การศึก ศึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study) เรื่อ รื่ ง ระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี น ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่5/3ภาคเรีย รี นที่2ปีก ปี ารศึก ศึ ษา2567 โรงเรีย รี นสกลนครพัฒ พั นศึก ศึ ษา
การศึก ศึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study) เรื่อ รื่ ง ระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี น 1.นางสาวฉัตฉัรเพชร รมย์รื่ ย์รื่น รื่ เลขที่ 19 2.นางสาวกันยา ประภาวนังนัเลขที่ 21 3.นายธนาทิป แสนทิ เลขที่ 24 รายงานเล่มนี้เ นี้ป็น ป็ ส่วส่นหนึ่ง นึ่ ของการศึก ศึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง (IS) รหัสหัวิชา I30201 ภาคเรีย รี นที่ 2 ปีก ปี ารศึก ศึ ษา 2567 โรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา สำ นักนังานเขตพื้น พื้ ที่การศึก ศึ ษามัธมัยมศึก ศึ ษาสกลนคร เสนอ จัดทำ โดย คุณคุครู ประภากร พรหมโสภา
ชื่อชื่วิจัย ระเบียบีบวินัยนัของโรงเรียรีน ชื่อชื่วิจัย ภาษาอังกฤษ school discipline ชื่อชื่ผู้วิผู้ วิจัย นางสาวฉัตรเพชร รมย์รื่ย์รื่นรื่เลขที่19 นางสาวกันยา ประภาวนังนัเลขที่21 นายธนาธิปธิแสนทิ เลขที่24 หน่วน่ยงาน โรงเรียรีนสกลนครพัฒพันศึกศึษา ระดับชั้นชั้มัธมัยมศึกศึษาปีที่ปี ที่ 5/3 ปีที่ปี ที่ทำ วิจัย 2567 บทคัดย่อย่ การวิจัยครั้งรั้นี้มีนี้จุมีจุดประสงค์ ดังนี้ เพื่อพื่ศึกศึษาเรื่อรื่งกฎระเบียบีบวินัยนัของโรงเรียรีนสกลนครพัฒพันศึกศึษา กฎระเบียบีบมีคมีวามสำ คัญต่อนักนัเรียรีน ใช้แช้บบการวิจัยเชิงชิแบบสำ รวจทั่วไป กลุ่มลุ่ตัวอย่าย่งเป็น ป็ นักนัเรียรีนโรงเรียรีนสกลนครพัฒพัน ศึกศึษา จำ นวน 60 คน ได้มาจากการสุ่มสุ่เก็บรวบรวมโดยใช้แช้บบสอบถาม วิเคราะห์ข้ห์อข้มูลมู โดยใช้สช้ถิติ แผนภูมิภูวมิงกลม และเปลี่ยนจากเปอร์เร์ซ็น ซ็ ต์เป็น ป็ จำ นวนคน สรุปผลการวิจัย ผลการวิจัยครั้งรั้นี้พนี้บว่ากฎระเบียบีบของโรงเรียรีนสกลนครพัฒพัน ศึกศึษาของสมัยมัก่อนจนถึงปัจปัจุบันบั ได้ผลสรุปว่ามีกมีารเปลี่ยนแปลงจากแต่ก่อนมามาก โดยกฎระเบียบีบสำ คัญต่อนักนัเรียรีนเนื่อนื่งด้วยกฎระเบียบีบเป็น ป็ ที่ขัดขัเกลานักนัเรียรีนระหว่างวัย ในการเติบโตเพื่อพื่ ให้เห้ข้าข้สังคมกับผู้อื่ผู้อื่นได้ ข้อข้เสนอแนะ การเก็บรวบรวมข้อข้มูลมูควรศึกศึษาจากกลุ่มลุ่เป้าป้หมายที่เป็น ป็ บุคคลากรภายใน โรงเรียรีนที่ต้องการศึกศึษาด้วย เพื่อพื่ ให้ไห้ด้ข้อข้มูลมูที่มีคมีวามถูกถูต้องและตรงตามจุดมุ่งมุ่หมายที่ ต้องการของผู้วิผู้ วิจัยมากที่สุด ควรทำ การศึกศึษาจากกลุ่มเป้าป้หมายที่มีคมีวามรู้เรู้รื่อรื่งกฎระเบียบีบในอดีต หรือรืผู้ที่ผู้ที่มี ความเกี่ยวข้อข้งกับโรงเรียรีนนั้นนั้ๆ เพื่อพื่ ให้ไห้ด้ข้อข้มูลมูที่ต้องการจะศึกศึษาซึ่งซึ่จะนำ มาเปรียรีบ เทียบ ระหว่างกฎระเบียบีบในอดีตและกฎระเบียบีบในปัจปัจุบันบั ได้ถูกถูต้องมากยิ่งยิ่ขึ้นขึ้ การเปรียรีบเทียบกฎระเบียบีบ ควรนำ ข้อข้มูลมูที่ได้จากการศึกศึษาและสอบถามมาเรียรีบ เรียรีงเป็น ป็ กลุ่ม หรือรืแบ่งบ่เป็น ป็ ข้อข้ต่างๆ เพื่อพื่ ให้ผู้ห้ที่ผู้ที่ต้องการจะศึกศึษาสามารถอ่านและ ทำ ความเข้าข้ใจได้ง่ายขึ้นขึ้ ควรนำ ข้อข้มูลมูที่ได้จากการศึกศึษา มาทำ เป็น ป็ แบบสอบถามเพื่อพื่เปรียรีบเทียบความ แตกต่างของกฎระเบียบีบ ระหว่างกฎระเบียบีบในอดีตและกฎระเบียบีบในปัจปัจุบันบั การสำ รวจความคิดเห็น ห็ และความต้องการของกลุ่มลุ่เป้าป้หมายที่ ต้องการจะศึกศึษา ควรกำ หนดขอบเขตของแบบสอบถามให้อห้ยู่ใยู่นเรื่อรื่งที่ผู้วิผู้ วิจัยต้องการ ศึกศึษา เพื่อพื่ ให้ไห้ด้คำ ตอบที่ตรงตามความต้องการของผู้วิผู้ วิจัย คำ สำ คัญ 1.กฎระเบียบีบ 2.โรงเรียรีน 3.วินัยนั ก
กิตติกรรมประกาศ โครงงานการศึกศึษาวิชาการศึกศึษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study) เรื่อรื่ง ระเบียบีบวินัยนัของโรงเรียรีน ภายในโรงเรียรีนสกลนครพัฒพันศึกศึษา อำ เภอเมือมืงสกลนคร จังหวัดสกลนคร ได้จัดทำ โครงงานเล่มนี้ขึ้นี้ขึ้นขึ้มาเพื่อพื่เป็น ป็ ส่วส่นหนึ่งนึ่ของการศึกศึษา ปีกปีาร ศึกศึษา 2566 สามารถดำ เนินนิ การจนสำ เร็จ ร็ ลุล่วงไปได้ด้วยดี เนื่อนื่งจากได้รับรัความอนุเนุคราะห์แห์ละสนับนัสนุนนุอย่าย่งดียิ่งยิ่ จาก ผู้ปผู้ ก ครอง ความร่วร่มมือมืของนักนัเรียรีนกลุ่มลุ่เป้าป้หมาย สมาชิกชิทุกทุคนภายในกลุ่มลุ่และ ขอขอบคุณคุคุณคุครู ประภากร พรหมโสภา อาจารย์ที่ย์ที่ปรึกรึษาในรายวิชา ที่ให้คห้วามรู้ ข้อข้คิด คำ แนะนำ และปรับรั ปรุงแก้ไขข้อข้บกพร่อร่งต่างๆ จนกระทั่งโครงงานเล่มนี้สำนี้สำเร็จ ร็ เรียรีบร้อร้ยด้วยดี คณะผู้จัผู้ จัดทำ ขอขอบคุณคุคุณคุครู ประภากร พรหมโสภา และขอขอบคุณคุนักนัเรียรีน โรงเรียรีนสกลนครพัฒพันศึกศึษาในการตอบแบบสอบถาม คณะผู้จัผู้ จัดทำ หวังว่าโครงงานการ ศึกศึษาเล่มนี้จนี้ะสามารถเป็น ป็ ประโยชน์ใน์ห้ผู้ห้ที่ผู้ที่สนใจได้ หากโครงงานการศึกศึษาเล่มนี้มีนี้ข้มีอข้ ผิดผิพลาดประการใด คณะผู้จัผู้ จัดทำ ขอรับรั ไว้ และกราบขออภัยทุกทุท่านมา ณ ที่นี้ด้นี้ ด้วย
สารบัญบั หน้าน้ ที่ บทที่ 1 บทนำบทที่ 2 ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อข้ ง บทที่ 3 วิธีกธี ารดำ เนินนิ งาน บทที่ 4 ผลการดำ เนินนิ งาน บทที่ 5 สรุปผลและอภิปราย 1-2 3-456-9 10-12
1.1 ความเป็น ป็ มาของวิจัย เนื่อ นื่ งจากเราต้องการศึก ศึ ษากฎระเบีย บี บของโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษาระหว่ากฏระเบีย บี บเก่า และกฎระเบีย บี บใหม่ว่ม่ ว่าแตกต่างจากเดิมหรือ รื ไม่ เพื่อ พื่ ใช้ใช้ นการศึก ศึ ษาหาคำ ตอบ และความคิดเห็น ห็ จากนักนัเรีย รี นกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมาย ในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษาในรายวิชา IS 1.2 วัตถุประสงค์ 1.2.1 เพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาเรื่อ รื่ งกฎระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา 1.2.2 กฎระเบีย บี บมีค มี วามสำ คัญต่อนักนัเรีย รี นอย่าย่งไร 1.3 สมมุติ มุติฐานการวิจัย 1.3.1หากนักนัเรีย รี นเข้า ข้ใจและยอมรับรักฎระเบีย บี บจะทำ ให้ภ ห้ ายใน โรงเรีย รี นอยู่ร่ยู่วร่มกันเป็น ป็ สุขสุ 1.3.2ตั้งกฎเข้ม ข้ งวดเพื่อ พื่ ลดปัญปัหาการขัดขัแย้ง ย้ 1.3.3กฎระเบีย บี บเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ทุกทุคนต้องมีแ มี ละเป็น ป็ ที่ขัดขัเกลาเพื่อ พื่ ให้เ ห้ ราไป เข้า ข้ สังสัคมใหญ่ไญ่ด้ 1.4 ขอบเขตของวิจัย 1.4.1.1 ขอบเขตด้านเนื้อ นื้ หา 1.4.1.2 หากไม่มีม่ก มี ฎระเบีย บี บภายในโรงเรีย รี นจะเป็น ป็ อย่าย่งไร 1.4.1.3 กฎระเบีย บี บสำ คัญอย่าย่งไร 1.4.1.3 ผลที่เกิดจากการที่นักนัเรีย รี นไม่เม่คารพกฎระเบีย บี บวินัยนั 1.4.1.5 แนวทางการควบคุมคุหากนักนัเรีย รี นไม่เม่คารพกฎ 1.4.2 ขอบเขตด้านพื้น พื้ ที่หรือ รื ระยะเวลา วิจัยดำ เนินนิ ในปีก ปี ารศึก ศึ ษา 2567 ณ โรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา ตำ บล งิ้ว ด่อน อำ เภอเมือ มื งสกลนคร จังหวัดสกลนคร บทนำ 1
1.5 ประโยชน์ที่ น์ที่คาดว่าจะได้รับ รั จากวิจัย 1.5.1นักนัเรีย รี นได้ทราบถึงคุณคุค่าของกฎระเบีย บี บวินัยนั 1.5.2นักนัเรีย รี นได้ทราบถึงการพัฒพันากฎระเบีย บี บเดิมแบบเดิมมาเป็น ป็ แบบใหม่ 1.6 นิยนิามศัพ ศั ท์เฉพาะ กฎระเบีย บี บจะกล่าวถึงสิ่งสิ่ที่ทำ ได้ว่าควรทำ หรือ รื ต้องทำ และสิ่งสิ่ที่ทำ ไม่ ได้ ว่าไม่คม่วรทำ หรือ รื ห้า ห้ มทำ สิ่งสิ่ที่อนุญนุาตให้ทำ ห้ ทำ ได้จะเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ดีหรือ รื มี ประโยชน์จึ น์ จึ งควรทำ สิ่งสิ่ที่ไม่อม่นุญนุาตให้ทำ ห้ ทำจะเป็น ป็ สิ่งสิ่ที่ไม่ดีม่ ดี หรือ รื มีโมี ทษจึงไม่ ควรทำ โรงเรีย รี น คือ สถานที่สำ หรับรั ฝึก ฝึ สอนนักนัเรีย รี นภายใต้การดูแดูลของครูหรือ รื อาจารย์ หลายประเทศมีร มี ะบบการศึก ศึ ษาอย่าย่งเป็น ป็ ทางการ ส่วส่นใหญ่เญ่ ป็น ป็ การ ศึก ศึ ษาภาคบังบัคับในระบบการเรีย รี นนี้ นักนัเรีย รี นจะผ่าผ่นโรงเรีย รี นตามลำ ดับ ชื่อ ชื่ ของโรงเรีย รี นเหล่านี้อ นี้ าจแตกต่างไปตามภาษาและประเทศ แต่โดยหลักจะมี โรงเรีย รี นประถมสำ หรับรัเด็กเล็ก และโรงเรีย รี นมัธมัยมสำ หรับรัเด็กโตที่ได้สำ เร็จ ร็ การศึก ศึ ษาระดับประถมมาแล้ว 2
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อ ข้ ง 3 วารสารวิทยบริกริารโรงเรีย รี นในเขตจอมทอง นางสาวปิยปิธิดธิา ศรี จินดา กล่าวถึงการประพฤติผิดผิกฎระเบีย บี บของนักนัเรีย รี นภายใน โรงเรีย รี น ที่มีวั มีวัตถุปถุระสงค์เพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาปัจปัจัยส่วส่นบุคคลภายในโรงเรีย รี น ปัจปัจัยด้านครอบครัวรัและสภาพแวดล้อมภายในโรงเรีย รี นที่มีค มี วาม สัมสัพันพัธ์กั ธ์ กับการประพฤติผิดผิกฎระเบีย บี บของนักนัเรีย รี น พบว่า สัมสัพันพัธภาพระหว่างนักนัเรีย รี นกับผู้ปผู้ กครอง มีค มี วามสัมสัพันพัธ์กั ธ์ กันทางลบ กับพฤติกรรมผิดผิระเบีย บี บวินัยนัของนักนัเรีย รี น แสดงว่านักนัเรีย รี นที่มี สัมสัพันพัธภาพที่ดีกับผู้ปผู้ กครองมาก งานนิพนินธ์ข ธ์ องมหาวิทยาลัยบูรพา นางสาวชลลดา สอนศิริศิริกล่าวถึง การวิจัยในครั้งรั้นี้มี นี้ วั มีวัตถุปถุระสงค์เพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาแนวทางการเสริมริสร้า ร้ งความ มีวิ มีวินัยนั ในตนเองของนักนัเรีย รี น พบว่า ควรมีกิ มีกิจกรรมที่เสริมริสร้า ร้ งความมี วินัยนั ในตนเอง เช่นช่กิจกรรมค่ายลูกลูเสือ สื และกิจกรรมค่ายคุณคุธรรม ปริญริญานิพนินธ์ข ธ์ องมหาวิทยาลัยศรีน รี ครินริทรวิโรฒ ธิดธิารัตรัน์ ธนะคําดี กล่าวถึงการพัฒพันาแบบวัดความมีวิ มีวินัยนั ในตนเอง พบว่า ความเที่ยงตรงเชิงชิโครงสร้า ร้ งของแบบวัดความมีวิ มีวินัยนั ในตนเองจาก การวิเคราะห์ องค์ประกอบ พบว่าแบบวัดทั้งฉบับบัข้อ ข้ ความและฉบับบั สถานการณ์มี ณ์ มี6 องค์ประกอบ คือด้านความรับรัผิดผิชอบ ด้านความ เชื่อ ชื่ มั่นมั่ ในตนเอง ด้านความอดทน ด้านความซื่อ ซื่ สัตสัย์ด้ ย์ ด้ านความเป็น ป็ ผู้นำผู้ นำและ ด้านการปฏิบัติบั ติามกฎระเบีย บี บของสังสัคม เป็น ป็ ไปตาม โครงสร้า ร้ งที่สงั เคราะห์ไห์ ว้
4 วิทยานิพนินธ์ข ธ์ องโรงเรีย รี นขยายโอกาสทางการศึก ศึ ษา จังหวัด พระนครศรีอ รี ยุธยา นางสาวเบญญาภา หลวงราช กล่าวถึงครูต้องให้ค ห้ วามรักรั ความเอื้ออาทร ดูแดูลเอาใจใส่ นักนัรีย รี นอย่าย่งสม่ำ เสมอรับรั ฟังฟัความคิดเห็น ห็ พร้อ ร้ มทั้งให้คำ ห้ คำ ปรึก รึ ษาแก่นักนัเรีย รี นทุกทุเรื่อ รื่ งประพฤติปฏิบัติบั ตินเป็น ป็ แบบอย่าย่งที่ดี รวมทั้งอบรมสั่งสั่สอน ให้นั ห้ กนัเรีย รี นตระหนักนัและเห็น ห็ ความสำ คัญของความมีวิ มีวินัยนั ในตนเองพ่อพ่แม่หม่รือ รื ผู้ปผู้ กครองตอ้งให้ค ห้ วามร่วร่มมือ มื กับทางโรงเรีย รี นในการพัฒพันา ความมีวิ มีวินัยนั ในตนเองของนักนัเรีย รี น โดยการเข้า ข้ ร่วร่มประชุมหรือ รื ร่วร่มกิจกรรม ต่าง ๆ ที่ทางโรงเรีย รี นจัด อีกทั้งดูแดูลเอาใจใส่ใส่ห้ค ห้ วามรักรัรับรั ฟังฟั ความคิดเห็น ห็ พร้อ ร้ มทั้งให้คำ ห้ คำ ปรึก รึ ษาแก่นักนัเรีย รี นทุกทุเรื่อ รื่ งและส่งส่เสริมริการ แสดงออกที่ถูกถูต้องและนักนัเรีย รี นต้องตระหนักนัและเห็น ห็ ความสำ คัญใน การพัฒพันาความมีวิ มีวินัยนั ในตนเองโดยการตั้งกฎเกณฑ์ในชีวิ ชีวิตประจำ วัน ประพฤติปฏิบัติบั ตินตามหลักศาสนาเข้า ข้ ร่วร่มงานประเพณีท ณี างศาสนาหรือ รื งานแสดงนิทนิรรศการต่างๆ ใช้เ ช้ วลาว่างในการแสวงหาความรู้เ รู้ ชื่อ ชื่ฟังฟัคำ สั่งสั่ สอนของพ่อพ่แม่คม่รูอาจารย์แ ย์ ละปฏิบัติบั ติามกฎระเบีย บี บของโรงเรีย รี น
บทที่3 ในการจัดทำ วิจัยวิชาการศึก ศึ ษาค้นคว้าอิสระ เรื่อ รื่ งกฎระเบีย บี บของ โรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา ผู้จัผู้ จัดทำ มีวิ มีวิธีดำ ธี ดำเนินนิงานตามขั้นขั้ตอนดังนี้ 3.1 วิธีดำ ธี ดำเนินนิการวิจัย 3.1.1 เลือกหัวหัข้อ ข้ ที่สนใจในการทำ โครงงานโดยศึก ศึ ษา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อ ข้ ง 3.1.2 นำ เสนอหัวหัข้อ ข้ โครงงานที่ได้จากการเลือก 3.1.3 วางแผนการจัดทำ โครงงาน 3.1.4 นำ เสนอเค้าโครงต่อครูที่ปรึก รึ ษา 3.1.5 สร้า ร้ งแบบฟอร์ม ร์ สอบถามนักนัเรีย รี นในโรงสกลนคร พัฒพันศึก ศึ ษา 3.1.6 นำ คำ ตอบที่ได้จากการจากแบบสอบถามมาสรุป เพื่อ พื่ หาคำ ตอบ 3.1.7 สรุปและอภิปรายผล 3.2 วิธีทำ ธี ทำ โครงงานวิจัยเรื่อ รื่ งกฎระเบีย บี บของโรงเรีย รี นสกลนครพัฒ พั น ศึก ศึ ษา 3.2.1 ตั้งประเด็นที่สนใจที่จะศึก ศึ ษา 3.2.2 นำ หัวหัข้อ ข้ ที่ได้ไปปรึก รึ ษาคุณคุครูที่ ปรึก รึ ษา 3.2.3 ตั้งกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายให้ชั ห้ ดชัเจนแล้วทำ แบบสอบถาม 3.2.4 นำ แบบสอบถามไปสำ รวจในกลุ่มลุ่ เป้า ป้ หมาย 3.2.5 นำ ข้อ ข้ มูลมูที่ได้จากการสำ รวจมาสรุป 3.2.6 รวบรวมคำ ตอบทั้งหมดแล้วนำ มา สรุปผลและอภิปรายผล วิธิดำธิ ดำเดินการวิจัย 5
บทที่ 4 ผลการดำ เนินนิงาน 4.1 การดำ เนินนิงาน 1) เพศของกลุ่ม ลุ่ เป็า ป็ หมายในการสำ รวจ วิจัยรายวิชา IS เพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาความคิดเห็น ห็ และเปรีย รี บเทียบกฎระเบีย บี บ จากกลุ่มลุ่นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษาระหว่างกฎระเบีย บี บเก่า และกฎระเบีย บี บใหม่ว่ม่ ว่ามีค มี วามแตกต่างไปจากเดิมหรือ รื ไม่ กลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายในการสำ รวจเพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาความคิดเห็น ห็ และเปรีย รี บเทียบ ภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษาระหว่างกฎระเบีย บี บเก่า และกฎระเบีย บี บ ใหม่ซึ่ม่ซึ่ง ซึ่ กลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายในการสำ รวจเป็น ป็ นักนัเรีย รี นในระดับชั้นชั้มัธมัยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่ 1 จนถึงระดับชั้นชั้มัธมัยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่ 6 จำ นวน 60 คน โดยมี นักนัเรีย รี นเพศหญิงญิ นักนัเรีย รี นเพศชาย และนักนัเรีย รี นเพศทางเลือก คิดเป็น ป็ เปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ ดังนี้ 6
2) ระดับชั้น ชั้ ของกลุ่ม ลุ่ เป้า ป้ หมายในการสำ รวจ จากการสำ รวจคำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี น สกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน คิดเป็น ป็ เปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ ดังนี้ ระดับชั้นชั้ม.1 13.3% ระดับชั้นชั้ม.2 13.3% ระดับชั้นชั้ม.3 18.3% ระดับชั้นชั้ม.4 10% ระดับชั้นชั้ม.5 25% และระดับชั้นชั้ม.6 20% 4.2 ผลการสำ รวจความคิดเห็น ห็ กลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายเป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน ได้ตอบคำ ถามจากแบบสอบถามในการสำ รวจความคิดเห็น ห็ คิดเป็น ป็ เปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ ดังนี้ แบบสำ รวจความคิดเห็น ห็ 1) ต้องการให้ส ห้ าวประเภทสองไว้ผมยาวตามเพศสภาพหรือไม่ 7
คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน มีเ มีปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ที่เห็น ห็ ด้วย คือ 91.7% และไม่เม่ห็น ห็ ด้วยอีก 8.3% 2) นัก นั เรีย รี นคิดอย่าย่งไรกับผู้หผู้ ญิงญิที่ตัดผมสั้น สั้ เหมือ มื นผู้ชผู้ าย คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน มีเ มีปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ที่เห็น ห็ ด้วย คือ 86.7% และไม่เม่ห็น ห็ ด้วยอีก 13.3% 3) นัก นั เรีย รี นคิดอย่าย่งไรที่ผู้หผู้ ญิงญิแต่งหน้า น้ มาโรงเรีย รี น คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน มีเ มีปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ที่เห็น ห็ ด้วย คือ 96.7% และไม่เม่ห็น ห็ ด้วยอีก 3.3% 8
4) ระเบีย บี บทรงผมสำ หรับ รั นัก นั เรียนที่เป็น ป็ สาวประเภทสองในสมัย มั ก่อนมี หรือ รื ไม่ 5) ระเบีย บี บทรงผมสำ หรับ รั นัก นั เรียนที่เป็น ป็ ทอมในสมัย มั ก่อนมีหรือไม่ คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน มีเ มีปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ที่ตอบว่ามี คือ 93.3% และไม่มีม่อี มี อี ก 6.7% คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายที่เป็น ป็ นักนัเรีย รี นภายในโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพัน ศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน มีเ มีปอร์เ ร์ ซ็น ซ็ ต์ที่ตอบว่ามี คือ 8.3% และไม่มีม่ มี91.7% 9
บทที่ 5 สรุปผลและอภิปราย 10 การศึก ศึ ษาเรื่อ รื่ ง ระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี น ซึ่ง ซึ่ ระเบีย บี บวินัยนันั้นนั้มีค มี วาม สำ คัญต่อการอยู่ร่ยู่วร่มกันของมนุษนุย์ใย์ นสังสัคมที่มีผู้ มี คผู้ นเป็น ป็ จำ นวนมากและความ แตกต่างกันของแต่ละคน ทั้งด้านความคิด ทัศนคติ และนิสันิยสัที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นนั้ระเบีย บี บวินัยนัจึงมีค มี วาใสำ คัญในการอยู่ร่ยู่วร่มกันของคนในสังสัคม อาทิเช่นช่การใช้ก ช้ ฏระเบีย บี บเพื่อ พื่ ควบคุมคุดูแดูลความเรีย รี บร้อ ร้ ยของนักนัเรีย รี น ภายในโรงเรีย รี น โดยมีวั มีวัตถุปถุระสงค์เพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาเรื่อ รื่ งกฎระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา และเพื่อ พื่ ศึก ศึ ษาว่ากฎระเบีย บี บมีค มี วามสำ คัญต่อนักนัเรีย รี นอย่าย่งไร เครื่อ รื่ งมือ มื ที่ใช้ใช้ นการ ศึก ศึ ษาและเก็บรวบรวมข้อ ข้ มูลมูได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็น ห็ Google From โดยได้รับรัการชี้แ ชี้ นะจากคุณคุครูผู้สผู้ อน กลุ่มลุ่เป้า ป้ หมายในการศึก ศึ ษา ได้แก่ กลุ่มลุ่นักนัเรีย รี นระดับชั้นชั้มัธมัยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่ 1 ถึงระกับชั้นชั้มัธมัยมศึก ศึ ษาปีที่ ปี ที่ 6 ภายใน โรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษา จำ นวน 60 คน โดยนำ ข้อ ข้ มูลมูที่ได้จากการศึก ศึ ษา และคำ ตอบจากแบบสอบถามความคิดเห็น ห็ มาวิเคราะห์ให์ นรูปแบบ แผนภูมิภูมิ วงกลม 5.1.1 ผลการศึก ศึ ษาระเบีย บี บวินัย นั ของโรงเรีย รี นจาก แบบสอบถามความคิดเห็น ห็ พบว่าข้อ ข้ มูลมูที่ได้จากแบบสอบถามความคิดเห็น ห็ Google From ซึ่ง ซึ่ ส่วส่น ใหญ่นั้ญ่นั้นั้คำ ตอบจากกลุ่มลุ่เป็า ป็ หมายเห็น ห็ ด้วยกับการลงโทษผู้ที่ผู้ที่ไม่ทำม่ ทำตามกฎ ระเบีย บี บของโรงเรีย รี น เช่นช่ทรงผมไม่ถูม่กถูระเบีย บี บ การแต่งกายที่ไม่ถูม่กถูระเบีย บี บ และไม่เม่รีย รี บร้อ ร้ ย โดยผู้ศึผู้ ก ศึ ษาได้กำ หนดขอบเขตของการศึก ศึ ษา คือ การนำ กฎ ระเบีย บี บในอดีตมาศึก ศึ ษาและหาความเปลี่ยนแปลงของกฎระเบีย บี บภายใน โรงเรีย รี นสกลนครพัฒพันศึก ศึ ษาที่เปลี่ยนแปลงมาจนถึงในปัจปัจุบันบั โดย แบบสอบถามความคิดเห็น ห็ Google From แบ่งบ่ออกเป็น ป็ 3 ส่วส่น ดังนี้ 5.1 สรุปผลการศึก ศึ ษา ส่วส่นที่ 1 ข้อ ข้ มูล มู พื้น พื้ ฐานของกลุ่ม ลุ่ เป็า ป็ หมาย ได้แก่ 1.ระดับชั้นชั้คือ ระดับชั้นชั้ของกลุ่มลุ่เป้า ป้ หมาย 2.เพศ เช่นช่เพศหญิงญิเพศชาย และเพศทางเลือก 3.อาชีพ ชี เช่นช่นักนัเรีย รี น บุคลากรทางการศึก ศึ ษา
11 ส่วส่นที่ 2 แบบสำ รวจความคิดเห็น ห็ ได้แด่ 1.ต้องการให้ส ห้ าวประเภทสองไว้ผมยาวตามเพศสภาพหรือ รื ไม่ 2.นักนัเรีย รี นคิดอย่าย่งไรกับผู้หผู้ ญิงญิที่ตัดผมสั้นสั้เหมือ มื นผู้ชผู้ าย 3.นักนัเรีย รี นคิดอย่าย่งไรที่ผู้หผู้ ญิงญิแต่งหน้า น้ มาโรงเรีย รี น 4.คิดิย่าย่งไรกับการแต่งดายผิดผิระเบีย บี บ 5.คิดอย่าย่งไรกับการนมาสาย และถูกถูลงโทษ ควรแก้ไขอย่าย่งไร และการที่มาสายโดยมีเ มี หตุผตุลควรแก้ไขอย่าย่งไร ส่วส่นที่ 3 แบบสำ รวจความคิดเห็น ห็ 1. ต้องการให้ส ห้ าวประเภทสองไว้ผมยาวตามเพ 2.นักนัเรีย รี นคิดอย่าย่งไรที่ผู้หผู้ ญิงญิแต่งกน้า น้ 5.1.2 ประโยชน์ข น์ องการศึก ศึ ษาและความพึง พึ พอใจ แบบประเมินมิความพึง พึ พอใจ และด้านประโยชน์ก น์ ารนำ ข้อ ข้ มูลมูที่ได้ศึก ศึ ษา ไปใช้ปช้ ระโยชน์ โดยเกณฑ์การพิจพิารณามีดั มี ดังนี้ 5.1.2.1 เกณฑ์การให้ค ห้ ะแนน ได้กำ หนดเกณฑ์การให้ค ห้ ะแนนไว้ 5 ระดับ ดังนี้ 5 คะแนน หมายถึง ระดับความพึง พึ พอใจ/สามารถนำ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ไน์ ด้ดีมาก 4 คะแนน หมายถึง ระดับความพึง พึ พอใจ/สามารถนำ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ไน์ ด้ดี 3 คะแนน หมายถึง ระดับความพึง พึ พอใจ/สามารถนำ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ไน์ ด้ปาน กลาง 2 คะแนน หมายถึง ระดับความพึง พึ พอใจ/สามารถนำ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ไน์ ด้น้อ น้ ย 1 คะแนน หมายถึง ระดับความพึง พึ พอใจ/สามารถนำ ไปใช้ปช้ ระโยชน์ไน์ ด้น้อ น้ ย ที่สุดสุ
ในการศึก ศึ ษาเพื่อ พื่ เปรีย รี บเทียบกฎระเบีย บี บ และการศึก ศึ ษาปัญปัหาด้าน ระเบีย บี บวินัยนัเรีย รี นโดยใช้รู ช้รูปแบบการเรีย รี นรู้แ รู้ บบโครงงานเรื่อ รื่ ง ระเบีย บี บ วินัยนัของโรงเรีย รี น วัตถุปถุระสงค์เพื่อ พื่ เปรีย รี บเทียบกฎระเบีย บี บในสมัยมัก่อน กับกฎระเบีย บี บในปัจปัจุบันบัและศึก ศึ ษาความคิดเห็น ห็ ด้านกฎระเบีย บี บวินัยนั ภายในโรงเรีย รี น การจัดทำ โครงงานเรื่อ รื่ ง ระเบีย บี บวินัยนัของโรงเรีย รี นผู้วิผู้ วิจัยได้ทำ การ สร้า ร้ งแบบสอบถามความคิดเห็น ห็ ขึ้น ขึ้ มา เพื่อ พื่ ใช้เ ช้ป็น ป็ เครื่อ รื่ งมือ มื ในการศึก ศึ ษา และนำ มาเปรีย รี บเทียบ ระหว่างกฎระเบีย บี บในสมัยมัก่อนกับกฎระเบีย บี บใน ปัจปัจุบันบัรวมถึงปัญปัหาด้วยระเบีย บี บวินัยนัต่างๆ ได้แก่ ระเบีย บี บวินัยนัของทรง ผม ระเบีย บี บวินัยนัการมาโรงเรีย รี นสาย ระเบีย บี บวินัยนัการแต่งกายและการ แต่งหน้า น้ มาโรงเรีย รี น 5.2 อภิปรายผล 5.1.2.2 ตารางแบบประเมินมิความพึง พึ พอใจ ประเด็น ระดับความพอใจ 5 4 3 2 1 1.ความสำ คัญของระเบีย บี บ วินัยนัที่ผู้ศึผู้ ก ศึ ษาได้กล่าวไป 2.ประโยชน์ที่ น์ที่ได้รับรัจากการ ศึก ศึ ษา 3.ความรู้ค รู้ วามเข้า ข้ใจที่ได้ จากการศึก ศึ ษา 12
บรรณานุก นุ รม นางสาวปิยปิธิดธิา ศรีจิ รีจินดา วารสารวิทยบริกริารโรงเรีย รี นในเขตจอมทอง:จาก https://journal.oas.psu.ac.th/index.php/asj/article/viewFile/2/1 นางสาวชลลดา สอนศิริศิริงานนิพนินธ์ข ธ์ องมหาวิทยาลัยบูรพา:จาก https://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/57921040.pdf ธิดธิารัตรัน์ ธนะคําดี ปริญริญานิพนินธ์ข ธ์ องมหาวิทยาลัยศรีน รี ครินริทร์วิ ร์ วิโรฒ:จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Ed_Mea/Thidarat_T.pdf นางสาวเบญญาภา หลวงราช วิทยานิพนินธ์ข ธ์ องโรงเรีย รี นขยายโอกาสทางการ ศึก ศึ ษา จังหวัดพระนครศรีอ รี ยุธยา:จาก http://ithesisir.su.ac.th/dspace/bitstream /123456789/1434/1/56260315.pdf 13
ภาคผนวก
เครื่อ รื่ งมือ มื ที่ใช้ใช้ นการสำ รวจ