-39-
ก
ข
รปู ที่ 28 ภาพแสดงปริมาณตะกอนทเ่ี ปลย่ี นแปลง ก) บรเิ วณหาดเจา้ หลาว
ข) บริเวณหาดคงุ้ วมิ าน
-40-
4.2 ธรณสี ณั ฐานชายฝง่ั ทะเล
การศึกษาธรณีสัณฐานชายฝ่ังทะเลในพ้ืนที่อาเภอท่าใหม่และอาเภอนายายอา ม
คอื การเก็บตะกอนชายหาดระดบั ผวิ ดนิ
4.2.1 เกบ็ ตวั อยา่ งตะกอนชายหาดระดับผิวดิน
วเิ คราะห์คุณลักษณะของตะกอนชายทะเล เพ่ือศึกษาชนิดของแหล่งกาเนิดตะกอน
(sources) การพัดพาและการคดั ขนาดของตะกอนในพ้นื ท่ีศึกษา โดยทาการเก็บตัวอย่างจากตะกอนทราย
บริเวณชายหาด จานวนทั้งสิ้น 200 ตัวอย่าง ตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยในพื้นท่ีศึกษาทุกๆระยะ
150 เมตร เพื่อศึกษาสภาพสณั ฐานของชายหาดในพืน้ ที่ (รปู ท่ี 29)
กข
รูปที่ 29 การเกบ็ ตะกอนชายหาดพร้อมทง้ั ศึกษาสัณฐานชายฝ่งั ทะเลในพ้ืนที่ศกึ ษา
-41-
4.3 ธรณวี ทิ ยากายภาพพ้ืนทะเล
พ้ืนที่สำรวจต้ังอยู่บริเวณใกลช้ ำยฝง่ั และนอกชำยฝั่ง ตัง้ แตป่ ำกนำ้ พงั รำด อำเภอนำยำยอำม
ถึงนอกชำยฝ่ังเกำะสะบ้ำ อำเภอท่ำใหม่ จังหวัดจันทบรุ ี ห่ำงจำกชำยฝ่งั ไมเ่ กนิ 5 กโิ ลเมตร ครอบคลุม
พนื้ ที่ประมำณ 140 ตำรำงกโิ ลเมตร ปรำกฏในแผนที่ภูมิประเทศ กรมแผนท่ที หำร มำตรำส่วน 1 :50,000
จำนวน 1 ระวำง คอื 5334 II (บ้ำนโขดหอย)
4.3.1 การสารวจธรณีฟิสิกสท์ างทะเล
การหยั่งน้าลึกด้วยเครอื่ งมือหย่งั นา้ ลึกแบบลาคล่ืนเดี่ยวความแม่นยาสูง เพอ่ื สารวจ
ระดับความลึกน้า ความลาดชันและลกั ษณะภมู ิประเทศพื้นทะเลในบรเิ วณน้าต้นื ตา่ กว่า 2 เมตร โดยใช้
เครอ่ื งมือวัดความลึกน้าท่ีมคี วามแม่นยาสูง สามารถบนั ทึกค่าทวี่ ัดได้แบบทนั ที มขี นาดเลก็ ตดิ ต้ังงานในเรือ
สารวจขนาดต่าง ๆ เช่น เรือหางยาว หรือเรือที่สามารถแล่นในนา้ ต้ืนระดับต่ากว่า 2 เมตรได้ เพื่อให้ได้
ข้อมูลสารวจที่ใกลแ้ นวชายฝัง่ มากท่สี ุด ในการสารวจครัง้ น้ใี ชต้ ราเครือ่ งหมาย Ohmex Instrumentation
ร่นุ Sonarmite BTX ซ่งึ สามารถวดั ระดับได้ท่คี วามลกึ ตา่ สดุ 30-50 เซนติเมตร (รูปท่ี 31 ก)
การหย่ังน้าลึกด้วยเครื่องมือหย่ังนา้ ลึกแบบสองลาคล่นื ความแมน่ ยาสูง เพ่ือสารวจ
ระดับความลึกน้า ความลาดชันและลักษณะภูมปิ ระเทศพน้ื ทะเลในบริเวณนา้ ตื้น ลึกกว่า 2 เมตร โดยใช้
เคร่อื งมือวัดความลึกน้าที่มีความแม่นยาสูง ซ่ึงจะแม่นยากว่าแบบลาคล่ืนเดยี ว แต่มีขนาดใหญ่กว่า
และสา มารถติดต้ังร่วมกับเครื่องมือหาระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์บนพ้ืนโลกด้วยร ะบบดาวเทียม
โด ยก า ร รังวัด แบ บ จ ลน์ ได้ ค่ า พิ กัด ทัน ที (RTS-GPS) ตร า เครื่อ งห มา ย CEE-HydroSystems
รุ่น CEESCOPEtm ซึ่งมคี วามแมน่ ยาตาแหนง่ พิกัดประมาณ 5 เซนตเิ มตร (รูปท่ี 31 ข)
การหย่ังน้าลึกและบนั ทึกภาพหนา้ ตัดข้างคล่ืนไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลับระดับตื้น
ความละเอียดสูง เพ่ือศึกษาลักษณะธรณีวิทยาใต้พ้ืนท้องทะเล โดยการหยั่งน้าลึกและการบันทึก
ภาพหน้าตดั ข้างคลนื่ ไหวสะเทือนแบบสะทอ้ นกลับระดับต้ืนความละเอยี ดสูง จะดาเนนิ การไปพร้อม ๆ กัน
โดยใช้อุปกรณ์การสารวจที่มีระบบการบันทึกและประมวลผล คือ very high resolution parametric
(non-linear) echo sounding system ตราเครื่องหมาย Innomar รุ่น SES-2000 light ซึ่งจะบันทึก
ข้อมูลเป็น ระบบดิจิตอลท่ีมีความละเอียดแม่นยาสูง สามารถประมวลได้ขณะสารวจ ( real-time
processing) และหลังจากสารวจ (post-survey processing) ลักษณะการทางานของอุปกรณ์ very
high resolution parametric (non-linear) echo sounding system คือ การส่งชุดสญั ญาณคลื่นเสยี ง
ทป่ี ระกอบด้วยสองความถ่ี (dual frequencies) ซึ่งเป็นคล่นื เสยี งชุดแรก (primary dual-frequency)
คือ 102/98, หรือ 103/97, 104/96, 105/95, หรือ 106/94 กิโลเฮิรทซ์ ท่ีมีแรงดันสูงผ่าน ตัวส่ง
และรับสัญญาณ (transducer) ลงไปในน้าเพ่ือหยั่งน้าลึก คลื่นเสียงที่สอง (secondary frequency)
ซ่งึ เกิดจากการหักล้างกันระหวา่ งคลน่ื เสียงชุดแรกทถ่ี ูกเลือกส่งลงไป คอื 4, 6, 8, 10 หรือ 12 กิโลเฮริ ทซ์
ตามลาดับ สามารถทะลุผ่านลงไปในชั้นตะกอนใต้พ้ืนท้องทะเล และสะทอ้ นกลับขึ้นมายังตัวรบั สัญญาณ
หลังจากน้ันอุปกรณ์ประมวลผลจะแสดงภาพความลกึ น้า และภาพหน้าตัดข้างคล่ืนไหวสะเทือนแบบ
สะทอ้ นกลับของช้ันตะกอนและช้ันหนิ ใต้พนื้ ท้องทะเล การเลือกความถคี่ ลื่นเสยี งทเี่ หมาะสมในการสารวจ
-42-
ธรณีวทิ ยาชั้นตะกอนใต้พน้ื ทอ้ งทะเล ข้ึนอยกู่ ับพื้นท่ีสารวจแต่ละแห่ง ซึ่งก่อนการดาเนนิ การสารวจจริง
จะทาการทดสอบการทางาน และตร วจ สอบข้อมูลท่ีใช้คลื่น ความถี่ต่างๆ กัน ไป จ นได้ความถ่ี
ท่เี หมาะสมที่สุด (รูปท่ี 32)
รูปที่ 30 เรอื สารวจและการติดตัง้ อปุ กรณส์ ารวจธรณีฟิสิกส์ทางทะเลในพื้นท่ีสารวจ
กข
รปู ท่ี 31 (ก) เครอ่ื งหยั่งนา้ ลึกแบบลาคล่ืนเดีย่ วความแม่นยาสงู (ข) เครอื่ งหยง่ั นา้ ลกึ แบบสองลาคลนื่
ความแมน่ ยาสูง
-43-
กข
รูปที่ 32 ก) เครอ่ื งหย่งั นา้ ลึกและบนั ทึกภาพหน้าตัดข้างคลืน่ ไหวสะเทอื นแบบสะทอ้ นกลับระดับต้นื
ความละเอียดสงู ข) ตวั อย่างข้อมลู ภาพท่แี สดงขณะทาการสารวจเกบ็ ข้อมลู
รูปท่ี 33 แผนที่แสดงเส้นทางเดินเรือสารวจธรณีฟิสิกสท์ างทะเล จุดตรวจวัดกระแสน้านอกชายฝ่ัง
และจดุ ตรวจวัดระดับนา้ ทะเลข้ึนลงประจาวนั (ช่วงมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนอื )
-44-
รูปท่ี 34 แผนที่แสดงเสน้ ทางเดินเรือสารวจธรณฟี สิ ิกส์ทางทะเล จดุ ตรวจวัดกระแสนา้ นอกชายฝ่งั
และจุดตรวจวดั ระดบั นา้ ทะเลข้ึนลงประจาวนั (ช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้)
-45-
4.3.2 การตรวจวัดระดับนา้ ข้นึ -นา้ ลง
การตรวจวัดระดับน้าขึ้น-ลง ประจาวัน (Tide measurement) เทียบกบั ระดับทะเล
ปานกลางในพืน้ ทสี่ ารวจ ดาเนินการโดยใช้เครอ่ื งมอื Portable water level recorder ย่หี ้อ Valeport
รุ่น 740 (รูปท่ี 35) ซงึ่ เป็นอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้าขึ้น-ลง ระบบดิจติ อล แบบวัดความดัน ซ่ึงจะวัด
ความกดดันของน้าจากใต้นา้ แลว้ แปลงเปน็ ความสูงของนา้ เหนอื อปุ กรณว์ ัด โดยใชค้ วามสมั พันธ์ระหวา่ ง
ความดัน ความหนาแน่นของน้า อตั ราเรง่ เนือ่ งจากแรงโนม้ ถ่วง และความสูงของน้าการตรวจวดั จะบันทึก
ค่าการเปลย่ี นแปลงระดับน้าเทยี บกับระดับทะเลปานกลางในพ้ืนท่ีสารวจ ทกุ ๆ 1 นาที อปุ กรณ์ตรวจวดั ได้
ติดต้ังไวบ้ รเิ วณท่าเรือในพนื้ ท่สี ารวจแต่ละพ้ืนที่
รปู ที่ 35 เคร่อื งตรวจวัดระดบั น้าข้นึ -น้าลงแบบวัดความดนั และการติดตง้ั
-46-
4.3.3 การเกบ็ และวิเคราะห์ตวั อย่างตะกอนพืน้ ผวิ ท้องทะเล
การเก็บตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวทอ้ งทะเลเพือ่ ศึกษาลกั ษณะ ชนิด และการกระจายตัวของ
ตะกอนท่ีตกสะสมตัวอยู่บนพ้ืนท้องทะเลในปัจจุบัน การเก็บตวั อยา่ งตะกอนในการสารวจครั้งน้ีได้ใช้
เคร่ืองมือแบบ Home-made dredger ดังแสดงในรูปท่ี 36
รปู ท่ี 36 แผนทแี่ สดงตาแหนง่ เก็บตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเล
กข
รปู ที่ 37 ก) เครอื่ งมือหาพิกัดทางภูมิศาสตร์บนพน้ื โลกระบบดาวเทียม ตราเครื่องหมาย Garmin
และโปรแกรมควบคุมการเดินเรือ Hydro pro - navigation ขณะปฏิบตั ิงานสารวจ
ข) เคร่อื งมือเกบ็ ตวั อย่างตะกอนพ้ืนทะเลแบบ Home-made dredger
-47-
4.3.4 การวัดทิศทางและความเรว็ กระแสน้านอกชายฝง่ั
การตรวจวัดกระแสน้านอกชายฝั่ง ได้ทาการสารวจด้วยเคร่ืองมือทม่ี ีช่ือว่า ADCP –
Acoustic Doppler Current Profiler ตร า เคร่ืองห มา ย Teledyne รุ่น Sentinel Workhorse Rio
Grande 600 kHz ซึ่งจะตรวจวัดทิศทางและความเร็วของกระแสน้าจากการเคลอื่ นที่ของอนุภาคตา่ ง ๆ ท่ี
อยู่ในน้าทะเล โดยใช้พลังงานคล่ืนเสียงสง่ ผ่านไปในน้าคล้ายคลื่นโซนาร์แต่มคี วามถี่สูงกว่า และบนั ทึก
ขอ้ มูลไว้ในตัวเครอื่ งเพ่อื ทาการประมวลผลและวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในภายหลัง ดังแสดงในรูปท่ี 38
รปู ท่ี 38 เคร่ืองมอื วัดทศิ ทางและกระแสน้านอกชายฝ่งั และการติดต้ังขณะดาเนนิ การสารวจ
-48-
4.4 เกบ็ ตะกอนปากแมน่ ้า คลอง กอ่ นไหลลงสูท่ ะเลอา่ วไทย
การศึกษาปริมาณตะกอนที่ไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย มีความสาคัญตอ่ การศกึ ษาสมดุลย์
ระหว่างการสะสมตวั และการกัดเซาะชายฝง่ั ทะเล เพื่อเปน็ ฐานข้อมูลนามาช่วยในการวเิ คราะห์แกป้ ัญหา
การกัดเซาะชายฝ่ังทะเลทพี่ บอยู่ตลอดแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ในการสารวจนี้ได้ทาการเกบ็ ตัวอย่าง
ตะกอนปากแม่นา้ ในเขตพื้นที่อาเภอท่าใหม่และอาเภอนายายอาม จงั หวัดจนั ทบรุ ี จานวน 5 คลอง ไดแ้ ก่
คลองพังราด คลองกระแจะ คลองปากตะโปน อ่าวคุ้งกระเบน และคลองวังตะโหนด(ปากน้าแขมหนู)
(รปู ท่ี 39)
รูปท่ี 39 จดุ เกบ็ ตะกอนทางน้าในพื้นที่อาเภอท่าใหม่ และอาเภอนายายอาม จังหวดั จันทบรุ ี
4.4.1 เคร่อื งมือเก็บตะกอน
เครอ่ื งมือเก็บตะกอน 1 ชุด ประกอบด้วยกระบอกเก็บตะกอนแขวนลอย สร้างจาก
ท่อพีวิซีขน าดเส้นผ่าน ศูน ย์กลาง 5 น้ิว รูทางเข้าของตะกอนมีขน าดเส้นผ่านศูน ย์กลาง 1 นิ้ว
และตาข่ายเก็บตะกอนท้องน้า ซึ่งมีทางเข้าช่องดกั ตะกอนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 0.06 ตารางเมตร
ใช้ตาขา่ ยหรือมุ้งไนล่อน ที่มขี นาดใกล้เคียงกับตะแกรงมาตรฐาน เบอร์ 16 โดยเปรี ยบเทียบขนาดใน
ท้องตลาด (รูปที่ 40)
-49-
รูปที่ 40 ชุดเคร่ืองมือเก็บตะกอน ประกอบด้วย ก) เคร่ืองดักตะกอนท้องน้า ( bedded load)
ข) เคร่ืองเกบ็ ตะกอนแขวนลอย (suspended load)
4.4.2 วธิ ีการศึกษา
การศึกษาปรมิ าณตะกอนในกระแสน้าไหลลงสู่ทะเลพื้นที่อาเภอทา่ ใหม่และอาเภอนายายอาม
ด้วยแนวคิดตามแบบจ าลองการไหลของตะกอนในลาคลอง (รูปท่ี 41) แบ่งออกเป็น ตะกอนแขวนลอย
(Suspended load) และตะกอนท้องน้า (Bed load) เพื่อประเมินปริมาณตะกอนเฉลี่ ยของคลองขนาดต่าง ๆ
และจัดทาข้อมูลจานวนของคลอง ท่ีไหลลงสู่ทะเลในแต่ละปี ทาให้เกดิ การเปล่ียนแปลงในแนวราบและแนวดิ่ง
โดยการวางเครื่องดักตะกอนอย่างน้อย 3 วนั
รูปท่ี 41 แบบจาลองการเคล่ือนทีของตะกอนแขวนลอย (Suspended load) และตะกอนท้องน้า (Bed
load)
-50-
การคานวณหาปรมิ าณตะกอน
เน่ืองจากการดักตะกอนเป็นการประเมิ นปริมาณตะกอน โดยการประยุกต์ เคร่ืองมือการเก็ บ
ตะกอนและเทยี บเคียงค่าขนาดของตะกอนที่ดักเก็บไดใ้ ห้เป็นมาตรฐานให้ได้มากที่สุดแบ่งเปน็ 2 ส่วน ดงั น้ี
หลักการคานวณหาพื้นท่ีหน้าตัดของลาคลองจะเทียบเคียงกับการขุ ดคลองท่ี เป็นมาตรฐาน
คื อ
เป็นรูปส่ีเหล่ยี มคางหมู ซึ่งสามารถวัดขนาดกว้างด้านบนของคลอง (A) และความลึกของคลอง (C) ส่วนด้านท้อง
น้า หรอื ด้านคู่ขนานท่ีส้ันกวา่ จะหาจากกาหนดความลาดชันของตลง่ิ ทใ่ี ชท้ า มมุ 45 องศา จะได้ ความกว้างของ
(A) ลบสองเทา่ ของความลึก (C) ดงั รายละเอียดในรูปท่ี 42
รปู ที่ 42 การประเมินและการคานวณหาปริมาณตะกอนในคลองหลัก
5.ผลการศกึ ษาการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเล
5.1 สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล
5.1.1 สถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝ่งั ในแนวราบ
5.1.1.1 สถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝั่งในชว่ งรอบ 6 ปี
ผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียน แปลงชายฝั่ง บริเวณพ้ืนที่อาเภอ ท่าใหม่
และอาเภอนายายอาม จังหวดั จันทบุรี เป็นระยะทางรวม 10.5 กิโลเมตร ในชว่ งระหว่างปี พ.ศ. 2545 –
2551 พบว่าสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังในชว่ งรอบ 6 ปี ของพื้นทีศ่ กึ ษาแบง่ ออกได้เป็น 3 ลกั ษณะ
คอื พนื้ ท่ีกัดเซาะปานกลาง พน้ื ท่ีสะสมตัว และพืน้ ท่ีคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง คอื 3.2 กิโลเมตร (30.5%)
0.3 กิโลเมตร (2.8%) และ 7.0 กโิ ลเมตร (66.7%) (รปู ท่ี 46)
1) พนื้ ทกี่ ดั เซาะปานกลาง (กดั เซาะระหวา่ ง 1 - 5 เมตรต่อป)ี
การสารวจคร้งั น้มี ีเพียงพ้นื ทกี่ ดั เซาะปานกลาง ครอบคลุมพื้นที่ทัง้ หมด 22,778 ตารางเมตร
ชายหาดถูกกัดเซาะเป็นแนวยาวรวมทั้งหมด 3.2 กิโลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 30.5 ของระยะทางทัง้ หมดท่ีศกึ ษา พื้นทกี่ ัด
เซาะปานกลางดว้ ยอตั ราเฉลี่ย 1.51 เมตรตอ่ ปี พบ 6 บรเิ วณ ไดแ้ ก่ หาดบ้านหาดหวั แหลม หาดแหลมเสด็จ
ตาบลคลองขดุ อาเภอทา่ ใหม่ หาดบ้านคงุ้ วมิ าน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม และท่าเทยี บบา้ นปากนา้
กระแจะ ตาบลกระแจะ อาเภอนายายอาม เป็นตน้ กัดเซาะเข้ามามากท่ีสุดเป็นระยะทาง 3.49 เมตร
(รปู ท่ี 43 )
กข
รปู ท่ี 43 หน้าหาดกัดเซาะปานกลางบริเวณหาดแหลมเสดจ็ ตาบลคลองขดุ ก-ข) คล่ืนกัดเซาะกาแพง
กันคล่ืนพัง คลนื่ กดั เซาะเข้ามาถงึ โคนตน้ สน
-52-
2) พื้นที่สะสมตัว (สะสมตวั มากกว่า 1 เมตรต่อป)ี
พื้นที่ชายหาดมีกา รสะสมตัวเพ่ิมขึ้น ครอบคลุมพ้ืน ท่ีทั้งหมด 9,263 ตารางเมตร
รวมระยะทางสะสมตัวยาวทั้งหมด 0.3 กิโลเมตร คิดเป็นรอ้ ยละ 2.8 ของระยะทางทั้งหมดที่ศกึ ษา พ้ืนท่ีสะสมตัว
ด้วยอัตราเฉล่ีย 4.26 เมตรต่อปี พบหน่ึงพ้ืนท่ี ได้แก่ หาดบ้านปากน้ากระแจะ ตาบลกระแจะ อาเภอนายายอาม
สะสมตวั ออกไปมากท่ีสดุ 6.69 เมตร (รูปท่ี 44)
รปู ท่ี 44 หน้าหาดสะสมตัว บรเิ วณหาดปากน้ากระแจะ ตาบลกระแจะ อาเภอนายายอาม
3) พืน้ ทค่ี งสภาพ (กดั เซาะหรือสะสมตวั น้อยกวา่ 1 เมตรต่อปี)
พน้ื ทชี่ ายหาดคงสภาพ รวมระยะทางคงสภาพทงั้ หมด 7.0 กิโลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 66.7
ของระยะทางทั้งหมด ได้แก่ บริเวณหาดเจ้าหลาว หาดบ้านหมูดุด ตาบลคลองขุด อาเภอท่าใหม่
หาดบา้ นปากตะโปน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม และหาดบ้านนาซา ตาบลกระแจะ อาเภอนายายอาม
เปน็ ต้น (รูปท่ี 45)
รปู ท่ี 45 หน้าหาดคงสภาพ บริเวณหาดบ้านปากตะโปน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม
-53-
รปู ท่ี 46 แผนทก่ี ารเปล่ยี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 6 ปี
-54-
5.1.1.2 สถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝ่ังในชว่ งรอบ 10 ปี
ผลการวิเคราะหส์ ถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝ่ัง ระหว่างช่วง ปี พ.ศ. 2551 และ ปี พ.ศ. 2561
การเปรียบเทยี บคร้ังนีม้ ีระยะทาง 10.5 กโิ ลเมตร ผลท่ไี ด้ พบว่าในรอบ 10 ปี ชายหาดมีการเปลี่ยนแปลง
สองสถานภาพ คือ ชายหาดสะสมตัว และชายหาดคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง 2 กโิ ลเมตร (19%)
และ 8.5 กิโลเมตร (81%) ตามลาดับ ส่วนพื้นทก่ี ดั เซาะไม่พบในการสารวจครง้ั น้ี (รูปที่ 49)
1) พน้ื ท่ีสะสมตัว (สะสมตัว มากกว่า 1 เมตรต่อป)ี
การ สา รวจ ครั้งนี้มีพื้น ที่สะสมตัว ครอบคลุมพ้ืน ท่ีทั้งหมด 28,234 ตา รางเมตร
ชายหาดสะสมตัวเป็นแนวยาวรวมท้ังหมด 2.0 กิโลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 19 ของระยะทางท้ังหมดที่ศกึ ษา
พื้นท่ีสะสมตัวดว้ ยอัตราเฉล่ีย 1.51 เมตรต่อปี พบ 4 บริเวณ ได้แก่ หาดเจ้าหลาว ตาบลคลองขุด อาเภอท่าใหม่
หาดคงุ้ วมิ าน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม หาดบา้ นนาซา และหาดบา้ นปากน้ากระแจะ ตาบลกระแจะ
อาเภอนายายอาม เปน็ ต้น สะสมเข้ามามากทสี่ ุด เปน็ ระยะทาง 4.63 เมตร (รูปท่ี 47)
กข
รูปที่ 47 ชายหาดสะสมตวั ก) บรเิ วณหาดเจ้าหลาว ตาบลคลองขุด อาเภอท่าใหม่
ข) บริเวณหาดคุ้งวมิ าน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม
2) พืน้ ท่ีคงสภาพ (กดั เซาะหรือสะสมตวั นอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อป)ี
รวมระยะทางคงสภาพท้งั หมด 8.5 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 81.0 ของระยะทางท้ังหมด
ได้แก่ หาดบา้ นหาดหัวแหลม แหลมเสด็จบรเิ วณหาดหลังโรงเรียนวดั หมูดดุ ตาบลคลองขดุ อาเภอท่าใหม่
และหาดบา้ นปากตะโปน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม เปน็ ตน้ (รูปท่ี 48)
รูปที่ 48 หาดแหลมเสดจ็ บรเิ วณหาดหลังโรงเรยี นวัดหมูดุด ตาบลคลองขดุ อาเภอทา่ ใหม่
-55-
รปู ท่ี 49 แผนทก่ี ารเปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 10 ปี
-56-
5.1.1.3 สถานภาพการเปล่ยี นแปลงชายฝัง่ ในชว่ งรอบฤดูกาล
ผลการวิเคราะหส์ ถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝงั่ ระหวา่ งช่วงก่อนฤดมู รสุม (เดือนมิถนุ ายน)
และหลังฤดูมรสุม (เดือนมีนาคม) ปี พ.ศ. 2561 การเปรยี บเทียบคร้ังนี้มีระยะทางเพียง 12 กโิ ลเมตร ผลทไี่ ด้ พบว่า
ในรอบฤดูกาล ชายหาดมีการเปล่ียนแปลงสองสถานภาพ คือ ชายหาดสะสมตัว และชายหาดคงสภาพ คิดเป็น
ระยะทาง 4.2 กโิ ลเมตร (35%) และ 7.8 กิโลเมตร (65%) ตามลาดับ สว่ นพน้ื ที่กดั เซาะไม่พบในการสารวจคร้งั นี้
1) พนื้ ทส่ี ะสมตัว (สะสมตัว มากกว่า 1 เมตรต่อป)ี
การ สา รวจ ครั้งนี้มีพื้นท่ีสะสมตัว คร อบคลุมพื้น ท่ีทั้งหมด 28,234 ตารา งเมตร
ชายหาดสะสมตวั เป็นแนวยาวรวมทั้งหมด 2.0 กิโลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 19 ของระยะทางท้งั หมดที่ศึกษา
พน้ื ท่ีสะสมตัวด้วยอัตราเฉล่ีย 1.51 เมตรต่อปี พบ 4 บริเวณ ได้แก่ หาดเจ้าหลาว ตาบลคลองขุด อาเภอท่าใหม่
หาดคุง้ วมิ าน ตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม หาดบา้ นนาซา และหาดบา้ นปากน้ากระแจะ ตาบลกระแจะ
อาเภอนายายอาม เปน็ ตน้ สะสมเขา้ มามากท่ีสดุ เปน็ ระยะทาง 4.63 เมตร (รูปท่ี 50)
รูปที่ 50 ชายหาดสะสมตวั ก) บรเิ วณหาดเจา้ หลาว ตาบลคลองขุด อาเภอทา่ ใหม่
ข) บริเวณหาดคุ้งวมิ าน ตาบลตาบลสนามไชย อาเภอนายายอาม
2) พื้นทค่ี งสภาพ (กดั เซาะหรือสะสมตวั น้อยกวา่ 1 เมตรตอ่ ป)ี
รวมระยะทางคงสภาพทั้งหมด 7.8 กิโลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 65.5 ของระยะทางทั้งหมด
ได้แก่ หาดเจา้ หลาว หาดแหลมเสดจ็ บรเิ วณหลังศูนยจ์ ัยประมง ตาบลคลองขดุ อาเภอทา่ ใหม่ บ้านปากตะโปน
ตาบลสนามไชย บา้ นปากนา้ กระแจะตาบลกระแจะและบ้านถนนสูงตาบลช้างข้ามอาเภอนายายอามเปน็ ต้น (รูปท่ี 51)
รปู ท่ี 51 หาดแหลมเสดจ็ บรเิ วณหาดหลงั โรงเรียนวัดหมูดดุ ตาบลคลองขุด อาเภอท่าใหม่
-57-
รปู ท่ี 52 แผนทก่ี ารเปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบฤดกู าล
-58-
5.1.2 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่งั ในแนวดิ่ง
การสารวจรงั วัดชายฝั่งด้วยเครอื่ งมือ DGPS ในแนวด่ิง เพื่อนาข้อมลู มาจัดทาภาพมิติ
ของพ้ืนที่ศกึ ษาโดยใช้โปรแกรม ArcGIS เพอื่ ศึกษาสภาพสณั ฐานหน้าหาดที่เปลี่ยนแปลงไป ระหว่างชว่ ง
ก่อนมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้กับช่วงหลังมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ เมอ่ื ทาการเปรียบเทยี บสภาพหน้าหาดทงั้ สอง
ชว่ งในพื้นที่อาเภอทา่ ใหม่และอาเภอนายายอาม พบวา่ พ้ืนท่ีชายหาดโดยรวมมีการสะสมตัวของตะกอน
ทรายหน้าหาดเพิ่มขึน้ ดังนี้หาดเจ้าหลาวมีปริมาณตะกอนทรายท่ีมาสะสมตวั เพ่ิมประมาณ 11,524.22
ลูกบาศก์เมตร หาดคุ้งวมิ านมปี ริมาณตะกอนทรายลดลงประมาณ 10,605.89 ลูกบาศก์เมตร หาดคลอง
ตะโปนปริมาณตะกอนทรายลดลงประมาณ 2,610.75 ลูกบาศก์เมตร หาดใกล้ปากแม่น้ากระแจะมี
ปรมิ าณตะกอนทรายท่ีมาสะสมตัวเพมิ่ ประมาณ 79,353.75 ลกู บาศก์เมตร และหาดใกล้ปากแมน่ ้าพังราด
ปริมาณตะกอนทรายลดลงประมาณ 29,555.32 ลูกบาศก์เมตร คือ ช่วงก่อนมรสุมตะวันตกเฉยี งใต้
สัณฐานหน้าหาดมีการสะสมตัว แต่พอเข้าช่วงระหวา่ งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (พฤษภาคม – ตุลาคม)
สณั ฐานหนา้ หาดมลี ักษณะแคบและลาดชัน เน่อื งจากคลืน่ กาลังแรงได้ซดั เขา้ หาฝง่ั อยา่ งรุนแรงกัดเซาะ
พ้ืนท่ีถึงสันหาดด้านใน ตะกอนทรายถูกพดั พาออกไปจานวนมาก ทาให้หน้าหาดมีความลาดชันสูง
บางพนื้ ท่ีคลืน่ ไดก้ ัดเซาะเอาทรายบริเวณฐานของสันหาดออกไป จนมสี ภาพตัง้ ฉากกับพื้นท่ี จากน้ันในชว่ ง
หลงั ฤดูมรสุมต้ังแต่ปลายเดอื นตุลาคม-มกราคม พื้นที่ทีถ่ กู กัดเซาะจะถกู แทนที่ดว้ ยตะกอนชุดใหม่พรอ้ ม
กบั กระบวนการปรับสณั ฐานหน้าหาด ทาให้หน้าหาดกว้างข้ึนและมีความลาดชันน้อยลง ลกึ ออกไปใน
ทะเลประมาณ 100-150 เมตร จากฝั่งจะพบสันทรายใต้น้าเป็นแนวยาวขนานกับชายฝง่ั (รปู ที่ 53)
ก ข
รปู ท่ี 53 สณั ฐานหน้าหาด ก) หลงั มรสมุ และ ข) ระหวา่ งฤดมู รสุม บรเิ วณหาดคุ้งวมิ าน
จะเห็นไดว้ ่าหาดแทบไมม่ กี ารเปลย่ี นแปลง
-59-
รูปที่ 54 ภาพปรมิ าณตะกอนทรายหน้าหาดและภาพตัดขวางหน้าหาด บรเิ วณหาดเจา้ หลาว
รปู ท่ี 55 ภาพปริมาณตะกอนทรายหน้าหาดและภาพตัดขวางหนา้ หาด บรเิ วณหาดค้งุ วิมาน
-60-
รูปที่ 56 ปรมิ าณตะกอนทรายหน้าหาดและภาพตดั ขวางหนา้ หาด บรเิ วณหาดใกล้ปากคลองตะโปน
รปู ที่ 57 ปรมิ าณตะกอนทรายหน้าหาดและภาพตดั ขวางหนา้ หาด บริเวณหาดใกล้ปากคลองกระแจะ
-61-
รูปที่ 58 ปรมิ าณตะกอนทรายหน้าหาดและภาพตดั ขวางหน้าหาด บรเิ วณหาดใกล้ปากคลองพังราด
-62-
5.2 ธรณสี ัณฐานชายฝั่งทะเล
ธรณีสัณฐานชายฝั่ง เป็นการศึกษาลักษณะรูปร่าง การกาเนิด วิวัฒนาการ และ
กระบวนการต่างๆ ทเ่ี กดิ ข้ึนบนพื้นที่ชายฝง่ั ตั้งแต่อดีตจนถงึ ปจั จุบัน ดังน้ันธรณีสัณฐานชายฝ่งั จงึ เป็น
ลักษณะรูปรา่ งระหวา่ งทะเลกบั แผน่ ดิน ลม คลื่น นา้ ขึน้ น้าลง และกระแสนา้ เป็นตวั การหลกั ท่ีรว่ มกันทา
ให้เกดิ พ้ืนทช่ี ายฝ่ังชนดิ ต่างๆ ในขณะเดียวกนั ก็เป็นตวั การท่ีทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงชายฝัง่ อีกด้วย
การศึกษาธรณีสัณฐานชายฝั่งทะเลในพ้ืนที่อาเภอ ท่าใหม่และอาเภอนายายอา ม
ดว้ ยการเกบ็ ตัวอยา่ งตะกอนผิวดินชายหาด โดยผลการศึกษามีดังน้ี
5.2.1 เกบ็ ตวั อยา่ งตะกอนชายหาดระดบั ผิวดิน
ศกึ ษาสภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนชายทะเลด้วยการเก็บตวั อย่างตะกอนผวิ ดิน
ชายหาด โดยแบง่ เปน็ ตะกอนชายทะเลบรเิ วณหนา้ หาด และตะกอนชายทะเลบรเิ วณหลังหาด ครอบคลุม
พนื้ ทชี่ ายฝ่งั ทะเลอาเภอแหลมสิงห์จานวน 213 ตวั อย่าง (รูปที่ 60, ภาคผนวก)
ลกั ษณะตะกอนประกอบด้วยแร่ควอตซ์ (Quartz) เป็นองค์ประกอบหลัก (มากกว่ารอ้ ยละ92)
ขนาดละเอียดถึงหยาบ การคัดขนาดปานกลางถึงดี ความมน ดี (Rounded) ขึ้นกับจุดเก็บตวั อย่าง เช่น
บริเวณทีไ่ ดร้ ับอิทธิพลจากคลื่นหรอื รอยต่อระหวา่ งทะเลกับฝงั่ ตะกอนจะมีการคดั ขนาดปานกลางถึงเลว
นอกจากนีย้ งั สามารถพบเศษเปลอื กหอยได้ทั่วไป (Moderate to poor sorted) อาจสะสมตัวเป็นชน้ั หนา
สว่ นบริเวณที่อยู่หา่ งออกไปจากอทิ ธพิ ลของคลื่น ตะกอนมกี ารคดั ขนาดดี (Well sorted) มขี นาดละเอียด
ถงึ ปานกลาง ความมนของตะกอนบ่งชีว้ ่าตะกอนทสี่ ะสมในพื้นที่ถูกพัดพามาตามกระแสนา้ มีแหล่งต้น
กาเนดิ ทคี่ อ่ นขา้ งไกล (รปู ที่ 59)
รูปท่ี 59 ชั้นเศษเปลือกหอยที่พบในบริเวณหนา้ หาด
-63-
รปู ที่ 60 แผนทต่ี าแหน่งเก็บตัวอย่างตะกอนหน้าหาดระดับผิวดินพ้ืนที่อาเภอท่าใหม่และอาเภอนายายอาม
จงั หวดั จันทบุรี
-64-
5.3 การสารวจธรณีวทิ ยาทางทะเล
ผลการสารวจทาแผนทีธ่ รณีวิทยากายภาพพน้ื ทะเลใกลช้ ายฝ่ัง ในแผนท่ี 1 ระวาง คือ
5334 II (บา้ นโขดหอย) ครอบคลมุ พน้ื ที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร ได้ขอ้ มลู ความลึกน้ารวมระยะทาง
450 กิโลเมตร ขอ้ มูลภาพหน้าตัดข้างคล่ืนไหวสะเทือนแบบสะท้อนกลับระดับต้ืนรวมระยะทาง 100
กิโลเมตร เกบ็ ตัวอยา่ งตะกอนพื้นผิวทอ้ งทะเลจานวน 237 ตัวอยา่ ง
5.3.1 ความลกึ นา้ และลักษณะภมู ิประเทศพนื้ ทะเล
ระดับนา้ ตามแนวเส้นสารวจมีความลึกต้ังแต่ -1.5 ถึง - 14.5 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง
(รูปที่ 61) บริเวณลึกสุดอยู่ทางด้านใต้ของพ้ืนท่ีสารวจ ทางตะวันตกของพ้ืนท่ีมีความชันน้อยกว่า
ทางตะวนั ออก เม่ือทาการวิเคราะห์ภาพตัดขวาง 7 แนวของลักษณะภูมิประเทศพ้ืนท้องทะเล พบว่า
แนวตดั ขวางท่ี 1-3 มีความลาดชันประมาณ 0.1 องศา หรือ 1 ตอ่ 550 แนวตดั ขวางท่ี 4-6 มีความลาดชัน
ประมาณ 0.15 องศาหรือ 1 ต่อ 350 และแน วตัดขวางที่ 7 มีความลาดชันประมาณ 0.17 องศา
หรือ 1/300 และพบแนวเปล่ียนแปลงความลาดชัน (break of slope) ในแน วตัดขวางท่ี 1, 4, 6
และ 7 ซึง่ มีความลาดชัน 0.25-0.4 องศา หรือประมาณ 1 ตอ่ 150
รูปท่ี 61 แผนทีแ่ สดงระดับความลกึ น้าและลักษณะภูมิประเทศพ้ืนทะเลในพ้ืนท่สี ารวจ แบบ 2 มติ ิ
-65-
รปู ที่ 62 แผนทแี่ สดงระดบั ความลกึ นา้ และลกั ษณะภูมปิ ระเทศพ้ืนทะเลในพื้นทีส่ ารวจ แบบ 3 มติ ิ
รูปที่ 63 แผนทแี่ สดงเส้นแนวสำรวจในชว่ งมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือและชว่ งมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้
-66-
รปู ที่ 64 กรำฟแสดงควำมเปลย่ี นแปลงของลกั ษณะภมู ิประเทศ
การวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะภมู ิประเทศพ้นื ท้องทะเล โดยเทียบกับ 2 ช่วงเวลาระหวา่ ง
ชว่ งมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื และช่วงมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (รูปที่ 63) สรปุ ไดด้ งั นี้
บรเิ วณทางตะวันตกของพน้ื ที่สารวจ พบการเปล่ียนแปลงของพน้ื ท้องทะเล โดยตะกอน
โคลน -โคลน ท ะเลหา ยไป ก ว้า งปร ะมา ณ 1 -1 .2 กิโลเม ตร ยา วปร ะมา ณ 5 0 -2 0 0 เมต ร
หนา 0.4-0.5 เมตร (รูปที่ 64) บริเวณตอนกลางและทางตะวันออกของพื้นที่สารวจ ไมม่ กี ารเปล่ียนแปลง
ของลักษณะภูมิประเทศพ้ืนท้องทะเล
-67-
5.3.2 ลักษณะตะกอนพื้นผิวท้องทะเล
จากการเก็บและวิเคราะห์ ตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเลจานวน 237 ตัวอย่า ง
ตามหลักการจาแนกชนิดตะกอนของ Folk (1980) แบ่งเป็น 1) ตะกอนโคลนทะเลปนทราย 40 %
2) ตะกอนโคลนทะเล 24% 3) ตะกอนทรายปนโคลนทะเล 24% 4) ตะกอนทราย 12% (รปู ที่ 65)
และจากการเก็บตัวอย่างตะกอนพื้นทะเลในงานสารวจธรณีวิทยากายภาพและปริมาณธาตุโลหะหนัก
พื้นทะเลอ่าวไทย ใน พื้นที่จังหวัดจันทบุรี ปีงบประมาณ 25 59 และ 2 560 ของกองเทคโนโลยี
กรมทรัพยากรธรณีและตัวอย่างตะกอนพื้นทะเลในงานสารวจครั้งนี้ เพ่ือดาเนินการปรับปรุงแผนที่
การกระจายตัวของตะกอนพ้นื ทะเล (รปู ท่ี 66)
กข
คง
รปู ท่ี 65 ตัวอยา่ งตะกอนพนื้ ผิวท้องทะเล ก) ตะกอนโคลนทะเล ข) ตะกอนโคลนทะเลปนตะกอนทราย
ค) ตะกอนทรายปนตะกอนโคลนทะเล ง) ตะกอนทราย
-68-
รูปที่ 66 แผนทแี่ สดงชนิดและการสะสมตัวของตะกอนพ้นื ทะเลในพ้นื ที่สารวจ
-69-
5.3.3 ทศิ ทางและความเร็วกระแสนา้ นอกชายฝงั่
จากการตรวจวัดกระแสนา้ นอกชายฝั่ง พบว่า สถานี ADCP01 กระแสนา้ นอกชายฝ่ัง
มคี วามเรว็ เฉล่ีย 200 มิลลเิ มตรต่อวนิ าทีและเคลื่อนทีใ่ นทิศทางเฉลี่ย 185-190 องศา สถานี ADCP02
กระแสน้านอกชายฝงั่ มคี วามเรว็ เฉลี่ย 366 มิลลเิ มตรต่อวินาทแี ละเคล่ือนทใี่ นทศิ ทางเฉลี่ย 185-190 องศา
สถานี ADCP03 กระแสนา้ ชนอกายฝั่งมีความเร็วเฉลย่ี 455 มิลลเิ มตรต่อวินาทีและเคลื่อนที่ในทิศทาง
เฉลยี่ 185-190 องศา ทั้ง 3 สถานี มีความเรว็ กระแสน้าเฉลี่ยชว่ งนา้ ลงมากกวา่ ช่วงน้าขึน้ และไหลไปทาง
ทศิ ใต้ (170-180 องศา) (รปู ที่ 67)
รปู ที่ 67 แผนที่แสดงชนดิ และการสะสมตัวของตะกอนพ้นื ทะเลในพ้ืนท่ีสารวจ
-70-
5.4 การเกบ็ ตะกอนปากแมน่ า้ คลอง กอ่ นไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย
จากการศกึ ษาปรมิ าณตะกอนปากแมน่ า้ คลอง ก่อนไหลลงสู่ทะเลอา่ วไทย โดยการเก็บ
ตวั อย่างตะกอนท้ังส้ิน 50 ตัวอย่าง แบ่งเป็น คลองพังราด 10 ตัวอย่าง คลองกระแจะ 8 ตัวอย่าง
คลองปากตะโปน 8 ตัวอย่าง อ่าวคุ้งกระเบน 16 ตวั อย่าง และคลองวังโตนด (ปากนา้ แขมหน)ู 8 ตัวอยา่ ง
โดยจากข้อมูลปริมาณตะกอนที่คานวณได้ พบว่าปริมาณตะกอนที่ไหลลงทะเลบริเวณคลองพังราด
จานวน 5.311 กโิ ลกรมั /วนั คลองกระแจะ 3.520 กิโลกรมั /วนั คลองปากตะโปน 1.389 กิโลกรมั /วัน
อ่าวคุง้ กระเบน 19.288 กโิ ลกรัม/วนั และคลองวงั โตนด (ปากน้าแขมหนู) 5.431 กิโลกรมั /วนั
-71-
หมายเลข คลอง ประเภท ความกว้าง ความลกึ ปริมาณตะกอนไหลลงทะเล
(เมตร) (เมตร) (กโิ ลกรมั /วัน)
1 คลองพังราด คลองหลัก 80 4.7 1.817
1 คลองพังราด คลองหลัก 80 4.7 1.391
1 คลองพังราด คลองหลัก 80 4.7 1.736
2 คลองพงั ราด คลองหลัก 65 3.4 0.236
2 คลองพังราด คลองหลกั 65 3.4 0.131
3 คลองกระแจะ คลองหลัก 35 1.9 0.248
3 คลองกระแจะ คลองหลัก 35 1.9 0.385
3 คลองกระแจะ คลองหลัก 35 1.9 2.870
4 คลองกระแจะ คลองหลกั 22 0.017
5 คลองปากตะโปน คลองหลกั 15 1 0.779
5 คลองปากตะโปน คลองหลกั 15 1.5 0.334
6 คลองปากตะโปน คลองหลัก 15 1.5 0.123
6 คลองปากตะโปน คลองหลัก 15 1.7 0.154
7 อา่ วคงุ้ กระเบน คลองหลกั 670 1.7 6.593
7 อ่าวคุ้งกระเบน คลองหลกั 670 1.4 2.513
7 อา่ วคุ้งกระเบน คลองหลัก 670 1.4 2.328
7 อา่ วคุ้งกระเบน คลองหลกั 670 1.4 4.449
7 อา่ วคงุ้ กระเบน คลองหลกั 670 1.4 2.508
8 อ่าวคงุ้ กระเบน คลองสงั เกตการณ์ 15 1.4 0.086
9 อา่ วค้งุ กระเบน คลองสงั เกตการณ์ 15 1.4 0.134
10 อ่าวคงุ้ กระเบน คลองหลกั 670 1.4 0.897
11 คลองวงั โตนด คลองหลัก 95 1.4 2.127
11 คลองวังโตนด คลองหลกั 95 2.6 1.787
11 คลองวงั โตนด คลองหลัก 95 2.6 0.790
12 คลองวงั โตนด คลองหลัก 220 2.6 0.727
3.2
ตารางที่ 4 ปรมิ าณตะกอนท่ีไหลลงทะเล พ้ืนทีอ่ าเภอนายายอามและอาเภอท่าใหม่ จงั หวัดจันทบรุ ี
-72-
5.5 การเผยแพร่ข้อมลู
ดาเนินการเผยแพรข่ ้อมูลการเปลีย่ นแปลงชายฝ่ังทะเลพ้ืนท่ีอาเภอท่าใหมแ่ ละอาเภอนายายอาม
จังหวดั จนั ทบุรี ออกเป็น 3 รปู แบบคือ การสัมมนาระดมความคิดเหน็ เผยแพร่ขอ้ มูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
และเอกสารเผยแพรใ่ นรูปของสื่อสงิ่ พิมพ์ตา่ งๆ
5.5.1 การสัมมนาระดมความคดิ เห็น
การประชุมสัมมนา เร่ือง การเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
พนื้ ท่อี าเภอท่าใหมแ่ ละอาเภอนายายอาม จงั หวัดจันทบุรี มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อเผยแพรป่ ระชาสัมพนั ธข์ ้อมูล
ทไ่ี ดจ้ ากการศึกษาใหก้ บั หนว่ ยงาน องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน กานนั ผ้ใู หญบ่ ้าน ตลอดจนประชาชนที่
อาศยั ตามแนวชายฝ่งั ทีส่ นใจ นาไปใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินตามแนวชายฝ่ังให้
เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพพ้ืนท่ี อีกท้งั กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ ระหวา่ งหน่วยงานภาครัฐและ
ประชาชนในพ้ืนท่ี โดยมีเปา้ หมายผู้เข้ารว่ มการสัมมนาครัง้ น้ี จานวน 100 คน ซง่ึ ไดร้ ับการตอบรบั อยา่ งดี
จากทกุ ภาคสว่ นท่มี ีสว่ นเกย่ี วขอ้ งกับปญั หาการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลในพ้ืนทจ่ี ังหวัดจัทบุรี (รูปที่ 68)
ขอ้ เสนอแนะจากการสมั มนา
1. อยากใหม้ ีการสารวจและจัดสมั มนาข้ึนบ่อยๆ
2. ตอ้ งการให้คนในท้องถิน่ ซ่ึงเป็นผูม้ ีสว่ นได้ส่วนเสียโดยตรง ไดร้ ับทราบข้อมลู ข่าวสาร/
ขอ้ เท็จจรงิ ตลอดจนรบั การฟงั ข้อคิดเห็นจากคนในพน้ื ที่ หากหน่วยงานภาครัฐจะดาเนินการโครงการใดๆ
ในพนื้ ท่ี
รปู ที่ 68 การสัมมนาระดมความคดิ เห็น ณ หาดต้ืน คล่ืนสวย รสี อรท์ อาเภอท่าใหม่ จังหวดั จันทบุรี
-73-
5.5.2 เผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
เพื่อให้หน่วยงานทเ่ี กย่ี วข้อง และประชาชนท่ัวไป มีความสะดวก รวดเร็วและง่ายต่อ
การเข้าถึงข้อมูลการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังอาเภอ แหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี กรมทรัพยากรธร ณี
โดยสานักธรณวี ิทยาสิ่งแวดล้อม จงึ ไดด้ าเนินการเผยแพร่ข้อมูลท่เี ก่ยี วข้องกับการศึกษา ไดแ้ ก่ แผนผัง
และรายละเอยี ดหมุดหลักฐานอ้างอิง แผนที่และข้อมูลสถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝั่งในพ้นื ที่ศึกษา
โดยสามารถดาวนโ์ หลดและสบื คน้ ขอ้ มูลข้อมูลขา้ งต้น ไดท้ ่ีเวบ็ ไซตก์ รมทรัพยากรธรณี (www.dmr.go.th)
(รปู ท่ี 69)
รูปที่ 69 เวบ็ ไซต์กรมทรัพยากรธรณี(http://www.dmr.go.th/more_news.php?cid=
562&filename=index)
-74-
5.5.3 เอกสารเผยแพร่ในรปู ของสอ่ื สง่ิ พิมพ์ต่างๆ
นอกจากการจัดประชุมสมั มนาระดมความคิดเหน็ ของทุกภาคสว่ นแลว้ กรมทรพั ยากรธรณี
ยงั ได้ดาเนินการเผยแพร่ข้อมูลสถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่ง อาเภอท่าใหมแ่ ละอาเภอนายายอาม
จังหวัดจนั ทบุรี ซงึ่ จดั ทาออกมาในรูปแบบของรายงานนาเสนอผลการศึกษา โปสเตอรว์ ิชาการท่เี ก่ียวข้อง
กับการศกึ ษา แผ่นพับ หนงั สอื ให้ความรู้เกี่ยวกับชายฝ่ังทะเลไทย เช่น หนังสือธรณสี ณั ฐานชายฝง่ั ทะเลไทย
หนงั สอื ทะเลไทย หนังสอื ลดความเส่ียงจากธรณพี บิ ัติภัยคล่ืนยกั ษ์สนึ ามิ เป็นตน้ (รูปที่ 70)
รปู ที่ 70 เอกสารและส่ิงพมิ พ์ สาหรบั การเผยแพรข่ อ้ มูลผลการศึกษา พรอ้ มทั้งขอ้ มลู องคค์ วามรู้
เก่ยี วกบั ชายฝ่งั ทะเล และธรณพี บิ ตั ิภยั
6.สรุปผลการศกึ ษา
6.1 สถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝัง่
6.1.1 สถานภาพการเปล่ยี นแปลงชายฝ่ังในแนวราบ
6.1.1.1 สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 6 ปี
ผลการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเลบริเวณพื้นที่อาเภอท่าใหม่และอาเภอนายายอาม
จงั หวดั จนั ทบรุ ี ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 – 2551 ระยะทางร วมประมาณ 10.5 กิโลเมตร พบว่าพน้ื ท่ี
แบ่งออกได้เป็น 3 สถานภาพ คือพน้ื ทก่ี ัดเซาะปานกลาง พื้นท่ีสะสมตัว และพ้ืนที่คงสภาพ คิดเป็นระยะทาง
คือ 3.2 กโิ ลเมตร (30.5%) 0.3 กโิ ลเมตร (2.8%) และ 7.0 กิโลเมตร (66.7%) ตามลาดบั
6.1.1.2 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝง่ั ในชว่ งรอบ 10 ปี
ผลการวิ เคราะห์ การเปลี่ ยนแปลงชายฝั่ งทะเลบริ เวณพื้ นที่ อ าเภอท่ าใหม่ และอ าเภอนายายอาม
จังหวัดจันทบุรี ในช่วงระหวา่ งปี พ.ศ. 2551 – 2561 ระยะทางรวมประมาณ 10.5 กิโลเมตร พบวา่ พ้นื ที่แบ่ง
ออกได้เป็น 2 สถานภาพ คือ ชายหาดสะสมตัว และชายหาดคงสภาพ คดิ เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร (19%)
และ 8.5 กิโลเมตร (81%) ตามลาดบั สว่ นพ้ืนทก่ี ัดเซาะไม่พบในการสารวจคร้ังนี้
6.1.1.3 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่ง ในชว่ งรอบฤดกู าล
ผลการวิ เคราะห์ การเปลี่ ยนแปลงชายฝั่ งทะเลบริ เวณพ้ื นท่ี อ าเภอท่ าใหม่ และอ าเภอนายายอาม
จังหวดั จันทบุรี ในชว่ งรอบฤดูกาล ก่อน ฤดูมร สุมตะวัน ตกเฉียงใต้เปรียบเทียบกับหลังฤดูมร สุม
ตะวัน ตกเฉียงใต้ ร ะยะทางรวมประมาณ 12 กิโลเมตร พบว่าในรอบฤดูกาล ชายหาดมีการเปล่ียนแปลง
สองสถานภาพ คือ ชายหาดสะสมตวั และชายหาดคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง 4.2 กโิ ลเมตร (35%) และ 7.8 กโิ ลเมตร
(65%) ตามลาดบั สว่ นพ้นื ท่กี ดั เซาะไม่พบในการสารวจครัง้ นี้
จากผลการวิเคราะห์การเปลย่ี นแปลงแนวชายฝ่งั ในอดีตทผี่ ่านมา 3 ช่วงเวลา คือ รอบ 6 ปี
รอบ 9 ปี และรอบฤดกู าล จะพบว่าพื้นท่ีศกึ ษามกี ารเปล่ียนแปลง สังเกตได้จากบริเวณท่มี กี ารกัดเซาะปานกลาง
คือ หาดเจ้าหลาวบรเิ วณบ้านเจ้าหลาวหวั แหลม และบ้านหมูดุด ตาบลคลองขดุ หาดคุ้งวมิ าน ตาบลสนามไชย
และหาดใกลป้ ากน้ากระแจะ บ้านปากน้ากระแจะ ตาบลกระแจะ จะเห็นวา่ พืน้ ท่ีดังกล่าว มีการกัดเซาะ
ปานกลางในรอบ 6 ปี แต่เมื่อเปรยี บเทยี บรอบ 9 ปี และรอบฤดกู าล พน้ื ทีด่ งั กล่าวเปล่ยี นเป็นคงสภาพ พ้ืนที่
ส่วนใหญ่ในภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้น คือ มีสถานภาพสะสมตัวและคงสภาพ เนื่องจากหาดในพ้ืนที่เป็น
ลักษณะหาดก้นอา่ ว (Pocket Bach) ทาให้มกี ารปรับสภาพสมดลุ โดยธรรมชาติ อีกทง้ั มีการสร้างโครงสรา้ ง
ป้องกันการกัดเซาะ ตะกอนถูกพัดพาออกไปมากในช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ สัณฐานหน้าหาด
มกี ารเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงต้นเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เมื่อเข้าสู่ปลายเดือน
พฤศจิกายน –ธนั วาคม ตะกอนที่ถูกพัดพาหายไปจากพน้ื ทกี่ ็ถกู แทนทีด่ ้วยตะกอนใหม่ ในชว่ งเวลานี้สณั ฐาน
หน้าหาดจะเปลยี่ นแปลงตลอดเวลาและวิวฒั นาการใกล้เคยี งกับหน้าหาดเดิม
-76-
6.1.2 สถานภาพการเปล่ยี นแปลงชายฝัง่ ในแนวด่งิ
เมื่อทาการเปรียบเทียบสัณฐานหน้าหาดเจ้าหลาว หาดคุ้งวิมาน หาดใกล้ปากคลองตะโปน
หาดใกลป้ ากคลองกระแจะ และหาดใกล้ปากคลองพังราด ในช่วงก่อนมรสุมตะวนั ตกเฉยี งใต้กับหลังมรสมุ ตะวันตก
เฉยี งใต้ พบว่า ปริมาณทรายหน้าหาดในช่วงก่อนมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ มีปรมิ าณเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงหลัง
มรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้ กล่าวคือ พื้นท่ีหน้าหาดเริม่ มีการกัดเซาะในช่วงระหว่างฤดูมรสุมตง้ั แตป่ ลายเดือน
มิถนุ ายนถงึ เดือนตลุ าคม ในช่วงดังกลา่ วสัณฐานหนา้ หาดมีลักษณะแคบและลาดชนั เนื่องจากคลน่ื กาลังแรง
ได้ซัดเข้าหาฝัง่ อย่างรุนแรงกัดเซาะพนื้ ท่ถี ึงสนั หาดด้านใน ตะกอนทรายถูกพัดพาออกไปจานวนมากทาให้
หน้าหาดมีความลาดชันสูง จากน้ันในช่วงหลังมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแตป่ ลายเดือนตุลาคมถึงเดือน
กมุ ภาพนั ธ์ พื้นที่ท่ีถูกกดั เซาะจะถกู แทนทดี่ ้วยตะกอนชุดใหม่ ทาใหห้ นา้ หาดกว้างขึ้นและมคี วามลาดชัน
น้อยลง และหน้าหาดจะสะสมตัวไปถึงในช่วงก่อน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ช่วงเดือนมีน าคมถึงต้นเดือน
มิถนุ ายน ทาให้ช่วงน้มี ีหน้าหาดกวา้ งที่สุด ลกึ ไปในทะเลประมาณ 20-30 เมตรจากฝ่งั จะพบสันทรายใต้น้า
เปน็ แนวยาวขนานกบั ชายฝ่ัง อกี ทงั้ ในพื้นที่มีการสร้างโครงสร้างปอ้ งกันการกดั เซาะชายฝัง่ ทาให้การกัดเซาะ
ลดลงและมตี ะกอนทรายมาสะสมตัวมากขึน้
-77-
6.2 ธรณีวทิ ยาทางทะเล
ผลการสารวจทาแผนท่ีธรณีวิทยากายภาพพน้ื ทะเลใกลช้ ายฝ่ัง ในแผนที่ 1 ระวาง คือ
ระวางบา้ นโขดหอย ครอบคลมุ พ้ืนท่ปี ระมาณ 140 ตารางกโิ ลเมตร ด้วยวิธีการหยง่ั น้าลกึ ด้วยเคร่ืองมือหย่ัง
น้าลกึ แบบลาคลนื่ เดี่ยวความแมน่ ยาสูง การหย่ังนา้ ลึกด้วยเครอื่ งมอื หยัง่ น้าลึกแบบสองลาคลนื่ ความแม่นยา
สงู การหย่ังน้าลึกและบนั ทกึ ภาพหนา้ ตัดขา้ งคล่ืนไหวสะเทือนแบบสะทอ้ นกลบั ระดบั ตนื้ ความละเอียดสูง
การตรวจวัดระดับน้าข้ึน-ลง ประจาวัน การเก็บตัวอยา่ งตะกอนพื้นผิวท้องทะเล และการวัดทิศทางและ
ความเรว็ กระแสน้านอกชายฝ่ัง พบว่า ระดับน้าตามแนวเสน้ สารวจมีความลึกตั้งแต่ -0.5 ถึง -14.5 เมตร จาก
ระดบั ทะเลปานกลาง ทางตะวันออกมีความชนั มากกว่าทางตะวนั ตกของพนื้ ที่ ตวั อยา่ งตะกอนพื้นท้องทะเล
ที่เก็บได้ ประกอบด้วย ตะกอนโคลนทะเลปนทราย 40 % ตะกอนโคลนทะเล 24% ตะกอนทรายปนโคลน
ทะเล 24% ตะกอนทราย 12% การสารวจเปรียบเทียบระหว่างชว่ งมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื และชว่ งมรสุม
ตะวนั ตกเฉียงใต้ พบการเปลี่ยนแปลงของพืน้ ท้องทะเลบริเวณทางตะวันตกของพ้ืนท่ีสารวจ โดยต ะกอน
โคลน-โคลนทะเลได้หายไปเป็นบรเิ วณกวา้ งประมาณ 1-1.2 กโิ ลเมตร ยาวประมาณ 50-200 เมตร และหนา
0.4-0.5 เมตร ทิศทสงของกระแสน้านอกชายฝั่งไหลไปทางทิศใต้ (185 -190องศา) ด้วยความเร็วต่า
(ประมาณ 200-455 มิลลเิ มตรต่อวินาที หรือ 0.72-1.64 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง อีกท้ังกระแสน้าช่วงน้าลงมี
ความแรงกวา่ ชว่ งนา้ ขนึ้ และกระแสนา้ บริเวณทอ้ งนา้ มคี วามแรงกวา่ บริเวณผิวน้าและกลางน้า
-78-
6.3 เกบ็ ตะกอนปากแมน่ ้า คลอง ก่อนไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย
ปริมาณตะกอนท่ไี หลลงทะเลในพนื้ ที่อาเภอนายายอาม และอาเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
เก็บตัวอย่างตะกอน ทางน้า 5 คลอง เก็บตัวอย่างตะกอน ทั้งหมด 25 ครั้ง ตัวอย่างตะกอน ทั้งหมด
50 ตวั อยา่ ง ดังน้ี
คลองพงั ราด เกบ็ ตัวอยา่ งตะกอน จานวน 5 คร้งั พบปรมิ าณตะกอน 5.311 กิโลกรมั /วนั
คลองกระแจะ เกบ็ ตัวอย่างตะกอน จานวน 4 ครง้ั พบปริมาณตะกอน 3.520 กิโลกรัม/วัน
คลองปากตะโปน เกบ็ ตัวอย่างตะกอน จานวน 4 คร้ัง พบปรมิ าณตะกอน 1.389 กิโลกรัม/วนั
อา่ วคงุ้ กระเบน เก็บตวั อย่างตะกอน จานวน 8 ครั้ง พบปรมิ าณตะกอน 19.288 กิโลกรัม/วนั
คลองวังโตนด (ปากน้าแขมหนู) เก็บตัวอยา่ งตะกอน จานวน 4 ครงั้ พบปริมาณตะกอน
5.431 กิโลกรัม/วนั
ปรมิ าณตะกอนท่ีไหลลงทะเลในพ้นื ที่อาเภอนายายอามและอาเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
เท่ากบั 34.939 กิโลกรัม/วัน หรือ 12,753 กโิ ลกรัม/ปี
คลองพงั ราด (5.311 กิโลกรัม/วนั ) ดักเก็บ 5 ครง้ั
คลองกระแจะ (3.520 กิโลกรมั /วัน) ดักเก็บ 4 คร้ัง
คลองปากตะโปน (1.389 กิโลกรมั /วนั ) ดกั เกบ็ 4 คร้งั
คงุ้ กระเบน (19.288 กิโลกรมั /วัน) ดกั เก็บ
8 ครงั้
คลองวงั โตนด (ปากนา้ แขมหนู)
(5.431 กโิ ลกรมั /วัน) ดกั เกบ็ 4 ครงั้
รปู ท่ี 71 แผนที่เกบ็ ตะกอนทางน้า อ้าเภอนายายอามและอา้ เภอท่าใหม่ จังหวดั จันทบุรี
7. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทาง ในการวางแผนปอ้ งกนั และลดผลกระทบ
จากการกัดเซาะชายฝ่ัง สาหรบั พ้นื ทอี่ าเภอทา่ ใหมแ่ ละอาเภอนายายอาม
จังหวดั จันทบรุ ี
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลภาพรวมการเปลยี่ นแปลงชายฝั่งจากการวิเคราะห์ทัง้ 3 ชว่ งเวลา
พบว่า พนื้ ท่ีชายฝ่ังอาเภอทา่ ใหมแ่ ละอาเภอนายายอาม ในอดตี มีการกัดเซาะอยู่บ้างในบางพ้นื ที่ ปจั จบุ นั
สถานภาพชายฝั่งส่วนใหญ่คงสภาพ และมีการสะสมตัวเพ่ิมขึ้น เน่ืองจากชายฝ่ัง มีการปรับสมดุลโดย
ธรรมชาติ และมกี ารสร้างโครงสร้างชายฝ่งั
การเฝา้ ระวงั และเตรียมความพรอ้ มเพ่ือรับมือกับการเปลย่ี นแปลงชายฝ่งั ในอนาคต
เนื่องจากพ้ืนที่ชายหาดมีการเปล่ียนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา (Dynamic) อีกทั้ง
การเปลีย่ นแปลงสภาพพืน้ ทโ่ี ดยการใช้ประโยชน์ท่ีดนิ ตามแนวชายฝงั่ ยังเป็นอีกสาเหตุหน่งึ ที่ทาให้ชายหา ดมี
การปรบั ตัวเพ่ือเขา้ สู่ภาวะสมดุล ดังนนั้ ในบรเิ วณพน้ื ท่ีท่ีมแี นวโน้มเกิดการกัดเซาะ ควรมีการติดตา มเฝ้า
ระวงั อย่างใกล้ชิดและหาแนวทางการป้องกนั การกัดเซาะชายฝ่ัง โดยกรมทรพั ยากรธรณีสนับสนุนข้อมูล
พื้นฐานด้านการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังเชิงพื้นที่ ลักษณะธรณีสัณฐานชายฝั่ง ธรณีวิทยา แผนที่สถานภาพ
การเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเล พร้อมท้ังข้อเสนอแนะหรือแนวทาง ในการวางแผนปอ้ งกนั และลดผลกร ะทบ
จากการกัดเซาะชายฝัง่ ให้กับองค์การบรหิ ารสว่ นท้องถิ่นและประชาชนต่อไป
ประชาชนในพ้ืนท่ีเป็นอีกปัจจยั หน่ึงท่ีสาคัญท่ีจะช่วยให้การบริหารจดั การเชิงพื้นทีใ่ ห้
ประสบความสาเร็จ โดยการปลูกจติ สานึกร่วมกันในการอนรุ ักษ์และหวงแหนพื้นท่ี พร้อมทั้งเสนอรูปแบบ
การนาภมู ปิ ญั หาชาวบ้านมาใช้ในการป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาการกดั เซาะชายฝั่ง เชน่ การปลูก
ต้นไม้ท้องถิ่นเพื่อยึดตะกอนหนา้ หาด นอกจากนี้ ควรมีแผนในการติดตามเฝา้ ระวังพน้ื ท่ี เพือ่ เตรยี มความ
พรอ้ มและรับมอื กับการเปลีย่ นแปลงชายฝั่งทจี่ ะเกิดขนึ้ ในอนาคต
เอกสารอ้างองิ
กรมทรัพยากรธรณี , 2550, แผนท่ีธรณีวิทยาจงั หวัดจนั ทบุรี , สาํ นกั ธรณีวิทยา : กรมทรพั ยากรธรณี
กรมทรัพยา กรธรณี, 25 50, ธรณีวิทยาประเทศไทย, พิมพ์คร้ังท่ี 2 ฉบับปรับปรุง, กรุงเทพฯ:
กรมทรพั ยากรธรณี, 628 หนา้ .
สิน สินสกุล, สวุ ัตน์ ติยะไพรชั , นริ นั ดร์ ชัยมณี และบรรเจิด อรา่ มประยูร, 2545, การเปลยี่ นแปลงพื้นที่
ชายฝงั่ ทะเลด้านอ่าวไทย, พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1, กรงุ เทพฯ: กรมทรัพยากรธรณี, 173 หนา้ .
เลศิ สิน รักษาสกลุ วงศ,์ ธาราดล ประกอบชาติ, 2533, ธรณวี ทิ ยาระวางจันทบุรี ระวางอําเภอแหลมสงิ ห์
และระวางบา้ นโขดหอย, กรมทรพั ยากรธรณ,ี 37 หน้า
พล เชาว์ดํารง, 2535 : รายงานผลการสํารวจหาความต่อเนื่องทางธรณีวิทยาพื้นท่ีภาคตะวันออก,
รายงานการสํารวจธรณวี ิทยา ฉบบั ท่ี 0187 กองธรณีวทิ ยา กรมทรัพยากรธรณ,ี 39 หนา้
วรี ะพงษ์ ตันสุวรรณ และ นรรัตน์ บุญกันภัย, 2545 : ธรณีวิทยาจังหวัดจันทบุรี, รายงานวิชาการ
ฉบบั ที่ กธ 258/2545 กองธรณวี ทิ ยา กรมทรัพยากรธรณี, 86 หน้า
.