วิชาประวัติศาสตร์สากล
B Y ค รู กั น ย ก า น ต์
เรียนสังคมง่ายๆ เข้าใจได้ ใน 5 นาที
#รัตนาก็ไม่ช่วย มาร่วมด้วยช่วยกันอ่านนะคะ
โ ร ง เ รี ย น ม กุ ฎ เ มื อ ง ร า ช วิ ท ย า ลั ย อำ เ ภ อ แ ก ล ง จั ง ห วั ด ร ะ ย อ ง
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
สมัยอาณาจักรซูเมเรียน(เผ่าซูเมอร์)
เป็นชนเผ่าแรกที่ปกครองแบบนครรัฐ
แบ่งชนชั้นทางสังคม ระบบชลประทาน
ตัวอักษรคูนิฟอร์ม(Cuneiform) ปลูกข้าวสาลี
1) ชนชั้นสูงหรือปกครอง ได้แก่ พระ ผู้ครองนคร
2) ชนชั้นกลาง ได้แก่ พ่อค้า ช่างฝีมือ
3500 3) ชนชั้นต่ำ ได้แก่ ประชาชนทั่วไป ชาวนา
B.C.
4) ชนชั้นต่ำสุด ได้แก่ ทาส ชาวต่างประเทศ
ดินแดนที่อยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริสและแม่น้ำยูเฟรติส(ปัจจุบันอยู่ในปะเทศอิรัก) และเชลยสงคราม หรืออาชญากรที่ถูกลงโทษ ซิกกูแรต (Ziggurat)
หรือ “ดินแดน วงพระจันทร์เสี้ยวไพบูลย์ (Fertile Crescent)”
มหากาพย์กิลกาเมช
สมัยอาณาจักรบาบิโลเนีย หรือบาบิโลนเก่า(เผ่าอัคคาเดียน เผ่าอะมอไรต์ เผ่าคัสไซต์)
มีการปกครองแบบศูนย์รวม เป็นรัฐสวัสดิการ
เผ่าอัคคาเดียน 2371-2112 B.C. เผ่าอะมอไรต์ 1792-1750 B.C. เผ่าคัสไซต์ 1600-1150 B.C.
มี ผู้นำเผ่าคือ ซากอน เรียกตัวเองว่า ชาวบาบิโลเนีย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฮิตไทค์
มาบุกรุกดินแดนสุเมเรียน การค้าขยายตัวอย่างกว้างขวาง
อำนาจทางการทหารเข้มแข้ง
รู้จักการทำปฎิทิน
Sargon ประมวลกฎหมายฉบับแรกของโลก ปรับกฎหมายให้เหลือแค่เข็ดหลาบจำ
ฮัมมูราบี “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” รถศึกน้ำหนักเบา ม้าที่มุ่งใช้ในสนามรบ
มาบุกรุกดินแดนสุเมเรียน
มีความสามารถด้านวิชาดาราศาสตร์
สมัยจักรวรรดิอัสซีเรีย (เผ่าอัสซีเรียน)
จัดการปกครองแบบรัฐทหารที่มีประสิทธิภาพ 911–609 Bฺ .C. ห้องสมุดที่เมืองมิเนเวห์
ชายชาตินักรบ มีวินัย กล้าหาญ
วัฒนธรรม
1. การสลักนูนต่ำ
2. การเริ่มใช้ "ประตูโค้ง" (Arch)
3. ห้องสมุดแห่งแรกของโลก ที่เมืองมิเนเวห์ (Nineveh)
4. พระราชวังซาร์กอน
การสลักนูนต่ำ
อาณาจักรคาลเดียน หรือบาบิโลนใหม่ (เผ่าคาลเดียน)
เข้ายึดกรุงนิเนเวห์ของเผ่าอัสซีเรียนได้สำเร็จ
605-562 Bฺ .C.
เจริญสูงสุดในสมัย
กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์
แบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน นำบาบิโลนเป็นเมืองหลวงอีกครั้ง
Hanging Gardens of Babylon ชาติแรกที่นำความรู้ดาราศาสตร์มาทำนายโชคชะตามนุษย์
หลังสิ้นสุดยุคเมโสโปเตเมีย ปกครองแบบนครรัฐ
ดำรงชีวิตด้วยการเดินเรือ
ค้าขายทางทะเล
พัฒนาตัวอักษรขึ้น 22 ตัว ชาวยิว
สร้างถนนเชื่อมเมือง นับถือพระเจ้าองค์เดียว
เป็นต้นกำเนิดของศาสนาคริสต์และอิสลาม
ด้านการปกครอง มีประมวลกฎหมายเรียกว่า กฎหมายโมเสส
และลำเลียง
ขนส่งสินค้า
อารยธรรมอียิปต์(ลุ่มแม่น้ำไนล์)
มรดกทางวัฒนธรรม
1.อียิปต์ ตอนบน นาร์เมอร์หรือเมเนส ประมุขแห่งอียิปต์ล่างได้รวม อักษรไฮโรกลิฟิก
2.อียิปต์ตอนล่าง
อยู่ทางปากแม่น้ำไนล์ ทั้ง 2 อาณาจักรเข้าไว้ด้วยกันและสถาปนาราชวงศ์ เขียนลงบน
ที่ 1 ขึ้นปกครอง โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่เมมฟิส กระดาษปาปิรุส
Egypt is the gift of the Nile
ฟาโรห์มีอำนาจสูงสุด ทรงมีฐานะเป็นเทวราชา มรดกทางวัฒนธรรม
(Re,Ra) เป็นเทพเจ้าสูงสุด
โครงสร้างทางสังคม สร้างพีระมิด ชีวิตอมตะ
1. นักบวช ขุนนาง การทำมัมมี่ ศัลยกรรม
2. ช่าง พ่อค้า อาลักษณ์
3. ชาวนา ผ่าตัดกระดูก
4. ทาส ฟันปลอมทำด้วยทอง
Canopic jars
ตับ กระเพาะ ปอด
และลำไส้ใหญ่
ไม่สนใจสร้างพีระมิดขนาดใหญ่อีกต่อไป โครงการระบายน้ำและสร้างเขื่อน
มรดกทางวัฒนธรรม วิหารบูชาเทพเจ้าองค์สำคัญ
มรดกทางวัฒนธรรม คัมภีร์มรณะ นักบวชก้าวขึ้นมามี พวกพเปอีวยอกิปร์อเัตซส์ียซีเกรีรยีก และโรมัน
อำนาจมากขึ้น
ปฏิรูป
ศาสนา
สร้างความ Anubis
แตกแยก
นำความเสื่อม
มาสู่อียิปต์
อารยธรรมกรีก(เกาะครีต Crete)
ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลอีเจียน
อารยธรรมอีเจียน
ประกอบด้วยอารยธรรม 2 แหล่ง คือ อารยธรรมมิโนน และอารยธรรมไมซินี
อารยธรรมมิโนน
ชาวครีต หรือครีตัน (Cretan)
อาชีพเดินเรือค้าขายทางทะเล
สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ
น้ำมันมะกอก เหล้าองุ่น
และภาชนะโลหะ
อักษรลีเนียร์ เอ (Linear A)
ปรปะตรูะทตาูสงิเงข้โาตห"ล(ัLกiขoอnงGป้aอtมeป)ราการ อารยธรรมไมซินี
ยุคมืดของอารยธรรมกรีก คาบสมุทรเพโลพอนนีซัส การรบและการค้าทางทะเล
ไมซินีเข้าโจมตีเกาะครีต ทำลายพระราชวังนอสซัส
การค้าขายที่เคยเจริญรุ่งเรืองก็ตก และเข้าครอบครองเกาะครีต
เป็นของชาวฟินีเซียอารยธรรม
ความเจริญในด้านต่างๆ หยุดชะงัก
มหากาพย์อิเลียด และโอดีสซีย์ ของ
กวี โฮเมอร์
อารยธรรมเฮเลน หรืออารยธรรมกรีก 492-44ส9งคกรราีกมเกป็รนีกฝก่ัาบยเชปนอะร์เซีย
เอเธนส์ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้นำ
สมัยคลาสสิก มีรูปแบบเป็นนครรัฐ (City-State) ซึ่งชาวกรีก เรียกว่า 431-40ส4งครามเพโลพอนนีเชียน
โพลิส(Polis) มีอิสระไม่ขึ้นต่อกัน นครรัฐที่สำคัญ ได้แก่ เอเธนส์ สปาร์ตา ด้วยสปาร์ตาเป็นนครรัฐทางทหาร
ไมซิเน และทีบส์ เป็นต้นนครรัฐส่วนใหญ่พัฒนารูปแบบการปกครองเป็น
ประชาธิปไตยมากขึ้น นครรัฐกรีกทั้งหมดอ่อนแอ
การขยายอำนาจของรัฐมาซิโดเนีย งานประติมากรรม ภาพจิตรกรรม
ยุคเฮเลนิสติก มาซิโดเนีย ซึ่งเป็นอาณาจักรอิสระทางตอนเหนือได้ขยาย
อำนาจเข้ายึดครองนครรัฐกรีกได้ทั้งหมด โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์
มหาราช ครอบคลุมถึงเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ อียิปต์ เปอร์เซีย ไปจนถึง
อินเดีย
มรดกทางอารยธรรมของกรีก
สถาปัตยกรรม
วิหารพาร์เธนอนในกรุงเอเธนส์ โมเสก (Mosaic)
เทพเจ้า
บุคคลสำคัญ
โซเครตีส สอนแนวคิด เพลโต ได้รับยกย่องว่า อริสโตเติล เป็นบิดาแห่ง ฮิปโปคราตีส วิชาฟิสิกส์ อาร์คิมิดีส
(Hippocrates แทนที่น้ำ
การใช้เหตุผลและสติ เป็นบิดาแห่งปรัชญาสมัย วิชาการรัฐศาสตร์ บิดาแห่งการแพทย์ คานดีดคาน
ปัญญา ใหม่ เกลียวลูกรอก
อุดมการณ์
วิชาคณิตศาสตร์ ยู ปีทาโกรัส (Pythagoras)
คลิด (Euclid) พบ เป็นผู้สร้างทฤษฎีสามเหลี่ยม
ตัว หรม.
อารยธรรมโรมัน(คาบสมุทรอิตาลี)
กรุงโรมแต่เดิมมีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่ก่อนแล้ว เรียกว่า ชาวละติน (Latin) ซึ่งเป็นบรรพบุรุษ
ของชาวโรมัน ต่อมามีชนเผ่าอีทรัสกัน เข้ามารุกรานและครอบครองดินแดน ชาวอีทรัสกันยอมรับ
อารยธรรมกรีกและนำเข้ามาเผยแพร่ในแหลมอิตาลี
นิสัยของชาวโรมัน
แตกต่างจากจากอารยธรรมกรีก
- หาความสำราญในสถานที่อาบน้าสาธารณะ
- ความตื่นเต้นใน อัฒจันทร์ การต่อสู้
- อยู่รวมกันแออัด ในอาคารสูงหลายชั้น
สมัยสาธารณรัฐ สมัยโรมันขยายอำนาจ สมัยจักรวรรดิ
มีการปกครองระบบ King จนกระทั่งเมื่อ 509 ปี ระหว่าง 264-146 ปีก่อนคริสต์ศักราช เกิดสงครามพิวนิก เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างชนชั้นปกครองกับนาย
ก่อนคริสต์ศักราช พวกชนชั้นสูงขับไล่อำนาจ King ต่อมาโรมันขยายอำนาจ การค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทหาร โดยออคตาเวียนสามารถปราบมาร์ค แอนโทนีลง
ซึ่งเป็นชาวอีทรัสกันออกจากบัลลังก์ และเปลี่ยนการ กลายเป็นรัฐที่มีอำนาจและความมั่งคั่งมากที่สุดในสมัยนั้น ได้ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในโรม ได้รับ
ปกครองโรมให้เป็นสาธารณรัฐ ต่อมาเกิดความขัด สมญานามออกัสตัส ซีซาร์องค์แรกของจักรวรรดิ
แย้งทางการเมืองระหว่างชนชั้นสูง เรียกว่า พวกพาท
รีเชียนราษฎรสามัญชน เรียกว่า พวกเพลเบียน ทำให้ มีการสร้างถนนเชื่อมกับดินแดนเป็นปัจจัย
เกิดประมวลกฎหมายที่ เรียกว่า กฎหมายสิบสองโต๊ะ สำคัญทำให้อารยธรรมโรมัน ได้เผยแพร่ไป
ยังดินแดนทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
เรียกว่าสันติภาพแห่งโรม (Pax Romana)
จักรพรรดิคอนสแตนติน
ทรงสร้างกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ต่อมาเรียกว่า จักรวรรดิโรมันตะวันออก
หรือจักรวรรดิไบแซนไทน์ โรมันตะวันตก
ถูก อนารยชนเข้าปล้นสะดม จักรพรรดิถูก
ขับออกจากบัลลังก์ ถือเป็นการสิ้นสุด
จักรวรรดิโรมันตะวันตก โรมันตะวันออกยังมีจักรพรรดิ
ปกครองต่อมาจนถูกพวกเติร์กรุกราน
สถาปัตยกรรม เน้นความใหญ่โต แข็งแรง ดัดแปลง วิศวกรรม สร้างถนนคอนกรีต ประติมากรรม
สองข้าง
ทาง ถนนมีท่อระบายน้ำ เน้นความสมจริง
สถาปัตยกรรมจากกรีก เช่น ใช้ประตูโค้ง ใช้หลังคาโดม
วรรณกรรม มหากาพย์เรื่อง อิเนียด ประพันธ์โดย ปฏิทิน จูเลียส ซีซาร์ เป็นแม่ทัพโรมันที่ยิ่ง
เวอร์จิล กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของกรุงโรม ใหญ่ ได้ประกาศให้ใช้ปฏิทินแบบสุริยคติ
งานประพันธ์ร้อยแก้วของซิเซโร เรียกว่า ปฏิทินจูเลียน
การแพทย์ ริเริ่มการทำคลอดหน้าท้อง
และการใช้ยาสลบก่อนผ่าตัด
ประวัติศาสตร์จีน(ลุ่มแม่น้ำฮวงโห)
ยุคสมัยกลาง (ยุคจักรวรรดิ) สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ปฐมจักรพรรดิ คือ จิ๋นซีฮ่องเต้หรือฉินสื่อหวงตี้ วัฒนธรรมหยางเซ่า 7,000-5,000 ปีมาแล้ว
ใช้ระบบการชั่ง ตวง วัด เงินตราเหมือนกันทั่วทั้ง
จักรวรรดิ ปราบปรามลัทธิขงจื๊อ เผาตำราขงจื้อ ยุคหินใหม่ อยู่ริมแม่น้ำที่มีดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่
เพราะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ การทำการเกษตรเป็นแหล่งอาหารและตั้งชุมชน เริ่มปลูก
การทำดินดำหรือดินปืน (เป็นชาติแรกที่คิดค้นได้) ข้าวเป็นครั้งแรกมี เครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี
วัฒนธรรมหลงซาน 5,000-4,000 ปีมาแล้ว
ยุคโลหะสำริด เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีกำแพงล้อมรอบ
มีการจัดระบบการปกครอง นำหยกมาทำเครื่องมือเครื่องใช้
ขวานหยกสันนิษฐานว่าวัฒนธรรมหลงชานได้พัฒนาความ
เจริญ มาเป็นวัฒนธรรมจีนในสมัยราชวงศ์ชาง
ยุคสมัยโบราณ
มีการประดิษฐ์ตัวอักษรแบบรูปภาพบน
กระดูกสัตว์และบนกระดองเต่า ใช้สำหรับ
เสี่ยงทายหรือทำนายโชคชะตา นับถือ
เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก เรียกว่า ชางตี้
ทำปฏิทินบอกฤดูกาลต่างๆ
King มีฐานะเรียกว่า อาณัติแห่งสวรรค์
จีนสามารถคำนวณได้ว่า 1 ปี มี 365 1/4 วัน
ประดิษฐ์ตะเกียบเพื่อใช้หยิบอาหาร มีความ
รุ่งเรืองทางปรัชญา เกิดลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า
เกิดเส้นทางสายไหม ฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อ มีการสอบ
คัดเลือกเข้าเป็นจอหงวน ค้นพบวิธีการทำกระดาษ
ทำจากเปลือกไม้ ปอ หรือป่าน ซือหม่า เชียน เขียน
หนังสือ สื่อจี้ หรือบันทึกของนักประวัติศาสตร์ ซือหม่า เชียน
(บิดาแห่งประวัติศาสตร์ของโลกตะวันออก)
ปกครองจีนในระยะเวลาสั้นๆ จีนรวมกันเป็น
ปึกแผ่น เป็นราชวงศ์ที่ทรงอำนาจทางการทหาร
แต่มีระยะเวลาการปกครองที่ค่อนข้างสั้น
จักรพรรดิถังไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) จักรพรรดิถังไท่จง พระถังซำจั๋ง
ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ถัง นับเป็นยุคทอง
ของวรรณกรรมจีน พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง
มาก พระถังซำจั๋ง เดินทางไปศึกษาพระไตรปิฎก
ยังอินเดียมาเผยแผ่ในจีน
ประดิษฐ์แท่นพิมพ์ตัวหนังสือ รู้จักใช้ดินดำ
หรือดินปืนทำพลุ ประทัด และดอกไม้ไฟ รักษา
โรคด้วยการฝังเข็ม ใช้เข็มทิศแม่เหล็กเดินเรือ
เกิดประเพณีรัดเท้าสตรี
เผ่ามองโกล เข้ามาปกครองจีน มาร์โคโปโล
พ่อค้าอิตาลี ค้าขายคริสต์ศาสนามีความเจริญ
รุ่งเรืองมาก จึงเกิดการเผยแพร่และแลกเปลี่ยน
ในวิทยาการและวัฒนธรรมระหว่างจีนกับยุโรป
ชาวจีนมีอำนาจปกครองอีกครั้งขับไล่มองโกลได้ พระราชวังกรุงปักกิ่ง
สำเร็จ เกิดนิยาย สามก๊ก ไซอิ๋ว สร้างพระราชวังกรุง
ปักกิ่ง เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์หมิง
ส่งกองเรือ มีมหาขันทีเจิ้งเหอ ออกสำรวจทะเล
ชาวแมนจูอยู่ทางตอนเหนือปกครอง เป็น
ราชวงศ์สุดท้ายของจีน ถูกรุกราน เกิดสงคราม
ฝิ่น จีนแพ้อังกฤษ ลงนามสนธิสัญญานานกิง
จีนสูญเสียอำนาจ เช่น จีนรบแพ้ญี่ปุ่น เสียเกาหลี
ให้ญี่ปุ่น
การปฏิวัติของ ดร. ซุน ยัต เซ็น เข้าสู่ระบอบ การปฏิวัติของเหมา เจ๋อตุง เข้าสู่ระบอบสังคมนิยม ( คอมมิวนิสต์ ) เมื่อ ค.ศ. 1949
สาธารณรัฐ ปรับตัวรับอารยธรรมตะวันตก ภายหลังรัฐบาลเกิดปัญหา ระบอบประชาธิปไตยต้องอพยพไปตั้งถิ่นฐานยังเกาะไต้หวัน
โกง เกิดความแตกแยก ประชาชนหันไปสนับสนุน เหมา เจ๋อตุง
อารยธรรมอินเดีย(ลุ่มแม่น้ำสินธุ)
1. อารยธรรมยุคพระเวทประมาณ 1,500 - 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
ยุคสมัยที่ชาวอารยันเข้ามาปกครองอินเดียมีปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระเวท ( ศาสนาพราหมณ์ ) ได้นํา
อารยธรรมของชนพื้นเมืองมาดัดแปลงจนกลายเป็นอารยธรรมใหม่ของตน เช่น เรียนรู้วิธีเพาะปลูก และใช้
เหล็กทําเครื่องมือ การเกษตรให้กำเนิดศาสนาพราหมณ์ และ ระบบวรรณะ (Caste System)
2. อารยธรรมอินเดียสมัยมหากาพย์ 900 - 600 ปี ก่อนคริสต์ศักราช เรียกตามชื่อ
มหากาพย์ยิ่งใหญ่ของอินเดีย 2 เรื่อง คือ มหาภารตะ และรามายณะชาวอารยันนิยมบูชาเทวะและเทวี
จํานวนมาก เทพเจ้าสูงสุดคือ พระอินทร์ ศาสนาพราหมณ์เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในตอนปลายสมัย
มหากาพย์
3. สมัยจักรวรรดิมคธ 600 - 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
เป็นยุคกำเนิดพระพุทธศาสนาและเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
ในจักรวรรดิมคธ โดยได้รับการอุปถัมภ์จากกษัตริย์ ทําให้
มคธเป็นศูนย์กลางของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา
ขณะที่ศาสนาพราหมณ์กลับเสื่อมความนิยมลง
4. สมัยจักรวรรดิเมารยะ 321 - 185 ปีก่อนคริสต์ศักราช
พระเจ้าจันทรคุปต์ได้รวบรวมอินเดียให้เป็นปีกแผ่น กษัตริย์ที่
สำคัญในเวลาต่อมา คือ พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงทำนุบำรุงและ
เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนต่างๆ
5. สมัยการรุกรานจากภายนอก ชาวต่างชาติเช่น ชาวกรีก
เปอร์เซีย เข้ามารุกราน และยังได้ถ่ายทอดมรดกให้กับอินเดีย โดย
เฉพาะ สถาปัตยกรรมและประติมากรรม แต่แคว้นคันธาระมีอำนาจมากที่สุด
มี King ที่สำคัญได้แก่ พระเจ้ากนิษกะ ทรงนับถือพระพุทธศาสนานิกาย
มหายาน และทรงอุปถัมภ์การเผยแพร่ศาสนาไปยังจีน ทิเบต และญี่ปุ่น ภาย
หลังถูกกองทัพของอะเล็กซานเดอร์มหาราชรุกราน จึงได้รับอิทธิพลจาก
วัฒนธรรมกรีก
6. สมัยจักรวรรดิคุปตะ ได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของอินเดีย ด้าน
การศึกษา มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ด้านวิทยาการ มีการ
ทําสบู่และซิเมนต์ ซึ่งต่อมาได้เผยแพร่ไปยังยุโรป แพทย์ในสมัย
ราชวงศ์คุปตะได้รับการยกย่องว่ามีวิธีการและเทคนิคสูงในการ
รักษาโดยเฉพาะในการผ่าตัด ด้านคณิตศาสตร์พัฒนาสัญลักษณ์
เลขศูนย์ และเลขอารบิกเป็นชนชาติแรก
7. สมัยมุสลิม มีสุลต่านเป็นผู้ปกครองมีศูนย์กลางการปกครอง
อยู่ที่เมืองที่เมืองเดลฮี(Delhi) ชาวเติร์กขยายศาสนาอิสลาม บังคับ
ชาวอินเดียเปลี่ยนศาสนา เก็บภาษีจิซยา สมัยราชวงศ์โมกุล มีการ
สร้างความเท่าเทียมกัน มุสลิม ฮินดู พุทธ โดยพระเจ้าอักบาร์เป็น
สมัยที่อินเดียเจริญรุ่งเรืองทางด้านศิลปกรรมทุกสาขา สุลต่านที่
สำคัญอีกพระองค์ คือ ชาห์ เจฮัน ผู้สร้างทัชมาฮัล จักรวรรดิโมกุล
หมดอำนาจลง เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองอินเดีย
8. ยุคอาณานิคม อินเดียภายใต้การปกครองของอังกฤษ
อังกฤษปกครองอินเดียโดยวิธีแบ่งแยกการปกครอง (Divide and
Rule)โดยตั้งข้าหลวงเป็นผู้ปกครอง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ 9. ยุคเอกราช
พัฒนาการของยุโรปสมัยกลาง
สมัยกลางของยุโรป 1. ระบอบการปกครองแบบฟิวดัล
(Feudalism) หรือระบอบศักดินาสวามิภักดิ์
เริ่มตั้งแต่ การสิ้นสุดจักรวรรดิโรมัน
ตะวันตกในปี ค.ศ. 476 จนถึง คริสโต King เป็นเจ้าของที่ดิน ทรงแจกจ่ายที่ดินให้ขุนนางผู้ปกครองแคว้นไปใช้ประโยชน์
เฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบทวีปอเมริกา คำว่า Feudalism มาจากคำว่า Fiefs หมายถึงที่ดินที่เป็นพันธสัญญาระหว่างเจ้าของ
(หรือโลกใหม่) ในปี ค.ศ. 1492 ที่ดิน (เจ้านาย) กับผู้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน (ข้า) ฟิวดัลเป็นทั้งระบอบการปกครอง
เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งควบคุมชีวิตของผู้คนในยุโรปสมัยกลางตั้งแต่เกิดจนตาย
ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 แห่งจักรวรรดิ
โรมันทรงประกาศนับถือคริสต์ศาสนา ทำให้คริสต์ศาสนาแพร่หลายในดินแดนยุโรปมากขึ้น ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา
คริสต์ศาสนาและคริสตจักรที่นครวาติกัน มีอำนาจสูงสุดเหนือสถาบันใดๆ ของยุโรป โดยมี สันตะปาปา (Pope) เป็นผู้นำ
ด้านการเมือง การปกครอง ผู้ประกอบพิธีแต่งตั้งกษัตริย์ ได้อ้างอำนาจเหนือกษัตริย์ คริสตจักรเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมาก
ด้านเศรษฐกิจ เป็นแหล่งรวมรายได้ที่ได้รับจากประชาชนในภูมิภาคต่างๆ โดยมีวัดหรือโบสถ์ในท้องถิ่นต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการ มี
รายได้จากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ด้านสังคม เชื่อว่าคริสตจักร (นครวาติกัน) เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ผู้ใดมีความเห็นขัดแย้งกับคริสตจักรจะต้องถูก
ไต่สวนและลงโทษ การสั่งคว่ำบาตร หรือ บัพพาชนียกรรม (Excommunication) คือ ขับไล่บุคคลผู้ต้องโทษให้พ้นจากศาสนา
สงครามครูเสด (Crusade) คือ สาเหตุของสงครามครูเสด
สงครามทางศาสนาระหว่างชาวคริสต์ 1. ปี ค.ศ. 1076 กองทัพพวกเติร์ก ซึ่งนับถืออิสลาม เข้ารุกรานจักรวรรดิไบแซนไทน์ (หรือโรมันตะวันออก)
กับมุสลิม โดยกองทัพชาวคริสต์ในยุโรป 2. สันตะปาปา (Pope) ประมุขของคริสตจักร เออร์บานที่ 2 จัดตั้งกองทัพไปช่วยจักรวรรดิไบแซนไทน์ขับไล่
เดินทางเข้าไปยังดินแดนปาเลสไตน์ กองทัพมุสลิมเติร์ก ซึ่งชาวคริสต์ในยุโรป เรียกว่า พวกนอกศาสนา
เพื่อยึดนครเยรูซาเล็มกลับคืนเกิดขึ้น 3. ในปี ค.ศ. 1076 พวกเติร์กที่นับถือศาสนาอิสลามได้เข้ายึดครองนครเยรูซาเล็มดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นนคร
ในปี ค.ศ. 1096 และสิ้นสุดในปี ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวคริสต์เดินทางไปแสวงบุญ สันตะปาปา (Pope) ประมุขของคริสตจักร จึงประกาศชักชวนชาว
ค.ศ. 1291 เป็นระยะเวลาเกือบ 200 ปี คริสต์ให้ไปทำสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อปลดปล่อยนครเยรูซาเล็ม โดยอ้างว่าสงครามครูเสดเป็นเจตนารมณ์ของ
พระเจ้า
สงครามครูเสดเกิดขึ้น 9 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ค.ศ. 1092 - 1099
ชาวคริสเตียนรบด้วยอุดมการณ์ และชนะพวกเติร์ก
ครั้งที่ 2 ค.ศ. 1147 - 1149
พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ของฝรั่งเศส กับ พระเจ้าคอนราดที่ 3
ของเยอรมัน นำทัพไป แต่ต้องแพ้
ครั้งที่ 3 ค.ศ. 1189 - 1192
พระเจ้าเฟรเดริกที่ 1 (เยอรมัน) ฟิลิปป์ออกุสต์ (ฝรั่งเศส)
และริชาร์ด ไลออนอาร์ท (อังกฤษ) นำทัพและพากันแพ้
ครั้งที่ 4 ค.ศ. 1202 - 1204
พวกคริสเตียนรบด้วยกันเอง
ครั้งที่ 5 ค.ศ. 1217 - 1221 ครั้งที่ 7 ค.ศ. 1248 – 1249 และ ครั้งที่ 8 ค.ศ. 1270
ซนเญอร์ของฝรั่งเศส ชื่อ ยองเลอเบรียน กับพระเจ้าแผ่น สงครามครูเสดได้กระทำกันในประเทศอียิปต์แซงต์หลุยส์
ดินฮังการี ไปรบพวกเติร์กในประเทศอียิปต์ (ฝรั่งเศส) นำทัพทั้งสองครั้ง จนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1270
ครั้งที่ 6 ค.ศ. 1228 - 1229 ครั้งที่ 9 ค.ศ. 1271 – ค.ศ. 1272
พระเจ้าเฟรเดริกที่ 2 (เยอรมัน)นำทัพ แต่แทนที่จะไปรบ สงครามครั้งนี้ฝ่ายมุสลิมเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ ที่เป็น
กลับไปทำไมตรีกับพวกอาหรับ ผลทำให้สงครามครูเสดยุติลงในที่สุด
การฟื้ นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance)
เป็นช่วงเวลาที่โลกตะวันตกหลุดพ้นจากอิทธิพลของศาสนจักร และระบบฟิวดัล นับได้ว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสมัยกลางกับสมัยใหม่
สาเหตุของการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
1. การขยายตัวทางการค้าในยุโรป แข่งขันสะสมและสร้างงานศิลปะที่เลียนแบบกรีกและโรมัน เริ่มต้นที่อิตาลี
2. ทัศนคติต่อการครองชีพของคนยุโรป แสวงหาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเริ่มปฏิเสธกฎเกณฑ์ศาสนจักร เกิด
แนวคิดแบบมนุษยนิยม (Humanism)
3. ความสำเร็จในการประดิษฐ์แท่นพิมพ์ของโยฮัน กูเทนเบิร์ก (Johann Gutenberg)
ผลงานของไมเคิลแองเจลโล (Michelangelo)
การสำรวจทางทะเลและการค้นพบ
ทวีปอเมริกา(Age of Discovery)
1. ทำให้ยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจ
และมีการจับจองดินแดน
2. การสำรวจเส้นทางเดินเรือทำให้เกิดลัทธิพาณิชย์นิยม(Mercantilism) ภายหลังได้
พัฒนากลายเป็นลัทธิล่าอาณานิคม
3. การสำรวจเส้นทางเดินเรือ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
4. พัฒนาเทคโนโลยีเดินเรือและแผนที่เดินทางรอบโลกและสนับสนุนแนวความคิดว่าโลกกลม
การปฏิรูปศาสนา
การปฏิรูปศาสนาในประเทศอังกฤษ
สาเหตุมาจาก พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ต้องการหย่าขาดจากมเหสีเดิมเพื่อจะ
อภิเษกใหม่ แต่สันตะปาปาไม่ยอมพระองค์จึงประกาศแยกอังกฤษออกจาก
ศาสนจักรที่โรม และตั้งเป็นนิกายแองกลิคันกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุข
สูงสุดทางศาสนาหลักการสำคัญไม่ได้เปลี่ยนจากโรมันคาทอลิกมาก
ส่งผลให้เกิดการ การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
เปลี่ยนแปลง (Scientific Revolution)
การสำรวจเส้นทางเดินเรือ การค้นพบดินแดนโลกใหม่
กระตุ้นให้มนุษย์มีแรงบันดาลใจ กระตือรือร้น หา
ความรู้ ที่เริ่มจากการสังเกต การรวบรวมข้อมูลการ
ทดลอง และการสรุปกลั่นกลองออกมาเป็นทฤษฎี
เริ่มต้นที่ดาราศาสตร์ก่อน เมื่อนิโคลัส คอปเปอร์นิคัส
(Nicolus Copernicus) ได้เริ่มเสนอและอธิบายระบบ
สุริยจักรวาลที่แตกต่างจากสมัยกลาง
ผล1จ. เาก2ิก.ดเคกกิวดาากรมากปร้าปฏวฏิหิววัันต้ติาิททวาิาแทงงลภวยูิะมทขิา้ปยอัศญามูศลญาาทีสสา่พมิตตสนูรุจ์รษแ์นล์ยไ์ะดจเ้ทะยคอโนมโรลับยใีนเหตุผล
การปฏิวัติเกษตรกรรมและการปฏิวัติอุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะแรก
(ค.ศ. 1750-1870)
ทอผ้า
เครื่องจักร ไอน้ำ 1. ผลด้านเศรษฐกิจ ผลิตครั้งละจำนวนมาก มีมาตรฐาน ต้นทุนการผลิตต่ำลง เกิดความเหลื่อมล้ำทาง
ทอมัส นิวคอเมน ประดิษฐ์เครื่อง เศรษฐกิจ เกิดการแข่งขันเพื่อแสวงหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จำเป็นต้องหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อป้อนโรงงาน
จักรไอน้ำเป็นคนแรก
2. ผลด้านสังคม ประชากรมีจำนวนมากขึ้น เพราะความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์เกิดการเพิ่มขึ้นของ
เหล็กและ ถ่านหิน
เมืองและปัญหาเมืองตามมา มีความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างชัดเจน
เฮนรี คอร์ต ค้นพบวิธีทำให้ถ่านหิน
บริสุทธิ์โดยปราศจากควันได้สำเร็จ มีการประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆ 3. ผลด้านการเมือง เมื่อนายทุนเป็นชนชั้นกลางมีฐานะสูงในสังคมมักดำรงตำแหน่งผู้ปกครอง ในขณะที่
และนำพลังงานใหม่ คือ ไฟฟ้า กรรมกรกลับไม่มีโอกาสทางการเมือง
การปฏิวัติอุตสาหกรรมระยะที่ 2 น้ำมัน และพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ 4. ผลด้านภูมิปัญญาความคิด ลัทธิเสรีนิยม (Liberalism) โดยอดัม สมิธ (Adam Smith)การค้าเสรีที่
(ค.ศ. 1870-ปัจจุบัน) นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ รัฐห้ามเข้ามาแทรกแซง และลัทธิสังคมนิยม (Socialism) พยายามที่จะสร้างให้สังคมเกิดความเท่าเทียม
ในอุตสาหกรรม พัฒนาเครื่องจักร กัน นักคิดสำคัญ ได้แก่ คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx)
กล เครื่องมือและเครื่อง
คอมพิวเตอร์ ความรักหรือความภักดีต่อปิตุภูมิ ทำให้
เน้นเรื่องเสรีภาพและการเรียก เกิดความผูกพันและร่วมมือร่วมใจในการ
ร้องเสรีภาพทั้งทางการการเมือง และ ปกป้องรักษาความเป็นชาติ
เศรษฐกิจในขอบเขตของกฎหมาย
เสรีภาพในความหมายเสรีนิยม หมาย
ถึง เสรีภาพภายใต้กฎหมาย
ปฏิวัติของชาวอเมริกันเพื่อแยก
ตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษ และการ
ปฏิวัติฝรั่งเศส
ประเทศต่างๆ ในยุโรปต่างแข่งขันกัน
ขยายอำนาจเข้าไปยังส่วนต่างๆ ของ
โลก มุ่งหวังผลประโยชน์ทาง เน้นความสำคัญของความเสมอภาค นักคิดสังคมนิยมคนสำคัญ
เศรษฐกิจมากกว่าการเมือง และโดดเด่นของยุโรป คือ คาร์ล มากซ์ และฟรีดริช เองเงิลส์
พรรคคอมมิวนิสต์มีบทบาทและหน้าที่เป็น แกนนำของการปฏิวัติ
เหตุการณ์สำคัญของโลกในศตวรรษที่ 20
สาเหตุ เกิดภาวะเศรษฐกิจ ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2
ตกต่ำทั่วโลก ลัทธิชาตินิยม สูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน เกิดลัทธิชาตินิยม
และองค์การสันนิบาตชาติ เรียกร้องเอกราชมีองค์การสหประชาชาติ (UN)
ประสบความล้มเหลว ความ USA และโซเวียต กลายเป็นมหาอำนาจแทน
ไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญา เยอรมนีถูกยึดครองโดยชาติมหาอำนาจ
แวร์ซายส์ ซึ่งเยอรมนีและ
ชาติผู้แพ้สงครามถูกบังคับ
ให้ลงนาม
เหตุการณ์สำคัญของโลกในศตวรรษที่ 20-21
(สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม)