The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทเรียนสำเร็จรูปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกันภัยแก้ไข (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทเรียนสำเร็จรูปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกันภัยแก้ไข (1)

บทเรียนสำเร็จรูปความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการประกันภัยแก้ไข (1)

บทเรียนสาเร็จรูป

เร่ือง ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกบั การประกนั ภยั

โรงเรียนหาดใหญ่วทิ ยาลยั
อาเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา
สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 16

คาแนะนา

1. นกั เรียนอ่านสาระสาคญั และผลการเรียนรู้ของบทเรียนสาเร็จรูป
2. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หา้ มดูเฉลยก่อนทา เม่ือทาเสร็จแลว้
ตรวจคาตอบกบั เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
3. ใหน้ กั เรียนศึกษาบทเรียนสาเร็จรูปไปทีละกรอบ อยา่ ขา้ มกรอบ แลว้ ตอบ
คาถามและตรวจคาตอบในกรอบต่อไป ถา้ ตอบถูกใหท้ าการศึกษาในกรอบต่อไปได้
ถา้ ตอบผดิ ใหก้ ลบั มาอ่านอีกคร้ัง หากไม่เขา้ ใจใหศ้ ึกษาเน้ือหาใหม่หรือ ถามครูผสู้ อน
และเมื่อเขา้ ใจแลว้ จึงทาการศึกษาในกรอบตอ่ ไปจนจบทุกกรอบ
4. เมื่อศึกษาบทเรียนสาเร็จรูปครบทุกกรอบแลว้ ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบ
หลงั เรียน หา้ มดูเฉลยก่อนทา เม่ือทาเสร็จแลว้ ใหต้ รวจคาตอบกบั เฉลยแบบทดสอบ
หลงั เรียน
5. เมื่อทากิจกรรมครบทุกกรอบแลว้ นาบทเรียนสาเร็จรูปพร้อมท้งั กระดาษ
คาตอบส่งครู

สาระสาคญั

ความเส่ยี งเกดิ ข้นึ ได้กับทุกคนและเกดิ ขน้ึ อยตู่ ลอดเวลา ตราบใดทม่ี นุษย์ยงั ไมส่ ามารถคาดเดา
เหตกุ ารณใ์ นอนาคตได้อย่างแมน่ ยา จงึ มคี วามจาเป็นตอ้ งหาวิธีการป้องกนั หรือความเสย่ี งในชวี ิตและ
ทรัพย์สิน การประกันภัยเปน็ การบริหารความเส่ียงวธิ หี นงึ่ โดยการโอนความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขนึ้ ใหก้ ับ
บริษัทประกันภัย

ผลการเรียนรู้

1. อธบิ ายความหมายของความเสย่ี ง ภยั สภาวะภยั และความสูญเสยี ไดไ้ ด้
2. บอกประเภทของความเสย่ี ง ภัย สภาวะภัยและความสูญเสียได้
3. อธิบายวธิ ีการบรหิ ารความเสีย่ งได้
4. อธิบายความหมายของการประกนั ภยั ได้
5. บอกประโยชนข์ องการประกันภัยได้
6. บอกประเภทของการประกนั ภยั ได้
7. อธบิ ายทฤษฎีพ้นื ฐานเกย่ี วกบั การประกันภัยได้
8. อธบิ ายคาศัพท์ในธรุ กิจประกนั ภยั ได้

แบบทดสอบก่อนเรียน

เร่ือง ความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกบั การประกนั ภยั

หน่วยบูรณาการ เร่ืองการประกนั ภยั

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนพิจารณาเลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเครื่องหมาย  ใน
กระดาษคาตอบ

ใชค้ าตอบต่อไปน้ี ตอบคาถามขอ้ 1-3
ก. ความเสี่ยงภยั
ข. ภยั
ค. สภาวะภยั
ง. ความสูญเสีย

นางสุขสบายขบั รถยนตไ์ ปตามถนน ในขณะที่ฝนตกหนกั และถนนล่ืน ทาใหเ้ กิดอุบตั ิเหตุชนกบั รถ
คนั อ่ืน ทาใหน้ างสุขสบายไดร้ ับบาดเจบ็ และเสียชีวติ ในเวลาตอ่ มา
1. การบาดเจบ็ หรือเสียชีวติ ของนางสุขสบายคือตวั เลือกใด
2. ถนนลื่นเพราะฝนตกหนกั คือตวั เลือกใด
3. การขบั รถไปตามถนนของนางสุขสบาย
ใชค้ าตอบต่อไปน้ี ตอบคาถามขอ้ 4-6

ก. การหลีกเล่ียงความเสี่ยง
ข. การลดความเส่ียง
ค. การรับภาระความเส่ียง
ง. การโอนความเสี่ยง
4. หากนายใจรักว่ายน้าไม่เป็ น นายใจรักจึงเลือกไม่เดินทางทางเรือ แสดงวา่ นายใจรักบริหารความ
เสี่ยงดว้ ยวธิ ีใด
5. นายใจดีมีบา้ นหลงั ใหญ่ต้งั อยู่ในพ้ืนที่กว่า 10 ไร่ นายใจดีไดต้ ิดสัญญาณกนั ขโมยและติดกลอ้ ง
วงจรปิ ด นายใจดีบริหารความเสี่ยงดว้ ยวธิ ีใด
6. การที่นายดีใจเลือกฝากเงินกบั สถาบนั การเงินหน่ึงที่ใหด้ อกเบ้ียสูง เพราะรู้วา่ รัฐบาลค้าประกนั
เงินฝาก 100% แสดงวา่ นายดีใจบริหารความเสี่ยงดว้ ยวธิ ีใด

7. การประกนั ภยั เกี่ยวขอ้ งกบั บุคคลสามฝ่ าย ยกเว้นขอ้ ใด
ก. ผเู้ อาประกนั
ข. ผรู้ ับประกนั
ค. ผจู้ ่ายคา่ เบ้ียประกนั
ง. ผรู้ ับผลประโยชน์

8. ตวั เลือกใดไม่ใช่ประโยชน์ของการประกนั ภยั
ก. ทาใหป้ ระชาชนมีรายไดเ้ พิม่ ข้ึน
ข. ช่วยปลูกฝังนิสัยการประหยดั และการออมทรัพย์
ค. เป็นหลกั ประกนั ต่อบุคคลและครอบครัว
ง. ช่วยใหม้ ีการระดมทุนพฒั นาประเทศ

9. ตวั เลือกใดไม่ใช่ทฤษฎีพ้นื ฐานเกี่ยวกบั การประกนั ภยั
ก. ความน่าจะเป็น
ข. ความเป็นไปได้
ค. กฎวา่ ดว้ ยจานวนมาก
ง. กฎของการเฉลี่ย

10. การประกนั ภยั แบง่ ออกเป็ น 2 ประเภทคือการประกนั ชีวติ และการประกนั วนิ าศภยั ขอ้ ใดกล่าว
ไม่ถูกตอ้ ง
ก. การประกนั อคั คีภยั เป็นการประกนั วนิ าศภยั
ข. การประกนั ภยั รถยนตเ์ ป็นการประกนั ชีวติ
ค. การประกนั ทางทะเลเป็นการประกนั วนิ าศภยั
ง. การประภยั เบด็ เตล็ดเป็นการประกนั วนิ าศภยั

ต้งั ใจทาขอ้ สอบ นะคะ

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน

1. ง
2. ค
3. ก
4. ก
5. ข
6. ง
7. ค
8. ก
9. ข
10. ข

เก่งจงั เลยค่ะ
ทาได้ถกู ต้อง

กรอบท่ี 1

ความเส่ียง ภยั สภาวะภยั และความสญู เสีย

ความเส่ียงภยั (Risk) หมายถงึ โอกาสที่จะทาให้เกิดความสญู เสียในอนาคต โดยเหตกุ ารณ์

ที่จะเกิดขนึ ้ นนั้ เป็นเหตกุ ารณ์ท่ีมีความไมแ่ นน่ อน

ภยั (Peril) หมายถึง สาเหตทุ ี่ทาให้เกิดความเสียหาย

สภาวะภัย (Hazard) หมายถึง เง่ือนไขหรือปัจจยั ท่ีทาให้เพ่ิมหรือลดของความสญู เสียที่เกิดขนึ ้

ความสูญเสีย (Loss) หมายถึง การลดลงหรือสญู เสียไปซงึ่ มลู คา่ อนั เกิดขนึ ้ จากเหตกุ ารณ์ ท่ี

ไมแ่ นน่ อน

ตวั อย่างท่ี 1 ขบั รถไปตามถนนบงั เอิญฝนตกถนนลื่นแล้วเกิดไปชนกบั รถอีกคนั หนง่ึ

การขบั รถไปตามถนน เป็น ความเสี่ยงภยั

การชนกนั เป็น ภยั

ถนนลื่น เป็น สภาวะภยั

ความสญู เสีย คือ การเสียเงินในการ

ซอ่ มรถ

ตวั อย่างท่ี 2 บ้านไม้อยใู่ กล้สลมั แล้วเกิดไฟไหม้ในสลมั โดยบงั เอญิ

บ้านอยใู่ นสลมั เป็น ความเส่ียงภยั
ไฟไหม้ เป็น ภยั
บ้ านสร้ างด้ วยไม้ เป็น สภาวะภยั
ความสญู เสีย คือ การเสียทรัพย์สิน

และเงินทอง

คาถาม

ความเสี่ยงภยั .................................................
ภยั ..................................................................
สภาวะภยั ........................................................
ความสญู เสีย...................................................

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 1

ความเสี่ยงภยั พายดุ เี ปรสชนั่
ภยั ฝนตกหนกั
สภาวะภยั อาคารตงั้ อย่บู นเนินทาด้วยไม้
ความสญู เสีย อาคารเรียน

กรอบที่ 2

ประเภทของความเส่ียงภยั

ประเภทของความเส่ียงภัย สามารถจาแนกออกได้ 5 ประเภท คือ
1. ความเส่ียงภัยท่แี ท้จริง (Pure risk) และความเส่ียงภัยท่มี ุ่งเก็งกาไร (Speculative

risk)
ความเสี่ยงภยั ที่แท้จริง (Pure risk) หมายถงึ ความเส่ียงภยั นนั้ มีโอกาสเกิดความสญู เสีย

เพียงอยา่ งเดียวโดยท่ีผ้เู สี่ยงภยั ไมอ่ ยากให้เกิดขนึ ้ ไมม่ ีเจตนาทาให้เกิดเหตกุ ารณ์ที่จะนามาซง่ึ ความ
เสียหาย เชน่ โรคภยั ไข้เจบ็ นา้ ทว่ ม ไฟไหม้ รถชน พายุ เป็นต้น

ความเสี่ยงภยั ที่มงุ่ เก็งกาไร หมายถึง ความเส่ียงภยั ท่ีมีเจตนาจะเข้าไปเส่ียง การเสี่ยงภยั
ยงั ไมเ่ กิดขนึ ้ ก่อนหน้านนั้ แตผ่ ้เู ส่ียงภยั เป็นผ้สู ร้างความเส่ียงภยั ขนึ ้ เอง เพ่ือหวงั ผลประโยชน์หรือ กาไร
และอาจจะขาดทนุ หรือค้มุ ทนุ ก็ได้ เชน่ การซือ้ ห้นุ เป็นต้น

2. ความเส่ียงภยั พนื้ ฐาน ( Fundamental risk ) และความเส่ียงภัยจาเพาะ (Particular
risk)

ความเสี่ยงภยั พืน้ ฐาน ( Fundamental risk ) หมายถึง ความเสี่ยงภยั ที่มีผลกระทบตอ่
ระบบเศรษฐกิจพืน้ ฐานโดยรวม กอ่ ให้เกิดความเสียหายตอ่ คนจานวนมากซง่ึ ไมส่ ามารถควบคมุ ได้ เชน่
การเกิดภาวะเงินเฟอ้ เงินฝืด แผน่ ดนิ ไหว นา้ ทว่ ม สงคราม การวา่ งงาน เป็นต้น

ความเสี่ยงภยั จาเพาะ (Particular risk) หมายถงึ ความเส่ียงภยั ที่มีผลกระทบและ
กอ่ ให้เกิดความเสียหายตอ่ บคุ คลใดบคุ คลหนง่ึ หรือกลมุ่ บุคคลหนงึ่ โดยเฉพาะเจาะจง เชน่ เกิดอบุ ตั เิ หตุ
รถชน ไฟไหม้บ้าน การขโมยรถ การปล้นธนาคาร เป็นต้น

3. ความเส่ียงภัยท่แี ปรผันได้ (Dynamic risk) และความเส่ียงภยั คงท่ี (Static risk)
ความเสี่ยงภยั ท่ีแปรผนั ได้ (Dynamic risk) หมายถงึ ความเส่ียงภยั ที่เกิดจากการ

เปล่ียนแปลงของภาวะทางเศรษฐกิจ แล้วก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินแกเ่ จ้าของทรัพย์สิน เชน่
การเปล่ียนแปลงรสนิยมของผ้บู ริโภค การเปล่ียนแปลงเทคโนโลยี เป็นต้น

ความเส่ียงภยั ที่คงท่ี (Static risk) หมายถึง ความเส่ียงภยั ที่เกิดจากสาเหตอุ ่ืนและไม่
ขนึ ้ กบั การเปล่ียนแปลงสภาวะทางเศรษฐกิจ เชน่ ความเส่ียงภยั ท่ีเกิดจากภยั ธรรมชาติซง่ึ มนษุ ย์จะต้อง
เส่ียงภยั ตลอดเวลา ไมว่ ่าสถานการณ์อ่ืนจะเปล่ียนแปลง ความไมซ่ ่ือสตั ย์ของพนกั งาน เป็นต้น

4. ความเส่ียงภัยท่กี ่อให้เกดิ ความเสียหายวัดเป็ นตวั เงนิ ได้ (Financial risk) และความ
เส่ียงภัยท่กี ่อให้เกิดความเสียหายวัดเป็ นตัวเงนิ ไม่ได้ (Nonfinancial risk)

ความเส่ียงภยั ที่ก่อให้เกิดความเสียหายวดั เป็นตวั เงินได้ (Financial risk) เชน่ ไฟไหม้บ้าน
รถชน เป็นต้น

ความเสี่ยงภยั ท่ีก่อให้เกิดความเสียหายวดั เป็นตวั เงินไมไ่ ด้ (Nonfinancial risk) เชน่ เร่ือง
ของจิตใจ การเสียชีวิต เป็นต้น

5. ความเส่ียงภัยท่เี อาประกันได้ และความเส่ียงภยั ท่เี อาประกันไม่ได้
 ความเส่ียงภยั ที่เอาประกนั ได้ (Insurable Risk) หมายถงึ ความเสี่ยงภยั ท่ีมีลกั ษณะ

เป็น Pure Risk และ Particular Risk ความเส่ียงภยั ท่ีเอาประกนั ได้ มีลกั ษณะดงั นี ้
- จานวนของการเส่ียงภยั ท่ีมีสภาพและลกั ษณะคล้ายคลงึ กนั จะต้องมีจานวนมากพอ
- ความเสียหายท่ีจะเกิดขนึ ้ นนั้ ต้องสามารถหาสาเหตุ และ ประเมินความเสียหาย

เป็น ตวั เงินได้
- ความเสียหายที่จะเกิดขนึ ้ นนั้ ต้องเป็นอบุ ตั เิ หตุ
- โอกาสที่จะเกิดความเสียหายสามารถคาดคะเนหรือคานวณได้
- ความเสียหายที่เกิดขนึ ้ ต้องไมเ่ ป็นมหนั ตภยั ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องมีสว่ นได้เสีย
- ความเสี่ยงภยั นนั้ ควรเป็นความเส่ียงภยั ท่ีแท้จริง และเป็นความเส่ียงภยั จาเพาะ

 ความเส่ียงภยั ที่เอาประกนั ไมไ่ ด้ (Uninsurable Risk) มีลกั ษณะดงั นี ้
- ขาดตวั เลขทางสถิติ
- ภยั ตอ่ สาธารณชน หรือ ขดั ผลประโยชน์ตอ่ สาธารณชน เชน่ ขบั รถผดิ กฎจราจร
- ความเส่ียงภยั ท่ีเสี่ยงมากเกินไป

คาถาม

ใหจ้ บั คู่เหตุการณ์ต่อไปน้ีวา่ เป็นความเสี่ยงภยั ประเภทใดโดยนาตวั อกั ษรทางดา้ นขวามือใส่หนา้ ขอ้ ซา้ ยมือ

..........1. รถชน ก. ความเสี่ยงภยั แทจ้ ริง

..........2. การซ้ือหุน้ ข. ความเสี่ยงภยั ท่ีมุง่ เกง็ กาไร

..........3. ภาวะเงินเฟ้อ ค. ความเสี่ยงภยั พ้ืนฐาน

..........4. ขบั รถผิดกฎจราจร ง. ความเสี่ยงภยั จาเพาะ

..........5. ภยั ที่มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั และมีจานวนมากพอ จ. ความเส่ียงภยั แปรผนั ได้

..........6. การเสียชีวิต ฉ. ความเสี่ยงภยั คงท่ี

..........7. การเปลี่ยนแปลงรสนิยมของผบู้ ริโภค ช. ความเส่ียงภยั ท่ีวดั เป็นตวั เงินได้

..........8. ความไมซ่ ื่อสตั ยข์ องพนกั งาน ซ. ความเส่ียงภยั ท่ีวดั เป็นตวั เงินไมไ่ ด้

..........9. ไฟไหม้ ฌ. ความเสี่ยงภยั ท่ีเอาประกนั ได้

..........10. การปลน้ ธนาคาร ญ. ความเสี่ยงภยั ท่ีเอาประกนั ไมไ่ ด้

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 2

ให้จับคู่เหตุการณ์ต่อไปนีว้ ่าเป็ นความเส่ียงภัยประเภทใดโดยนาตัวอกั ษรทางด้านขวามือใส่หน้าข้อทาง

ซ้ายมือ

ก 1. รถชน ก. ความเส่ียงภยั แทจ้ ริง

ข 2. การซ้ือหุน้ ข. ความเสี่ยงภยั ท่ีมุง่ เกง็ กาไร

ค 3. ภาวะเงินเฟ้อ ค. ความเส่ียงภยั พ้ืนฐาน

ญ 4. ขบั รถผดิ กฎจราจร ง. ความเส่ียงภยั จาเพาะ

ฌ 5. ภยั ที่มีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกนั และมีจานวนมากพอ จ. ความเสี่ยงภยั แปรผนั ได้

ซ 6. การเสียชีวติ ฉ. ความเสี่ยงภยั คงที่

จ 7. การเปล่ียนแปลงรสนิยมของผบู้ ริโภค ช. ความเสี่ยงภยั ที่วดั เป็นตวั เงินได้

ฉ 8. ความไม่ซื่อสตั ยข์ องพนกั งาน ซ. ความเสี่ยงภยั ท่ีวดั เป็นตวั เงินไมไ่ ด้

ช 9. ไฟไหม้ ฌ. ความเส่ียงภยั ที่เอาประกนั ได้

ง 10. การปลน้ ธนาคาร ญ. ความเสี่ยงภยั ท่ีเอาประกนั ไม่ได้

กรอบท่ี 3

ประเภทของภัย

ประเภทของภยั สามารถแบ่งภยั ออกเป็ น 3 ประเภท คือ
1. ภยั จากธรรมชาติ ( Natural Perils ) หมายถึง เหตทุ ี่อยนู่ อกเหนือความสามารถของมนษุ ย์

ที่จะควบคมุ ได้ เชน่ ไฟป่า พายุ ภเู ขาไฟระเบดิ เป็นต้น
2. ภัยท่มี นุษย์สร้างขนึ้ ( Human Perils ) หมายถงึ เหตทุ ี่เกิดจากการกระทาของบคุ คล เชน่

การลอบวางเพลิง การฆาตกรรม การจลาจล เป็นต้น
3. ภยั จากเศรษฐกจิ ( Economic Perils ) หมายถงึ เหตทุ ่ีเกิดจากสภาพทางเศรษฐกิจ เชน่

การเกิดภาวะเงินฝืด การเปลี่ยนแปลงรสนิยมของผ้บู ริโภค

คาถาม

ใหน้ กั เรียนกาเคร่ืองหมาย  หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ถูก และกาเครื่องหมาย  หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ผดิ
..........1. น้าท่วมเป็นภยั ที่เกิดจากธรรมชาติ
..........2. การจลาจลเป็นภยั ท่ีเกิดจากมนุษย์
..........3. ภาวะเงินเฟ้อเป็ นภยั ท่ีเกิดจากมนุษย์
..........4. การเปล่ียนแปลงรสนิยมของผบู้ ริโภคเป็นภยั ท่ีเกิดจากมนุษย์
..........5. ไฟไหมบ้ า้ นเป็นภยั ท่ีเกิดจากธรรมชาติ

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 3

คาถาม

ใหน้ กั เรียนกาเครื่องหมาย  หนา้ ขอ้ ที่เห็นวา่ ถูก และกาเคร่ืองหมาย  หนา้ ขอ้ ท่ีเห็นวา่ ผดิ
 1. น้าทว่ มเป็นภยั ท่ีเกิดจากธรรมชาติ
2. การจลาจลเป็นภยั ที่เกิดจากมนุษย์
3. ภาวะเงินเฟ้อเป็นภยั ที่เกิดจากมนุษย์
4. การเปล่ียนแปลงรสนิยมของผบู้ ริโภคเป็นภยั ท่ีเกิดจากมนุษย์
5. ไฟไหมบ้ า้ นเป็นภยั ท่ีเกิดจากธรรมชาติ

กรอบท่ี 4

ประเภทของสภาวะภัย

สภาวะภัยแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คือ
1. สภาวะทางด้านกายภาพ (Physical Hazard) หมายถึง คณุ สมบตั ิทางกายภาพที่เอือ้ ให้หรือ

สง่ เสริมให้เกิดความเสียหายได้มากขนึ ้ เชน่ บ้านในชมุ ชนแออดั ย่อมมีการเส่ียงภยั จากการที่จะเกิดไฟ
ไหม้สงู กวา่ บ้านที่ตงั้ อยโู่ ดดเดี่ยวมีบริเวณกว้างขวาง อาชีพนกั แขง่ รถยอ่ มเส่ียงภยั จากการตายหรือ
บาดเจ็บสงู กวา่ ผ้จู ดั การธนาคาร เป็นต้น

2. สภาวะทางด้านศีลธรรม (Moral Hazard) หมายถึง สภาวะท่ีมีการเส่ียงภยั ที่สงู ขนึ ้ เกิดจาก
สภาพทางด้านจิตใจของบคุ คล เป็นการกระทาที่ไมม่ ีคณุ ธรรมหรือไมส่ จุ ริต ทงั้ นีเ้พื่อหวงั ผลประโยชน์
อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ จากการประกนั ภยั เชน่ ความไมซ่ ื่อสตั ย์ของผ้เู อาประกนั ภยั

3. สภาวะทางด้านจิตสานกึ ในการปอ้ งกนั ภยั (Morale Hazard) หมายถงึ สภาวะท่ีบคุ คลไม่
พยายามทาหรือไมก่ ระทาให้ความเสี่ยงภยั นนั้ ลดน้อยลง หรือ ลดความเสียหายลง หรือ เป็นสภาวะที่
ก่อให้เกิดความเสียหายที่มไิ ด้เจตนา แตเ่ กิดจากการขาดความระมดั ระวงั ในการปอ้ งกนั ภยั เป็นสภาวะ
เส่ียงภยั ท่ีสงู ขนึ ้ เกิดขนึ ้ จากสภาพจติ ใจเหมือนกบั Moral Hazard แตว่ า่ เป็นการกระทาท่ีไมม่ ีเจตนา
ทจุ ริต แตเ่ กิดจากนิสยั ของบคุ คล เชน่ การประมาทเลินเลอ่ นอนสบู บหุ รี่บนเตียงนอน การไมด่ บั ธูป หรือ
เทียนก่อนออกจากบ้าน เป็นต้น

คาถาม

จากภาพข้างล่างนีใ้ ห้นักเรียนวิเคราะห์ว่าเป็ นสภาวะภัยประเภทใด

1. 2.

3. 4.

เฉลยคำถำม กรอบที่ 4

คาถาม

จากภาพข้างล่างนีใ้ ห้นักเรียนวิเคราะห์ว่าเป็ นสภาวะภัยประเภทใด
1. กายภาพ

2. กายภาพ
3. จติ สานึก

4. จิตสานึก

กรอบท่ี 5

ประเภทของความสูญเสีย

ความสูญเสียแบ่ง ออกเป็ น 3 ประเภท คือ
1. การสญู เสียชีวติ หรือ การสญู เสียรายได้ของบคุ คล ( Personal Loss ) เป็นการสญู เสียท่ีเกิด

จากการเสียชีวติ ก่อนวยั อนั ควร การเป็นบคุ คลทพุ พลภาพ การว่างงาน
2. การสญู เสียทรัพย์สิน ( Property Loss ) เป็นการสญู เสียไมว่ า่ ทางตรงหรือเป็นผลตอ่ เนื่องจาก

ภยั ที่เกิดขนึ ้
3. การสญู เสียทางการเงินอนั เน่ืองจากความรับผิดชอบตอ่ บคุ คลอ่ืนตามกฏหมาย (Legal

Liability Loss) เป็นความสญู เสียทางการเงินที่เป็นการรับผดิ ชอบของผ้เู ป็นเจ้าของทรัพย์สิน หรือ ธุรกิจ
นนั้ ที่เป็นสาเหตกุ อ่ ให้เกิดความเสียหายแก่บคุ คลอ่ืน

คาถาม คาถาม
ตอบ
การสญู เสียประเภทใดที่ไมส่ ามารถวดั เป็นตวั เงินได้
.....................................................................

เฉลยคาถามกรอบท่ี 5

คาถาม คาถาม
ตอบ
การสญู เสียประเภทใดท่ีไมส่ ามารถวดั เป็นตวั เงินได้
การสูญเสียชีวิต

กรอบที่ 6

การบริหารการเส่ียงภยั ( Risk Management )

การบริหารการเส่ียงภยั หมายถึง กระบวนการวางแผนและประเมินผลความเสี่ยง ซง่ึ มีขนั้ ตอนใน
การจดั การความเสี่ยงภยั คือ

1. การวิเคราะห์ภยั ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
2. การหาวธิ ีการในการจดั การความเส่ียงภยั
3. การคดั เลือกวิธีการที่ดีที่สดุ
4. การปฏิบตั ิตามแผนหรือวิธีการที่ได้เลือกไว้
5. ตรวจสอบและเปล่ียนแปลงวธิ ีการให้เหมาะสมกบั ภยั ที่เปลี่ยนแปลงไป
วิธีการจัดการความเส่ียงภยั ทาได้หลายรูปแบบดงั นี้
1. การหลีกเล่ียงความเส่ียงภยั (Risk avoidance) ทาได้โดยการไมเ่ ข้าไปยงุ่ เกี่ยวกบั กิจกรรม
หรืองาน ที่จะกอ่ ให้เกิดความเส่ียงภยั นนั้
2. การลดความเส่ียงภยั (Risk Reduction) ทาได้โดยอาจลดจานวนครัง้ (frequency) หรือลด
ความรุนแรง (severity) ของการเกิดภยั ซง่ึ ทาได้ 3 วิธี คือ

2.1 การปอ้ งกนั การเกิดความเสียหาย (Loss prevention) โดยจะกระทาก่อนที่จะมีความ
เสียหายเกิดขนึ ้ เชน่ การเปลี่ยนสายไฟหรืออปุ กรณ์ไฟฟา้ ท่ีเก่า การติดปา้ ยห้ามสบู บหุ รี่ในโรงงาน การ
ตรวจสอบสภาพรถยนต์อยเู่ สมอ การตดิ ตงั้ เครื่องดบั เพลิง การตดิ ตงั้ สญั ญาณการเตือนภยั กนั ขโมย
เป็นต้น

2.2 การควบคมุ ความเสียหาย (Loss control) วธิ ีนีจ้ ะทาการขณะ หรือ ภายหลงั จากท่ีมีความ
เสียหายเกิดขนึ ้ ทงั้ นีเ้พื่อควบคมุ ความรุนแรงของความเสียหายนนั้ หรือลดความเสียหายลง เชน่ การท่ี
พนกั งานดบั เพลงิ ทาการดบั เพลิงอยา่ งทนั ทว่ งที การตดิ ตงั้ เครื่องพน่ นา้ ดบั เพลิงอตั โนมตั ิ การที่ผู้
เจ็บป่วยรีบไปหาหมอรักษา เพ่ือไมใ่ ห้มีอาการหนกั มากขนึ ้ เป็นต้น

2.3 การแยกทรัพย์สิน (Separation) วิธีนีจ้ ะกระทาก่อนเกิดความเสียหาย เช่น การเก็บของมีคา่
ไว้คนละแหง่ เชน่ บ้าน ธนาคาร การสร้างโรงงาน และโกดงั ไว้คนละแหง่ เม่ือเกิดไฟไหม้จะไมเ่ สียหาย
ทงั้ หมด หรือการแยกสนิ ค้าไว้หลายๆโกดงั เชน่ กนั

3. การรับความเส่ียงภัยไว้เอง (Risk retention) คอื การท่ีเรายินยอมรับภาระความเสียหายไว้
เองหากมีภยั เกิดขนึ ้ โดยจะตงั้ ใจหรือไมก่ ็ตาม และอาจจะรับภาระนีไ้ ว้ทงั้ หมด หรือบางสว่ นก็ได้ การ
จดั การการเส่ียงภยั วิธีนีม้ ีเหตผุ ล คอื

3.1 ภยั ที่เกิดขนึ ้ นนั้ ก่อให้เกิดความเสียหายน้อยมาก พอท่ีจะรับภาระได้ เชน่ ภยั ที่เกิดจาก
ปากกาสญู หายซง่ึ ราคาไมแ่ พง

3.2 ความเส่ียงภยั นนั้ ไมส่ ามารถโอนไปให้ผ้อู ื่นได้ เชน่ การที่ผ้สู ง่ ออกหรือผ้ลู งทนุ ในตา่ งประเทศ
ต้องยอมรับความเสี่ยงท่ีทรัพย์สินของตนจะถกู รัฐบาลตา่ งประเทศยดึ หรือ อายดั ด้วยสาเหตตุ า่ งๆ

3.3 ได้พิจารณาแล้ววา่ วิธีนีเ้สียคา่ ใช้จา่ ยน้อยท่ีสดุ
4. การโอนความเส่ียงภยั (Risk Transfer) เป็นวิธีการจดั การการเสี่ยงภยั ที่นิยมมากใน
ปัจจบุ นั นี ้โดยการโอนความเส่ียงภยั ท่ีจะกอ่ ให้เกิดความเสียหายทงั้ หมด หรือ บางสว่ น ไปให้บคุ คลอ่ืน
รับภาระแทน ซงึ่ มีวิธีการกระทาได้ 2 วธิ ี

4.1 การโอนความเสี่ยงภยั ไปให้ผ้อู ่ืนท่ีไมใ่ ชก่ ารประกนั ภยั (Non-insurance Transfer) หมายถงึ
การโอนความเสี่ยงภยั ไปให้บคุ คลอื่นที่ไมใ่ ชบ่ ริษัทประกนั ภยั

4.2 การโอนความเส่ียงภยั ในรูปของการประกนั ภยั (Insurance Transfer) หมายถึง การโอน
ความเส่ียงภยั ไปให้บริษัทประกนั ภยั

คาถาม

ให้นกั เรียนใช้คาตอบตอ่ ไปนีต้ อบคาถามข้อ 1-5
ก. การหลีกเล่ียงความเส่ียงภยั
ข. การลดความเสี่ยงภยั
ค. การรับความเสี่ยงภยั ไว้เอง
ง. การโอนความเสี่ยงภยั

1. การไปหาหมอเม่ือรู้ตวั วา่ ไมส่ บาย
2. การทาสินทรัพย์ท่ีมีราคาไมส่ งู สญู หาย
3. การใช้วิธีการเดนิ มาโรงเรียนไมใ่ ช้รถจกั รยานยนตเ์ พราะกลวั อบุ ตั เิ หตุ
4. การทาประกนั ภยั
5. การจ้างบริษทั ทาความสะอาดภายนอกอาคารสงู ๆ

เฉลยคาถามกรอบท่ี 6

คาถาม

ให้นกั เรียนใช้คาตอบตอ่ ไปนีต้ อบคาถามข้อ 1-5 ข
ก. การหลีกเลี่ยงความเส่ียงภยั ค
ข. การลดความเสี่ยงภยั ก
ค. การรับความเสี่ยงภยั ไว้เอง ง
ง. การโอนความเสี่ยงภยั ก

6. การไปหาหมอเม่ือรู้ตวั วา่ ไมส่ บาย
7. การทาสินทรัพย์ท่ีมีราคาไมส่ งู สญู หาย
8. การใช้วิธีการเดนิ มาโรงเรียนไมใ่ ช้รถจกั รยานยนตเ์ พราะกลวั อบุ ตั เิ หตุ
9. การทาประกนั ภยั
10. การจ้างบริษัททาความสะอาดภายนอกอาคารสงู ๆ

กรอบที่ 7

ความหมายของการประกันภยั

การประกันภัย คอื การบริหารความเสี่ยงภยั วธิ ีหนง่ึ ซง่ึ จะโอนความเสี่ยงภยั ของผ้เู อาประกนั ภยั
ไปสบู่ ริษัทประกันภยั เมื่อเกิดความเสียหายขนึ ้ บริษัทประกนั ภยั จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่
ได้รับความค้มุ ครองในกรมธรรม์ประกันภยั ให้แก่ผู้เอาประกันภยั โดยที่ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องเสีย
เบีย้ ประกันภัยให้แก่บริษัทประกนั ภยั ตามที่ได้ตกลงกนั ไว้

การประกนั (Insurance) คือการบริหารจดั การความเส่ียงรูปแบบหนงึ่ โดยมีองค์ประกอบสาม
สว่ น คือ

 ผ้รู ับประกนั (Insurer)
 ผ้เู อาประกนั (Insured) หรือผ้ถู ือกรมธรรม์ (Policy Holder)
 ผ้รู ับผลประโยชน์ (Beneficiary)

คาถาม

ถาม การประกนั ภยั เป็นการบริหารความเสี่ยงประเภทใด
ตอบ ..........................................................................

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 7

คาถาม

ถาม การประกนั ภยั เป็นการบริหารความเสี่ยงประเภทใด
ตอบ การโอนความเส่ียงภัย

กรอบที่ 8

ความเป็ นมาของการประกนั ภยั

ความเป็ นมาของการประกันภยั ในต่างประเทศ

เมื่อราว 3,000 ปีก่อนคริสตศ์ กั ราช พอ่ ค้าชาวจีนได้คดิ ใช้หลกั ประกนั ภยั สนิ ค้าท่ีขนสง่ ทาง
ทะเล โดยการกระจายโอกาสความหายนะออกไป โดยให้เหตผุ ลว่า ถ้าเรือ 100 ลา แตล่ ะลาบรรทกุ
สินค้า 100 หอ่ ได้เร่ิมเดินทางที่ต้นกระแสนา้ เชี่ยว พอ่ ค้าจะกระจายความเสี่ยงโดยในเรือแตล่ ะลา
พอ่ ค้าจะบรรทกุ สนิ ค้าของตนเพียง 1 หอ่ จนครบ 100 ลา การสญู เสียเรือ 1 ลา จะทาให้พอ่ ค้าแตล่ ะคน
สญู เสียสนิ ค้าเพียง 1 ห่อ เทา่ นนั้

เมื่อประมาณห้าพนั ปีลว่ งมาแล้ว ชาวบาบโิ ลน ซงึ่ อาศยั อยลู่ มุ่ แมน่ า้ ยเู ฟรตสิ ได้ผลิตสินค้าออก
ขาย และได้สง่ ลกู จ้างหรือทาสของตนออกไปเร่ขายสินค้า โดยทาสเหลา่ นีไ้ มม่ ีสว่ นได้เสียในกาไรและไม่
มีอานาจในการตกลงกบั ผ้ซู ือ้ เม่ือการค้าเจริญขนึ ้ การใช้ทาสก็เปล่ียนมาเป็นใช้พอ่ ค้าเร่ โดยพอ่ ค้าเร่
ต้องมอบทรัพย์สนิ ภรรยาและบตุ รไว้เป็นหลกั ประกนั โดยแบง่ กาไรคนละคร่ึง หากพอ่ ค้าเร่หายไป หรือ
ถกู โจรปล้นสนิ ค้า บรรดาทรัพย์สนิ จะถกู พอ่ ค้าริบ และภรรยากบั บตุ รก็จะตกเป็นทาสไปด้วย เงื่อนไขนี ้
เมื่อปฏิบตั ไิ ปได้เพียงเล็กน้อย พอ่ ค้าเร่ก็แขง็ ข้อ ในที่สดุ ก็ตกลงเงื่อนไขใหมว่ า่ ถ้าการสญู เสียสนิ ค้าไมใ่ ช่
ความผิดของพอ่ ค้าเร่ พ่อค้าเร่ก็ไมม่ ีความผดิ พอ่ ค้าจะริบทรัพย์สนิ ภรรยาและบตุ รไมไ่ ด้ ข้อตกลงนีไ้ ด้
ใช้กนั อยา่ งแพร่หลายในการค้าสมยั นนั้ และเป็นการเร่ิมต้นการประกนั ภยั ในสมยั โบราณ

ตอ่ มาราวสามพนั ปีมาแล้ว ชาวกรีกได้นาความคดิ ของชาวบาบโิ ลนมาใช้กบั เรือของตน คือ
ยอมให้เอาเรือหรือสินค้าของตนเป็นประกนั เงินก้ทู ่ียืมจากนายทนุ โดยมีเงื่อนไขวา่ ถ้าเรือสนิ ค้าลานนั้ ไม่
กลบั ทา่ เจ้าหนีจ้ ะมาเรียกร้องหนีส้ ินคนื จากเจ้าของเรือไมไ่ ด้ นบั ได้ว่าการประกนั ภยั ทางทะเลได้เร่ิมขนึ ้
และได้มีการจดั ตงั้ สถาบนั การประกนั ภยั ทางทะเลในกรุงเอเธนส์สมยั นนั้

ความเป็ นมาของการประกันชีวิตในต่างประเทศ

ในระยะแรกการประกนั ชีวิตถกู มองวา่ เป็นการแสวงหาประโยชน์จากชีวติ มนษุ ย์อยา่ งไร้ศลี ธรรม
ในหลายประเทศได้ออกกฎหมายห้าม โดยเฉพาะฝร่ังเศสกอ่ นปี 2363 และอิตาลีระหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี
19 แตใ่ นองั กฤษไมม่ ีการห้าม จอห์น แกรนด์ ได้รวบรวมสถิตกิ ารตายเน่ืองจากกาฬโรค ในปี พ.ศ.2204
ได้พมิ พ์หนงั สือชื่อ “ธรรมชาตแิ ละข้อสงั เกตทางการเมือง” ผลงานดงั กลา่ วถือวา่ เป็นการแสดงตวั เลข
ทางเศรษฐศาสตร์เกี่ยวกบั การประกนั ชีวิตเป็นครัง้ แรก

Edmund Hally นกั คณิตศาสตร์ได้ศกึ ษาสถิตกิ ารตายในเมือง Breslau ในระหวา่ งปี
พ.ศ. 2230-2234 ช่ือ “สถิตมิ รณกรรมในเบรสเลาว์” โทมสั ซมิ ป์ สนั ได้พมิ พ์ผลงานเร่ือง “ธรรมชาตแิ ละ
กฏการเปล่ียนแปลง” ในปี พ.ศ. 2283 เรื่อง “ข้อกาหนดเบยี ้ ประกนั รายปีและการลดอตั ราการจา่ ยกรณี
ตาย” ในปี พ.ศ.2385 แนวความคิดด้านประกนั ชีวิตของ ซิมป์ สนั กว้างและชดั เจนย่งิ กวา่ ผลงานของ
บคุ คลอ่ืน ๆ ก่อนหน้านนั้

สมาคมเพ่ือการประกนั ชีวิตที่เสมอภาคได้ก่อตงั้ โดย โทมสั ซิมป์ สนั และเจมส์ ดคิ สนั แตไ่ มไ่ ด้
รับอนญุ าตให้ดาเนนิ การ ตอ่ มา เจมส์ ดคิ สนั ตาย โทมสั ซิมป์ สนั ได้ดาเนินการจนก่อตงั้ ได้ สาหรับการ
คานวณเบยี ้ ประกนั ให้คานวณจากอายขุ องผ้เู อาประกนั และระยะเวลาที่ค้มุ ครอง การย่ืนขอทาประกนั
ต้องทาเป็นหนงั สือ และระบขุ ้อมลู 2 ประการ คอื สถานะทางสขุ ภาพ รวมทงั้ อาชีพและข้อมลู อ่ืน ๆ ที่
เกี่ยวข้องกบั ผ้เู อาประกนั องคก์ ารนีไ้ ด้ใช้ประโยชน์จากวิธีการทางวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ คานวณโดยนกั
คณิตศาสตร์ ในอนั ท่ีจะกาหนดตารางอตั ราการตาย นบั ตงั้ แตก่ ่อตงั้ องค์การนี ้ธุรกิจการประกนั ชีวิตได้
พฒั นาก้าวหน้าขนึ ้ อยา่ งรวดเร็วจนถึงปัจจบุ นั

ความเป็ นมาของการประกนั ภัยในประเทศไทย

การประกนั ภยั ในประเทศไทยได้เริ่มมาตงั้ แตส่ มยั อยธุ ยา โดยเฉพาะการประกนั ภยั ทางทะเล
และขนสง่ แตเ่ ป็นการประกนั ภยั ที่ชาวตา่ งชาตทิ ากนั เอง ไมเ่ ก่ียวกบั ไทย การประกนั ภยั ในประเทศไทย
เร่ิมมีขนึ ้ ในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณปี พ.ศ.2368 สมยั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจ้าอยหู่ วั
รัชกาลท่ี 3 พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ซงึ่ ยงั ทรงผนวชอยไู่ ด้ทรงสง่ั ซือ้ เครื่องพมิ พ์จาก
ประเทศองั กฤษ เกรงวา่ จะเกิดความเสียหายระหวา่ งทางจงึ ได้ทาประกนั ภยั ระหวา่ งการขนสง่ ในนาม
ของพระองค์ กลา่ วได้วา่ การประกนั ภยั ทางทะเลได้เริ่มต้นขนึ ้ ตงั้ แตส่ มยั รัชกาลที่ 3 การประกนั ภยั ที่
นบั วา่ เกิดขนึ ้ ในประเทศไทยโดยตรง ได้เริ่มสมยั รัชกาลท่ี 4 เป็นต้นมา คือในสมยั นีฝ้ ร่ังเศสได้เข้ามาตงั้
ห้างค้าขายมาก ซงึ่ ห้างเหลา่ นีไ้ ด้เป็นตวั แทนของบริษทั ประกนั ภยั ตา่ งประเทศด้วย คือ ห้างบอเนียว
ห้างสก๊อต ตงั้ ขนึ ้ ปี 2399 ห้างบกิ เกนแบก็ ตงั้ ขนึ ้ ปี 2401 ในปี พ.ศ.2472 มีบริษัทประกนั ภยั ท่ีก่อตงั้
ขนึ ้ ในประเทศไทยบริษทั แรกคอื บริษัทเตยี อนั เป๋ าเฮ่ียม จากดั ซง่ึ ในปีนนั้ เองมีอีกหลายบริษทั คือ บริษทั
เซง่ เชียงหลีประกนั ภยั ธนากิจและพาณิชยการจากดั บริษทั เชียงอาน รับประกนั อคั คีภยั และอทุ กภยั
จากดั ในชว่ งตงั้ แต่ พ.ศ.2472 จนถงึ ก่อนงครามโลกครัง้ ท่ี 2 คือ พ.ศ.2484 มีบริษทั ที่จดทะเบียนใน
ประเทศไทย 10 บริษทั บริษัทตา่ งประเทศได้จดทะเบียน 62 บริษัท

ความเป็ นมาของการประกันชีวิตในประเทศไทย

การประกนั ชีวิตในประเทศไทยในเริ่มขนึ ้ สมยั รัชกาลที่ 5 โดยคณะทตู จากประเทศองั กฤษได้ขอ
พระบรมราชานญุ าตให้บริษัทอิ๊สเอเชียตกิ จากดั ของชาวองั กฤษรับประกนั ชีวิตประชาชนคนไทยและ
ตา่ งชาตใิ นประเทศไทย ในฐานะตวั แทนของบริษัทเอควติ าเบลิ ประกนั ภยั แหง่ กรุงลอนดอน โดยมี
สมเดจ็ พระยาบรมมหาศรีสรุ ิยวงศ์ เอกอคั รมหาเสนาบดี เป็นผ้ถู ือกรมธรรม์ฉบบั แรกนนั้ อาจเรียกได้ว่า
การประกนั ชีวิตยงั ไมเ่ ป็นท่ีนิยมมากนกั แตห่ ลงั จากที่ได้มีการก่อตงั้ กองประกนั ภยั สงั กดั กระทรวง
พาณิชย์ และคมนาคมขนึ ้ ในปี พ.ศ. 2472 ธรุ กิจประกนั ชีวิตก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย มีบริษทั ประกนั ชีวติ
ตา่ งชาตเิ ข้ามาประกอบธุรกิจเป็นจานวนมาก ซงึ่ ตอ่ มาในชว่ งปี พ.ศ. 2485 อนั เป็นชว่ งสงครามโลกครัง้
ที่ 2 จงึ มีกลมุ่ บคุ คลคนไทยได้ก่อตงั้ บริษทั ประกนั ชีวิตที่เป็นของคนไทยขนึ ้ เป็นครัง้ แรก

การประกนั ชีวิตต้องหยดุ ชะงกั ลงเมื่อเกิดสงครามโลกครัง้ ที่ 2 บริษัทประกนั ชีวิตตา่ งชาตไิ ด้พา
กนั ปิดกิจการและขนทรัพย์สินกลบั สภู่ มู ลิ าเนาเดมิ ยงั ความเสียหายให้แกผ่ ้เู อาประกนั ในเมืองไทยเป็น
อยา่ งยงิ่ บริษัทประกนั ชีวติ ของคนไทยบริษัทแรกคือบริษัทเศรษฐกิจประกนั ภยั จากดั ซงึ่ จดทะเบยี นในปี
พ.ศ.2485 และในปีเดียวกนั นีเ้องก็มีข้าราชการชนั้ ผ้ใู หญ่ของไทยในสมยั นนั้ ได้รวมตวั กนั ก่อตงั้ บริษทั
ประกนั ชีวิตของไทยขนึ ้ เมื่อวนั ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2485 ภายใต้ช่ือ บริษทั ไทยประกนั ชีวิต จากดั
(มหาชน) โดยการนาของเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จติ ร ณ สงขลา) มีสานกั งานแหง่ แรกตงั้ อยเู่ ลขท่ี
25 - 27 ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ

คาถาม

ให้นักเรียนกาเคร่ืองหมาย  หน้าข้อท่เี หน็ ว่าถูก และกาเคร่ืองหมาย  หน้าข้อท่เี หน็ ว่าผิด

..........1. การประกนั ภยั ท่ีเกิดขนึ ้ ครัง้ แรกเป็นการประกนั ภยั จากรถ
..........2. การประกนั ภยั ในประเทศไทยเริ่มมีขนึ ้ ในสมยั กรุงรัตนโกสินทร์
..........3. บริษัทประกนั ชีวิตแหง่ แรกของไทยคือบริษัทไทยสมทุ รประกนั ชีวิตจากดั
..........4. การก่อตงั้ บริษัทประกนั ชีวิตเริ่มต้นจากชาวองั กฤษช่ือ โทมัส ซิมป์ สัน
..........5. พอ่ ค้าชาวจีนได้เร่ิมการประกนั ภยั โดยการกระจายความเส่ียงสินค้า 100 ห่อบรรทกุ

ลาละ 1 หอ่ จนครบ 100 ลา การสญู เสียเรือ 1 ลา จะทาให้พอ่ ค้าแตล่ ะคนสญู เสียสนิ ค้า
เพียง 1 ห่อ เทา่ นนั้

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 8

คาถาม

ให้นักเรียนกาเคร่ืองหมาย  หน้าข้อท่เี ห็นว่าถกู และกาเคร่ืองหมาย  หน้าข้อท่เี หน็ ว่าผิด

 1. การประกนั ภยั ท่ีเกิดขนึ ้ ครัง้ แรกเป็นการประกนั ภยั จากรถ
 2. การประกนั ภยั ในประเทศไทยเร่ิมมีขนึ ้ ในสมยั กรุงรัตนโกสนิ ทร์
 3. บริษัทประกนั ชีวิตแหง่ แรกของไทยคือบริษทั ไทยสมทุ รประกนั ชีวิตจากดั
 4. การก่อตงั้ บริษทั ประกนั ชีวิตเร่ิมต้นจากชาวองั กฤษชื่อ โทมัส ซิมป์ สัน
 5. พอ่ ค้าชาวจีนได้เร่ิมการประกนั ภยั โดยการกระจายความเส่ียงสินค้า 100 หอ่ บรรทกุ

ลาละ 1 หอ่ จนครบ 100 ลา การสญู เสียเรือ 1 ลา จะทาให้พอ่ ค้าแตล่ ะคนสญู เสียสินค้า
เพียง 1 ห่อ เทา่ นนั้

กรอบท่ี 9

ประโยชน์ของการประกนั ภยั

ประโยชน์ของการประกนั ภยั อยา่ งกว้างๆ พอจะสรุปได้เป็น 3 ประเภท คอื
1. ประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัย

- เป็นการให้หลกั ประกนั ตอ่ บคุ คลและครอบครัวของผ้เู อาประกนั ภยั เมื่อมีบคุ คลในครอบครัว
เสียชีวิต

- เมื่อมีความเสียหายเกิดขนึ ้ แก่ทรัพย์สินของผ้เู อาประกนั ภยั ผ้เู อาประกนั ภยั จะได้รับชดใช้
คา่ เสียหายนนั้ จากผ้รู ับประกนั ภยั

- ชว่ ยปลกู ฝังให้เกิดนสิ ยั การประหยดั และการออมทรัพย์
- สามารถลดหยอ่ นภาษีรายได้บคุ คลธรรมดา
2. ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
- ชว่ ยสร้างความมน่ั คงในสงั คม
- เป็นการลดความไมแ่ นน่ อนในสงั คม
- เป็นสวสั ดภิ าพของสงั คม
- ชว่ ยให้มีการระดมทนุ เพื่อพฒั นาประเทศ
3. ประโยชน์ต่อธุรกิจ
- กอ่ ให้เกิดประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจ
- เป็นหลกั ประกนั ของสินเชื่ออนมุ ตั ขิ องธนาคาร
- ชว่ ยให้เกิดการค้าขายระหวา่ งประเทศเป็นไปอยา่ งดี
- ชว่ ยให้การคานวณต้นทนุ ใกล้เคียงตอ่ ความเป็นจริง

คาถาม

ให้นกั เรียนใช้คาตอบตอ่ ไปนีต้ อบคาถามข้อ 1-5
ก. ประโยชน์ตอ่ ผ้เู อาประกนั ข. ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกิจและสงั คม ค. ประโยชน์ตอ่ ธุรกิจ

1. ชว่ ยปลกู ฝังให้เกิดนสิ ยั การประหยดั และการออมทรัพย์
2. ชว่ ยให้เกิดการค้าขายระหวา่ งประเทศเป็นไปอยา่ งดี
3. ชว่ ยสร้างความมนั่ คงในสงั คม
4. สามารถลดหย่อนภาษีรายได้บคุ คลธรรมดา
5. ชว่ ยให้มีการระดมทนุ เพ่ือพฒั นาประเทศ

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 9

คาถาม

ให้นกั เรียนใช้คาตอบตอ่ ไปนีต้ อบคาถามข้อ 1-5

ก. ประโยชน์ตอ่ ผ้เู อาประกนั ข. ประโยชน์ตอ่ เศรษฐกิจและสงั คม ค. ประโยชน์ตอ่ ธรุ กิจ

1. ชว่ ยปลกู ฝังให้เกิดนสิ ยั การประหยดั และการออมทรัพย์ ก.

2. ชว่ ยให้เกิดการค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปอยา่ งดี ค.

3. ชว่ ยสร้างความมนั่ คงในสงั คม ข.

4. สามารถลดหย่อนภาษีรายได้บคุ คลธรรมดา ก.

5. ชว่ ยให้มีการระดมทนุ เพ่ือพฒั นาประเทศ ข.

กรอบที่ 10

ประเภทของการประกนั ภยั

ในการแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั นนั้ เราพิจารณาการแบง่ ประเภทได้เป็น 2 ลกั ษณะ คอื

1. การแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั ตามหลกั วชิ าการประกนั ภยั

2. การแบง่ ประเภทของการประกนั ภยั ตามหลกั การทางธุรกิจประกนั ภยั

การแบ่งประเภทของการประกันภยั ตามหลักวชิ าการประกันภัย สามารถแบง่ ได้เป็น 3 ประเภทคือ

1. การประกนั ภยั บคุ คล ( Insurance of the person ) เป็นการประกนั ภยั เก่ียวกบั ภยั ท่ีก่อให้เกิด

ความเสียหายเกี่ยวกบั บคุ คลหรือ ที่เกิดกบั บคุ คล ซงึ่ ได้แก่

1.1 การประกนั ชีวิต 1.2 การประกนั อบุ ตั เิ หตสุ ว่ นบคุ คล 1.3 การประกนั สขุ ภาพ

2. การประกนั ภยั ทรัพย์สนิ ( Property Insurance ) หมายถึง เป็นการประกนั ภยั ในกรณีท่ีเกิด

ความเสียหายเก่ียวกบั ทรัพย์สนิ ท่ีเอาประกนั ซง่ึ ได้แก่

2.1 การประกนั อคั คีภยั 2.2 การประกนั ภยั รถยนต์

2.3 การประกนั ทางทะเลและขนสง่ 2.4 การประกนั ภยั เบด็ เตล็ด

3. การประกนั ภยั ความรับผิดตามกฎหมาย ( Liability Insurance ) หมายถงึ การประกนั ที่บริษัท

ผ้รู ับประกนั ภยั ทาสญั ญายินยอมที่จะชดใช้คา่ สินไหมทดแทน หรือชดใช้เงินจานวนหนงึ่ ให้กบั

บคุ คลภายนอกผ้ไู ด้รับความเสียหายที่เกิดกบั ชีวติ ร่างกาย หรือ ทรัพย์สิน ของบคุ คลภายนอกนนั้ อนั

เกิดจากการกระทาของผ้เู อาประกนั ภยั ซงึ่ ได้แก่

3.1 การประกนั ภยั ความรับผดิ ชอบของบคุ คลตอ่ บคุ คลอื่น

3.2 การประกนั ภยั ความรับผิดชอบของผ้ปู ระกอบวชิ าชีพเฉพาะตอ่ บคุ คลอ่ืน

3.3 การประกนั ภยั ความรับผดิ ชอบของธุรกิจตอ่ บคุ คลอื่น

การแบ่งประเภทของการประกันภยั ตามหลักการทางธุรกจิ ประกันภัย แบง่ ได้เป็น 2 ประเภท คือ

1. การประกนั ชีวิต ( Life Insurance )

2. การประกนั วินาศภยั ( Non-Life Insurance ) แบง่ ได้เป็น 4 ประเภท คือ

2.1 การประกนั อคั คีภยั 2.2 การประกนั ภยั รถยนต์

2.3 การประกนั ทางทะเลและขนสง่ 2.4 การประกนั ภยั เบด็ เตล็ด

คาถาม

การแบง่ ประเภทการประกนั ภยั เป็น 2 ประเภท คอื การประกนั ชีวิต และการประกนั วินาศภยั
เป็นการแบง่ ประเภทธรุ กิจตามหลกั การ........................................................

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 10

คาถาม

การแบง่ ประเภทการประกนั ภยั เป็น 2 ประเภท คอื การประกนั ชีวิต และการประกนั วินาศภยั
เป็นการแบง่ ประเภทธุรกิจตามหลกั การ ธุรกิจประกันภัย

กรอบท่ี 11

ทฤษฎีและหลักพนื้ ฐานเก่ยี วกบั การประกันภยั

ทฤษฎีท่เี ก่ียวกับการประกันภัย มีด้วยกัน 3 เร่ือง คือ
1. ความน่าจะเป็ น (Probablilty) ความนา่ จะเป็น เป็นทฤษฎีพืน้ ฐานท่ีบริษัทประกนั ภยั นาไปใช้

เป็นคา่ ประมาณในการคานวณเบยี ้ ประกนั ภยั ที่จะเรียกเก็บจากผ้เู อาประกนั ภยั
2. กฎว่าด้วยจานวนมาก (Law of large number) กฎวา่ ด้วยจานวนมาก มีหลกั วา่ ถ้าเพิ่ม

จานวนของวตั ถทุ ี่ร่วมเสี่ยงภยั หรือ วตั ถทุ ่ีเอาประกนั มากขนึ ้ แล้ว คา่ ความเสียหายท่ีจะเกิดขนึ ้ จริง จะ
เทา่ กบั คา่ ความเสียหายที่คาดวา่ จะเกิดขนึ ้ ได้ หรือ ความนา่ จะเป็นของโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย
จะแมน่ ยาหรือถกู ต้องมากขนึ ้ จงึ เป็นประโยชน์สาหรับการคานวณเบยี ้ ประกันภยั แตล่ ะประเภท
กลา่ วคือ การเส่ียงภยั จะลดลง ถ้าจานวนวตั ถทุ ่ีมีสว่ นในเหตกุ ารณ์เสี่ยงภยั มากขนึ ้

3. กฎของการเฉล่ีย (Law of average) ถ้ากลมุ่ ผ้เู ส่ียงภยั มีน้อย คา่ เบยี ้ ประกนั ภยั ก็จะมีอตั ราสงู
และทาให้การดาเนินงานการ ประกนั ภยั ไปได้ยาก ในทางตรงกนั ข้าม ถ้ากลมุ่ ผ้เู สี่ยงภยั มีมาก คา่ เบีย้
ประกนั ภยั ก็จะมีอตั ราต่า และทาให้การประกนั ภยั ดาเนนิ การไปด้วยดี
หลักพนื้ ฐานเก่ียวกับการประกันภยั ประกอบด้วย 6 ข้อ คือ

1. หลักส่วนได้เสียในเหตปุ ระกันภัย (Insurable interest) ผ้มู ีสิทธิเอาประกนั ภยั จะต้องเป็นผ้มู ี
สว่ นได้เสียในเหตปุ ระกนั ภยั เทา่ นนั้

2. หลักสุจริตอย่างย่งิ (Utmost good faith) หมายถึง การที่ผ้เู อาประกนั ภยั และผ้รู ับประกนั ภยั มี
ความสจุ ริตใจตอ่ กนั ในขณะท่ีเข้าทาสญั ญา กลา่ วคือ จะต้องเปิดเผยข้อความจริง ไมแ่ ถลงข้อความเท็จ
และปฏิบตั ิตามคารับรอง

3. หลักชดใช้ค่าสนิ ไหมทดแทน (Indemnity) หมายถงึ การท่ีมีความเสียหายเกิดขนึ ้ อนั เป็นผล
โดยตรงจากภยั ที่ได้รับประกนั ภยั ไว้ ผ้รู ับประกนั ภยั ต้องชดใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่ผ้มู ีสิทธิรับคา่
สินไหมทดแทนตามความเสียหายที่เกิดขนึ ้ จริง เชน่ บ้านมลู คา่ 2 ล้านบาท ไฟไหม้เสียหาย 2 แสน จะ
ได้รับเงินชดใช้ 2 แสนบาท

4. หลักการรับช่วงสิทธ์ิ (Subrogation) หมายถงึ หลกั ท่ีกาหนดวา่ ผ้รู ับประกนั ภยั สามารถรับ
ชว่ งสิทธิ์ทงั้ ปวงของผ้เู อาประกนั ภยั ท่ีจะเรียกร้องจากบคุ คลภายนอกผ้กู ่อให้เกิดความเสียหายแกว่ ตั ถทุ ่ี
เอาประกนั ภยั เม่ือผ้รู ับประกนั ภยั ได้จา่ ยคา่ สินไหมทดแทนตามความเป็นจริงให้แก่ผ้เู อาประกนั ภยั และ
ความเสียหายท่ีเกิดขนึ ้ นนั้ ต้องเป็นการกระทาของมนษุ ย์ซงึ่ เป็นบคุ คลภายนอก สว่ นการประมาทเลนิ เลอ่
ของผ้เู อาประกนั ภยั หรือ ผ้รู ับประกนั ภยั ภยั จากธรรมชาติ ผ้รู ับประกนั ไมส่ ามารถรับชว่ งสทิ ธิได้

5. หลักการร่วมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (Contribution) เม่ือเกิดความเสียหาย แม้วา่ ผ้เู อา
ประกนั ภยั จะประกนั ภยั เกินมลู คา่ สว่ นได้เสีย หรือ เอาประกนั ภยั จากผ้รู ับประกนั ภยั หลายราย ซงึ่ ทาให้
จานวนเงินเกินกวา่ มลู คา่ ความเสียหายที่เกิดขนึ ้ ผ้เู อาประกนั ภยั จะได้รับการชดใช้ความเสียหายที่
เกิดขนึ ้ จริง โดยผ้รู ับประกนั ภยั จะเฉลี่ยชดใช้คา่ เสียหายดงั กลา่ วตามอตั ราสว่ น

6. หลักสาเหตุใกล้ชิด (Proximate cause) หมายถึง หลกั ที่กาหนดให้ผ้รู ับประกนั ภยั จะต้อง
ชดใช้คา่ สินไหมอนั เน่ืองจากความเสียหายท่ีเกิดขนึ ้ จากสาเหตใุ กล้ชิดกบั ภยั ท่ีทาประกนั ภยั ไว้ สาเหตุ
ความใกล้ชิด คือ เหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขนึ ้ นนั้ ตอ่ เน่ืองไมข่ าดตอน และเป็นผลโดยตรงจากภยั ที่ระบไุ ว้ใน
สญั ญาประกนั ภยั แล้ว

ให้นักเรียนจับคู่ข้อความทางด้านขวามือให้มีความหมายตรงหรือสอดคล้องกับข้อความ

ทางด้านซ้ายมือ

..........1. การเสี่ยงภยั จะลดลงถ้าจานวนวตั ถุท่ีมีสว่ น ก. หลกั สว่ นได้เสียในเหตปุ ระกนั ภยั
ในเหตกุ ารณ์เสี่ยงภยั มากขนึ ้ ข. หลกั สจุ ริตอยา่ งยิง่

..........2. ผ้เู อาประกนั มีสว่ นได้เสียเมื่อเกิดความเสียหาย ค. หลกั ชดใช้คา่ สินไหมทดแทน

..........3. ความเสียหายท่ีผ้รู ับประกนั จา่ ยให้แก่ผ้เู อาประกนั ง. หลกั การรับชว่ งสทิ ธ์ิ

..........4. บ้านนาย ก.ไฟไหม้ บ้านนาย ข.อยใู่ กล้โดนนา้ จ. หลกั การร่วมชดใช้คา่ สินไหมทดแทน

ของดบั เพลิงทาให้ข้าวของเสียหาย ฉ. หลกั สาเหตใุ กล้ชดิ

..........5. ไมแ่ ถลงข้อความเทจ็ ช. ความนา่ จะเป็น

..........6. ถ้ากลมุ่ ผ้เู ส่ียงภยั มีมาก คา่ เบยี ้ ประกนั ภยั ซ. กฎวา่ ด้วยจานวนมาก

ก็จะมีอตั ราต่า ฌ. กฎของการเฉลี่ย

..........7. การท่ีผ้เู อาประกนั สามารถรับชว่ งเรียกร้องสิทธิ

จากบคุ คลภายนอก

..........8. ผ้รู ับประกนั มีกรมธรรม์ 2 ฉบบั ขนึ ้ ไป ค้มุ ครองภยั

เดียวกนั

..........9. เป็นทฤษฎีพืน้ ฐานท่ีบริษทั ประกนั ภยั นาไปใช้

เป็นคา่ ประมาณในการคานวณเบยี ้ ประกนั ภยั

เฉลยคาถามกรอบท่ี 11

ให้นักเรียนจับคู่ข้อความทางด้านขวามือให้มีความหมายตรงหรือสอดคล้องกับข้อความ

ทางด้านซ้ายมือ

ซ. 1. การเสี่ยงภยั จะลดลงถ้าจานวนวตั ถทุ ี่มีสว่ น ก. หลกั ส่วนได้เสียในเหตปุ ระกนั ภยั
ในเหตกุ ารณ์เสี่ยงภยั มากขนึ ้ ข. หลกั สจุ ริตอยา่ งย่ิง

ก. 2. ผ้เู อาประกนั มีส่วนได้เสียเม่ือเกิดความเสียหาย ค. หลกั ชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทน

ค. 3. ความเสียหายที่ผ้รู ับประกนั จา่ ยให้แกผ่ ้เู อาประกนั ง. หลกั การรับชว่ งสทิ ธ์ิ

ฉ. 4. บ้านนาย ก.ไฟไหม้ บ้านนาย ข.อยใู่ กล้โดนนา้ จ. หลกั การร่วมชดใช้คา่ สนิ ไหมทดแทน

ของดบั เพลงิ ทาให้ข้าวของเสียหาย ฉ. หลกั สาเหตใุ กล้ชิด

ข. 5. ไมแ่ ถลงข้อความเท็จ ช. ความนา่ จะเป็น

ฌ. 6. ถ้ากลมุ่ ผ้เู สี่ยงภยั มีมาก คา่ เบยี ้ ประกนั ภยั ซ. กฎวา่ ด้วยจานวนมาก

ก็จะมีอตั ราต่า ฌ. กฎของการเฉล่ีย

ง. 7. การที่ผ้เู อาประกนั สามารถรับชว่ งเรียกร้องสิทธิ

จากบคุ คลภายนอก

จ. 8. ผ้รู ับประกนั มีกรมธรรม์ 2 ฉบบั ขนึ ้ ไป ค้มุ ครองภยั

เดียวกนั

ช. 9. เป็นทฤษฎีพืน้ ฐานท่ีบริษัทประกนั ภยั นาไปใช้

เป็นคา่ ประมาณในการคานวณเบยี ้ ประกนั ภยั

กรอบที่ 12

คาศัพท์ในธุรกจิ ประกนั ภยั

คาศัพท์ในธุรกิจประกันภัย
1. ผู้รับประกันภัย ( Insurer ) คือ คสู่ ญั ญาซงึ่ ตกลงจะชดใช้คา่ สินไหมทดแทน หรือชดใช้เงิน

จานวนหนง่ึ ให้ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้รู ับประโยชน์

2. ผู้เอาประกันภัย ( Insured ) คือ คสู่ ญั ญาซง่ึ ตกลงจะสง่ เบยี ้ ประกนั ภยั จานวนหนงึ่ ให้ผ้รู ับ

ประกนั ภยั เมื่อเกิดมีภยั ขนึ ้ ผ้รู ับประกนั ภยั จงึ จะจา่ ยคา่ สินไหมทดแทนให้แกผ่ ้เู อาประกนั ภยั
3. ผู้รับประโยชน์ ( Beneficiary ) คอื บคุ คลภายนอกสญั ญาประกนั ภยั ท่ีมีสิทธิ์เข้ามารับ

ประโยชน์ในคา่ สินไหมทดแทนตามสญั ญาประกนั ภยั นนั้ ตามข้อตกลงของผ้เู อาประกนั ภยั กบั ผ้รู ับ

ประ-กนั ภยั ดงั นนั้ เม่ือมีผ้รู ับประโยชน์ตามสญั ญาประกนั ภยั แล้ว ผ้เู อาประกนั ภยั ไมม่ ีสิทธิได้รับคา่

สินไหมทดแทนตามสญั ญาอีกตอ่ ไป ผ้รู ับประโยชน์อาจเป็นบคุ คลเดียวกบั ผ้เู อาประกนั ภยั ก็ได้

4. เบีย้ ประกันภัย ( Premium ) หมายถึง จานวนเงินที่ผ้เู อาประกนั ภยั จะต้องจา่ ยให้แกผ่ ้รู ับประ-
กนั ภยั ตามสญั ญาประกนั ภยั ซง่ึ การจา่ ยอาจจะจา่ ยเป็นรายปี ราย 6 เดอื น ราย 3 เดือน รายเดือน

แล้วแตจ่ ะระบไุ ว้ในกรมธรรม์ประกนั ภยั

5. กรมธรรม์ประกันภัย ( Policy ) หมายถึง เอกสารที่แสดงข้อตกลง เงื่อนไขตา่ งๆ ของสญั ญา

ประกนั ภยั ในกรมธรรม์จะประกอบไปด้วย รายละเอียดตา่ งๆมากมาย อนั เป็นเงื่อนไขและข้อตกลงตา่ งๆ
ระหวา่ งผ้เู อาประกนั ภยั และผ้รู ับประกนั ภยั

6. ทนุ ประกันหรือจานวนเงนิ เอาประกัน ( Sum insured ) หมายถึง จานวนเงินที่ตกลงกนั วา่
ผ้รู ับประกนั ภยั จะต้องจา่ ยให้ผ้เู อาประกนั ภยั หรือผ้รู ับประโยชน์ ตามท่ีระบไุ ว้ในกรมธรรม์ประกนั ภยั เม่ือ

เกิดภยั หรือความเสียหายเกิดขนึ ้ แกผ่ ้เู อาประกนั ตามเงื่อนไขในสญั ญาหรือกรมธรรม์

7. ค่าสนิ ไหมทดแทน (Claim Amount) ความเสียหายที่ผ้เู อาประกนั ภยั เรียกร้องให้ผ้รู ับ
ประกนั ภยั ชดใช้โดยความเสียหายดงั กลา่ ว เป็นผลมาจากภยั ตามท่ีระบไุ ว้ในกรมธรรม์และมีจานวน

ตามที่เสียหายจริง คาถาม

ให้นักเรียนจับคู่คาศัพท์ภาษาอังกฤษทางด้านขวาให้ตรงกับคาภาษาไทยทางด้านซ้ายมือ

..........1. กรมธรรม์ประกนั ภยั ก. Insurer

..........2. ผ้รู ับประกนั ภยั ข. Beneficiary

..........3. เบีย้ ประกนั ภยั ค. Claim Amount

..........4. ผ้รู ับประโยชน์ ง. Policy

..........5. คา่ สินไหมทดแทน จ. Premium

เฉลยคาถาม กรอบท่ี 12

ให้นักเรียนจับคู่คาศัพท์ภาษาอังกฤษทางด้านขวาให้ตรงกับคาภาษาไทยทางด้านซ้ายมือ

ง 1. กรมธรรม์ประกนั ภยั ก. Insurer

ก 2. ผ้รู ับประกนั ภยั ข. Beneficiary

จ 3. เบยี ้ ประกนั ภยั ค. Claim Amount

ข 4. ผ้รู ับประโยชน์ ง. Policy

ค 5. คา่ สนิ ไหมทดแทน จ. Premium

แบบทดสอบหลงั เรียน

เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกบั การประกนั ภยั

หน่วยบูรณาการ เรื่องการประกนั ภยั

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งเพียงคาตอบเดียว แลว้ ทาเครื่องหมาย  ใน
กระดาษคาตอบ

ใชค้ าตอบต่อไปน้ี ตอบคาถามขอ้ 1-3
ก. ความเส่ียงภยั
ข. ภยั
ค. สภาวะภยั
ง. ความสูญเสีย

นางสุขสบายขบั รถยนตไ์ ปตามถนน ในขณะที่ฝนตกหนกั และถนนลื่น ทาใหเ้ กิดอุบตั ิเหตุชนกบั รถ
คนั อ่ืน ทาใหน้ างสุขสบายไดร้ ับบาดเจบ็ และเสียชีวติ ในเวลาตอ่ มา
1. การบาดเจบ็ หรือเสียชีวติ ของนางสุขสบายคือตวั เลือกใด
2. ถนนลื่นเพราะฝนตกหนกั คือตวั เลือกใด
3. การขบั รถไปตามถนนของนางสุขสบาย
ใชค้ าตอบต่อไปน้ี ตอบคาถามขอ้ 4-6

ก. การหลีกเล่ียงความเสี่ยง
ข. การลดความเส่ียง
ค. การรับภาระความเสี่ยง
ง. การโอนความเส่ียง
4. หากนายใจรักวา่ ยน้าไม่เป็ น นายใจรักจึงเลือกไม่เดินทางทางเรือ แสดงวา่ นายใจรักบริหารความ
เส่ียงดว้ ยวธิ ีใด
5. นายใจดีมีบา้ นหลงั ใหญ่ต้งั อยู่ในพ้ืนท่ีกวา่ 10 ไร่ นายใจดีไดต้ ิดสัญญาณกนั ขโมยและติดกลอ้ ง
วงจรปิ ด นายใจดีบริหารความเสี่ยงดว้ ยวธิ ีใด
6. การท่ีนายดีใจเลือกฝากเงินกบั สถาบนั การเงินหน่ึงท่ีใหด้ อกเบ้ียสูง เพราะรู้วา่ รัฐบาลค้าประกนั
เงินฝาก 100% แสดงวา่ นายดีใจบริหารความเส่ียงดว้ ยวธิ ีใด

7. การประกนั ภยั เกี่ยวขอ้ งกบั บุคคลสามฝ่ าย ยกเว้นขอ้ ใด
จ. ผเู้ อาประกนั
ฉ. ผรู้ ับประกนั
ช. ผจู้ ่ายคา่ เบ้ียประกนั
ซ. ผรู้ ับผลประโยชน์

8. ตวั เลือกใดไม่ใช่ประโยชน์ของการประกนั ภยั
จ. ทาใหป้ ระชาชนมีรายไดเ้ พิ่มข้ึน
ฉ. ช่วยปลูกฝังนิสัยการประหยดั และการออมทรัพย์
ช. เป็นหลกั ประกนั ต่อบุคคลและครอบครัว
ซ. ช่วยใหม้ ีการระดมทุนพฒั นาประเทศ

9. ตวั เลือกใดไม่ใช่ทฤษฎีพ้นื ฐานเกี่ยวกบั การประกนั ภยั
จ. ความน่าจะเป็น
ฉ. ความเป็นไปได้
ช. กฎวา่ ดว้ ยจานวนมาก
ซ. กฎของการเฉลี่ย

10. การประกนั ภยั แบ่งออกเป็ น 2 ประเภทคือการประกนั ชีวติ และการประกนั วนิ าศภยั ขอ้ ใดกล่าว
ไม่ถูกตอ้ ง
จ. การประกนั อคั คีภยั เป็นการประกนั วนิ าศภยั
ฉ. การประกนั ภยั รถยนตเ์ ป็นการประกนั ชีวติ
ช. การประกนั ทางทะเลเป็นการประกนั วนิ าศภยั
ซ. การประภยั เบด็ เตล็ดเป็นการประกนั วนิ าศภยั

ต้งั ใจทาขอ้ สอบ นะคะ

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน

1. ง
2. ค
3. ก
4. ก
5. ข
6. ง
7. ค
8. ก
9. ข
10. ข

เก่งจงั เลยค่ะ
ทาได้ถกู ต้อง


Click to View FlipBook Version