โคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ
อ่านว่า โคลง-โลก-กะ-นิด
คือ โคลงที่ว่าด้วยเรื่องกฎของโลก
เป็นวรรณคดีคำสอนในการดำเนินชีวิต
เน้นเตือนสติผู้อ่าน และกล่าวถึงความเป็นจริง
ของมนุษย์
ผู้แต่ง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
- เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๓๓๖
- เป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒
- สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๔
พระชันษารวม ๖๗ ปี
- เป็นต้นตระกูล "เดชาติวงศ์"
ลักษณะคำประพันธ์
แต่งโดยโคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่สุภาพ คือ โคลงกลอนชนิดหนึ่งที่มีเสนห์
ในการบังคับคำที่เป็น "เสียงเอก" และ "เสียงโท"
แผ่นศิลาจารึกโคลงโลกนิติ
ที่วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม
โคลงโลกนิติ
สมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร ทรงชำระขึ้นใหม่ ๒ บท คือ
อัญขยมบรมเรศน์เรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง
คำศัพท์
๑. อัญขยม หมายถึง คำที่กวีใช้แทนตนเอง
๒. บรมนเรศน์ หมายถึง ผู้เป็นใหญ่, พระเจ้าแผ่นดิน
๓. รามวงศ์ หมายถึง เชื้อสายหรือเผ่าพันธุ์ของพระราม
๔. ไผท หมายถึง แผ่นดิน
๕. ไท้ หมายถึง ผู้เป็นใหญ่
๖. โอวาท หมายถึง คำสั่ง, คำสอน
๗. พระผ่านแผ่นไผททรง หมายถึง รัชกาลที่ ๓
ความหมาย
อัญขยมบรมเรศร์เรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง
ผู้แต่ง (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร)
ได้รับพระบรมราชโองการจากรัชกาลที่ ๓
ให้รวบรวมคำสอนที่มีประโยชน์ เพื่อนำมาให้ประชาชนได้อ่าน
โคลงโลกนิติ
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภสิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ
คำศัพท์
๑. ครรโลง หมายถึง โคลง, แบบอย่างคำประพันธ์
๒. พร้อง หมายถึง พูด, กล่าว, ร้อง
๓. สุภสิต หมายถึง สุภาษิต
๔. กลดั่ง หมายถึง เหมือนกับ, เปรียบได้กับ
๕. เวี่ย หมายถึง คล้อง, ทัดไว้
๖. กรรณ หมายถึง หู
ความหมาย
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภสิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ
โคลงโลกนิตินี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นสุภาษิตที่ควรจดจำ
เปรียบเป็นเครื่องประดับหู
คุณค่าของวรรณคดี
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
โคลงโลกนิติ มีความโดนเด่นด้านการใช้อุปมา
เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่นำมาเปรียบเทียบนั้นมีสภาพต่างกัน
เพื่อให้ผู้อ่านเห็นถึงความแตกต่าง และเข้าใจได้ง่าย
โคลงโลกนิติ
มิตรพาลอย่าคบให้ สนิทนัก
พาลใช่มิตรอย่ามัก กล่าวใกล้
ครั้นคราวเคียดคุมชัก เอาโทษ ใส่นา
รู้เหตุสิ่งใดไซร้ ส่อสิ้นกลางสนาม
กลางสนาม หมายถึง ในที่ชุมชน
อย่าชิดใกล้สนิทกับคนพาล เพราะคนพาลจะไม่มีความเป็นเพื่อน
นึกเคืองเราเมื่อใดก็จะหาเรื่องเรา รู้ความลับใดก็จะเอาไปเปิดเผย
โคลงโลกนิติ
รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ
ชเล หมายถึง ทะเล
คนหลงน้อยแต่หลงคิดว่ารู้มาก ก็เหมือนกับกบที่อยู่ในสระ
ไม่เคยเห็นทะเล จึงคิดว่าน้ำในสระนี้มีมากแล้ว
โคลงโลกนิติ
พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา กำหนด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง ฯ
สายดิ่ง หมายถึง เครื่องมือวัดระยะความลึกหรือระยะทางตรงจากบนลงล่าง
แม้มหาสมุทรจะลึกเพียงใดก็ตาม มนุษย์ก็สามารถวัดความลึกได้
ขุนเขาแม้จะสูงสุดฟ้าก็วัดความสูงได้ แต่จิตใจมนุษย์ลึกเกินจะวัดได้
โคลงโลกนิติ
รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบัง
คนที่รักกันแม้จะอยู่ห่างกันสุดหล้าฟ้าเขียว ก็เหมือนอยู่ใกล้กัน
กับคนที่เกลียดกัน แม้จะอยู่ใกล้ ก็เหมือนมีขอบฟ้า ป่า เขา มาบดบัง
โคลงโลกนิติ
สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้ อ ในตน
กินกัดเนื้ อเหล็กจน กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเอง
ขร้ำ (คร่ำ) หมายถึง เก่ามาก
ผลที่เกิดขึ้นกับเราย่อมมีผลมาจากการกระทำของเราทั้งดีและชั่ว
ย่อมกัดกร่อนใจเปรียบเมหือนสนิทที่ กัดกร่อนเนื้ อเหล็ก
โคลงโลกนิติ
นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหัว ไพเพิด
ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยันฯ
ขนน้อย หมายถึง หามาเพียงเล็กน้อย
ไพ (ไยไพ) หมายถึง เยาะเย้ย
เพิด หมายถึง ขับไล่
นกตัวเล็ก ๆ เรี่ยวแรงน้อย จึงหากิ่งไม้ไปทำรังแค่พอตัวเมียผัว
เกิดเป็นคนจะทำสิ่งใดต้องเหมาะกับกำลังตน อย่าให้ใครมาดูหมิ่น
โคลงโลกนิติ
เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม
เรายากหากใจงาม อย่าเครียด
อุตสาห์พยายาม การกิจ
เอาเยี่ยงอย่างเพื่ อนบ้าน อย่าท้อทำกิน
มี หมายถึง ร่ำรวย
ยาก หมายถึง ยากจน
เยี่ยง หมายถึง อย่าง
เมื่อเห็นผู้อื่นมั่งมีกว่าก็ไม่ควรโลภ ไม่ควรอยากมีตามคนอื่น
แม้จะยากจนก็หมั่นทำกิน อย่าเกียจคร้าน ให้ใช้อย่างพอเพียง
โคลงโลกนิติ
คุณแม่หนักหนาเพี้ยง พสุธา
คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง
คุณพี่พ่างศิขรา เมรุมาศ
คุณพระอาจารย์อ้าง อาจสู้สาคร
พ่าง หมายถึง เปรียบได้กับ
ศิขรา หมายถึง ยอดเขา
พระคุณของแม่เปรียบเหมือนแผ่นดิน พระคุณพ่อเปรียบเหมือนอากาศ
พระคุณพี่นั้นสูงเท่ายอดเขาสุเมรุ และพระคุณครูเปรียบเท่ากับความลึกแม่น้ำ
โคลงโลกนิติ
ก้านบัวบอกลึกตื้ น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
โฉด หมายถึง โง่, เขลา
เรื้อ หมายถึง ร้าง
ความยาวของก้านบัวบอกความลึกของสระได้ มารยาทบอกถึงชาติตระกูล
ว่าบุคลลนั้น ฉลาด เขลา ชั่วหรือเลว เหมือนหญ้าที่บอกถึงความสมบูรณ์ของดิน
ตรงกับสำนวนสำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล
โคลงโลกนิติ
โคควายวายชีพได้ เขาหนัง
เป็นสิ่งอันยัง อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง ขารร่าง
เป็นชื่อเสียงได้ แต่ร้ายกับดี
เด็ด หมายถึง ตาย
เมื่อวัวตายไปเราจะได้เขาและหนัง ถ้าคนตายไม่มีสิ่งใดเหลือ
นอกจากความดีและชั่ว เลหือให้คนจดจำ
โคลงโลกนิติ
น้ำใช้ใส่ตุ่มตั้ง เต็มดี
น้ำอบอ่าอินทร์ อย่าผร้อง
น้ำปูนใส่เต้ามี อย่าขาด
น้ำจิตอย่าให้ข้อง ขัดน้ำใจใครฯ
ผร้อง หมายถึง ลดลง เป็นคำโทโทษของคำว่า พร่อง
เต้า หมายถึง ภาชนะที่ใส่ปูน รูปทรงกระบอก เรียกว่า เต้าปูน
น้ำใช้หมั่นตักไว้ให้เต็มตุ่ม น้ำอบชวนให้ชื่นชุ่มใช้แต่งตัวอย่าให้พร่อง
น้ำปูนจงหมั่นใส่เต้าไว้อย่าให้แห้ง น้ำจิตก็อย่าได้แกล้งให้ขุ่นขัดใจเขา
โคลงโลกนิติ
เพื่อนกิน สิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี
หาง่าย หลายหมื่นมี มากได้
เพื่อนตาย ถ่ายแทนชี- วาอาตม์
หากยาก ฝากผีไข้ ยากแท้จักหา
ถ่ายแทนชีวาอาตม์ หมายถึง ตายแทนได้
เพื่อนกินเมื่อเราสิ้นทรัพย์แล้วก็หนีหาย ซึ่งมีมากมาย หาได้ง่าย
แต่เพื่ อนตายมีไว้ฝากผีไข้นั้นหายาก
โคลงโลกนิติ
อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย
หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่ นใกล้
ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา
สุริยาส่องดาราไซร้ เพื่ อร้อนแรงแส
มาน หมายถึง มี
ศศิ หมายถึง ดวงจันทร์
คนที่พูดจาดีย่อมมีเพื่อนมาก เหมือนดวงจันทร์ที่มีจำนวนมาก
ประดับรายล้อม ต่างกับคนที่พูดหยาบคาย ไม่มีใครคบค้าด้วย
เหมือนดวงอาทิตย์ที่ บดบังแสงดาวดวงอื่ น
คุณค่าของวรรณคดี
คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑. นำธรรมชาติและสิ่งใกล้ตัวมาเปรียบเทียบ
๒. ใช้คู่เปรียบตรงข้าม ให้เห็นความหมายต่างกันชัดเจน
๓. ใช้คำที่เข้าใจง่าย ให้เข้าใจคำสอนได้เร็ว
๔. เล่นคำซ้ำต้นบาท ให้เกิดความไพเราะ
คุณค่าของวรรณคดี
คุณค่าด้านข้อคิด
โคลงโลกนิติเป็นวรรณคดีที่มุงให้ข้อคิดเตือนใจ ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ
พฤติกรรมคนในสังคม มุ่งสอนให้เป็นคนดีและปฏิบัติตนถูกต้อง
เหมือนที่บทประพันธ์ทุกบทที่มีข้อคิดคติเตือนใจสอดแทรกอยู่ เพื่อให้ไปปรับ
ใช้ในการดำรงชีวิต