The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การสำรวจธรณีฟิสิกส์ เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดิน โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by zeath_junior, 2021-10-20 02:03:25

การสำรวจธรณีฟิสิกส์ เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดิน โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

การสำรวจธรณีฟิสิกส์ เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดิน โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

Keywords: ธรณีวิทยา,ธรณีฟิสิกส์,การสำรวจ,กรม,ทรัพยากรธรณี,กองเทคโนโลยีธรณี,นครสวรรค์,เขาวง,บ่อดินขาว,วัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า,ตาคลี

รายงานการสำรวจ
ฉบับที่ กทธ. 1/2564

การสำรวจธรณีฟิสิกส์
เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดิน
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว

อำเภอตาคลี จังหวัดนครสววรค์

กรมทรัพยากรธรณี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

I

รายงานการสำรวจ
ฉบับท่ี กทธ. 1/2564

การสำรวจธรณีฟสิ ิกสเ์ พอ่ื จัดทำขอ้ มูลธรณีวิทยาใตผ้ วิ ดนิ
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพนื้ ทส่ี ระบอ่ ดนิ ขาว
อำเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์

กองเทคโนโลยธี รณี
กรมทรัพยากรธรณี

I

รายงานการสำรวจ
ฉบบั ที่ กทธ. 1/2564

การสำรวจธรณีฟิสิกส์เพอ่ื จัดทำขอ้ มลู ธรณีวทิ ยาใต้ผวิ ดนิ
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพนื้ ทส่ี ระบอ่ ดินขาว
อำเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์

ถนดั สร้อยซา
วนั วษิ า น้อมสูงเนนิ

ภควตั ศรวี งั พล
ภัณฑรกั ษ์ ชาญณรงค์

ธญั รตั น์ วินัยพานชิ
กุลธดิ า เศวตกุล
พทั ธพล บงึ มุม

พรชนิกา วรี ะจิตต์

กองเทคโนโลยีธรณี
กรมทรัพยากรธรณี

II

อธบิ ดีกรมทรัพยากรธรณี
นายสมหมาย เตชวาล

ผูอ้ ำนวยการกองเทคโนโลยีธรณี
นายสุวภาคย์ อม่ิ สมทุ ร

ผอู้ ำนวยการส่วนธรณเี ทคนิค
นายอภิชาติ ไพยารมณ์

จดั พมิ พ์โดย กองเทคโนโลยีธรณี กรมทรพั ยากรธรณี
ถนนพระรามท่ี 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศพั ท์ 02-6219614 โทรสาร 02-6219612

พมิ พค์ รัง้ ที่ 1 มนี าคม 2564
จำนวน 20 เล่ม

ข้อมูลการลงรายการบรรณานุกรม

ถนัด สรอ้ ยซา
การสำรวจธรณีฟิสิกส์เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นท่ี

สระบอ่ ดินขาว อำเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์ / โดย ถนัด สร้อยซา วนั วษิ า นอ้ มสงู เนิน ภควัต ศรวี งั พล
ภัณฑรักษ์ ชาญณรงค์ ธัญรัตน์ วินัยพานิช กุลธิดา เศวตกุล พัทธพล บึงมุม และ พรชนิกา วีระจิตต์:
กองเทคโนโลยธี รณี กรมทรัพยากรธรณี, 2564.

37 หนา้ : 30 ภาพประกอบ : แผนที่ : 2 ตาราง ; 30 ซม.
รายงานการสำรวจ ฉบบั ที่ กทธ. 1/2564

III

สารบัญ

สารบญั ...........................................................................................................................................................III

สารบญั รปู IV

สารบัญตาราง ................................................................................................................................................. V

บทคัดย่อ........................................................................................................................................................ VI

คำขอบคณุ .....................................................................................................................................................VII

บทท่ี 1 บทนำ................................................................................................................................................ 1

1.1 ความเปน็ มา ............................................................................................................................... 1

1.2 วตั ถปุ ระสงค์ ............................................................................................................................... 1

1.3 ระยะเวลาดำเนนิ การและเจ้าหน้าทีป่ ฏบิ ตั งิ าน............................................................................ 1

1.4 พืน้ ท่สี ำรวจ................................................................................................................................. 2

บทท่ี 2 ธรณีวิทยาทว่ั ไป ................................................................................................................................ 6

2.1 ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์................................................................................................................ 6

2.2 ธรณีวทิ ยา................................................................................................................................... 7

2.3 ธรณีวทิ ยาโครงสร้าง ................................................................................................................. 11

บทที่ 3 การสำรวจธรณฟี สิ กิ ส์...................................................................................................................... 12

3.1 หลกั การสำรวจเบ้ืองตน้ ............................................................................................................ 12

3.1.1 หลักการสำรวจวดั คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้า ............................................................... 12

3.1.2 หลกั การสำรวจวธิ วี ัดคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าแบบไทมโ์ ดเมน........................................... 16

3.2 การดำเนินการสำรวจ ............................................................................................................... 18

3.2.1 การดำเนินการสำรวจวดั คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้า...................................................... 18

3.2.2 การดำเนนิ การสำรวจวัดคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน..................................... 19

3.3 เคร่ืองมือการสำรวจ.................................................................................................................. 21

3.3.1 เครอ่ื งมือการสำรวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ ........................................................ 21

3.3.2 เคร่ืองมือการสำรวจวัดคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ แบบไทมโ์ ดเมน ....................................... 22

3.4 การประมวลผล......................................................................................................................... 22

IV

3.4.1 การประมวลผลข้อมูลการสำรวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า..................................... 22
3.4.2 การประมวลผลขอ้ มลู การสำรวจวดั คลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าแบบไทมโ์ ดเมน .................... 23
บทท่ี 4 ผลการสำรวจ ................................................................................................................................... 24
4.1 ผลการสำรวจ............................................................................................................................ 24
4.1.1 ผลการสำรวจวัดคา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ แบบ 2 มิติ................................................. 24
4.1.2 ผลการสำรวจวัดคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน ................................................. 29
บทท่ี 5 อภปิ ราย สรุปผล และข้อเสนอแนะ.................................................................................................. 34
5.1 อภปิ รายผลการสำรวจ.............................................................................................................. 34
5.2 สรุปผลการสำรวจ..................................................................................................................... 35
5.3 ขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................................. 35
เอกสารอ้างอิง............................................................................................................................................... 37

สารบัญรูป

รปู ท่ี 1.1 แผนทภ่ี ูมปิ ระเทศ (กรมแผนทีท่ หาร, 2540) แสดงตำแหน่งพ้ืนท่แี ละแนวสำรวจธรณฟี สิ ิกส์............ 3

รูปที่ 1.2 ลักษณะภูมิประเทศบริเวณพ้ืนทส่ี ำรวจเขาวง................................................................................... 4

รปู ที่ 1.3 ลกั ษณะภูมปิ ระเทศบรเิ วณแนวสำรวจ ERI-5 และ ERI-7................................................................. 5

รูปที่ 2.1 ลักษณะสภาพภูมิประเทศที่ราบและภูเขาบริเวณพื้นที่สำรวจเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์................................................................................................................................. 6

รปู ท่ี 2.2 ลกั ษณะหนว่ ยหินปูน L1 พื้นท่ีสำรวจเขาวง ตำบลชอ่ งแค อำเภอตาคลี จงั หวัดนครสวรรค์ ............. 9

รูปที่ 2.3 ลักษณะหน่วยหินปนู L2 พน้ื ท่สี ำรวจเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์............. 9

รูปที่ 2.4 ลักษณะตะกอนพวกดินเคลย์ ดินเคลย์ปนทรายแป้ง และดินมาร์ล รองรับด้วยหินปูนชั้นล่าง บริเวณ
พ้นื ทเี่ ขาวง ตำบลชอ่ งแค อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์.................................................................. 10

รูปท่ี 2.5 แผนทีธ่ รณวี ทิ ยาบริเวณพนื้ ท่ีเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ 10

V

รปู ท่ี 3.1 ภาพจำลองหลกั พ้นื ฐานการปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าแสดงเส้นสมมตขิ ั้วกระแสไฟฟ้า ............................. 13

รปู ที่ 3.2 วิธีการจัดวางขัว้ ไฟฟ้าแบบมาตรฐาน.............................................................................................. 14

รูปท่ี 3.3 คุณสมบัติทางไฟฟ้าของวตั ถุประเภทต่างๆ..................................................................................... 14

รูปท่ี 3.4 รปู แบบการเหน่ียวนำคล่นื สนามแม่เหล็กไฟฟา้ ในตวั กลาง.............................................................. 17

รูปท่ี 3.5 ลกั ษณะเฉพาะของคล่นื สนามแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน .......................................................... 17

รปู ท่ี 3.6 วธิ วี ัดคา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้าแบบภาพตดั ขวางแบบ 2 มิติ โดยใช้ multi electrodes.................. 19

รูปท่ี 3.7 แผนที่แสดงตำแหน่งพนื้ ทสี่ ำรวจธรณีฟิสิกส์ และแนวสำรวจธรณีฟสิ ิกส์......................................... 20

รปู ท่ี 3.8 เคร่อื งมอื สำรวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ .................................................................................... 21

รูปที่ 3.9 เครือ่ งมือการสำรวจวดั คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน 22

รปู ท่ี 4.1 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-1................................. 26

รูปท่ี 4.2 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-2................................. 26

รปู ท่ี 4.3 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-3................................. 27

รูปที่ 4.4 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-4................................. 28

รูปที่ 4.5 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-5................................. 28

รูปที่ 4.6 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-6................................. 29

รูปที่ 4.7 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-7................................. 29

รปู ท่ี 4.8 ผลการสำรวจการวัดคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบไทมโ์ ดเมนแนวสำรวจ TEM-1 30

รูปที่ 4.9 ผลการสำรวจการวดั คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมนแนวสำรวจ TEM-2 ................................... 31

รูปท่ี 4.10 ขอ้ มลู ผลการสำรวจวดั ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแสดงในรปู แบบก่ึง 3 มิติ...................................... 32

รูปที่ 4.11 แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมซ้อนทับตำแหน่งผิดปกติแนวรอยแตก รอยเลื่อน หรือโพรง และความ
ตอ่ เน่ืองแนวรอยแตก.......................................................................................................................... 33

รูปที่ 4.12 ผลการแปลความหมายการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า (แนวสำรวจ ERI-3) จำลองลักษณะ
ธรณีวทิ ยาใตผ้ ิวดิน พนื้ ทเ่ี ขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ ................................... 33

สารบัญตาราง

ตารางที่ 3.1 คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้ ท่ัวไปของดนิ และหิน ............................................................................ 15

ตารางท่ี 4.1 ตารางสรปุ ผลการสำรวจวดั คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้าแบบภาคตดั ขวาง 2 มติ ิ 24

VI

การสำรวจธรณฟี สิ กิ สเ์ พือ่ จดั ทำข้อมลู ธรณวี ิทยาใตผ้ วิ ดนิ
โครงการพฒั นาแหล่งน้ำพ้ืนทส่ี ระบอ่ ดินขาว
อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์

โดย ถนัด สรอ้ ยซา วนั วษิ า น้อมสูงเนนิ ภควัต ศรีวังพล ภัณฑรักษ์ ชาญณรงค์
ธญั รตั น์ วินยั พานิช กลุ ธดิ า เศวตกุล พทั ธพล บงึ มุม และ พรชนิกา วีระจติ ต์

บทคดั ย่อ

การดำเนินงานสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า และวิธีวัดค่า
สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในพื้นที่โครงการสระบ่อดินขาว โดยมุ่งเน้นพื้นที่บริเวณเทือกเขาวง อำเภอตาคลี จังหวัด
นครสวรรค์ เพื่อสำรวจหาลกั ษณะธรณีวทิ ยาและโครงสร้างทางธรณีวิทยาใต้ดนิ รวมถึงเป็นขอ้ มูลทางวิชาการ
สนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำพื้นที่สระบ่อดินขาว ภายใต้นโยบายสำคัญด้านการบริหาร
จัดการน้ำและภารกิจบูรณาการหลายหน่วยงาน การดำเนินงานสำรวจครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4 ตาราง
กิโลเมตร ดำเนินงานวางแนวสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 7 แนวสำรวจ และแนวสำรวจวัด คลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน 2 แนวสำรวจ พบว่าลักษณะพื้นที่สำรวจปกคลุมด้วยตะกอนเศษหินเชิงเขาและ
ตะกอนที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งมีหินปูนเป็นเทือกเขาสูงชันโผล่ปรากฏโดยรอบมีลักษณะเป็นเขารูปวงกลม ลักษณะ
ธรณีวิทยาใต้ดินประกอบด้วย ชั้นที่ 1 เป็นช้ันดินหรือช้ันตะกอนที่ผุพังมาจากหินเดิมในพื้นท่ีจำพวกดินเคลย์
ทรายแป้ง กรวด และดินมารล์ ชัน้ ท่ี 2 เป็นช้ันหนิ ปูน ช้นั ท่ี 3 เป็นชนั้ หนิ ปูนท่ีมรี อยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มี
น้ำหรือตะกอนดินเข้าไปสะสมตวั ในโพรง ซง่ึ พบว่ามีความสัมพันธ์กับระดับน้ำใต้ดินในพื้นท่ีสำรวจ โดยเฉพาะใน
รูปแบบการกักเก็บในชั้นหินที่มีรอยแตกและรอยเลื่อนหรือโพรงถ้ำใต้ดิน และชั้นที่ 4 เป็นชั้นหินปูนเนื้อแน่น
จากผลการสำรวจลักษณะธรณีวิทยาใต้ดินดังกล่าวพบค่าผิดปกติของแนวรอยแตกหรือแนวรอยเลื่อนสามารถ
เชื่อมโยงลักษณะโครงสร้างทางธรณีวิทยาในพื้นที่ทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ และแนว
ตะวันออกเฉยี งเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้

คำสำคัญ: เทือกเขาวง, สระบ่อดินขาว, การวัดสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 2 มิติ, การวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
แบบไทม์โดเมน

VII

คำขอบคุณ

คณะผู้จัดทำรายงานการสำรวจธรณีฟิสิกส์เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดิน โครงการพัฒนา
แหล่งน้ำพ้ืนทสี่ ระบ่อดนิ ขาว อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ขอขอบคุณ คณุ อนุกูล วงศ์ใหญ่ ผตู้ รวจราชการกรม
ทรัพยากรธรณี คุณนราเมศวร์ ธีระรังสิกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี
คุณสุวภาคย์ อิ่มสมุทร ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีธรณี ท่ีให้ความสนับสนุนในการดำเนินการสำรวจและให้
แนวทางสำหรับการปฏิบัติงานในคร้ังนี้ ขอขอบคุณ คุณอภิชาติ ไพยารมณ์ ผู้อำนวยการส่วนธรณีเทคนิค กอง
เทคโนโลยีธรณี คุณศุภวิชญ์ ยอแสงรัตน์ คุณวชิราชัย ศักดิ์อาภา และคุณวนิดา ระงับพิศม์ ที่ให้คำแนะนำและ
เป็นที่ปรึกษาตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน รวมถึงเจ้าหน้าท่ีสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 (ลำปาง) สำหรับ
ข้อมูลการสำรวจในเบื้องต้น และคุณสวอง พรมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลช่องแค คุณสมเกียรติ คงทิม
นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพรหมนิมิต รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านท่ีให้การสนับสนุนเอื้อเฟื้อตลอดจนอำนวย
ความสะดวกในเรื่องของข้อมลู ต่างๆ และการเขา้ ถงึ พ้นื ที่สำรวจในครั้งนี้

ท้ายที่สุดขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่กองเทคโนโลยีธรณี กรมทรัพยากรธรณีทุกท่านสำหรับ
การอำนวยความสะดวกในการประสานงาน ดำเนนิ การจัดทำเอกสาร และร่วมปฏบิ ัติงานสำรวจอยา่ งเต็มกำลัง
จนทำให้การปฏบิ ัติงานลุล่วงตามวัตถปุ ระสงค์ ขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นไว้ ณ ทน่ี ี้

1

บทท่ี 1
บทนำ

1.1 ความเปน็ มา

การสำรวจธรณีฟิสิกส์เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นท่ี
สระบ่อดินขาวอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินงานภายใต้โครงการให้บริการด้านธรรณีวิทยาและ
ทรัพยากรธรณี ภายใต้กิจกรรมให้บริการและพัฒนาด้านธรณีเทคนิค ซึ่งการดำเนินงานครั้งนี้เพ่ือ
สนับสนนุ โครงการพัฒนาแหล่งนำ้ สระบอ่ ดนิ ขาว ซึง่ โครงการน้เี ป็นโครงการบรู ณาการจากหนว่ ยงานระดับ
กรมจากกระทรวงต่าง ๆ กับหน่วยงานในท้องถิ่น โดยกรมทรัพยากรธรณีรับผิดชอบในการให้ข้อมูลด้าน
ธรณีวิทยา ธรณีวิทยาโครงสร้างพื้นผิว (รอยแตก รอยแยก รอยเลื่อน) และข้อมูลธรณีวิทยาใต้ดินแสดง
ตำแหน่งโพรงถ้ำใต้ดิน บริเวณพื้นที่โครงการ ซึ่งข้อมูลทางธรณีวิทยาพืน้ ผิวและใต้ดินเหล่านีจ้ ะเป็นขอ้ มลู
พนื้ ฐาน เพือ่ สนบั สนุนการพัฒนา หรอื บริหารจดั การแหล่งน้ำในพ้ืนท่ี ใหเ้ ปน็ ไปตามวัตถุประสงค์หลักของ
โครงการ

รายงานฉบับนี้เป็นการดำเนินงานของกองเทคโนโลยีธรณี กรมทรัพยากรธรณี (ตาม
หนงั สือขอความอนเุ คราะห์ที่ ผชช.1/119 ลงวนั ที่ 14 ตุลาคม 2563) ในการสำรวจจดั ทำข้อมูลธรณีวิทยา
ใตผ้ ิวดิน เพือ่ แสดงลกั ษณะธรณีวิทยาและโครงสรา้ งทางธรณีวิทยาใต้ดิน และตำแหน่งพื้นท่ีที่มีโอกาสเกิด
เป็นโพรงถ้ำใต้ดิน โดยดำเนินการสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง 2
มิติ (2D Electrical Resistivity Imaging, ERI) และวิธีวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน (Time
Domain Electromagnetic, TEM) ในพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำสระบ่อดินขาว บริเวณทางด้านทิศ
ตะวนั ตกของเทอื กเขาวง ครอบคลมุ พืน้ ท่ปี ระมาณ 4 ตารางกโิ ลเมตร

1.2 วตั ถุประสงค์

เพ่ือสำรวจจัดทำข้อมูลธรณวี ิทยาใตผ้ ิวดินกำหนดตำแหน่งพ้ืนท่ีที่มีโอกาสเป็นโพรงถ้ำใต้
ดิน ด้วยการสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง 2 มิติ และวิธีวัดคลื่น
แม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน

1.3 ระยะเวลาดำเนินการและเจา้ หน้าท่ีปฏบิ ัติงาน

ดำเนินการสำรวจธรณีฟิสิกส์ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน – 24 พฤศจิกายน 2563

รวมระยะเวลา 16 วัน โดยมเี จา้ หน้าทปี่ ฏิบตั ิงานดงั ตอ่ ไปน้ี

1.นายถนดั สร้อยซา นักธรณีวทิ ยาชำนาญการ

2.นางวันวษิ า น้อมสงู เนนิ นักธรณีวิทยาชำนาญการ

2

3.นายภควตั ศรวี งั พล นกั ธรณีวิทยาชำนาญการ
4.นายภณั ฑรกั ษ์ ชาญณรงค์ นักธรณีวิทยาชำนาญการ
5.นางสาวธัญรัตน์ วินัยพานชิ นกั ธรณวี ิทยาปฏิบตั ิการ
6.นางสาวกุลธิดา เศวตกลุ นกั ธรณีวิทยา
7.นายพัทธพล บึงมุม นกั ธรณีวทิ ยา
8.นางสาวพรชนกิ า วรี ะจิตต์ พนักงานจา้ งเหมา
9.นายมณเฑยี ร แสนรกั พนักงานบรกิ าร
10.นายวรพล รมิ สมุทร พนักงานขบั รถยนต์ ส.2
11.นายชูชีพ สกุลพราหมณ์ พนักงานขบั เคร่อื งจักรกลขนาดกลาง ช.2
12.นายธวชั ชัย ครุฑยกั ษ์ พนักงานจา้ งเหมา (ขบั รถยนต์)

1.4 พน้ื ท่ีสำรวจ

พน้ื ทสี่ ำรวจเป็นบริเวณหุบเขารับน้ำทางด้านทิศตะวนั ตกของเทือกเขาวง ปรากฏในแผน
ที่ภูมิประเทศของกรมแผนที่ทหาร มาตราส่วน 1:50,000 ระบบพิกัด WGS 84 ลำดับชุด L7018 ระวาง
อินทร์บุรี (5039 II) ดังรูปที่ 1.1 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับโครงการ
อนุรักษ์สระเก็บน้ำเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พิกัด 652020E/1671972N มี
ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบระหว่างหุบเขาของเทือกเขาวง เขาช่องลม และเขาสูง ซึ่งเป็นเขาหินปูน
แสดงลกั ษณะธรณีสณั ฐานแบบคาสต์ ดงั รูปท่ี 1.2 และรูปที่ 1.3

3
รูปที่ 1.1 แผนที่ภูมปิ ระเทศ (กรมแผนที่ทหาร, 2540) แสดงตำแหน่งพ้นื ท่ีและแนวสำรวจธรณฟี ิสกิ ส์

4

รูปท่ี 1.2 ลักษณะภูมปิ ระเทศบริเวณพ้ืนทส่ี ำรวจเขาวง (ก) พ้ืนที่ราบระหวา่ งภูเขาบริเวณแนวสำรวจ ERI-1
และ แนวสำรวจ TEM-1 ถ่ายภาพมองไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ และ(ข) การใชป้ ระโยชน์พ้ืนท่ี
บรเิ วณแนวสำรวจ ERI-2 และ แนวสำรวจ TEM-2 ถ่ายภาพมองไปทางทิศตะวันตก

5

รูปที่ 1.3 ลักษณะภูมิประเทศบริเวณแนวสำรวจ ERI-5 และ ERI-7 (ก) แนวสำรวจ ERI-5 บริเวณพื้นที่
โครงการฟื้นฟูสระเก็บน้ำเขาวง ถ่ายภาพมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ(ข) แนว
สำรวจ ERI-7 ทิศทางแนวสำรวจขนานกับแนวทางรถไฟและอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้
ของเทือกเขาวง ถา่ ยภาพมองไปทางทิศตะวันออก

6

บทที่ 2
ธรณีวทิ ยาทั่วไป

พื้นที่ศึกษาตั้งอยู่ในขอบเขตตำบลช่องแคและตำบลพรหมนิมิตร อำเภอตาคลี จังหวัด
นครสวรรค์ ภูมิประเทศและธรณีสัณฐานส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ที่ราบระหว่างเขา และภูมิประเทศ
แบบภูเขา โดยสภาพภูมิประเทศบริเวณพื้นที่ศึกษาถูกควบคุมด้วยลักษณะธรณีวิทยาโครงสร้างจาก
กระบวนการทางเทคโทนิคหรือกระบวนการแปรสัณฐานและกระบวนการสะสมตัวของตะกอนตาม
ลักษณะสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งพบหน่วยหินปรากฏในพื้นท่ีศกึ ษาตั้งแต่อายมุ หายุคพาลีโอโซอิกตอนปลาย
ถึงควอเทอร์นารี

2.1 ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์

สภาพภูมิประเทศของพื้นที่สำรวจบริเวณเทือกเขาวง ประกอบด้วยที่ราบ ที่ราบระหว่าง
ภูเขา และภูมิประเทศภูเขา โดยมียอดเขาสูงตั้งแต่ 100 – 250 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ส่วน
พื้นที่ราบและที่ราบระหว่างหุบเขามีความสูงเฉลี่ย 20 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณพื้นท่ี
ดำเนินงานสำรวจธรณีฟิสิกส์มีลักษณะเป็นที่ราบระหว่างหุบเขาและที่ลาดเชิงเขา มีเทือกเขาสูงชัน
ล้อมรอบแสดงลักษณะภูมสิ ัณฐานแบบคาสต์ (รปู ที่ 2.1) ลักษณะการใชป้ ระโยชน์พน้ื ทสี่ ่วนใหญ่เป็นแปลง
เกษตรกรรม ป่าไม้ และที่อยอู่ าศัย

รูปที่ 2.1 ลักษณะสภาพภูมิประเทศที่ราบและภูเขาบริเวณพื้นที่สำรวจเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี
จังหวัดนครสวรรค์ (ภาพถ่ายมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตำแหน่งพิกัดทางภูมิศาสตร์
650535E/1679223N, UTM WGS1984)

7

ลักษณะและทศิ ทางการไหลของทางน้ำในพื้นท่ีส่วนใหญ่มีทิศทางไหลไปในทิศตะวันตกเฉยี งใต้
ซึ่งสันนิษฐานวา่ เป็นทิศทางการไหลตามแนวโครงสร้างทางธรณีวิทยา ซึ่งในแผนที่ภูมิประเทศของกรมแผนที่
ทหารมาตราส่วน 1:50,000 ระวางอินทรบ์ ุรี (5039 II) และจากการตรวจสอบในภาคสนามพบวา่ บางบริเวณมี
การขาดหายสิ้นสุดหรือทางน้ำหัวตัดในพื้นที่คาดว่าลักษณะที่พบดังกล่าวอาจสอดคล้องกับการเกิดรอยแตก
รอยเล่อื นหรอื โพรงในแนวดง่ิ ที่ทำใหท้ างน้ำไหลลงตามแนวชอ่ งวา่ งดังกลา่ ว

2.2 ธรณีวิทยา

ในบริเวณพื้นที่สำรวจได้มีการดำเนินการศึกษา สำรวจ และวิจัยด้านธรณีวิทยา และ
ธรณีวิทยาแหล่งแร่ในบริเวณนี้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบมาโดยตลอด ทำให้ได้ข้อมูลพื้นฐานที่เป็น
ประโยชน์อย่างยิ่งเพื่อมาประกอบการดำเนินงานสำรวจธรณีฟิสิกส์และแปลความหมายถึงลักษณะ
ธรณวี ิทยาในพืน้ ท่ี

งานสำรวจธรณีวิทยาและธรณีวิทยาแหล่งแร่ พ.ศ. 2524 นายนิกร นครศรี กองธรณีวิทยา
ได้จัดทำรายงานการสำรวจแผนที่ธรณีวิทยาระวาง ND 47-4 ระวางอำเภอบ้านหมี่ พบว่าลักษณะ
ธรณีวิทยาในแผนที่ประกอบด้วยหน่วยหินชุดราชบุรี อายุเพอร์เมียน เป็นหินอายุแก่ที่สุด ลำดับจากน้ัน
เปน็ หินชดุ โคราชและหินซับไม้แดง มอี ายมุ ีโซโซอิก และหนิ อคั นี โดยไดท้ ำการแบ่งอายหุ นว่ ยหินท่ีพบตาม
ความแตกต่างของลักษณะหินและบรรพชวี ิน แหล่งแร่ที่พบปรากฏส่วนใหญ่เป็นแร่ยิปซัม เหล็ก ทองแดง
แมงกานสี และอญั มณี

งานสำรวจของ ไวยพจน์ วรกนก (2536) ดำเนินการแปลความหมายข้อมูลกัมมันตรังสี
ทางอากาศและการติดตามผลภาคพื้นดินในพ้ืนที่ด้านตะวันตกของแผนทีร่ ะวางอำเภอบ้านหม่ี (ND 47-4)
พบวา่ ลกั ษณะขอบเขตค่ากัมมันตรังสสี ัมพันธก์ ับลกั ษณะธรณวี ิทยาอย่างชัดเจนในพ้นื ท่ีศกึ ษาและสามารถ
จำแนกลักษณะธรณีวิทยาออกเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่มีค่ากัมมันตรังสีต่ำเป็นพวกหินยุคเพอร์เมียน หินยุค
จูแรสซกิ หินแอนดีไซต์ และหินบะซอลต์ ส่วนกลมุ่ มคี า่ กัมมันตรังสีสูงเป็นพวกหินไรโอไลต์และหินแกรนิต
รวมถึงสามารถจำแนกพน้ื ทีศ่ ักยภาพแรท่ องคำได้ 2 พ้นื ที่ และแรเ่ หลก็ 3 พนื้ ที่

งานสำรวจจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาพื้นผิวและข้อมูลเชิงตัวเลขมาตราส่วน 1:250,000
ภายใตม้ าตราส่วน 1:50,000 ระวางอำเภอบา้ นหมี่ (ND 47-4) โดยสรุ เชษฐ ปุญปนั และอนุวัชร ตรโี รจนานนท์
(2557) สามารถแบ่งหนว่ ยหินในบริเวณพืน้ ท่ีสำรวจได้ 21 หนว่ ยหนิ ไดแ้ ก่หมวดหินตากฟ้า หมวดหนิ เขาลวก
หมวดหินน้ำดุก หมวดหนิ เขาขวาง หมวดหินหว้ ยหินลาด หมวดหินเขาน้ำหยด หมวดหนิ ซบั ไม้แดง หมวดหิน
ภูกระดึง หมวดหินพระวิหาร หมวดหินเสาขัว หมวดหินภูพาน หมวดหินโคกกรวด หมวดหินน้ำเดือด
หินแกรนิตยุคไทรแอสซิก หินภูเขาไฟ ยุคไทรแอสซิก-เพอร์เมียน หินภูเขาไฟยุคนีโอจีน-ควอเทอร์นารี
ตะกอนเหลอื คา้ งและตะกอนเศษหินเชิงเขา ตะกอนเศษหนิ เชงิ เขา ตะกอนตะพกั ลำน้ำ และตะกอนนำ้ พา

8

งานสำรวจธรณวี ิทยาบริเวณพนื้ ท่เี ขาวง อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ โครงการพฒั นา
แหลง่ นำ้ พื้นทสี่ ระบ่อดนิ ขาวเพื่อสนับสนนุ การบริหารจัดการพน้ื ที่รับนำ้ จากกลุ่มเขาวง โดยกองธรณีวิทยา และ
คณะ (2563) พบว่าลักษณะธรณีวิทยาพื้นที่เขาวง ประกอบด้วยหินปูนทั้งหมด เป็นหินปูนมีกระเปาะหิน
เชิร์ต สีเทาดำ และหินปูนสีเทา สีเทาขาว (มีหินปูนกรวดเหลี่ยมและหินปูนสีแดงปนอยู่บางบริเวณ)
มีการเรียงชั้นดี พบซากดึกดำพรรพ์อยู่ทั่วไป หินปูนมีเนื้อละเอียดและหยาบ พบรอยแตก รอยแยก
มีการผุกร่อนแบบหินคม หินน้ำหนอก (karren) และมีสายแร่แคลไซต์ โพรง โพรงถ้ำ รวมทั้งมีรอยเลื่อน
ตัดผ่านอยู่ทั่วไป โดยพื้นที่ราบจะประกอบด้วยหินตะกอนของหินผุ/ดินผุจากหินปูน (terra rossa) และ
สุสานหนิ ปนู (lapies) โดยมตี ะกอนดนิ เคลย์ ดนิ เคลยป์ นทรายแปง้ กรวด ดินมารล์ ปดิ ทับอยดู่ า้ นบน

จากการสำรวจธรณีวิทยาขั้นรายละเอียดของกองธรณีวิทยา และคณะ (2563)
ไดด้ ำเนินการควบคู่กบั การสำรวจธรณีฟสิ ิกส์ในครง้ั นี้ ดงั นั้นในการอธิบายลักษณะของธรณีของพ้ืนที่ศึกษา
ได้อ้างอิงผลการสำรวจของกองธรณีวิทยา และคณะ ที่ได้ดำเนินการในขั้นรายละเอียดถึงลักษณะ
ธรณีวิทยา และธรณีวิทยาโครงสร้าง ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ จากการสำรวจธรณีวิทยาดังกล่าวได้ลำดบั ชั้นหิน
ในพื้นที่ศึกษา ประกอบด้วยหน่วยหินปูน L1 และหน่วยหินปูน L2 ดังแสดงในรูปที่ 2.5 ซึ่งมีรายละเอียด
หนว่ ยหนิ ทพี่ บดงั นี้

หน่วยหินปูน L1 ประกอบด้วยหินปูนมีกระเปาะหินเชิร์ต สีเทาดำ สีเทา เนื้อละเอียด
ชั้นหินหนาปานกลาง 14-30 เซนติเมตร และชั้นหินหนา 50-75 เซนติเมตร (รูปที่ 2.2) ชั้นหินหนาเพิ่มมาก
ขึ้นด้านบนเข้าหน่วยหินปูน L2 พบซากดึกดำบรรพ์อยู่ทั่วไป จำพวกฟิวซูลินิด และไครนอยด์ เป็นส่วนใหญ่
ปะการัง ฟองน้ำ สาหร่าย แบรคิโอพอด เป็นส่วนน้อย เนื้อหินพบรอยแตก รอยแยก มีสายแร่แคลไซต์
แทรกตัด นอกจากนี้พบโพรง โพรงถ้ำ (สำนักสงฆ์ถ้ำมุนี วัดถ้ำเขาบุญนาค) และมีรอยเลื่อนหลายบริเวณ
หน่วยหินปูน L1 กระจายตัวอยู่ด้านทิศตะวันออกของพ้ืนท่ี บริเวณเขาสูง เขาหนองดุก เขาฝาย เขาขุย
ซ่ึงรองรับหน่วยหนิ ปูน L2 แบบตอ่ เนื่อง มคี วามหนาประมาณ 80-115 เมตร

หนว่ ยหินปูน L2 ประกอบดว้ ยหินปนู สีเทา สีเทาขาว ชน้ั ดี ชนั้ หนาถงึ หนามาก 80-100 เมตร
(รูปที่ 2.3) บางบริเวณเป็นหินปูนมีสีแดง และหินปูนกรวดเหลี่ยมแทรกปน พบซากดึกดำบรรพ์ฟิวซูลินิด
และปะการัง เนื้อหินพบรอยแตก แสดงการผุกร่อนแบบ หินคม หินน้ำหนอก (karren) มีสายแร่แคลไซต์
แทรกตัด โพรง โพรงถ้ำ (ถ้ำโบราณเมืองลับแลเขาวง) และมีรอยเลื่อนตัดผ่านหลายบริเวณ หน่วยหินปนู
L2 กระจายตัวอยู่ด้านทิศตะวันตกของพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ บริเวณเขาวง เขาช่องลม เขาช่องกระจก
เขาชอ่ งแค ปดิ ทบั อยู่บนหน่วยหนิ ปนู L1 แบบต่อเน่ือง มคี วามหนาประมาณ 50-140 เมตร

หน่วยตะกอนในพื้นที่ศึกษา ลักษณะของตะกอนประกอบด้วยเศษตะกอนเชิงเขาและ
ตะกอนที่ราบน้ำท่วมถึง ตะกอนเศษหินเชิงเขา ประกอบด้วยหินผุ/ดินผุจากหินปูน (terra rossa) สุสาน
หินปูน ตะกอนท่ีราบน้ำท่วมถึง ประกอบด้วยดินเคลย์ ดินเคลย์ปนทรายแป้ง ทรายแป้ง กรวด และ
ดนิ มาร์ล (รปู ที่ 2.4)

9

รูปที่ 2.2 ลักษณะหน่วยหินปูน L1 พื้นที่สำรวจเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
(ก) หน่วยหินปูน L1 ลักษณะเนื้อหินสีเทา เนื้อละเอียดมีกระเปาะหินเชิร์ตแทรกกระจายอยู่ในหิน
และ (ข) หน่วยหินปูน L1 ลักษณะเนื้อหนิ สีเทาดำ มีซากดึกดำบรรพ์จำพวกฟิวซูลินิดและปะการงั
ปรากฏในเนอ้ื หนิ จำนวนมาก

รูปที่ 2.3 ลักษณะหน่วยหินปูน L2 พื้นที่สำรวจเขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
(ก) หน่วยหินปูน L2 ลักษณะเน้ือหินสเี ทาขาว เนื้อละเอียดถึงหยาบ แสดงชั้นชั้นหินหนาและโพรง
ในเนื้อหินตามแนวรอยแตกรอยแยกของเนื้อหิน และ (ข) หน่วยหินปูน L2 ลักษณะ เนื้อหินสีเทา
ขาว ปรากฏแนวสายแรแ่ คลไซต์แทรกตัดผา่ นหลายทศิ ทาง

10

รูปที่ 2.4 ลักษณะตะกอนพวกดินเคลย์ ดนิ เคลยป์ นทรายแปง้ และดนิ มารล์ รองรับด้วยหินปนู ชั้นลา่ ง บริเวณ
พืน้ ทีเ่ ขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวดั นครสวรรค์

รูปที่ 2.5 แผนที่ธรณีวิทยาบริเวณพื้นที่เขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ (จาก กอง
ธรณวี ทิ ยา และคณะ, 2563)

11

2.3 ธรณีวทิ ยาโครงสรา้ ง

จากการสำรวจของกองธรณีวิทยา และคณะ (2563) ในพื้นที่ศึกษาพบลักษณะโครงสร้าง
ทางธรณวี ทิ ยา ประกอบดว้ ยการวางตัวของช้ันหิน แนวแตกเรยี บ รอยแตก รอยแยก และรอยเลื่อน

การวางตัวของชั้นหิน หน่วยหินปูน L1 และหน่วยหินปูน L2 มีลักษณะการวางตัว
ชัน้ หนิ เอยี งเทต่อเนื่องกัน (normal position) จากทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
พบว่าการวางตัว (strike) ของชั้นหินอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ทิศทาง 150-160
เอยี งเท (dip direction) ไปทศิ ตะวันตก 40-50 องศา

แนวแตกเรียบ พบเป็นส่วนน้อยในหน่วยหินปูน L2 มีการวางตัวอยู่ในแนวเดียวกับ
โครงสร้างทางธรณวี ิทยาแนวหลักในพน้ื ที่ แนวทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนือ-ตะวนั ตกเฉยี งใต้

รอยแตก รอยแยก พบในหน่วยหินปูน L1 และหน่วยหินปูน L2 มีการวางตัวอยู่ใน
แนวเดียวกับโครงสร้างธรณีวิทยาแนวหลักและแนวรอง มีการวางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-
ตะวันตกเฉียงใต้ เอียงเทไปทิศทางตะวันออกและตะวันตก ส่วนแนวการวางตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-
ตะวันออกเฉยี งใตม้ ีการเอยี งเทไปในทิศทางตะวนั ตก

รอยเลื่อน ลักษณะรอยเลื่อนที่พบเป็นรอยเลื่อนปกติตามแนวโครงสร้างหลักและ
แนวโครงสร้างรอง พบได้ในหน่วยหินปูนทั้ง 2 หน่วย มีสองทิศทาง คือ แนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-
ตะวันออกเฉียงใต้ และแนวทศิ ทางตะวนั ออกเฉยี งเหนอื -ตะวนั ตกเฉยี งใต้ เอยี งเทไปทางทิศตะวันตก

รอยเลื่อนเหลื่อมข้าง พบในหินโผล่ของหน่วยหินปูนทั้งสองหน่วยหิน มีการเคลื่อนตัว
ไปทางซ้ายและทางขวา มีระยะการเลื่อนตัวน้อยกว่า 1 เซนติเมตร มีแนวการเลื่อนตัวในทิศทางตะวันตก
เฉยี งเหนอื -ตะวันออกเฉียงใต้ เลอื่ นตัวในลักษณะทิศทางไปทางทศิ เหนือ เอยี งเทไปทางทิศตะวันออกและ
ตะวันตก

12

บทท่ี 3
การสำรวจธรณีฟสิ ิกส์

การดำเนินการสำรวจธรณฟี ิสกิ ส์ ครอบคลุมพ้นื ทีประมาณ 4 ตารางกโิ ลเมตร ดำเนนิ การ
สำรวจธรณีฟิสิกส์ 2 วิธี ประกอบด้วย วิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาคตัดขวางภาพตัดขวาง 2 มิติ
(2D Electrical Resistivity Imaging, ERI) ทั้งหมด 7 แนวสำรวจ ระยะความยาวแนวสำรวจรวม 2,745
เมตร และ การสำรวจโดยวิธีวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน (Time Domain Electromagnetic,
TEM) ทั้งหมด 2 ระยะความยาวแนวสำรวจรวม 675 เมตร โดยในบทนี้รวมไปถึงสรุปหลักการเบื้องต้น
ของการสำรวจวัดสภาพต้านทานไฟฟ้า การสำรวจวิธีวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน และการ
ดำเนนิ การสำรวจในรายละเอียด

3.1 หลกั การสำรวจเบ้ืองต้น

3.1.1 หลกั การสำรวจวัดคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า

การสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าปัจจุบันมีการสำรวจตั้งแต่ 1 มิติ 2 มิติ และ 3 มิติ
โดยทก่ี ารสำรวจแบบ 1 มิติ เป็นการสำรวจแบบหยั่งลึก (Vertical Electrical Sounding, VES) เพื่อให้ได้
ข้อมูลธรณีวิทยาใต้ผิวดินในแนวดิ่ง ส่วนการสำรวจแบบ 2 มิติ เป็นการสำรวจเพื่อสร้างภาพตัดขวาง
ธรณีวิทยาใต้ผวิ ดนิ (Electrical Profiling) ในแนวดิ่งและแนวนอน การสำรวจแบบ 3 มิติ เป็นการสำรวจ
แบบสร้างสภาพใต้ผิวดินเสมือนเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่มีขนาด กว้าง ยาว และลึก จึงสามารถสร้าง
ภาพตัดขวางไดใ้ นทุก ๆ แนว และสามารถแสดงสภาพการเปลี่ยนแปลงของค่าความต้านทานไฟฟ้าจำเพาะ
ได้ทุกระดับความลึก โดยทั่วไปการสำรวจโดยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าจะมีหลักหรือขั้วไฟฟ้า 4 ขั้ว
ซึ่งประกอบด้วย ขั้วปล่อยกระแสไฟฟ้า (current electrode) 2 ขั้ว และขั้ววัดความต่างศักย์ไฟฟ้า
(potential electrode) 2 ขั้ว วิธีการจัดวางขั้วไฟฟ้าทั้ง 4 หลัก มีหลายวิธี (electrode configuration
หรือ electrode array) การเลือกรูปแบบการสำรวจว่าควรทำการสำรวจแบบ 1 มิติ 2 มิติ หรือ 3 มิติ
และ การเลือกจัดวางรูปแบบขั้วไฟฟ้าขึ้นอยู่กับสภาพธรณีวิทยาใต้ผิวดินและระยะเวลาการสำรวจ
โดยทวั่ ไปการสำรวจในแบบ 1 มติ ิ และ 2 มติ ิ จะเป็นท่ีนยิ มในปัจจุบัน เน่ืองจากสามารถทำไดร้ วดเร็ว แต่
สำหรับการแปลความหมายแล้ว การสำรวจแบบ 2 มิติ แปลความหมายได้ง่ายกว่าการสำรวจแบบ 1 มิติ
ค่อนข้างมากเพราะมีการเก็บข้อมูลที่ทำให้ได้เป็นภาพตัดขวาง สามารถมองเห็นค่าความผิดปกติชัดเจน
และต่อเนอื่ งกว่าการสำรวจแบบ 1 มติ ิ ทเ่ี ปน็ การสำรวจแบบหยงั่ ลึก ไดข้ ้อมลู เปน็ ตวั แทนเพยี งตำแหน่งเดยี ว

13
การสำรวจโดยการวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าจะปล่อยกระแสไฟฟ้าผ่านคู่ขั้วปล่ อย
กระแสไฟฟ้า ลงไป ในชน้ั ดนิ /ช้ันหิน จากนน้ั วดั ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า ด้วยคู่ขว้ั วดั ศักย์ไฟฟ้า (รูปที่ 3.1-รูปท่ี
3.2) เครื่องมอื จะนำค่ากระแสไฟฟ้าที่ปล่อยลงไปคำนวณกับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าท่วี ัดได้ รวมถึงคำนวณ
ค่าคงท่ี (K) จากระยะหา่ งของขว้ั ไฟฟ้าท้งั 4 จะใหผ้ ลเปน็ ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า (ρ, ohm.m) ของแต่ละ
ระดับความลึก ทั้งนี้ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าจะแปรผันตามค่าตัวแปรต่าง ๆ ซึ่งค่าดังกล่าวจะแตกต่างกันมาก
หรือน้อยขึ้นอยู่กับ ชนิดของหิน ความหนาแน่น ความพรุน คุณภาพของน้ำ และอุณหภูมิ ปกติหินหรือแร่
ประกอบหินโดยทั่วๆ ไป เช่น ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ และไมกา จะนำไฟฟ้าได้ไม่ดี ทำหน้าที่เป็นฉนวนไฟฟ้า
(insulator) แต่เนื่องจากหินมีช่องว่างหรือรอยแตก ซึ่งอาจมีน้ำหรือสารละลายอิเล็กโทรไล ต์กักเก็บอยู่
อาจเปน็ เพียงบางส่วนหรืออ่ิมตัวท้ังหมด สารละลายเหลา่ นี้จงึ เป็นตวั กลางทีส่ ามารถนำกระแสไฟฟ้าให้ไหล
ผ่านในตัวหินได้ ส่วนแร่บางชนิดที่เป็นตัวนำไฟฟ้า แสดงว่ากระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านเข้าไปในเนื้อแร่
ได้ดี เช่น กราไฟต์ ไพไรต์ กาลีนา และ แร่ดินเหนียว ซึ่งในธรรมชาติ แร่ดินเหนียวจะพบกระจายตัวมาก
ทีส่ ดุ โดยคุณสมบัตทิ างไฟฟ้าของวตั ถปุ ระเภทตา่ ง ๆ แสดงไวใ้ นรูปท่ี 3.3 และ ตารางท่ี 3.1

รปู ท่ี 3.1 ภาพจำลองหลกั พ้ืนฐานการปล่อยกระแสไฟฟ้าแสดงเส้นสมมติข้ัวกระแสไฟฟา้ (current) และข้ัว
ศกั ย์ไฟฟ้า ( voltage) โดยผา่ นเคร่อื งมือวัดค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า (volt meter) และเครอื่ งวัดค่า
กระแสไฟฟ้า (current meter) (คัดลอกจาก ASTM International, 2018)

14

รูปที่ 3.2 วิธีการจัดวางขั้วไฟฟ้าแบบมาตรฐาน (ก) การจัดวางขั้วรูปแบบเวนเนอร์ (Wenner) (ข) การจัด
วางขั้วรูปแบบชลัมเบอร์เจอร์ (Schlumberger) และ (ค) การจัดวางขั้วรูปแบบไดโพล-ไดโพล
(Dipole-Dipole) (คัดลอกจาก ASTM International, 2018)

รูปท่ี 3.3 คณุ สมบตั ทิ างไฟฟา้ ของวัตถุประเภทต่างๆ (คดั ลอกจาก Palacky, 1998)

15

ตารางท่ี 3.1 คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้ ท่ัวไปของดนิ และหิน (ดดั แปลงจาก เพยี งตา สาตรกั ษ์ , 2550 )

ชนดิ หิน ชือ่ ดิน/หิน คา่ ของสภาพต้านทานไฟฟ้า
หนิ อัคนี (โอห์ม-เมตร)
หนิ แปร แกรนิต (granite) 3 x 102 - 106
หินตะกอน แกรนติ เนอ้ื ดอก (granite porphyry)
4.5 x 103(เปียก) – 1.3 x 106(แห้ง)
อัลไบต์ (albite) 3 x 102(เปยี ก) – 3.3 x 103(แหง้ )
ไซยไี นต์ (syenite)
ไดออไรต์ (diorite) 102 - 106
ไดออไรต์เน้ือดอก (diorite porphyry) 104 - 105
ควอตซไ์ ดออไรต์ (quartz diorite) 1.9 x 103(เปียก) – 2.8 x 104(แห้ง)
แอนดไี ซต์ (andesite) 2 x 104(เปยี ก) – 10.8 x 105(แห้ง)
แกบโบร (gabbro) 4.5 x 104(เปียก) – 1.7 x 102(แห้ง)
บะซอลต์ (basalt) 103 - 106
เพรโิ ดไทต์ (peridotite) 10 – 1.3 x 107(แหง้ )
3 x 103(เปยี ก) – 6.5 x 103(แหง้ )
ฮอรน์ เฟลส์ (hornfels)
ชีสต์ (schists) 8 x 103(เปยี ก) – 6 x 107(แห้ง)
ชนวน (slate) 20 x 104
ไนส์ (gneiss)
6 x 102 – 4 x 107
หนิ ออ่ น (marble) 6.8 x 104(เปยี ก) – 3 x 106(แหง้ )
ควอร์ตไซต์ (quartzite)
102 – 2.5 x 108(แห้ง)
หินดินดาน (shale) 10 – 2 x 108
หนิ กรวดมน (conglomerate)
20 – 2 x 103
หินทราย (sandstone) 10 – 8 x 102
หนิ ปูน (limestone) 1 – 6.4 x 108
หินโดโลไมต์ (dolomite)
ตะกอนที่ยังไมแ่ ข็งตัว 50 - 107
ดนิ เหนยี ว (clays) 3.5 x 102 – 5 x 103
ทรายแม่น้ำ (alluvium sands)
ดนิ ทรายปนดินเหนยี วมนี ำ้ เค็มแทรกแอ่งสกลนคร 20 – 200 ??
1 - 100
10 - 800
1.3 – 7.8

16

3.1.2 หลักการสำรวจวธิ วี ัดคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ แบบไทมโ์ ดเมน

การสำรวจวัดคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า ใช้หลักการสร้างกระแสไฟฟ้าใหไ้ หลผา่ นวงรอบสายไฟ
สง่ สญั ญาณท่ีวางเป็นลักษณะส่เี หล่ียมจัตรุ ัส (transmitter loop) ซง่ึ จะเหน่ียวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กปฐมภูมิ
(primary magnetic field) และก่อให้เกิดสนามไฟฟ้าขึ้นในทิศทางตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก โดยการ
เหนี่ยวนำนี้จะก่อให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าขึ้นในชั้นดินชั้นหินซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้า และทำให้เกิด
กระแสไฟฟ้าสลับไหลวน (eddy current) ไปในตัวกลางนั้นแบบต่อเนื่อง กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นนี้จะ
เหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กทุติยภูมิ (secondary magnetic field) เกิดขึ้นในทิศทางตั้งฉากกับทิศ
กระแสไฟฟ้าสลับวน และสามารถตรวจวัดด้วยขดลวดรับสัญญาณ (receiver coil) บนผิวดิน
(รูปที่ 3.4)

ขดลวดรับสัญญาณจะทำหน้าที่รับสัญญาณจากทั้งสนามแม่เหล็กแบบปฐมภูมิขณะที่มี
กระแสไหลวนในวงรอบสายไฟ และเมื่อปิดกระแสไฟ ขดลวดรับสัญญาณจะรับสัญญาณสนามแม่เหล็ก
ทุติยภูมิ (secondary magnetic field) ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเคลื่อนที่ลึกลงไปใต้ดิน
แบบ smoke ring effect โดยแบ่งการอ่านค่าการลดทอนเป็น 20 ช่วงเวลา โดยช่วงต้น ค่าที่วัดได้ส่วนใหญ่
เป็นสัญญาณรบกวนบนผิวดินที่เกิดจากวัตถุเหนี่ยวนำไฟฟ้า และสายไฟฟ้า เป็นต้น ในช่วงกลางถึงปลาย
ค่าที่วัดได้จะสะท้อนลักษณะทางธรณีวิทยาใต้ดินได้ชัดเจนกว่า เพราะสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจาก
smoke ring อยู่ในระดับลกึ ท้ังนี้ความเรว็ การเคล่ือนท่ีของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและความลึกที่สามารถวัด
ได้จะขึ้นอยู่กับค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าของลักษณะธรณีวิทยาใต้ดิน และขนาดของวงรอบสายไฟ และ
ขนาดกระแสไฟฟา้

การเหนี่ยวนำให้เกิดการไหลของกระแสเป็นผลจากส่วนประกอบสนามแม่เหล็กของ
สนามแม่เหล็กไฟฟ้า จึงไม่มีความจำเป็นที่ขดลวดส่งสัญญาณและขดลวดรับสัญญาณจะต้องสัมผัสพ้ืน
โดยตรง การสำรวจวัดคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน ภาคพื้นดินจึงทำไดอ้ ย่างรวดเร็วกว่าการสำรวจ
ด้านไฟฟา้ อ่นื ๆ

รูปแบบการสำรวจวัดคา่ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าท่ีใช้สำรวจจะแบ่งตามลักษณะการตรวจวัด
สญั ญาณ คอื ใชร้ ะบบการวดั แบบไทม์โดเมน

ระบบการวดั แบบไทม์โดเมน คอื ระบบท่ีสง่ กระแสไฟฟา้ ไปที่ตัวสง่ สัญญาณ เปน็ จังหวะๆ
ในระยะเวลาสน้ั ๆทีเ่ ท่ากัน สัญญาณที่ส่งไปจะไมเ่ ต็มช่วงคล่ืน มีหลายรูปแบบ เช่น เปน็ รปู ฟนั เล่ือย เปน็ รปู
ส่ีเหลย่ี ม หรือเป็นรปู ครึ่งหน่ึง (ทางบวก) ของ sine wave (รูปที่ 3.5) ทีเ่ รียกวา่ half sinusoidal waveform
และวัดสัญญาณที่ขดลวดรับสัญญาณ ในเวลาเปน็ ช่วงๆที่เท่ากันในขณะที่หยุดส่งกระแสไฟฟ้า โดยค่าที่วัด
ได้จะเป็นค่าการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กในหนึ่งช่วงเวลาสั้นๆหรือ dB/dt หน่วยเป็นนาโนโวลต์ต่อ
ตารางเมตร (nV/m2)

17

รูปที่ 3.4 รูปแบบการเหนี่ยวนำคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวกลาง (คัดลอกจาก Hickey C. J., et al.,
2015)

รูปที่ 3.5 ลักษณะเฉพาะของคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน (คัดลอกจาก ASTM International,
2018 อา้ งถงึ McNeill J. D., 1990)

18

3.2 การดำเนินการสำรวจ

3.2.1 การดำเนนิ การสำรวจวัดคา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้

การสำรวจโดยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาคตัดขวาง ด้วยชุดเครื่องมือ AGI
SuperStingTM R8/IP Wi-Fi ซึ่งได้มีการวางแนวสำรวจทั้งหมด 7 แนวสำรวจ โดยมีการวางแนวสำรวจใน
บริเวณที่ราบเชิงเขาตรงข้ามทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนีจำนวน 1 แนวสำรวจ บริเวณพื้นที่โดยรอบสำนักสงฆ์
ถ้ำมนุ ีจำนวน 3 แนวสำรวจ บรเิ วณฝายชะลอน้ำ เขาวง จำนวน 2 แนวสำรวจ และบรเิ วณริมทางรถไฟช่องแค
จำนวน 1 แนวสำรวจ (รูปที่ 3.7) ระยะความยาวแนวสำรวจรวม 2,745 เมตร โดยมรี ายละเอียดดังน้ี

แนวสำรวจ ERI-1 อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาตรงข้ามกับทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี วางตัว
ในแนวตะวันออก - ตะวันตก ระยะห่างระหว่างขั้วสำรวจ 8 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 416 เมตร
ใชว้ ิธกี ารวางขว้ั แบบไดโพล - ไดโพล โดยไดข้ ้อมูลระดับลกึ จากผิวดนิ จนถึง 100 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-2 อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาตรงทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี วางตัวในแนว
ตะวันออก - ตะวันตก ระยะห่างระหว่างขั้วสำรวจ 5 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 345 เมตร ใช้วิธีการวางข้ัว
แบบไดโพล - ไดโพล โดยไดข้ ้อมูลระดบั ลกึ จากผิวดินจนถงึ 65 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-3 อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาตรงทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี วางตัวในแนว
ตะวันออก - ตะวันตก ระยะห่างระหว่างขั้วสำรวจ 8 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 440 เมตร ใช้วิธีการวางขว้ั
แบบไดโพล - ไดโพล โดยได้ข้อมลู ระดับลึกจากผวิ ดนิ จนถงึ 105 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-4 อยู่บริเวณด้านหลังสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี วางตัวในแนวตะวันออก -
ตะวันตก ระยะห่างระหว่างขัว้ สำรวจ 5 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 275 เมตร ใช้วิธีการวางขั้วแบบไดโพล -
ไดโพล โดยได้ขอ้ มลู ระดับลกึ จากผวิ ดนิ จนถงึ 65 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-5 อยู่บริเวณที่ฝายชะลอน้ำเขาวง วางตัวในแนวตะวันออก - ตะวันตก
ระยะห่างระหว่างขั้วสำรวจ 3 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 165 เมตร ใชว้ ิธีการวางขว้ั แบบไดโพล - ไดโพล
โดยได้ข้อมลู ระดบั ลกึ จากผิวดนิ จนถงึ 39.2 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-6 อยู่บริเวณที่ฝายชะลอน้ำเขาวง วางตัวในแนวเหนือ - ใต้ ระยะห่าง
ระหว่างขั้วสำรวจ 8 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 440 เมตร ใช้วิธีการวางขั้วแบบไดโพล - ไดโพล โดยได้
ข้อมูลระดบั ลึกจากผิวดนิ จนถงึ 105 เมตรโดยประมาณ

แนวสำรวจ ERI-7 อยบู่ รเิ วณทร่ี มิ ทางรถไฟช่องแค วางตวั ในแนวตะวนั ออกเฉยี งเหนือ -
ตะวันตกเฉียงใต้ ระยะห่างระหว่างขั้วสำรวจ 8 เมตร ความยาวแนวสำรวจ 664 เมตร ใช้วิธีการวางขั้ว
แบบไดโพล - ไดโพล โดยได้ข้อมลู ระดบั ลกึ จากผวิ ดนิ จนถึง 105 เมตรโดยประมาณ

19

รูปที่ 3.6 วิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวางแบบ 2 มิติ โดยใช้ multi electrodes (Loke,
2010)

3.2.2 การดำเนินการสำรวจวดั คล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน

การสำรวจโดยวิธีวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน มีการดำเนินการเก็บข้อมูล
ด้วย เครื่อง PROTEM ของบริษัท Geonics Limited มีการวางสำรวจทั้งหมด 2 แนวสำรวจ (รูปที่ 3.7)
ระยะความยาวแนวสำรวจรวม 675 เมตร โดยมีรายละเอยี ดดงั น้ี

แนวสำรวจ TEM-1 อยู่บริเวณท่ีราบเชิงเขาตรงข้ามกับทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี
แนวสำรวจ ตะวันออก - ตะวันตก โดยวาง Loop ขนาด 50x50 ตารางเมตร อ่านค่าทุก 25 เมตร ได้ระยะความ
ยาวแนวสำรวจ 425 เมตร

แนวสำรวจ TEM-2 อยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาตรงทางเข้าสำนักสงฆ์ถ้ำมุนี
แนวสำรวจ ตะวันออก - ตะวันตก โดยวาง Loop ขนาด 50x50 ตารางเมตร อา่ นค่าทุก 25 เมตร ไดร้ ะยะ
ความยาวแนวสำรวจ 250 เมตร

20
รปู ที่ 3.7 แผนทแ่ี สดงตำแหนง่ พนื้ ทีส่ ำรวจธรณีฟิสกิ ส์ และแนวสำรวจธรณฟี ิสกิ ส์

21 1 เคร่อื ง
1 ชดุ
3.3 เครื่องมอื การสำรวจ 4 เส้น
56 แทง่
3.3.1 เคร่ืองมือการสำรวจวัดค่าสภาพตา้ นทานไฟฟ้า 1 ลูก
4 อนั
เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการสำรวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า ประกอบด้วย 2 ม้วน
1. เครอื่ งวัดคา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ รุ่น SuperStingTM R8 Wi-Fi 56 เส้น
2. กล่อง switch box และ transfer cable
3. สายเคเบลิ้ แบบ multi-electrode 14 ชอ่ งสัญญาณ
4. แท่งสแตนเลสความยาว 60 เซนตเิ มตร
5. แบตเตอรี่ 12 V
6. คอ้ น
7. ตลบั เมตร
8. ยางรดั

รปู ที่ 3.8 เครือ่ งมือสำรวจวดั ค่าสภาพตา้ นทานไฟฟา้

22

3.3.2 เครอ่ื งมือการสำรวจวัดคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน

เครอื่ งมอื การสำรวจวดั คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน ประกอบด้วยอปุ กรณ์ดังน้ี
1. เครอื่ งสง่ สัญญาณคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า ทำหนา้ ทค่ี วบคุมการปลอ่ ยกระแสไฟฟ้า
2. อุปกรณ์เครื่องตรวจรับสัญญาณสนามแม่เหล็ก ทำหน้าที่ควบคุมการส่งและรับสญั ญาณคล่ืน

แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
3. ขดลวดรบั สัญญาณ ทำหนา้ ท่ตี รวจวัดคา่ สนามแม่เหลก็ ไฟฟา้
4. สายไฟปล่อยกระแส วางเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านละ 50 เมตร เชื่อมต่อด้วยสายไฟฟ้า ทำ

หนา้ ที่ใหก้ ำเนิดสนามแม่เหลก็ ไฟฟ้าปฐมภมู ิ

รูปท่ี 3.9 เครื่องมอื การสำรวจวดั คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน

3.4 การประมวลผล
3.4.1 การประมวลผลข้อมลู การสำรวจวดั คา่ สภาพต้านทานไฟฟา้

ข้อมูลการสำรวจของแต่ละแนวสำรวจจะถูกเก็บไว้ในเครื่อง (SuperStingTM R8 Wi-Fi)
สามารถนำเข้าข้อมูล โดยใช้โปรแกรม AGISSAdminTM แล้วนำมาเข้าโปรแกรมประมวลผล
EarthImager2DTM เพื่อสร้างแบบจำลองคุณสมบัติทางไฟฟ้า ของชั้นดิน/หิน ให้สอดคล้องกับสภาพทาง
ธรณีวิทยาในพื้นที่ โดยในเบื้องต้นจะพิจารณาจากค่าความผิดพลาด (RMS error) ที่คำนวณได้จากการ
ประมวลผลเป็นหลัก ซงึ่ แบบจำลองดังกลา่ วจะนำเสนอในรปู แบบของภาพตัดขวางเสมือนทางไฟฟ้า 2 มติ ิ

23

3.4.2 การประมวลผลข้อมูลการสำรวจวดั คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทมโ์ ดเมน

ข้อมูลการสำรวจวัดคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าจากขดลวดรับสัญญาณแตล่ ะจุดสำรวจคือค่าการ
เปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กต่อหนึ่งช่วงเวลาสั้นๆ หรือ dB/dt มีหน่วยเป็นมิลลิโวลต์ (mV) โดยข้อมูล
ดงั กล่าวนำมาประมวลผลในโปรแกรม Protix64TM โดยการนอมอลไลซ์ (normalized) กบั พ้นื ที่ขดลวดรับ
สัญญาณเป็นค่าการเปลีย่ นแปลงศักย์ไฟฟ้าต่อพน้ื ท่ี มีหน่วยเปน็ นาโนโวลต์ตอ่ ตารางเมตร (nV/m2) และ
เฉลี่ยค่าความเข้มสัญญาณโดยวิธี vertical stacking จากหลายชุดข้อมูลการวัดในหน่ึงจุดสำรวจ จากน้ัน
นำผลการประมวลผลในแต่ละจุดสำรวจมาคำนวณกลับ (inversion) เป็นค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบ 1
มิติ และนำผลการประมวลผลเบื้องต้นเข้าสู่โปรแกรม MAXWELLTM เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลแต่ละจุดสำรวจ
เปน็ แนวสำรวจ แสดงเป็นโปรไฟลข์ องการเปลย่ี นแปลงขนาดศกั ยไ์ ฟฟ้าตอ่ พ้นื ที่

บทท่ี 4
ผลการสำรวจ

การดำเนินการสำรวจธรณีฟิสิกส์ เพื่อจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาที่แสดงโครงสร้างทาง
ธรณีวิทยาใต้ผิวดิน บริเวณที่สันนิษฐานว่าจะเป็นตำแหน่งแนวรอยแตกหรือแนวรอยเลื่อน รวมถึงบริเวณ
ที่คาดว่าจะเป็นโพรงถ้ำใต้ดิน โดยเน้นไปที่แนวหุบเขารับน้ำทางทิศตะวันตกของเทือกเขาวง ตำบลช่องแค
อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยใช้วิธีการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ ประกอบด้วย การสำรวจวัด
ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง 2 มิติ จำนวน 7 แนวสำรวจ รวมทั้งสิ้น 2,745 เมตร และการ
สำรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน จำนวน 2 แนวสำรวจ รวมทั้งสิ้น 675 เมตร โดยมีรายละเอียด
ของผลการสำรวจและการแปลความหมาย ดังนี้

4.1 ผลการสำรวจ

4.1.1 ผลการสำรวจวดั คา่ สภาพตา้ นทานไฟฟา้ แบบ 2 มติ ิ

การสำรวจวดั ค่าสภาพตา้ นทานไฟฟ้าแบบภาพตดั ขวาง 2 มิติ จำนวน 7 แนวสำรวจ รวม
ทั้งสิ้น 2,745 เมตร ประกอบด้วยแนวสำรวจ ERI-1 ERI-2 ERI-3 ERI-4 ERI-5 ERI-6 และ ERI-7 โดยใช้
วิธกี ารวางขั้วแบบไดโพล – ไดโพล ผลการสำรวจสรปุ ได้ดังตารางที่ 4.1

ตารางที่ 4.1 ตารางสรปุ ผลการสำรวจวัดคา่ สภาพต้านทานไฟฟา้ แบบภาคตดั ขวาง 2 มิติ

แนวสำรวจ ทิศทางความ ความลึก จำนวน ผลการแปลความหมาย

ยาว/ระยะหา่ ง (เมตร) ช้นั ช้ันท/่ี ความลีก(เมตร) /ค่าสภาพตา้ นทานไฟฟา้ (โอหม์

(เมตร) เมตร)/ผลการแปลควาหมาย

ERI-1 E-W 412/8 100 4 1. < 10 ม. 100 โอห์ม-เมตร ตะกอนผพุ งั

2. 10-20 ม. 200-2000 โอห์ม-เมตร หินปูน

3. 20-35 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปนู มรี อยแตก/

โพรงหนิ ปูน

4. > 35 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หินปูน

ERI-2 E-W 345/5 65 4 1. < 8 ม. < 100 โอห์ม-เมตร ตะกอนผพุ งั

2. 8-25 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หินปนู

3. 25-35 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หินปูนมีรอยแตก/

โพรงหนิ ปนู

4. > 35 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หนิ ปูน

25

ERI-3 E-W 440/8 105 4 1. < 13 ม. <100 โอหม์ -เมตร ตะกอนผพุ ัง

2. 13-25 ม. 200-2000 โอห์ม-เมตร หนิ ปนู

3. 25-50 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปนู มีรอยแตก/

โพรงหินปนู

4. > 50 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หนิ ปูน

ERI-4 E-W 275/5 65 4 1. < 8 ม. <100 โอหม์ -เมตร ตะกอนผุพัง

2. 8-16 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หนิ ปูน

3. 16-40 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปูนมรี อยแตก/

โพรงหินปนู

4. > 35 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร หินปนู มรี อย

แตก/โพรงหนิ ปนู

ERI-5 E-W 165/5 40 3 1. < 5 ม. <100 โอหม์ -เมตร ตะกอนผพุ งั

2. 5-10 ม. 200-2000 โอห์ม-เมตร หินปนู

3. 10-25 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปูนมีรอยแตก/

โพรงหินปนู

ERI-6 N-S 440/8 105 3 1. < 25 ม. 200-2000 โอหม์ -เมตร ตะกอนผุพัง

2. >25 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปนู

3. 25-105 ม. 200-200 โอห์ม-เมตร หินปนู มีรอย

แตก/โพรงหินปนู

ERI-7 NE-SW 105 2 1. < 50 ม. <100 โอห์ม-เมตร ตะกอนผุพงั

664/8 2. >50 ม. 10-200 โอห์ม-เมตร หินปนู

3. 50-105 ม. 200-200 โอห์ม-เมตร หนิ ปูนมีรอย

แตก/โพรงหินปูน

แนวสำรวจ ERI-1
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.1) ได้ข้อมูลจาก
ผิวดินถึงความลึกประมาณ 100 เมตร จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า สามารถแบ่ง
ชัน้ ดินชน้ั หนิ ไดเ้ ปน็ 4 ชน้ั จากดา้ นบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นท่ี 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกวา่ 100 โอห์ม-เมตร
ความหนาเฉลี่ย 10 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นดินหรือชั้นตะกอนที่ผุพังจากหินในพื้นที่ ชั้นที่ 2
มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 200-2000 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึก 10-20 เมตร แปลความหมายเป็น
ชั้นหินปูน ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึก 20-35 เมตร
แปลความหมายเป็นชั้นหินปูนที่มีรอยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มีน้ำหรือตะกอนดินเข้าไปสะสมตัวในโพรง
ซ่งึ คาดวา่ เปน็ ชัน้ ทม่ี ีความสัมพันธ์กบั ระดับน้ำใต้ดิน ซ่ึงสอดคลอ้ งจากผลเทียบเคยี งระดบั น้ำบาดาลจากหลุมเจาะ

26

ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลบริเวณพื้นที่สำนักสงฆ์ถ้ำมุนี จึงทำให้ชั้นหินปูนในชั้นนี้แสดงค่าสภาพต้านทาน
ไฟฟ้าต่ำ ช้ันท่ี 4 มคี า่ สภาพต้านทานไฟฟา้ 200-2000 โอห์ม-เมตร พบท่ีระดับความลึก 35 เมตรโดยประมาณ
แปลความหมายเป็นชั้นหินปูน จากผลการสำรวจพบลักษณะความไม่ต่อเนื่องของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
บรเิ วณตอนกลางของแนวสำรวจ จงึ แปลความหมายว่าเป็นบรเิ วณที่มีรอยแตก

รปู ท่ี 4.1 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-1
แนวสำรวจ ERI-2
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.2) ได้ข้อมูลจาก

ผวิ ดินถงึ ความลึก 65 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพตา้ นทานไฟฟ้า สามารถ
แบ่งชั้นดินชั้นหินได้เป็น 4 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่า 100
โอหม์ -เมตร ความหนาเฉลี่ย 8 เมตร แปลความหมายเป็นช้ันดนิ หรือช้ันตะกอนที่ผุพังจากหนิ ในพื้นที่ ชนั้ ท่ี
2 มคี า่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้า 200-2000 โอหม์ -เมตร พบท่ีระดบั ความลึก 8-25 เมตร แปลความหมายเป็น
ชั้นหินปูน ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลกึ 25-35 เมตร แปล
ความหมายเปน็ ชนั้ หินปูนที่มรี อยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มีน้ำหรือตะกอนดินเข้าไปสะสมตัวในโพรง ซ่ึง
คาดว่าเป็นชั้นที่มีความสัมพันธ์กับระดับน้ำใต้ดิน ชั้นที่ 4 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 200-2000 โอห์ม-
เมตร พบที่ระดับความลึก 35 เมตรโดยประมาณ แปลความหมายเป็นชั้นหินปูน จากผลการสำรวจพบวา่
แนวสำรวจน้ี มีแนวรอยแตกหรือแนวรอยเลื่อนหลายทิศทาง รวมถึงมคี วามไมต่ ่อเน่ืองของช้ันหินปูนระดับ
ลกึ อยา่ งชัดเจน

รปู ที่ 4.2 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพต้านทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-2

27

แนวสำรวจ ERI-3
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.3) ได้ข้อมูลจาก
ผิวดินถึงความลึก 105 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
สามารถแบ่งชั้นดินชั้นหินได้เป็น 4 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่า
100 โอห์ม-เมตร ความหนาเฉลี่ย 13 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นดินหรือชั้นตะกอนที่ผุพังจาก
หินในพื้นท่ี ชั้นที่ 2 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 200-2000 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึก 13-25 เมตร
แปลความหมายเป็นชั้นหินปูน ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร พบบริเวณ
ด้านตะวันตกถึงบริเวณตอนกลางของแนวสำรวจที่ระดับความลึก 25-50 เมตร แปลความหมายเป็น
ชั้นหินปนู ที่มีรอยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มีน้ำหรือตะกอนดนิ เขา้ ไปสะสมตวั ในโพรง ซึ่งคาดว่าเป็นช้ันที่
มีความสัมพันธ์กับระดับน้ำใต้ดิน ชั้นที่ 4 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 200-2000 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับ
ความลึก 50 เมตรโดยประมาณ แปลความหมายเป็นช้นั หนิ ปูน พบลกั ษณะความไมต่ ่อเน่ืองของชั้นหินปูน
จงึ แปลความหมายวา่ เป็นแนวรอยแตกบริเวณด้านตะวนั ตกและตอนกลางของแนวสำรวจ

รปู ที่ 4.3 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-3

แนวสำรวจ ERI-4
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.4) ได้ข้อมูลจากผิวดิน
ถึงความลึก 65 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า สามารถแบ่งช้ัน
ดินชั้นหินได้เป็น 4 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่า 100 โอห์ม-เมตร
ความหนาเฉลี่ย 8 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นดินหรือชั้นตะกอนที่ผุพังจากหินในพื้นที่ ชั้นที่ 2 มีค่า
สภาพตา้ นทานไฟฟ้า 200-2000 โอหม์ -เมตร พบทีร่ ะดับความลึก 8-16 เมตร แปลความหมายเป็นช้ันหินปูน
ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึก 16 เมตรจากผิวดิน โดยบริเวณ
ด้านตะวันตกเฉียงเหนือถึงตอนกลางของแนวสำรวจพบเป็นชั้นหนาประมาณ 20 เมตร ในขณะที่บริเวณด้าน
ตะวันออกเฉียงใต้ของแนวสำรวจพบเป็นชั้นความหนามากกว่า 40 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นหินปูนที่มี
รอยแตกมากหรือโพรงหินปูนทม่ี ีน้ำหรือตะกอนดนิ เข้าไปสะสมตัวในโพรง ซึ่งคาดว่าเป็นช้ันที่มีความสัมพันธ์
กับระดับนำ้ ใตด้ ิน ชัน้ ท่ี 4 มีค่าสภาพตา้ นทานไฟฟ้า 200-2000 โอหม์ -เมตร พบบรเิ วณดา้ นตะวันตกเฉียงเหนือ
ถึงตอนกลางของแนวสำรวจที่ระดับความลึก 35 เมตรโดยประมาณ แปลความหมายเป็นชั้นหินปูน ส่วน
ทางดา้ นทิศตะวันออกเฉียงใต้ไม่พบหินปูนในชั้นท่ี 4 นี้ เนื่องจากหนิ ปูนชั้นนี้อาจอยู่ท่ีระดับความลึกมากกว่า
65 เมตร ตามลักษณะของคาสต์ (karst feature) ท่ีมีลักษณะความหนาและระดับความลึกที่ไม่แน่นอน พบ
แนวรอยแตกบริเวณตอนกลางของแนวสำรวจจงึ ทำใหห้ ินปูนบรเิ วณดังกล่าวละลายและเกิดเปน็ โพรงได้ง่าย

28

รูปที่ 4.4 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-4
แนวสำรวจ ERI-5
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.5) ได้ข้อมูลจากผิวดิน

ถึงความลึก 40 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า สามารถแบ่งช้ัน
ดินชั้นหินได้เป็น 3 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่า 100 โอห์ม-เมตร
ความหนาเฉลี่ย 5 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นดินหรือชั้นตะกอนที่ผุพังจากหินในพื้นท่ี ชั้นที่ 2
มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 200-2000 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึก 5 เมตร โดยพบเป็นชั้นบางทาง
ตะวันตกเฉียงใต้ของแนวสำรวจและมีความหนาเพิ่มมากขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของแนวสำรวจ
แปลความหมายเป็นชั้นหินปูน ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร โดยทางด้านตะวันตก
เฉียงใต้ พบที่ระดับความลึก 10 เมตรจากผิวดิน และพบที่ระดับลึกมากขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ
แนวสำรวจ ความลึก 25 เมตรจากผิวดิน แปลความหมายเป็นชั้นหินปูนที่มีรอยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มี
นำ้ หรอื ตะกอนดินเข้าไปสะสมตวั ในโพรง ซงึ่ คาดว่าเปน็ ชั้นท่มี ีความสมั พันธ์กับระดับนำ้ ใต้ดิน โดยแนวสำรวจ
นี้ยังไม่พบหินปูนชั้นที่ 4 เมื่อเทียบกับแนวสำรวจ ERI-4 คาดว่าหินปูนชั้นที่ 4 อยู่ลึกลงไปมากกว่า 40 เมตร
จากผวิ ดิน

รปู ที่ 4.5 ผลการสำรวจและแปลความหมายคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้าแนวสำรวจ ERI-5
แนวสำรวจ ERI-6
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.6) ได้ข้อมูลจาก

ผิวดินถึงความลึก 105 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
สามารถแบ่งชั้นดินชั้นหินได้เป็น 3 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
200-2000 โอหม์ -เมตร พบท่ีระดบั ความลึกจากผวิ ดินถึง 25 เมตร แปลความหมายเป็นช้ันหนิ ปนู ช้ันที่ 2
มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร พบบริเวณทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ของแนวสำรวจ โดยมี
ความหนาและระดับความลึกที่ไม่แน่นอนแสดงลักษณะของคาสต์ แปลความหมายเป็นชน้ั หินปูนท่ีมีรอยแตก
มากหรือโพรงหินปูนที่มีน้ำหรือตะกอนดินเข้าไปสะสมตัวในโพรง ชั้นที่ 3 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า

29

200-2000 โอห์ม-เมตร พบที่ระดับความลึกแตกต่างกัน โดยทางตอนใต้ของแนวสำรวจ พบที่ระดับต้ืน
ประมาณ 25 เมตรจากผิวดิน แปลความหมายเป็นชัน้ หินปนู จากผลการสำรวจพบว่าแนวสำรวจน้ี มีแนว
รอยแตกหรอื แนวรอยเลื่อนหลายทศิ ทาง รวมถงึ มีความไมต่ อ่ เนือ่ งของชนั้ หนิ ปนู ระดบั ลึกอย่างชัดเจน

รปู ท่ี 4.6 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพตา้ นทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-6
แนวสำรวจ ERI-7
ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าแบบภาพตัดขวาง (รูปที่ 4.7) ได้ข้อมูล

จากผิวดินถึงความลึก 105 เมตรโดยประมาณ จากผลการแปลความหมายของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
สามารถแบ่งชั้นดินชั้นหินได้เป็น 2 ชั้น จากด้านบนลงล่าง ดังนี้ ชั้นที่ 1 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่า
100 โอห์ม-เมตร พบเป็นชั้นหนาโดยมีความหนาเฉลี่ย 50 เมตร แปลความหมายเป็นชั้นดินเหนียวหรือ
ชั้นตะกอนที่ผุพังจากหนิ ในพ้ืนท่ี ชั้นที่ 2 มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า 10-200 โอห์ม-เมตร แปลความหมาย
เป็นชั้นหินปูนที่มีรอยแตกมาก พบที่ระดับความลึกมากกว่า 50 เมตรจากผิวดิน โดยทางตะวันตกเฉียงเหนือ
พบลักษณะความไม่ต่อเนื่องของค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าซึ่งแปลผลว่าเป็นรอยแตก จึงทำให้หินบริเวณ
ดังกล่าวง่ายต่อการผุพังหรือมีความชื้นสูงกว่าจึงส่งผลให้ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำกว่าทางด้าน
ตะวนั ออกเฉียงใต้ของแนวสำรวจ

รูปที่ 4.7 ผลการสำรวจและแปลความหมายค่าสภาพต้านทานไฟฟา้ แนวสำรวจ ERI-7

4.1.2 ผลการสำรวจวดั คลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมน

ผลการสำรวจและประมวลผลจะแสดงในรูปของโปรไฟล์ค่าสภาพต้านทานไฟฟา้ ในแต่ละ
จุดสำรวจในแต่ละแนวสำรวจ ดงั นี้

แนวสำรวจ TEM-1
ผลการสำรวจวัดคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทมโ์ ดเมนแสดงคา่ โปรไฟล์ของคา่ สภาพตา้ นทานไฟฟ้า
(รูปที่ 4.8) ได้ข้อมูลจากผิวดินถึงความลึกประมาณ 350 เมตร ข้อมูลสภาพต้านทานไฟฟ้าจากคำนวณ

30

จากค่าการเปลี่ยนแปลงศักย์ไฟฟ้าต่อพื้นที่ในแต่ละจุดสำรวจมีความสอดคล้องกัน สามารถแปล
ความหมายทางธรณีวทิ ยาได้ 2 ชัน้ ทีแ่ ตกต่างกันชัดเจนคือ ช้นั บนเปน็ หินปูน มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าอยู่
ในช่วง 800-2000 โอห์ม-เมตร ตั้งแต่ระดับตื้นใต้ผิวดินจนถึงความลึกประมาณ 200-300 เมตร ในชั้นนี้
ปรากฎบริเวณที่มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำ อยู่ในช่วง 30-100 โอห์ม-เมตร หนาประมาณ 40-60 เมตร
แปลความหมายเป็นบริเวณหินปูนที่มีรอยแตก หรือมีลักษณะเป็นโพรงที่มีตะกอนขนาดเล็กไปสะสมตัว
ชุดชั้นหินปูนนี้รองรับด้วยชั้นที่มีค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำถึงต่ำมาก อยู่ในช่วงประมาณ 1-10 โอห์ม-เมตร
แปลความหมายเปน็ ช้ันหนิ ดนิ ดานทีม่ ีความผพุ งั สูง พบตงั้ แตร่ ะดบั ความลกึ 200 เมตรเปน็ ต้นไป

รูปที่ 4.8 ผลการสำรวจการวัดคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมนแนวสำรวจ TEM-1
แนวสำรวจ TEM-2
ผลการสำรวจวัดคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมนแสดงค่าโปรไฟล์ของคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า

(รูปที่ 4.9) ได้ข้อมูลจากผิวดินถึงความลึกประมาณ 250 เมตร ข้อมูลสภาพต้านทานไฟฟ้าจากคำนวณจาก
คา่ การเปล่ียนแปลงศักย์ไฟฟ้าต่อพื้นท่ใี นแต่ละจดุ สำรวจมีความสอดคล้องกัน สามารถแปลความหมายทาง
ธรณีวทิ ยาได้ 2 ช้นั ท่ีแตกต่างกันชัดเจนคือ ชั้นบนเปน็ หินปูน มคี ่าสภาพต้านทานไฟฟ้าอยู่ในช่วง 800-2000
โอห์ม-เมตร ตั้งแต่ระดับตื้นใต้ผิวดินจนถึงความลึกประมาณ 150 เมตร ในชั้นนี้ปรากฎบริเวณที่มี
ค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำ อยู่ในช่วง 30-100 โอห์ม-เมตร หนาประมาณ 50-60 เมตร แปลความหมาย
เป็นบริเวณหินปูนที่มีรอยแตก หรือมีลักษณะเป็นโพรงที่มีตะกอนขนาดเล็กไปสะสมตัว ชุดชั้นหินปูนน้ี
รองรับดว้ ยช้นั ทมี่ คี า่ สภาพต้านทานไฟฟ้าต่ำถึงต่ำมาก อยู่ในชว่ งประมาณ 1-10 โอห์ม-เมตร แปลความหมาย
เปน็ ชน้ั หินดนิ ดานทมี่ ีความผพุ ังสงู พบตง้ั แตร่ ะดบั ความลกึ 150 เมตรเป็นต้นไป

31
รปู ที่ 4.9 ผลการสำรวจการวดั คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ แบบไทม์โดเมนแนวสำรวจ TEM-2

32
รปู ที่ 4.10 ข้อมลู ผลการสำรวจวัดค่าสภาพตา้ นทานไฟฟา้ แสดงในรูปแบบก่ึง 3 มติ ิ

2

33

รูปที่ 4.11 แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมซ้อนทับตำแหน่งผิดปกติแนวรอยแตก รอยเลื่อน หรือโพรง และความ
ต่อเนื่องแนวรอยแตก

รปู ที่ 4.12 ผลการแปลความหมายการสำรวจวัดคา่ สภาพต้านทานไฟฟ้า (แนวสำรวจ ERI-3) จำลองลักษณะ
ธรณวี ิทยาใตผ้ วิ ดนิ พ้นื ทเ่ี ขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์

บทที่ 5
อภปิ ราย สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ

5.1 อภิปรายผลการสำรวจ

ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้าสามารถเทียบความสัมพันธ์จากผลการแปล
ความหมายกับลักษณะธรณีวิทยาในพื้นที่สำรวจ ได้ดังนี้ ชั้นที่ 1 เป็นชั้นดินหรือชั้นตะกอนที่ผุพังมาจาก
หินเดิมในพื้นที่ ชั้นที่ 2 เป็นชั้นหินปูน ชั้นที่ 3 เป็นชั้นหินปูนที่มีรอยแตกมากหรือโพรงหินปูนที่มีน้ำหรือ
ตะกอนดินเข้าไปสะสมตัวในโพรงซึ่งมีความสัมพันธก์ ับระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลหลุมเจาะนำ้
บาดาล กรมทรพั ยากรน้ำบาดาล บริเวณสำนักสงฆถ์ ำ้ มุนี พบวา่ ระดับน้ำบาดาลบรเิ วณดังกลา่ วพบท่ีระดับ
ความลึกประมาณ 12 เมตร (หมายเลขบ่อ 6002G003) และชั้นที่ 4 เป็นชั้นหินปูนเนื้อแน่น จากผลการ
สำรวจพบลักษณะความไม่ต่อเนื่องของชั้นหิน ซึ่งแสดงลักษณะแนวรอยแตกหรือแนวรอยเลื่อนที่ชัดเจน
จากการประมวลผลเม่ือเชื่อมความสัมพันธ์ของตำแหน่งผิดปกติของแนวรอยแตกหรอื แนวรอยเลื่อนเข้าหา
กัน แนวที่พบจากการสำรวจวางตวั ในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ (แนวหลัก) และแนว
ตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ (แนวรอง) (รูปที่ 4.10 -รูปที่ 4.12) ทิศทางของแนวที่พบดังกล่าว
ยังสามารถเทียบเคียงลักษณะธรณีวิทยาโครงสร้างระดับไพศาลที่สันนิษฐานว่าสอดคล้องกับทิศทางของ
แนวรอยเลื่อนแมป่ งิ ของประเทศไทย

การสำรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน สามารถแปลความหมายถึงลักษณะ
ธรณีวทิ ยาใต้ผิวดินเป็น 2 ชน้ั ดงั นี้ ชนั้ ท่ี 1 เปน็ ชั้นหนิ ปนู บางบรเิ วณพบเป็นช้ันทม่ี ีรอยแตกมากหรือโพรง
สอดคล้องกับผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า และรองรับด้วยชั้นที่ 2 ชั้นหินดินดาน ทั้งนี้การ
สำรวจวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน มีจุดประสงค์เพื่อทราบลักษณะธรณีวิทยาใต้ผิวดินในระดับ
ความลึกถัดลงไปจากการสำรวจด้วยวิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า แต่ด้วยขีดจำกัดของเครื่องมือทำให้ไม่
สามารถวัดข้อมูลระดับตื้นใกล้ผิวดินได้ เนื่องจากสัญญาณสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเคลื่อนตัวผ่านไปอย่าง
รวดเรว็ โดยขอ้ มูลระดบั ต้ืนน้นั สามารถอา้ งอิงจากการสำรวจวดั ค่าสภาพตา้ นทานไฟฟา้ เปน็ หลัก

ผลการสำรวจธรณีฟิสิกส์พื้นที่เขาวง ตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
สามารถบ่งบอกถึงความลึกและความหนาของชั้นดนิ -ชั้นหิน และตำแหน่งแนวรอยแตก รอยเลื่อน รวมถงึ
บริเวณที่สันนิษฐานว่าเป็นโพรงใต้ดินได้อย่างค่อนข้างชัดเจน ผลการสำรวจวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า
สามารถทราบลักษณะธรณีวิทยาใต้ผวิ ดนิ ที่ระดับความลึกประมาณ 100 เมตร และผลการสำรวจวัดคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ แบบไทม์โดเมนได้ความลึกประมาณ 300 เมตร

35

5.2 สรุปผลการสำรวจ

สภาพธรณวี ิทยาบรเิ วณเขาวง ตำบลชอ่ งแค อำเภอตาคลี จงั หวดั นครสวรรค์ ท่ไี ดจ้ ากผล
การสำรวจผลการสำรวจธรณีฟิสิกส์วิธีวัดค่าสภาพต้านทานไฟฟ้า ซึ่งทราบลักษณะธรณีวิทยาใต้ผิวดินที่
ระดับความลึกไม่เกิน 100 เมตร และวัดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไทม์โดเมน ซึ่งทราบลักษณะธรณีวทิ ยาใต้
ผวิ ดินที่ระดบั ความลึกไม่เกนิ 300 เมตร เม่ือนำมาประมวลผลและแปลความหมายรว่ มกัน พบว่า ลักษณะ
ธรณีวิทยาใต้ผิวดินในพื้นที่สำรวจมีชั้นดินหรือช้ันตะกอนที่ผุพังมาจากหินเดิมในพื้นที่ อยู่ด้านบนความหนา
ประมาณ 5-10 เมตร รองรับด้วยหินปูนพบตั้งแต่ระดับตื้นไปถึงระดับความลึก 200 เมตร และรองรับด้วยชั้น
หนิ ดนิ ดานทีร่ ะดบั ความลึกมากกว่า 200 เมตร และพบโครงสร้างทางธรณีวทิ ยาท่ีเป็นแนวรอยแตกหรือแนว
รอยเลอ่ื นวางตวั ในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ (แนวหลกั ) และแนวตะวนั ออกเฉยี งเหนือ-
ตะวนั ตกเฉยี งใต้ (แนวรอง)

ทั้งนี้ผลการสำรวจธรณีฟิสิกส์ทั้ง 2 วิธี สามารถตรวจพบเป็นชั้นหินปูนที่มีรอยแตกมาก
หรือโพรง ความหนา 40-60 เมตร ที่ความลึกประมาณ 20-80 เมตร โดยที่โพรงดังกล่าวอาจมีตะกอนขนาด
เล็กสะสมตัวและแสดงความไม่ต่อเนื่องของแนวโพรง เนื่องจากหินปูนมีอัตราการละลายที่แตกต่างกัน
บริเวณที่พบรอยแตกมากจะเกิดการละลายเป็นโพรงได้ง่ายกว่าบริเวณ ที่มีรอยแตกน้อยหรือหินปูนเนื้อ
แนน่

5.3 ข้อเสนอแนะ

1. ความตอ่ เน่อื งของแนวโครงสรา้ งจากผลการสำรวจท่ีพบยงั ขาดความเชื่อมโยงทีช่ ัดเจน
ในบางแนวสำรวจเนือ่ งด้วยปญั หาอุปสรรคของสภาพพ้ืนทด่ี ำเนินงาน เป็นพ้ืนท่ปี ระกอบกสิกรรม และเป็นพื้นที่
ปา่ รวมถงึ เป็นเขตทอี่ ยู่อาศยั ของประชาชน ทำใหแ้ นวสำรวจไมค่ รอบคลุมสภาพพ้ืนท่สี ำรวจอยา่ งทวั่ ถึง

2. การคำนวณปริมาตรของโพรงใต้ดินต้องมีแนวสำรวจขนานกันอย่างน้อย 4 แนวสำรวจ
ในขอบเขตพืน้ ท่ีที่กำหนดไว้ จงึ จะสามารถวเิ คราะห์ความต่อเนื่องของโพรงและนำไปคำนวณปริมาตรของ
โพรงต่อพื้นที่ได้ ดังนั้นบริเวณที่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนและความต่อเนื่องของโครงสร้างทางธรณีวิทยา
ควรจะมกี ารดำเนินงานสำรวจเพมิ่ เตมิ ในบริเวณดงั กล่าว

3. ผลการสำรวจธรณีฟิสิกส์สามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการกำหนดจุดเจาะ
น้ำบาดาลที่เหมาะสมในบริเวณพื้นที่สำรวจได้ โดยเป็นชั้นน้ำบาดาลจากรอยแตกหรือโพรงหนิ ปูนที่ระดับ
ลกึ ประมาณ 25 เมตร

4. การกอ่ สร้างแหล่งกกั เก็บนำ้ ในบริเวณพน้ื ที่สำรวจ ควรหลีกเล่ียงบริเวณท่มี ีแนวรอยแตก
พาดผ่าน เนื่องจากชั้นหินปูนที่รองรับอยู่ด้านล่างมีแนวรอยแตก ที่เป็นช่องทางให้น้ำผิวดินไหลซึมลง
ข้างล่าง ดังจะเห็นได้จากสระเก็บน้ำเขาวงที่พบแนวรอยแตกในชั้นหินปูนหลายแนว ส่งผลให้สระหรือ
อ่างเกบ็ น้ำไมส่ ามารถกักเกบ็ นำ้ ไว้ได้

5. ผลการแปลความหมายข้อมูลธรณีฟิสิกส์เป็นการใช้คุณสมบัติทางกายภาพของชั้นดิน-หิน

36

ควบคู่กับข้อมูลลักษณะธรณีวิทยาที่ปรากฏในพื้นที่สำรวจ แสดงเป็นข้อมูลภาพตัดขวางธรณีวิทยาใต้ดิน
แบบ 2 มติ ิ เทา่ น้นั เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลในเชงิ คุณภาพท่สี อดคลอ้ งกับการลำดับชัน้ หินและโครงสร้างทางธรณีวิทยา
ในพื้นที่สำรวจที่มีความซับซ้อนทางธรณีวิทยา ควรมีการดำเนินงานสำรวจในขั้นรายละเอียดมากข้ึน
รวมถึงนำการสำรวจธรณีฟิสิกส์ด้วยวิธีการต่างๆ มาประยุกต์ร่วมกัน และต้องดำเนินการเจาะสำรวจ
เพื่อระบุชนิด ความหนา ความลึกที่แน่นอน รวมถึงปริมาตรของโพรงได้ ทั้งนี้ปริมาณงานในการสำรวจ
ธรณฟี สิ กิ ส์ท่ีมากขึ้น ละเอยี ดข้นึ รวมถึงการเจาะสำรวจ จะตอ้ งใชง้ บประมาณ และเวลา ในการดำเนินงาน
ทม่ี ากขน้ึ ตามไปด้วย

37

เอกสารอ้างองิ

กรมทรพั ยากรธรณี, 2550, ธรณวี ิทยาประเทศไทย (พมิ พ์คร้ังท่ี 2): โรงพมิ พด์ อกเบ้ยี , 628 หน้า.
กรมแผนทที่ หาร, 2540, แผนท่ีภมู ปิ ระเทศ ระวาง 5039 II อำเภออนิ ทร์บรุ ี มาตราส่วน 1:50,000 กรมแผนทที่ หาร, กรุงเทพฯ.
กองธรณีวิทยา กองเทคโนโลยีธรณี กองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม และสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1, 2563, รายงานการสำรวจ

ธรณีวิทยา ธรณีวิทยาโครงสร้าง ธรณวี ิทยาควอเทอร์นารี และธรณีฟสิ กิ ส์ พ้ืนท่ีเขาวง ตำบลช่องแค ตำบลพรหมนิมิต อำเภอ
ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์, กรมทรัพยากรธรณี, 139 หนา้ (ยังไมต่ ีพมิ พ์).
เพียงตา สาตรักษ.์ (2550). ธรณฟี ิสกิ สเ์ พือ่ การสำรวจใตด้ ิน. พมิ พค์ รง้ั ที่ 1. ขอนแกน่ : มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ .
นิกร นครศรี , 2524, ธรณีวิทยาและธรณีวิทยาแหล่งแร่อำเภอบ้านหมี่ (ND 47-4) มาตราส่วน 1:250,000, รายงานการสำรวจ
ธรณวี ทิ ยา ฉบบั ท่ี 3, กองธรณีวทิ ยา กรมทรพั ยากรธรณี, 53 หน้า.
ไวยพจน์ วรกนก, 2536, การแปลความหมายข้อมลู กัมมันตรงั สีทางอากาศและติดตามผลภาคพ้ืนดินในพ้ืนท่ดี ้านตะวันตกของแผน
ที่ระวางอำเภอบ้านหมี่ (ND 47-4), รายงานเศรษฐธรณีวิทยา ฉบับที่ 19/2536, กองเศรษฐธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี,
104 หน้า.
สุรเชษฐ ปุญปัน และอนุวัชร ตรีโรจนานนท์, 2557, การสำรวจจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาพื้นผิว และข้อมูลเชิงตัวเลข มาตราส่วน
1:250,000 ภายใต้ข้อมูลมาตราส่วน 1:50,000 ระวางอำเภอบ้านหมี่ (ND 47-4), เอกสารประกอบการประชุมระดมความ
คิดเห็น เรื่อง “ความก้าวหน้าผลการสำรวจจัดทำข้อมูลธรณีวิทยาพื้นผิวเพื่อการบริหารจัดการเฉพาะในพื้นที่เป้าหมาย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557, สำนกั ธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี, 9 หนา้ .
ASTM International, 2018, Standard Guide for Using the Direct Current Resistivity Method for Subsurface Site
Characterization, Designation: D6431-18, 100 Barr Harbo Drive. PO Box C700, West Conshohocken, PA 19428-
2959. United States, 14 p.

, 2020, Standard Guide for Use of the Time Domain Electromagnetic Method for
Geophysical Subsurface Site Investigation, Designation: D6820-20, 100 Barr Harbo Drive. PO Box C700, West
Conshohocken, PA 19428-2959. United States, 15 p.
Craig J. Hickey, Mathias J. M. Römkens, Robert R. Wells and Leti Wodajo, 2015, Geophysical Methods for the

Assessment of Earthen Dams, Advances in Water Resources Engineering, Handbook of Environmental
Engineering, Volume 14, DOI 10.1007/978-3-319-1102303_7, p. 300-355.
Klein, J. and Lajoie, J., 1980, Electromagnetic prospecting for minerals, practical Geophysics for the exploration
geologist, Northwest Mining Association, Spokane, WA, p239-290.
Loke, M.H., 2010, Tutorial: 2-D and 3-D electrical Imaging Surveys, Geotomo Software.
Mishra, A.K., 2018, Website https://www.slideshare.net/AmitMishra387/resistivity-survey.
Nabighian, M. N., 1 9 8 8 , ed. Electromagnetic methods in applied geophysics. Vol. 2 . , Society of Exploration
Geophysicists, Tulsa, Oklahoma, United States of America.
Palacky, G.J, 1998, Typical electrical resistivity and conductivity values found for Earth materials
Sharma, P.V., 1997, Environmental and Engineering Geophysics. Cambridge University Press, Cambridge, 475 p.
https://www.kau.edu.sa/Files/0003035/Subjects/NGA_TDEM_TEQ%20(2).pdf
http://zonge.com/geophysical-methods/electrical-em/tem/

กรมทรัพยากรธรณี ถ.พระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
http://www.dmr.go.th


Click to View FlipBook Version