The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by zeath_junior, 2021-10-12 00:18:10

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช

การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลอ่าวไทย อำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช

Keywords: ธรณีวิทยา,กรม,ทรัพยากรธรณี,การสำรวจทางทะเล,ชายฝั่ง,ธรณีวิทยาชายฝั่ง,ขนอม,สิชล,นครศรีธรรมราช

-40-

ก ข

รูปที่ 4.6 ก) ข้อมลู จดุ พิกดั (X,Y) ที่ไดจ้ ากการสารวจ
ข) แนวเส้นชายฝั่งทะเลที่ได้จากการแปลงคา่ จุดพกิ ดั

เส้นแนวชายฝง่ั ปี พ.ศ. 2545 ระยะทางตามแนวชายฝ่งั ท่ี
เสน้ แนวชายฝั่ง ปี พ.ศ. 2562 เปลยี่ นแปลง
พน้ื ที่ทีเ่ กดิ การเปลยี่ นแปลง

รูปท่ี 4.7 ตัวอยา่ งการเปรียบเทยี บเส้นแนวชายฝงั่ โดยใช้เทคนคิ การซอ้ นทับข้อมูล

-41-

หลกั การคานวณอัตราการเปลี่ยนแปลงชายฝ่งั

คานวณโดยหาระยะทางการเปล่ียนแปลง เฉล่ียระหว่างช่วงเวลาท่ีต้องการเปรียบเทียบ
หรือระยะทางที่ตั้งฉากกับชายฝ่ังที่เปล่ียนแปลงโดยเฉลี่ยและนามาคานวณหาอัตราการเปลี่ยนแปลง
ชายฝั่งทะเลต่อปี ดังสมการท่ี 1 และ 2 จากน้ันทาการจาแนกสถานภาพชายฝั่งตามแนวทางการศึกษา
การเปลยี่ นแปลงชายฝั่งทะเลของ สนิ สนิ สกุล และคณะ (2545) ดงั ตารางที่ 3

ระยะทางทตี่ ัง้ ฉากกบั ชายฝ่ัง = พ้ืนท่ที ่ีเกดิ การเปล่ยี นแปลง (ตารางเมตร) … (1)
ทเ่ี ปล่ียนแปลงโดยเฉลย่ี (เมตร) ระยะทางตามแนวชายฝ่ังทีเ่ ปล่ียนแปลง (เมตร)

อัตราการเปลีย่ นแปลงชายฝ่ัง (เมตร/ปี) = ระยะทางท่ตี ั้งฉากกับชายฝ่ัง (เมตร) … (2)
ระยะเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลง (ปี)

ตารางท่ี 3 การจาแนกลักษณะการเปล่ียนแปลงชายฝั่งทะเล

ลกั ษณะการเปล่ียนแปลง อตั ราการเปล่ยี นแปลง คาอธบิ าย
ชายฝัง่ ทะเล (เมตรตอ่ ปี)

กดั เซาะรนุ แรง เกิดการกดั เซาะมากกว่า 5 เมตรต่อ ชายฝ่ังมีพื้นท่ีหดหายไป ชายทะเล

(Severe erosion coast) ปี เปล่ียนแนว หรือเกิดการถอยร่นเข้า
ไปในแผ่นดิน โดยมีอัตราการกัดเซาะ

มากกว่า 5 เมตรตอ่ ปี

กัดเซาะปานกลาง เกิดการกดั เซาะ 1 - 5 เมตรต่อปี พืน้ ที่ชายฝัง่ ที่มอี ตั ราการกัดเซาะ
(Moderate erosion coast)
1-5 เมตรตอ่ ปี

สะสมตวั เกดิ การสะสมตวั มากกวา่ 1 เมตรต่อ ชายฝั่งมีการสะสมตัวเพิ่มข้ึนของ
(Depositional coast) ปี ตะกอนในพ้ืนที่ ทาให้ชายฝ่ังพอกพูน

สูงข้ึน หรือมีพ้ืนที่งอกยาวออกไปใน
ทะเล

คงสภาพ เกิดการเปลย่ี นแปลง ± 1 เมตรต่อ ชายฝั่งทะเลมีการปรับสมดุลได้ตาม
(Stable coast) ปี ธรรมชาติ ในรอบปีชายหาดมีการกัด
เซาะในฤดูกาลหนึ่ง แล้วมีการสะสม
ตัวในอีกฤดูกาล โดยมีอัตราการกัด
เซาะและสะสมตัวท่ีเท่ากันหรือเกือบ
เท่ากัน

ทม่ี า: สนิ สนิ สกุล และคณะ (2545)

-42-

4.1.2.2 แนวทางการวเิ คราะหส์ ถานภาพชายฝ่งั ทะเล

ประเมินสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเล ใน 2 ลักษณะ คอื

1) สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่งในชว่ งรอบ 8 ปี

ข้อมูลที่นามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝั่งทะเลที่ได้จากการแปล
ความหมายภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี ปี พ.ศ. 2545 มาตราส่วน 1: 25,000 และข้อมูลเส้นแนวชายฝ่ังท่ีได้
จากการสารวจรังวัดด้วยเคร่ืองมือ DGPS ในแนวราบช่วงหลงั ฤดูมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ปี พ.ศ. 2553
เพ่ือหาสถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝ่ังทะเลในช่วง 8 ปี ตามหัวข้อ 4.1.2.1 พร้อมท้ังจาแนกสถานภาพ
ในพ้ืนทศ่ี กึ ษา ไดแ้ ก่ พื้นท่สี ะสมตวั และพ้นื ท่ีคงสภาพ ตามเกณฑ์ ดงั ตารางท่ี 3

2) สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง ในช่วงรอบ 9 ปี

ข้อมูลที่นามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝั่งทะเลที่ได้จาก
การสารวจรังวัดด้วยเครื่องมือ DGPS ในแนวราบช่วงหลังฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ปี พ.ศ. 2553
และข้อมูลเส้นแนวชายฝั่งที่ได้จากการสารวจรังวัดด้วยเคร่ืองมือ DGPS ในแนวราบช่วงหลังฤดูมรสุม
ตะวันออกเฉียงเหนือ ปี พ.ศ. 2562 จากนั้นนาข้อมูลท้ังสองช่วงมาเปรียบเทียบเพื่อหาสถานภาพ
การเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเล พร้อมท้ังจาแนกสถานภาพในพ้ืนที่ศึกษา ได้แก่ พื้นที่กัดเซาะปานกลาง
พ้ืนทีส่ ะสมตวั และพ้ืนทคี่ งสภาพ

3) สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่ง ในชว่ งรอบ 17 ปี

ข้อมูลที่นามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝ่ังทะเลที่ได้จากการ
แปลความหมายภาพถ่ายทางอากาศออร์โธสี ปี พ.ศ. 2545 มาตราส่วน 1: 25,000 และข้อมูลเส้นแนว
ชายฝ่ังที่ได้ จากการสารวจรังวัดด้วยเครื่องมือ DGPS ในแนวราบช่วงหลังฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ปี พ.ศ. 2562 เพ่ือหาสถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังทะเลในช่วง 17 ปี พร้อมท้ังจาแนกสถานภาพใน
พนื้ ท่ีศกึ ษา ไดแ้ ก่ พืน้ ทส่ี ะสมตัว และพืน้ ทค่ี งสภาพ

4) สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝ่ัง ในช่วงรอบ 1 ปี (ฤดูกาล)

ข้อมูลท่ีนามาวิเคราะห์ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ข้อมูลเส้นแนวชายฝ่ังทะเลที่ได้
จากการสารวจรังวัดด้วยเคร่ืองมือ DGPS ในแนวราบช่วงก่อนฤดูมรสุมตะออกเฉียงเหนือ ปี พ.ศ. 2561
แ ล ะ ข้ อ มู ล เส้ น แ น ว ช าย ฝ่ั งที่ ได้ จ าก ก า รส าร ว จ รั งวั ด ด้ ว ย เค รื่ อ งมื อ DGPS ใน แ น ว รา บ
ช่วงหลังฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ปี พ.ศ. 2562 จากนั้นนาข้อมูลทั้งสองช่วงมาเปรียบเทียบ
เพ่ือหาสถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังทะเล พร้อมท้ังจาแนกสถานภาพในพื้นที่ศึกษา ได้แก่
พ้นื ที่สะสมตัว และพน้ื ทคี่ งสภาพ

-43-

4.1.2.3 การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพการเปล่ยี นแปลงชายฝ่งั ในแนวด่ิง

นาขอมูลพิกัดตาแหนงท้ังในแนวราบและแนวดิ่ง (ค่า x, y และ z) ที่ได้จากการสารวจ
แบบ Real Time Kinematic (RTK) มาวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ังด้วยโปรแกรม
Microsoft Excel และโปรแกรม ArcGis

1) การประมวลผลดว้ ยโปรแกรม Microsoft Excel
นาขอ้ มูลทไี่ ด้มาใส่ตารางในโปรแกรม Excel ให้แสดงผลในรปู ของกราฟ ทัง้ สองช่วงเวลา
คือ ในช่วงเดือนมกราคม 2562 เพื่อใช้เป็นตัวแทนข้อมูลลักษณะธรณีสัณฐานชายหาดในช่วงระหว่าง
ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 เพื่อใช้เป็นตัวแทนข้อมูลในช่วงหลัง
ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ผลที่ได้จะเป็นภาพหน้าตัดขวางของชายหาดในแนวตั้งฉากกับแนวชายฝ่ัง
(รปู ที่ 4.8)
2) วเิ คราะห์เปรียบเทยี บการเปลี่ยนแปลงชายฝง่ั ด้วยโปรแกรม ArcGIS 10.3
แปลงข้อมูลจุดต่างๆ จากการสารวจแบบ Real Time Kinematic (RTK) ให้เป็น
แบบจาลองพ้ืนผิว โดยอาศัยเคร่ืองมือ 3D Analyst ของโปรแกรม ArcGIS 10.3 ทง้ั 2 ช่วงเวลา (ระหว่าง
และหลังฤดูมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือ) จากนั้นนาแบบจาลองท้ังสองมาเปรียบเทียบด้วยวิธีการประมาณ
ปรมิ าตร (Cut/Fill) เพ่อื หาปรมิ าณตะกอนชายหาดทเ่ี ปลยี่ นแปลงไป (รปู ที่ 4.9)

รูปท่ี 4.8 กราฟแสดงภาคตัดขวางชายหาด บรเิ วณหาดแขวงเภา

-44-

แผนทแี่ สดงการเปรยี บเทียบปรมิ าณตะกอนหน้าหาด
ในช่วงกอ่ นฤดมู รสมุ และระหว่างฤดมู รสมุ พืน้ ที่ชายหาดแขวงเภา
อาเภอขนอม จงั หวดั นครศรีธรรมราช
ปรมิ าณตะกอนโดยรวมลดลง 3,014 ลูกบาศก์เมตร

พน้ื ทท่ี ่มี ีปรมิ าณตะกอนเพมิ่ ขนึ้
พ้ืนทที่ ี่มีปรมิ าณตะกอนลดลง

รูปที่ 4.9 ภาพแสดงปริมาณตะกอนทเี่ ปล่ียนแปลงบรเิ วณพ้ืนที่หาดแขวงเภา

-45-

4.2 ธรณีสณั ฐานชายฝ่งั ทะเล

การศึกษ าธรณี สัณ ฐาน ช ายฝั่งท ะเล ใน พ้ื น ท่ี อาเภ อ ขน อม และอาเภ อ สิช ล
จังหวัดนครศรธี รรมราช คือ การเกบ็ ตะกอนชายหาดระดับผิวดิน

4.2.1 เก็บตวั อยา่ งตะกอนชายหาดระดบั ผิวดิน

วิเคราะห์คุณลักษณะของตะกอนชายทะเล เพื่อศึกษาชนิดของแหล่งกาเนิดตะกอน
(sources) การพัดพาและการคัดขนาดของตะกอนในพื้นท่ีศกึ ษา โดยทาการเก็บตัวอย่างจากตะกอนทราย
บริเวณชายหาด จานวนทั้งส้ิน 240 ตัวอย่าง ตามแนวชายฝ่ังทะเลอ่าวไทยในพื้นที่ศึกษาทุกๆระยะ
500 เมตร เพ่ือศกึ ษาสภาพสณั ฐานของชายหาดในพ้ืนท่ี (รูปท่ี 4.10)

รปู ที่ 4.10 ภาพแสดงการเก็บตวั อย่างตะกอนชายฝ่ัง

-46-

4.3 เก็บตะกอนเลยี บชายฝงั่ ทะเล

การศกึ ษาอตั ราการเคลอ่ื นท่ีของตะกอนขนานชายฝั่งทะเล และปริมาณของตะกอนเคลอื่ นที่
ขนานชายฝ่ังทะเล มีความสาคัญต่อการศึกษาสมดุลย์ระหว่างการสะสมตัวและการกัดเซาะชายฝ่ังทะเล
เพื่อเป็นฐานข้อมูลนามาช่วยในการวิเคราะห์แก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลท่ีพบอยู่ตลอดแนวชายฝ่ัง
ทะเลอา่ วไทย ในการสารวจน้ีไดท้ าการเก็บตวั อยา่ งตะกอนเคล่อื นท่ีขนานฝัง่ ทะเลในเขตพ้นื ที่อาเภอขนอม
และอาเภอสิชล จังหวดั นครศรีธรรมราช จานวน 11 หาด ได้แก่ หาดท้องโหนด หาดแขวงเภา หาดทอ้ งชิง
หาดทอ้ งกรวด หาดคอเขา-ขนอม หาดหน้าด่าน หาดทุ่งใส หาดสิชล หาดคอเขาสิชล หาดปลายทอน และ
หาดเสาเภา (รูปท่ี 4.11)

4.3.1 เครือ่ งมอื ดกั เก็บตะกอนเคลื่อนท่ขี นานชายฝัง่

เคร่ืองมือเก็บตะกอน 1 ชุด ประกอบด้วยกล่องตาข่ายดักตะกอนท้ังหมด 4 ช้ัน ปากตาข่าย
เป็นทรงสี่เหล่ียมผืนผ้ามีขนาดความกว้าง 15 เซนติเมตร ความยาว 20 เซนติเมตร ตัวตาข่ายใช้ผ้าสกรีน
โพลีเอสเตอร์ 250 เมช/น้ิว ซ่ึงมีขนาดใกล้เคียงกับตะแกรงมาตรฐานเบอร์ 230 มีแกนกลางและหางเสือ
สาหรับหมุนกล่องตาข่ายดักตะกอนได้รอบทิศทางตามกระแสน้า ฐานรองชุดเคร่ืองมือดักตะกอนทาจาก
สเตนเลสทม่ี นี ้าหนกั มากสามารถทนตอ่ การกัดกร่อนของนา้ ทะเล และกระแสน้าทะเลได้ดี (รูปท่ี 4.12)

4.3.2 วธิ ีการศกึ ษา

การศึกษาอัตราการเคลื่อนท่ีของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล และปริมาณของตะกอน
ขนาน ชายฝ่ังท ะเล ต่อ 1 ลูกบ าศก์เมตรใน 1 วัน ใน พ้ื น ที่ อาเภ อขนอม และอาเภ อสิช ล
จังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยแนวคิดตามแบบจาลองการเคล่ือนท่ีของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล
(รูปที่ 4.13) เพ่ือประเมินอัตราการเคล่ือนที่ของตะกอนขนานชายฝั่งทะเล และปริมาณของตะกอนขนาน
ชายฝั่งทะเลต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรใน 1 วนั โดยการวางเคร่ืองดักตะกอนจานวน 3 วัน ในทะเลที่มีความลึก
ประมาณ 5 เมตร จากน้ันนาตัวอย่างตะกอนที่ได้ไปทาให้แห้ง นาไปชั่งน้าหนัก และนาไปวิเคราะห์ขนาด
ของเม็ดตะกอนด้วยเคร่ืองวัดขนาดอนุภาคโดยใช้เทคนิคการเล้ียวเบนของแสง (Particle Size Analysis)
นอกจากนี้ยังเก็บข้อมูลในสนามอื่นๆ ได้แก่ ความสูงคล่ืน ณ จุดแตกตัว (breaking wave heigh),
คาบของคล่ืนสูงสุด (peak wave period ), ความลาดชันท้องทะเลบริเวณ Surfzone (slope of the
buttom in the sufe zone) และมุมที่ทิศทางคล่ืนแตกตัวกระทากับแนวตั้งฉากของแนวชายฝ่ัง
(angle between the breaking wave crest and local shoreline) แล้วนาผลที่ได้จากการชั่งน้าหนัก
แห้ง และการวิเคราะห์วัดขนาดอนภุ าคของตะกอน ไปหาอัตราการเคลอ่ื นที่ของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล
โดยใช้สมการของ Kamphuis (2002) (รูปที่ 4.14) และปริมาณของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล
ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรใน 1 วัน เนื่องจากการดักตะกอนเป็นการประเมินปริมาณตะกอนโดยการประยุกต์
เคร่ืองมือการเก็บตะกอนและเทียบเคียงค่าขนาดของตะกอนที่ดักเก็บได้ให้เป็นมาตรฐานให้ได้มากที่สุด
ดังน้ี

หลักการคานวณหาปริมาตร หาได้จากพ้ืนที่หน้าตัดของกล่องดักตะกอนที่เป็นรูป
สี่เหลย่ี มผืนผ้า ซ่ึงวัดขนาดความกวา้ งของปากกล่อง (A) ความยาวของปากกล่อง (B) และความลึกของถุง
ตาข่ายดักตะกอน (C) จะได้ค่าปริมาตรของตะกอนท่ีดักได้ ใน 1 กล่อง จากอุปกรณ์ดักเก็บตัวอย่าง
ตะกอน 1 ชดุ มี 4 กลอ่ ง จึงหาปรมิ าตรรวมโดยการนาปรมิ าตรของแต่ละกล่องมารวมกนั แล้วนาปริมาตร
รวมที่ได้ ไปใช้ในการคานวณหาปริมาณของตะกอนที่เคลื่อนท่ีขนานชายฝ่ังใน 1 ลูกบาศก์เมตร ด้วยการ

-47-

นาตะกอนที่ดักเก็บได้แต่ละถุงไปทาให้แห้งสนิท ไปชั่งน้าหนัก (Y) แล้วเทียบบัญญัติไตรยางศ์ เพ่ือหา
คานวณหาปรมิ าณของตะกอนทเ่ี คลื่อนท่ีขนานชายฝัง่ ใน 1 ลกู บาศก์เมตร ใน 1 วัน (รปู ท่ี 4.15)

4.3.3 วิธีดักเก็บตะกอนเคลื่อนท่ีขนานชายฝ่ัง การเตรียมตัวอย่างตะกอน
และการวิเคราะห์ตวั อยา่ งตะกอน

4.3.3.1 การดักเก็บตะกอนเคลอื่ นท่ีขนานชายฝ่ัง

ในขั้นตอนการเก็บตะกอนเคล่ือนท่ีขนานชายฝ่ังทะเลนั้น ทาโดยการนาเครื่องมือดักเก็บ
ตะกอนไปติดต้ังบริเวณในทะเล ท่ีระดับความลึก 5 เมตร (หรือประเมินดูบริเวณที่ตะกอนขนานชายฝั่ง
ทะเลจะเคล่ือนที่ผ่าน) ท้ิงไว้เป็นระยะเวลา 3 วัน หลังจากน้ันทาการเก็บกู้เครื่องมือและทาการเก็ บ
ตวั อย่างตะกอนท่ีได้ (รูปท่ี 4.16)

4.3.3.2 การเตรียมตัวอยา่ งตะกอน

หลังจากเก็บตะกอนมาแล้ว จะต้องนาตัวอย่างมาใส่ในภาชนะเพื่อท้ิงให้เกิดการ
ตกตะกอนและดูดน้าทะเลออก จากนัน้ นาไปตากแดดหรืออบเพื่อใหน้ ้าระเหยออกไปจนเหลือเพียงตะกอน
ที่แห้งสนทิ สาหรับนาไปช่ังน้าหนัก และวเิ คราะห์ตัวอย่างเพอ่ื หาขนาดของเม็ดตะกอน (รูปท่ี 4.17)

4.3.3.3 การวิเคราะห์ตวั อย่างตะกอน

นาตัวอย่างตะกอนที่แห้งสนิทแล้วไปช่ังน้าหนัก ถ่ายภาพ และอธิบายลักษณะของ
ตะกอน (น้าหนักของตะกอนท่ีชั่งได้สามารถนาไปคานวนหาปริมาณสะสมตัวของตะกอนในแต่ละอ่าว
ต่อไป) หลังจากน้ันนาไปบดละเอยี ดเพื่อให้เมด็ ตะกอนท่ีเกาะกนั เป็นแผ่นหรอื เป็นก้อนนั้นแตกออกจากกัน
เพ่ือนาไปวิเคราะห์ขนาดของเม็ดตะกอนด้วยเครื่องวัดขนาดอนุภาคโดยใช้เทคนิคการเล้ียวเบนของแสง
(Particle Size Analysis) (รูปที่ 45 ข.) หาค่าขนาดอนุภาคเม็ดตะกอนท่ีมัธยฐาน ( d50 ) และชนิดของ
เนอื้ ดินโดยรวม (Soil Texture)

-48-

รปู ที่ 4.11 จดุ เก็บตะกอนขนานชายฝง่ั ทะเลในพนื้ ท่ีอาเภอขนอม และอาเภอสิชล
จังหวัดนครศรธี รรมราช

-49-

ก. ข.
รูปที่ 4.12 ก-ข) ชดุ เครื่องมือดกั เก็บตะกอนเคลือ่ นท่ขี นานชายฝ่ัง

รูปที่ 4.13 แบบจาลองการเคลือ่ นทีข่ องตะกอนขนานชายฝัง่ ทะเล (Longshore sediment
transport)

-50-

รปู ท่ี 4.14 การคานวณอัตราการเคล่ือนทข่ี องตะกอนขนานชายฝ่งั ทะเลโดยใช้สมการ Kamphuis
(2002)

รปู ที่ 4.15 การคานวณปรมิ าณของตะกอนท่เี คล่อื นท่ีขนานชายฝง่ั สาหรับปรมิ าตรน้าทะเลใน
1 ลกู บาศก์เมตร

-51-

ก. ข.
รูปท่ี 4.16 ก-ข) การดักเกบ็ ตะกอนเคลอ่ื นท่ขี นานชายฝ่ังทะเล

ก. ข.

รูปท่ี 4.17 ก) การเตรียมตัวอย่างตะกอน โดยการตากให้แห้ง (ข.) การวิเคราะห์ขนาดของเม็ด
ตะกอนด้วยเครื่องวัดขนาดอนุภาคโดยใช้เทคนคิ การเลย้ี วเบนของแสง (Particle Size Analysis)

-52-

4.4 ธรณวี ิทยากายภาพพน้ื ทะเล

พื้นท่ีสารวจต้ังอยู่บริเวณใกล้ชายฝั่งและนอกชายฝ่ัง ต้ังแต่บริเวณแหลมเขาคอกลาง
อาเภอสิชลมถึงแหลมอ่าวท้องเนียน อาเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากชายฝ่ังประมาณ
3 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร มีความยาวชายฝั่งประมาณ 40 กิโลเมตร
ปรากฏในแผนที่ภูมิประเทศ กรมแผนท่ีทหาร มาตราส่วน 1:50,000 จานวน 2 ระวาง คือ 4927 II
(อาเภอขนอม) และ 4927 I (เกาะสมยุ )

4.4.1 การสารวจธรณีฟสิ ิกสท์ างทะเล

การหย่ังนา้ ลึกดว้ ยเครื่องมือหยั่งน้าลึกแบบสองลาคล่ืนความแม่นยาสูง เพ่ือสารวจระดับ
ความลึกน้า ความลาดชันและลักษณะภูมิประเทศพ้ืนทะเลในบริเวณน้าต้ืน มีความลึกน้าลึกมากกว่า
1 เมตร โดยใช้เครื่องมือวัดความลึกน้าที่มีความแม่นยาสูงติดตั้งร่วมกับเครื่องมือหาระบบพิกัดทาง
ภูมิศาสตร์บนพื้นโลกด้วยระบบดาวเทียม โดยการรังวัดแบบจลน์ได้ค่าพิกัดทันที (RTS-GPS) ตรา
เครื่องหมาย CEE-HydroSystems รุ่น CEESCOPEtm ซ่ึงมีความแม่นยาตาแหน่งพิกัดประมาณ 5
เซนติเมตร (รปู ท่ี 4.18) โดยดาเนนิ การสารวจ 2 แนวหลักๆ คือ

(1) แนวต้งั ฉากกับชายฝัง่ มรี ะยะห่างระหว่างแนวๆ ละประมาณ 500 เมตร แตล่ ะแนวมี
ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร จานวน 79 แนวสารวจ

(2) แนวขนานกับชายฝั่ง ห่างจากชายฝั่ง 1,000 และ 2,000 เมตร จานวน 2 แนวสารวจ
แต่ละแนวมีระยะทางประมาณ 40 กโิ ลเมตร

รปู ท่ี 4.18 เรอื สารวจและการติดตงั้ อปุ กรณ์สารวจธรณฟี ิสกิ ส์ทางทะเลในพื้นท่ีสารวจ

-53-
รปู ท่ี 4.19 เคร่ืองมือหย่ังนา้ ลึกแบบสองลาคล่นื ความแม่นยาสงู และหน้าจอแสดงผล

รูปท่ี 4.20 แผนทแ่ี สดงเสน้ ทางเดินเรือสารวจธรณีฟิสกิ สท์ างทะเลด้วยวิธีหยั่งนา้ ลกึ

-54-

4.4.2 การตรวจวดั ระดับน้าขนึ้ -นา้ ลง

การตรวจวัดระดับน้าขึ้น-ลง ประจาวัน (Tide measurement) เทียบกับระดับทะเล
ปานกลางในพื้นท่ีสารวจ ดาเนินการโดยใช้เคร่ืองมือ Portable water level recorder ยี่ห้อ Valeport
รุ่น 740 (รูปท่ี 4.21) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้าขึ้น-ลง ระบบดิจิตอล แบบวัดความดัน ซึ่งจะวัด
ความกดดันของน้าจากใต้น้า แล้วแปลงเป็นความสูงของน้าเหนืออุปกรณ์วัด โดยใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง
ความดัน ความหนาแน่นของน้า อัตราเร่งเน่ืองจากแรงโน้มถ่วง และความสูงของน้าการตรวจวัดจะบันทึก
คา่ การเปล่ียนแปลงระดับน้าเทยี บกบั ระดับทะเลปานกลางในพ้ืนท่สี ารวจ ทกุ ๆ 1 นาที อปุ กรณต์ รวจวัดได้
ตดิ ตัง้ ไวบ้ ริเวณทา่ เรือในพื้นทส่ี ารวจแต่ละพน้ื ท่ี

รูปท่ี 4.21 เครอ่ื งตรวจวัดระดับน้าข้นึ -น้าลงแบบวดั ความดันและการตดิ ตัง้

4.4.3 การเก็บและวิเคราะหต์ วั อยา่ งตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเล

การเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ชนิดตะกอนพื้นผิวท้องทะเล เพ่ือศึกษาลักษณะ,ชนิด และ
การกระจายตัวของตะกอนท่ีตกสะสมตัวอยู่บนพื้นท้องทะเลในปัจจุบัน โดยการเก็บตัวอย่างใช้เครื่องมือ
แบบ home-made dredger ขนาดความจุ 2 ลิตร (รูปที่ 4.22)

การวิเคราะห์ชนิดตะกอนแบ่งเป็น 3 ข้ันตอน คือ การวิเคราะห์ด้วยตาเปล่า ซ่ึงแบ่งเป็น
4 ชนิด คือ 1) ตะกอนโคลนทะเล 2) ตะกอนโคลนทะเลปนทราย 3) ตะกอนทรายปนโคลนทะเล
และ 4) ตะกอนทราย (รูปท่ี หลังจากนั้นตะกอนชนิดท่ี 1 และ 2 จะทาการวิเคราะห์ชนิดเพิ่มเติมโดยใช้
เครื่องวัดขนาดอนุภาคตะกอนด้วยแสงเลเซอร์ ส่วนตะกอนชนิดที่ 3 และ 4 จะทาการแยกขนาดตะกอน
ดว้ ยเครื่องคดั แยกขนาดตะกอนสน่ั 3 แกน (รปู ท่ี 4.23)

รูปท่ี 4.22 เครือ่ งมอื เก็บตัวอยา่ งตะกอนพื้นทะเลแบบ home-made dredger

-55-
รปู ท่ี 4.23 การจาแนกขนาดตะกอนดว้ ยเครอื่ งคัดแยกขนาดตะกอนส่นั 3 แกน

รูปท่ี 4.24 แผนทีแ่ สดงตาแหนง่ เก็บตัวอย่างตะกอนพ้ืนทะเล

-56-

4.4.4 การวัดทิศทางและความเร็วกระแสน้านอกชายฝั่ง

การตรวจวัดกระแสน้านอกชายฝั่ง ได้ทาการสารวจด้วยเคร่ืองมือท่ีมีช่ือว่า ADCP –
Acoustic Doppler Current Profiler ตราเครื่องหมาย Teledyne รุ่น Sentinel Workhorse Rio
Grande 600 kHz ซ่ึงจะตรวจวัดทิศทางและความเรว็ ของกระแสน้าจากการเคลอื่ นที่ของอนภุ าคตา่ ง ๆ ท่ี
อยู่ในน้าทะเล โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงส่งผ่านไปในน้าคล้ายคลื่นโซนาร์แต่มีความถ่ีสูงกว่า และบันทึก
ข้อมูลไว้ในตัวเคร่ืองเพื่อทาการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลในภายหลัง ดังแสดงในรูปท่ี 4.25 โดยทา
การเกบ็ ข้อมูล จานวน 4 สถานี สถานลี ะ 25 ช่วั โมง

รูปที่ 4.25 เครื่องมอื วดั ทศิ ทางและกระแสน้านอกชายฝ่ังและการติดตั้งขณะดาเนนิ การสารวจ

-57-
รปู ที่ 4.26 แผนทแ่ี สดงตาแหน่งตรวจวัดทศิ ทางและกระแสนา้ ชายฝ่งั

5. ผลการศึกษาการเปล่ยี นแปลงชายฝงั่ ทะเล

5.1 สถานภาพการเปลีย่ นแปลงชายฝ่ังทะเล
5.1.1 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝ่ังในแนวราบ
5.1.1.1 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 8 ปี

ผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง บริเวณพื้นที่อาเภอ ขนอม
และอาเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นระยะทางรวม 33.5 กิโลเมตร ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 –
2553 พบวา่ สถานภาพการเปล่ยี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 8 ปี ของพื้นท่ีศกึ ษาแบ่งออกได้เป็น 2 ลกั ษณะ
คือ พ้ืนท่ีสะสมตัว และพื้นท่ีคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง คือ 9 กิโลเมตร (26.9%) และ 24.5 กิโลเมตร
(73.1%) (รูปที่ 5.3)

1) พนื้ ที่สะสมตวั (สะสมตัว มากกวา่ 1 เมตรต่อปี)
พื้นท่ีชายหาดมีการสะสมตัวเพิ่มขึ้น ครอบคลุมพ้ืนท่ีทั้งหมด 160,427 ตารางเมตร
รวมระยะทางสะสมตัวยาวท้ังหมด 9.0 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 26.9 ของระยะทางทั้งหมดท่ีศึกษา
พื้นที่สะสมตัวด้วยอัตราเฉลี่ย 2.45 เมตรต่อปี พบหลายพื้นท่ี ได้แก่ หาดปากดวด บริเวณบ้านคงคาวดี
หาดบ้านบางดี ตาบลเสาเภา หาดบ้านคอเขา ตาบลสิชล หาดบ้านฝายท่า ตาบลทุ่งใส อาเภอสิชล
และหาดในเพลา ตาบลขนอม อาเภอขนอม เปน็ ต้น สะสมตวั ออกไปมากท่สี ุด 11.38 เมตร (รูปที่ 5.1)

รปู ท่ี 5.1 หน้าหาดสะสมตัว บรเิ วณหาดหาดปากดวด ตาบลเสาเภา อาเภอสชิ ล

-59-

2) พ้ืนทีค่ งสภาพ (กัดเซาะหรอื สะสมตวั นอ้ ยกว่า 1 เมตรต่อป)ี
พ้ืนที่ชายหาดคงสภาพ รวมระยะทางคงสภาพทั้งหมด 24.5 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ
73.1 ของระยะทางทั้งหมด ได้แก่ บริเวณหาดหาดเสาเภา ตาบลเสาเภา หาดทุ่งใส ตาบลทุ่งใส อาเภอสิชล
และหาดหน้าด่าน ตาบลขนอม อาเภอขนอม เปน็ ตน้ (รูปท่ี 5.2)

รูปท่ี 5.2 หนา้ หาดคงสภาพ บรเิ วณหาดบ้านเสาเภา ตาบลเสาเภา อาเภอสิชล

-60-

รปู ท่ี 5.3 แผนท่ีแสดงสถานภาพการเปลี่ยนแปลงเสน้ แนวชายฝั่ง ระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 กับ ปี พ.ศ.
2553 บรเิ วณพื้นท่ีอาเภอขนอมและอาเภอสิชล จงั หวัดนครศรีธรรมราช

-61-

5.1.1.2 สถานภาพการเปลยี่ นแปลงชายฝง่ั ในช่วงรอบ 9 ปี

ผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่ง ระหว่างช่วง ปี พ.ศ. 2553
และปี พ.ศ. 2562 การเปรียบเทียบคร้ังน้ีมีระยะทาง 32 กิโลเมตร พบว่าในรอบ 9 ปี ชายหาดมี
การเปลี่ยนแปลงสามสถานภาพ คือ ชายหาดกัดเซาะปานกลาง ชายหาดสะสมตัว และชายหาดคงสภาพ
คิดเป็นระยะทาง 0.8 กโิ ลเมตร (2.5%) 12.7 กิโลเมตร (39.7%) และ 18.5 กเิ มตร (5.7) ตามลาดบั

1) พืน้ ทกี่ ดั เซาะปานกลาง (กัดเซาะระหว่าง 1 – 5 เมตรต่อป)ี
การสารวจครั้งนี้พบพ้ืนที่กัดเซาะปานกลางเพียงหน่ึงบริเวณ ครอบคลุมพ้ืนที่ท้ังหมด
1,628 ตารางเมตร ชายหาดถูกกัดเซาะเป็นแนวยาวรวมทั้งหมด 0.8 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 2.5
ของระยะทางทั้งหมดท่ีศึกษา พ้ืนท่ีกัดเซาะปานกลางด้วยอัตราเฉลี่ย 1.79 เมตรต่อปี ได้แก่ หาดบ้านเสาเภา
ตาบลเสาเภา อาเภอสชิ ล กัดเซาะเขา้ มามากทีส่ ดุ เป็นระยะทาง 2.64 เมตร (รปู ท่ี 5.4)

รูปท่ี 5.4 ชายหาดกัดเซาะปานกลาง บริเวณหาดเสาเภา ตาบลเสาเภา อาเภอสชิ ล

2) พ้ืนท่ีสะสมตัว (สะสมตวั มากกวา่ 1 เมตรตอ่ ป)ี

พ้ืนท่สี ะสมตวั ครอบคลุมพ้ืนที่ทั้งหมด 160,115 ตารางเมตร ชายหาดสะสมตัวเปน็ แนวยาว
รวมทั้งหมด 12.7 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 39.7 ของระยะทางทั้งหมดท่ีศึกษา พื้นที่สะสมตัวด้วยอัตราเฉล่ีย
1.55 เมตรต่อปี ได้แก่ หาดปากดวดบิเวณบ้านคงคาวดี ตาบลเสาเภา หาดเทพา ตาบลทุ่งปรั่ง หาดทุ่งใส
ตาบลทุ่งใส อาเภอสิชล หาดในเพลา และหาดหน้าด่าน ตาบลขนอม อาเภอขนอม เป็นต้น สะสมเข้ามา
มากทสี่ ดุ เปน็ ระยะทาง 4.28 เมตร (รูปที่ 5.5)

-62-

กข
รูปท่ี 5.5 ชายหาดสะสมตัว ก) บริเวณหาดเทพา ตาบลทุ่งปรัง อาเภอสชิ ล

ข) บริเวณหาดในเพลา ตาบลขนอม อาเภอขนอม

2) พนื้ ท่ีคงสภาพ

รวมระยะทางคงสภาพทั้งหมด 18.5 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 57.8 ของระยะทาง
ทัง้ หมด ได้แก่ หาดบ้านปลายทอน ตาบลทุ่งปรัง หาดบ้านคอเขา หาดสิชล ตาบลสิชล หาดทุ่งใส ตาบลทุ่งใส
อาเภอสชิ ล และหาดหน้าด่าน ตาบลขนอม อาเภอขนอม เป็นต้น (รปู ที่ 5.6)

รปู ท่ี 5.6 พน้ื ท่ีคงสภาพ บรเิ วณหาดสชิ ล ตาบลสชิ ล เนอื่ งจากมโี ครงสรา้ งป้องกนั ชายฝงั่

-63-

รปู ท่ี 5.7 แผนทแี่ สดงสถานภาพการเปลี่ยนแปลงเส้นแนวชายฝั่ง ระหว่าง ปี พ.ศ. 2553 กับ ปี พ.ศ.
2562 บรเิ วณพืน้ ท่ีอาเภอขนอมและอาเภอสิชล จงั หวัดนครศรีธรรมราช

-64-

5.1.1.3 สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝงั่ ในช่วงรอบ 17 ปี

ผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่ง บริเวณพ้ืนที่อาเภอขนอม
และอาเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2562 เป็นระยะทางรวม
35.8 กิโลเมตร พบว่าสถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝั่งในช่วงรอบ 17 ปี ของพื้นท่ีศึกษาแบ่งออกได้เป็น
2 ลักษณะคือพ้ืนท่ีสะสมตัว และพ้ืนท่ีคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง คือ 10.2 กิโลเมตร (28.5%)
และ 25.6 กิโลเมตร (71.5%) ส่วนพืน้ ท่ีกดั เซาะไมพ่ บในการสารวจครง้ั น้ี (รปู ที่ 5.10)

1) พ้นื ทส่ี ะสมตัว (สะสมตวั มากกว่า 1 เมตรตอ่ ป)ี
พื้นที่ชายหาดมีการสะสมตัวเพิ่มขึ้น ครอบคลุมพื้นท่ีท้ังหมด 230,610 ตารางเมตร
รวมระยะทางสะสมตัวยาวทั้งหมด 10.2 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 28.5 ของระยะทางทั้งหมดที่ศึกษา
พื้นที่สะสมตัวด้วยอัตราเฉลี่ย 1.53 เมตรต่อปี เช่น หาดปากดวดบริเวณบ้านคงคาวดี หาดบ้านบางดี
ตาบลเสาเภา หาดบ้านคอเขา ตาบลสิชล หาดบ้านบางปอ ตาบลทุ่งใส อาเภอสิชล และหาดในเพลา
หาดคอเขา ตาบลขนอม อาเภอขนอม สะสมตัวออกไปมากทสี่ ดุ 5.92 เมตร (รูปที่ 5.8)

กข
รปู ท่ี 5.8 ชายหาดสะสมตัว ก) บรเิ วณหาดคอเขา ตาบลสิชล ข) บรเิ วณหาดคอเขา ตาบลขนอม

2) พ้นื ที่คงสภาพ (กัดเซาะหรือสะสมตวั น้อยกว่า 1 เมตรต่อป)ี
พ้ืนที่ชายหาดคงสภาพ รวมระยะทางคงสภาพท้ังหมด 25.6 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ
71.5 ของระยะทางท้งั หมด ได้แก่ บริเวณหาดเสาเภา ตาบลเสาเภา หาดสิชล ตาบลสชิ ล หาดบ้านฝายท่า
ตาบลทุ่งใส อาเภอสิชล หาดบ้านหน้าด่าน ตาบลขนอม หาดท้องชิง หาดแขวงเภา และหาดท้องโหนด
ตาบลทอ้ งเนยี น อาเภอขนอม เปน็ ต้น (รปู ท่ี 5.9)

รูปท่ี 5.9 หน้าหาดสะสมตัว ก) บรเิ วณหาดคอเขา ตาบลสชิ ล ข) บริเวณหาดคอเขา ตาบลขนอม

-65-

รูปท่ี 5.10 แผนทแ่ี สดงสถานภาพการเปล่ียนแปลงเส้นแนวชายฝ่งั ระหว่าง ปี พ.ศ. 2545 กบั ปี พ.ศ.
2562 บรเิ วณพน้ื ท่ีอาเภอขนอมและอาเภอสชิ ล จงั หวัดนครศรธี รรมราช

-66-

5.1.1.4 สถานภาพการเปล่ียนแปลงชายฝง่ั ในชว่ ง 1 ปี (รอบฤดูกาล)

ผลการวิเคราะห์สถานภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝ่ัง ระหว่างช่วงก่อนฤดูมรสุม
(เดือนธันวาคม 2561) และหลังฤดูมรสุม (เดือนพฤษภาคม 2562) การเปรียบเทียบครั้งน้ีมีระยะทาง
เพียง 33.8 กิโลเมตร ผลท่ีได้ พบว่าในรอบฤดูกาล ชายหาดมีการเปลี่ยนแปลงสามสถานภาพ
คือ ชายหาดกัดเซาะปานกลาง ชายหาดสะสมตัว และชายหาดคงสภาพ คิดเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร
(3%) 30.3 กโิ ลเมตร (89.6%) และ 2.5 กโิ ลเมตร (7.4%) ตามลาดับ (รปู ที่ 5.14)

1) พื้นที่กดั เซาะปานกลาง (กดั เซาะระหว่าง 1 - 5 เมตรตอ่ ป)ี
การสารวจครั้งนี้พบพ้ืนท่ีกัดเซาะปานกลาง 2 บริเวณ ครอบคลุมพื้นท่ีท้ังหมด 2,790
ตารางเมตร ชายหาดถูกกัดเซาะเป็นแนวยาวรวมทั้งหมด 1 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 3 ของระยะทาง
ท้ังหมดที่ศึกษา พ้ืนท่ีกัดเซาะปานกลางด้วยอัตราเฉลี่ย 1.69 เมตรต่อปี ได้แก่ หาดบ้านเสาเภา ตาบลเสาเภา
อาเภอสิชล และหาดท้องโหนด ตาบลท้องเนียน อาเภอขนอม กัดเซาะเข้ามามากท่ีสุดเป็นระยะทาง
2.64 เมตร (รปู ที่ 5.11)

รปู ที่ 5.11 ชายหาดกัดเซาะปานกลาง บริเวณหาดเสาเภา ตาบลเสาเภา อาเภอสชิ ล

2) พน้ื ท่ีสะสมตวั (สะสมตวั มากกว่า 1 เมตรต่อปี)
การสารวจคร้ังน้ีมีพนื้ ท่ีสะสมตัว ครอบคลมุ พ้ืนทท่ี ั้งหมด 196,149 ตารางเมตร ชายหาด
สะสมตัวเป็นแนวยาวรวมท้ังหมด 30.3 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของระยะทางทั้งหมดท่ีศึกษา
พื้นท่ีสะสมตัวด้วยอัตราเฉลี่ย 6.93 เมตรต่อปี พบ หลายบริเวณ ได้แก่ หาดปากดวดบริเวณบ้านคงคาวดี
ตาบลเสาเภา หาดเสาเภาถึงหาดปลายทอน ตาบลทุ่งปรัง หาดสิชล ตาบลสิชล หาดทุ่งใส ตาบลทุ่งใส
หาดท้องยาง หาดท้องหยี หาดหน้าด่าน ตาบลขนอม และหาดแขวงเภา ตาบลท้องเนียน อาเภอขนอม
เปน็ ต้น สะสมเข้ามามากทส่ี ุด เป็นระยะทาง 42.19 เมตร (รูปที่ 5.12)

-67-

กข
รปู ที่ 5.12 ชายหาดสะสมตัว ก) บริเวณหาดเสาเภา ตาบลเสาเภา ข)บรเิ วณหาดท้องยาง ตาบลท่งุ ใส

3) พืน้ ทค่ี งสภาพ (กัดเซาะหรอื สะสมตัวนอ้ ยกวา่ 1 เมตรต่อปี)
รวมระยะทางคงสภาพทง้ั หมด 2.5 กิโลเมตร คดิ เปน็ รอ้ ยละ 7.4 ของระยะทางท้ังหมด ไดแ้ ก่ หาดในเพลา
ตาบลขนอม และหาดท้องชิง ตาบลท้องเนยี น อาเภอขนอม เปน็ ต้น (รูปที่ 5.13)

รูปที่ 5.13 ชายหาดคงสภาพ บรเิ วณหาดท้องชิง ตาบลท้องเนียน อาเภอขนอม

-68-

รูปท่ี 5.14 แผนทแ่ี สดงสถานภาพการเปล่ียนแปลงเส้นแนวชายฝ่งั ระหว่าง ปี พ.ศ. 2561 กบั ปี พ.ศ.
2562 บรเิ วณพน้ื ท่ีอาเภอขนอมและอาเภอสชิ ล จงั หวัดนครศรธี รรมราช

-69-

5.1.2 สถานภาพการเปลย่ี นแปลงชายฝั่งในแนวดิง่

การสารวจรังวัดชายฝ่ังด้วยเคร่ืองมือ DGPS ในแนวดิ่ง เพอ่ื นาขอ้ มูลมาจดั ทาภาพมิตขิ อง
พ้ืนท่ีศึกษาโดยใช้โปรแกรม ArcGIS เพื่อศึกษาสภาพสัณฐานหน้าหาดท่ีเปล่ียนแปลงไป เปรียบเทียบช่วง
ระหว่างมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกับช่วงหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เม่ือทาการเปรียบเทียบสภาพหน้า
หาดท้ังสองช่วงในพื้นท่ีอาเภอขนอมและอาเภอสิชล พบว่าพ้ืนที่ชายหาดโดยรวมของอาเภอขนอม
ปริมารตะกอนหน้าหาดหายไปประมาณ 60,489 ลูกบาศก์เมตร พ้ืนที่ชายหาดโดยรวมอาเภอสิชล
มีการสะสมตัวของตะกอนทรายหน้าหาดเพ่ิมขึ้น มีปริมาณตะกอนทรายที่มาสะสมตัวเพิ่มประมาณ
60,277 ลูกบาศก์เมตร คอื ช่วงกอ่ นมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ สัณฐานหน้าหาดมีการสะสมตัว แตพ่ อเข้า
ช่วงระหว่างมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ตุลาคม – มกราคม) สัณฐานหน้าหาดมีลักษณะแคบและลาดชัน
เนื่องจากคล่ืนกาลังแรงได้ซัดเข้าหาฝ่ังอย่างรุนแรงกัดเซาะพื้นท่ีถึงสันหาดด้านใน ตะกอนทรายถูกพัดพา
ออกไปจานวนมาก ทาให้หน้าหาดมีความลาดชันสูง บางพ้ืนที่คลื่นได้กัดเซาะเอาทรายบริเวณฐานของสัน
หาดออกไป จนมีสภาพต้ังฉากกับพ้ืนท่ี อีกท้ังในช่วงเดือนมกราคม ชายฝ่ังทะเลอ่าวไทยในบางพ้ืนที่ได้รับ
ผลกระทบจากพายุปลาบึกที่พัดผ่านประเทศไทย จากนั้นในชว่ งหลังฤดูมรสุมตั้งแต่ปลายเดอื นกุมภาพนั ธ์-
มิถุนายน พ้ืนที่ท่ีถูกกัดเซาะจะถูกแทนที่ด้วยตะกอนชุดใหม่พร้อมกับกระบวนการปรับสัณฐานหน้าหาด
ทาให้หน้าหาดกว้างข้ึนและมีความลาดชันน้อยลง ลึกออกไปในทะเลประมาณ 50-150 เมตร จากฝั่งจะ
พบสันทรายใตน้ ้าเปน็ แนวยาวขนานกบั ชายฝั่ง (รูปท่ี 5.15)

กข
รปู ที่ 5.15 สัณฐานหน้าหาด ก) ระหว่างมรสุม และ ข) หลังฤดูมรสุม บริเวณบ้านปลายทอน

จะเหน็ ไดว้ า่ หาดมีการเปลยี่ นแปลง

-70-

หาดท้องโหนด เม่ือนาข้อมูลที่ได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวดิ่ง ทั้งช่วง
ระหว่างมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด
พบวา่ หาดทอ้ งโหนด มปี ริมาณตะกอนทรายมาสะสมตวั เพม่ิ ข้ึน ประมาณ 2,218 ลกู บาศก์เมตร

รูปท่ี 5.16 ภาพตัดขวางหน้าหาดทอ้ งโหนด

หาดท้องโหนด มปี รมิ าณตะกอน
ทรายมาสะสมตวั เพม่ิ ขึ้นประมาณ
2,218 ลูกบาศกเ์ มตร

พน้ื ทที่ ่มี ีปรมิ าณตะกอนเพม่ิ ขน้ึ
พืน้ ทท่ี ีม่ ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รูปท่ี 5.17 แผนที่แสดงปริมาณตะกอนทรายหน้าหาดท้องโหนด

-71-

หาดแขวงเภา เมื่อนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวดิ่ง ทั้งช่วง
ระหว่างมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด
พบว่า หาดแขวงเภา มีปริมาณตะกอนทรายลดลง ประมาณ 3,014 ลูกบาศกเ์ มตร

รูปที่ 5.18 ภาพตัดขวางหน้าหาดแขวงเภา

หาดแขวงเภา มปี ริมาณตะกอนทราย
ลดลงประมาณ 3,014 ลกู บาศกเ์ มตร

พื้นทท่ี มี่ ีปรมิ าณตะกอนเพมิ่ ขนึ้
พื้นทท่ี ม่ี ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รปู ท่ี 5.19 แผนทแี่ สดงปรมิ าณตะกอนทรายหนา้ หาดแขวงเภา

-72-

หาดท้องชิง เมื่อนาข้อมูลที่ได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวดิ่ง ท้ังช่วงระหว่าง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดทอ้ งชิง มปี ริมาณตะกอนทรายมาสะสมตัวเพิม่ ขนึ้ ประมาณ 25,277 ลกู บาศกเ์ มตร

รปู ท่ี 5.20 ภาพตดั ขวางหนา้ หาดทอ้ งชิง

หาดท้องชงิ มปี ริมาณตะกอน
ทรายมาสะสมตัวเพม่ิ ขนึ้ ประมาณ
25,277 ลกู บาศกเ์ มตร

พน้ื ทที่ ี่มีปรมิ าณตะกอนเพม่ิ ขน้ึ
พน้ื ทท่ี ม่ี ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รปู ท่ี 5.21 แผนทีแ่ สดงปริมาณตะกอนทรายหนา้ หาดทอ้ งชงิ

-73-

หาดขนอม เม่ือนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวดิ่ง ท้ังช่วงระหว่าง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดขนอม มปี รมิ าณตะกอนทรายลดลง ประมาณ 81,650 ลกู บาศก์เมตร

รปู ที่ 5.22 ภาพตัดขวางหน้าหาดขนอม

หาดขนอม มปี รมิ าณตะกอน
ทรายลดลงประมาณ
81,650 ลูกบาศกเ์ มตร

พืน้ ทที่ ี่มีปรมิ าณตะกอนเพ่ิมขึน้
พื้นท่ีที่มีปริมาณตะกอนลดลง

รูปที่ 5.23 แผนทีแ่ สดงปริมาณตะกอนทรายหนา้ หาดขนอม

-74-

หาดในเพลา เม่ือนาข้อมูลที่ได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวดิ่ง ท้ังช่วงระหว่าง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดในเพลา มปี ริมาณตะกอนทรายลดลง ประมาณ 3,320 ลกู บาศก์เมตร

รปู ท่ี 5.24 ภาพตดั ขวางหน้าหาดในเพลา

หาดในเพลา มปี ริมาณ
ตะกอนทรายลดลงประมาณ
3,320 ลกู บาศก์เมตร

พื้นท่ีท่มี ีปริมาณตะกอนเพม่ิ ข้ึน
พืน้ ท่ีท่ีมปี ริมาณตะกอนลดลง

รปู ที่ 5.25 แผนทีแ่ สดงปรมิ าณตะกอนทรายหน้าหาดในเพลา

-75-

หาดท้องยาง เม่ือนาขอ้ มูลที่ได้จากการสารวจสณั ฐานหนา้ หาดในแนวดงิ่ ท้ังช่วงระหว่าง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดทอ้ งยาง มปี ริมาณตะกอนทรายลดลง ประมาณ 4,825 ลูกบาศกเ์ มตร

รปู ท่ี 5.26 ภาพตดั ขวางหนา้ หาดท้องยาง

หาดในเพลา มปี รมิ าณ
ตะกอนทรายลดลงประมาณ
4,825 ลูกบาศกเ์ มตร

พนื้ ท่ีท่มี ีปรมิ าณตะกอนเพ่มิ ขึน้
พ้นื ท่ีทีม่ ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รูปที่ 5.27 แผนท่ีแสดงปริมาณตะกอนทรายหน้าหาดทอ้ งยาง

-76-

หาดทุ่งใส เมื่อนาข้อมูลที่ได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวด่ิง ท้ังช่วงระหว่าง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดทงุ่ ใส มปี รมิ าณตะกอนทรายมาสะสมตัวเพม่ิ ขึ้น ประมาณ 2,218 ลกู บาศก์เมตร

รปู ท่ี 5.28 ภาพตดั ขวางหนา้ หาดทุง่ ใส

หาดทุ่งใส มปี ริมาณตะกอนทราย
มาสะสมตวั เพมิ่ ขนึ้ ประมาณ
2,218 ลูกบาศกเ์ มตร

พ้นื ทที่ มี่ ีปรมิ าณตะกอนเพม่ิ ขน้ึ
พ้ืนทที่ ี่มปี รมิ าณตะกอนลดลง

รปู ท่ี 5.29 แผนทีแ่ สดงปริมาณตะกอนทรายหน้าหาดทุ่งใส

-77-

หาดปลายทอน เมื่อนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวด่ิง ท้ังช่วง
ระหว่างมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด
พบวา่ หาดปลายทอน มปี ริมาณตะกอนทรายมาสะสมตัวเพ่ิมข้ึน ประมาณ 54,368 ลกู บาศกเ์ มตร

รปู ที่ 5.30 ภาพตัดขวางหนา้ หาดปลายทอน

หาดปลายทอน มีปรมิ าณตะกอน
ทรายมาสะสมตัวเพม่ิ ขนึ้ ประมาณ
54,368 ลูกบาศก์เมตร

พ้ืนทที่ ี่มีปรมิ าณตะกอนเพม่ิ ขน้ึ
พน้ื ทท่ี ่มี ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รปู ท่ี 5.31 แผนทแี่ สดงปริมาณตะกอนทรายหน้าหาดปลายทอน

-78-

หาดปากดวด เมื่อนาขอ้ มลู ท่ีได้จากการสารวจสัณฐานหน้าหาดในแนวด่งิ ทั้งช่วงระหวา่ ง
มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและหลังมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มาทาภาพตัดขวางของหน้าหาด พบว่า
หาดปากดวด มปี ริมาณตะกอนทรายมาสะสมตวั เพิ่มขึ้น ประมาณ 8,516 ลูกบาศก์เมตร

รูปท่ี 5.32 ภาพตดั ขวางหน้าหาดปากดวด

หาดปากดวด มีปรมิ าณตะกอน
ทรายมาสะสมตัวเพมิ่ ข้นึ ประมาณ
8,516 ลกู บาศก์เมตร

พื้นทท่ี ี่มีปรมิ าณตะกอนเพม่ิ ขนึ้
พนื้ ทที่ ่มี ีปรมิ าณตะกอนลดลง

รปู ที่ 5.33 แผนท่ีแสดงปรมิ าณตะกอนทรายหนา้ หาดปากดวด

-79-

5.2 ธรณีสณั ฐานชายฝั่งทะเล

ธรณีสัณฐานชายฝ่ัง เป็นการศึกษาลักษณะรูปร่าง การกาเนิด วิวัฒนาการ และ
กระบวนการต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนพ้ืนท่ีชายฝ่ัง ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นธรณีสัณฐานชายฝ่ังจึงเป็น
ลักษณะรูปร่างระหว่างทะเลกับแผ่นดิน ลม คล่ืน น้าขึ้นน้าลง และกระแสน้าเป็นตัวการหลักที่ร่วมกันทา
ให้เกดิ พืน้ ท่ชี ายฝ่งั ชนิดต่างๆ ในขณะเดียวกันกเ็ ป็นตัวการทท่ี าให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงชายฝงั่ อกี ด้วย

5.2.1 เกบ็ ตัวอยา่ งตะกอนชายหาดระดบั ผวิ ดนิ

ศึกษาสภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนชายทะเลด้วยการเก็บตัวอย่างตะกอนผิวดิน
ชายหาด โดยแบ่งเปน็ ตะกอนชายทะเลบรเิ วณหน้าหาด และตะกอนชายทะเลบริเวณหลังหาด ครอบคลุม
พื้นที่ชายฝ่งั ทะเลอาเภอขนอมและอาเภอสิชล จานวน 240 ตัวอย่าง (รปู ท่ี 5.35, ภาคผนวก)

ลักษณะตะกอนประกอบด้วยแร่ควอตซ์ (Quartz) เป็นองค์ประกอบหลัก (มากกว่าร้อยละ92)
พบขนาดตั้งแต่กรวดขนาดเล็กจนถึงทรายเม็ดละเอียดมาก การคัดขนาดปานกลางถึงดี ความมนดี
(Rounded) ขึ้นกับจุดเก็บตัวอย่าง เช่น บริเวณท่ีได้รับอิทธิพลจากคลื่นหรือรอยต่อระหว่างทะเลกับฝ่ัง
ตะกอนจะมีการคัดขนาดปานกลางถึงเลว นอกจากนี้ยังสามารถพบเศษเปลือกหอยได้ท่ัวไป (Moderate
to poor sorted) อาจสะสมตัวเป็นช้ันหนา ส่วนบริเวณที่อยู่ห่างออกไปจากอิทธิพลของคล่ืน ตะกอนมี
การคัดขนาดดี (Well sorted) มีขนาดละเอียดถงึ ปานกลาง ความมนของตะกอนบง่ ช้ีวา่ ตะกอนท่ีสะสมใน
พื้นที่ถกู พัดพามาตามกระแสน้ามีแหลง่ ต้นกาเนดิ ท่ีค่อนขา้ งไกล (รูปที่ 5.34)

รปู ที่ 5.34 ขนาดตะกอนทรายหน้าหาด บรเิ วณหาดปากดวด

-80-

รปู ท่ี 5.35 แผนท่ตี าแหนง่ เก็บตวั อยา่ งตะกอนชายหาด พื้นทอ่ี าเภอขนอมและอาเภอสิชล
จงั หวดั นครศรธี รรมราช

-81-

5.3 เกบ็ ตัวอย่างตะกอนเลียบชายฝัง่ ทะเล

จากการศึกษาอัตราการเคล่ือนที่ของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล โดยการเก็บตัวอย่าง
ตะกอนทั้งหมด 11 จุด รวมท้ังส้ิน 44 ตัวอย่าง ใน 11 หาด ตัวอย่างตะกอนท่ีเก็บได้จะนามาคานวณหา
อัตราการเคลื่อนท่ีของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล (LSTR) โดยใช้สูตรการคานวณของ Kamphuis (2002)
คานวณหาปริมาณของตะกอนที่เคล่ือนท่ีขนานชายฝ่ังทะเลต่อวันสาหรับปริมาตรน้าทะเลใน 1 ลูกบาศก์
เมตร และทดสอบหาขนาดของตะกอนโดยใช้เครื่องวัดขนาดอนุภาคโดยเทคนิคการเลี้ยวเบนของแสง
(Particle size analysis) (รูปท่ี 5.36)

หาดท้องโหนด มคี า่ LSTR 0.0139 ลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ปี พบปริมาณตะกอน 389.28 กรมั ต่อวัน
หาดแขวงเภา มีคา่ LSTR 0.012 ลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี พบปริมาณตะกอน 242.28 กรมั ต่อวัน
หาดท้องชิง มคี า่ LSTR 0.0129 ลกู บาศก์เมตรต่อปี พบปริมาณตะกอน 353.75 กรมั ต่อวนั
หาดทอ้ งกรวด มคี า่ LSTR 0.013 ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี พบปรมิ าณตะกอน 143.08 กรัมต่อวัน
หาดคอเขา(ขนอม) มีคา่ LSTR 0.0115 ลูกบาศกเ์ มตรตอ่ ปี พบปรมิ าณตะกอน 831.06 กรัมตอ่ วัน
หาดหน้าด่าน มคี ่า LSTR 0.01 ลกู บาศกเ์ มตรต่อปี พบปรมิ าณตะกอน 233.69 กรัมต่อวนั
หาดทงุ่ ใส มคี า่ LSTR 0.0082 ลูกบาศก์เมตรตอ่ ปี พบปรมิ าณตะกอน 148.50 กรมั ต่อวัน
หาดสิชล(ปากน้า) มีค่า LSTR 0.0078 ลกู บาศกเ์ มตรต่อปี พบปริมาณตะกอน 238.50 กรัมต่อวนั
หาดคอเขา(สชิ ล) มคี า่ LSTR 0.008 ลกู บาศก์เมตรตอ่ ปี พบปริมาณตะกอน 82.03 กรมั ต่อวนั
หาดปลายทอน มีค่า LSTR 0.0075 ลูกบาศกเ์ มตรต่อปี พบปริมาณตะกอน 233.11 กรัมต่อวนั
หาดเสเภา มีคา่ LSTR 0.008 ลูกบาศก์เมตรต่อปี พบปริมาณตะกอน 181.81 กรมั ตอ่ วนั

-82-

รูปที่ 5.36 แผนท่ีแสดงอัตราการเคลื่อนท่ีของตะกอนขนานชายฝ่ังทะเล (LSTR) และปริมาณของ
ตะกอนท่ีเคลื่อนท่ีขนานชายฝั่งทะเลต่อวันสาหรับปริมาตรน้าทะเลใน 1 ลูกบาศก์เมตร อาเภอขนอม
และอาเภอสชิ ล จงั หวัดนครศรีธรรมราช

-83-

ผลจากการศึกษาพบว่าท้ัง 11 หาดมีอัตราการเคล่ือนที่ของตะกอนขนานชายฝั่งทะเล
(LSTR) มีค่าอยู่ในช่วง 0.007 ถึง 0.013 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และผลการวิเคราะห์การกระจายตัวของ
ตะกอนพบว่ามีขนาดต้ังแต่ทรายละเอยี ดมากจนถึงทรายแป้งขนาดหยาบ (Very Fine Grained - Coarse
Silt) และมีปริมาณของตะกอนท่ีเคล่ือนท่ีขนานชายฝ่ังทะเลอยู่ในช่วง 82 ถึง 831 กรัมต่อวันสาหรับ
ปรมิ าตรนา้ ทะเลใน 1 ลูกบาศกเ์ มตร (รปู ท่ี 5.37)

จากการทดสอบหาขนาดของตะกอนท้ัง 11 หาด พบวา่
หาดทอ้ งโหนด พบตะกอนทรายแปง้ ขนาดปานกลางถงึ หยาบ (Medium - Coarse Silt)
หาดแขวงเภา พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดท้องชิง พบตะกอนทรายแป้งขนาดปานกลางถึงหยาบ (Medium - Coarse Silt)
หาดท้องกรวด พบตะกอนทรายแป้งขนาดปานกลางถงึ หยาบ (Medium - Coarse Silt)
หาดคอเขา(ขนอม) พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดหนา้ ดา่ น พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดทงุ่ ใส พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดสชิ ล(ปากน้า) พบตะกอนทรายแป้งขนาดปานกลางถึงหยาบ (Medium - Coarse Silt)
หาดคอเขา(สิชล) พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดปลายทอน พบตะกอนทรายแป้งขนาดหยาบ (Coarse Silt)
หาดเสาเภา พบตะกอนทรายขนาดละเอียดมากถึงทรายแป้งขนาดหยาบ (Very Fine Grained -
Coarse Silt)

ตัวอย่างตะกอนทรายมีขนาดทรายละเอียดมากถึงทรายแป้งขนาดหยาบ (Very Fine
Grained - Coarse Silt) ซึ่งเรียงลาดับขนาดตะกอนจากขนาดใหญ่พบทางด้านทิศใต้บริเวณหาดอาเภอ
ขนอม และตะกอนขนาดเล็กพบบริเวณหาดถัดไปทางดา้ นอาเภอสิชล ดังนั้นเราจึงสรุปไดว้ ่า ตะกอนขนาน
ชายฝง่ั ทะเลมีการเคลือ่ นท่ีจากทิศใต้ไปทิศเหนือ

-84-

รูปท่ี 5.37 แผนท่ีแสดงขนาดของตัวอย่างตะกอนทั้ง 11 หาด อาเภอขนอม และอาเภอสิชล จังหวัด
นครศรีธรรมราช

-85-

5.4 การสารวจธรณีวิทยาทางทะเล

ผลการสารวจทาแผนที่ธรณีวิทยากายภาพพื้นทะเลใกล้ชายฝั่ง ในแผนท่ี 2 ระวาง คือ
4927 II (อาเภอขนอม) และ 4927 I (เกาะสมุย) ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร ได้ข้อมูล
ความลึกน้ารวมระยะทาง 650 กิโลเมตร เก็บและวิเคราะห์ชนิดตัวอย่างตะกอนพื้นผิวท้องทะเลจานวน
194 ตวั อยา่ ง

5.4.1 ความลกึ นา้ และลกั ษณะภมู ิประเทศพนื้ ทะเล

ระดับน้าตามแนวเส้นสารวจมีความลึกต้ังแต่ -1.5 ถึง - 13.5 เมตร จากระดับทะเลปาน
กลาง (รูปที่ 5.38, 5.39) ความลาดชนั เฉลี่ยทัง้ พนื้ ท่ีประมาณ 1 ต่อ 400 มคี วามลานชันบริเวณใกล้ชายฝั่ง
ไม่เกิน 300 เมตรประมาณ 1 ต่อ 100 บริเวณลึกสุดอยู่ทางด้านตอนกลางค่อนไปทางเหนือของฝั่ง
ตะวนั ออกของพ้ืนท่ีสารวจ (ทางตะวันออกของตาบลขนอม) ลักษณะภูมิประเทศบริเวณอ่าวหน้าถึงอ่าวใน
เพลามีความลาดชนั ต่า แสดงถงึ เป็นบรเิ วณท่มี ีการตกสะสมตวั ของตะกอนมากกว่าบรเิ วณอืน่

รปู ท่ี 5.38 แผนที่แสดงระดับความลกึ นา้ และลกั ษณะภูมปิ ระเทศพื้นทะเลในพืน้ ที่สารวจ แบบ 2 มติ ิ

-86-

รูปที่ 5.39 แผนท่แี สดงระดับความลึกน้าและลกั ษณะภูมปิ ระเทศพ้ืนทะเลในพนื้ ทีส่ ารวจ แบบ 3 มติ ิ

5.4.2 ลกั ษณะตะกอนพ้ืนผิวทอ้ งทะเล

จากการเก็บและวิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนพ้ืนผิวท้องทะเลจานวน 194 ตัวอย่าง
การวิเคราะห์ชนิดตะกอนพ้ืนท้องทะเลในข้ันต้น ใช้ตามหลักการจาแนกชนิดตะกอนของ Folk (1980)
เพื่อแบ่งตะกอนออกเป็น 4 ชนิด คือ 1) โคลนทะเล 2) ตะกอนโคลนทะเลปนทราย 3) ตะกอนทรายปน
โคลนทะเล 4) ตะกอนทราย หลังจากน้ันจะนาตะกอนชนิดท่ี 1 และ 2 ไปวิเคราะห์ด้วยเคร่ืองวัดการ
กระจายตัวของขนาดอนุภาค (Particle size analyzer) ซึ่งเป็นเครื่องมือท่ีใช้ศึกษาการกระจายตัวของ
ขนาดอนุภาคของตะกอนตัวอย่างขนาดเล็ก โดยใช้หลักการเลี้ยวเบนของเลเซอร์ (LASER Diffraction)
(รูปที่...) ส่วนตะกอนชนิดที่ 3 และ 4 จะนาไปวิเคราะห์ขนาดตะกอนพื้นทะเลด้วยวิธีร่อนผ่านตะแกรง
(Sieve Analysis) (รูปที่ 5.40, 5.41) และจัดทาแผนท่ีการกระจายตัวของตะกอนพ้ืนท้องทะเล
(รูปท่ี 5.42) โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท คือ Z = Silt, sZ = sandy Silt, zS = silty Sand, S = Sand,
gS = gravel Sand

-87-

รูปท่ี 5.40 เครือ่ งวัดการกระจายตัวของขนาดอนภุ าค (Particle size analyzer)
รูปท่ี 5.41 เคร่อื งวเิ คราะห์ขนาดตะกอนพนื้ ทะเลด้วยวิธรี อ่ นผ่านตะแกรง (Sieve Analysis)

-88-

รูปที่ 5.42 แผนทแี่ สดงชนิดและการสะสมตวั ของตะกอนพ้นื ทะเลในพ้นื ท่สี ารวจ

-89-

5.4.3 ทิศทางและความเร็วกระแสนา้ นอกชายฝ่งั

จากการตรวจวัดกระแสน้านอกชายฝ่ัง พบว่า สถานี ADCP01 กระแสน้านอกชายฝ่ัง มี
ความเร็วเฉลย่ี 360 มิลลเิ มตรต่อวนิ าที ในช่วงนา้ ข้ึน มีความเร็วเฉล่ยี 330 มิลลเิ มตรต่อวินาที เคลอื่ นที่ใน
ทิศทางเฉลี่ย 20-30 องศา ช่วงน้าลง มีความเร็วเฉล่ีย 390 มิลลิเมตรต่อวินาที เคล่ือนท่ีในทิศทางเฉล่ีย
230-240 องศา สถานี ADCP02 กระแสน้านอกชายฝ่ัง มีความเร็วเฉลี่ย 530 มิลลิเมตรต่อวินาที ในช่วง
น้าขึ้น มีความเร็วเฉล่ีย 480 มิลลิเมตรต่อวินาที เคลื่อนที่ในทิศทางเฉลี่ย 50-70 องศา ช่วงน้าลง
มีความเร็วเฉลี่ย 580 มิลลิเมตรต่อวินาที เคล่ือนท่ีในทิศทางเฉลี่ย 220-300 องศา สถานี ADCP03
กระแสน้านอกชายฝั่ง มีความเร็วเฉล่ีย 530 มิลลิเมตรต่อวินาที ในช่วงน้าข้ึน มีความเร็วเฉล่ีย
520 มลิ ลิเมตรต่อวินาที เคลื่อนที่ในทิศทางเฉล่ยี 60-110 องศา ชว่ งน้าลง มีความเรว็ เฉลย่ี 535 มิลลิเมตร
ต่อวินาที เคลื่อนท่ีในทิศทางเฉล่ีย 0-45 องศา สถานี ADCP04 กระแสน้านอกชายฝั่ง มีความเร็วเฉลี่ย
510 มิลลิเมตรต่อวินาที ในช่วงน้าขึ้น มีความเร็วเฉล่ีย 500 มิลลิเมตรต่อวินาที เคล่ือนท่ีในทิศทางเฉล่ีย
230-240 องศา ช่วงน้าลง มีความเร็วเฉลี่ย 600 มิลลิเมตรต่อวินาที เคลื่อนท่ีในทิศทางเฉล่ีย 20-4 องศา
ทั้ ง 4 สถานี มีความเร็วกระแสน้ าเฉล่ียช่วงน้ าลงมากกว่าช่ วงน้ าขึ้น และไห ลไป ท างทิ ศ
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื -ตะวนั ตกเฉยี งใต้ (ตารางท่ี 4 และรูปท่ี 5.43)


Click to View FlipBook Version