เอกสารประกอบการสอน
รายวิชาการผลิตไมด้ อกไม้ประดับเชิงธุรกจิ รหัสวิชา 29-4501-3006
ณชิ ารยี ์ เผ่าพงศ์วนา
แผนกวชิ าพืชศาสตร์ วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยเี ชยี งใหม่
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา
คำนำ
เอกสารประกอบการสอนในรายวิชาการผลิตไม้ดอกไม้ประดับเชิงธุรกิจนี้ ได้เรียบเรียงข้ึนสาหรับ
นักศึกษาหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช(ต่อเนื่อง) เพื่อประกอบการเรียนโดยผู้
เรียบเรยี งได้เลอื กไมด้ อกไมป้ ระดบั ท่มี ีศกั ยภาพการผลติ ในเชิงการคา้ เป็นส่วนใหญ่ ซงึ่ ประกอบดว้ ยขอ้ มลู ท่วั ไป
วสั ดุอปุ กรณ์ การขยายพันธุ์ วธิ กี ารผลติ และการดแู ลรักษา การนาไปใชป้ ระโยชน์
เอกสารประกอบการสอนนี้ได้รวบรวมและเรียบเรียงจากตารา เอกสารทางวิชาการต่างๆ และ
ประสบการณต์ รงจากการผลิตไม้ดอกไม้ประดับของผู้เรียบเรยี นเอง ผู้เรยี บเรยี นยนิ ดีน้อมรับขอ้ เสนอแนะเพื่อ
นาไปแก้ไขปรับปรุงใหส้ มบูรณย์ งิ่ ขึน้
ณิชารีย์ เผา่ พงศ์วนา
พฤศจิกายน 2562
สารบญั หนา้
1
หน่วย
หน่วยท่ี 1 บทนา 4
หนว่ ยที่ 2 การผลติ ไม้ดอกกระถาง 8
11
2.1 ทานตะวนั พนั ธุ์เต้ยี 18
2.2 บานชนื่ หนู 20
2.3 เบญจมาศกระถาง 22
2.4 ผีเสอ้ื 25
2.5 แพนซ่ี 28
2.6 ดาวเรอื งฝรง่ั เศส 32
2.7 แววมยรุ า 35
2.8 พทิ ูเนยี
2.9 ลนิ้ มงั กร 38
2.10 แวววิเชียร 41
หน่วยที่ 3 การขยายพันธไุ์ มด้ อกไมป้ ระดบั 43
3.1 ตดิ ตากุหลาบ 45
3.2 ปักชาใบบิโกเนียกรีดเส้นใบเป็นแผล 47
3.3 ปักชาใบบิโกเนยี ตัดเปน็ ชิน้ เลก็
3.4 ปักชาใบกหุ ลาบหิน
บรรณานกุ รม
1
บทนำ
สถำนกำรณก์ ำรผลิตกำรตลำดไมด้ อกไม้ประดับของไทย
คุณพิสมยั พงึ่ วิกรัย ผูอ้ านวยการกลุ่มสง่ เสรมิ ไม้ดอกและไม้ประดบั ให้ข้อมลู ว่าไมด้ อกไม้ประดบั เป็น
กลุ่มพืชที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจท่ีมีความสาคัญกลุ่มหน่ึง และมีนโยบายในการ
ส่งเสรมิ และพฒั นาการผลิตมาโดยตลอด ซ่ึงปี 2559 ไม้ดอกไม้ประดับมีพื้นทก่ี ารผลติ 70,000 ไร่ มเี กษตรกรผู้
ปลูกกวา่ 16,000 ครัวเรอื น คาดการณว์ ่า ปี 2560 พนื้ ท่ปี ลูกไม้ดอกไม้ประดบั ลดลงจากปีทผี่ ่านมาเลก็ นอ้ ย
ชนิดไม้ดอกไม้ประดับที่สาคัญ ได้แก่ กล้วยไม้ตัดดอก พ้ืนที่ปลูก 20,629 ไร่ มะลิเด็ดดอก พื้นท่ีปลกู
9,500 ไร่ ดาวเรือง พื้นที่ปลูก 9,500 ไร่ รัก พ้ืนที่ปลูก 5,339 ไร่ บัวหลวง พ้ืนท่ีปลูก 3,048 ไร่ จาปี-จาปา
พื้นที่ปลูก 2,143 ไร่ กุหลาบ พื้นท่ีปลูก 4,500 ไร่ บัว พื้นที่ปลูก 5,500 ไร่ เบญจมาศ พ้ืนท่ีปลูก 2,000 ไร่
สาหรับไม้ประดับ ซ่ึงประกอบด้วย ไม้ดอกกระถาง ไม้ใบกระถาง ไม้จัดสวน ไม้ชาถุง มีพ้ืนท่ีปลูกรวม 23,962
ไร่ และไมต้ ดั ใบมีพ้ืนท่ปี ลูก 1,038 ไร่
แหล่งผลิตไม้ดอกไม้ประดับกระจายในท่ัวทุกภาคของไทย ซึ่งในแต่ละภูมิภาคมีสภาพภูมิอากาศ
เหมาะสมตอ่ การปลกู ไม้ดอกไมป้ ระดบั แต่ละชนิดตา่ งกนั ไป คอื
– ภาคเหนือ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตในภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ผลิตไม้ตัด
ดอกเมืองหนาว ได้แก่ กุหลาบ เบญจมาศ คาร์เนชั่น ส่วนภาคเหนือตอนล่าง มีการผลิตไม้เด็ดดอก เช่น มะลิ
ดาวเรือง ท่ีจงั หวดั นครสวรรค์ กาแพงเพชร
– ภาคกลาง ได้แก่ นนทบุรี กรุงเทพฯ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี มีการปลูก กล้วยไม้
หนา้ ววั บวั ดาหลา ธรรมรกั ษา ขงิ แดง และไมป้ ระดับ เช่น อโกลนมี า ชวนชม บอนสี ฟิโลเดนดรอน พุทธรักษา
ปาล์ม ลลี าวดี หมากแดง
– ภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ไดแ้ ก่ หนองคาย ขอนแกน่ อุดรธานี นครราชสีมา นครพนม ปลกู ไม้ดอก
เมอื งร้อน เช่น ดาวเรือง มะลิ บัว
– ภาคตะวันตก ได้แก่ สมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี สพุ รรณบรุ ี กาญจนบุรี ปลกู กล้วยไม้ บัว ดาหลา
ธรรมรักษา ขิงแดง ไม้ตดั ใบทผี่ ลติ ได้แก่ เฟิน โปร่งฟา้ หมากผู้หมากเมยี ฟโิ ลเดนดรอน เต่ารา้ ง
– ภาคตะวนั ออก ได้แก่ นครนายก ปราจีนบรุ ี ชลบุรี ปลกู ไมป้ ระดับชาถุง ไม้ขดุ ลอ้ ม และกล้วยไม้
– ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบ่ี พัทลุง ปลูก กล้วยไม้ หน้าวัว บัว ส่วนจังหวัดยะลา มีการปลูก
เบญจมาศ บนเทอื กเขาในอาเภอเบตง
“ไม้ดอกไม้ประดับ ในเชิงของไม้เด็ดดอกภายในประเทศ ปริมาณการผลิตค่อนข้างคงตัว เพราะ
ส่วนมากจะเน้นใช้เพ่ือบูชาและเทศกาลงานต่างๆ ก็ทาให้จานวนของไม้ตัดดอกหรือเด็ดดอกในเรื่องของ
การตลาดไม่ผันผวนมาก และอย่างไม้ดอกที่ผ่านมาอย่างดาวเรอื ง เม่ือปี 59 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการปลูกเพ่ิมและ
ตลาดค่อนขา้ งมาก จงึ ทาใหห้ ลายพื้นทห่ี ันมาปลูกดาวเรอื งเพม่ิ มากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการถาวร เป็นการปลกู เพ่ือ
สร้างรายได้ระยะส้นั เท่านัน้ ” คุณพสิ มยั กล่าว
ด้ำนกำรส่งออกไม้ดอกไม้ประดับของไทย
ปี 2560 ที่ผ่านมามลู ค่าการส่งออกของไม้ดอกไม้ประดบั มมี ูลค่าลดลงกวา่ ปี 2559 เลก็ น้อย อันเกิดมา
จากสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยได้รับจากการสารวจจากเกษตรกรผู้ท่ีเป็นโลกค้าจากต่างประเทศ มาติดต่อดู
สินค้าน้อยลงกว่าท่ีเคยเป็น จึงทาให้การส่งออกค่อนข้างชะลอตัวลงไปบ้าง โดยเฉพาะประเทศทางยุโรป
อเมริกา ญี่ปุ่น สภาพเศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน สาหรับปี 2559 ประเทศไทยมีผู้ส่งออก
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศว์ นา
2
ไม้ดอกไม้ประดับกวา่ 300 ราย มีมูลค่าส่งออกไม้ดอกไม้ประดับรวม 3,760 ล้านบาท ประกอบด้วย กล้วยไม้
2,582 ล้านบาท (กล้วยไมต้ ัดดอก 2,312 ล้านบาท ก่ิงชา ต้นกล้า ต้นกล้วยไม้ 270 ล้านบาท) ไม้ประดับอ่นื ๆ
674 ล้านบาท ไม้ตัดใบ 236 ล้านบาท ไม้ตัดดอก อ่ืนๆ 167 ล้านบาท ไม้หัว 86 ล้านบาท เมล็ดไม้ดอก 15
ล้านบาท ตลาดที่สาคัญ คือ ญ่ีปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน และอินเดีย สาหรับปี 2560 (ข้อมูลเดือน
มกราคม – ตุลาคม 2560 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปี 2559) คาดว่ามูลค่าลดลงกว่าปีที่ผ่านมา
เลก็ นอ้ ย
กำรนำเขำ้ ไมด้ อกไมป้ ระดบั ของไทย
ปี 2559 ประเทศไทยนาเขา้ ไมด้ อกไมป้ ระดับรวมมูลค่า 1,214 ล้านบาท ประกอบดว้ ย กลว้ ยไม้ 16.3
ลา้ นบาท (กง่ิ ชา ตน้ กล้า ต้นกลว้ ยไม้ 15.8 ลา้ นบาท กล้วยไม้ตดั ดอก 0.5 ล้านบาท) ไมป้ ระดับอื่นๆ 180 ล้าน
บาท ไม้ตัดดอกอ่ืนๆ 943 ล้านบาท ไม้ตัดใบ 12 ล้านบาท ไม้หัว 20 ล้านบาท เมล็ดไม้ดอก 42 ล้านบาท
ประเทศท่ีไทยนาเข้ามากลาดับแรกๆ คือ มาเลเซีย สาธารณรัฐประชาชนจีน คอสตาริกา ไต้หวัน และ
เนเธอร์แลนด์ โดยส่วนใหญ่นาเข้าดอกเบญจมาศจากมาเลเซีย ดอกไม้สดอื่นๆ จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
เนเธอร์แลนด์ ไม้ประดับจากคอสตาริกา ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ ไม้หัวจากเนเธอร์แลนด์ เมล็ดไม้ดอกจาก
แทนซาเนียและกัวเตมาลา
ปญั หำกำรผลติ และตลำดไมด้ อกไมป้ ระดับ
1. ด้านการผลิต
– เกษตรกร ขาดการวางแผนการผลิต และศึกษาความต้องการของตลาด ทาให้ปริมาณผลผลิตไม่
สอดคล้องกบั ความต้องการของตลาด
– แรงงานเริ่มหายากและมีค่าจ้างสงู ขึ้น
– ปัจจัยการผลิตโดยเฉพาะปุ๋ย สารเคมีป้องกันกาจัดศัตรูพืช มีราคาสูงขึ้น ในขณะที่ราคาผลผลิตยัง
คงทห่ี รือต่าลง
– มีปรมิ าณและคณุ ภาพไม่สมา่ เสมอ
– ขาดไมด้ อกพันธุใ์ หม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเน่อื ง เพื่อกระตนุ้ ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค
2. ดา้ นการตลาดภายในประเทศ
– ขาดตลาดกลางไม้ดอกไมป้ ระดับทีม่ ีมาตรฐาน ทาใหผ้ ลผลิตไม้ดอกไมป้ ระดบั เสื่อมคุณภาพเร็ว มีผล
ทาใหร้ าคาตกต่า
– ระบบขนส่งและการบรรจุหีบห่อจากสวนมายังตลาดขายส่ง และจากตลาดขายส่งไปยังผู้ใช้
ปลายทางไมเ่ หมาะสม ส่งผลให้ผลผลิตมคี ณุ ภาพต่าเม่ือถึงปลายทาง
– เกษตรกรยังไม่ให้ความสาคัญในการนาเสนอสินค้าให้สวยงาม มีคุณค่า เพ่ือเพิ่มมูลค่าไม้ดอกไม้
ประดบั สว่ นใหญ่จาหน่ายผลผลิตในลักษณะคละเกรด กรณีเป็นไมด้ อกกระถาง ไมถ้ งุ ภาชนะบรรจุไม่สวยงาม
– ขาดข้อมูลความต้องการของตลาดไม้ดอกไม้ประดับภายในประเทศท่ีแท้จริงท้ังในด้านปริมาณซ้ือ-
ขาย ราคา ชนดิ และคณุ ภาพทีล่ ูกคา้ ตอ้ งการทาให้ไม่สามารถวางแผนการผลติ และขยายตลาดได้
3. ดา้ นการส่งออก
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
3
– ผลผลิตมีไม่พอกับความต้องการของตลาดในบางช่วง เช่น ในช่วงฤดูแล้งที่มีผลผลิตน้อย แต่มี
เทศกาลทตี่ อ้ งใช้ไม้ดอกไม้ประดับ ทาให้เสียโอกาสในการสง่ ออก
– ผู้ส่งออกบางรายขาดความรู้และประสบการณ์ ทาให้ผลผลิตท่ีส่งออกเสียหาย และเสียภาพลักษณ์
ไม้ดอกไม้ประดบั ไทยโดยรวม
– ผูส้ ง่ ออกมกี ารแข่งขันตดั ราคา ทาให้สนิ ค้าไมด้ อกไมป้ ระดับส่งออกของไทยขายไดร้ าคาตา่ ลง
– ขาดการสง่ เสริมการตลาดไม้ดอกไม้ประดับไทยในต่างประเทศอย่างจริงจัง รวมทัง้ ยงั ไมม่ กี ารศึกษา
วิเคราะห์ปญั หาในตลาดเดมิ และแนวทางในการพัฒนาตลาดใหม่ๆ อยา่ งจริงจัง
– ผู้ส่งออกส่วนใหญ่เป็นผู้ส่งออกรายย่อย จึงขาดอานาจในการต่อรองตลาด และไม่มีกาลัง
ความสามารถไปแนะนาสินคา้ หรือเจาะตลาดใหม่ๆ ดว้ ยตนเอง รวมทงั้ ไม่มกี าลงั สนบั สนุนการพฒั นาการผลิต
ของเกษตรกร ซ่ึงสว่ นใหญเ่ ปน็ รายยอ่ ยเช่นกนั
– ภาวะเศรษฐกิจชะลอตวั ทาให้การสงั่ ซอ้ื ลดลง
แนวทำงกำรพัฒนำไม้ดอกไมป้ ระดับ
1. ด้านการผลติ
– ส่งเสรมิ และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีทดแทนแรงงาน เช่น ระบบแขนกลฉดี พน่ สารเคมีในกล้วยไม้
– ส่งเสริมเทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิต เช่น การผสมปุ๋ยใช้เอง การป้องกันกาจัดศัตรูพืชแบบ
ผสมผสาน ใชส้ ารเคมีอยา่ งเหมาะสมและถกู วธิ ี รวมทั้งใช้ชีวภัณฑ์เพ่ือลดการใชส้ ารเคมี
– ถ่ายทอดความรูด้ ้านการผลิตไม้ดอกไมป้ ระดบั คณุ ภาพ และปลอดภยั
– ส่งเสรมิ การบริหารจดั การการผลิตให้สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของตลาด โดยใช้ตลาดนาการผลิต
เช่น การผลิตไม้ดอกไม้ประดบั นอกฤดู
– สนับสนุนการรวมกลุ่มขององค์กรเกษตรกร และคลัสเตอร์กล้วยไม้ไทย เพื่อเช่ือมโยงความรู้ ข้อมูล
ประสบการณ์ รวมท้ังความร่วมมอื ระหวา่ งผู้เก่ยี วข้องในอตุ สาหกรรมกล้วยไมไ้ ทย
2. ดา้ นการตลาดภายในประเทศ
– ถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการหลังการเก็บเก่ียว และการเก็บรักษา รวมท้ังการคัดคุณภาพตาม
มาตรฐาน เพ่ือเพ่มิ มูลคา่ และคงคณุ ภาพไม้ดอกไมป้ ระดับกอ่ นถงึ มือพ่อค้า/ผู้บริโภค
– เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และส่งเสรมิ การใช้ไม้ดอกไม้ประดับให้แพร่หลาย เช่น การจัดงานประกวด
และแสดงไม้ดอกไม้ประดบั ในกรงุ เทพฯ และจังหวดั ต่างๆ
– ส่งเสริมให้เกษตรกรเป็น Smart farmer สามารถวิเคราะห์และบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน
เพื่อเพ่ิมรายได้
3. ด้านการส่งออก
– เผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ไม้ดอกไมป้ ระดบั ในตา่ งประเทศ เชน่ การจดั Road Show ในประเทศตา่ งๆ
โดยนาสินค้าไม้ดอกไมป้ ระดับท่ีมีศักยภาพของไทยไปจัดแสดง รวมทั้งนาผู้ส่งออก และเกษตรกร ไปร่วมงาน
เพือ่ สนับสนนุ ใหม้ กี ารเจรจาธุรกจิ ศึกษาการผลติ การตลาด เพ่ือพัฒนาศกั ยภาพการแข่งขนั ในตลาดโลก
ศึกษาวเิ คราะหข์ ้อมูลการตลาดต่างประเทศ เพือ่ ขยายตลาดสง่ ออกใหม่ และรักษาตลาดเดมิ
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
4
ทานตะวันพันธุ์เทดด้ี แบร์
ขอ้ มูลทวั่ ไป
ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Helianthus annus.
ช่ือสามญั Sun Flower, Helianthus
วงศ์ ASTERACEAE
ทานตะวันสามารถพบเห็นได้ท่ัวไปเป็นพชื ที่ปลูกและดูแลรักษาได้งา่ ยทนต่อสภาพอากาศรอ้ นได้เป็น
อย่างดีดอกมีสีสนั สะดุดตา ปัจจบุ ันทานตะวนั ได้รับการพฒั นาและปรับปรุงพันธ์ุอย่างตอ่ เนื่องทาให้สามารถใช้
ประโยชนไ์ ด้อย่างมากมายไมว่ ่าจะเป็นไมด้ อกกระถางไม้ดอกประดบั แปลงหรอื ไม้ตดั ดอก นอกจากน้ีทานตะวัน
ยังได้ถูกปรับปรุงให้กลีบดอกมีสีที่แปลกออกไปนอกจากสีเหลือง คือสีแดง หรือมีหลายสี ยังรวมทั้งดอกซ้อน
ด้วย
ทานตะวันตะวันพันธุ์เทดดี้ แบร์ มีดอกซ้อนสีเหลืองเข้ม กลีบประดับหลายชั้นท่ีซ้อนทับกันทาให้
แตกต่างจากทานตะวันท่ัวไป ทานตะวันพันธ์ุเทดด้ี แบร์ เหมาะกับฤดูปลุกทุกฤดู ปลูกในที่มีแสงแดด
ระยะเวลางอก 2-3 วัน วันเพาะถึงวันย้ายปลูก 15-20 วัน วันเพาะถึงวันออกดอกสวย 55-60 วัน ขนาดดอก
13-15 เซนติเมตร ความสูงของตน้ 25-35 เซนตเิ มตร ขนาดทรงพมุ่ 30-35 เซนตเิ มตร
การปลกู ดอกทานตะวนั พันธ์ุเทดดี้แบร์
การเพาะเมล็ด
วสั ดุอุปกรณ์
1. เมลด็ ดอกทานตะวัน สายพนั ธุ์เทดด้ีแบร์
2. มเี ดีย (วสั ดุเพาะกลา้ สาเรจ็ รูป)
3. ขุยมะพร้าว (แบบร่อน)
4. ถาดเพาะกลา้ (104 หลุม)
วิธกี ารเพาะเมลด็
1. นามเี ดยี เพาะกลา้ สาเรจ็ รปู 2 ส่วน ขุยมะพรา้ ว 1 ส่วน ผสมใหเ้ ข้ากนั รดน้าให้พอชุ่ม
2. กรอกวสั ดเุ พาะกลา้ ลงในถาดหลุมใหเ้ ต็มทกุ หลุม
3. รดน้าใหช้ ่มุ
4. นาเมล็ดดอกทานตะวันแชน่ ้า 1 คนื จากน้นั บม่ เมลด็ โดยการหอ่ ด้วยผา้ ท่อี ้มุ น้าพอดี (รักษา
ความช้นื ) เป็นเวลา 8 ชว่ั โมง จะสังเกตเหน็ ต่มุ รากสขี าว
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
5
5. นาเมลด็ ดอกทานตะวันวางลงในถาดหลุม 1เมล็ด/หลมุ ใชไ้ มเ้ สยี บลกู ชิน้ กดลงใหจ้ มลงไปลกึ
ประมาณ 1 เซนตเิ มตร
6. นาวัสดุเพาะกล้าโรยทับบางๆอีกครง้ั รดน้าตามใหช้ ่มุ
7. นาไปไวใ้ นโรงเรือน รดนา้ วนั ละ 1 ครง้ั
การย้ายปลกู
วัสดุอุปกรณ์
1. ถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 นว้ิ หรอื กระถางขนาด 6 น้ิว
2. วสั ดปุ ลูก ประกอบดว้ ย ขุยมะพร้าว 2 สว่ น แกลบดบิ หมัก 2 สว่ น ดินร่วน 1 ส่วน ปุย๋ หมัก 1 ส่วน
3. นาวสั ดปุ ลกู ผสมคลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากัน
4. กรอกวสั ดุปลูกลงถงุ พลาสติกดา ขนาด 4*8 นิว้ หรือ กระถางขนาด 6 น้ิว
5. ตน้ กล้าดอกทานตะวันอายุ 15 วัน ย้ายปลกู ลงถงุ พลาสตกิ ดาขนาด 4*8 นิว้ หรอื กระถางขนาด
6 นิว้
6. ปลูกเสรจ็ แล้วนาไปไว้ในโรงเรอื น หรือนาไปไว้ในสถานทที ีเ่ ตรยี มไว้ ทมี่ แี สงส่องถงึ ทง้ั วัน
การดูแลรักษา
วัสดอุ ุปกรณ์
1. บวั รดน้า
2. ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 และ 16-16-16
3. รดนา้ ใหช้ ุ่มวันละ 1 ครง้ั
4. หลังจากปลกู ได้ 1 สัปดาห์ เริม่ ใส่ปุ๋ยเคมีสตู ร 46-0-0 ใส่ 2 ครัง้ ห่างกันทกุ ๆ 7 วนั
5. จากน้ันใส่ปุย๋ เคมีสูตร 16-16-16 หา่ งกันทุกๆ 7 วนั จนถึงดอกบาน
การจาหนา่ ย
1. เมื่ออายตุ น้ ทานตะวันอายุได้ 55-60 วัน จากวนั เพาะเมล็ด หรอื ตมุ่ ดอกเรมิ่ หอ้ ยคอลง นาไป
จาหนา่ ยหรือนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
6
ภาพประกอบการเพาะเมลด็ ทานตะวันในถาดหลุม
ลักษณะเมล็ดพันธ์ุทานตะวัน แช่เมลด็ ในนา้ 1 คืน
https://www.google.com/search?q=seed+sunflower&tbm https://www.lovefitt.com/edible-garden
บ่มเมลด็ โดยใช้ผา้ ห่อไวน้ าไปไวใ้ นทร่ี ่ม ลกั ษณะการงอกรากของเมล็ดทานตะวนั หลังการบ่ม
https://www.google.com/search ถ่ายภาพโดย ณชิ ารีย์ เผา่ พงศว์ นา (2562)
นาเมล็ดไปเพาะในถาดหลมุ หลมุ ละ 1 เมลด็ ลักษณะตน้ กล้าทานตะวันอายุ 4 วนั
ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผ่าพงศว์ นา (2562) ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2562)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
7
ลกั ษณะทานตะวนั อายุ 15 วนั หลงั ปลูก ลกั ษณะทานตะวนั อายุ 15 วนั หลังปลกู
ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผา่ พงศว์ นา
ลกั ษณะการบานดอกตน้ ทานตะวนั พรอ้ มจาหน่าย นาต้นทานตะวันไปจาหนา่ ย
ถ่ายภาพโดย ณชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
8
ดอกบานชื่นหนู
ข้อมูลทว่ั ไป
ชื่อวิทยาศาสตร์ Zinnia elegans
ชอ่ื สามัญ Zinnia, Youth and Old age, Poorhouse Flower
วงศ์ ASTERACEAE
บานชื่นสามารถพบเห็นได้ทั่วไปเพราะสามารถเพาะปลูกและดูแลรกั ษาได้งา่ ย ทนต่อสภาพแวดล้อม
ได้เป็นอย่างดี ดอกมีสีสันสะดุดตา ปัจจุบันบานชื่นได้รับการพัฒนาและปรับปรงุ พนั ธุ์อย่างดี ทาให้สามารถใช้
ประโยชน์ไดอ้ ย่างมากมาย ไมว่ า่ จะเป็นไม้ดอกกระถาง ไมด้ อกประดับแปลง หรือไม้ตัดดอก
บานชื่นหนู เป็นดอกช้ันเดียว ทรงพุ่มกะทัดรัด แผ่ก่ิงก้านดี ใบสีสด ออกดอกเร็วพร้อมกันท่ัวทั้งต้น
สีสดเข้ม และออกดอกสม่าเสมอ เจริเเติบโตเร็ว ทนต่อโรคราน้าค้างได้ดี เม่ือดอกแก่ จะหลุดจากต้นเอง
ทนร้อนได้ดี เหมาะกับฤดูปลุกทุกฤดู ปลูกในที่มีแสงแดด ระยะเวลางอก 2-3 วัน วันเพาะถึงวันย้ายปลูก
20-25 วัน วันเพาะถึงวันออกดอกสวย 50-55 วัน ขนาดดอก 3-4 เซนติเมตร ความสูงของต้น 15-20
เซนติเมตร ขนาดทรงพมุ่ 15-20 เซนติเมตร
การปลูกดอกบานชน่ื หนู
การเพาะเมลด็
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. เมลด็ ดอกบานช่นื
2. มีเดีย (วสั ดุเพาะกลา้ สาเร็จรปู )
3. ขุยมะพร้าว (แบบร่อน)
4. ถาดเพาะกล้า (104 หลุม)
วธิ ีการเพาะเมลด็
1. นามีเดยี เพาะกลา้ สาเรจ็ รปู 2 สว่ น ขยุ มะพรา้ ว 1 สว่ น ผสมให้เข้ากัน รดน้าใหพ้ อชมุ่
2. กรอกวัสดุเพาะกล้าลงในถาดหลุมใหเ้ ต็มทุกหลุม
3. รดน้าให้ชุ่ม
4. นาเมลด็ บานชื่นวางลงในถาดหลมุ ใชไ้ มเ้ สียบลูกชิ้นกดลงใหจ้ มลงไปลึกประมาณ 1 เซนติเมตร
5. นาวสั ดุเพาะกลา้ โรยทบั บางๆอกี คร้ัง รดนา้ ตามใหช้ มุ่
6. นาไปไว้ในโรงเรอื น รดนา้ วันละ 1 คร้ัง
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผ่าพงศ์วนา
9
การย้ายปลูก
วัสดอุ ปุ กรณ์
1. ถงุ พลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 นวิ้ หรอื กระถางขนาด 5.5-6 นวิ้
2. วัสดปุ ลูก ประกอบดว้ ย ขุยมะพร้าว 2 ส่วน แกลบดบิ หมัก 2 ส่วน ดนิ ร่วน 1 ส่วน ปยุ๋ หมัก 1 ส่วน
3. นาวัสดุปลกู ผสมคลกุ เคล้าใหเ้ ข้ากนั
4. กรอกวสั ดุปลูกลงถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 นว้ิ หรอื กระถางขนาด 5.5-6 นวิ้
5. ต้นกลา้ ดอกบานช่นื อายุ 20-25 วัน ย้ายปลูกลงถุงพลาสติกดาขนาด 4*8 นิ้ว หรอื กระถางขนาด
5.5-6 นิ้ว
6. ปลกู เสร็จแลว้ นาไปไว้ในโรงเรอื น หรือนาไปไวใ้ นสถานทีที่เตรยี มไว้ ทมี่ แี สงส่องถึงทัง้ วนั
การดูแลรกั ษา
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. บัวรดนา้
2. ปยุ๋ เคมีสูตร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าให้ช่มุ วนั ละ 1 คร้ัง
4. หลังจากปลกู ได้ 1 สัปดาห์ เริ่มใส่ปยุ๋ เคมีสูตร 15-0-0 ใส่ 2 คร้งั ห่างกนั ทุกๆ 7 วนั
5. จากนน้ั ใส่ป๋ยุ เคมสี ตู ร 16-16-16 ห่างกันทกุ ๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
6. การเดด็ ยอด ดอกบานชนื่ เป็นพืชวนั สัน้ ออกดอกเรว็ หลงั จากยา้ ยปลกู ได้ 3 สปั ดาห์ จะเริ่มมตี ุ่ม
ดอกแรกใหเ้ ห็น ฉะน้นั ตอ้ งเด็ดยอดให้แตกก่งิ ข้างเพ่ือสร้างทรงพุ่ม
การจาหน่าย
1. เมือ่ อายตุ ้นบานช่ืนหนูอายุได้ 50-55 วนั จากวนั เพาะกลา้ หรอื ดอกบานได้ 3-5 ดอก
นาไปจาหน่ายหรอื นาไปใช้ประโยชน์ได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
10
ภาพประกอบการปลูกดอกบานชืน่ หนู
ลกั ษณะเมลด็ ดอกบานชน่ื ลกั ษณะตน้ กลา้ อายุ 21 วนั
https://www.google.com/search?q=seed+zinia&tbm ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผ่าพงศ์วนา (2562)
เตรยี มวสั ดุปลกู /กรอกวัสดปุ ลกู ใส่กระถาง ยา้ ยปลูกลงกระถางขนาด 5.5-6 น้วิ
ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา (2562) ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารีย์ เผา่ พงศว์ นา (2562)
เด็ดดอกแรกทิง้ เมอื่ ตมุ่ ดอกแรกเทา่ ขนาดเมล็ดถัว่ ดอกบานชนื่ อายุ 55 วนั พรอ้ มจาหน่าย
ถ่ายภาพโดย ณชิ ารีย์ เผา่ พงศว์ นา (2562) ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา (2562)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
11
เบญจมาศ
ข้อมูลทั่วไป
ชือ่ วิทยาศาสตร์ Dendranthema grandiflorum
ชื่อสามญั Chrysanthemum, Florist Chrysanthemum
วงศ์ ASTERACEAE
เบญจมาศเป็นไม้ดอกท่ีได้รบั ความนยิ มมาอยา่ งยาวนาน โดยนิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก นอกจากนี้ยงั มี
พันธุ์ที่สามารถปลูกเป็นไม้ดอกกระถางได้ด้วยเบญจมาศกระถางได้รับความนิยมท่ีนามาประดับตกแต่งตาม
อาคารบ้านเรือนและสถานที่ต่างๆมากขึ้นเพราะดอกเบญจมาศมีให้เลือกหลายสีและหลายลักษณะทั้งยางให้
ดอกยาวนานด้วย
ลกั ษณะทวั่ ไป
เบญจมาศเป็นไม้พุ่มอายุหลายปี แต่นิยมปลูกเป็นไม้ฤดูเดียว คือเมื่อออกดอกแล้วก็จะถูกท้ิงไป เป็น
พชื วนั สัน้ คือจะออกมาเม่ือได้รับวนั สน้ั นอ้ ยกวา่ 12 ช่วั โมงตอ่ วัน ส่วนใหญม่ ีความสูง 20 – 60 เซนตเิ มตร แต่
พันธ์ุท่ีนิยมปลูกเป็นกระถางมกั มีความสูงไม่เกนิ 40 - 50 เซนติเมตร ลาต้นสีเขียวกลมหรอื อาจสัน มีขนเล็กสี
ขาวขน้ึ ปกคลุม ใบเปน็ ใยเด่ยี ว ขอบใบหยักเวา้ ลึก อาจมีขนส้ันข้นึ ปกคลุม ด้านบนใบสเี ขียว ดา้ นลา่ งใบสีเขียว
อมเทาหรือเทา ดอกออกเป็นช่อกระจุก(head) แต่มักจะคิดว่าเป็นดอกเดี่ยวๆ บริเวณปลายยอดและซอกใบ
บางพันธ์ุมีกล่ินหอม ดอกวงนอกมีหลายสีและหลายรูปแบบ ดอกวงในเป็นมักเป็นรูปหลอดสีเขียวอมเหลือง
หรอื เขียวออ่ น
การปลูกดอกเบญจมาศกระถาง
กระถางปลูก กระถางท่ีใช้ปลูกเบญจมาศ กระถางควรมีขนาด 5.5 – 6 นิ้ว เป็นกระถางพลาสติก
รปู ทรงเปน็ กระถางกน้ ลึก มนี า้ หนักเบา สามารถเคล่อื นยา้ ยหรอื ขนสง่ ไดป้ รมิ าณมาก เพ่อื ลดต้นทุนการผลิต
วสั ดปุ ลูกผลติ เบญจมาศกระถาง
ขุยมะพร้าว 2 ส่วน
ทรายละเอียด 1 ส่วน
สว่ นผสม 1 คิวบคิ เมตร เติมปุ๋ย
ปุ๋ยสูตร 0- 46 – 0 1 กโิ ลกรัม
โดโลไมท์ 1 กโิ ลกรัม
วิธีการปลูกและการดูแลรักษา นาวัสดุปลูกที่ผสมไว้ ใส่กระถางประมาณ 1/4 ของกระถางแล้วรอง
ด้วยปุ๋ยละลายช้า 17-17-17 ประมาณ 5 กรัม เติมดินให้เต็มกระถางนาไปวางเรียงไว้ให้กระถางชิดกันใน
โรงเรอื นพลาสติก และนาตน้ กล้ามาปลูก จานวนกระถางละ 5 ตน้ ปลกู รอบกระถาง โดยปลกู ให้ต้นเอนออก
ทางปากกระถางเล็กน้อย ไม่ควรปลูกลึกเกินไป ควรคัดเลือกก่ิงชาที่มีขนาดเท่ากันปลูกในกระถาง
เดียวกัน เพือ่ วา่ จะเจริญเตบิ โตไปพรอ้ มๆ กนั รดนา้ ให้ชุม่ และควรรักษาความช้นื ของวัสดุปลูกใหพ้ อเหมาะไม่
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
12
แฉะหรอื แห้งจนเกนิ ไป หลังจากปลกู เสร็จแลว้ ควรให้แสงสว่าง จากหลอดไฟฟ้าเป็นเวลา 2 สปั ดาห์ เพ่ือให้
ตน้ เบญจมาศสะสมอาหาร สร้างความแขง็ แรง ก่อนทจี่ ะสร้างตาดอกท่มี ีคุณภาพ
การเดด็ ยอด การปลกู เบญจมาศกระถาง ควรเดด็ หลังจากปลกู ประมาณ 1 สัปดาห์ ใหเ้ หลอื ใบไว้กับ
ตน้ ประมาณ 4 ใบ เพือ่ ให้เกดิ การแตกของกิง่ แขนง
การจัดวางกระถาง หลังจากปลูกลงกระถางแล้ว จัดวางให้กระถางชิดติดกัน จากนั้น
ประมาณ 2 สปั ดาห์ ทาการปดิ ไฟงดใหแ้ สงสว่าง โดยย้ายไปเรียงในโรงเรอื นพลาสติกอีกโรงหน่งึ ควรเรยี ง
ให้มีระยะห่างระหว่างกระถางเป็น 30 × 30 เซนติเมตร เพ่ือให้ต้นได้รับแสงเต็มที่ แตกก่ิงได้ดี มีทรงพุ่ม
สวยงาม
การใหป้ ยุ๋
ปุ๋ยที่ใช้กบั เบญจมาศจะอยู่ในรปู ของปยุ๋ น้า โดยมีปรมิ าณธาตอุ าหารดงั นี้
สตู รปุ๋ย ปริมาณ (กรมั )
1. 12-60-0 25
2. 13-0-46 150
3. 15-0-0 120
4. แมกนเี ซยี มซลั เฟต 45
5. ธาตอุ าหารเสรมิ ยูนเิ ลท 2.5
การละลายปุย๋ ให้แยกปุ๋ยสูตร 15-0-0 ละลายในถังนา้ 10 ลิตร 1 ถัง ส่วนป๋ยุ ทเ่ี หลือใหล้ ะลายรวมกัน
ในถงั เดยี วกนั ปรมิ าณนา้ 10 ลติ ร อีก 1 ถงั เวลานาไปใชใ้ หน้ าปุย๋ ที่ละลายแลว้ ท้ัง 2 ถัง ไปผสมกับนา้ อกี 200
ลิตร รดเบญจมาศกระถาง สปั ดาห์ละ 2 คร้งั จะชว่ ยใหเ้ บญจมาศมกี ารเจรญิ เติบโตดี ต้นแข็งแรง มีดอกท่ีมี
คณุ ภาพสวยงาม (ธนวฒั น์, 2552)
อายุการจาหน่าย ต้นเบญจมาศถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี สามารถจาหน่ายได้เมื่อมีอายุได้
ประมาณ 70 วัน ข้อดีของเบญจมาศ คือ สามารถกาหนดการบานของดอกได้ โดยควบคุมการปิดไฟ ดอก
เบญจมาศสามารถบานพร้อมใช้งานได้ หลังจากปิดไฟ ประมาณ 50 – 55 วัน ข้ึนอยู่กับสายพันธุ์ และฤดูกาล
ปลกู (ธนวัฒน์, 2552)
1.2 ขน้ั ตอนการผลติ เบญจมาศกระถาง
1.2.1 การเตรียมแม่พนั ธุ์
1) ปลกู ตน้ แมพ่ ันธุ์ท่ีออกรากแล้วในแปลง โดยใชร้ ะยะปลูก 15x15 เซนตเิ มตร (ประมาณ 50 ต้น ตอ่
ตารางเมตร) การใหแ้ สงช่วงกลางคืนต้องให้ทนั ทหี ลงั ปลกู และหลังจากปลกู แล้ว 5 -10 วนั จงึ เดด็ ยอดใหเ้ หลือ
ใบไวก้ บั ต้นประมาณ 5 -6 ใบ
2) เก็บเกย่ี วกง่ิ พันธุ์จากตน้ แมพ่ ันธุ์ การเด็ดยอดตน้ แม่พนั ธ์เุ พอ่ื เป็นกิง่ ปกั ชาจะเรม่ิ ได้ต้ังแต่สปั ดาหท์ ่ี 4
หลังปลูก จนถึง สัปดาห์ท่ี 20 หลังจากนั้น ควรรื้อและปลูกต้นแม่พันธ์ุใหม่ การเด็ดยอดจะเด็ด ให้ยอด
เบญจมาศมี ความยาวประมาณ 5.5 -6 เซนติเมตร (ประกอบด้วยใบใหญ่ 2 ใบ และใบเล็ก 2 ใบ) และให้เหลือ
ใบ ทกี่ ่ิงเดมิ อย่างน้อย 2 ใบ เพอ่ื ให้แตกก่งิ ใหม่
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
13
3) การปฏบิ ตั ิการหลังการเกบ็ เกี่ยวก่ิงพนั ธ์ุจากตน้ แม่พนั ธุ์ เมื่อเดด็ ยอดแล้วใหน้ าเข้าท่ีร่มโดยเร็วและ
จุ่มผงฮอรโ์ มน (IBA) ร้อยละ 0.4 + สารกันรา เรียงใส่ถุงพลาสติกและเกบ็ ในหอ้ งเย็นอุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส
สามารถเก็บได้นาน 3 สัปดาห์
4) การปักชาเพ่ือผลิตก่ิงพันธ์ุดี นากระถางที่ใส่วัสดุปลูกเรียงไว้ในโรงเรือนที่มีระบบพ่นหมอกและ
ระบบไฟฟา้ เพ่อื ใหว้ ันยาว โดยเปดิ ไฟแบบ Cyclic Lighting โดยเปิด 10 นาที ปิด 20 นาที เป็นเวลา 3 ชัว่ โมงตอ่ คนื
ปักชาก่ิงเบญจมาศในกระบะชา โดยปักให้เอียงออกด้านนอกประมาณ 45 องศา และชาลงลึกประมาณ 1
เซนติเมตร ดูแลภายในโรงเรือนจนกว่าจะออกรากเปน็ เวลา 14 วนั
1.2.2 การเตรยี มวสั ดปุ ลูก
1) นาวัสดุปลูกซึ่งประกอบด้วยขุยมะพรา้ ว:ข้ีเถ้าแกลบ:ทรายหยาบ:ปุ๋ยหมัก อัตราส่วน 2:1:1:1 และ
ปุ๋ยรองพื้น (ทริปเปิลซุปเปอร์ฟอสเฟต สูตร 0-46-0) อัตรา 0.5 กิโลกรัม ผสมวัสดุแต่ละชนิดให้เข้ากันด้วย
เคร่ืองผสม นาวัสดุปลูกใส่ลงในกระถางขนาด 5.5 นิ้ว ชนิดบาง 2 ใน 3 ส่วน รองก้นกระถางด้วยปุ๋ยออสโม
โคส้ ประมาณ 15 กรัมตอ่ กระถางแลว้ เติมวสั ดุปลกู ใหเ้ ต็ม
2) การปลกู ใชก้ ล้าเบญจมาศ 4 ต้นต่อ 1 กระถางย้ายปลกู ในช่วงเวลาตอนเยน็
3) การพน่ สารยับยง้ั การเจริญเติบโต พ่นสารพาโคลบิวทราโซล ความเขม้ ขน้ 500 ppm ต่อน้า 1000
ml. และราดสารพาโคลบิวทราโซล 200 ppm ต่อน้า 1000 ml. ตามกรรมวิธีเพ่ือยับย้ังการเจริญเติบโต
จานวน 3 ครั้ง ครั้งแรกหลังจากชา 7 วัน คร้ังที่ 2 หลังจากชา 14 วัน และครั้งที่ 3 หลังจากชา 35 วัน หรือ
ยอดเบญจมาศทีแ่ ทงออกมามีความยาวประมาณ 4-5 เซนตเิ มตร โดยใชส้ ารพาโคลบวิ ทราโซล มชี อ่ื ทางการค้า
คัลทาร์
4) การเดด็ ยอด
ก่อนทาการเด็ดยอดควรแยกกระถางที่มีต้นเบญจมาศตายหรือไม่สมบูรณ์ออกจากกลุ่มแล้วทาการ
ปลูกซ่อม การเด็ดยอดจะเด็ดหลังจากชา 20 วัน โดยต้องให้เหลือใบเบญจมาศเท่ากันทุกต้นในแต่ละกระถาง
เพราะถ้าหากเหลือใบไม่เท่ากันจะทาใหห้ นอ่ ที่แตกออกมาใหม่สงู ไมเ่ ทา่ กนั
5) การแตง่ หน่อและการพน่ สารคร้งั ที่ 3
หลังจากเด็ดยอดแล้วประมาณ 15 วัน หน่อดอกเบญจมาศจะแตกออกมาพร้อมท่ีจะพน่ สารครัง้ ที่ 3 หรือยาว
ประมาณ 4-5 เซนติเมตร ซ่ึงอาจมีเบญจมาศบางกระถางที่การแตกหนอ่ ผิดปกติ เช่น หน่อที่แตกออกมาใหม่
สั้นกว่าต้นอื่นๆ การพ่นสารคร้ังที่ 3 ให้พ่นเฉพาะต้นท่ีหน่อยาวเท่าน้นั เพ่ือให้ต้นท่ีหน่อสั้นยาวออกมาเท่ากับ
ต้นอ่ืน หรือในกรณีทม่ี ีบางหนอ่ ยาวกว่าหน่ออืน่ ๆ ใหท้ าการเดด็ หนอ่ ทย่ี าวออก
6) การให้วนั ส้นั
ในการผลิตเบญจมาศกระถางนอกฤดูต้ังแต่เดือนกมุ ภาพันธ์-สิงหาคม หลังจากพ่นสารคร้ังที่ 3 แล้ว จะให้วัน
ส้ันโดยคลุมพลาสติกดาต้ังแต่เวลา 17.00 น. – 07.00 น เป็นเวลาประมาณ 45 วัน หรือจนกระท่ังดอก
เบญจมาศเริ่มแยม้ สีจงึ เลกิ คลมุ สว่ นการผลติ ในฤดูตั้งแตเ่ ดอื นกนั ยายน-มกราคม ไมต่ อ้ งคลมุ พลาสตกิ
7) การพรางแสงและการจดั จาหน่าย
หลงั จากดอกเบญจมาศเริ่มแย้มสี ควรพรางแสงเพอื่ ไมใ่ ห้สีดอกซีดจาง ระยะการบานของดอกเบญจมาศในการ
จาหนา่ ยขนึ้ อย่กู ับความต้องการของลูกค้าทต่ี อ้ งการบานมากหรอื บานนอ้ ย
8) การวางกระถางเบญจมาศ
ในการผลติ เบญจมาศกระถางควรกระถางวางบนชนั้ วาง หากวางกบั พนื้ โดยมพี ลาสติกรอง ถา้ หากทา
พน้ื ไมแ่ น่นและเอยี งจะทาใหก้ ารระบายน้าไมด่ ี ส่งผลใหเ้ บญจมาศไดร้ บั ความเสียหายและเกดิ โรคระบาดได้ง่าย
การวางกระถางบนชน้ั วาง มขี ้อดี คือ
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
14
- สะดวกในการทางาน เชน่ เด็ดยอด การแตง่ หนอ่
- เพ่ือการระบายอากาศ ในการคลมุ พลาสติกดา
- ทาให้การระบายน้าดี
- การระบาดของโรคน้อย
การใช้สารชะลอการเจริญเติบโต เพ่ือให้ต้นเบญจมาศมีทรงพุ่มท่ีกะทัดรัดสวยงาม แตก
ก่ิงก้านสาขามาก ไม่สูงจนเกินไป จาเป็นต้องใช้สารควบคุมการเจริญเติบโต การใช้สารควบคุมความสูงของ
เบญจมาศ สาหรับปลูกเป็นไม้กระถางนั้นสามารถใช้สารดามิโนไซด์ (daminozide) ความเข้มข้น 1,250 –
5,000 มิลลิกรัม/ลิตร พ่นทั่วต้นให้โชก จะช่วยลดความยาวปล้องได้ การใช้สารควรทาภายหลังการเด็ดยอด
แล้วและปล่อยให้ก่ิงแขนงเจริญออกมายาวประมาณ 1.5 – 2 เซนติเมตร สาหรับพันธ์ทุ ี่มีต้นสูงมากอาจต้อง
ให้สาร 2 – 3 ครั้ง โดยท้ิงช่วงห่างกัน 2 – 3 สัปดาห์ สารพาโคลบิวทาโซล (paclobutrazol) เป็นสารชะลอ
การเจริญเติบโตที่สามารถใชค้ วบคมุ ความสูงของตน้ เบญจมาศได้ โดยฉดี พน่ 2 ครง้ั คร้งั แรกหลังจากเด็ดยอด
ก่ิงแขนงมีความยาว 2 นวิ้ พน่ สารพาโคลบวิ ทาโซล ความเขม้ ข้น 50 ppm. หลงั จากน้นั 7 วัน พ่นสารครั้งท่ี
2 ความเขม้ ขน้ 100 ppm. ทาให้ได้ทรงพมุ่ สวยงามกะทัดรัด ข้อคานงึ ถึงการใชส้ ารข้ึนอยูก่ ับฤดกู าล และสาย
พนั ธุเ์ ป็นหลกั (ธนวฒั น์,2552)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
15
ภาพประกอบการปลกู เบญจมาศกระถาง
ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
16
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผา่ พงศว์ นา
17
ดอกเบญจมาศสายพนั ธ์ุตา่ งๆ
ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารีย์ เผ่าพงศว์ นา
มอนตเิ หลอื ง มอนติสม้ มอนตขิ าว
มอนติชมพู มอนตแิ ดง ขาวซ้อน
เรมคิ สม้ แดงซ้อน เหลืองบวบ
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
18
ดอกผเี สือ้
ข้อมูลทว่ั ไป
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Dianthus chinensis
ชือ่ สามญั Dianthus, Pink, China Pink, Annual Pink
วงศ์ CARYOPHYLLACEAE
ดอกผีเส้ือเป็นไมด้ อกท่ีได้รบั ความนยิ มปลูกเป็นไม้กระถางและไม้ประดับแปลง เพราะทนรอ้ น มีช่วง
ระยะเวลาให้ดอกนานดอกมีสีสันหลายสีมีท้ังพันธุ์ดอกเดียวและดอกซ้อน ทาแบบดั้งเดิมมีความสูง 50
เซนติเมตรปัจจุบันได้รบั การปรับปรงุ ทาใหม้ ีความสูงเพยี ง 15 ถึง 20 เซนตเิ มตร นอกจากน้ียงั มพี นั ธทุ์ ส่ี ามารถ
ปลูกเป็นไมต้ ัดดอกไดอ้ ีกดว้ ย
ดอกผีเส้ือ ออกดอกดก ทรงพุ่มโปร่ง จึงระบายความช้ืนได้ดี เหมาะสาหรับเป็นไม้กระถาง หรือปลุก
คละกับดอกไม้ชนิดอ่ืนลงในกระถางใหญ่ ปลูกเปน็ กลมุ่ ขนาดใหญ่ในแปลง ขอ้ ดคี ือผีเส้ือเปน็ พืชที่ตัดแต่งได้และ
จะให้ดอกชุดสอง ชุดสามอกี หลงั จากตัดแต่งแล้ว เหมาะกับทกุ ฤดู ปลกู ในท่มี แี สงแดด ระยะเวลางอก 3-5 วัน
วันเพาะถึงวันย้ายปลูก 25-30 วัน วนั เพาะถงึ วันออกดอกสวย 70-75 วัน ขนาดดอก 3-4 เซนติเมตร ความ
สูงของตน้ 25-30 เซนตเิ มตร ขนาดทรงพมุ่ 15-20 เซนตเิ มตร ควรเด็ดยอดเพ่ือแตกกง่ิ ขา้ ง
การปลูกดอกผีเส้อื
การเพาะเมล็ด
วัสดอุ ุปกรณ์
1. เมลด็ ดอกผีเสอ้ื
2. มีเดยี (วสั ดเุ พาะกลา้ สาเรจ็ รปู )
3. ขยุ มะพร้าว (แบบรอ่ น)
4. ถาดเพาะกล้า (104 หลุม)
วธิ ีการเพาะเมล็ด
1. นามเี ดียเพาะกลา้ สาเร็จรูป 2 ส่วน ขยุ มะพร้าว 1 สว่ น ผสมให้เข้ากัน รดน้าใหพ้ อชุ่ม
2. กรอกวัสดุเพาะกล้าลงในถาดหลุมใหเ้ ต็มทกุ หลุม
3. รดนา้ ใหช้ ุ่ม
4. นาเมล็ดดอกผเี สอ้ื วางลงในถาดหลมุ ใชไ้ มเ้ สยี บลูกชิน้ กดลงให้จมลงไปลกึ ประมาณ 1 เซนตเิ มตร
5. นาวัสดุเพาะกล้าโรยทับบางๆอีกครัง้ รดน้าตามให้ชุม่
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
19
6. นาไปไว้ในโรงเรือน รดนา้ วนั ละ 1 คร้งั
การย้ายปลกู
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. ถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 น้วิ หรอื กระถางขนาด 5.5-6 นวิ้
2. วสั ดุปลกู ประกอบดว้ ย ขุยมะพรา้ ว 2 สว่ น แกลบดิบหมกั 2 สว่ น ดินร่วน 1 สว่ น ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
3. นาวสั ดุปลูกผสมคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั
4. กรอกวสั ดปุ ลกู ลงถงุ พลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 นว้ิ หรือ กระถางขนาด 5.5-6 นวิ้
5. ต้นกลา้ ดอกผีเสื้ออายุ 25-30 วัน ย้ายปลกู ลงถุงพลาสตกิ ดาขนาด 4*8 น้วิ หรือกระถางขนาด
5.5-6 น้ิว
6. ปลูกเสร็จแล้วนาไปไวใ้ นโรงเรือน หรอื นาไปไว้ในสถานทีทเี่ ตรียมไว้ ท่ีมแี สงสอ่ งถึงทง้ั วัน
การดแู ลรักษา
วัสดุอุปกรณ์
1. บวั รดน้า
2. ปยุ๋ เคมีสตู ร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าให้ชุ่มวันละ 1 ครั้ง
4. หลงั จากปลกู ได้ 1 สัปดาห์ เรมิ่ ใส่ปุย๋ เคมีสูตร 15-0-0 ใส่ 2 ครง้ั ห่างกนั ทุกๆ 7 วัน
5. จากนัน้ ใส่ปุ๋ยเคมสี ูตร 16-16-16 หา่ งกนั ทกุ ๆ 7 วนั จนถึงดอกบาน
การจาหนา่ ย
1. เม่ืออายุต้นดอกผเี สอื้ อายุได้ 70-75 วนั จากวันเพาะกลา้ หรือดอกบานได้ 3-5 ดอก
นาไปจาหน่ายหรอื นาไปใช้ประโยชน์ได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
20
ดอกแพนซ่ี
ขอ้ มูลทั่วไป
ชือ่ วทิ ยาศาสตร์ Viola x wittrockiana.
ชอื่ สามัญ Pansy, Johnny Jump-up
วงศ์ VIOLACEAE
การปลูกหน้าแมวเพื่อจาหน่ายนั้นจะต้องกะให้ออกดอกในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ทั้งน้ีเพราะหน้าแมว
สามารถเจรญิ เตบิ โตได้ดีในท่ีทม่ี ีอากาศเยน็ และช้นื สามารถปลูกใต้ต้นไม้ที่ไม่ทึบได้ ถา้ ปลกู ทีม่ ีอากาศค่อนข้าง
ร้อนจะทาให้ดอกไม่ดก มีขนาดเล็ก สีซีด และต้นจะยืดเก้งกา้ งไม่กะทัดรดั ปัจจุบันการปรบั ปรงุ พันธ์ุหนา้ แมว
จึงมงุ่ เนน้ ไปที่ไม่ตอ้ งการอากาศเย็นมากนัก สามารถทนต่อสภาวะได้ดี ทนต่อฝน ต้นแขง็ แรง ดอกมขี นาดใหญ่
และบานได้นาน
ดอกแพนซี่ เป็นไม้ดอกท่ีหลากหลายสี บางคนเรียกดอกหน้าแมว เพราะลักษณะลายบนกลีบดอก
เหมือนกับหนา้ ของแมว ทรงต้นโปร่ง แขง็ แรง เป็นทางเลอื กสาหรับการปลกู ประดบั แปลงขนาดใหญ่ทใ่ี ช้ต้นทุน
ไม่สูง เหมาะกับอากาศเย็น ปลูกในท่ีมีแสงแดด ระยะเวลางอก 5-7 วัน วันเพาะถึงวันยา้ ยปลูก 25-30 วัน
วันเพาะถึงวันออกดอกสวย 70-80 วัน ขนาดดอก 6-8 เซนติเมตร ความสูงของต้น 15-20 เซนติเมตร ขนาด
ทรงพ่มุ 10-15 เซนติเมตร
การปลูกดอกแพนซ่ี
การเพาะเมลด็
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. เมล็ดดอกแพนซี่
2. มีเดีย (วัสดุเพาะกลา้ สาเร็จรูป)
3. ขุยมะพร้าว (แบบร่อน)
4. ถาดเพาะกลา้ (104 หลมุ )
วิธีการเพาะเมล็ด
1. นามเี ดียเพาะกลา้ สาเร็จรูป 2 ส่วน ขยุ มะพรา้ ว 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน รดนา้ ใหพ้ อชุ่ม
2. กรอกวสั ดุเพาะกลา้ ลงในถาดหลุมใหเ้ ต็มทกุ หลุม
3. รดน้าใหช้ มุ่
4. นาเมล็ดดอกแพนซี่วางลงในถาดหลุม ใชไ้ มเ้ สียบลูกชนิ้ กดลงให้จมลงไปลึกประมาณ 1 เซนติเมตร
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผ่าพงศว์ นา
21
5. นาวสั ดุเพาะกลา้ โรยทบั บางๆอกี ครัง้ รดน้าตามให้ชุ่ม
6. นาไปไวใ้ นโรงเรอื น รดน้าวันละ 1 คร้งั
การย้ายปลูก
วัสดุอปุ กรณ์
1. ถงุ พลาสติกดา ขนาด 4*8 น้ิว หรอื กระถางขนาด 5.5-6 นว้ิ
2. วสั ดปุ ลกู ประกอบด้วย ขุยมะพรา้ ว 2 ส่วน แกลบดบิ หมกั 2 สว่ น ดินรว่ น 1 ส่วน ปยุ๋ หมัก 1 ส่วน
3. นาวัสดปุ ลกู ผสมคลกุ เคลา้ ให้เข้ากนั
4. กรอกวสั ดปุ ลกู ลงถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 นว้ิ หรอื กระถางขนาด 5.5-6 น้ิว
5. ต้นกลา้ ดอกแพนซี่ อายุ 25-30 วนั ยา้ ยปลูกลงถุงพลาสติกดาขนาด 4*8 น้ิว หรอื กระถางขนาด
5.5-6 นิ้ว
6. ปลกู เสรจ็ แลว้ นาไปไว้ในโรงเรอื น หรอื นาไปไว้ในสถานทที ่เี ตรยี มไว้ ทม่ี แี สงส่องถึงทงั้ วัน
การดแู ลรักษา
วัสดอุ ุปกรณ์
1. บัวรดนา้
2. ปยุ๋ เคมีสตู ร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าให้ช่มุ วันละ 1 คร้งั
4. หลงั จากปลูกได้ 1 สปั ดาห์ เริม่ ใส่ปุย๋ เคมีสูตร 15-0-0 ใส่ 2 ครงั้ หา่ งกนั ทุกๆ 7 วนั
5. จากน้นั ใส่ปยุ๋ เคมีสตู ร 16-16-16 ห่างกันทุกๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
การจาหนา่ ย
1. เม่ืออายุต้นแพนซ่ีอายุได้ 70-80 วนั จากวันเพาะกล้า หรือดอกบานแรกเรม่ิ บาน นาไปจาหนา่ ย
หรือนาไปใช้ประโยชน์ได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
22
ดาวเรืองฝรง่ั เศส
ข้อมูลทั่วไป
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Tagetes patula.
ชื่อสามัญ French Marigold, Dwart Marigold
วงศ์ ASTERACEAE
ดาวเรืองฝร่ังเศสเปน็ ดาวเรืองอีกชนดิ หนึ่งทน่ี ยิ มปลูกเป็นดาวเรอื งท่ีมที รงพุ่มขนาดเล็กดอกเล็ก แตด่ ก
กว่าและออกดอกได้เร็วกว่าดาวเรืองอเมริกัน นอกจากนด้ี าวเรืองฝร่งั เศสสามารถออกดอกไดอ้ ย่างตอ่ เน่ืองและ
ยาวนานดาวเรืองฝรั่งเศสจะชอบสภาพอากาศท่ีเย็นกว่าดาวเรืองอเมริกันเพราะฉะน้ันถ้าจะปลูกดาวเรือง
ฝร่ังเศสจะต้องปลูกเพื่อให้ออกดอกในช่วงฤดูหนาวเท่าน้ัน ถ้าปลูกในฤดูดาวเรืองฝร่ังเศสจะไม่ค่อยออกดอก
หรือไมด่ กเท่ากบั การปลูกในฤดูหนาวดาวเรืองฝรั่งเศสสามารถปลูกประดับแปลงเปน็ พ้นื ท่ีกว้างจะทาให้เป็นจุด
ดึงดูดสายตาได้ดีนอกจากน้ีดอกของดาวเรืองฝรั่งเศสยังมีมากกว่าดาวเรืองอเมริกันหรืออาจมี 2 สีในดอก
เดียวกันก็ได้
ดาวเรืองฝร่ังเศส ออกดอกเร็ว ดอกใหญ่แน่น ทรงพุ่มกะทัดรัด แข็งแรง สม่าเสมอ สีเข้มสดใส
เจริญเติบโตไดด้ ีในทกุ สภาพอากาศ เหมาะสาหรับเปน็ ไมก้ ระถาง หรือปลกู ประดับแปลง ควรเดด็ ยอดเพอ่ื แตก
ทรงพุ่ม เหมาะกับฤดูปลกุ ทกุ ฤดู ปลกู ในท่มี ีแสงแดด ระยะเวลางอก 2-3 วนั วันเพาะถงึ วนั ย้ายปลกู 15-20 วัน
วันเพาะถึงวันออกดอกสวย 60 วัน ขนาดดอก 4-5 เซนติเมตร ความสูงของต้น 30-35 เซนติเมตร ขนาดทรง
พุ่ม 30-35 เซนตเิ มตร
การปลูกดอกดาวเรืองฝร่งั เศส
การเพาะเมล็ด
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. เมล็ดดอกดาวเรืองฝรงั่ เศส
2. มเี ดีย (วัสดเุ พาะกล้าสาเรจ็ รูป)
3. ขยุ มะพร้าว (แบบร่อน)
4. ถาดเพาะกล้า (104 หลมุ )
วิธกี ารเพาะเมลด็
1. นามีเดยี เพาะกลา้ สาเรจ็ รูป 2 ส่วน ขุยมะพรา้ ว 1 สว่ น ผสมให้เข้ากนั รดนา้ ให้พอช่มุ
2. กรอกวสั ดเุ พาะกลา้ ลงในถาดหลมุ ให้เตม็ ทุกหลุม
3. รดนา้ ให้ชมุ่
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
23
4. นาเมล็ดดอกดาวเรืองฝร่ังเศสวางลงในถาดหลุม ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นกดลงให้จมลงไปลึกประมาณ
1 เซนติเมตร
5. นาวสั ดุเพาะกลา้ โรยทบั บางๆอกี ครง้ั รดน้าตามให้ชุ่ม
6. นาไปไวใ้ นโรงเรอื น รดนา้ วนั ละ 1 ครั้ง
การย้ายปลกู
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. ถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 น้วิ หรือ กระถางขนาด 5.5-6 นวิ้
2. วัสดปุ ลูก ประกอบดว้ ย ขยุ มะพร้าว 2 ส่วน แกลบดบิ หมกั 2 สว่ น ดินรว่ น 1 สว่ น ปยุ๋ หมัก 1 ส่วน
3. นาวสั ดุปลกู ผสมคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากนั
4. กรอกวสั ดุปลูกลงถงุ พลาสติกดา ขนาด 4*8 นวิ้ หรือ กระถางขนาด 5.5-6 นว้ิ
5. ต้นกล้าดอกดาวเรอื งฝร่งั เศส อายุ 15-20 วัน ยา้ ยปลกู ลงถุงพลาสตกิ ดาขนาด 4*8 น้ิว หรอื
กระถางขนาด 5.5-6 น้ิว
6. ปลกู เสร็จแล้วนาไปไวใ้ นโรงเรอื น หรอื นาไปไว้ในสถานทีทเ่ี ตรียมไว้ ท่มี แี สงสอ่ งถึงท้ังวนั
การดแู ลรกั ษา
วัสดุอปุ กรณ์
1. บวั รดนา้
2. ปุ๋ยเคมีสตู ร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าใหช้ ุ่มวนั ละ 1 คร้ัง
4. หลังจากปลูกได้ 1 สปั ดาห์ เร่มิ ใส่ปุย๋ เคมีสูตร 15-0-0 ใส่ 2 ครง้ั หา่ งกันทกุ ๆ 7 วัน
5. จากนัน้ ใส่ปุย๋ เคมีสตู ร 16-16-16 ห่างกนั ทกุ ๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
6. การเด็ดยอดดอกดาวเรอื งฝรั่งเศส หลงั จากยา้ ยปลูกได้ 2 สปั ดาห์ จะเรมิ่ มตี ่มุ ดอกแรกใหเ้ ห็น
ฉะนน้ั ตอ้ งเด็ดยอดใหแ้ ตกกง่ิ ขา้ งเพ่อื การสรา้ งทรงพมุ่
การจาหนา่ ย
1. เม่ืออายุตน้ ดาวเรืองฝร่ังเศสอายไุ ด้ 55-60 วนั จากวันเพาะเมล็ด หรือดอกบานได้ 3-5 ดอก
นาไปจาหนา่ ยหรือนาไปใช้ประโยชนไ์ ด้
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
24
ภาพประกอบการปลกู ดอกดาวเรืองฝรง่ั เศส
เมลด็ ดอกดาวเรอื งฝรั่งเศส ต้นกล้าดาวเรอื งฝร่ังเศสอายุ 21 วัน
https://www.google.com/search?q=seed+french+marigol ถ่ายภาพโดย ณิชารีย์ เผ่าพงศว์ นา (2560)
ย้ายปลูกลงถุงขนาด 4*8 นว้ิ หรอื กระถาง 6 นวิ้ เดด็ ดอกแรกทิง้ เม่ือมขี นาดเท่าเมล็ดถัว่ เขยี ว
ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผา่ พงศว์ นา (2562) ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2560)
ดอกดาวเรอื งฝรงั่ เศสอายุ 55-60 วัน จากวันเพาะเมลด็ บาน สามารถนาไปจาหนา่ ยหรอื นาไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้
ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผ่าพงศ์วนา (2562)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผ่าพงศ์วนา
25
ดอกแววมยรุ า
ขอ้ มลู ทว่ั ไป
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Torenia fournieri
ชอ่ื สามัญ Torenia, Wishbone flower, Blue Wing
วงศ์ SCROPHULARIACEAE
แววมยุราเป็นไม้ท่ีชอบขน้ึ ในท่ีร่มและชื้น ต้นเป็นกอเล็กๆ ดอกมีสีม่วงอ่อน-ขาว จนถึงสีแดง-ขาว จึง
นิยมปลกู แววมยุราไว้ตามใต้ต้นไม้ทมี่ ีแสงส่องสว่างเล็กน้อยหรือนิยมปลูกเปน็ ไม้กระถางแล้วนามาประดับในท่ี
รม่ หรือทีม่ แี สงสอ่ งในช่วงเช้า ถา้ บรเิ วณปลูกแววมยรุ ามีอากาศร้อนและแหง้ จะทาให้ดอกหิวเร็วแววมยุราเป็น
พืชทต่ี ้องการนา้ มากจึงควรใหน้ ้าอย่างสม่าเสมอ
ดอกแววมยุรา เปน็ ไมด้ อกทม่ี ีสเี ข้ม ทรงพมุ่ กะทัดรัดใกลเ้ คียงกันทุกสี ออกดอกพรอ้ มกันและตอ่ เน่ือง
ทนต่อสภาวะอากาศร้อนชื้นได้ดี โดดเด่นมากเมื่อปลูกหลายต้นในกระถางขนาดใหญ่เป็นกลุ่ม ปลูกประดับ
แปลง ปลูกไดท้ ุกฤดู ปลูกในที่มแี สงแดด ระยะเวลางอก 4-7 วัน วันเพาะถงึ วนั ย้ายปลกู 25-30 วนั วนั เพาะ
ถึงวันออกดอกสวย 80-85 วัน ขนาดดอก 2.5-3 เซนติเมตร ความสูงของต้น 15-20 เซนติเมตร ขนาดทรงพมุ่
20-25 เซนตเิ มตร ควรเด็ดยอดเพ่ือแตกทรงพุม่
การปลูกดอกแววมยรุ า
การเพาะเมล็ด
วัสดุอุปกรณ์
1. เมลด็ ดอกแววมยรุ า (แบบเคลอื บ)
2. มเี ดยี (วสั ดุเพาะกล้าสาเรจ็ รปู )
3. ขุยมะพรา้ ว (แบบร่อน)
4. ตะกร้าพลาสตกิ
5. กระดาษหนงั สอื พิมพ์
5. ถาดเพาะกล้า (104 หลุม)
วธิ ีการเพาะเมลด็
1. นามีเดียเพาะกล้าสาเรจ็ รูป 2 สว่ น ขุยมะพร้าว 1 ส่วน ผสมให้เข้ากนั รดนา้ ใหพ้ อชุ่ม
2. นากระดาษหนงั สือพิมพบ์ ตุ ะกร้า รดน้าให้หนงั สอื พิมพ์เปยี ก เตมิ วัสดุเพาะกล้าลงในตะกร้า 1 ใน 3
สว่ น ปาดหนา้ ให้เรียบ ใชไ้ ม้ทาเปน็ ร่องเล็กๆ
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผา่ พงศว์ นา
26
3. นาเมลด็ ดอกแววมยุรา (แบบเคลอื บ) วางในร่องโดยเรียงทลี ะเมลด็ นาวสั ดุเพาะกลา้ โรยทับบางๆ
อีกคร้งั ใช้ถังพน่ น้าพน่ น้าตามใหช้ มุ่ นาไปไวบ้ นชน้ั วางท่แี สงสอ่ งราไร หรอื มกี ารพรางแสง 50%
วิธีการย้ายกล้า
1. กรอกวัสดุเพาะกลา้ ลงในถาดหลมุ ใหเ้ ต็มทกุ หลุม
3. ใช้ถงั พน่ น้าพ่นน้าตามใหช้ มุ่
4. ย้ายกล้าแววมยุราจากตะกร้ามาปลกู ในถาดหลุม เมื่อตน้ กลา้ แววมยุรามีอายไุ ด้ 21 วัน
5. เม่อื ปลูกเตม็ ทกุ หลุมแลว้ ใช้ถังพน่ น้าพ่นน้าตามให้ชมุ่
6. นาไปไว้ในโรงเรอื น รดนา้ วนั ละ 1 ครงั้
การย้ายปลกู
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. ถุงพลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 น้วิ หรือ กระถางขนาด 5.5-6 น้ิว
2. วัสดุปลกู ประกอบด้วย ขยุ มะพร้าว 2 ส่วน แกลบดิบหมัก 2 ส่วน ดินรว่ น 1 สว่ น ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
3. นาวัสดุปลกู ผสมคลุกเคลา้ ให้เข้ากนั
4. กรอกวสั ดปุ ลูกลงถุงพลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 นิ้ว หรือ กระถางขนาด 5.5-6 น้ิว
5. ต้นกลา้ ดอกแววมยุราอายุ 25-30 วนั ย้ายปลูกลงถงุ พลาสติกดาขนาด 4*8 นวิ้ หรือกระถางขนาด
5.5-6 น้วิ
6. ปลกู เสรจ็ แลว้ นาไปไว้ในโรงเรือน หรือนาไปไวใ้ นสถานทที ี่เตรียมไว้ ทม่ี ีแสงส่องถงึ ทัง้ วัน
การดูแลรกั ษา
วัสดอุ ุปกรณ์
1. บัวรดนา้
2. ปุ๋ยเคมีสูตร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าใหช้ มุ่ วนั ละ 1 ครงั้
4. หลังจากปลูกได้ 1 สัปดาห์ เรม่ิ ใส่ปยุ๋ เคมีสูตร 15-0-0 ใส่ 2 ครงั้ ห่างกนั ทุกๆ 7 วัน
5. จากนัน้ ใส่ปุ๋ยเคมสี ูตร 16-16-16 หา่ งกนั ทกุ ๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
6. เดด็ ยอดแววมยรุ า หลังจากยา้ ยปลกู ได้ 2 สปั ดาห์ เหลือกงิ่ ไว้ 2-5 กง่ิ เดด็ ยอดใหแ้ ตกก่งิ ข้างเพอื่
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
27
การสร้างทรงพมุ่
การจาหน่าย
1. เมื่ออายตุ ้นแววมยรุ าอายุได้ 80-85 วนั จากวนั เพาะกลา้ หรอื ดอกแรกเรม่ิ บาน นาไปจาหน่ายหรือ
นาไปใช้ประโยชน์ได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผา่ พงศว์ นา
28
ดอกพทิ เู นยี
ขอ้ มูลทัว่ ไป
ชื่อวิทยาศาสตร์ Petunia hybrida
ช่อื สามัญ Petunia
วงศ์ SOLANACEAE
พิทูเนียเป็นไม้ดอกยอดนิยม เพราะดอกพิทูเนียมีให้เลือกหลากหลายสี หลากหลายลักษณะ ไม่ว่าจะ
เป็นรองสพี ้นื ดอกรูปดาว ดอกขลิบขาว หรอื ดอกลายเสน้ เลือด ดอกพทิ ูเนียสามารถบานติดตอ่ กนั ได้นานเป็น
เดือนและเม่อื ดอกบานสะพร่งั แล้ว ยงิ่ ทาใหน้ า่ หลงใหลมากย่ิงข้ึน
ดอกพิทูเนียพันธุ์อัลตร้าสตาร์ ดอกมีขนาดใหญ่ช้ันเดียว มีลวดลายสีขาวเป็นรูปดาวอยู่ใจกลางดอก
ตัดกันกับดอกสีเข้ม จะเห็นลวดลายชัดเจนมากเมื่ออากาศเย็น ปลูกได้ทุกฤดู ปลูกในที่มีแสงแดด ระยะเวลา
งอก 4-7 วัน วันเพาะถึงวันย้ายปลูก 25-30 วัน วันเพาะถึงวันออกดอกสวย 65-70 วัน ขนาดดอก 8-9
เซนติเมตร ความสูงของตน้ 20-25 เซนตเิ มตร ขนาดทรงพุ่ม 25-30 เซนตเิ มตร
การปลกู ดอกพิทูเนยี
การเพาะเมล็ด
วัสดอุ ปุ กรณ์
1. เมลด็ ดอกพิทูเนีย (แบบเคลือบ)
2. มีเดยี (วัสดุเพาะกลา้ สาเร็จรปู )
3. ขยุ มะพร้าว (แบบรอ่ น)
4. ตะกร้าพลาสติก
5. กระดาษหนงั สอื พมิ พ์
5. ถาดเพาะกลา้ (104 หลุม)
วิธกี ารเพาะเมลด็
1. นามเี ดยี เพาะกล้าสาเร็จรปู 2 สว่ น ขุยมะพร้าว 1 สว่ น ผสมให้เข้ากัน รดน้าใหพ้ อชมุ่
2. นากระดาษหนงั สอื พิมพบ์ ุตะกร้า รดนา้ ใหห้ นังสอื พิมพ์เปยี ก เตมิ วัสดเุ พาะกล้าลงในตะกรา้ 1 ใน 3
สว่ น ปาดหนา้ ให้เรียบ ใช้ไมท้ าเป็นรอ่ งเล็กๆ
3. นาเมลด็ ดอกพิทูเนีย (แบบเคลือบ) วางในร่องโดยเรียงทลี ะเมลด็ นาวสั ดุเพาะกล้าโรยทบั บางๆอีก
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
29
ครง้ั ใชถ้ งั พน่ น้าพน่ น้าตามใหช้ ุม่ นาไปไว้บนช้นั วางทีแ่ สงสอ่ งราไร หรือมกี ารพรางแสง 50 %
วธิ ีการย้ายกล้า
1. กรอกวัสดุเพาะกล้าลงในถาดหลุมใหเ้ ต็มทกุ หลุม
3. ใชถ้ ังพ่นนา้ พน่ นา้ ตามให้ช่มุ
4. ย้ายกลา้ กล้าพทิ ูเนยี จากตะกรา้ มาปลกู ในถาดหลมุ เม่อื ต้นกล้าพิทเู นียมีอายไุ ด้ 21 วัน
5. เมื่อปลูกเตม็ ทุกหลมุ แลว้ ใชถ้ ังพ่นน้าพ่นนา้ ตามใหช้ มุ่
6. นาไปไว้ในโรงเรือน รดน้าวนั ละ 1 คร้งั
การย้ายปลกู
วัสดอุ ปุ กรณ์
1. ถงุ พลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 นิว้ หรอื กระถางขนาด 6-8 นว้ิ
2. วัสดปุ ลูก ประกอบดว้ ย ขยุ มะพรา้ ว 2 ส่วน แกลบดบิ หมกั 2 สว่ น ดินร่วน 1 สว่ น ปยุ๋ หมกั 1 ส่วน
3. นาวสั ดปุ ลกู ผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้ากัน
4. กรอกวัสดปุ ลูกลงถุงพลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 น้ิว หรือ กระถางขนาด 6-8 นวิ้
5. ต้นกล้าดอกพิทูเนยี อายุ 25-30 วนั จากวนั ยา้ ยกลา้ ยา้ ยปลูกลงถุงพลาสตกิ ดาขนาด 4*8 นิ้ว
หรือกระถางขนาด 6-8 นวิ้
6. ปลูกเสรจ็ แล้วนาไปไว้ในโรงเรอื น หรอื นาไปไวใ้ นสถานทีทเ่ี ตรียมไว้ ที่มีแสงสอ่ งถงึ ท้งั วนั
การดแู ลรกั ษา
วัสดอุ ปุ กรณ์
1. บวั รดนา้
2. ป๋ยุ เคมีสูตร 15-0-0 และ 16-16-16
3. รดน้าให้ชมุ่ วันละ 1 คร้ัง
4. หลงั จากปลูกได้ 1 สัปดาห์ เร่ิมใส่ปยุ๋ เคมีสตู ร 15-0-0 ใส่ 2 คร้ัง ห่างกันทุกๆ 7 วัน
5. จากน้นั ใส่ปยุ๋ เคมสี ตู ร 16-16-16 หา่ งกนั ทุกๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
6. เดด็ ยอดดอกพทิ เู นยี หลังจากย้ายปลูกได้ 2 สัปดาห์ เหลอื กง่ิ ไว้ 2-5 กิง่ เด็ดยอดใหแ้ ตกกงิ่ ข้างเพ่ือ
การสร้างทรงพ่มุ
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผา่ พงศว์ นา
30
การจาหน่าย
1. เมือ่ อายตุ น้ พทิ เู นยี อายไุ ด้ 65-70 วนั จากวนั เพาะเมล็ด หรอื ดอกแรกเร่มิ บาน นาไปจาหน่ายหรือ
นาไปใช้ประโยชนไ์ ด้
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
31
ภาพประกอบการเพาะเมลด็ ดอกพิทูเนีย
ลกั ษณะเมลด็ ดอกพทิ ูเนยี แบบเคลือบ วางทลี ะเมลด็ ตามรอ่ งแถวในตะกร้า
https: / www.aga-agro.com/blog/read/218 ถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผา่ พงศ์วนา (2558)
ลกั ษณะตน้ กลา้ เมอ่ื อายุ 21 วนั ยา้ ยกลา้ จากตะกร้าลงถาดหลมุ เพาะกลา้ 1 กล้า/หลมุ
ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2558) ถา่ ยภาพโดย ณชิ ารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2558)
ลกั ษณะตน้ กล้าพทิ เู นยี อายุ 25-30 วนั ยา้ ยปลกู ลงกระถางได้
ถา่ ยภาพโดย ณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2562)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
32
ดอกล้ินมงั กร
ข้อมูลทัว่ ไป
ช่อื วทิ ยาศาสตร์ Antirrhinum majus
ชือ่ สามัญ Snapdragon, Antirrhinum
วงศ์ SCROPHULARIACEAE
ล้ินมังกรเป็นไม้ดอกท่ีได้รับความนิยมมากอีกชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะพันธุ์สูงนิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้
ประดับแปลง ดอกมีสีสันสะดุดตา บานทนนาน ยิ่งถ้ามีอากาศเย็นด้วย จะทาให้ดอกมีสีสด และบานทนนาน
ยิ่งขึ้น นอกจากสามารถปลูกเป็นไม้ประดับแรงแล้วยังนิยมปลูกเป็นไม้ตดั ดอกเอกลักษณ์ของดอกล้ินมงั กรคือ
ถ้าเราใชน้ ิ้วดีดทด่ี ้านขา้ งดอกดอกสว่ นบนและส่วนล่างจากแยกออกจากกนั ทาให้ดคู ล้ายปากและล้นิ มงั กรแยก
ออกจากกัน เรียกว่า Snapping ลักษณะดอกแบบนี้เรียกว่าดอกมาตรฐาน (Standard flower) ล้ินมังกรลุก
ผสมในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาและปรับปรงุ พันธุใ์ ห้มีลักษณะดอกที่เปล่งออกไป เช่นดอกแบบอาเซเลีย (Azalea
flower) และดอกแบบผเี ส้ือ (Butterfly flower) เปน็ ตน้
ดอกล้ินมังกรพันธ์ุฟลอรัล ชาวเวอร์ เป็นไม้ดอกระถางพันธ์ุเตี้ย ทรงพุ่มเล็กกะทัดรัด แตกก่ิงก้านดี
ชอบอากาศเย็น มีหลากสี ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ จุดเด่นของพันธ์ุน้ีคือ เป็นพันธ์ุที่มีสองสีผสมในดอกเดียว
(Bicolor) มากกว่าพันธ์ุอื่น และแต่ละสีจะออกดอกในเวลาไล่เลี่ยกัน ปลูกได้ทุกฤดู ปลูกในท่ีมีแสงแดด
ระยะเวลางอก 4-6 วัน วนั เพาะถงึ วนั ยา้ ยปลูก 25-30 วัน วันเพาะถงึ วนั ออกดอกสวย 85-90 วนั ขนาดช่อ
ดอก 15 เซนตเิ มตร ความสงู ของต้น 20-25 เซนติเมตร ขนาดทรงพมุ่ 20-25 เซนติเมตร
การปลูกลิ้นมังกรกระถาง
การเพาะเมลด็
วสั ดอุ ุปกรณ์
1. เมล็ดดอกลนิ้ มังกร
2. มเี ดีย (วัสดุเพาะกล้าสาเร็จรูป)
3. ขุยมะพร้าว (แบบร่อน)
4. ตะกรา้ พลาสตกิ
5. กระดาษหนงั สอื พิมพ์
6. ทรายละเอียด
7. ถาดเพาะกลา้ (104 หลุม)
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
33
วธิ ีการเพาะเมล็ด
1. นามเี ดียเพาะกลา้ สาเรจ็ รูป 2 สว่ น ขยุ มะพรา้ ว 1 ส่วน ผสมใหเ้ ข้ากัน รดนา้ ใหพ้ อชุ่ม
2. นากระดาษหนงั สอื พมิ พ์บุตะกรา้ รดนา้ ใหห้ นงั สือพมิ พ์เปยี ก เติมวสั ดุเพาะกลา้ ลงในตะกรา้ 1 ใน 3
สว่ น ปาดหน้าให้เรยี บ ใช้ไม้ทาเปน็ รอ่ งเลก็ ๆ
3. นาเมลด็ ดอกลน้ิ มงั กรผสมกับทรายละเอียด หว่านในร่อง นาวัสดเุ พาะกลา้ โรยทบั บางๆอีกคร้ัง
ใชถ้ ังพ่นน้าพน่ น้าตามใหช้ ุ่ม นาไปไวบ้ นชนั้ วางที่แสงส่องราไร หรือมกี ารพรางแสง 50%
วธิ ีการยา้ ยกล้า
1. กรอกวสั ดุเพาะกลา้ ลงในถาดหลุมใหเ้ ตม็ ทกุ หลุม
3. ใช้ถังพน่ นา้ พ่นน้าตามใหช้ ุ่ม
4. ยา้ ยกล้ากล้าล้ินมังกรจากตะกรา้ มาปลูกในถาดหลมุ เมอ่ื ตน้ กล้าลิ้นมงั กรมอี ายุได้ 21 วัน
5. เม่ือปลกู เตม็ ทุกหลุมแล้ว ใช้ถังพ่นน้าพ่นน้าตามใหช้ มุ่
6. นาไปไวใ้ นโรงเรือน รดนา้ วันละ 1 ครง้ั
การย้ายปลูก
วสั ดุอุปกรณ์
1. ถุงพลาสติกดา ขนาด 4*8 นิ้ว หรอื กระถางขนาด 5.5-6 นิ้ว
2. วสั ดปุ ลูก ประกอบดว้ ย ขุยมะพร้าว 2 ส่วน แกลบดบิ หมัก 2 สว่ น ดินร่วน 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
3. นาวสั ดปุ ลูกผสมคลุกเคลา้ ใหเ้ ข้ากัน
4. กรอกวสั ดุปลกู ลงถุงพลาสตกิ ดา ขนาด 4*8 นิ้ว หรือ กระถางขนาด 5.5-6 น้วิ
5. ต้นกลา้ ดอกลนิ้ มังกรอายุ 45 วนั ยา้ ยปลูกลงถุงพลาสติกดาขนาด 4*8 นิ้ว หรอื กระถางขนาด
5.5-6 นิ้ว
6. ปลูกเสรจ็ แล้วนาไปไว้ในโรงเรอื น หรือนาไปไวใ้ นสถานทที ีเ่ ตรียมไว้ ท่ีมีแสงส่องถงึ ทงั้ วัน
การดูแลรกั ษา
วสั ดุอุปกรณ์
1. บัวรดนา้
2. ปุย๋ เคมีสูตร 15-0-0 และ 16-16-16
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารีย์ เผ่าพงศว์ นา
34
3. รดนา้ ใหช้ ุ่มวนั ละ 1 ครง้ั
4. หลงั จากปลกู ได้ 1 สัปดาห์ เริ่มใส่ปุ๋ยเคมีสตู ร 15-0-0 ใส่ 2 ครั้ง หา่ งกนั ทกุ ๆ 7 วัน
5. จากนั้นใส่ปุย๋ เคมีสตู ร 16-16-16 ห่างกนั ทกุ ๆ 7 วัน จนถึงดอกบาน
6. เดด็ ยอดดอกลิ้นมังกร หลังจากยา้ ยปลกู ได้ 2 สปั ดาห์ เหลือกิง่ ไว้ 2-5 ก่ิง เดด็ ยอดใหแ้ ตกก่ิงข้าง
เพ่อื การสร้างทรงพุ่ม
การจาหน่าย
1. เมื่ออายุตน้ ล้ินมงั กรอายไุ ด้ 85-90 วนั จากวันเพาะเมล็ด หรือดอกแรกเรมิ่ บาน นาไปจาหน่ายหรอื
นาไปใช้ประโยชน์ได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผา่ พงศว์ นา
35
ดอกแวววิเชยี ร
ข้อมลู ท่วั ไป
ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Angelonia goyazensis Benth.
ชื่อสามัญ Forget me not)
วงศ์ SCROPHULARIACEAE
แหล่งกาเนิดดั้งเดมิ ของแวววิเชียรยังคน้ ไมพ่ บ มเี พยี งการคาดว่าเป็นพืชจากเขตเอเชียเหนือ แถบเทือกเขาหิมาลยั แต่มี
หลักฐานว่า นาเข้ามาในประเทศไทยคร้ังแรกในปี พ.ศ. 2453 โดยแหม่มคอลลินส์ นับถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหน่ึงร้อยปีกว่าแล้ว
ครัง้ นนั้ แวววเิ ชียรถูกนาเข้ามาจากเมอื งมัณฑะเลย์ สหภาพพม่าเดิมทีต้นแวววิเชียรมีชื่อเรียกกันท่ัวไปในประเทศไทยว่า ต้นฟอร์
เก็ตมีน็อต (Forget me not) ตามคาเรียกของแหม่มคอลลินส์ ผู้นาเข้ามาคนแรก ต่อมาหลวงบุเรศบารุงการ ได้ตั้งชื่อให้ว่า
‘ต้นแวววิเชยี ร’ ซ่ึงเปน็ ช่ือที่ไพเราะ และมคี วามหมายดีมาก ปัจจบุ ันคนไทยส่วนใหญ่รจู้ ักและเรยี กช่ือไม้ดอกชนิดนว้ี า่ แวววิเชียร
แตก่ ็ยงั มคี นไทยบางกลุม่ ยังนิยมเรยี กวา่ ฟอรเ์ ก็ตมีนอ็ ต เป็นไม้ดอกประเภทอายุส้ัน 2 ปี
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์
แวววเิ ชียรความสงู ตน้ 0.50 – 1 เมตร ลาต้นตงั้ ตรง ทุกส่วนของต้นมกี ลิ่นและมียางติดมือ ลกั ษณะใบ รปู ใบหอกแกม
ขอบขนาน ปลายใบแหลมโคนใบสอบ ขอบใบจักฟันเลอ่ื ยตน้ื ลกั ษณะดอกเด่ยี วหรือออกเป็นชอ่ ตามซอกใบ เสน้ ผ่านศนู ย์กลาง
ดอก 1-1.5 เซนตเิ มตร ดอกรปู ถ้วยตนื้ ปลายแยกเป็น 5 ดอก กลบี ล่างแตม้ สขี าว เชอื่ ติดกันเป็นกระเปาะยน่ื ออกมา กลีบดอกสี
ขา ชมพู ม่วง และสองสใี นดอกเดียวกนั
การปักชากิ่งแวววิเชยี ร
วัสดุอุปกรณ์
1. กง่ิ แวววิเชยี ร
2. กรรไกรตดั แตง่ ก่งิ
3. ตะกรา้
4. แกลบเผา
5. กระดาษหนงั สือพิมพ์
6. น้ายาเรง่ ราก (NAA B-1)
7. บวั รดนา้
วิธีการปักชา
1. ตดั กิ่งแวววิเชยี รให้มีความยาวประมาณ 10 เซนตเิ มตร หรือ เหลือข้อไว้ 3-5 ขอ้
2. นากระดาษหนงั สือพมิ พบ์ ุตะกร้า รดน้าหนงั สือพมิ พใ์ หเ้ ปียก จากนน้ั นาแกลบเผาใสล่ งในตะกร้าปรมิ าณ 2 ใน 3
ส่วนของตะกรา้
3. นากงิ่ แวววเิ ชยี รแชใ่ นน้าเร่งราก 15 นาที หากไม่มีนา้ ยาไม่แช่ก็ได้ ปกติแวววเิ ชียรออกรากงา่ ยอยู่แล้ว
4. นาก่งิ แวววเิ ชยี รขึน้ มาสะเดด็ น้า
5. นากง่ิ แวววิเชยี รปกั ชาลงในตะกรา้ ทเี่ ตรยี มไว้ ปกั ชาเสร็จรดน้าใหช้ ุ่ม นาไปไว้ในโรงเรอื นหรือทร่ี ม่ ราไร
6. เวลาผ่านไป 15-21 วัน กง่ิ แวววเิ ชยี รเรม่ิ มรี ากใหเ้ ห็น
7. เม่ือแวววเิ ชยี รอายุได้ 30 วนั หรือ 1 เดอื นยา้ ยปลกู ลงกระถางขนาด 5-6 นวิ้ หรือถงุ พลาสตกิ ดาขนาด 4*8 น้ิว
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
36
วิธกี ารยา้ ยปลกู
1. ดินปลูกประกอบด้วย แกลบดิบหมกั 2 ส่วน ขยุ มะพร้าว 1 สว่ น ปุ๋ยหมกั 1 ส่วน กรอกดนิ ใสก่ ระถาง 5-6 นิว้ หรือ
ถงุ พลาสตกิ ดาขนาด 4*8 นว้ิ 2 ใน 3 สว่ น ใส่ปุ๋ยละลายชา้ สูตร 13-13-13 ประมาณ 15 กรมั ตอ่ กระถางแล้วเติม
วสั ดปุ ลูกจนเต็ม
2. ปลูกกง่ิ แวววเิ ชียร 5 กงิ่ /กระถาง
3. หลังจากย้ายปลูกได้ 1 สปั ดาห์ ใสป่ ยุ๋ 30-20-10 ละลายนา้ รด ใช้ 10 กรัม/น้า 10 ลิตร ใส่สปั ดาหล์ ะ 1 คร้งั จนเรมิ่
เหน็ ตุ่มดอกเลก็ ๆ เปล่ยี นใส่ปยุ๋ สูตร 10-52-17 จนกระทัง่ ดอกบาน
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
37
ภาพประกอบการปักชากงิ่ แวววเิ ชียร
ลกั ษณะต้นแวววเิ ชยี ร )
ตดั กิง่ แวววเิ ชยี รให้มคี วามยาว 7-10 เซนติเมตร
ตดั ก่งิ แวววเิ ชยี รใหม้ คี วามยาว 7-10 เซนติเมตร เตรียมวสั ดุชา นาแกลบเผา ใส่ลงในตะกร้าท่บี ุด้วยกระดาษ
หนังสอื พิมพ์ ปรมิ าณ 2 ใน 3 ของตะกร้า
นากิ่งแวววิเชียรปักชาลงในตะกร้า ลกั ษณะการออกรากและการแตกยอดใหมห่ ลังปกั ชาได้ 15 วัน
ภาพท้ังหมดถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผ่าพงศว์ นา
(2560) เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารีย์ เผ่าพงศว์ นา
38
การขยายพนั ธก์ุ หุ ลาบ
การติดตาแบบ modified chip budding
1. ใช้มดี คมปาดก่งิ บนตน้ ตอกหุ ลาบป่าให้เป็น 2. เฉือนแผ่นตาจากกุหลาบพันธ์ุดใี ห้เป็นรูปโล่
รปู โล่ ยาวประมาณ 2.5 เซนตเิ มตร แลว้ เฉอื น ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร และปาด
ด้านลา่ งใหห้ ลุดออกเป็นมมุ ปากฉลาม ส่วนล่างออกเช่นเดยี วกับตน้ ตอกหุ ลาบปา่ ให้
มขี นาดใกล้เคียงกนั
3. นาแผ่นตากุหลาบพันธ์ุดีจากข้อ 2 ติดลงไป 4. พนั ด้วยแถบพลาสตกิ ให้แนน่ จากล่างขนึ ้ บน
บนแผลของกงิ่ กุหลาบปา่ ให้โคนซุกเขา้ ไปใน
รอยปากฉลาม ถ้าแผน่ ตาเล็กกว่ารอยแผล ให้
วางแผน่ ตาชิดไปขา้ งใดขา้ งหนงึ่
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา
39
การขยายพนั ธกุ์ ุหลาบ
การติดตาแบบตัวที (T budding)
1. ใชม้ ีดคมกรีดลงบนเปลอื กก่ิงกหุ ลาบปา่ เปน็ 2. เฉือนแผน่ ตาจากกหุ ลาบพันธ์ุดใี ห้เป็นรปู โล่
รอยตวั ทยี าวประมาณ 3 เซนตเิ มตร กรีดพอให้ ยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร จะแกะเนื้อไม้
ถงึ เน้อื ไม้ แลว้ เผยอเปลือกตรงรอยเฉอื นออก ดา้ นในของแผน่ ตาออกหรือไมก่ ็ได้
3. นาแผ่นตากุหลาบพันธด์ุ ีทีเ่ ฉือนเป็นรูปโล่ 4. ตดั แผน่ ตาที่เกนิ จากรอยบากตัวทอี อก
เสยี บลงในเปลอื กท่เี ผยอ
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณชิ ารีย์ เผา่ พงศ์วนา
40
5. พันด้วยแถบพลาสตกิ ใหแ้ น่นจากลา่ งขนึ้ บน
อปุ กรณท์ ใี่ ช้ในการตดิ ตา
1. คัตเตอร์
2. เทปพันตา
3. กรรไกรตัดแต่งก่งิ
4. ตากหุ ลาบพนั ธด์ุ ี
5. ตน้ ตอกุหลาบ
ทมี่ า : พจนา นาควัชระ.2558 ถ่ายภาพโดย ณชิ ารีย์ เผ่าพงศ์วนา (2558)
ทมี่ า : พจนา นาควชั ระ.2558. การติดตากุหลาบ.กรงุ เทพฯ:สานกั พมิ พ์บ้านและสวน
ค้นข้อมลู วนั ท่ี 28 พฤศจกิ ายน 2559.
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ชิ ารยี ์ เผา่ พงศว์ นา
41
การขยายพนั ธ์ุบโิ กเนีย
ปักชาใบบโิ กเนีย (Rex Begonia)
กรีดเป็นแผล
ลกั ษณะต้น Rex Begonia ใช้คัตเตอร์กรีดเป็นแผลยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
วางลงบนวัสดุเพาะเพาะให้แนบสนิท รดนา้ ให้ชุ่ม คลมุ ดว้ ยพลาสติกใสเพ่ือควบคุมความชืน
ลักษณะการเกดิ ตน้ ใหม่ อายุ 40 วัน ย้ายปลกู ลงกระถางชนาด 4 นวิ
ภาพทังหมดถ่ายภาพโดย ณชิ ารยี ์ เผา่ พงศว์ นา (2558)
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผ่าพงศว์ นา
42
วสั ดุอุปกรณ์
1. ใบแกเ่ รก็ บีโกเนยี
2. ตะกรา้
3.ขุยมะพร้าว
4. มีเดียเพาะกลา้
5. คัตเตอร์
6. ถงั พน่ น้า
วิธกี าร
1. ตัดใบแก่เรก็ บโี กเนยี ออกจากต้นแม่
2. น้าขุยมะพร้าว ผสมกบั มเี ดีย ในอตั รา 2 : 1 ในลงในตะกร้า พน่ นา้ ใหช้ ่มุ
3. กรดี ใบเร็กบีโกเนียเป็นแผลเล็กๆ(กรดี ตรงตา้ แหนง่ เสน้ ใบ)ยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร ทวั่ ทังใบ
4. น้าใบไปวางลงบนวสั ดเุ พาะซงึ่ อยู่ในตะกร้า ใชป้ ลายนวิ กดใบใหแ้ นบสนทิ กบั วัสดุเพาะ จากนันพน่
นา้ ใหช้ มุ่ อีกครัง
4. นา้ ถุงพลาสตกิ ใสสวมตะกรา้ ใชย้ างรัดปิดปากถุงใหส้ นทิ
5. วางไว้ในที่รม่ ร้าไร
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
43
การขยายพันธบ์ุ ิโกเนีย
ปักชาใบบโิ กเนีย (Rex Begonia)
ตัดเปน็ ชิ้น
ลักษณะตน้ Rex Begonia เลือกใบแก่มาขยายพันธุ์
ตดั เปน็ ชน้ิ ต้องให้ได้เส้นใบติดมาด้วยทุกชน้ิ ลกั ษณะหน้าใบและหลงั ใบทต่ี ัดเปน็ ชิ้นแลว้
วางชิ้นใบลงบนวสั ดเุ พาะกล้าให้แนบสนทิ กนั ลักษณะการเกิดตน้ ใหม่ อายุ 50 วนั พร้อมยา้ ยปลูก
เอกสารประกอบการสอน โดยครูณิชารีย์ เผ่าพงศ์วนา
44
ลักษณะการเกิดรากและต้นใหม่จากปลายเสน้ ใบ
ภาพท้งั หมดถา่ ยภาพโดย ณชิ ารยี ์ เผา่ พงศ์วนา (2558)
วสั ดุอุปกรณ์
1.ใบแกเ่ รก็ บโี กเนีย
2. ตะกร้า
3.ขยุ มะพรา้ ว
4. มเี ดยี เพาะกล้า
5. คัตเตอร์
6. ถงั พน่ นา้
วิธีการ
1. ตัดใบแก่เร็กบีโกเนยี ออกจากต้นแม่ และตัดแบ่งออกมาเปน็ ชิ้นๆ(ตัดให้ไดเ้ สน้ ใบหลักติดมาด้วย)
2. น้าขยุ มะพรา้ ว ผสมกับมีเดีย ในอตั รา 2 : 1 ใส่ลงในตะกร้า พ่นน้าใหช้ ุ่ม
3. วางชน้ิ ใบบิโกเนยี ลงบนวัสดุเพาะให้ห่างกนั พอประมาณใหท้ ่วั ตะกรา้ พ่นน้าใหช้ ่มุ อีกคร้ัง
4. นา้ ไปวางไวใ้ นที่รม่ ร้าไร
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารีย์ เผา่ พงศ์วนา
45
การขยายพันธก์ุ หุ ลาบหิน (ซคั คิวเลนต์)
ปักชาใบกุหลาบหนิ แบบควบแนน่
ต้นแมพ่ ันธ์กุ หุ ลาบหนิ เลอื กเอาพาะใบล่างหรือใบแก่ เติมน้าใสแ่ ก้วพลาสตกิ 1 ใน 3 ส่วน ปิดทบั ดว้ ยถุงพลาสติก
ใช้ยางรดั รดั ให้แนน่ ใช้คัตเตอรก์ รีดเปน็ แผล
นา้ ใบกหุ ลาบหินเสียบลงตามรอยแผล
ผ่านไป 30-45 วนั รากออก ยา้ ยปลกู ลงกระถางได้
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผา่ พงศว์ นา
46
ย้ายปลกู ลงกระถางขนาด 2 นวิ ้ หลงั จากย้ายปลกู ได้ 3 เดอื น สามารถนาต้นกหุ ลาบหินไปจาหน่ายได้
ภาพทงั หมดถ่ายภาพโดย ณิชารยี ์ เผ่าพงศว์ นา (2562)
วัสดอุ ปุ กรณ์
1. ใบกหุ ลาบหินสายพันธุต์ า่ งๆ
2. แกว้ พลาสติกเหลอื ใช้
3. ถงุ พลาสติก หรอื Wrap Plastic
4. ยางรดั
5. คตั เตอร์
6. นา้ เปลา่
วธิ ีการ
1. เตรยี มใบกุหลาบหิน เลอื กเอาเฉพาะใบล่างหรือใบแก่
2. ใช้แก้วพลาสตกิ เหลอื ใช้ เติมน้าปริมาณ 1 ใน 3 ของแก้ว นา้ Wrap Plastic ปดิ ทับฝา ใชย้ างรดั
รดั ให้แน่นบริเวณคอแก้วอกี ชัน
3. ใชค้ ัตเตอร์กรดี พลาสติกเปน็ แผลให้มขี นาดเท่ากับโคนใบของกหุ ลาบหนิ
4. นา้ ใบกหุ ลาบหนิ เสยี บลงไปตามรอยแผลทีท่ ้าไว้
5. น้าไปวางไวใ้ นท่รี ่มร้าไร
6. เวลาผ่านไป 30-45 วัน สามารถนา้ ออกย้ายปลูกได้
7. ย้ายปลูกลงกระถาง ขนาด 2 นิว
8. ย้ายปลกู ได้ประมาณ 3 เดอื น สามารถน้าไปจา้ หนา่ ยหรอื น้าไปใช้ประโยชนไ์ ด้
เอกสารประกอบการสอน โดยครณู ิชารยี ์ เผา่ พงศว์ นา
47
บรรณานุกรม
เทคโนโลยีชาวบ้าน. 2560. สถานการณ์การผลติ การตลาดไม้ดอกไมป้ ระดบั ของไทย. [online].
Available from https://www.technologychaoban.com/flower-and-decorating-
plants/article_41764 [cite. 20 พฤศจกิ ายน 2562]
ธนวัฒน์ รอดขาว และนิคม วงค์นนั ตา. 2550. ศกึ ษาตน้ ทุนการผลิตและการตลาดของดอก
เบญจมาศในโครงการพฒั นาบา้ นโปงตามพระราชดาร.ิ รายงานผลงานวิจยั .
เชยี งใหม่. มหาวิทยาลยั แมโ่ จ.้ 81 น.
พจนา นาควัชระ. 2558. กุหลาบ. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์บา้ นและสวน.
ร่งุ นภา ช่างเจรจา. 2560. ไม้ดอกการค้า. ตาราเรยี นประกอบรายวิชาไมด้ อกการคา้ . ลาปาง
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลลา้ นนา
สนั ต์ ไกยงาม. 2551. ไมด้ อกกระถาง. พิมพ์ครั้งที่ 1 . กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ 220 น.
อนันต์ บญุ มี. 2549. คมู่ ือการผลติ ไม้ตดั ดอกและไมต้ ัดใบ : เบญจมาศ. เชยี งใหม่.
มูลนธิ โิ ครงการหลวง. 108-119 น.