สามก๊กเปน็ วรรณกรรมทม่ี กี ารเรยี นการสอน
ในระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
สามกก๊ เปน็ วรรณกรรมจีนองิ ประวตั ศิ าสตร์ ทร่ี ู้จกั และไดร้ บั
ความนยิ มอย่างตอ่ เนอ่ื ง จดั เปน็ วรรณกรรมเพชรนา้ เอกของโลก เป็น
มรดกทางปญั ญาของปราชญช์ าวตะวนั ออกทส่ี ดุ ยอด มีการแปลเปน็
ภาษาตา่ ง ๆ มากกวา่ ๑๐ ภาษา และมกี ารตพี มิ พอ์ ยา่ งแพรห่ ลายทวั่
โลก ซง่ึ ความดเี ด่นของวรรณกรรมเรอ่ื ง สามกก๊ คอื วรรณคดี
สโมสรไดย้ กยอ่ งใหเ้ ปน็ ยอดความเรยี งพงศาวดาร
ลกั ษณะค้าประพนั ธ์
ลกั ษณะคา้ ประพันธ์ : ร้อยแกว้ ประเภท ความเรยี งเรื่องนทิ าน
ผ้แู ตง่
มี ๒ ท่มี า
๑.สามกก๊ ของตันซิว่
ตันซว่ิ หรือ เฉินโซ่ว เป็นนักประวตั ศิ าสตรจ์ นี ในสมยั ราชวงศ์จ้นิ และเปน็ ผู้
แต่งจดหมายเหตสุ ามก๊ก เกิดทเ่ี มอื งหนานจง มณฑลเสฉวนในปี พ.ศ. ๗๗๖
ซง่ึ อย่ยู คุ สามกก๊ และไดร้ บั ราชการกับจก๊ กก๊ ภายหลงั วุยกก๊ ได้ยดึ จก๊ ก๊ก ตันซิ่ว
ได้ถูกกวาดตอ้ นไปอยู่ที่วุยก๊ก ต่อมา สุมาเอยี๋ นข้นึ ครองราชยเ์ ปน็ พระเจา้ จน้ิ หวตู่ ี้
จงึ ทรงให้ตนั ซวิ่ เปน็ ผู้ชา้ ระประวตั ศิ าสตรใ์ นยคุ สามก๊กในชอื่ วา่ จดหมายเหตุ
สามก๊ก
๒.สามกก๊ เอ้ียนหงีของหลวั กวา้ นจง
เป็นฉบับที่ต่อยอดจากสามก๊กของตันซิ่ว สามก๊กฉบับเดิมของหลัวกว้านจง มี ๒๔
มว้ นแบ่งเปน็ ๒๔๐ ตอน แตง่ ข้ึนในสมยั ราชวงศห์ มงิ โดยอาศยั เหตกุ ารณท์ ี่ปรากฎในหนงั สอื
ซานกว๋อจ้ือ (สามก๊กจี่ - ประวัติศาสตร์สามก๊ก) ของเฉินโซ่ว (ตันซิ่ว ค.ศ.๒๓๓-
๒๙๗) ท่ีประพันธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์จ้ินตะวันตก และจากหนังสือนิทานเรื่องสามก๊กท่ี
บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับสามก๊กในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ราชวงศ์ซ้อง) และราชวงศ์หยวน
(ราชวงศ์หงวน) เช่น ซานก๋อจื้อผิงฮว่า มาเป็นโครงเรื่องในการประพันธ์ และ แต่งเติม
จินตนาการของตนในเกดิ ความสนุกมากข้นึ
สามกก๊ ฉบบั หลวั กวั้นจงไดม้ ีการแปลเปน็ ภาษาไทยครงั้ แรกในปี พศ.๒๓๔๕ ในรชั
สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก รัชกาลท่ี ๑ ซงึ่ มีพระราชดา้ รใิ หจ้ ดั แปล
พงศาวดารจนี เรอื่ งสามกก๊ ไซ่ฮ่นั และแปลพงศาวดารมอญเรอื่ งราชาธริ าช เพือ่ ใหค้ นไทยไดใ้ ช้
ศึกษาเปน็ ตา้ ราพชิ ัยสงคราม โดยมอบหมายให้ เจา้ พระยาพระคลงั (หน) เปน็ ผอู้ า้ นวยการแปล
สามกก๊ มีความยาวทงั้ สน้ิ ๙๕ เล่มสมดุ ไทย ซึ่งไดร้ บั การสนั นษิ ฐานวา่ เจา้ พระยาพระคลัง
(หน) ไมไ่ ด้แปลสามกก๊ จากตน้ ฉบบั ทง้ั หมด เนอ่ื งจากการใช้สา้ นวน ภาษา และรปู แบบการแปล
ในตอนทา้ ยเรอ่ื งเปน็ คนละสา้ นวนกับตอนตน้ เรอื่ ง
ผู้แปลไทย
เจา้ พระยาพระคลัง (หน)
เจา้ พระยาพระคลงั (หน) เกิดในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาตอนปลาย ในแผ่นดนิ สมเด็จ
พระเจ้าบรมโกศ และถึงอสัญกรรมเม่ือปี พ.ศ.๒๓๔๘ ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี
ไดร้ ับราชการเป็นหลวงสรวิชิต ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช ได้เลื่อนต้าแหน่งเป็นพระยาพิพัฒน์โกษาและเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เจ้าพระยาพระ
คลัง (หน) มีความสามารถด้านการประพันธ์ท้ังร้อยแก้วและร้อยกรองงานประพันธ์ ท่ีส้าคัญ
ได้แก่ ราชาธิราช สามก๊ก ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก (กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี) บทมโหรี
เรอ่ื งกากี ลิลิตเพชรมงกฎุ และอิเหนาคา้ ฉนั ท์
ตวั ละคร
เลา่ ปี่ กวนอู เตียวหยุ
ราชนั เจ้านา้ ตา เทพเจา้ แหง่ ความซอ่ื สตั ย์ ขุนพลขวานผา่ ซาก
โจโฉ ลิโป้ ตั๋งโตะ๊
ผ้ยู งิ่ ใหญ่ตลอดกาล อัศวินทรพี่ อภมิ หาทรราช
ขงเบง้ จวิ ยี่ บงั ทอง
มงั กรเจ้าปญั ญา เจ้าปญั ญาเหนอื นา่ นนา้ ความริษยาบงั ปญั ญา
ซนุ กวน เตยี วเลย้ี ว สมุ าเอ๋ยี น
ผสู้ บื สายบรรพชน
พระเจา้ เหย้ี นเต้ จลู ่ง อ้วนเสย้ี ว
ฮอ่ งเตห้ นุ่ ขนานแท้ ผู้กลา้ กลางสมร อยากใหญ่ แต่ใหญไ่ มเ่ ปน็
เรื่องยอ่
เรื่องยอ่ วรรณกรรม เร่อื ง สามกก๊
เร่อื งยอ่ วรรณกรรม เรอื่ ง สามก๊ก
ตอน กวนอไู ปราชการกบั โจโฉ
วรรคทอง
วรรคทอง หมายถงึ ข้อความหรอื บทกวบี างช่วงบางตอนทมี่ คี วามหมายดี ไพเราะ ซาบซงึ้ ให้
ภาพทางความรสู้ กึ ทชี่ ดั เจน สะเทอื นอารมณ์ กินใจ จนเปน็ ทรี่ จู้ กั กนั โดยทวั่ ไป เปน็ ทน่ี ยิ มกนั วา่ ดี เมอื่
กลา่ วถงึ แลว้ จะรจู้ กั กนั โดยกวา้ งสามารถตอบไดเ้ ลยวา่ วรรคน้เี ปน็ วรรคในวรรณคดเี รอื่ งใด และ
ไมเ่ พยี งแตใ่ นวรรณคดรี อ้ ยกรองเทา่ นน้ั ทจี่ ะมวี รรคทอง วรรณกรรมรอ้ ยแก้วกส็ ามารถมีวรรคทอง
ได้เช่นกนั หากไดร้ บั ความนยิ มสูง
•"ข้าพเจา้ ยอมทรยศโลก ดีกวา่ ใหโ้ ลกทรยศขา้ พเจา้ "
เปน็ วาทะสามกก๊ ทแี่ สดงความเดด็ เดย่ี ว ม่ันคงและแนว่ แนข่ อง โจโฉ
"ธรรมดาภรรยาอปุ มาเหมอื นอยา่ งเสอ้ื ผา้ ขาดแลหายแลว้ ก็จะหาได้ พนี่ อ้ งเหมอื นแขนซา้ ยขวา ขาด
แล้วยากทจี่ ะตอ่ ได้" เปน็ วาทะสามกก๊ ทแี่ สดงใหเ้ หน็ ถึงความสา้ คญั ของพ่นี อ้ งรว่ มสาบาน ที่มี
ความสา้ คัญมากกวา่ ลกู เมยี ของเลา่ ป่ี
"สา้ หรบั ชายทหี่ ยง่ิ ด้วยเกยี รตขิ องชายนน้ั ในโลกนอี้ ันใดเลา่ จะยง่ิ ใหญเ่ สมอเหมอื น กับทไ่ี ดย้ นิ
ข้อความลว่ งเกนิ มาถงึ หญงิ อันเปน็ สดุ ทรี่ กั สดุ เคารพของตน”
เป็นวาทะสามกก๊ ทแี่ สดงถงึ ความรกั ตอ่ นางสดุ ทรี่ กั ของจวิ ย่ี
"ข้นึ ชือ่ วา่ แกว้ ถงึ จะแตกทา้ ลายกไ็ ม่หายช่อื เราจะขอทา้ ศกึ สงครามดว้ ยทา่ นกวา่ จะสนิ้ ชวี ติ "
เป็นวาทะสามกก๊ ทแี่ สดงความไม่ยอ่ ทอ้ ในการทา้ ศกึ สงครามของกวนอู
"ธรรมดาเกดิ มาเปน็ ชาตทิ หารแลว้ ถา้ จะเสยี ทกี อ็ ยา่ เปน็ ทกุ ข์ ถึงจะได้ทกี อ็ ยา่ ยนิ ดี"
เป็นวาทะสามกก๊ ทกี่ ลา่ วปลอบใจทหารและใหเ้ ก็บอากปั กริ ยิ าและควบคมุ อารมณใ์ น
การแสดงความรสู้ กึ ของเลา่ ปี่
"ทกุ วนั น้ขี า้ พเจา้ กค็ ดิ วา่ ถ้าทา่ นมที กุ ข์สงิ่ ใด ข้าพเจา้ จะสนองคณุ ทา่ น
ถึงมาตรวา่ ชวี ติ จะตายและกระดกู จะแหลกเปน็ ผงกด็ ี"
เปน็ วาทะสามกก๊ ทย่ี นิ ดสี นองคุณออ้ งอนุ้ ผเู้ ปน็ บดิ าบญุ ธรรมของ เตียวเสย้ี น
แกน่ เร่อื ง
แกน่ สา้ คัญของเรอ่ื งนจ้ี ะม่งุ เนน้ ไปในเรอื่ งของความซอ่ื สตั ยจ์ งรกั ภกั ดแี ละการตอบ
แทนบญุ คณุ ของผมู้ ี พระคุณ สา้ หรบั เรอื่ งสามกก๊ ตอนกวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ คือ ตอนท่ี
กวนอูมคี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ เลา่ ป่ีและเบยี่ งเบนทจ่ี ะทา้ ตามขอ้ ตกลงของโจโฉ เพ่อื แสดงความ
ซื่อสัตยต์ อ่ เลา่ ปจ่ี นทา้ ใหโ้ จโฉถอดใจ
“อนั มหาอุปราชนม้ี นี า้ ใจเมตตาทา่ น ทา้ นุบา้ รงุ ทา่ นยง่ิ กวา่ เลา่ ปอ่ี กี เหตใุ ดทา่ นจงึ มใี จคดิ ถงึ
เลา่ ปอี่ ยู่ กวนอจู ึงวา่ ซ่งึ มหาอปุ ราชมคี ณุ แกเ่ รากจ็ รงิ อยแู่ ตจ่ ะเปรยี บเลา่ ปนี่ นั้ ยงั มไิ ดด้ ว้ ยเลา่
ปน่ี นั้ มีคณุ คา่ แกเ่ ราก่อน ประการหนงึ่ กไ็ ดส้ าบานไวต้ อ่ กนั วา่ เปน็ พน่ี อ้ ง เราจงึ ไดต้ ง้ั ใจรกั ษา
สัตยอ์ ยู่ ทุกวันนเ้ี รากค็ ดิ ถงึ คณุ มหาอุปราชอยมู่ ไิ ด้ขาด ถงึ มาตรวา่ เราจะไปจากกจ็ ะขอแทนคณุ
เสียกอ่ นใหม้ ชี อ่ื ปรากฏไวเ้ ราจงึ จะไป เตียวเลยี้ วไดฟ้ งั ดังนนั้ จึงถามกวนอูวา่ ถา้ เลา่ ปถี่ งึ แก่
ความตายแล้ว ทา่ นจะอยกู่ บั มหาอปุ ราชหรอื หรอื จะคิดประการใด กวนอจู งึ ตอบวา่ ตวั เรา
เกดิ มา เปน็ ชายรกั ษาสตั ยม์ ใิ ห้เสยี วาจา ถึงมาตรวา่ เลา่ ปจ่ี ะถงึ แกค่ วามตายเราก็จะตายไป
ตามความทไ่ี ดส้ าบานไว้ เตยี วเลยี้ วเหน็ กวนอูนนั้ มใี จสตั ยซ์ อื่ ตอ่ เลา่ ปอี่ ยเู่ ปน็ มนั่ คง กล็ า
กลับมาจงึ เอาเน้อื ความทง้ั ปวงบอกแก่โจโฉทกุ ประการ โจโฉไดฟ้ งั ดงั นนั้ กถ็ อดใจใหญ่”
นอกจากจะแสดงใหเ้ หน็ ถึงความซ่ือสตั ย์ของกวนอูแลว้ ยังแสดงใหเ้ หน็ ถงึ การรกั ษาคา้ มน่ั
สญั ญาทม่ี ตี อ่ เลา่ ปอ่ี กี ดว้ ย ถึงกระน้นั กวนอูกม็ ไิ ด้ทรนงตอ่ มหาอุปราช กวนอูกย็ งั มใี จคิดทจ่ี ะ
ตอบแทนบญุ คุณทา่ นเสยี กอ่ นจะออกไป ท้าใหเ้ หน็ ช้ชี ดั วา่ ตวั ละครกวนอูเปน็ อีกตวั ละครทมี่ ี
ความจงรกั ภกั ดที ม่ี ากลน้
ภาพสะท้อนสงั คมจากวรรณกรรม
๑. สะทอ้ นแนวคดิ เกย่ี วกบั การทา้ สงคราม
๑. สะทอ้ นแนวคดิ เกยี่ วกบั การทา้ สงคราม
การทา้ สงครามนนั้ มิใชใ่ ชก้ ้าลงั ทหารเพียงอย่างเดยี ว การทา้ สงคราม นอกจากการใช้
กา้ ลงั ทหารยงั ตอ้ งอาศยั สตปิ ญั ญาและเลห่ เ์ หลยี่ มกลอุบายเปน็ สา้ คญั จึงจะสามารถเอาชนะ
ข้าศึกศัตรูได้ ดังเช่น ตอนท่ีเทียหยกวางกลอุบายล่อล่วงให้กวนอูออกจากเมืองแห้ฝือ
เพอื่ ให้ทหารโจโฉเขา้ ยึดเมืองแห้ฝอื และก็ทา้ ได้ส้าเร็จ
ความส้าคัญของนักการทูต นักการทูตมีความส้าคัญในการช่วยราชการบ้านเมือง
แมก้ ระทง่ั ในยามศึกสงคราม ผู้ที่จะท้าหน้าที่ทางการทูตต้องเป็นผู้ท่ีมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
มีโวหารเปน็ เลิศ ดงั เช่น เตียวเลยี้ วทส่ี ามารถพูดโน้มน้าวใจให้กวนอูยอมรับราชการกับโจโฉ
ได้เป็นผลสา้ เร็จ
บคุ ลกิ ภาพของผนู้ า้ ผนู้ า้ ทจ่ี ะยิง่ ใหญ่และประสบความสา้ เรจ็ นอกจากการจะตอ้ งมสี ตปิ ญั ญาเฉลยี วฉลาด
เชย่ี วชาญในการรบแลว้ ควรมคี วามพยายามและความอดทนในการทา้ การทม่ี งุ่ หวัง ดงั เชน่ ตอนทโี่ จโฉใช
ความเพยี รพยายามอดทนและใชจ้ ิตวทิ ยาเปน็ อยา่ งมากในการผกู มดั ใจกวนอใู หเ้ กดิ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ ตนเอง
ซง่ึ โจโฉกท็ า้ ไดส้ า้ เร็จขน้ั หนงึ่ แมก้ วนอจู ะยงั คงซ่อื สตั ยจ์ งรกั ภกั ดตี อ่ เลา่ ปไ่ี มม่ คี ลาย แตก่ ็ร้สู กึ สา้ นกึ ในบญุ คณุ
ของโจโฉและพรอ้ มทจี่ ะตอบแทนคณุ ภายในภาคหนา้
พลังของความสามคั คชี ว่ ยใหบ้ า้ นเมอื งอยรู่ อดปลอดภยั จากขา้ ศกึ ศตั รู ในการทา้ สงครามถา้ มคี วาม
เป็นนา้ หนง่ึ ใจเดยี วกนั ย่อมเกิดพลงั ในการตอ่ สขู้ า้ ศกึ แตก่ ารขาดความสามคั คแี ลว้ ยอ่ มเสยี ทใี่ หก้ บั ขา้ ศกึ ไดง้ า่ ย
เช่น การที่อว้ นเสย้ี วไมส่ ง่ ทหารไปชว่ ยเลา่ ปี่ เป็นเหตหุ นง่ึ ทท่ี า้ ใหเ้ ลา่ ปปี่ ราชยั หรือการที่บติ ก๊ บฮิ อง กันหยง ท้งิ
เมอื งเพราะคดิ ว่าจะสโู้ จโฉไมไ่ ด้ และตนั เตง๋ กลบั เปดิ ประตรู บั โจโฉเปน็ เหตใุ หโ้ จโฉยดึ เมอื งชีจว๋ิ ไดง้ า่ ย
มา้ เซก็ เธาว์
ม้าโลหติ ประเภทหนงึ่ ไดเ้ พราะขนตามลา้ ตวั มสี แี ดงเหมือน
โลหิต(หรือสีแดงราวถ่านเพลิง)นิยายบางเล่มเรียก ม้า
กระต่ายแดง (เนื่องจากฝีเท้าปราดเปรียวเหมือนกระต่าย)
ในเนอ้ื เรอ่ื งของสามกก๊ ยังกลา่ วไวอ้ กี ว่ามา้ ตวั นว้ี ง่ิ ไดว้ นั ละพนั
ลี้หรือ ๔๘๐ กิโลเมตรเสียงของมันดังกึกก้องกัมปนาท
สะท้านฟ้าสะท้านดนิ
๒.สะทอ้ นคา่ นยิ มในการประพฤตปิ ฏิบตั ขิ องคนในสงั คม
๒.สะทอ้ นคา่ นยิ มในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ขิ องคนในสงั คม
ค่านยิ มเรอื่ งความซอ่ื สตั ย์ จากเรือ่ งสามกก๊ ตอน กวนอูไปรบั ราชการกบั โจโฉสะทอ้ นใหเ้ หน็ คา่ นยิ ม
ความซอ่ื สตั ย์ไดเ้ ดน่ ชดั ทสี่ ดุ กวนอถู อื เปน็ ตวั ละครสา้ คญั ทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ คา่ นยิ มเรอ่ื งความซอื่ สตั ย์ บทบาท
และพฤตกิ รรมของกวนอู ไมว่ า่ จะแสดงออกตอ่ ภรรยาของเลา่ ปหี่ รอื ตอ่ โจโฉกล็ ว้ นแตส่ นบั สนนุ คา่ นยิ มเร่ือง
ความซ่ือสตั ยท์ งั้ สน้ิ
คา่ นยิ มความจงรกั ภกั ดตี ่อพระมหากษตั รยิ ์ เชน่ การทโี่ จโฉสง่ ทหารไปลอ่ ใหก้ วนอไู ลต่ ามออกมา
นอกเมอื งและลอ้ มจบั กวนอไู ว้ เตยี วเลยี้ วทหารฝา่ ยโจโฉซ่ึงกวนอเู คยชว่ ยชวี ิตไวเ้ ปน็ ผเู้ ขา้ ไปเกลย้ี กลอ่ มกวนอู
ให้ไปอยู่กบั โจโฉ กวนอยู อมจา้ นนแตข่ อเงอ่ื นไขเปน็ สญั ญาคอื ขอใหไ้ ดเ้ ปน็ ขา้ ของพระเจา้ เหย้ี นเต้
คา่ นยิ มความกตญั ํรู ู้คณุ เชน่ ตอนทเี่ ตยี วเลยี้ วกลา่ วถงึ ลกั ษณะนสิ ยั ของกวนอู
๓. สะทอ้ นเรอ่ื งความเชอ่ื ของคนในสงั คม
๓. สะท้อนเรอื่ งความเชอ่ื ของคนในสงั คม
ความเชอ่ื ในโชคลาง เช่น แม้โจโฉจะเปน็ แมท่ พั ทมี่ คี วามสามารถในการรบเมอ่ื ยกทพั มาเกดิ ลมพายพุ ดั
ธงชยั หกั ก็ต้องพงึ่ คา้ ทา้ นายทายทกั จะเหน็ ไดว้ า่ เปน็ เรอื่ งสา้ คญั ของการรบแบบโบราณทตี่ อ้ งถอื ฤกษย์ ามและโชค
ลาง
ความเชอ่ื เรือ่ งบญุ กรรมทตี่ นไดก้ ระทา้ ไว้ สามกก๊ ตอน กวนอไู ปรบั ราชการกบั โจโฉ แสดงใหเ้ หน็
ความเชอ่ื เร่ืองบญุ กรรมทไี่ ดท้ า้ มา
ความเชอ่ื ในเรอ่ื งความฝนั เชน่ เมื่อนางบิฮหู ยนิ และกา้ ฮหู ยนิ เลา่ ความฝนั ของนางทเ่ี กย่ี วกบั เลา่ ปี่
ให้กวนอฟู งั กวนอกู ว็ ิตก
การทาเลอื ดทา้ สตั ยส์ าบาน
ถ้าอา่ นสามกก๊ ตอนที่ 5 เเละชมภาพยนตรโ์ ทรทศั นเ์ รอ่ื งสามกก๊ 1994 ตอนท่ี 5 หรือ สาม
วรี บุรษุ รบลโิ ป้ เน้ือเรอื่ งตอนทก่ี องทพั 18 หวั เมืองยกทพั มารว่ มปราบตง๋ั โตะ๊ จะมกี ารกลา่ วถงึ พธิ ี
สาบานตนคอื การทาเลอื ดเพอื่ เเสดงความจรงิ ใจเเละความสตั ยต์ อ่ กนั ของกองทพั พนั ธมติ ร
นอกจากการทาเลอื ดสตั วเ์ เลว้ ยงั มกี ารทาทป่ี าก ในปาก หรอื ดม่ื เลือดนน้ั เลยกไ็ ด้ ซึ่งในภาพยนตร์
โทรทศั น์จะใชเ้ ลอื ดมา้ ขาวเเละววั ดา้
"เลอื ดเนอ้ื พอ่ แม่ ไมค่ วรทงิ้ เสยี "
แฮหัวตนุ้ กลนื ลกู ตาตนเอง ในวรรณกรรมสามกก๊ เมื่อแฮหวั ตนุ้ (เสยี้ โหวตนุ ) นายทหารของโจโฉ (เฉา
เชา) ทา้ ศกึ กบั ฝา่ ยลโิ ป้ (หลวปี่ )ู้ แฮหัวตุ้นพลาดทา่ ถกู ยงิ ดว้ ยเกาทณั ฑจ์ นลกู ตาหลดุ ตดิ ออกมา แฮหัวตนุ้ ไดก้ ลา่ ววา่
"เลอื ดเนอื้ พอ่ แม่ จะท้งิ ไมไ่ ด้"หลงั จากนนั้ ไดก้ ลนื ลกู ตาตนเองทนั ที จากเหตกุ ารณน์ ส้ี อ่ื ใหเ้ หน็ ถงึ ความกลา้ หาญ ดดุ นั
เด็ดเดยี่ ว และแฝงความกตญั ํู น่นั เพราะสมยั นนั้ ถอื จารตี ความกตญั ํตู อ่ บดิ ามารดาและผมู้ พี ระคณุ ตอ้ งรกั ษาทกุ
ส่วนของร่างกาย เพราะถอื ว่ารา่ งกายเปน็ สงิ่ ทบี่ ดิ ามารดาใหม้ า ส่วนตา่ ง ๆ ต้องฝงั คนื พรอ้ มร่างเมอ่ื วายชนม์ กรณนี ยี้ งั
พบไดใ้ นเร่ืองการตดั ผมชาวฮน่ั ทถี่ อื ว่าเรอ่ื งใหญ่จงึ นยิ มไวผ้ มยาวทา้ เปน็ มวย เสียบปน่ิ หรอื สวมกวาน (เครอ่ื งประดบั
ศรี ษะใชค้ รอบมวยผม ถอื เปน็ สญั ลกั ษณข์ องความเปน็ ผใู้ หญ่ เเละเปน็ ของสา้ คญั )
๔. สะทอ้ นเกย่ี วกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณตี า่ ง ๆ ของสังคมจนี
๔. สะทอ้ นเกีย่ วกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณีตา่ ง ๆ ของสังคมจนี
การจดั เลยี้ ง การจดั เลยี้ งเปน็ เอกลกั ษณข์ องคนจนี ในสงั คมจีนไมว่ า่ จะในโอกาสแสดงความยนิ ดี
ต้อนรบั หรอื ขอบคณุ มกั จะจดั อาหารเลย้ี งกนั เปน็ ประจา้ จนกลายเปน็ ประเพณไี ปโดยปรยิ าย
การใหข้ องกา้ นลั การใหข้ องก้านลั เปน็ สงิ่ ทชี่ าวจนี ทา้ กนั ในเกือบทกุ โอกาสจากเรื่องจะเหน็ ไดว้ า่ โจโฉให้
เครื่องเงนิ เครอื่ งทอง เสือ้ ผา้ ดี ๆ และใหผ้ า้ แพรขาวอย่างดแี ก่กวนอเู พอ่ื ทา้ ถงุ ใสห่ นวด การใหข้ องก้านลั
เช่นนเี้ ปน็ กลวธิ หี นงึ่ ทช่ี าวจนี นยิ มกระทา้ เพอื่ เปน็ เครอื่ งผกู ใจ
เหลา้ ในพธิ บี วงสรวง
เหลา้ มบี ทบาทสา้ คญั ในวฒั นธรรมของจนี ประเพณตี ่าง ๆ เกยี่ วกบั เหลา้ ไดร้ บั การปฏบิ ตั สิ บื ทอดตอ่ กนั มา
อย่างยาวนานในประวตั ศิ าสตร์ ส้าหรบั การใชเ้ หลา้ ในพธิ บี วงสรวงนนั้ คนโบราณมกั ใชเ้ หลา้ บวงสรวงสกั การะ
ตอ่ ฟ้า ดนิ ภเู ขา แมน่ า้ ราชสา้ นกั อาราม ตลอดจนบรรพบรุ ษุ และดวงวญิ ญาณตา่ ง ๆ โดยจะเทเหลา้ ลงบน
ผนื ดนิ แตห่ ากเปน็ การบวงสรวงตอ่ แมน่ า้ กม็ กั เทเหลา้ ลงในผนื นา้
๕.ความเป็นราชสา้ นกั
๕.ความเปน็ ราชสา้ นกั
มกี ารแบง่ ตา้ แหนง่ และชนชนั้ ซง่ึ เปน็ สว่ นสา้ คญั ขององคก์ ารทางการเมอื งและสงั คมตามประเพณจี นี โดยใน
วรรณกรรมเร่ือง สามกก๊ มีการแบง่ ตา้ แหนง่ และชนชนั้ ดังนี้ ฮ่องเตห้ รอื กษตั รยิ ์ ขนั ที ราชองครกั ษ์ ขนุ นางชนั้
ผู้ใหญแ่ ละขนุ นางภมู ภิ าค
ปลดกระบ่ี ถอดรองเทา้ "
ในสมยั โบราณนนั้ มธี รรมเนยี มการปลดกระบ่ี ถอดรองเทา้ เขา้ เฝา้ ภาษาจนี เรียกวา่ เจี่ยเจยี้ นทวอหลว"ี่
โดยขนุ นางทกุ คนจะตอ้ งปลดกระบ่ีเเละถอดรองเทา้ ของตนไวด้ า้ นนอกกอ่ นเขา้ เฝา้ ในทอ้ งพระโรง เรือ่ งนเ้ี ปน็ สงิ่ ทสี่ งั คม
จนี ในสมยั นน้ั ใหค้ วามสา้ คญั เปน็ อยา่ งมาก เเตอ่ ยา่ งไรก็ดี ในบางครง้ั จะมขี นุ นางหรอื เสนาบดบี างคนไดร้ บั การยกเวน้ โดย
สามารถเขา้ เฝา้ ถวายบงั คมโดยไมต่ อ้ งขานชอ่ื เข้าวงั โดยไมต่ อ้ งรบี รอ้ น เเละพกกระบสี่ วมรองเทา้ เขา้ เฝา้ ในทอ้ งพระโรงได้
๖.การแตง่ กาย
๖.การแตง่ กาย
มีการแตง่ กายทแ่ี ตกตา่ งกนั ไปตามแตล่ ะชนช้นั
เคร่อื งประดบั ศรี ษะครอบมวยผมของจนี โบราณ
กวาน คือเคร่ืองประดบั ศรี ษะชนชนั้ สงู ของจนี ตงั้ เเตย่ คุ โบราณ ในสมยั ราชวงศโ์ จวกม็ กี าร
ประดบั อยา่ งแพรห่ ลาย เเละมพี ธิ สี วมกวานเพอื่ เเสดงความเปน็ ผใู้ หญ่ กวานมลี กั ษณะคลา้ ยหมวกขนาด
เล็ก (คลา้ ยเก้ยี วหรอื จุลมงกฎุ ของไทย) มีรปู เเบบเเตกตา่ งกนั ไป ใชค้ รอบมวยผม มที งั้ เเบบเสยี บปนิ่ หรอื ไม่
เสียบก็ได้ หรือมีผา้ ยาวลงมาใชม้ ดั ใตค้ าง เป็นตน้ สว่ นสามญั ชนมกั จะสวมกวานผา้ หรอื โพกมวยผมดว้ ยผา้
คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การเลอื กสรรคา้
การใชถ้ อ้ ยคา้ และประโยคกะทดั รดั ฟังระรน่ื หไู มม่ ีศพั ทย์ าก การดา้ เนนิ เรอื่ งไม่ยดื เย้อื ทนั ใจผู้อา่ น
การใชก้ วโี วหาร (ภาพพจน)์
โวหารดที ส่ี ดุ ในกระบวนวรรณคดีรอ้ ยแกว้ บทอปุ มาอปุ ไมยลึกซงึ้ คมคายและเหน็ ขอ้ เทยี บเคยี งได้
ชัดเจน บทพรรณนาแจม่ ชดั ทกุ ตอน
คณุ คา่ ด้านเนอื้ หา
ให้ความรลู้ า้ ลึกในศาสตร์ตา่ งๆ เช่น ยุทธศาสตร์ ปรชั ญา จิตวทิ ยา ตลอดจนการศกึ ษา
ธรรมชาตขิ องชวี ติ มนษุ ย์ สามก๊กไมไ่ ดแ้ ฝงอทิ ธปิ าฏหิ ารยิ เ์ กนิ ความสามารถของสามญั ชน จงึ ทา้ ให้
ผู้อ่านไดเ้ หน็ ชีวติ ของตวั ละครทงั้ หมดในลักษณะของคนจรงิ ๆ ความรู้ ความคดิ และสตปิ ัญญาท่ี
ไดจ้ ากการอา่ นจงึ เปน็ ประโยชนต์ อ่ การดา้ เนนิ ชวี ติ ของผอู้ ่าน