในการระเหยสม จีน
สูตรที่ 2 มกี ารระเหยท่ีเรว็ และมอื แหงเรว็ กวา เนอ่ื งจากเวลาในการระเหยมีเวลาท่นี อ ยทส่ี ดุ เพราะ
สตู รท่ี 2 ปริมาณของนํ้ามนั หอมระเหยมมี ากกวาสตู รท่ี 1 โดยสมเขียวหวานสูตรท่ี 2 สมจีนสูตรท่ี 1
สม เขียวหวานสตู รที่ 1 มกี ารระเหยรองลงมาเนือ่ งจากมเี วลาในการระเหยนอ ยลงมาตามลําดบั

ขอเสนอแนะ

จากผลการทําโครงงาน ผจู ัดทาํ โครงงานมขี อเสนอดังนี้

1. ขอ เสนอแนะในการนาํ ผลไปใช
ในข้นั ตอนการทํานา้ํ มันหอมระเหยนิ่งแชน านกล่ินทไี่ ดย ่ิงหอมมากขน้ึ
การทํานาํ้ มนั หอมระเหยหากเปดทง้ิ ไวกลน่ิ ของเปลือกสม จะระเหยจนหมดควร

ปดใหสนิทและมดิ ชิดดวยฟอยดอ ะลูมเิ นียม

 
 

15 
 

ในขน้ั ตอนที่ 2 หลงั จากนนั้ ควรแชท ิ้งไว 2-3 ชม.หรือ 1 คืน เพื่อใหคารโบพอล กระจายตวั
และพองตวั ใหเ ต็มที่ ในการทาํ เจลลางมอื น้คี วรอยใู นความดแู ลของผใู หญ

2. ขอเสนอแนะสําหรบั ทาํ โครงงานคร้ังตอไป
ควรทดลองในรูปแบบการทดลองทม่ี ีกลิ่นของเปลือกสมที่หลากหลายชนดิ มาก

ขึน้ และเพ่มิ ระยะเวลาในการแชเ ปลอื กสมในสว นของข้นั ตอนการทํานาํ้ มนั หอมระเหย

 
 

16 
 

อางอิง

แกว กลั ยา โสตถิสวสั ดิ์ เเละ อุลยั วรรณว ทิ ยเกยี รติ . (2554). ประสิทธภิ าพของเจลลางมือทผี่ ลติ จาก
เมา หลวงตอ การทําลายจุลนิ ทรยี ก อโรค. สกลนคร : มหาวิทยาลยั ราชภฏั สกลนคร.

ความรสู ขุ ภาพ (2564).12 คณุ ประโยชนข องสม เม่อื คณุ รแู ลวตองไมม องผาน กรุงเทพฯ : กระปกุ .
คอม

ความรูสขุ ภาพ (2563).โรคทีม่ ากับ...มอื กรงุ เทพฯ : ระบบบริการสขุ ภาพ.เน็ท

นภาพร ศิลาฤทธิ์ และเนตรทราย เดชวีระพานชิ ย. (2556). เจลสมุนไพรจากใบสาบเสือเพอ่ื ยบั ยัง้
แบคทีเรยี . รายงานโครงการหมายเลข ChE. : ภาควชิ าวิศวกรรมเคมี คณะวศิ วกรรมศาสตร
มหาวทิ ยาลัยขอนแกน .

เบญจพร พนู ศรสี วสั ด์ิ. (2561). เจลลา งมอื วา นหางจระเข. (สหกจิ ). กรุงเทพฯ : คณะศลิ ปศาสตร
มหาวิทยาลัยสยาม.

ปวติ รา วัฒโนดร. (2561).แอลกอฮอลเ จลลา งมือผลไมร วม (สหกจิ ศกึ ษา) กรงุ เทพฯ : คณะศลิ ป
ศาสตร มหาวทิ ยาลัยสยาม.

พนดิ า ชูดวง, ธิติพร ทับทมิ แดง, ศศธิ ร ประโพธพงษ, นรนิ ทิพย ศรสี ุบรรณ และ ษิตาภรณ อมร
รัตนโสภิต. (2562). เจลแอลกอฮอลลา งมอื ผสมวา นหางจระเขก ลิ่นกหุ ลาบ. (สหกิจศกึ ษา).
กรุงเทพฯ: คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลยั สยาม. 

ศาสตราจารย ดร.ศภุ ยางค วรวุฒคิ ุณชยั . (2563).เจลสมุนไพรทาํ ความสะอาดมือ. จังหวัดสงขลา
: มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร.

สวุ รรณา เธยี รอังกูร, นวพร อนนั ตสนิ กุล และ ชมพูกานต เธยี รชวานนท. (2558). ขอมูลท่วั ไปของ
เจลแอลกอฮอล. : สาํ นักเคร่ืองสาํ อางและวัตถุอนั ตราย กรมวทิ ยาศาสตรการแพทย.

อ.ดร.ธรี พงศ ยะทา.(2562). “ไฮโดรแอลกอฮอลเ จล” เจลลา งมือนวตั กรรมนาโนสตู รสมุนไพร
ธรรมชาติ. : ภาควิชาสรีรวิทยา คณะสตั วแพทยศาสตร จฬุ าฯ

 
 

17 

 

ภาคผนวก

1.รปู ภาพการทดลอง
ขั้นตอนการทาํ น้ํามนั หอมระเหย

วสั ด/ุ อุปกรณ ข้ันตอนที1่ ช่ังเปลือกสมท้ัง 2 ชนดิ ใหเทา กนั

ขน้ั ตอนที2่ นําเปลือกสมที่ไดใ สล งในบีกเกอร

 
 

18 
 

ขั้นตอนที่3นาํ เอทลิ แอลกอฮอลใ สลงในบีกเกอรจ ํานวน 100 มิลิลติ ร

ขัน้ ตอนสดุ ทายปด ดว ยอะลมู เิ นียมฟอยล ตามเวลาที่ไดก ําหนดไว

 
 

19 

 

ข้ันตอนการทําเจลลางมือ

ขั้นตอนที่1 ตวงคารโ บพอล 0.4 กรัม

ขน้ั ตอนที2่ นําคารโบพอลมาละลายในนาํ้ กลน่ั คนจนเขากนั แลวทง้ิ ไวจนเกิดการพองตัว

ขน้ั ตอนท่3ี เตมิ เอทิลแอลกอฮอลในสวนผสมของขอท่ี 2 และคนใหเขากัน

 
 

20 
 

ขั้นตอนที่4 คอ ยๆเติมดางไตรเอทาโนลามีนลงในสว นผสมของขอ ที่ 3 (คอยๆเติมและคนไปดว ย ไม
จําเปน ตอ งเตมิ สารจนหมด)

 
 
 
 
 
 
 

    ขนั้ ตอนที่5 ชงั่ น้ํามันหอมระเหยใหไ ดป ริมาณท่ีกําหนด

 
 
 
 
 
 
 

ขัน้ ตอนสดุ ทา ย เติมน้ํามนั หอมระเหยทเ่ี ตรยี มเอาไว แลว บรรจุใสบรรจุภณั ฑท ีป่ ดสนทิ  

 
 


Click to View FlipBook Version