02
พินัยกรรมแบบ
ธรรมดา
02
พินัยกรรมแบบธรรมดา
มาตรา ๑๖๕๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า
"พินัยกรรมนั้นจะทำตามแบบดั่งนี้ก็ได้ กล่าวคือ ต้องทำ
เป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำและผู้ทำพินัยกรรม
ต้องลงลายมือไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน
พยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองสายมือชื่อของ
ผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น”
ไม่สามารถกระทำในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้
เลย เพราะมีพระราชกฤษฎีกากำหนดประเภท
ธุกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ยกเว้นมิให้นำกฎหมาย
ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้
บังคับ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยมาตรา " แห่งพระราชกฤษฎีกา
ดังกล่าว กำหนดมิให้นำบทบัญญัติตาม
กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับแก่
ธุรกรรมดังต่อไปนี้คือ (๑) ธุรกรรมเกี่ยว
กับครอบครัว และ (๒) ธุรกรรมเกี่ยวกับมรดก
พินัยกรรมทุกแบบ ประโยชน์ในทางกฎหมายมีหลาย
ประการ ประการแรก ได้แก่ การวินิจฉัยถึง
ความสามารถในการทำพินัยกรรมซึ่งจะต้องถือเอาความ
สามารถในวันทำ จึงจะพิจารณาว่าผู้ทำพินัยกรรมมีความ
สามารถสมบูรณ์หรือไม่ เช่นว่า มีอายุครบ ๑๕ ปีบริบูรณ์
เป็นคนไร้ความสามารถทำพินัยกรรมในขณะจริตวิกล
หรือไม่ ประการที่สอง วัน เดือน ปี ในขณะทำพินัยกรรม
ประโยชน์ในกรณีที่มีการทำพินัยกรรมไว้หลายฉบับ โดย
ต้องยืดเอาฉบับสุดท้ายที่ใกล้กับเวลาตายของผู้ทำ
พินัยกรรมมากที่สุด ถือว่าเป็นฉบับที่แสดงถึงเจตนาที่แท้
จริงของผู้ตาย ดังนั้น ถ้ามีพินัยกรรม ๒ ฉบับที่ทำในเวลา
ต่างกัน หากมีข้อกำหนดยกทรัพย์สินชิ้นเดียวกันให้บุคคล
แตกต่างถือเอาข้อกำหนดในพินัยกรรมฉบับหลังสุดเป็น
ตัวบังคับ
พินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อย
สองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรอง
ลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น เป็นลักษณะที่
โดดเด่นของพินัยกรรมแบบธรรมดา โดยอาจกล่าวได้ว่า
ตลอดเวลาที่ผู้ทำพินัยกรรมเขียนพินัยกรรมอยู่ในห้องนั้น
พยานทั้งสองคน จะลุกจะนั่งก็ต้องลุกนั่งอยู่แต่เฉพาะใน
ห้องเดียวกันกับผู้ทำพินัยกรรมเท่านั้น จะเดินออกไปนอก
ห้องก่อนที่พินัยกรรมจะเขียนเสร็จไม่ได้
การแก้ไขเพิ่มเติมพินัยกรรม
มาตรา ๑๖๕๖ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า
"การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น
ซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตาม
แบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามมาตรานี้"
การแก้ไขเพิ่มเติมพินัยกรรมแบบธรรมดานั้นต้องย้อน
รอยกลับไปทำตามแบบที่บัญญัติ
ไว้ในมาตรา ๑๕๖ วรรคหนึ่ง กล่าวคือ หลังจากที่ผู้ทำ
พินัยกรรมได้แก้ไขพินัยกรรมแล้วก็ต้องลงลายมือชื่อต่อ
หน้าพยานสองคน และพยานสองคนดังกล่าวก็ต้องลง
ลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะ
นั้น พร้อมทั้งลงวัน เดือน ปีด้วย ด้วยเหตุนี้แม้จะมีการ
แก้ไขชื่อสกุลของเจ้ามรดกและเจ้ามรดกได้ลงลายมือชื่อ
กำกับไว้แล้วก็ตาม แต่เมื่อไม่มีพยานสองคนลงลายมือซื่อ
รับรองลายมือชื่อเจ้ามรดกไว้ด้วย ต้องถือว่าไม่มีการ
แก้ไขดังกล่าว
สำหรับพยานในกรณีแก้ไขเพิ่มเติมพินัยกรรมนี้จะเป็น
พยานคนละชุดกับพยานรอบแรก
หรือจะใช้พยานชุดเดียวกันก็ได้ ข้อสำคัญคือ ถ้าตอน
แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ปฏิบัติตามแบบ
ห้ครบถ้วนดังที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๖๕- วรรคหนึ่ง แล้ว
ต้องถือว่าไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างใดเลย จำต้อง
ย้อนกลับไปใช้ข้อความเดิม
การแก้ไขเพิ่มเดิมพินัยกรรมแบบธรรมดานี้ท่าน
อาจารย์เพรียบ หุตางกูร" เห็นว่า บทบัญญัติแห่งมาตรา
๑๖๕- วรรดสอง ไม่ได้บังดับไว้ถึงขนาดว่าจะต้องลงวัน
เดือน ปในตอนแก้ไขลงพินัยกรรม ถึงแม้จะไม่ได้ลวันดือ
น ปีกำกับไว้ ก็ไม่ทำให้การแก้ไข
ดังกล่าวไม่สมบูรณ์ เพราะวัน เดือน ปีดังกล่าวเพียง
ทำให้รู้ว่าได้แก้ไขเมื่อใดเท่านั้น ไม่มีความสำคัญต่อ
พินัยกรรมแต่ประการใด
สมาชิก
1.รัตติกาล พานเงิน 62123580007
2.ชนัญชิดา ทองชุบ 62123580017
3. วรรณิษา แท่นดี 62123580029
4. ณัฐกานต์ ภิระภาค 62123580030
5. ณรัชช์สิตา ตรีเดช 62123580035
6. ณัฐริตา คงสมแก้ว 62123580040