เอกสารประกอบการเรียน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
(Mesopotamian civilization)
รายวิชาสสังำหครมับศึนกักษเารียสน3ชั3้น1ม0ัธ1ย(มปศรึกะวษัตาิศปีาทีส่ 6ตร์สากล)
รายวิชาสังคมศึกษา ส 33101
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
By: ครูนิรัตน์ เสมอภพ
คำนำ
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-BOOK) เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ
รายวิชาสังคมศึกษา รหัสวิชา ส33101 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ฉบับนี้
เป็นสื่อที่พัฒนาขึ้น เพื่อใช้ประกอบการเรียนรู้ครอบคลุมเนื้อหาสาระ
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ควรรู้มี
เนื้อหา ที่สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางขั้นพื้นฐานและหลักสูตรของ
สถานศึกษา
ทั้งนี้ผู้จัดทำหวังว่า ความรู้เรื่องนี้ จะมีผลต่อทุกคนที่เข้ามาเปิด
เพื่อศึกษารวมถึงเป็นประโยชน์ต่อทุกคนใน เวลาถัดไปในอนาคต
นายนิรัตน์ เสมอภพ
ผู้จัดทํา
สารบัญ หน้า
เรื่อง 2
3
คำนำ 4
สารบัญ 5
คำชี้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรียน 6
มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 8
ขั้นตอนการใช้เอกสารประกอบการเรียน 9
กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 13
แบบทดสอบก่อนเรียน 27
เนื้อหาอารยธรรมกเมดสโปเตเมีย 28
กิจกรรมที่ 1 29
กิจกรรมที่ 2 30
กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน
แบบทดสอบหลังเรียน
คำชี้แจงการใช้เอกสารประกอบการเรียน 4
การเรียนรู้ด้วยเอกสารประกอบการเรียน รายวิชาสังคมศึกษา
(ประวัติศาสตร์สากล) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การเรียนรู้ที่ 3 อารยธรรม
โลกสมัยโบราณ เล่มที่ 1 เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย นักเรียนควร
ปฏิบัติกิจกรรมตามลำดับดังนี้
1. ศึกษาสาระสำคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้ เพื่อ
ให้ทราบว่าเมื่อนักเรียนเรียนรู้ จากเอกสารประกอบการเรียนนี้แล้ว
นักเรียนสามารถเรียนรู้อะไรบ้าง
2. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อให้นักเรียนประเมินตนเองว่ามีความ
รู้พื้นฐานก่อนเรียนเท่าใด
3. ศึกษาเอกสารและทำกิจกรรมตามลำดับที่กำหนดไว้ เพื่อเป็นการ
ทบทวนให้มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหายิ่งขึ้น
4. ทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อเปรียบเทียบความรู้พื้นฐานจากการ
ทดสอบก่อนเรียน
5. นักเรียนแต่ละคนต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่เปิดดูเฉลยแบบ
ทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน และแบบเฉลยกิจกรรมก่อนปฏิบัติ
6. ตรวจเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และแบบทดสอบหลังเรียนจาก
ใบเฉลย แล้วบันทึกผลในตารางบันทึกคะแนนในกระดาษคำตอบเพื่อ
ทราบผลการเรียนรู้
5
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 4.2
เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในแง่ความ
สัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่องตระหนักถึง
ความสำคัญและสามารถวิเคราะห์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด ม 4-6/1
วิเคราะห์อิทธิพลของอารยธรรมโบราณ และการติดต่อระหว่างโลก
ตะวันออกกับโลกตะวันตกที่มีผลต่อพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของ
โลก
ขั้นตอนการใช้เอกสารประกอบการเรียน 6
ศึกษาคำชี้แจง
แบบทดสอบก่อนเรียน
ศึกษาเนื้อหา
กิจกรรมการเรียนรู้
แบบทดสอบหลังเรียน
ผ่านเกณฑ์ ไม่ผ่านเกณฑ์
ผ่านร้อยละ 70
7
แบบทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง อารยธรรม
เมโสโปเตเมีย
กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 8
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ชื่อ ............................................................ชัน ................ เลขที่ ..............
ข้อที่ ก ข ค ง
คะแนนเต็ม 10
คะแนนที่ได้
เกณฑ์การประเมิน
คะแนนระหว่าง 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก
คะแนนระหว่าง 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี
คะแนนระหว่าง 5-6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้
คะแนนระหว่าง 0-4 อยู่ในเกณฑ์ ปรับปรุง
9
แบบทดสอบก่อนเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
1. อารยธรรมโบราณใดที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างแม่น้ำสองสาย
ก. อารยธรรมอิยิปต์
ข. อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ค. อารยธรรมโรมัน
ง. อารยธรรมจีน
2. อารยธรรมแห่งแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำใด
ก. แม่น้ำฮวงโห-แยงซีเกียง
ข. แม่น้ำคงคา-สินธุ
ค. แม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติ
ง. แม่น้ำไนล์
3. ชนเผ่าแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรเมโสโปเตเมีย คือ
ก. สุมเรียน
ข. แอตคาเดียน
ค. ฮิตไทน์
ง. เปอร์เซียน
แบบทดสอบก่อนเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน 10
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
4. ชนเผ่าที่รู้ัจักการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ คือ
ก. เปอร์เซียน
ข. ฮิตไทน์
ค. สุเมเรียน
ง. แอตคาเดียน
5. ดินแดนพระจันทร์เสี้ยว หมายถึงบริเวณที่ตั้งอาณาจักรใด
ก. อียิปต์
ข. เมโสโปเตเมีย
ค. กรีก
ง. อินเดีย
6. ซิกรูแลต คือสถาปัตยกรรมด้านศาสนาของชนเผ่าใด
ก. สุเมเรียน
ข. เปอร์เซียน
ค. อัสซีเรียน
ง. เมโสโปเตเมีย
แบบทดสอบก่อนเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน 11
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
7. อักษรคูนิฟอร์ม หรือ อักษรรูปลิ่ม ปรากฏในสมัยอาณาจักรใด
ก. เมโสโปเตเมีย
ข. อัสซีเรียน
ค. คาลเดีย
ง. บาบิโลเนีย
8. สวนลอยบาบิโลน สร้างขึ้นสมัยใด
ก. คาลเดีย
ข. อัสซีเรีย
ค. บาบิโลเนีย
ง. อิยิปต์
9. การแบ่งเวลา 1 สัปดาห์เท่ากับ 7 วันเกิดในสมัยใด
ก. บาบิโลเนีย
ข. คาลเดีย
ค. เมโสโปเตเมีย
ง. อัสซีเรีย
แบบทดสอบก่อนเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน 12
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
10. ประมวลกฏหมายที่ยึดหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน เกิดในสมัยอารยธรรม
ใด
ก. อิยิปต์
ข. บาบิโลเนีย
ค. เมโสโปเตเมีย
ง. จีน
เนื้อหา
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
14
ชนชาติที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
เมโสโปเตเมียเป็นแหล่งอารยธรรมที่มีความเก่าแก่ ที่สุดแห่งหนึ่ง
เมโสโปเตเมียเป็นคำกรีกโบราณ แปลว่า ที่ระหว่างแม่น้ำ (meso =
กลาง + potamia = แม่น้ำ) โดยมีนัยหมายถึง ดินแดนระหว่างแม่น้ำ
ไทกริสกับยูเฟรทีส (ปัจจุบันนี้อยู่ใน ประเทศอิรัก) ดินแดนนี้เป็นส่วน
หนึ่งของ "พระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์" ซึ่งเป็นดินแดน รูปครึ่ง
วงกลมผืนใหญ่ ทอดโค้งขึ้นไปจากฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรดอ่าว
เปอร์เซีย อาณาบริเวณที่เรียกว่าเมโสโปเตเมีย มีทิศเหนือจรดทะเลดำ
และทะเลแคสเปียน ทิศตะวัน ตกเฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซึ่งล้อม
รอบด้วยทะเลแดงและมหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวัน ตกจรดที่ราบซีเรีย
และปาเลสไตน์ ส่วนทิศตะวันออกจรดที่ราบสูงอิหร่าน อาณาบริเวณที่
เรียกว่าเมโสโปเตเมีย มีทิศเหนือจรดทะเลดำและทะเลแคสเปียน ทิศ
ตะวันตกเฉียงใต้จรดคาบสมุทรอาหรับซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลแดงและ
มหาสมุทรอินเดีย ทิศตะวันตกจรดที่ราบซีเรียและปาเลสไตน์ ส่วนทิศ
ตะวันออกจรดที่ราบสูงอิหร่าน
15
โดยระหว่างสองฝั่งแม่น้ำทั้งสองสายเป็นพื้นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์
เหมาะแก่การเพาะปลูก ทําให้กลุ่มชนชาติต่าง ๆ เข้ามาทํามาหากินและ
สร้างอารยธรรมขึ้น รวมทั้งถ่ายทอดอารยธรรมจากกลุ่มหนึ่งสู่กลุ่มหนึ่ง
ทำให้เกิดอารยธรรมแบบผสม ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มแม่น้ำเป็นสิ่ง
ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาทำมาหากินในบริเวณนี้ แต่ความร้อนของอากาศก็
เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังของผู้คนที่อาศัยอยู่ทำให้คนเหล่านั้นขาดความ
กระตือรือร้น เมื่อมีพวกอื่นเข้ารุกรานจึงต้องหลีกทางให้ผู้ที่เข้ามาใหม่
ซึ่งเมื่ออยู่ไปนาน ๆ เข้าก็ประสบภาวะเดียวกันต้องหลีกให้ผู้อื่นต่อไป
โดยคนกลุ่มแรกที่สร้างอารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นคือชาวซูเมอร์ ผู้คิด
ประดิษฐ์ตัว อักษรขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก อารยธรรมที่ชาวซูเมอร์สร้าง
ขึ้นเป็นพื้นฐานสําคัญของ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย สถาปัตยกรรม ตัว
อักษร ศิลปกรรมอื่น ๆ
16
1.ชนเผ่าสุเมเรียน (SUMERIAN)
ในสังคมของพวกสุเมเรียนภัยจากะรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ควบคุมไม่
ได้ เช่น ภาวะนํ้าท่วมที่แม้จะสร้างเชื่อนแต่ก้ไม่สามารถป้องกันชีวิตของ
ผู้คนนับพันได้ รวมทั้งการไร้ปราการธรรมชาติที่ขวางกั้นศัตรูได้สร้าง
ความสิกสิ้นหวังให้แกพวกเขาและยอมตกอยู่ในอำนาจลี้ลบของพระเจ้า
พวกซูเมเรียน มนุษย์ว่าเกิดมาเพื่อรับใช้พระเจ้าเท่านั้นและไม่่ามนุษย์จะ
กระทําใดก้ไม่อาจทําให้พวกเขาเป็นได้มากกว่าลมคือไม่มีตัวตน
1.1 ความเจริญของชนเผ่าสุเมเรีย
ด้านคณิตศาตร์
เป็นพวกแรกที่คิดค้นวิธีการคิดเลขทั้งการลบ การบวกและการ
คูณและยังสร้างระบบชั่ง ตวง วัด และปฏิทิน
ด้านการปกครอง
ในรูปแบบของนครรัฐแห่งแรกของโลก ชีวิตความเป็นอยู่ของ
ชาวสุเมเรียนเริ่มแรกจากชีวิตแบบหมู่บ้านเล็กๆ ต่อมาจึงเปลี่ยนมา
เป็นชีวิตในเมืองที่การปกครองใรรูปแบบนครรัฐ
ด้านตัวอักษร
การเขียนตัวหนังสือ เป็นชนชาติแรกในดินแดินเมโสโปเตเมีย
ที่รู้จักการเขียนโดยเขียน ตัวอักษรคูนิฟอร์มหรือตัวอักษรรูปลิ่ม
17
ด้านชลประทาน
สร้างวรรณกรรมสำคัญเรื่องแรกของโลก ชื่อว่า มหากาพห์ กิล
กาเมช เนื้อหาเกี่ยวกับนํ้าท้อมโลก เขีนรบนแผ่นดินเผาขนานใหญ่ 12
แผ่น ทั้งสิ้น 3000 บรรทัด
ด้านชลประทาน
ชาวสุเมเรียเป็นคนแระที่สร้างระบบชลประทานที่มี
ประสิทธิภาพสูง
ด้านการเพาะปลูก
ก้าวหน้ามาก มีการใช้คันไถเทียม ด้วยวัว ทําให้สามารถหว่าน
ไถได้กว้าง กว่าเดิม ลำพังแต่การใช้จอบหรือเสียม การประดิษฐ์คันไถ
เทียมด้วยวัวมีความ สำคัญในแง่ที่ว่ามนุษย์เริ่มรู้จักใช้และ ควบคุม
ที่มาของพลังงาน คือพลังงาน ของสัตว์นอกเหนือไปจากพลังงานที่มา
จากตัวของมนุษย์เอง
ด้านสถาปัตยกรรม
สถาปัตยกรรมที่สำคัญคือซิกกูแรต (Ziggurat)เป็นศาสนสถาน
ที่บูชา เทพเจ้า ทำ ด้วยอิฐตากแห้ง
18
2. ชนเผ่าอะมอไรต์ (AMORITE)
อะมอไรต์หรือบาบิโลเนียน เป็นชนเผ่า เซมิติกซึ่งมีถิ่นกำเนิดใน
แถบตะวันออกกลาง ได้ขยาย อิทธิพลในดินแดนเมโสโปเตเมียและ
สร้างจักรวรรดิ บาบิโลนที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงประมาณปี 1800-1600
ก่อนคริสต์ศักราช ผู้นำสำคัญคือกษัตริย์ฮัมมูราบีผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งได้สร้าง
ความเข้มแข็งให้แก่จักรวรรดิบาบิโลน โดยการทำสงครามขยายดินแดน
และจัดทำประมวลกฎหมาย คือ ประมวล กฎหมายพระเข้าฮัมมูราบี เพื่อ
เป็นหลักฐานในการปกครองและจัดระเบียบ สังคม ถือเป็นกฎหมายลาย
ลักษณ์อักษรฉบับแรกของโลก และกฎหมาย ฉบับแรกที่คำนึงถึงสิทธิ
สตรีและให้สิทธิในการฟ้องหย่าสามีได้ จารึกด้วย ภาษาคูนิฟอร์มจุดเด่น
ใช้บทลงโทษรุนแรงคือ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” นอกจากนี้ยังสืบทอด
ความเจริญต่างๆ ของ พวกสุเมเรียนไว้ เช่น ความเชื่อทางศาสนาซึ่ง
ได้แก่การบูชาเทพเจ้า การแบ่งกลุ่มชนชั้นใน สังคมเพื่อแบ่งแยกหน้าที่
และความสะดวกใน การปกครอง การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและ การ
ค้าขายกับดินแดนอื่นๆ เช่น อียิปต์และ อินเดียซึ่งนำความมั่งคั่งให้แก่จัก
วรรดิบาบิโลน จักรวรรดิบาบิโลนค่อยๆเสื่อมอำนาจลง เมื่อมีชนชาติอื่น
ขยายอิทธิพลเข้ามาในดินแดน เมโสโปเตเมียและสลายลงไปโดยถูก
พวกแอลซีเรียนโจมตี
19
3. ชนเผ่าฮิตไทต์ (HITTITES)
พวกฮิตไทต์เป็นพวกอินโด-ยูโรเปียน ที่อพยพมาจากทางเหนือของ
ทะเลดำ เมื่อประมาณปี 2300 ก่อนคริสต์ ศักราช ต่อมาได้ขยายอิทธิพล
เข้าไปในเขตจักรวรรดิบาบิ โลนและเข้าครอบครองดินแดน ซีเรียใน
ปัจจุบันพวกฮิต ไทต์สามารถนำเหล็กมาใช้ประดิษฐ์อาวุธแบบต่างๆ และ
จัดทำประมวลกฎหมายเพื่อใช้ควบคุมสังคม โดยเน้นการ ใช้ความ
รุนแรงตอบโต้ผู้ที่กระทำความผิด เช่น ให้จ่ายค่า ปรับแทนการลงโทษที่
รุนแรง อาณาจักรฮิตไทต์เสื่อม อ้านาจลงในราวปี 1200 ก่อนคริสต์ศักราช
4. ชนเผ่าอัสซีเรียน (ASSYRIAN)
เป็นชนเผ่าเซเมติคอีกพวหนึ่งในระยะแรกได้เริ่ม ตั้งถิ่นฐานและ
สร้างสรรค์อารยธรรมในบริเวณภาค เหนือของลุ่มแม่น้ำไทกริส ประมาณ
1300 ปี ก่อน คริสตกาล ชาวอัสซีเรียนเริ่มทําการขยายอาณาเขต และใน
ไม่ช้าก็มีอำนาจครอบคลุมทางเหนือของหุบเขา ทั้งหมด ในศตวรรษที่ 10
ก่อนคริสตกาล ชาวอัสซีเรียนได้โค่นอำนาจของพวกแคสไซต์ลงได้และ
สถาปนาจักวรรดิอัสซีเรียขึ้น ชาวอัสซีเรียนได้ขึ้นชื่อว่า เป็นพวกที่มีชื่อ
เสียงในความเก่งกล้าสามารถในการรบและความ ร้าย ทําให้สามารถแผ่
ขยายจักวรรดิออกไปอย่างกว้างขวางนับเป็นจักวรรดิแห่งแรกที่ เจริญขึ้น
ในยุคเหล็ก โดยได้ทิ้งินุสรณ์แห่งความโหดร้าย ทารุณและความยิ่งใหญ่
ไว้ในภาพ
แกะสลักนูนต่ำอันเป็นศิลปะวัตถุที่ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้ ซึ่งจักพรรดิที่ 20
ทรงอนุภาพคือ แอส ซูร์บานิปาล ได้โปรดให้รวบรวมแผ่นดินเผาซึ่ง
บรรจุข้อเขียนด้วยตัวอักษรคิวนิฟอร์มไว้ใน หอสมุดใหม่ที่กรุง เนอเวร์
ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักวรรดิ
5. ชนเผ่าบาบิโลเนียน (BABYLONIA)
หลังจากที่พวกสุเมเรียนเสื่อมอำนาจลงเพราะ การทำสงครามกับชนเผ่า
อื่นๆที่เข้ามารุกรานและแย่งชิงความเป็นใหญ่ในระหว่างพวกสุเม เรียน
ด้วยกันเอง ต่อมาพวกอามอไรต์ (Amorites) ได้ตั้งอาณาจักร
บาบิโลเนีย (Babylonia Kingdoms) ขึ้นมา มีเมืองหลวงอยู่ที่เมืองบา
บิโลน ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรทีส อาณาจักรบาบิโลเนีย เป็นอาณาจักรที่เข้ม
แข็ง มีการปกครองแบบรวมศูนย์ (Centralization) มีการเก็บภาษี
อากร และการเกณฑ์ทหาร รัฐควบคุมการค้าต่างๆ อย่างใกล้ชิด ผลงานที่
สำคัญของอาณาจักร บาบิโลเนีย ได้แก่ การประมวลกฎหมายเป็นลาย
ลักษณ์อักษร ในสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี (Hammurabi, 1792-1745 ปี
ก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งมีชื่อเรียกว่าประมวลกฎหมายของพระ เจ้าฮัมมูราบี
(The Code of Hammurabi) จารึกอยู่บนแผ่นศิลา หลักการของ
กฎหมายมี รากฐานมาจากกฎหมายของพวกสุเมเรียน แต่ได้จัดให้เป็น
ระบบ และให้อำนาจหน้าที่ในการ ลงโทษผู้กระทําผิดแก่ชนชั้นปกครอง
ยิ่งขึ้น
ประมวลกฎหมายของฮัมมูราบี ยึดถือหลัก ตา ต่อตา ฟันต่อฟัน (an 21
eye for eye, atooth for a tooth) ในการลงโทษ กล่าวคือ ให้ใช้
การ ทดแทนความผิดด้วยการกระทําอย่างเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ฝ่าย
ปกครองมีอ้านาจได้ไม่นาน เพราะพวกพระกลับมีอิทธิพลเช่นเดิม
อาณาจักรบาบิโลเนียจึงเริ่มอ่อนแอและถูกพวกฮิตไทต์ (Hittite) ซึ่ง
อพยพมาจากทางเหนือ และใต้ (ซึ่งมาจากเทือกเขาซากรอส ) เข้าปล้น
สะดมเมื่อ 1590ปีก่อนคริสต์ศักราช ต่อมาพวก ฮิตไทต์ก็เสียอ้านาจให้แก่
พวกคัสไซต์และเข้าครอบครองกรุงบาบิโลนเป็นเวลาถึง 400 ปี
เมื่อ 612 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกคาลเดียน (Chaldean) ซึ่งเป็น
ชนเผ่าฮีบรูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มแม่น้ำไท กริส-ยูเฟรทีสก็
สามารถเข้ายึดกรุงนิเนเวห์ได้สําเร็จ และ สถาปนากรุงบาบิโลนขึ้นเป็น
เมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และจัดตั้ง เป็นอาณาจักรบาบิโลเนียขึ้นมา
อาณาจักรบาบิโลเนียใหม่เป็น อาณาจักรที่รุ่งเรืองมาก ในสมัยพระเจ้า
เนบูคัดเนซซาร์ (Nebuchadnezzar, 605-562 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
พวกคาลเดียนสามารถยกกองทัพไปตีได้เมืองเยรูซาเลม และกวาดต้อน
เชลยชาวยิวมายังกรุงบาบิโลนได้เป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการ
สร้างสวนขนาดใหญ่เรียกว่า สวนลอยแห่งบาบิโลน (Hanging
Gardens of Babylon) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุค
โบราณเพราะสามารถใช้ ความรู้ในการชลประทาน ทำให้สวนลอยนี้เขียว
ขจีได้ตลอดทั้งปี
22
นอกจากนั้นพวกคาลเดียนใน บาบิโลเนียใหม่ยังปรับปรุงด้าน
เกษตรกรรม และเริ่มต้นงานด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งทาง
ดาราศาสตร์ มีการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน แบ่งวันออกเป็น 12 คาบ
คาบละ 120 นาที และยังสามารถพยากรณ์สุริยุปราคาตลอดจนคำนวณ
เวลาการโคจรของดวง อาทิตย์ในรอบปีได้อย่างถูกต้อง ชาวคาลเดียน
เป็นชาติแรกที่ริเริ่มนำความรู้ทางดาราศาสตร์ มาทํานายโชคชะตาของ
มนุษย์ เมื่อ 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรบาบิโลเนียใหม่ถูกกองทัพ
เปอร์เซียโดยการนำา ของ พระเจ้าไชรัสมหาราช (Cyrus the Great,
559-530 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เข้ายึดครอง และผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่ง
ของจักรวรรดิเปอร์เซียที่เรืองอำนาจอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันตก จึงนับ
ได้ว่าประวัติศาสตร์ของดินแดนแถบเมโสโปเตเมียในยุคโบราณได้สิ้นสุด
ลงไปด้
23
ประมาณกฎหมายฮัมบูราบี (HAMMURABI CODE)
กษัตริย์โบราณพระนามว่า กษัตริย์ฮัมมูราบี พระองค์นี้ปกครองกรุงบา
บิโลน ตั้งแต่ปี 1792-1750 ก่อนคริสตกาล เริ่มแรกของรัชสมัยกษัตริย์ฮัม
มูราบี ดิน แดนเมโสโปเตเมียแตกออกเป็นรัฐต่างๆ ซึ่งต่างก็มีกฎข้อ
บังคับเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายกษัตริย์ฮัมมูราบีก็ รวบรวมรัฐต่างๆมาอยู่
ใต้การปกครองของพระองค์ได้ จากนั้นพระองค์ก็รวบรวมเอากฎหมาย
จากรัฐ ต่างๆ แล้วบันทึกเป็นประมวลกฎหมายฉบับเดียวที่ใช้ ปกครองทั่ว
ทั้งดินแดน ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่รวบรวม กฎหมายที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ
ทั้งการค้าและภาษี การ แต่งงานและหย่าร้าง และการลักขโมยและ
ฆาตกรรมด้วย และเป็นประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุด ประมวลกฎหมาย
นี้คัดลอกไว้โดยการแกะสลักลงบนหินบะซอลต์ ต่อมาทีมนักโบราณคดี
ฝรั่งเศสขุดพบที่ประเทศอิรัก ในปี 1901 ถึง 1902 หินสลักนี้แตกเป็น 3
ชิ้น และได้รับการ บูรณะ ปัจจุบันประมวลกฎหมายฮัมมูราบีอยู่ในพิพิธ
ภัณฑ์ลูฟร์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมาย
อาญา โดยยึดหลักที่ปัจจุบันเรียกว่า "ตาต่อตา ฟัน อฟัน"
24
อันหมายถึงทำผิดอย่างไรได้โทษอย่างนั้น มีทฤษฎีใหม่บางทฤษฎีถือว่า
การนับ ฎหมายฮัมมูราบีให้สถานะอย่างประมวลกฎหมายอย่างปัจจุบัน
นั้นไม่ถูกต้องนัก ความจริงเป็นเพียงอนุสรณ์ว่า กษัตริย์ฮัมมูราบีเป็น
"ตัวอย่างกษัตริย์ ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม" เท่านั้น เพราะในชีวิตของ
คนย่อมมีความผิด อย่างอื่นที่ไม่ใช่การลักขโมย การ บันทึกประมวล
กฎหมายของกษัตริย์ ฮัมมูราบีเป็นลายลักษณ์อักษรเช่นนี้ ทําให้
กฎหมายกลายเป็นความรู้ของ สาธารณะ และเป็นการพัฒนาตัวบท
กฎหมายของสังคมด้วย
ความเจริญทางวิทย์ (PROSPERITY)
ความเจริญเริ่มขึ้นเมื่อ 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช หรือประมาณ
5,000 ปีมาแล้ว ชนชาติที่สร้างความเจริญ คือ สุเมเรียน บาบิโลน แอส
ซีเรีย แคลเดียล ฮิตไทต์ ฟินิเซียน เปอร์เซีย ฮิบรู(ยิว) โดยมีความ
เจริญในด้านต่าง ๆ จากชนชาติที่สำคัญดังนี้ ชาวสุเมเรียน ความเจริญที่
สำคัญ
- การปฏิวัติเกษตรกรรม การเพาะปลูก ประดิษฐ์เครื่องมือ
ระบบชลประทานขึ้นเป็นครั้งแรกที่สามารถเอาชนะ ธรรมชาติด้วยการ
สร้างทำนบป้องกัน คลองส่งน้ำและอ่างเก็บน้ำ
- วรรณกรรม มหากาพย์กิลกาเมซเกี่ยวกับการผจญภัยของ
ประมุขและวีรบุรุษ
- การประดิษฐ์จานหมุน ใช้ทําเครื่องปั้นดินเผาเป็นเครื่องกล 25
ชนิดแรกของโลก
- การประดิษฐ์อักษรลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์ม ครั้งแรกของโลก ที่
ทำจากดินเหนียว เพื่อบันทึกการบริหารจัดการ การใช้ที่ดิน ผลผลิต ค่า
เช่า สัตว์ เมล็ดพันธ์พืชทางการเกษตร การประดิษฐ์อักษรของชาวสุเม
เรียน ใช้เป็นหลักฐานในการศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกได้
- ความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ ในการคิดคำนวณ การคํานวณ
พื้นที่วงกลม การคิด มาตราชั่งตวงวัด การนับเดือนปีแบบจัรทรคติ 1
ปีมี 12 เดือน ซึ่งเป็นที่มาของวิชา โหราศาสตร์และดาราศาสตร์
- สถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ เทวสถานชิกูแรต ใช้เป็นสถานที่
บูชาเทพเจ้า
- อักษรคูนิฟอร์ม เป็นรูปแบบการเขียนแรกเริ่มที่ประดิษฐ์ โดย
ชาวสุเมเรียนในดินแดนเมโสโปเตเมียราว 3,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
อักษรนี้เมื่อเขียน ลงบนแผ่นดินเหนียว จะมีรูปร่างเป็นเหลี่ยมๆ มี
ลักษณะคล้ายกับรอยตีนไก่ เชื่อว่าเขียนด้วย ก้านอ้อและกดลงบนแผ่น
ดินเหนียวที่อ่อนตัว แล้วนำไปตากแดดหรือเผาให้แห้ง คำว่า
“cuneiform” ในภาษาอังกฤษมาจาก ภาษาละติน “cuneus” แปล
ว่า ลิ่ม ดังนั้นอักษร รูปลิ่มจึงรวมอักษรที่มีรูปร่างคล้ายลิ่มทั้งหมด ภาษา
หลายตระกูล ทั้งตระกูลเซมิติก ตระกูลอิน โด-ยูโรเปียน และอื่น ๆ ที่
เขียนด้วยอักษรนี้
26
แผ่นดินเหนียวเหล่านี้ถูกเก็บในห่อที่ แข็งแรง ทำด้วยดินเหนียว
โดยใช้วัตถุที่เป็น ของแข็งและแหลม มาเขียนให้เป็นเรื่องราว เรียกว่าบุ
ลลา (bulla) เพื่อป้องกันการ สูญหาย เนื่องจากการนับแผ่นดินเหนียว
ภายในบุลลาหลังการผนึกทำได้ยาก การแก้ ปัญหาจึงใช้การกดแผ่นดิน
เหนียวลงบนผิว นอกของบุลลาในขณะที่ดินเหนียวยังอ่อน ตัวอยู่ แล้วจึง
ใส่แผ่นดินเหนียวเข้าไปข้างใน และปิดผนึก การนับจำนวนแผ่นดิน
เหนียว อีกครั้งใช้การนับรอยกดบนผิวด้านนอก จากรอยกดนี้ ชาวซูเมอร์
ได้พัฒนามาเป็น สัญลักษณ์รูปลิ่ม เพื่อใช้บอกความหมาย และจำนวน
เช่น รูปลิ่ม 1 อัน หมายถึง 1 รูป วงกลม หมายถึง 10 การบันทึกว่า
“แกะ 5 ตัว” ใช้การกดลงบนดินเหนียวเป็นรูปลิ่ม 5 อัน แล้วตามด้วย
สัญลักษณ์ของแกะ
ใบกิจกรรมที่ 1 27
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คําชี้แจง : ให้นักเรียนพิจรณาภาพแล้วตอบในช่องว่าง
ชื่อหลักฐาน..................................................
มรดกทางอรยธรรมของชนชาติ.....................
ความสำคัญ..................................................
Add a subheading
ชื่อหลักฐาน..................................................
มรดกทางอรยธรรมของชนชาติ.....................
ความสำคัญ..................................................
ชื่อหลักฐาน..................................................
มรดกทางอรยธรรมของชนชาติ.....................
ความสำคัญ..................................................
ใบกิจกรรมที่ 2 28
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. ชาวสุเมเรียนเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มนำ้ไทกรีสและยูเฟรทีส เพราะ
เหตุใด
............................................................................................................
2. ดินแดนเมโสโปเตเมีย เรียกว่า ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยวอันอุดดม
สมบูรณ์ เพราะเหุใด
............................................................................................................
3. บริเวณเมโสโปเตเมียจึงเป็นที่ตั้งของหลายอาณาจักรในสมัยโบราณ
เพราะเหตุใด
............................................................................................................
4. อารยธรรมเมโสโปเตเมียที่มีความโดดเด่น และเป็นพื้นฐานสําคัญต่อ
อรยธรรมของโลกคืออารยธรรมด้านใด
............................................................................................................
5. ความเจริญของกลุ่มชนชาติต่างๆ ในอรยธรรมฌมโสโปเตเมียมีความ
สำคัญต่อโลกอย่างไร
............................................................................................................
กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน 29
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ชื่อ ............................................................ชัน ................ เลขที่ ..............
ข้อที่ ก ข ค ง
คะแนนเต็ม 10
คะแนนที่ได้
เกณฑ์การประเมิน
คะแนนระหว่าง 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก
คะแนนระหว่าง 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี
คะแนนระหว่าง 5-6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้
คะแนนระหว่าง 0-4 อยู่ในเกณฑ์ ปรับปรุง
30
แบบทดสอบหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
1. อารยธรรมโบราณใดที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างแม่น้ำสองสาย
ก. อารยธรรมอิยิปต์
ข. อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
ค. อารยธรรมโรมัน
ง. อารยธรรมจีน
2. อารยธรรมแห่งแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นบริเวณลุ่มแม่น้ำใด
ก. แม่น้ำฮวงโห-แยงซีเกียง
ข. แม่น้ำคงคา-สินธุ
ค. แม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติ
ง. แม่น้ำไนล์
3. ชนเผ่าแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรเมโสโปเตเมีย คือ
ก. สุมเรียน
ข. แอตคาเดียน
ค. ฮิตไทน์
ง. เปอร์เซียน
31
แบบทดสอบหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
4. ชนเผ่าที่รู้ัจักการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ คือ
ก. เปอร์เซียน
ข. ฮิตไทน์
ค. สุเมเรียน
ง. แอตคาเดียน
5. ดินแดนพระจันทร์เสี้ยว หมายถึงบริเวณที่ตั้งอาณาจักรใด
ก. อียิปต์
ข. เมโสโปเตเมีย
ค. กรีก
ง. อินเดีย
6. ซิกรูแลต คือสถาปัตยกรรมด้านศาสนาของชนเผ่าใด
ก. สุเมเรียน
ข. เปอร์เซียน
ค. อัสซีเรียน
ง. เมโสโปเตเมีย
32
แบบทดสอบหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
7. อักษรคูนิฟอร์ม หรือ อักษรรูปลิ่ม ปรากฏในสมัยอาณาจักรใด
ก. เมโสโปเตเมีย
ข. อัสซีเรียน
ค. คาลเดีย
ง. บาบิโลเนีย
8. สวนลอยบาบิโลน สร้างขึ้นสมัยใด
ก. คาลเดีย
ข. อัสซีเรีย
ค. บาบิโลเนีย
ง. อิยิปต์
9. การแบ่งเวลา 1 สัปดาห์เท่ากับ 7 วันเกิดในสมัยใด
ก. บาบิโลเนีย
ข. คาลเดีย
ค. เมโสโปเตเมีย
ง. อัสซีเรีย
33
แบบทดสอบหลังเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน
เรื่อง อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
10. ประมวลกฏหมายที่ยึดหลักตาต่อตาฟันต่อฟัน เกิดในสมัยอารยธรรม
ใด
ก. อิยิปต์
ข. บาบิโลเนีย
ค. เมโสโปเตเมีย
ง. จีน
Thank You