The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดที่ 1 ความรู้เบื้องต้นฯ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ชุดที่ 1 ความรู้เบื้องต้นฯ

ชุดที่ 1 ความรู้เบื้องต้นฯ

เรอื่ ง โครงงานอาชพี

กลุม่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3

ชดุ ท่ี 1 ความรู้เบอื้ งตน้ เกยี่ วกับโครงงานอาชพี

จดั ทาโดย
นางสมหมาย พงศเ์ ศรษฐก์ ลุ
ตาแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชานาญการพิเศษ

โรงเรียนหาดใหญ่วทิ ยาลยั
อาเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา
สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 16
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โครงงานอาชีพ
ชดุ ท่ี 1 ความรูเ้ บอื้ งต้นเกี่ยวกบั โครงงานอาชีพ

มฐ. ง1.1 ตวั ชว้ี ดั
มฐ. ง4.1
ม.3/1 อภปิ รายข้นั ตอนการทางานท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ
ม.3/2 ใชท้ ักษะการทางานร่วมกันอย่างมคี ณุ ธรรม
ม.3/3 ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพทส่ี อดคล้องกับความรู้

ความถนดั และความสนใจของตนเอง

จุดประสงคก์ ารรสู้ ตู่ ัวช้ีวัด

1. อธบิ ายความหมายของโครงงานได้
2. อธิบายความหมาย ความสาคัญ ของโครงงานอาชีพได้
3. อธบิ ายขอบข่ายของโครงงานอาชีพได้
4. บอกประเภทของโครงงานอาชีพได้
5. อธบิ ายทกั ษะกระบวนการทางานทม่ี ีประสิทธภิ าพได้

สาระการเรยี นรู้

1. ความหมายของโครงงาน
2. ความหมาย ความสาคัญของโครงงานอาชีพ
3. ขอบขา่ ยของโครงงานอาชีพ
4. ประเภทของโครงงานอาชพี
5. ทกั ษะกระบวนการทางาน

เวลา 4 คาบ

ผงั มโนทศั น์สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี
เรื่อง โครงงานอาชีพ

ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ี 1
ความรเู้ บ้อื งต้นเกย่ี วกับโครงงานอาชีพ

ความหมายของ ความหมายของ
โครงงาน โครงงานอาชีพ

ความสาคญั ของ ความรู้เบอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั ขอบขา่ ยของ
โครงงานอาชพี โครงงานอาชีพ โครงงานอาชพี

ทักษะกระบวน ประเภทของ
การทางาน โครงงานอาชีพ

ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ โครงงานอาชีพ
ชดุ ที่ 1 ความรู้เบ้อื งต้นเก่ยี วกบั โครงงานอาชพี

สว่ นประกอบในชุดกจิ กรรมการเรียนรู้

1. บตั รคาสั่ง
2. บตั รทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ ที่ 1 ความรู้เบ้ืองต้นเก่ียวกับโครงงานอาชีพ
3. บัตรความรู้ท่ี 1 เรื่อง ความหมายของโครงงาน
4. บตั รกิจกรรมที่ 1
5. บตั รความรู้ที่ 2 เร่ือง ความหมายของโครงงานอาชพี
6. บตั รกจิ กรรมท่ี 2
7. บตั รความรู้ท่ี 3 เรื่องความสาคญั ของโครงงานอาชีพ
8. บัตรกจิ กรรมท่ี 3
9. บตั รความรู้ที่ 4 เร่อื งขอบข่ายของโครงงานอาชีพ
10. บัตรกิจกรรมท่ี 4
11. บตั รความรู้ที่ 5 เร่ืองประเภทของโครงงานอาชีพ
12. บตั รกจิ กรรมที่ 5
13. บัตรความรู้ท่ี 6 เรอ่ื งทกั ษะกระบวนการทางาน
14. บัตรกจิ กรรมท่ี 6
15. แบบทดสอบหลงั เรียน ชุดท่ี 1 ความร้เู บื้องตน้ เกยี่ วกบั โครงงานอาชีพ

บัตรคาสั่ง

1. นักเรียนสามารถศึกษาชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้โครงงานอาชีพเปน็ รายบุคคล หรอื
รายกลุ่ม ซ่ึงในการแบ่งกลุ่มควรมีสมาชิกประมาณกล่มุ ละ 3-5 คน โดยให้แตล่ ะกลมุ่ ควร
มีสมาชิกทงั้ คนเกง่ คนปานกลาง และอ่อน

2. อ่านคาช้ีแจงในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียนเปน็ รายบคุ คล
4. ศึกษาบัตรเนื้อหาดว้ ยความตงั้ ใจ
5. ศกึ ษาบัตรกิจกรรม
6. ปฏบิ ัตติ ามใบกิจกรรม
7. บนั ทกึ ผลการทากจิ กรรมลงในแบบบันทึก
8. ตอบคาถามจากบตั รคาถาม
9. ทาแบบทดสอบหลงั เรียนเป็นรายบคุ คล

บัตรทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรยี นรู้ โครงงานอาชีพ เรือ่ ง ความร้เู บื้องต้นเกยี่ วกับโครงงานอาชีพ

กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี วชิ า การงานอาชพี ง23101

ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 15 ขอ้ คะแนนเต็ม 15 คะแนน

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี กู ที่สดุ เพียงคาตอบเดียว

1. ข้อใดคือความหมายของโครงงานอาชพี ทชี่ ัดเจนทีส่ ดุ
ก. กิจกรรมอาชีพทีน่ ักเรยี นเลือกศึกษาตามที่กาหนดไว้ในหลกั สูตร
ข. กจิ กรรมอาชีพท่ีนักเรยี นเลือกศึกษาตามความสนใจในหัวขอ้ ทค่ี รชู ว่ ยกาหนด
ค. กิจกรรมอาชีพทน่ี ักเรยี นเลือกศึกษาให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของ
ครอบครวั และชุมชน
ง. กิจกรรมอาชีพท่ีนกั เรียนสนใจศกึ ษาและดาเนนิ งานตามลาดบั ขั้นตอนโดยมี
การวางแผนล่วงหน้า

2. ประโยชนส์ าคญั ทนี่ กั เรยี นไดร้ ับจากการเรยี นโครงงานอาชีพคอื อะไร
ก. ได้ศึกษาอาชีพท่ีมใี นชมุ ชน
ข. ช่วยให้มีรายไดร้ ะหว่างเรยี น
ค. เปน็ การใชเ้ วลาว่างให้เกิดประโยชนแ์ ละคุ้มค่า
ง. ทางานได้อย่างเปน็ ข้นั ตอน รจู้ ักการวางแผนงานอย่างมรี ะบบ

3. ขอ้ ใด ไมใ่ ช่ ความสาคัญของโครงงาน
ก. ช่วยลดปญั หาวัยรุน่ ในทอ้ งถิน่
ข. เป็นการเรียนรูจ้ ากสถานที่จรงิ
ค. มกี ารประสานงานและบูรณาการทางวิชาการ
ง. มีการนาเสนอโครงงาน ด้วยวธิ กี ารทเี่ หมาะสม

บัตรทดสอบกอ่ นเรยี น
เร่อื ง ความรู้เบือ้ งต้นเกยี่ วกับโครงงานอาชพี

4. ข้อใดกลา่ วถึงโครงงานอาชีพประเภทสง่ิ ประดิษฐ์ ไดถ้ ูกต้อง
ก. เกดิ จากการสร้างสรรค์ส่งิ ใหมๆ่
ข. มาจากการเรียนดา้ นงานประดิษฐโ์ ดยเฉพาะ
ค. มาจากการรวบรวมข้อมลู มาศกึ ษา เพ่ือเปน็ ความรู้ใหม่
ง. เกดิ จากการนาเนอ้ื หาวิชาการมาพัฒนาร่วมกับเนื้อหาสาระการงาน

5. ข้อใดกล่าวถึงประเภทของโครงงาน “ไม”่ ถกู ต้อง
ก. โครงงานประเภทสารวจข้อมูล
ข. โครงงานประเภทศึกษาค้นควา้
ค. โครงงานประเภทดาเนินงาน
ง. โครงงานประเภทสิง่ ประดษิ ฐ์

6. สมพรกบั เพื่อนจัดทาโครงงานกาไลโดยใชห้ ่วงท่ีเปิดขวดนา้ จากขวดนา้ ดื่มมาประกอบ
กบั ริบบนิ้ จัดทาเป็นกาไล และเคร่ืองประดบั อื่น ๆ จากลกั ษณะดงั กล่าว โครงงานกาไล
จัดเปน็ โครงงานประเภทใด

ก. การทดลอง
ข. การสารวจรวบรวมขอ้ มูล
ค. การพัฒนาหรือการประดิษฐ์
ง. การสร้างทฤษฎีหรอื คาบรรยาย
7. ข้อใดกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของโครงงาน “ไม่” ถูกต้อง
ก. เพ่อื ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นควา้ หาความรู้หาข้อมูลจากแหล่งความรู้ตา่ งๆ

ดว้ ยตนเอง
ข. เพ่ือใหผ้ ู้เรียนได้แสดงออกซ่งึ ความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
ค. เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนผลติ ผลงานทเ่ี ป็นของผู้เรียนเองและนาไปใช้ประโยชน์ได้
ง. เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นได้ศึกษาตามท่ีผู้สอนบอกเท่าน้นั .

บตั รทดสอบกอ่ นเรียน
เร่อื ง ความรู้เบอื้ งต้นเกย่ี วกบั โครงงานอาชีพ

8. กจิ กรรมโครงงาน หมายถึงขอ้ ใด
ก. การจัดประสบการณ์ตรง
ข. เปน็ การศึกษาอยา่ งลุม่ ลึก
ค. การจัดกจิ กรรมที่ใหผ้ ู้เรียนค้นคว้าเอง
ง. เปน็ การจัดประสบการณ์ตรงใหผ้ ู้เรียนได้ศึกษาเอง

9. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของงานธุรกจิ
ก. กาไร
ข. เงนิ เดือน
ค. ความอยรู่ อด
ง. การขยายกิจการ

10. การทางานใดตอ้ งใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ และความประณีตมากทสี่ ุด
ก. งานชา่ ง
ข. งานบา้ น
ค. งานธุรกิจ
ง. งานประดิษฐ์

11. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ทักษะกระบวนการ 9 ข้ัน อนั เปน็ พน้ื ฐานสาคญั ในการดาเนินงาน
โครงงาน

ก. ประเมินผลก่อนปฏบิ ัติ
ข. คิดวิเคราะห์วจิ ารณ์
ค. สรา้ งทางเลือก
ง. ตระหนักในปัญหาและความจาเป็น

บตั รทดสอบกอ่ นเรยี น
เรื่อง ความรเู้ บ้อื งตน้ เกยี่ วกับโครงงานอาชพี

12. การประเมนิ ผลระหวา่ งปฏิบตั ิงานเพอ่ื ประโยชน์ตามข้อใด
ก. เพ่อื ใหง้ านเสร็จเรว็ กวา่ หรอื เสร็จตามที่กาหนดไว้
ข. เพ่ือประเมนิ วา่ งานมีปัญหาหรอื เสรจ็ ตามเวลาท่ีกาหนดไวห้ รอื ไม่
ค. เพ่ือประเมินการทางานของผรู้ บั ผิดชอบแตล่ ะฝา่ ยวา่ สาเรจ็ แคไ่ หน
ง. เพ่ือประเมนิ การทางานแตล่ ะขนั้ ตอนวา่ เป็นไปตามท่ีวางแผนไว้หรอื ไม่

13. การประเมนิ ระหวา่ งปฏิบตั เิ ม่ือเห็นวา่ การทางานมีอปุ สรรค จะต้องกลบั ไปข้นั ไหน
ของทักษะกระบวนการ 9 ชนั้

ก. ขน้ั ที่ 2
ข. ขนั้ ที่ 3
ค. ข้นั ท่ี 4
ง. ขน้ั ที่ 5
14. การทาโครงงานอาชพี มีความสาคัญต่อประเทศชาติอย่างไร
ก. ประหยัดงบประมาณ
ข. เพ่มิ รายไดแ้ ละพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศ
ค. เยาวชนมีความคดิ สรา้ งสรรค์และรักการทางาน
ง. ชว่ ยสร้างงานทาใหป้ ระชาชนไมว่ า่ งงาน มรี ายได้มากกวา่ เดิม
15. โครงงานเปรียบเทยี บได้กับส่งิ ใด
ก. การบา้ น
ข. การทางานวิจัย
ค. การทารายงาน
ง. การทาแบบฝกึ หัด

กระดาษคาตอบบตั รทดสอบกอ่ นเรยี น
เร่ือง ความร้เู บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั โครงงานอาชีพ

ชอื่ – สกลุ .......................................................ชนั้ ...............เลขท่.ี ............

ข้อท่ี ก ตวั เลอื ก ง
1 ขค
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15

คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้
15

บตั รเนื้อหาที่ 1
เรื่อง ความหมายของโครงงาน

ความหมายของโครงงาน
โครงงาน หมายถึง กิจกรรมการศกึ ษาวิชาการงานท่ีสง่ เสริมสนับสนนุ ให้
นกั เรยี นไดเ้ ลือกข้ึนมาศึกษา คน้ คว้า ริเริม่ สรา้ งสรรคผ์ ลงานตามท่ีตนเองมีความถนดั
มีความพร้อมและสนใจ แลว้ ลงมือปฏบิ ัติใหบ้ รรลตุ ามจุดม่งุ หมายทีก่ าหนดไว้ โดยมี
รายละเอียดของงานท่ีจะทาไวล้ ่วงหน้า เปน็ ขน้ั ตอน พร้อมทั้งคาดการณ์ผลท่จี ะเกิดขึน้
ทงั้ นโ้ี ดยได้รบั คาแนะนาปรกึ ษาจากครูอาจารยใ์ นโรงเรียนของตน

โครงงาน หมายถึง กจิ กรรมท่ีทาให้ไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเองจากการลงมือปฏิบตั ิจริง
ในลักษณะของการศึกษา สารวจ คน้ ควา้ ทดลอง ประดิษฐ์คิดค้น ซงึ่ ผเู้ รียนเป็นผู้คิด
หัวเรอื่ งจดั หาข้อมูล ทดลอง สรุปผล เขยี นรายงาน แสดงผลงาน โดยมีครูเปน็ ผูก้ ระตนุ้
แนะนา และให้คาปรึกษาอยา่ งใกลช้ ิด

โครงงาน หมายถึง กจิ กรรมที่ให้นักเรียนรู้จักวิธกี ารทาโครงงานวจิ ยั เล็กๆ
ผ้เู รยี นลงมือปฏิบัตเิ พ่ือพฒั นาความรู้ ทักษะ และสร้างผลผลิตทีม่ คี ุณภาพ ระเบียบ
วิธีดาเนนิ การเป็นระบบ วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ จดุ ประสงคห์ ลักของการสอนแบบ
โครงงานต้องการกระตนุ้ ให้นักเรียนรจู้ ักสังเกต รู้จักตงั้ คาถาม รูจ้ ักตงั้ สมมติฐาน รู้จักวิธี
แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง เพื่อตอบคาถามท่ตี นอยากรู้ ร้จู ักสรปุ และทาความเข้าใจกับ
สงิ่ ท่ีคน้ พบโครงงานอาจจดั ในเวลาเรยี น หรือนอกเวลาเรยี นกไ็ ด้

สรปุ โครงงาน คอื งานวิจัยเล็ก ๆ สาหรับนักเรียน เปน็ การแก้ปญั หาหรือข้อ
สงสัยหาคาตอบโดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และอาจใชเ้ ครอื่ งมือหรืออปุ กรณ์
ต่างๆ ช่วยในการศึกษาคน้ คว้า หรอื ให้การศกึ ษาคน้ คว้าน้นั บรรลุวัตถปุ ระสงค์ อาจทา
ในเวลาเรียนหรอื นอกเวลาเรียนกไ็ ด้โดยไมจ่ ากัดสถานที่ อาจทาเปน็ รายบุคคลหรอื เปน็
กลมุ่ ไดห้ ากเนอ้ื หาหรอื ข้อสงสัยเปน็ ไปตามรายวิชาใดจะเรยี กว่าโครงงานในรายวชิ า
นั้น ๆ เช่น โครงงานวทิ ยาศาสตร์ โครงงานคณติ ศาสตร์

บตั รเน้อื หาท่ี 2
ความหมายของโครงงานอาชีพ

โครงงานอาชีพ หมายถงึ กิจกรรมเสริมหลักสูตรวิชาการงานอาชพี ทเี่ ปิดโอกาส
ให้นักเรยี นได้ศกึ ษาเรอื่ งใดเร่ืองหน่ึงท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การงานอาชีพ ตามความถนัดและ
ความสนใจดว้ ยวธิ กี ารบูรณาการความรู้ตา่ งๆ ที่ไดเ้ รยี นมา ภายใตก้ ารแนะนาปรึกษา
ช่วยเหลือและการดแู ลจากครูหรอื ผูท้ รงคุณวฒุ ิ อาจจัดในเวลาเรยี นหรือนอกเวลาเรยี นก็
ได้ รวมท้ังสามารถดาเนนิ กิจกรรมไดท้ ั้งใน และนอกโรงเรยี น ซึ่งอาจทา เปน็ รายบุคคล
หรอื กลุ่มก็ได้ แล้วจัดเขียนเป็นรายงาน และแสดงผลงานที่ทาเผยแพร่ สาหรับเป็น
แนวทางในการพัฒนาศึกษาต่อ

บัตรคาถามท่ี 1
ความหมายของโครงงานอาชีพ

ใหน้ กั เรยี นใส่เคร่ืองหมาย  หนา้ ข้อที่ถูก และเครื่องหมาย  หนา้ ขอ้ ท่ีผิด
1. โครงงานอาชีพ เป็นกจิ กรรมการเรยี นการสอนท่ีสง่ เสริมดา้ นอาชพี สุจรติ
2. ครจู ะกาหนดหวั ข้อทีศ่ ึกษาให้นกั เรยี นตามความสนใจ
3. นกั เรยี นเปน็ ผ้ศู ึกษา คน้ คว้า วางแผน ลงมือปฏบิ ตั ิ และประเมินผลงานเอง
4. หนา้ ท่ีของครทู ีป่ รึกษา คอื ควบคมุ ดแู ลให้การปฏบิ ตั ิงานของนักเรยี นเป็นไป
ตามท่กี าหนด
5. สามารถหาครทู ี่ปรึกษาเพิ่มเติม หรือวิทยากรท้องถนิ่ เปน็ ท่ีปรึกษาโครงงานได้

บตั รเนอ้ื หาท่ี 3
ความสาคญั ของโครงงาน

ความสาคัญของโครงงาน
โครงงานอาชพี มคี วามสาคญั ตอ่ บคุ คลหลายกลุ่ม ดังน้ี
1. ความสาคัญต่อนักเรยี น
2. ความสาคญั ต่อโครงเรยี นและครูอาจารย์
3. ความสาคัญต่อท้องถน่ิ /ชุมชน

1. ความสาคัญของโครงงานอาชีพต่อนักเรียน
โครงงานมคี วามสาคญั ต่อนักเรียน ดังนี้
1. ชว่ ยสรา้ งความหวังใหมใ่ นการรเิ ริม่ งานทีจ่ ะนาไปส่งู านอาชีพ และ

การศกึ ษาต่อท่ีตนเองมีความถนัด และสนใจ
2. สรา้ งเสรมิ ประสบการณ์จากการปฏบิ ัตจิ รงิ ดว้ ยชวี ิตจริง สง่ ผลให้เกิด

ความเขา้ ใจอยา่ งซาบซ้งึ ในโครงงานท่ีสร้างสรรคข์ น้ึ มา
3. ไดม้ ีโอกาสทดสอบความถนดั ของตนเอง และการแก้ปัญหาในงานที่ตนเอง

สนใจ และมีความพร้อม ส่งผลให้เกดิ ความมัน่ ใจในการดาเนนิ งานตอ่ ไป
4. ก่อให้เกิดความภาคภมู ใิ จทไ่ี ด้สร้างเกียรติประวัติในโครงงานทไ่ี ดร้ เิ รมิ่

สร้างสรรค์
5. ก่อใหเ้ กิดความรัก ความเขา้ ใจ และความสมั พันธอ์ นั ดงี ามตอ่ กนั ในระหว่าง

เพอื่ นนักเรยี นท่ปี ฏิบตั ิงานเป็นกลุ่ม
6. ก่อให้เกิดความรทู้ างวชิ าการทีก่ ว้างขวางขึน้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รบั

ความสาเรจ็ ในการศึกษาตามหลกั สูตรและตรงกบั จุดหมายที่กาหนดไว้

บบัตตั รรเเนนื้อ้ือหหาาทท่ี ี่33
คคววาามมสสาาคคัญัญขขอองงโโคครรงงงงาานน

23. ความสาคญั ต่อทโร้องงเรถีย่ินนแแลละะชคมุ รชผู นูส้ อน
โครงงานอาชพี มีความสาคญั ต่อโทร้องงเรถยี นิ่ นแแลละะชคุมรชผู นสู้ อดนงั นด้ี งั น้ี
23.1 กเกาดิ รกเผายรแปพระรสแ่ าลนะงปารนะทชางสวัมชิ พาันกธาค์รทวาผี่ มสรมู้ ผสลางนานหใรนอื เบชรูิงณปฏากบิ าัตริขเอกงิดโขคึน้ รใงนงานท่ี

ปโรรงะเรสียบนควตารมงสกาับเหรจ็ลไักปสสูตทู่ ร้อมงธั ถย่ินมศทกึ าษใหา้ทแอ้ ลงะถแิน่ นกวับทโารงกเราียรนพมัฒีคนวาากมาเรขศ้าใึกจษแาลขะอปงระสาน
สกัมระพทันรธวก์ งนัศดึกยีษงิ่ าธิการ

32.2 ชเกว่ ดิ ยคลวดาปมญั เขหา้ าใวจัยทรีต่ นุ่ รใงนกทัน้อวง่าถกิน่ าเรกเีย่ รวียกนบั กคาวรสามอปนรในะพปฤจั จตบุิ จันรขร้ึนยาอมยา่กู รับยกาาทรฝแกึละ
ศปลีฏธิบรัตรจิมรงิเพในรโาคะรนงักงเารนยี ขนอทงมี่นีโักคเรงยี งนามนามกกั กจวะา่ เทปี่จน็ ะนเักรยีเรนียอนยทู่แม่ี ตีคใ่ วนาหม้อปงรเระยีพนฤเตทิด่าีนมัน้ ุ่งมั่นและ
สนใจการ2ศ.3กึ ษเกาิดเลศ่าูนเรยีย์รนวมเทส่าือ่ นกั้นารเรยี นการสอน หรือศนู ยว์ สั ดอุ ุปกรณ์การสอน สาหรบั
ใหห้ มวดว3ชิ.3าตทา่ างใหๆป้ ใรนะโชรางชเรนียในนไทด้อใชงถ้ร่วินมมกีพนั ืน้ ฐสาง่ นผทลใาหงก้นาักรเศรยีึกนษไาดด้มี โี ดอยกเาฉสพฝาึกะใงชาส้ นือ่ อกาาชรพี ท่ี
หสอลนากอหยลา่ งาแยทแจ้ลระงิกแาลระพหฒั ลนาากกหาลราศยึกษาท่ีมุง่ เนน้ ใหเ้ ยาวชนของชาตมิ นี ิสัยรักการทางาน ไม่
เปน็ คนห2ย.บิ 4โหเกยดิ ง่ คแวลาะมชสว่ มั ยพเหนั ลธืออ์ พนั ่อดแรี มะ่ผหู้ปวา่กงคนรักอเงรดยี ้วนยดโรี งเรียน และครูอาจารยท์ ม่ี โี อกาส
ปฏิบตั งิ านอย่างใกล้ชิด และเห็นอกเห็นใจซึ่งกนั และกนั โดยเฉพาะชอ่ งว่างทตี่ า่ งกัน
http://www.slideshare.net/krunangrong/ss-3611273
http://www.slideshare.net/krunangrong/ss-3611273

บตั รคาถามที่ 2
ความสาคญั ของโครงงาน

คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบทีถ่ ูกทีส่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว
1. ขอ้ ใดจดั เปน็ ประโยชนข์ องโครงงานอาชีพทีม่ ีต่อตวั นกั เรียนมากท่ีสดุ

ก. รจู้ กั ใช้เวลาท่ีมีอยู่ให้คุ้มคา่
ข. นกั เรยี นเกดิ ความภาคภูมิใจในท้องถิ่น
ค. มีแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคต
ง. ครแู ละนกั เรียนมีความสัมพนั ธอ์ ยา่ งสนทิ สนม
2. ข้อใดตรงกบั ความสาคญั ของโครงงานอาชพี ทีส่ ุด
ก. เป็นการใช้เวลาวา่ งท่ีดีและมปี ระโยชน์
ข. สรา้ งประสบการณก์ ารทางานอาชีพของนักเรยี น
ค. มคี วามภาคภมู ใิ จในกิจกรรมอาชพี ที่นกั เรยี นทาดว้ ยตวั เอง
ง. ไดเ้ รียนรปู้ ระสบการณ์อาชพี ตามทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสตู รอยา่ งครบถ้วน
3. โครงงานอาชพี มีความสาคัญต่อประเทศชาติอยา่ งไร
ก. ประหยัดงบประมาณ
ข. ไดช้ ้นิ งานสาหรับนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้
ค. ช่วยสร้างงาน ประชาชนมรี ายไดเ้ พิ่มมากกวา่ เดิม
ง. ไดเ้ ยาวชนทมี่ ีความคิดดี รกั การทางานและการประกอบอาชพี สุจริต

บตั รคาถามท่ี 2
ความสาคัญของโครงงาน

คาช้แี จง ให้นักเรยี นเลอื กคาตอบท่ีถูกทส่ี ดุ เพยี งคาตอบเดียว
4. ขอ้ ใดเปน็ ความสาคัญของโครงงานอาชีพทีม่ ตี ่อสถานศกึ ษา

ก. โรงเรยี นมีชื่อเสยี งทดี่ ีงาม
ข. นกั เรยี นมีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนสูงขึน้
ค. นกั เรยี นมกี ารฝึกปฏิบตั ใิ นสถานประกอบการ
ง. มีการเรียนการสอนแบบบูรณาการของรายวชิ า
5. ขอ้ ใดไม่ใช่ ความสาคัญของโครงงานอาชีพทม่ี ีต่อชุมชน
ก. ช่วยลดปัญหาวัยรุ่น
ข. สรา้ งเสรมิ เยาวชนที่ดี
ค. มสี ่วนร่วมในการพฒั นาอาชพี
ง. มกี ารเรยี นการสอนท่นี อกเหนือจากในห้องเรียน

บัตรเนือ้ หาที่ 4
ขอบข่ายของโครงงาน

ขอบข่ายของโครงงาน

ขอบข่ายของโครงงาน ดาเนินงานโดยนกั เรยี นเปน็ ผรู้ เิ ริ่มสรา้ งสรรค์ และครู-
อาจารยเ์ ปน็ ผใู้ หค้ าแนะนาปรึกษา สรุปไดด้ ังน้ี คือ

1. เปน็ กจิ กรรมการศกึ ษาทนี่ ักเรยี นศกึ ษา คน้ คว้า ปฏิบัติด้วยตวั เอง โดยอาศยั
หลกั วิชาการทางทฤษฎตี ามเนื้อหาโครงงานน้นั ๆ หรือจากประสบการณ์ และกิจกรรม
ตา่ ง ๆ ท่ไี ด้พบเห็นมาแลว้

2. นักเรียนทกุ คนพจิ ารณาจัดทาโครงงานดว้ ยตนเอง หรอื เป็นกล่มุ จานวน
2-3 คนตอ่ กลมุ่ โดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ เปน็ ภาคเรยี น หรือมากกวา่ ก็ได้

3. นกั เรยี นเป็นผู้พจิ ารณารเิ ริ่มสร้างสรรค์ คดั เลือกโครงงานทจ่ี ะศึกษาค้นควา้
ปฏิบตั ิด้วยตนเองตามความถนัด สนใจ และความพรอ้ ม

4. นกั เรยี นเปน็ ผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัตงิ าน และ
การแปรผล รายงานผลต่อครู-อาจารย์ท่ปี รึกษา เพ่ือดาเนินงานรว่ มกนั ให้บรรลุตาม
จุดหมายท่กี าหนดไว้

5. เปน็ โครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ ความสามารถของนักเรยี นตามวัยและ
สติปัญญา รวมทง้ั การใชจ้ ่ายเงินดาเนินงานด้วย

บัตรคาถามที่ 3
ขอบข่ายของโครงงาน

ให้นักเรยี นใส่เคร่ืองหมาย  หน้าขอ้ ท่ีถูก และเคร่อื งหมาย  หนา้ ขอ้ ที่ผิด
1. โครงงานอาชพี เปน็ กจิ กรรมท่ีดาเนนิ งานโดยนกั เรยี นเป็นผูร้ ิเร่มิ สร้างสรรค์ และ
คร-ู อาจารย์เป็นผ้ใู ห้คาแนะนาปรึกษา
2. การทาโครงงานตอ้ งทาเปน็ กล่มุ เท่านนั้ เพ่ือสง่ เสริมการทางานเป็นทมี
3. โครงงานทนี่ ักเรียนทาต้องได้รับความเหน็ ชอบจากครูทีป่ รึกษา
4. โครงงานทนี่ ักเรียนทาต้องเหมาะสมกบั ความรู้ ความสามารถของครทู ป่ี รึกษา
5. โครงงานท่ีจะศึกษาค้นคว้าปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเองตามความถนดั สนใจ และความ
พรอ้ ม

บัตรเนื้อหาที่ 5
ประเภทของโครงงาน

ประเภทของโครงงาน
โครงงานสามารถแบ่งแยกประเภทไดด้ ังนี้

1. ประเภทพัฒนาผลงาน เปน็ โครงงานท่ีเกิดจากการศึกษาเนื้อหาทางวชิ าการ
หรอื หลักทฤษฎเี กย่ี วกบั วชิ าการงานและอาชีพหรือวิชาสามัญตา่ ง ๆ แล้วนามาปรบั ปรุง
และพฒั นาใหส้ อดคล้องกบั แนวทางทฤษฎีดังกล่าว สง่ ผลให้มีผลงานเปน็ รูปธรรมย่งิ ข้ึน
เช่น เมื่อนกั เรียนไดศ้ ึกษาทฤษฎเี กี่ยวกบั แสงอาทติ ย์ นักเรียนอาจทาโครงงานสรา้ ง
เครอื่ งอบกล้วยด้วยแสงแดด โครงการแปรรูปอาหาร โครงงานการผลติ เอกสารรปู แบบ
ต่าง ๆ เป็นตน้

บตั รเนอ้ื หาที่ 5
ประเภทของโครงงาน

ประเภทของโครงงาน
โครงงานสามารถแบ่งแยกประเภทไดด้ ังน้ี
2. ประเภทศกึ ษา ค้นคว้า ทดลอง เป็นโครงงานที่เกิดขนึ้ จากการศึกษาหลักการ

ตา่ ง ๆ ทางวชิ าการแล้วนามาทดลองคน้ ควา้ เพื่อยืนยันทฤษฎีหรือหลกั การ หรอื ต้องการ
ทราบแนวทางเพ่มิ คุณคา่ และการใช้ประโยชนใ์ ห้มากยง่ิ ขึน้ เช่น การศกึ ษาสูตรอาหาร
ไก่ตอน การศึกษาขนมอบชนิดต่าง ๆ เป็นตน้

บัตรเน้ือหาท่ี 5
ประเภทของโครงงาน

ประเภทของโครงงาน
โครงงานสามารถแบง่ แยกประเภทได้ดังนี้
3. ประเภทสรา้ งสง่ิ ประดิษฐ์ เป็นโครงงานสร้างสรรค์สิ่งประดษิ ฐใ์ หม่ ๆ ขนึ้ มา

หลังจากทีไ่ ด้ศึกษาทางทฤษฎี หรอื พบเห็นผลงานของผู้อ่นื แลว้ เกิดความคดิ สร้างสรรค์ที่
จะพฒั นาต่อไป จงึ ประดิษฐค์ ิดค้นให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ดียิง่ ขึน้ เช่น การประดษิ ฐ์
ของชาร่วย การประดิษฐ์เคร่ืองเสียง โครงงานโคมไฟไมไ้ อติม เป็นตน้

บัตรเนอื้ หา 5
ประเภทของโครงงาน

ประเภทของโครงงาน
โครงงานสามารถแบ่งแยกประเภทไดด้ ังน้ี
4. ประเภทสารวจข้อมูล เป็นโครงงานการศึกษาสารวจข้อมูลสาหรับ

ดาเนนิ งานพฒั นาปรบั ปรงุ เพ่ิมเติมผลงานและสง่ เสรมิ ผลผลติ ใหม้ คี ณุ ภาพดียง่ิ ขึน้
ข้อมลู ดงั กลา่ วอาจมผี ู้จัดทาขึ้น แต่มีการแปรเปล่ยี นไปแล้ว ตอ้ งทาการสารวจจดั ทาขน้ึ
ใหมใ่ หท้ นั สมยั อย่เู สมอ เชน่ การสารวจราคาผลผลติ เกษตรในท้องถิ่น การสารวจ
ปริมาณการเลี้ยงไกเ่ นอ้ื ในทอ้ งถ่นิ เปน็ ตน้

บัตรคาถามท่ี 4 ประเภทของโครงงาน

คาชีแ้ จง จากชื่อโครงงานอาชีพต่อไปน้ี ให้จาแนกให้ตรงกบั ประเภทของโครงงาน
โดยใสห่ มายเลขในตารางด้านล่าง

ชอ่ื โครงงานอาชีพ

1.สูตรเคร่ืองด่ืมเพ่ือผวิ สวย 11.สารวจอาชพี ในทอ้ งถน่ิ

2.ของตกแต่งจากรีไซเคิล 12.สตู รอาหารลดน้าหนกั

3.พฤติกรรมการบริโภคไอศกรีมของนกั เรียน 13.การเล้ยี งกบ

4.เหตผุ ลในการเลือกซอ้ื เคร่อื งสาอาง 14.การเกษตรแบบครบวงจร

5.สูตรอาหารเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อกลว้ ยไม้ 15.พวงกุญแจแฟนซี

6.การเลยี้ งไส้เดือนดิน 16.สูตรอาหารเลี้ยงไกพ่ นื้ เมอื ง

7.สมุนไพรในครัวไลย่ ุงได้ 17,ประดิษฐ์ของชาร่วย

8.การออกแบบเสื้อผา้ 18.ความสาเร็จชองผู้ประกอบอาชพี

9.งานถักสานเชือก 19.การสารวจสินค้าทม่ี ีเครอื่ งหมายมาตรฐาน

10.ของเลน่ เสริมปัญญา 20.ไส้กรอกเพื่อสขุ ภาพ

ประเภทของโครงงาน

1 พฒั นาผลงาน 2 ค้นควา้ ทดลอง 3 สรา้ งสงิ่ ประดษิ ฐ์ 4 สารวจข้อมูล

บตั รเนอื้ หาที่ 6
ทกั ษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ทักษะกระบวนการ
ทักษะกระบวนการ หมายถึง กระบวนการทางาน ทีด่ าเนนิ การเปน็ ข้ันตอน

อยา่ งคล่องแคลว่ แม่นยาจนบรรลผุ ลท่ตี ้องการอย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดยใชเ้ วลาและ
ทรพั ยากรน้อยทสี่ ดุ

การทางานหรือโครงงานใด ๆ อาจดาเนินการตามหลกั ของทักษะกระบวนการ
ไดเ้ สมอ

ทกั ษะกระบวนการมี 9 ข้ัน ดังนี้
1. ตระหนักในปญั หา และความจาเป็น
2. คิดวิเคราะห์วิจารณ์
3. สร้างทางเลือกอยา่ งหลากหลาย
4. ประเมนิ และเลือกทางเลอื ก
5. กาหนดและลาดับข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ
6. ปฏิบัติด้วยความชื่นชม
7. ประเมนิ ระหวา่ งปฏบิ ตั ิ
8. ปรับปรงุ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

9. 9. ประเมินผลรวมเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ

บตั รเนอื้ หาท่ี 6
ทักษะกระบวนการ 9 ขนั้

ทกั ษะกระบวนการ
ทกั ษะกระบวนการ หมายถงึ กระบวนการทางาน ที่ดาเนินการเป็นข้ันตอน

อย่างคล่องแคล่วแมน่ ยาจนบรรลผุ ลทีต่ ้องการอย่างมปี ระสิทธภิ าพ โดยใชเ้ วลาและ
ทรัพยากรน้อยท่สี ดุ

การทางานหรือโครงงานใด ๆ อาจดาเนนิ การตามหลักของทกั ษะกระบวนการ
ไดเ้ สมอ

ทกั ษะกระบวนการมี 9 ข้นั ดังน้ี
1. ตระหนักในปัญหา และความจาเปน็
2. คดิ วิเคราะห์วจิ ารณ์
3. สร้างทางเลือกอย่างหลากหลาย
4. ประเมินและเลือกทางเลือก
5. กาหนดและลาดับขนั้ ตอนการปฏิบัติ
6. ปฏิบัตดิ ้วยความชนื่ ชม
7. ประเมินระหว่างปฏบิ ัติ
8. ปรับปรงุ ให้ดขี ึ้นอยู่เสมอ

10. ประเมนิ ผลรวมเพื่อให้เกดิ ความภาคภูมิใจ

บตั รเน้ือหาท่ี 6
ทกั ษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ขั้นที่ 1 ตระหนักในปัญหา และความจาเปน็
การทาสิ่งใดกต็ าม จะมีการกระทาเกิดขนึ้ ไดก้ ็ต่อเม่ือผกู้ ระทาเห็นวา่ จาเป็นต้อง

ทา เพื่อแก้ปัญหาหรอื เพ่ือประโยชนบ์ างอย่าง เชน่
กนิ ข้าว เพื่อแก้ปญั หาความหิว
ได้ประโยชน์ คือ เกดิ ความอิ่ม ไมห่ ิว
ฟงั วทิ ยุ เพือ่ แก้ปญั หาเหงาหงดุ หงิด
ได้ประโยชน์ คือ มีความสุข ความพอใจ
กางมงุ้ เพื่อแก้ปญั หายุงกดั
ได้ประโยชน์ คอื นอนหลับสบาย
รดนา้ ตน้ ไม้ เพื่อแกป้ ญั หาต้นไม้เหยี่ วเฉา
ได้ประโยชน์ คือ ต้นไมเ้ จรญิ งอกงาม

ขน้ั ท่ี 2 คิดวเิ คราะหว์ จิ ารณ์
ในข้ันที่ 1เราทราบวา่ การตัดสนิ ใจทาส่ิงใดกเ็ พราะเราเหน็ ความจาเป็นในการ

ทาสิ่งนั้น เพื่อแก้ปัญหาหรือเพือ่ ประโยชนท์ เี่ ราต้องการ ถา้ ไม่จาเป็นหรือไม่เหน็
ประโยชน์ เราจะไม่ทาสงิ่ นนั้ เลย

เมอื่ ตดั สนิ ใจทาสิ่งนน้ั หรืองานนนั้ แลว้ ก่อนลงมือทาเราจะต้องคดิ ไตร่ตรอง
เสยี กอ่ นว่างานน้ันมีลักษณะอย่างไร เคยทราบหรอื เคยเห็นการทางานนหี้ รือคลา้ ย ๆ กัน
นมี้ าก่อนหรือไม่ เปน็ งานใหญ่หรือเล็กพอทจี่ ะทาไดห้ รือไม่ ถา้ เหน็ ว่าใหญ่เกนิ ไปก็อาจ
เลิกล้มความคิดทจ่ี ะทา ถา้ เห็นวา่ พอจะหาวิธีทาได้จึงตกลงใจจะทา

บัตรเนอ้ื หาที่ 6
ทักษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ขนั้ ท่ี 3 สร้างทางเลือกอยา่ งหลากหลาย
เมื่อคิดวเิ คราะห์วจิ ารณจ์ นแน่ใจแล้ววา่ สามารถทางานนน้ั ได้ จึงดาเนินการคิด

หาวธิ ีทจี่ ะทางานน้นั โดยคิดวา่ จะทางานน้นั ดว้ ยวิธีใดไดบ้ า้ ง คดิ วิธตี ่าง ๆ ใหม้ ากวิธีท่สี ุด
คือ สรา้ งทางเลือกอย่างหลากหลาย เช่น

1) เกิดปัญหาอยากไดข้ องเลน่ อย่างหน่ึง ตระหนักวา่ ถ้าได้มาแลว้ จะเกิด
ประโยชน์ คือ ได้เลน่ อย่างเพลดิ เพลิน มคี วามสุข

2) จึงคดิ วิเคราะหว์ จิ ารณว์ า่ การจะได้ของเล่นอย่างนน้ั พอมหี นทางหรือไม่
สรุปว่าพอมที างเป็นไปได้ จึงตกลงใจจะหาของเลน่ นนั้

3) เมือ่ ตกลงใจเชน่ นั้นแล้ว จึงคดิ หาวธิ ีต่าง ๆ ท่ีจะได้ของเลน่ นัน้ โดยพยายาม
คิดหลาย ๆ วธิ ี (สร้างทางเลือกอย่างหลากหลาย) เช่น
วิธีที่ 1 ขอเงนิ แมไ่ ปซือ้
วิธีท่ี 2 รับจา้ งเล้ียงน้องหรือรบั จา้ งทางานอน่ื เกบ็ เงนิ ให้พอซ้อื
วธิ ีท่ี 3 เกบ็ ออมเงนิ ค่าขนมวนั ละเล็กละน้อยจนกว่าจะพอซ้ือ
วธิ ีท่ี 4 เกบ็ ออมเงนิ และทางานรบั จ้างเพ่อื หาเงินจนกว่าจะพอซ้ือ
วธิ ที ี่ 5 เก็บวสั ดเุ หลือใช้ในบ้านขาย สะสมเงนิ ไปจนกวา่ จะพอซ้อื
วิธที ่ี 6 ………………………..

บตั รเนื้อหาท่ี 6
ทักษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ข้ันท่ี 4 ประเมินและเลือกทางเลือก

เมือ่ สร้างทางเลือกไว้หลากหลายวธิ แี ล้ว จึงประเมนิ ว่าวิธไี หนเป็นวธิ ีทีด่ ที ีส่ ุด

แลว้ เลือกวิธนี ้ัน

การประเมินว่าวิธไี หนเปน็ วธิ ที ี่ดีท่ีสดุ น้ี จาเป็นต้องหาเกณฑ์มาเป็นเครอ่ื งวัด

โดยจะใชเ้ กณฑอ์ ย่างเดียวหรือหลาย ๆ เกณฑ์ประกอบกนั ก็แลว้ แตค่ วามเหมาะสมเปน็

กรณี ๆ ไป เช่น

เกณฑ์ประหยัด เสียค่าใช้จา่ ยนอ้ ยท่สี ดุ

เกณฑ์รวดเรว็ ใช้เวลาในการทาน้อยที่สดุ

เกณฑส์ ะดวก สามารถหาได้ง่าย ทาได้งา่ ย

เกณฑ์คงทน ไมช่ ารุดเสยี หายง่าย มีอายใุ ช้งานไดน้ าน

เกณฑ์สวยงาม มีสสี ัน รปู รา่ งสวยงาม อรอ่ ย รสดถี กู ใจ

เกณฑ์คุณประโยชน์ มคี ณุ คา่ หรือประโยชนใ์ ช้สอยสูง ใช้ประโยชนไ์ ดม้ าก

เกณฑ์ปลอดภยั สะอาด ไม่มีอันตราย

การกาหนดเกณฑท์ ่ีแตกตา่ งกันย่อมทาให้ผลการตัดสินแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย เช่น

จากเร่อื งการกินอาหารกลางวันทโี่ รงเรียน

ถา้ ใช้เกณฑป์ ระหยัด วธิ ีที่ดที ี่สุด อาจได้แก่ การนาอาหารมาจากบา้ น

ถ้าใช้เกณฑ์สะดวก วธิ ที ี่ดที ่ีสดุ อาจได้แก่ การซ้ืออาหารจากร้านใน

โรงเรยี น

ถา้ ใช้เกณฑร์ วดเร็ว วิธีที่ดที ีส่ ุด อาจได้แก่ การซื้ออาหารสาเรจ็

จากตลาดกอ่ นไปโรงเรียน

จะเหน็ ไดว้ า่ วธิ ีทีด่ ีทีส่ ุดย่อมเปลยี่ นไปตามเกณฑ์ท่ีกาหนด ดังน้ันจงึ นยิ มกาหนด

หลายเกณฑ์ แล้วใหค้ ะแนนของแตล่ ะวธิ ีตามเกณฑ์เหลา่ น้ันเป็น 0 (ไม่ม/ี มนี ้อย)

บัตรเน้อื หาที่ 6
ทกั ษะกระบวนการ 9 ขนั้

จะเห็นได้ว่าวธิ ีทีด่ ีท่ีสดุ ย่อมเปล่ยี นไปตามเกณฑ์ทีก่ าหนด ดังนัน้ จงึ นิยมกาหนด
หลายเกณฑ์ แล้วให้คะแนนของแต่ละวธิ ีตามเกณฑเ์ หล่าน้ันเป็น

0 = ไม่มี/มีน้อย
1 = มีปานกลาง
2 = มีมาก/ดีมาก
เช่น

การกนิ อาหารกลางวันที่โรงเรียน

วิธี ประหยัด รวดเร็ว สะดวก ประโยชน์ ปลอดภัย รวม
8
1.นาอาหารมาจาก 211 2 2
บ้าน 5
012 1 1
2.ซอื้ จากร้านอาหาร 5
ในโรงเรียน 121 1 0

3.ซอ้ื อาหารสาเร็จรูป
จากตลาด

ผลการประเมนิ ตามเกณฑผ์ สม 5 เกณฑ์ พบวา่ วธิ ที ่ี 1 การนาอาหารมาจาก
บ้าน มคี ะแนนมากทสี่ ดุ เป็นวธิ ีที่ดที ่ีสุด จงึ เลือกวิธนี ี้

บัตรเนอื้ หาที่ 6
ทกั ษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ข้นั ท่ี 5 กาหนดและลาดับข้ันตอนการปฏิบัติ
เมื่อประเมินและเลอื กวิธที ีด่ ที ่ีสดุ ได้แลว้ จงึ นาวธิ ีนั้นมาพจิ ารณาวา่ จะต้องทา

อะไรบ้าง จะต้องใชเ้ คร่ืองมอื หรอื วัสดุอปุ กรณ์อะไรบ้าง ถ้าต้องซื้อหา จะซ้ือไดจ้ ากทไี่ หน
ใช้เงินเทา่ ไร ถ้าทาเปน็ กลุ่ม ก็กาหนดแบ่งงานวา่ ใครทาอะไร รว่ มกับใคร

เมอื่ รู้ว่าจะทาอะไรแล้ว หลังจากนั้นจงึ พจิ ารณาวา่ ควรจะทาอะไรก่อนหลัง
อยา่ งไร โดยกาหนดเป็นขน้ั ตอนว่า ขนั้ ที่ 1 ใครทาอะไร อยา่ งไร ขั้นที่ 2 ใครทาอะไร
อย่างไร เรื่อยไปจนจบ คือทางานนนั้ สาเรจ็

ข้ันที่ 6 ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยความชนื่ ชม
หลังจากกาหนดและลาดับขั้นตอนการทางานเรยี บร้อยแลว้ จึงลงมือปฏิบตั ดิ ว้ ย

ความชืน่ ชมหมายความว่า มีศรทั ธาและยนิ ดที จ่ี ะทางานนนั้ พึงพอใจในแผนงานท่ี
กาหนดนั้น เช่อื มัน่ ว่าจะสามารถทาสาเร็จตามลาดับข้นั ตอนตามทกี่ าหนดไว้ และมน่ั ใจ
วา่ จะทาสาเร็จได้จนถงึ ขน้ั ตอนสุดทา้ ยอยา่ งแนน่ อน

ขัน้ ท่ี 7 ประเมนิ ระหว่างปฏบิ ัติ
ขณะทีป่ ฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอนตา่ ง ๆ น้ัน ให้ประเมินผลของแต่ละข้ันตอนวา่ เปน็ ไป

ตามทีว่ างแผนไวห้ รือไม่ เช่น ทาได้ตรงตามท่ีกาหนดไว้ ได้ผลดหี รอื ทาไดร้ วดเร็วกว่าที่
ประมาณการไว้ ลา่ ชา้ หรือไม่ถกู ต้องไม่เป็นไปตามที่คาดไว้อย่างไร เปน็ ตน้

บัตรเนือ้ หาที่ 6
ทกั ษะกระบวนการ 9 ขน้ั

ข้ันท่ี 8 ปรับปรุงใหด้ ขี ้ีนอยเู่ สมอ
จากผลการประเมินในข้ันที่ 7 จะต้องปรบั ปรุงการทางานแต่ละขน้ั ให้ดีขน้ึ อยู่

เสมอ แม้จะได้ผลดีอยแู่ ล้วก็ปรบั ปรุงใหด้ ียิง่ ขึ้น
ถ้าปรากฏว่าไม่ได้ผลถูกตอ้ งตามท่ีกาหนดไว้ หรือพบอปุ สรรคที่ไมส่ ามารถแก้ไข

ได้ หรือพบวา่ วิธีท่เี ลอื กทาน้ี เปน็ วธิ ีท่ไี ม่ถูกตอ้ ง ไมส่ ามารถทางานน้ไี ด้
ถา้ เปน็ เชน่ นจ้ี ะต้องย้อนกลับไป ข้นั ท่ี 4 ใหม่ ประเมนิ และเลือกทางเลอื ก

เลอื กได้แลว้ จึงทาต่อ ขน้ั ท่ี 5 ข้ันที่ 6 ขั้นที่ 7 และ 8 ถ้าถึงขัน้ ท่ี 8 แล้ว ยังไม่สามารถทา
ได้สาเรจ็ กต็ ้องยอ้ นไปข้ันท่ี 4 ใหมอ่ ีก จนกวา่ จะทาไดส้ าเร็จ หรอื ตดั สินใจเลิกล้มการ
ทางานนี้

ข้นั ที่ 9 ประเมินผลรวม เพือ่ ใหเ้ กิดความภาคภมู ิใจ
เมือ่ ทางานสาเร็จได้ผลแล้วก็เป็นธรรมที่ผ้ทู าจะเกิดความภูมใิ จในผลงาน วิธีท่ี

จะให้เกดิ ความภูมิใจอย่างแท้จรงิ นัน้ จะต้องมกี ารประเมินผลรวม คอื ตอ้ งพิจารณาดวู ่า
งานนส้ี าเรจ็ ผลตรงตามจุดประสงคห์ รอื เป้าหมายท่ีตัง้ ไว้หรือไม่ ดีกวา่ หรือบกพร่อง
อย่างไรหรือไม่ มผี ลพลอยได้ หรอื มขี ้อคดิ หรือหลกั ปฏิบตั ิอะไรท่ีอาจนาไปเป็นแนว
ปฏิบัติต่อไปในภายหนา้ ไดบ้ า้ ง

ความภาคภมู ใิ จจากผลสาเร็จของงานนี้ จะเปน็ แรงผลักดนั ใหเ้ กดิ กาลังใจทจ่ี ะ
ทางานอน่ื ๆ ต่อไปโดยไมย่ ่อทอ้ ต่ออุปสรรค

บตั รคาถามที่ 5
เรอ่ื ง ทกั ษะกระบวนการ 9 ขนั้

ถา้ หากนักเรียนต้องการทางานกลมุ่ ให้สาเรจ็ และมีความภาคภูมิใจรว่ มกนั ในกรณที ่ี
กลุ่มต้องการเปดิ ตลาดนดั เศรษฐกิจพอเพยี ง เพื่อเชญิ ชวนให้ครแู ละบคุ ลากรในโรงเรียน
ร่วมกิจกรรม จะต้องดาเนินการตามทักษะกระบวนการทางาน 9 ขน้ั อย่างไร ใหอ้ ธิบาย
วา่ แต่ละขน้ั จะทาอย่างไร

1. ตระหนกั ในปัญหาและความจาเปน็
…………………………………………………………………………………………………….

2. คิดวิเคราะห์วิจารณ์
…………………………………………………………………………………………………….

3. สร้างทางเลือกอย่างหลากหลาย
…………………………………………………………………………………………………….

4. ประเมนิ และเลอื กทางเลือก
………………………………………………………………………………………………….

5. กาหนดและลาดับข้ันตอนการปฏิบตั ิ
………………………………………………………………………………………………….

6. ปฏิบตั ดิ ว้ ยความชื่นชม
………………………………………………………………………………………………….

7. ประเมินระหวา่ งปฏบิ ัติ
………………………………………………………………………………………………….

8. ปรบั ปรงุ ให้ดขี ึ้นอยู่เสมอ
………………………………………………………………………………………………….

9. ประเมนิ ผลรวมเพื่อใหเ้ กดิ ความภาคภมู ิใจ
………………………………………………………………………………………………….

บัตรทดสอบหลงั เรียน

หนว่ ยการเรียนรู้ โครงงานอาชีพ เร่ือง ความรเู้ บื้องตน้ เกยี่ วกบั โครงงานอาชีพ

กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี วชิ า การงานอาชีพ ง23101

ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 15 ข้อ คะแนนเตม็ 15 คะแนน

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบที่ถกู ที่สุดเพียงคาตอบเดยี ว

1. ประโยชน์สาคญั ทน่ี ักเรียนไดร้ ับจากการเรียนโครงงานอาชพี คอื อะไร
ก. ได้ศกึ ษาอาชีพที่มใี นชุมชน
ข. ชว่ ยใหม้ รี ายไดร้ ะหว่างเรียน
ค. เปน็ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชนแ์ ละคุ้มค่า
ง. ทางานได้อย่างเป็นข้ันตอน รูจ้ กั การวางแผนงานอย่างมรี ะบบ

2. ข้อใดคอื ความหมายของโครงงานอาชพี ทีช่ ัดเจนท่สี ุด
ก. กิจกรรมอาชีพที่นักเรียนเลือกศึกษาตามท่ีกาหนดไวใ้ นหลกั สูตร
ข. กิจกรรมอาชีพทีน่ ักเรียนเลือกศึกษาตามความสนใจในหัวข้อที่ครูชว่ ยกาหนด
ค. กิจกรรมอาชีพทีน่ ักเรียนเลือกศึกษาใหส้ อดคล้องกับความตอ้ งการของ
ครอบครัวและชมุ ชน
ง. กิจกรรมอาชีพที่นักเรยี นสนใจศึกษาและดาเนนิ งานตามลาดบั ขั้นตอนโดยมี
การวางแผนล่วงหนา้

3. ข้อใดกล่าวถึงประเภทของโครงงาน “ไม่” ถกู ต้อง
ก. โครงงานประเภทสารวจข้อมูล
ข. โครงงานประเภทศึกษาค้นคว้า
ค. โครงงานประเภทดาเนนิ งาน
ง. โครงงานประเภทส่ิงประดิษฐ์

บัตรทดสอบหลงั เรียน

เรอื่ ง ความรู้เบอ้ื งตน้ เกีย่ วกับโครงงานอาชพี

4ค. าขชอ้ ้แี ใดจกงล่าใหวถน้ งึ กั โคเรรียงนงาเลนอื กาชคีพาตปอรบะเทภถี่ ทกู สทิง่ ปี่สดุระเพดียิษงฐค์ ไาดตถ้ อูกบตเ้อดงียว

ก. เกิดจากการสร้างสรรค์สิ่งใหมๆ่
ข1..มาขจ้อาใกดกคาอืรคเรวียานมดหา้ มนางยาขนอปงรโะคดรงิษงฐา์โนดอยาเฉชพี าทะ่ชี ัดเจนทส่ี ุด
ค. มากจ.ากจิกการรวมบอราวชมพี ขทอ้ ่นี มักูลเมรียาศนึกเลษือากเศพึกื่อษเปาตน็ าคมวทา่ีกมารหใู้ หนมด่ ไวใ้ นหลกั สูตร
ง. เกดิ ขจ. ากกิจกการรรนมาอเนาชื้อพีหทาวน่ี ิชักาเกรยีารนมเลาือพกฒั ศนึกาษราว่ ตมากมบั คเนวาื้อมหสานสใาจรใะนกหาัวรขงา้อนทคี่ รูช่วยกาหนด
5. ขอ้ ใด คไม. ใ่กชจิ ่ กครวรามอสาชคีพัญทข่ีนอักงโเรคยีรนงงเาลนือกศึกษาใหส้ อดคล้องกบั ความต้องการของ

ก. ชค่วรยอลบดคปรัญวแหลาะวชยั ุมรชุ่นนในท้องถน่ิ
ขง. เกปิจน็ กกรารรมเรอียานชรพี ู้จทา่ีนกักสเถราียนนทส่ีจนรใงิจศึกษาและดาเนินงานตามลาดับขนั้ ตอนโดยมี
ค. มกีกาารรวปางรแะผสนานลว่งางหนแนลา้ ะบูรณาการทางวิชาการ
2. ปรง.ะมโยีกชานร์สนาคเสญั นทอนี่โคกั รเรงยีงานนไดดร้ ว้ บั ยจวาิธกกี กาารรทเร่ีเหยี มนาโะคสรงมงานอาชีพคอื อะไร
6. สมพรก.บั ไเดพ้ศื่อกึนษจาัดอทาาชโีพครทงี่มงีใานนชกุมาชไลนโดยใชห้ ว่ งท่ีเปดิ ขวดน้าจากขวดนา้ ด่ืมมาประกอบ
กบั รบิ บิ้นข. ชว่ จยดั ใทหา้มเรีปา็นยกไดาไ้รละหแวล่าะงเเครรยี ่ือนงประดับอน่ื ๆ จากลักษณะดังกลา่ ว โครงงาน
กาไล จดั คเป. ็นเปโค็นรกงางราในชปเ้ วรละาเภว่าทงใใดห้เกดิ ประโยชนแ์ ละคมุ้ คา่
งก. ทกางราทนดไลดอ้ งยา่ งเป็นขน้ั ตอน รู้จักการวางแผนงานอยา่ งมีระบบ
3. ข้อขใ.ดกาไมรสใ่ ชา่รคววจารมวสบารควัญมข้อมงโลู ครงงาน
กค. ชก่วารยพลฒัดปนญั าหราือวกัยารรุ่นปในระทดอ้ ษิงถฐ่ิน์
งข. กเปารน็ สกรา้ารงเทรยีฤนษรฎู้จหี ารกือสคถาบนรทร่ีจยราิงย
7. การทาคง.ามนกี ใดารตป้อรงะใชสค้านวางมานคแดิ ลสะรา้บงรู สณรารกคา์ แรลทะาคงวิชาามกปารระณีตมากทส่ี ุด
ก. งง.ามนกี ชา่ารงนาเสนอโครงงาน ดว้ ยวิธีการที่เหมาะสม

ข. งานบา้ น

ค. งานธรุ กิจ

ง. งานประดิษฐ์

บัตรทดสอบหลงั เรียน
เร่ือง ความร้เู บือ้ งตน้ เกีย่ วกบั โครงงานอาชีพ

8. กจิ กรรมโครงงาน หมายถึงขอ้ ใด
ก. การจดั ประสบการณ์ตรง
ข. เปน็ การศึกษาอย่างลมุ่ ลกึ
ค. การจัดกิจกรรมทีใ่ ห้ผู้เรียนค้นคว้าเอง
ง. เปน็ การจัดประสบการณ์ตรงใหผ้ ู้เรียนได้ศกึ ษาเอง

9. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของงานธรุ กจิ
ก. กาไร
ข. เงินเดือน
ค. ความอยูร่ อด
ง. การขยายกิจการ

10. ข้อใดกล่าวถึงจุดมุ่งหมายของโครงงาน “ไม่” ถกู ตอ้ ง
ก. เพื่อให้ผู้เรียนได้ศกึ ษาค้นคว้าหาความรู้หาข้อมลู จากแหล่งความรู้ต่างๆดว้ ย
ตนเอง
ข. เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นได้แสดงออกซ่งึ ความคิดรเิ ร่ิมสร้างสรรค์
ค. เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนผลิตผลงานที่เป็นของผู้เรียนเองและนาไปใช้ประโยชน์ได้
ง. เพือ่ ให้ผู้เรียนไดศ้ ึกษาตามทผ่ี ู้สอนบอกเท่านน้ั .

11. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ทักษะกระบวนการ 9 ขั้น อันเป็นพ้ืนฐานสาคัญในการดาเนินงาน
โครงงาน

ก. ประเมนิ ผลก่อนปฏบิ ัติ
ข. คดิ วเิ คราะหว์ จิ ารณ์
ค. สรา้ งทางเลอื ก
ง. ตระหนกั ในปัญหาและความจาเปน็

บตั รทดสอบหลงั เรียน
เร่ือง ความรเู้ บือ้ งตน้ เก่ยี วกบั โครงงานอาชพี

12. การประเมนิ ผลระหวา่ งปฏิบัตงิ านเพอ่ื ประโยชน์ตามข้อใด
ก. เพ่อื ให้งานเสร็จเร็วกว่าหรือเสร็จตามท่ีกาหนดไว้
ข. เพ่ือประเมินวา่ งานมปี ัญหาหรอื เสร็จตามเวลาที่กาหนดไว้หรือไม่
ค. เพอื่ ประเมนิ การทางานของผรู้ บั ผิดชอบแต่ละฝ่ายวา่ สาเรจ็ แคไ่ หน
ง. เพ่อื ประเมินการทางานแต่ละขั้นตอนว่าเปน็ ไปตามท่ีวางแผนไว้หรือไม่

13. โครงงานเปรยี บเทยี บไดก้ ับสง่ิ ใด
ก. การบา้ น
ข. การทางานวิจัย
ค. การทารายงาน
ง. การทาแบบฝึกหดั

14. การทาโครงงานอาชพี มีความสาคญั ตอ่ ประเทศชาติอย่างไร
ก. ประหยัดงบประมาณ
ข. เพิม่ รายได้และพฒั นาเศรษฐกจิ ของประเทศ
ค. เยาวชนมคี วามคดิ สร้างสรรค์และรกั การทางาน
ง. ชว่ ยสรา้ งงานทาใหป้ ระชาชนไมว่ า่ งงาน มีรายได้มากกวา่ เดิม

15. การประเมนิ ระหวา่ งปฏิบตั เิ ม่อื เห็นว่าการทางานมีอปุ สรรค จะต้องกลบั ไปขั้นไหน
ของทักษะกระบวนการ 9 ชน้ั

ก. ขนั้ ที่ 2
ข. ขน้ั ท่ี 3
ค. ขั้นที่ 4
ง. ขั้นท่ี 5

กระดาษคาตอบบัตรทดสอบหลงั เรยี น
เร่ือง ความร้เู บอ้ื งต้นเกย่ี วกบั โครงงานอาชีพ

ชอื่ – สกลุ .......................................................ชนั้ ...............เลขท่.ี ............

ข้อท่ี ก ตวั เลอื ก ง
1 ขค
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15

คะแนนเต็ม คะแนนท่ีได้
15


Click to View FlipBook Version