The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงและการได้ยิน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by praew_0801522758, 2023-07-02 09:12:16

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงฯ

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงและการได้ยิน

การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงและ ความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 The Study Of Learning Achievement in Physics3 And Students’ satisfaction with teaching and learning ,Sound Using Scientific learning activity 5E modal of Mathayomsuksa 5 นางสาวกมลวรรณ รอนยุทธ ชื่อผู้นิพนธ์ภาษาไทย1 Miss.Kamonwan Ronyut ชื่อผู้นิพนธ์ภาษาอังกฤษ1 บทคัดย่อ การวิจัยเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงและความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ ในการวิจัย 3 ข้อ คือ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) 3) เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจที่มีต่อรายวิชา ฟิสิกส์ 3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังได้รับ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) สำหรับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนห้วยราชพิทยาคม อ.ห้วยราช จ. บุรีรัมย์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน 29 คน ซึ่งได้จากการสุ่ม แบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้แบบ 5E จำนวน 7 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ และแบบสอบถาม ความพึงพอใจที่มีต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 จำนวน 15 ข้อ ผลการวิจัยสรุปได้ ดังนี้ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้คือ 75/75 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ก่อนเรียน มีคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง เป็น 18.72 และ 3.96 ตามลำดับ และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง เป็น 32.38 และ 2.40ตามลำดับ และคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ก่อนเรียน


และหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของคะแนนระหว่าง การทดสอบหลังเรียนกับการทดสอบก่อนเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. ความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนแบบสืบเสาะ หาความรู้5 ขั้น (5E) โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยจำแนกเป็นรายข้อ ได้ระดับมากที่สุด 13 ข้อและระดับมาก 2 ข้อ เรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อที่ 1 ความตรงเวลาในการสอนของครูผู้สอน ข้อ 2 ครูผู้สอนได้ ชี้แจง อธิบาย และสร้างความเข้าใจแก่นักเรียนเกี่ยวกับจุดประสงค์ มาตรฐานผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัดและประเมินผล การสอนชัดเจน และอันดับ 3 มี 2 ข้อ คือ ข้อ 6 ครูผู้สอนมีสื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น สื่อการนำเสนอ ใบความรู้ ใบงาน แบบฝึกทักษะ รูปภาพ และวีดิทัศน์ที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อช่วยเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้เข้าใจ มากยิ่งขึ้น และข้อ 15 ในภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจในคุณภาพของสิ่งสนับสนุนการสอน ส่วนรายการที่นักเรียนมี ความพึงพอใจน้อยมี่สุด คือ ข้อ 5 ครูผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม แสดงความคิดเห็นประชุม พูดคุย ให้คำแนะนำและรับฟังข้อคิดเห็นของนักเรียนที่แตกต่างหรือขัดแย้งจากครูผู้สอน และข้อ 7 ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการ เรียนการสอนครอบคลุมครบตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา คำสำคัญ : ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน , การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) , ความพึงพอใจของนักเรียน ต่อรายวิชาฟิสิกส์3 Abstract research The Study Of Learning Achievement in Physics3 And Students’ satisfaction with teaching and learning ,Sound Using Scientific learning activity 5E modal of Mathayomsuksa 5 had 3 research objectives as follows: 1)To determine the effectiveness of the scientific learning activity5E modal plan on the sound of Mathayomsuksa 5 students. 2)To compare the learning achievements of the Physics3 ,sound subjects of Mathayomsuksa 5 students before and after learning activity 5E modal of Mathayomsuksa 5. 3) To compare the Students’ satisfaction with teaching and learning ,Sound using scientific 5 after receiving learning activity 5E modal of Mathayomsuksa 5. The sample group of students used in the research were Mathayomsuksa 5/2 students at Huairatpittayakhom School, Huairat District, Buriram Province, semester 2 of the academic year 2021, amounting to 1 classroom, totaling 2 9 students, obtained by purposive sampling. The research instruments consisted of 7 learning management plans 5E, 40 multiple choice four-choice learning achievement test, and 15 questionnaire on satisfaction with the Physics 3. The results of the research can be summarized as follows: 1. The determine the effectiveness of the scientific learning activity 5E modal plan on the sound of Mathayomsuksa 5 students efficiency was 96.54/80.93, which was higher than the standard set of 75/75.


2.The compare the Students’ satisfaction with teaching and learning ,Sound using scientific 5 after receiving learning activity 5E modal of Mathayomsuksa 5 Sound, found that the students who received the learning activity 5E modal ( 5E) Before learning, the mean score and standard deviation of academic achievement in Physics 3 subjects sound were 18.72and 3.96, respectively, and after the study, the mean and standard deviations of academic achievement in Physics 3 subjects sound were : 32.38 and 2.40, respectively, and the learning achievement scores in Physics 3 subjects, before and after school, were significantly different at the .05 level. The after-study test and the pre-study test found that the students had higher learning achievement after school than before. 3. The overall satisfaction with the Physics 3course of MathayomSuksa 5students who received the 5-stage quest for knowledge (5E) course was at the highest level. classified by item Got 13 items at the highest level and 2 items at high level, ranked from highest to lowest. The first 3 items were item 1 , teacher punctuality in teaching, item 2 , teachers explained, explained and created understanding for students about objective learning outcome standards The criteria for measuring and evaluating teaching results were clear, and the third place consisted of 2 items: Item 6, teachers had teaching media. Technology and innovations such as presentation materials Knowledge sheets, worksheets, skill exercises, pictures and videos with up-to-date content To help enhance students' learning to understand better, and item 15 overall, students are satisfied with the quality of teaching support. As for the item that the students had the least satisfaction with was item 5, the teacher gave the students an opportunity to ask questions. Commenting on meetings, discussing, giving advice and listening to students' opinions that are different or contradicting from the teacher. Item 7, the teacher organizes teaching activities covering all the course objectives. Keywords : Learning Achievement , Scientific learning activity 5E modal , Students’ satisfaction with teaching and learning นางสาวกมลวรรณ รอนยุทธ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โทร.0828655956 Miss.Kamonwan Ronyut ,The Students practicing teaching professional experience, Faculty of Education, Buriram Rajabhat University. Tel. +66828655956


บทนำ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในสังคมโลกตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต เนื่องจากวิทยาศาสตร์ เกี่ยวข้องกับ การดำเนินชีวิตประจำวันในหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ซึ่งการที่จะพัฒนา เทคโนโลยีได้ ต้องมีการเรียนรู้ที่ดี มีพื้นฐานที่ดี เพื่อต่อยอดองค์ความรู้พื้นฐานกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวหน้ากว่าที่ เผชิญในสังคมยุคปัจจุบัน ซึ่งการเข้าใจในวิทยาศาสตร์จะสามารถสร้างเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ และ ต่อยอดด้านการแข่งขันในด้านเทคโนโลยีระดับในโลก ซึ่งการที่วิทยาศาสตร์จะสามารถนำมาสร้างหรือต่อยอดความคิดได้ อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเกิดจากการให้การศึกษากับบุคคลโดยเป็นแนวทางหนึ่งที่จะพัฒนาให้ทุกคนในสังคมมี ความรู้ความสามารถอยู่ในสังคมเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จะส่งผลการพัฒนา ผู้เรียนให้ได้รับทั้งความรู้ กระบวนการ และเจตคติ ผู้เรียนทุกคนควรได้รับการกระตุ้นส่งเสริมให้สนใจและกระตือรือร้น ที่จะเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีความสงสัย เกิดคำถามในสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว มีความมุ่งมั่นและ มีความสุขที่จะศึกษาค้นคว้า สืบเสาะหาความรู้เพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ผล นำไปสู่คำตอบของคำถาม สามารถ ตัดสินใจด้วยการใช้ข้อมูลอย่างมีเหตุผล สามารถสื่อสารคำถามคำตอบ นำข้อมูลและสิ่งที่ค้นพบจากการเรียนรู้ให้ผู้อื่นได้ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เนื่องจากความรู้วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกธรรมชาติ (Natural World) ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกคนต้องเรียนรู้เพื่อนำผลการเรียนรู้ไปใช้ในชีวิตและประกอบอาชีพ โดยหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งส่งเสริม ให้ผู้เรียนได้เสาะแสวงหาความรู้และเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีการฝึกทักษะในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อความรู้ รวมทั้งการตั้งคำถามคิดหาคำตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ได้ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ได้ เรียนรู้ด้วยตนเองและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ มีปฏิสัมพันธ์ในการทำงานและผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ที่ คอยควบคุมและอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของผู้เรียน (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551, น. 65) ฟิสิกส์เป็นวิชาหนึ่งในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ที่ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เนื่องจากวิชาฟิสิกส์เป็นหัวใจสำคัญของวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี รวมทั้งเป็นวิชาที่ใช้ตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาด้านวิศวกรรม และเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ (เกริก ศักดิ์สุภาพ, 2556, น. 1) และในระบบการศึกษาใน ประเทศไทยได้บรรจุวิชาฟิสิกส์ในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสาระ หนึ่งใน 8 สาระการเรียนรู้ที่มุ่งให้นักเรียนเข้าใจในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหลักการกฎ และทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของ วิชาฟิสิกส์สามารถนำไปใช้ไปแก้ปัญหาและประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ แต่สภาพการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันที่กำลัง เผชิญปัญหากันทั้งโลก ซึ่งมีผลมาจากการติดเชื้อไวรัสโควิด–19 ทำให้การจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเป็นไปได้ยาก นัก แต่วิชาฟิสิกส์ยังคงเป็นวิชาที่ความสำคัญในการใช้สอบเข้าระดับอุดมศึกษาเพื่อต่อยอดการเรียนรู้และอาชีพใน อนาคต เพื่อหยุดการแพร่เชื้อไวรัสโควิด–19 ครูจึงจำเป็นต้องคิดค้นการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้ นักเรียนได้ใช้กระบวนความคิดจึงจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในมโนทัศน์ที่สำคัญทางฟิสิกส์ได้ โดยให้ผู้เรียนได้รับ ความรู้ครบถ้วนและเกิดประโยชน์ในการนำไปใช้อย่างสูงสุด แต่ในปัจจุบันปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ของ ผู้เรียน ยังคงเป็นปัญหาเนื่องไม่ได้รับความสนใจมากนักเพราะคิดว่าเป็นวิชาที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจและจากได้รับการ จัดการเรียนรู้พื้นฐานที่แตกต่างกันส่งผลให้ จึงจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็น สำคัญและให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างเต็มที่เต็มศักยภาพของผู้เรียน สาเหตุที่ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ของผู้เรียนประสบความล้มเหลว เนื่องจากในการเรียน การสอนในรายวิชาฟิสิกส์ ครูเน้นผลสุดท้ายในการนำไปใช้แก้โจทย์ปัญหา โดยมักจะใช้วิธีการสอนแบบการคำนวณและ


ท่องจำ ไม่มีการสอนความเข้าใจ ตลอดจนความคิดรวบยอด (สมนึก บุญพาไสว.2534:19) ปัญหาการเรียนการสอนใน ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดแคลนครูอาจารย์ สื่อและอุปกรณ์เทคโนโลยี และปัญหาจากสื่อการสอนคุณภาพต่ำ ไม่เหมาะสมกับเนื้อหา แสดงผลได้ไม่ชัดเจน (กรมสามัญ.2540:37) เน้นการสอนโดยการบรรยาย ทำให้นักเรียนขาด การฝึกทักษะในกระบวนการวิทยาศาสตร์ และเนื่องจากสังคมโลกยุคปัจจุบันที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโควิด-19 จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของผู้เรียนและผู้สอน จากปัญหาดังกล่าววิธีการที่จะพัฒนาการเรียนการสอนให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพได้คือ การจัดการเรียน การสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญและการคำนึงถึงปัญหาที่กำลังเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 การถ่ายทอด ความรู้โดยอาศัยสื่อการเรียนการสอนด้านออนไลน์เพื่อลดการใกล้ชิดและการแพร่ระบาด จึงจำเป็นต้องใช้การจัด การเรียนการสอนแบบออนไลน์เป็นสารที่จะนำความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยเฉพาะใน ระดับชั้นมัธยมศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ ควรให้ผู้เรียนได้ฝึกลงมือปฏิบัติค้นคว้าให้ได้มาซึ่งคำตอบของคำถาม การถ่ายทอดความรู้ในด้านการเรียนการสอนครูควรหาเทคนิคการสอนอื่นเสริมเพื่อช่วยให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ทั้ง ทางตรงและทางอ้อม ส่งผลให้เกิดการคงทนในการเรียนรู้และช่วยให้นักเรียนเกิดมโนมติทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นแก่น ของความคิดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ทางวิทยาศาสตร์ดีขึ้น กระตุ้นให้เกิดความสนใจ ช่วยเพิ่มพูนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ช่วยให้นักเรียนเห็นคุณค่าและประโยชน์ขององค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ของวิชาฟิสิกส์ได้ จากประสบการณ์ในการสังเกตการสอนในรายวิชาฟิสิกส์ผู้วิจัยพบว่า บรรยากาศในการเรียนการสอนขาดการมี ปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้สอนและผู้เรียน เมื่อมีการป้อนคำถามก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากนักเรียนเท่าที่ควร นักเรียนที่ เรียนเก่งมักจะเป็นผู้ตอบคำถามเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อพบโจทย์ปัญหาที่แตกต่างจากที่เคยพบในชั้นเรียนนักเรียนก็ไม่ สามารถที่จะแก้ปัญหาโจทย์ได้ จึงเป็นผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ต่ำ และจากการสอบถามเจตคติที่มีต่อ รายวิชาฟิสิกส์ จากการทำแบบสอบถาม พบว่านักเรียนส่วนใหญ่มีเจตคติที่ไม่ดีต่อรายวิชาฟิสิกส์ เนื่องจากเป็นวิชาที่ ต้องการผสมผสานระหว่างคณิศาสตร์เข้ามาร่วมกับสมการที่ใช้คำนวณในรายวิชาฟิสิกส์ที่หลากหลายซึ่งยากต่อการจดจำ ของผู้เรียน ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะนำการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) มาใช้สอนในรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง เนื่องจากเป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้(5E) เป็นการสอนที่มีทั้งทฤษฎีและ การปฏิบัติ และตรงกับการจัดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันผู้วิจัยจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งยังคงต้องเน้นให้ผู้เรียนเกิดความรู้สูงสุด จากเหตุผลดังกล่าว สภาพปัญหาที่นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์ต่ำจึงต้องได้รับการปรับปรุง แก้ไข ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะนำการจัดการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) มาใช้ในการสอน ซึ่งผู้วิจัยเชื่อว่าจะเป็น การเรียนรู้ที่เหมาะสมนำมาใช้ทดลอง ปรับปรุง การเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ เพื่อให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาฟิสิกส์สูงขึ้น และมีความพึงพอใจต่อวิชารายวิชาฟิสิกส์มากขึ้น ผู้วิจัยได้เลือกรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะ หาความรู้ 5 ขั้น (5E) มาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนฟิสิกส์ เรื่อง เสียง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในบทเรียนต่อไป อีกทั้งเป็น การฝึกทักษะ ให้ผู้เรียนมีทักษะในการเรียนรู้ด้วยตนเอง และทักษะกระบวนการทางสังคม และการใช้การวิจัยเชิง ปฏิบัติการ ซึ่งเป็นวิธีการแก้ไขในรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และสะท้อนผลการปฏิบัติการซึ่งเป็นขั้นตอนของการ วิจัยเชิงปฏิบัติมาปรับปรุงและพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง


วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) 3. เพื่อศึกษาระดับความพึงพอใจที่มีต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ขอบเขตการวิจัย 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชาฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง อยู่ในระดับมาก วิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยเป็นผู้ดำเนินการทดลองและรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างได้ดำเนินการ ตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้1. เลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งได้รับการเลือกอย่างเจาะจง (Purposive sampling) จำนวน 1 ห้องเรียน 2. ปฐมนิเทศนักเรียนกลุ่มเป้าหมายด้วยการชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจถึงขั้นตอนกระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เพื่อที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง 3. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียน กลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา 3 ฟิสิกส์ จำนวน 40 ข้อ และแบบประเมินความ พึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 จำนวน 15 ข้อ 4. ผู้วิจัยดำเนินการสอนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาฟิสิกส์3 ว32203 โดยใช้วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง เวลาเรียน 14 ชั่วโมง จำนวน 7 แผน กับนักเรียน กลุ่มตัวอย่าง โดยผู้วิจัยเป็นผู้สอนเอง 5. เมื่อสิ้นสุดการสอน ทำการทดสอบหลังเรียน (Post-test) กับนักเรียนกลุ่มเดิม ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง จำนวน 40 ข้อ และแบบประเมินความ พึงพอใจต่อรายวิชาฟิสิกส์ จำนวน 15 ข้อ ซึ่งเอกสารทั้งสองฉบับเป็นชุดเดียวกับที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน 6. นำคะแนน จากการตรวจแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง และแบบประเมินความพึงพอใจ ต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 มาวิเคราะห์โดยวิธีทางสถิติ เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน ประชากรกลุ่มตัวอย่าง 1. ประชากร คือ นักเรียนชั้นนมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนห้วยราชพิทยาคม อำเภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 5 ห้องเรียน รวมนักเรียน 176 คน 2. กลุ่มเป้าหมายของการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนห้วยราชพิทยาคม ที่เรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 ว 32203 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 29 คน


การวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการทดลองโดยใช้โปแกรมสำเร็จรูปเพื่อการวิจัยผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียงและความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์ 3 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5 ขั้น (5E) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้ t-test Dependent แล้วนำเสนอข้อมูลโดยใช้ตารางประกอบคำบรรยาย โดยวิเคราะห์ตาม 1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (ตาราง 2) 2. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์รายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) (ตาราง 3 และ 4) 3. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความพึงพอใจที่มีต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนและหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) (ตาราง 5) ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตาราง 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลค่าประสิทธิภาพของกระบวนการที่จัดไว้ในบทเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (E1 ) เลขที่ เอกสารประกอบการเรียนรู้ E1 1 2 3 4 5 6 7 รวม คะแนน เต็ม 4 2 19 4 2 2 2 35 100 1 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 2 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 3 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 4 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 5 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 6 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 7 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 8 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 9 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 10 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 11 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 12 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 13 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 14 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 15 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 16 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 17 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14


ตาราง 2 (ต่อ) เลขที่ เอกสารประกอบการเรียนรู้ E1 1 2 3 4 5 6 7 รวม คะแนน เต็ม 4 2 19 4 2 2 2 35 100 18 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 19 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 20 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 21 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 22 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 23 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 24 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 25 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 26 4.00 2.00 17.00 4.00 2.00 2.00 2.00 33.00 94.28 27 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 28 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 29 4.00 2.00 18.00 4.00 2.00 2.00 2.00 34.00 97.14 ̅ 4.00 2.00 17.79 4.00 2.00 2.00 2.00 33.79 96.54 . . 0 0 0.41 0 0 0 0 0.41 1.17 ร้อยละ 100 100 93.63 100 100 100 100 96.54 96.54 จากตาราง 2 พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง คะแนน จากกระบวนการที่จัดไว้ในบทเรียน คือ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ฟิสิกส์3 แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น จำนวน 7 แผน มีคะแนนเต็ม 35 คะแนน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 33.79 คิดเป็นร้อยละ 96.54 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.41 ซึ่งค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมาก ความแปรปรวนของข้อมูลที่ได้จะมาก หมายความว่า ถ้าค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานน้อยจะทำให้ข้อมูลที่ได้มีประสิทธิภาพ ดังตาราง 2 ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1 ) เท่ากับ 96.54 ตาราง 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลคะแนนก่อนเรียนหลังเรียนและผลต่างของนักเรียนที่นักเรียนที่ได้รับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เลขที่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลต่างคะแนนก่อนและ หลังเรียน ก่อนเรียน หลังเรียน E2 40 คะแนน 40 คะแนน 1 18.00 30.00 12.00 2 16.00 32.00 16.00


เลขที่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลต่างคะแนนก่อนและ หลังเรียน ก่อนเรียน หลังเรียน E2 40 คะแนน 40 คะแนน 3 21.00 30.00 9.00 4 20.00 33.00 13.00 5 15.00 30.00 15.00 6 21.00 34.00 13.00 7 22.00 33.00 11.00 8 16.00 30.00 14.00 9 16.00 30.00 14.00 10 16.00 32.00 16.00 11 22.00 30.00 8.00 12 28.00 34.00 6.00 13 21.00 37.00 16.00 14 17.00 30.00 13.00 15 17.00 36.00 19.00 16 19.00 30.00 11.00 17 15.00 31.00 16.00 18 11.00 32.00 21.00 19 22.00 30.00 8.00 20 14.00 35.00 21.00 21 21.00 37.00 16.00 22 19.00 30.00 11.00 23 25.00 33.00 8.00 24 18.00 35.00 17.00 25 22.00 37.00 15.00 26 17.00 30.00 13.00 27 19.00 33.00 14.00 28 25.00 31.00 6.00 29 10.00 34.00 24.00 ∑X 543.00 939.00 396.00 ̅ 18.72 32.38 13.65 . . 3.96 2.40 4.43 ร้อยละ 46.8 80.93 34.13


จากตาราง 3 พบว่า นักเรียนจำนวน 29 คน ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนที่ได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คะแนนเต็ม 40 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ย 32.37 คิดเป็นร้อยละ 80.93 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.40 ซึ่งค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานมาก ความแปรปรวนของข้อมูลที่ได้จะมาก หมายความว่า ถ้าค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานน้อยจะทำให้ข้อมูลที่ ได้มีประสิทธิภาพ ดังตาราง 3 ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2 ) เท่ากับ 80.93 ดังนั้นประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยใช้สูตร E1 /E2 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 คือ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้ ตาราง 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของรายวิชาฟิสิกส์ 3 ก่อนและหลังเรียน ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง สำหรับนัก เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลสัมฤทธิ์ จำนวนนักเรียน คะแนนเต็ม ̅. . t-test P ก่อนเรียน 29 40 18.72 3.96 16.64 .00 ผลสัมฤทธิ์ 29 40 32.38 2.40 มีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05* จากตาราง 4 พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ก่อนเรียนมีคะแนน เฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง เป็น 18.72 และ 3.96ตามลำดับ และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3 เรื่อง เสียง เป็น 32.38 และ 2.40 ตามลำดับ และคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของคะแนนระหว่างการทดสอบหลังเรียนกับการ ทดสอบก่อนเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ตาราง 5 ผลการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ คะแนนความพึงพอใจและระดับความพึงพอใจ ที่มีต่อรายวิชาฟิสิกส์ 3 ของนักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ข้อที่ ข้อความ ̅. . ระดับ ความพึงพอใจ 1 ความตรงเวลาในการสอนของครูผู้สอน 5.00 0.00 มากที่สุด 2 ครูผู้สอนได้ชี้แจง อธิบาย และสร้างความเข้าใจแก่นักเรียน เกี่ยวกับจุดประสงค์ มาตรฐานผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัดและ ประเมินผลการสอนชัดเจน 5.00 0.00 มากที่สุด 3 ครูผู้สอนมีความสามารถในการถ่ายทอด จัดการเรียนการสอน เป็นขั้นตอนเหมาะสมเข้าใจง่าย 4.86 0.34 มากที่สุด


ตาราง 5 (ต่อ) ข้อที่ ข้อความ ̅. . ระดับ ความพึงพอใจ 4 ครูผู้สอนเปิดโอกาส ส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษา/เรียนรู้ด้วย ตนเอง 4.76 0.43 มากที่สุด 5 ครูผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม แสดงความคิดเห็น ประชุม พูดคุย ให้คำแนะนำและรับฟังข้อคิดเห็นของนักเรียน ที่แตกต่างหรือขัดแย้งจากครูผู้สอน 4.41 0.77 มาก 6 ครูผู้สอนมีสื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น สื่อการ นำเสนอ ใบความรู้ ใบงาน แบบฝึกทักษะ รูปภาพ และวีดิ ทัศน์ที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อช่วยเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น 4.93 0.25 มากที่สุด 7 ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครอบคลุมครบตาม วัตถุประสงค์ของรายวิชา 4.41 0.81 มาก 8 ครูผู้สอนสรุปประเด็นเนื้อหา ความรู้เรื่องนั้นๆ ให้ผู้เรียนเข้าใจ เนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น 4.69 0.59 มากที่สุด 9 ครูผู้สอนจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถของนักเรียนตาม ศักยภาพของนักเรียน 4.62 0.61 มากที่สุด 10 ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในความสามารถในการ สอนของครูผู้สอน 4.79 0.41 มากที่สุด 11 ห้องเรียนมีขนาดเหมาะสมกับจำนวนนักเรียน 4.59 0.67 มากที่สุด 12 ห้องเรียนมีพื้นที่เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนการ สอน เช่น การแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม 4.55 0.72 มากที่สุด 13 ห้องเรียนมีเครื่องมือและโสตทัศนูปกรณ์เพื่ออำนวยความ สะดวก เช่น เครื่องเสียง เครื่องฉายภาพ อยู่ในสภาพใช้งานได้ 4.59 0.72 มากที่สุด 14 ห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ มีเครื่องมือพร้อมใช้งาน 4.55 0.67 มากที่สุด 15 ในภาพรวมนักเรียนมีความพึงพอใจในคุณภาพของสิ่ง สนับสนุนการสอน 4.93 0.25 มากที่สุด เฉลี่ย 4.71 0.48 มากที่สุด จากตาราง 5 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจหลังได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยจำแนกเป็นรายข้อ ได้ระดับมากที่สุด 13 ข้อและ ระดับมาก 2 ข้อ เรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อที่ 1 ความตรงเวลาในการสอนของครูผู้สอน ข้อ 2 ครูผู้สอนได้ชี้แจง อธิบาย และสร้างความเข้าใจแก่นักเรียนเกี่ยวกับจุดประสงค์ มาตรฐานผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัด


และประเมินผลการสอนชัดเจน และอันดับ 3 มี 2 ข้อ คือ ข้อ 6 ครูผู้สอนมีสื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น สื่อการนำเสนอ ใบความรู้ ใบงาน แบบฝึกทักษะ รูปภาพ และวีดิทัศน์ที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อช่วยเสริมการเรียนรู้ของ นักเรียนให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และข้อ 15 ในภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจในคุณภาพของสิ่งสนับสนุนการสอน ส่วน รายการที่นักเรียนมีความพึงพอใจน้อยมี่สุด คือ ข้อ 5 ครูผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม แสดงความคิดเห็น ประชุม พูดคุย ให้คำแนะนำและรับฟังข้อคิดเห็นของนักเรียนที่แตกต่างหรือขัดแย้งจากครูผู้สอน และข้อ 7 ครูผู้สอนจัด กิจกรรมการเรียนการสอนครอบคลุมครบตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา สรุปผลการวิจัย 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ หาความรู้ 5 ขั้น (5E) ในรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนแบบสืบเสาะ หาความรู้5 ขั้น (5E) พบว่านักเรียนมีวามพึงพอใจต่อรายวิชาฟิสิกส์ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด อภิปรายผล การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง และ ความพึงพอใจต่อรายวิชาฟิสิกส์3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) อภิปรายผลได้ดังนี้ 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) ในรายวิชาฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้ พบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง คะแนนจาก กระบวนการที่จัดไว้ในบทเรียน คือ แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ฟิสิกส์3 แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น จำนวน 7 แผน มีคะแนนเต็ม 35 คะแนน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 33.79 คิดเป็นร้อยละ 96.54 และมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.41 ซึ่งค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมาก ความแปรปรวนของข้อมูลที่ได้จะมาก หมายความว่า ถ้าค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐานน้อยจะทำให้ข้อมูลที่ได้มีประสิทธิภาพ ดังตาราง 2 ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1 ) เท่ากับ 96.54 และ จากตาราง 3 พบว่า นักเรียนจำนวน 29 คน ทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนที่ได้รับการจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คะแนนเต็ม 40 คะแนน ได้คะแนนเฉลี่ย 32.37 คิดเป็นร้อยละ 80.93 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.40 ซึ่งค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมาก ความแปรปรวนของข้อมูลที่ได้จะมาก หมายความว่า ถ้าค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานน้อยจะทำให้ข้อมูลที่ได้มี ประสิทธิภาพ ดังตาราง 3 ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2 ) เท่ากับ 80.93 ดังนั้นประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยใช้ สูตร E1 /E2 เพื่อทดสอบประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 คือ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้


ซึ่งการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้5 ขั้น (5E) กระตุ้นส่งเสริมให้นักเรียนได้ เรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเองจากสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวหรือประสบการณ์ที่เคยได้รับมาสร้างสรรค์ชิ้นงานให้เป็น ผลงานรูปแบบใหม่ พิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้นักเรียนเกิดองค์ความรู้ที่จะนำไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งสอดคล้องกับ รัศมี ชำนาญงาม (2554) ได้ศึกษา) พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง ชีวิต สัตว์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 3) ศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง ชีวิตสัตว์ โดยใช้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ พบว่า 1) บทเรียนสำเร็จรูป กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี ประสิทธิภาพเท่ากับ 83.49 / 83.07 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ 80/80 2) นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 3) นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จากเหตุผลที่กล่าวมานี้สนับสนุนให้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) ในรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 96.54/80.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้ 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง ก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง เป็น 18.72 และ 3.96 ตามลำดับ และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบน มาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์3เรื่อง เสียง เป็น 32.38 และ 2.40 ตามลำดับ และคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนรายวิชา ฟิสิกส์ 3 เรื่อง เสียง ก่อนเรียนและหลังเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ยของคะแนนระหว่างการทดสอบหลังเรียนกับการทดสอบก่อนเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน เนื่องจาก การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยเน้นให้ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการปฏิบัติกิจกรรมของการเรียนการสอน และมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองอย่างมีเหตุผลโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยผู้สอนมีหน้าที่จัดบรรยากาศการสอน ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ ซึ่งขั้นตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน คือ การสร้างความ สนใจ (Engagement)การสำรวจและค้นหา (Exploration) การอธิบาย (Explanation) การขยายความรู้ (Elaboration) และการประเมินผล (Evaluation) ซึ่งทั้ง 5 ขั้นตอนเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ครูจะต้องส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักคิด มีความคิดสร้างสรรค์ ให้โอกาสนักเรียนได้ใช้ความคิดของตนเองได้มากที่สุด ทั้งนี้กิจกรรมที่จะให้นักเรียนสำรวจ ตรวจสอบ จะต้องเชื่อมโยงกับความคิดเดิม และนำไปสู่การแสวงหาความรู้ใหม่ และได้ใช้กระบวนการและทักษะต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์และการสืบเสาะหาความรู้


ความรู้ที่ได้มาด้วยความพยายามของนักเรียนที่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Process) ในการสืบเสาะหาความรู้ (Scientific Inquiry) การแก้ปัญหาโดยผ่านการสังเกตการณ์สำรวจ (Investigation) การศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ และการค้นคว้าหาข้อมูลทำให้เกิดองค์ความรู้เพิ่มพูนมากขึ้น จากเหตุผลที่กล่าวมานี้สนับสนุนได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ความพึงพอใจต่อรายวิชา ฟิสิกส์ 3 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนแบบสืบเสาะ หาความรู้5 ขั้น (5E) พบว่านักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) มีความพึงพอใจหลังที่ ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยจำแนกเป็นราย ข้อ ได้ระดับมากที่สุด 13 ข้อและระดับมาก 2 ข้อ เรียงลำดับจากมากไปน้อย 3 อันดับแรก คือ ข้อที่ 1 ความตรงเวลาใน การสอนของครูผู้สอน ข้อ 2 ครูผู้สอนได้ชี้แจง อธิบาย และสร้างความเข้าใจแก่นักเรียนเกี่ยวกับจุดประสงค์ มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัดและประเมินผลการสอนชัดเจน และอันดับ 3 มี 2 ข้อ คือ ข้อ 6 ครูผู้สอนมีสื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น สื่อการนำเสนอ ใบความรู้ ใบงาน แบบฝึกทักษะ รูปภาพ และวีดิทัศน์ที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อช่วยเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และข้อ 15 ในภาพรวม นักเรียนมีความพึงพอใจในคุณภาพของ สิ่งสนับสนุนการสอน ส่วนรายการที่นักเรียนมีความพึงพอใจน้อยมี่สุด คือ ข้อ 5 ครูผู้สอนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ ซักถาม แสดงความคิดเห็นประชุม พูดคุย ให้คำแนะนำและรับฟังข้อคิดเห็นของนักเรียนที่แตกต่างหรือขัดแย้งจาก ครูผู้สอน และข้อ 7 ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนครอบคลุมครบตามวัตถุประสงค์ของรายวิชา นักเรียนมีความพึงพอใจต่อวิชา ฟิสิกส์3 ในระดับมากที่สุด เนื่องกิจกรรมการสอนเน้นกระบวนการ ให้นักเรียนได้สืบเสาะหาความรู้ด้วยตนเองและครูผู้สอนมีสื่อการสอน เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น สื่อการนำเสนอ ใบความรู้ ใบงาน แบบฝึกทักษะ รูปภาพ และวีดิทัศน์ที่มีเนื้อหาทันสมัย เพื่อช่วยเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนให้เข้าใจ มากยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการสอนฟิสิกส์แบบสืบเสาะหาความรู้ด้วยทักษะกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือ โดย การสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนทดลองสร้างกล่องเก็บเสียงโดยใช้ระดมความคิดและแลกเปลี่ยนความรู้ ส่งผลให้นักเรียนมี ความพึงพอใจหลังที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับนิกรณ์ นิลพงษ์ (2555) ที่ได้ได้ศึกษาการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง คลื่นกล การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง คลื่นกล รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ฟิสิกส์) ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนและหลังเรียน เรื่องคลื่นกล รายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (ฟิสิกส์) โดยใช้ชุดกิจกรรมที่สร้างขึ้น เพื่อศึกษาความ พึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนวิทย์-คณิต โรงเรียนศีขรภูมิพิสัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 จำนวน 316 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้จากการ เลือกแบบเจาะจง จำนวน 132 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดความพึงพอใจของ นักเรียนหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E ผลการวิจัยพบว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง คลื่นกล มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 76.59/75.58 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง มีความพึงพอใจในการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E ในระดับมาก


จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจหลังได้รับ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น (5E) เรื่อง เสียง โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ข้อเสนอแนะ ควรมีการศึกษาวิจัยโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ในกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ เพื่อเป็นแนวทาง ในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). การจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ตามหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. ______. (2546). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พุทธศักราช 2545. กรุงเทพมหานคร : คุรุสภา ______. (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. ______. (2540). ผลการดำเนินงานกรมสามัญศึกษาในรายงานประจำปี 2539. กรุงเทพฯ : กรมสามัญศึกษา. กรมวิชาการ. (2545). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. กิติชัย สุทธาสิโนบล. (2541). ผลการใช้เทคนิคการตั้งคำถามของครูที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และพฤติกรรมกลุ่มของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (สาขาหลักสูตรและการสอน) กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ชนาธิป พรกุล. (2546,พฤษภาคม). “หลักการเขียนแผนการสอน”. วารสารวิชาการ.6(5). : 12. ชัยยงค์ พรหรมวงศ์. ประสิทธิภาพ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.educ.su.ac.th/2013/ images/stories/.210655_03.pdf. ชมนาค เชื้อสุวรรณทวี. (2542). การวัดและประเมินผลการศึกษา. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์เฮ้าส์ออฟเคอร์มิ. ณัฐสิตา สมสมัย. (2556,กุมภาพันธ์). ผลการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง วงจรไฟฟ้า โดยใช้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ระดับชั้นระถมศึกษาปีที่ 6. การศึกษาค้นคว้าอิสระกศ.ม. (สาขาหลักสูตร และการสอน) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. ทัศนียพร ครูเกษตร. (2552). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. (สาขาหลักสูตรและ การสอน) มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสารคาม.


ทิศนา แขมมณี. (2552). ศาสตร์การสอน องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : ด่านสุทธาการพิมพ์. นิกร นิลพงษ์. (2555). การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามวัฏจักรการเรียนรู้แบบ 5E เรื่อง คลื่นกล. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/e-esearch/?q=node842. บุญชม ศรีสะอาด. (2553). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. บุญเทียน สุนารี. (2561). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์ เรื่อง คลื่นกล โดยใช้รูปแบบการสอน แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) สอดแทรกกลวิธีการสอนทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/e-research/?q=node/842. ประณีต บุญชม. (2540). การสร้างแบบฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. บุรีรัมย์ : สำนักงานการประถมศึกษานางรอง ไพรฑูรย์ มะณู. (2555). สื่อการเรียนรู้. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.gotoknow.ors/231415. ไพฑูรย์ สุขศรีงาม. (2545). การศึกษาต้องการเพิ่มสมรรถภาพการสอนของครูวิทยาศาสตร์ ที่มีเพศประสบการณ์ ในการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ที่สอนต่างกัน. มหาสารคาม : คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. พวงรัตน์ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 8).กรุงเทพฯ : สำนักงาน ทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร. พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2550). การวัดผลการศึกษา. เชียงใหม่ : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. รัศมี ชำนาญงาน. (2554,มิถุนายน). การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป โดยใช้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ กลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. การศึกษาค้นคว้าอิสระ กศ.ม. (สาขาหลักสูตร และการสอน) มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ :บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. รุจาภา ประถมวงศ์. (2551). การเปรียบเทียบความสามารในการคิดวิเคราะห์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐาน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง สารในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนแบบวัฏจักรการเรียนรู้ 5 ขั้น (5E). วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (สาขา การวิจัยการศึกษา) มหาสารคาม : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. รุจิร์ ภู่สาระ. (2545). การเขียนแผนการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์. แรมสมร อยู่สถาพร. (2544). เทคนิคและวิธีสอนในระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ล้วน สายยศและอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น วัชรา เล่าเรียนดี. (2547). เทคนิคและวิธีการจัดการเรียนรู้สำหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม : โครงการส่งเสริมการผลิต ตำราและเอกสารการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.


วัฒนาพร ระงับทุกข์. (2553). แผนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ :วัฒนาพานิช. วาชินี บุญญพาพงศ์. (2552). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องพืชและสัตว์ ทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักร การสืบเสาะหาความรู้. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (สาขาหลักสูตรและการสอน) นครราชสีมา : มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา. สงบ ลักษณะ. (2543,มกราคม-มีนาคม). “แนวคิดบางประการในการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนเชิงกระบวนการ”. สารพัฒนาหลักสูตร. 8, (3) : 55-56 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2547). การจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มวิทยาศาสตร์หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี. _______. (2556). การจัดสาระการเรียนรู้ กลุ่มวิทยาศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สิปปนนท์ เกตุทัต. (2541). การประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องวิสัยทัศน์การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ยุคหลังปี ค.ศ. 2000. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. สีประภา สุทธิสิน. (2560). การพัฒนาชุดกิจกรรมการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) เรื่องการเคลื่อนที่ วิชา ฟิสิกส์พื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสวนศรีวิทยา.(ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.suansri.ac.th/datashow_46787. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2545). การเขียนแผนการสอนแนวปฏิรูปการศึกษาตาม พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ. นครสวรรค์ : ริมปิงการพิมพ์. สุวิทย์ มูลคำ. (2545). 20 วิธีการจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์. สมนึก บุญพาไสว.(2534,มกราคม-มีนาคม).“การแก้ปัญหากับมโนมติในการเรียนการสอนฟิสิกส์” วารสาร สสวท. ปี2545 (3) : 19. สมนึก ภัททิยธนี. (2546). การวัดผลการศึกษา. มหาสารคาม : ภาควิชาการวัดและวิจัยทางการศึกษา มหาวิทยาลัย มหาสารคาม.สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2551). การจัดการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว. สำนักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง หลักสูตรกลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://drive. google.com/file/d/1_ 1_ALwE9xuCL3Fjet3XI4gYjBj8p_1zLaA/view. สำนักงานส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2548 ก). เอกสารประกอบการเผยแพร่ขยายผลและอบรม รูปแบบการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.


Abdillahi Hajiomer Hassan. (2017). Effects of the 5E Teaching Model Using Interactive Simulation on Achievement and Attitude in Physics Education. Turkey. International Journal of Innovation in Science and Mathematics Education. [Online]. Available : https://openjournals. library.sydney.edu.au/index .php/CAL/article. A C sugiarti. (2018). The development of learning material using learning cycle 5E model based stem to improve students’ learning outcomes in Thermochemistry. Indonesia. Universitas Negeri Surabaya. [Online]. Available : https://iopscience.iop.org/article/10.1088/1742-6596 /1006/1/013. Ferguson, George A. (1981). Statistical Analysis in Psychology and Education. (5th ed.) Tokyo : Kosaido Printing Co. [Online]. Available : https://trovenla.gov.au/work /16132480. Fitz-Gibbon , Carol Taylor and Lyons Morris. (1987). How to Design a Program Evaluation. New Bury Park : Sage [Online]. Available : https://www.amazon.com/Carol-Taylor-Fitz-GibbonProgram Evaluation/dp4. Güner Tural. (2010).Effect of 5E Teaching Model on Student Teachers’ Understanding of Weightlessness. Tural .Journal of Science Education and Technology. [Online]. Available : https://link.springer.com/article/10.1007/s10956-010-9214-y. Hava Ipek Akbulut. (2011). Effect of using different teaching methodsand techniques embedded within the 5einstructional model on removing students’alternative conceptions: Fluid pressure. Turkey. Karadeniz Technical University. [Online]. Available : htpps:///www.Effect _of_using_different_teaching_metho_3%20(1).pdf. Mustafa Yadigaroglu. (2012). The Effect of Activities Based on 5e Model on Grade 10 Students’ Understanding of the Gas Concept. Turkey. Karadeniz Technical University. [Online]. Available : https://www. sciencedirect.com/science/article/pi/.


Click to View FlipBook Version