-30-
2.6 สามารถนาเสนอขอ้ มูลโดยการใชเ้ ทคโนโลยี
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 รู้ความหมายของตลาด
3.1.2 เขา้ ใจลกั ษณะของตลาดแต่ละประเภท
3.1.3 รู้ความหมายของการแบง่ ส่วนตลาด
3.1.4 เขา้ ใจความสาคญั ของการแบง่ ส่วนตลาด
3.1.5 รู้เกณฑท์ ี่นามาใชใ้ นการแบ่งส่วนตลาด
3.1.6 เขา้ ใจข้นั ตอนของการแบ่งส่วนตลาด
3.1.7 เขา้ ใจกลยทุ ธ์การกาหนดตลาดเป้ าหมาย
3.1.8 มีทกั ษะในการแบ่งส่วนตลาดโดยการใชเ้ กณฑต์ า่ ง ๆ
3.1.9 รู้และเขา้ ใจความหมาย และความสาคญั ของการกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์
3.1.10 รู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั ส่วนแบง่ ตลาด
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของตลาดได้
3.2.2. จาแนกประเภทตลาดได้
3.2.3 บอกความหมายของการแบ่งส่วนตลาดได้
3.2.4 บอกเกณฑท์ ่ีนามาใชใ้ นการแบง่ ส่วนตลาดผบู้ ริโภคและตลาดธุรกิจได้
3.2.5 อธิบายข้นั ตอนของการแบง่ ส่วนตลาดได้
3.2.6 บอกประโยชน์ของการแบ่งส่วนตลาดได้
3.2.7 บอกความหมายของส่วนแบง่ ตลาดได้
3.2.8 วเิ คราะห์เก่ียวกบั ส่วนแบ่งตลาดของผลิตภณั ฑแ์ ตล่ ะชนิดได้
3.2.9 อธิบายลกั ษณะการกาหนดตลาดเป้ าหมายได้
3.2.10 บอกปัจจยั ในการกาหนดตลาดเป้ าหมายได้
3.2.11 บอกความหมายของการกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑไ์ ด้
3.2.12 บอกปัจจยั ในการกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑไ์ ด้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของตลาด (Market)
-31-
4.2 ประเภทของตลาด
4.2.1 ตลาดบริโภคอุปโภค (Consumer Market)
4.2.2 ตลาดธุรกิจ (Business Market)
4.3 การแบง่ ส่วนตลาด (Market Segmentation)
4.3.1 ความหมายของการแบ่งส่วนตลาด
4.3.2 เกณฑใ์ นการแบ่งส่วนตลาด
4.3.3 ข้นั ตอนในการแบ่งส่วนตลาด
4.3.4 ประโยชน์ของการแบง่ ส่วนตลาด
4.4. ส่วนแบ่งตลาด (Market Share)
4.4.1 ลกั ษณะการกาหนดตลาดเป้ าหมาย
4.4.2 ปัจจยั ในการกาหนดตลาดเป้ าหมาย
4.5 การกาหนดตลาดเป้ าหมาย (Market Targeting)
4.5.1 ลกั ษณะการกาหนดตลาดเป้ าหมาย
4.5.2 ปัจจยั ในการกาหนดตลาดเป้ าหมาย
4.6 การกาหนดตาแหน่งของผลิตภณั ฑ์ (Product Positioning)
4.6.1 ความหมายของการกาหนดตาแหน่งของผลิตภณั ฑ์
4.6.2 ปัจจยั ในการกาหนดตาแหน่งของผลิตภณั ฑ์
4.7 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
สรุปบทเรียนท่ีผา่ นมาใหเ้ กิดการเรียนรู้อยา่ งต่อเน่ืองและเห็นถึงความสอดคลอ้ งกนั ของหนา้ ท่ีและ
กิจกรรมการตลาดในเชิงระบบภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มทางการตลาด เพื่อให้เกิดการตอบสนองความตอ้ งการ
ของผบู้ ริโภคหรือตลาดเป้ าหมาย ให้ผเู้ รียนร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกบั คาวา่ “ตลาด” ตามความเขา้ ใจและที่
จดจาได้ แลว้ นาคาตอบมาสรุปถึงความหมายของตลาด
5.2 การสอน
อธิบายใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องการกาหนดตลาดเป้ าหมายตามรายละเอียดที่ปรากฏใน
ส่วนเน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะสอนพยายามกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น
ยกตวั อยา่ ง และดาเนินการตอบสนองความตอ้ งการของตลาดอยา่ งมีคุณธรรมตามหลกั จรรยาบรรณ
-32-
5.3 การสรุป
สรุปเน้ือหาเพื่อให้ผเู้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ ในเรื่องการกาหนดตลาดเป้ าหมาย เพ่ือให้สามารถ
กาหนดลักษณะของผลิตภัณฑ์ได้สอดคล้องกับตลาดเป้ าหมายอย่างมีคุณธรรม จริยธรรมตามหลัก
จรรยาบรรณนกั การตลาด
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
ทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การกาหนดตลาดเป้ าหมาย นาตลาดเป้ าหมายที่กิจการเลือกมา
ศึกษาเก่ียวกบั แรงจูงใจ อุปนิสัยการซ้ือ กระบวนการตดั สินใจซ้ือ โดยการนาคาตอบท่ีนกั ศึกษาไดท้ าการ
สอบถามเหตุผลของผใู้ ชส้ บู่ Dove จานวน 10-20 ราย ซ่ึงไดร้ ับคาตอบต่างกนั ไป เช่น เห็นจากโฆษณา
ราคาไมแ่ พง กล่ินหอม มีอยแู่ ลว้ แถมมา หาซ้ือง่าย ฯลฯ แสดงวา่ ในสินคา้ ชนิดเดียวกนั อาจมีเหตุผลในการ
ซ้ือมากมาย พฤติกรรมในการจดั หาใหไ้ ดม้ าต่างกนั ท้งั น้ีเนื่องจากปัจจยั หลายประการ
5.2 การสอน
อธิบายให้ผเู้ รียนได้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจในพฤติกรรมผูบ้ ริโภคตามรายละเอียดท่ีปรากฏอยู่ใน
ส่วนเน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะทาการสอนพยายามยกตวั อยา่ งพฤติกรรมต่างๆ ท่ีผเู้ รียน
แสดงออกมาในการซ้ือสินคา้ แต่ละชนิดแต่ละโอกาส นามากาหนดกิจกรรมการตลาดในด้านต่างๆ ให้
เหมาะสมกบั พฤติกรรมของกลุ่มเป้ าหมาย
5.3 การสรุป
สรุปบทเรียนเพื่อให้ผเู้ รียนเขา้ ใจถึงการนาขอ้ มูลเก่ียวกบั พฤติกรรมผบู้ ริโภคไปใชป้ ระโยชนใ์ นการ
กาหนดแนวทางการบริหารการตลาดและการกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. ส่ือการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก
6.2 จากสภาพการตลาดจริงท่ีผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานที่มอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 28-35 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 18-27 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 10-17 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 10 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
-33-
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย (ถ้ามี)
8.1 แบง่ ผเู้ รียนเป็นกลุ่ม ๆ ละเท่า ๆ กนั เพอื่ ศึกษาและแบง่ ส่วนตลาดในวทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระ
พษิ ณุโลก โดยอาศยั เกณฑต์ ่าง ๆ เกณฑล์ ะ 1 ตวั อยา่ ง
8.2 ใหผ้ เู้ รียนไปศึกษาสภาพการครองส่วนตลาดของสินคา้ คนละ 1 ชนิด และใหส้ รุปวา่ สินคา้ ชนิดน้นั ๆ
ตรายหี่ ้อใดครองส่วนแบง่ ตลาดเท่าใด พร้อมภาพแสดงการครองส่วนตลาดของสินคา้ ในรูปกราฟวงกลม
โดยการใชเ้ ทคโนโลยคี อมพิวเตอร์
9. เอกสารอ้างองิ
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แต่งโดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก พิมพโ์ ดย บริษทั ศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมนิ ผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
แบบทดสอบหลังเรียน
วชิ า หลกั การตลาด (3200-1003)
หน่วยที่ 5 เร่ือง การกาหนดตลาดเป้ าหมาย
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาเลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว แลว้ นาตวั อกั ษรหนา้ ขอ้ ที่เลือกไปใส่
ในกระดาษคาตอบ
คาชี้แจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว โดยนาอกั ษรหนา้ คาตอบท่ีเลือกไปใส่ใน
กระดาษคาตอบ
1. Ultimate Consumer เก่ียวขอ้ งกบั ตลาดประเภทใด
ก. Consumer Market ข. Business Market
ค. Target Market ง. General Market
2. ขา้ ราชการ นกั ศึกษา นกั ธุรกิจ เป็นกลุ่มตลาดที่ไดจ้ ากการใชเ้ กณฑใ์ ดในการแบ่งส่วนตลาด
ก. คุณลกั ษณะเชิงจิตวทิ ยา ข. คุณลกั ษณะเชิงภมู ิศาสตร์
ค. คุณลกั ษณะเชิงพฤติกรรมศาสตร์ ง. คุณลกั ษณะเชิงประชากรศาสตร์
3. ปริมาณความตอ้ งการของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ีมีตอ่ สินคา้ หรือบริการอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงและมี
ความเตม็ ใจซ้ือและมีความสามารถในการซ้ือ หมายถึงขอ้ ใด
ก. ส่วนแบ่งตลาด ข. ตลาด
ค. ผผู้ ลิต ง. การแบง่ ส่วนตลาด
-34-
4. Market Targeting คือขอ้ ใด
ก. ตลาดมุ่งเฉพาะส่วน ข. ตาแหน่งผลิตภณั ฑ์
ค. การกาหนดตลาดเป้ ามาย ง. การแบง่ ส่วนตลาด
5. ลกั ษณะของตลาดธุรกิจผซู้ ้ือจะมีแรงจูงใจซ้ือชนิดใด
ก. แรงจูงใจท่ีมีเหตุผล ข. แรงจูงใจทางอารมณ์
ค. แรงจงู ใจเน่ืองจากอิทธิพลกลุ่ม ง. แรงจูงใจอุปถมั ภ์
6. ผซู้ ้ือในตลาดธุรกิจที่ดาเนินกิจการในลกั ษณะการจดั จาหน่ายคือขอ้ ใด
ก. โลตสั ข. วริ ิยะประกนั ภยั
ค. สนามก๊อฟดงภเู กิด ง. บริษทั ยนู ิ ลิเวอร์ โฮลดิ้ง ไทย จากดั
7. กระบวนการในการทาให้ตลาดมีขนาดเลก็ ลงและมีความคลา้ ยคลึงกนั อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เรียกวา่ อะไร
ก. การแบ่งส่วนตลาด ข. การกาหนดตลาดเป้ าหมาย
ค. ส่วนแบ่งทางการตลาด ง. หนา้ ที่ทางการตลาด
8. Big C จดั เป็นผซู้ ้ือในตลาดประเภทใด
ก. Consumer Market ข. Business Market
ค. Target Market ง. General Market
9. ตลาดภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ เป็นลกั ษณะตลาดที่ไดจ้ ากการใชเ้ กณฑใ์ ดในการแบง่ ส่วนตลาด
ก. คุณลกั ษณะเชิงจิตวทิ ยา ข. คุณลกั ษณะเชิงภูมิศาสตร์
ค. คุณลกั ษณะเชิงพฤติกรรมศาสตร์ ง. คุณลกั ษณะเชิงประชากรศาสตร์
10. ตลาดส่วนท่ีกิจการเลือกจะเขา้ ไปดาเนินการตอบสนองความตอ้ งการ เรียกวา่ อะไร
ก. ตลาดเป้ าหมาย ข. ตลาดมวลรวม
ค. ตลาดมุง่ เฉพาะส่วน ง. ตลาดแยกความแตกต่าง
11. ประโยชนท์ ่ีนกั การตลาดไดร้ ับจากการแบง่ ส่วนตลาด คือขอ้ ใด
ก. สามารถสร้างความตอ้ งการในสินคา้ หรือบริการไดม้ ากข้ึน
ข. ทาใหต้ ลาดท่ีมีขนาดใหญม่ ีขนาดเล็กลง
ค. สามารถแข่งขนั กบั คู่แข่งขนั ไดด้ ียงิ่ ข้ึน
ง. สามารถวางแผนทางการตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
12. การแบ่งส่วนตลาดโดยพิจารณาจากวถิ ีการดาเนินชีวิตเป็นการแบง่ ส่วนตลาดโดยใชเ้ กณฑใ์ ด
ก. คุณลกั ษณะเชิงจิตวทิ ยา ข. คุณลกั ษณะเชิงภมู ิศาสตร์
ค. คุณลกั ษณะเชิงพฤติกรรมศาสตร์ ง. คุณลกั ษณะเชิงประชากรศาสตร์
-35-
13. การสร้างจุดขายใหแ้ ก่ผลิตภณั ฑท์ ี่ผลิตและจดั จาหน่ายเรียกวา่ อะไร
ก. กาหนดเกณฑก์ ารแบ่งส่วนตลาด ข. การแบ่งส่วนตลาด
ค. การกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ ง. การกาหนดตลาดเป้ ามาย
14. การแบ่งส่วนตลาดธุรกิจโดยใชล้ กั ษณะของธุรกิจเป็นเกณฑจ์ ะพิจารณาธุรกิจจากขอ้ ใด
ก. ลกั ษณะการดาเนินงาน ข. ประเภทของธุรกิจ
ค. โครงสร้างขององคก์ าร ง. การปฏิบตั ิงาน
15. บริษทั ยนู ิลีเวอร์ โฮลดิ้ง ไทย จากดั จดั จาหน่าย แชมพสู ระผม น้ายาฆา่ แมลง เส้ือผา้ สาเร็จรูป
เคร่ืองสาอาง ควรกาหนดตลาดเป้ าหมายแบบใด
ก. ตลาดมุ่งเฉพาะส่วน ข. ตลาดโดยมวลรวม
ค. ตลาดไมแ่ ยกความแตกต่าง ง. ตลาดแยกความแตกต่าง
16. การกาหนดตลาดเป้ าหมายโดยรวมเพียงตลาดเดียวเป็ นการกาหนดตลาดเป้ าหมายในลกั ษณะใด
ก. มุง่ เฉพาะส่วน ข. แยกความแตกต่าง
ค. ไม่แยกความแตกต่าง ง. แบบเจาะจง
17. ส่วนแบง่ ตลาดเป็ นสิ่งท่ีแสดงถึงความสามารถของผลิตภณั ฑใ์ นดา้ นใด
ก. การตอบสนองความตอ้ งการของตลาดในช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง
ข. การคะเนยอดขายของตลาดโดยรวม
ค. การวางแผนทางการตลาดไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
ง. การกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดในแตล่ ะส่วนแบ่งของตลาด
18. การศึกษามูลคา่ ของตลาดมวลรวมเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ขนาดของตลาดเป็นกิจกรรมการแบง่
ส่วนตลาดในข้นั ตอนใด
ก. ศึกษาและกาหนดเกณฑ์
ข. คาดคะเนยอดขายท่ีเป็นไปไดใ้ นแต่ละส่วนชองตลาด
ค. การคะเนยอดขายของตลาดโดยรวม
ง. การเลือกเกณฑม์ าใชใ้ นการแบง่ ส่วนตลาด
19. สดั ส่วนความสามารถของผลิตภณั ฑช์ นิดใดชนิดหน่ึงในการตอบสนองความตอ้ งการของตลาดใน
ช่วงเวลาใดเวลาหน่ึงคือ เรียกวา่ อะไร
ก. การแบ่งส่วนตลาด ข. การกาหนดตลาดเป้ าหมาย
ค. ส่วนแบง่ ตลาด ง. ตลาดมุง่ เฉพาะส่วน
20. ปัจจยั ที่นามาใชใ้ นการพิจารณาเลือกตลาดเป้ าหมายคือขอ้ ใด
ก. จานวนคูแ่ ขง่ ขนั ในตลาด ข. ทรัพยากรของกิจการ
ค. ปริมาณสินคา้ ที่กิจการมีอยู่ ง. ราคาของสินคา้
-36-
21. สาหรับธุรกิจท่ีเขา้ สู่ตลาดใหม่ ๆ ควรกาหนดตลาดเป้ าหมายลกั ษณะใด
ก. มุ่งเฉพาะส่วน ข. แยกความแตกตา่ ง
ค. ไม่แยกความแตกต่าง ง. แบบตลาดมวลรวม
22. หากแบง่ ส่วนตลาดในวทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพษิ ณุโลกโดยการใชเ้ กณฑภ์ มู ิศาสตร์จะไดต้ ลาดใน
ลกั ษณะใด
ก. ครู นกั การภารโรง ผเู้ รียน เจา้ หนา้ ที่ ข. ผเู้ รียนในระดบั ปวช., ปวส.
ค. ระดบั รายไดข้ องผปู้ กครอง ง. ผเู้ รียนท่ีมาจากแต่ละอาเภอ
23. ลกั ษณะของตลาดธุรกิจคือขอ้ ใด
ก. ผซู้ ้ือมีจานวนนอ้ ย
ข. แรงจงู ใจซ้ือต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานดา้ นอารมณ์มากกวา่ เหตุผล
ค. ปัจจยั ท่ีนามาใชใ้ นการตดั สินใจซ้ือคือรายได้ เช้ือชาติ สถานภาพทางสงั คม
ง. ผซู้ ้ือมีจานวนมาก
24. ขอ้ ใดคือลกั ษณะการกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์
ก. จดั ทรงง่าย ป้ องกนั รังแค ข. ผลิตภณั ฑท์ ี่อยคู่ ูค่ รัวไทยมานาน
ค. ราคาพิเศษ สาหรับ 20 สายแรก ง. ซ้ือ 1 แถม 1 ทุกชนิด
25. หากผลิตภณั ฑม์ ีลกั ษณะคลา้ ยคลึงกบั ผลิตภณั ฑท์ วั่ ๆไปในตลาด ควรกาหนดตลาดเป้ าหมายแบบใด
ก. มุง่ เฉพาะส่วน ข. แยกความแตกตา่ ง
ค. ไม่แยกความแตกต่าง ง. แบบเจาะจง
26. การสร้างจุดเด่นเฉพาะที่จะเขา้ ไปครองใจกลุ่มผซู้ ้ือใหย้ อมรับและจดจาและเลือกผลิตภณั ฑข์ อง
กิจการอยเู่ สมอ หมายถึงขอ้ ใด
ก. การกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑ์ ข. การแบง่ ส่วนตลาด
ค. การกาหนดตลาดเป้ าหมาย ง. การวเิ คราะห์โอกาสทางการตลาด
27. การกาหนดตาแหน่งผลิตภณั ฑป์ ระเภทเคร่ืองมือสื่อสารควรเป็นขอ้ ใด
ก. มน่ั คงดว้ ยรากฐานบริการดว้ ยนาใจ ข. น้าหนกั เบา ขนาดกะทดั รัด
ค. ทาความสะอาดง่าย ง. บริการซ่อมสะดวก รวดเร็ว
28. การแบ่งส่วนตลาดโดยการศึกษาถึงสถานที่ที่ผบู้ ริโภคชอบซ้ือสินคา้ เป็ นการแบง่ ส่วนตลาดโดยใช้
เกณฑใ์ ด
ก. เชิงจิตวทิ ยา ข. เชิงภมู ิศาสตร์
ค. เชิงพฤติกรรมการซ้ือ ง. เชิงประชากรศาสตร์
-37-
29. ธุรกิจใดธุรกิจหน่ึงท่ีมีความสามารถในการตอบสนองความตอ้ งการของตลาดไดม้ ากกวา่ คูแ่ ขง่ ขนั
ทุกรายในตลาด เรียกวา่ อะไร
ก. การแบ่งส่วนตลาด ข. ผนู้ าทางการตลาด
ค. ส่วนแบง่ ตลาด ง. ตลาดมุง่ เฉพาะส่วน
30. ผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นผนู้ าในตลาดจะมีส่วนแบ่งตลาดเป็ นอยา่ งไร
ก. มีส่วนแบ่งของปริมาณสินคา้ ที่ผลิตมากกวา่ คู่แข่งขนั สามารถเขา้ สู่ตลาดไดท้ ุกส่วน
ข. มีส่วนแบ่งสินคา้ แต่ละชนิดหลากหลายเขา้ สู่ตลาดไดห้ ลายส่วน
ค. มีส่วนแบ่งตลาดนอ้ ยกวา่ คูแ่ ข่งขนั แต่ราคาสูงกวา่
ง. มีส่วนแบง่ ตลาดมากกวา่ คู่แขง่ ขนั
**************************************
ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาเขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษใหถ้ ูกตอ้ งตรงกบั คาท่ีใหม้ าลงในกระดาษคาตอบ
1. การกาหนดตลาดเป้ าหมาย …………………………………………………………….……….
2. ตลาด…………………………………………………………………………………………….
3. ตลาดผบู้ ริโภค……………………………………………………………………………………
4. การแบง่ ส่วนตลาด........................................................................................................................
5. ส่วนแบ่งตลาด..............................................................................................................................
11. บนั ทกึ หลงั การสอน (ตามเอสารบันทกึ หลงั สอนเพมิ่ เติม)
12. ข้อคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
รหสั วชิ า …….30200-1002…………ชื่อวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังที่ …9 -10…..หน่วยที่ ...6... ชื่อหน่วย....พฤติกรรมผบู้ ริโภค (Consumer Behavior) เวลา 6 ชม.
1. สาระสาคัญ
พฤติกรรมผบู้ ริโภค หมายถึง การกระทาของบุคคลใดบุคคลหน่ึงหรือกลุ่มบุคคล ซ่ึงเก่ียวขอ้ ง
กบั การจดั หาใหไ้ ดม้ าและการใชซ้ ่ึงสินคา้ และบริการ รวมถึงกระบวนการตดั สินใจซ้ือ การศึกษาเก่ียวกบั
พฤติกรรมผบู้ ริโภคเป็นส่ิงสาคญั ท่ีนกั การตลาดตอ้ งทาการศึกษาใหเ้ ขา้ ใจถึงแรงจูงใจในการซ้ือ พฤติกรรม
การซ้ือ อุปนิสัยในการซ้ือของผบู้ ริโภค ตลอดท้งั กระบวนการตดั สินใจซ้ือ เพ่อื ให้เขา้ ใจเกี่ยวกบั ลกั ษณะ
ความตอ้ งการของผซู้ ้ือ อนั จะนามาซ่ึงการพฒั นาผลิตภณั ฑ์และกิจกรรมทางการตลาดใหม้ ีความสอดคลอ้ ง
กบั ความตอ้ งการ การดาเนินงานทางการตลาดใหป้ ระสบความสาเร็จ เป็นท่ีพึงพอใจแก่ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้
และผปู้ ระกอบการธุรกิจ นกั การตลาดตอ้ งใหค้ วามสาคญั ต่อผบู้ ริโภคหรือผซู้ ้ือท่ีเป็นกลุ่มเป้ าหมายเป็น
อนั ดบั แรก ฉะน้นั ก่อนที่ธุรกิจจะทาการผลิตหรือจดั หาสินคา้ หรือบริการและกาหนดกิจกรรมทางการตลาด
ควรตอ้ งศึกษาใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชใ้ หเ้ กิดความชดั เจนวา่ ผบู้ ริโภคหรือ
ผใู้ ชค้ ือใคร มีความตอ้ งการอะไร ตอ้ งการเมื่อไหร่ มีอุปนิสัยในการซ้ืออยา่ งไร แรงจูงใจในการซ้ือมา
จากเหตุผลใด และบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตดั สินใจซ้ือรวมถึงกระบวนการตดั สินใจซ้ือ เพราะเป็ นปัจจยั
สาคญั ที่ทาใหน้ กั การตลาดเขา้ ใจถึงพฤติกรรมการซ้ือสินคา้ หรือบริการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ สามารถ
นามาใชว้ างแผนและกาหนดกิจกรรมทางการตลาดใหเ้ หมาะสมกบั พฤติกรรมของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายของพฤติกรรมผบู้ ริโภค และแนวทางในการศึกษาพฤติกรรม
ผบู้ ริโภค
2.2 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมายและลกั ษณะของแรงจูงใจแตล่ ะชนิด
2.3 แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายและลกั ษณะ อุปนิสัยการซ้ือของผบู้ ริโภค
2.4 อธิบายกระบวนการในการตดั สินใจซ้ือและลกั ษณะของพฤติกรรมการซ้ือของตลาดผบู้ ริโภค
และตลาดธุรกิจ
2.5 อธิบายประโยชน์ของการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคที่มีตอ่ การดาเนินงานทางการตลาดในดา้ นตา่ งๆ
2.6 กาหนดกิจกรรมทางการตลาดให้เกิดความสอดคลอ้ งกบั พฤติกรรมของผบู้ ริโภค
2.7 วเิ คราะห์พฤติกรรมผบู้ ริโภคในวทิ ยาลยั ฯและกาหนดกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกบั พฤติกรรมการซ้ือของ
ผบู้ ริโภค
2.8 บูรณาการความรู้มาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานกลุ่มที่ไดร้ ับมอบหมายและนาเสนอโดยใชเ้ ทคโนโลยี
-39-
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป
3.1.1 รู้ความหมายของพฤติกรรมผบู้ ริโภค
3.1.2 รู้แนวทางในการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภค
3.1.3 รู้ความหมายและลกั ษณะของแรงจงู ใจแต่ละชนิด
3.1.4 รู้ความหมายและลกั ษณะของอุปนิสยั การซ้ือของผบู้ ริโภค
3.1.5 เขา้ ใจลกั ษณะอุปนิสัยการซ้ือของผบู้ ริโภคในปัจจุบนั
3.1.6 เขา้ ใจกระบวนการในการตดั สินใจซ้ือของผบู้ ริโภค
3.1.7 เขา้ ใจลกั ษณะของพฤติกรรมการซ้ือของตลาดธุรกิจ
3.1.8 รู้และเขา้ ใจประโยชนข์ องการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคท่ีมีต่อการดาเนินงาน
ทางการตลาดในดา้ นตา่ ง ๆ
3.1.9 มีทกั ษะในการนาขอ้ มูลเก่ียวกบั พฤติกรรมผบู้ ริโภคไประยกุ ตใ์ ชใ้ นลกั ษณะตา่ ง ๆ
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของพฤติกรรมผบู้ ริโภคได้
3.2.2 อธิบายทฤษฎีเกี่ยวกบั ความตอ้ งการของมนุษยไ์ ด้
3.2.3 บอกแนวทางในการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคได้
3.2.4 บอกความหมายและลกั ษณะของแรงจงู ใจแตล่ ะชนิดได้
3.2.5 บอกความหมายและตวั แปรที่มีความสาคญั ตอ่ พฤติกรรมการซ้ือได้
3.2.6 บอกความหมายและลกั ษณะของอุปนิสัยการซ้ือของผบู้ ริโภคได้
3.2.7 อธิบายลกั ษณะอุปนิสยั การซ้ือของผบู้ ริโภคในปัจจุบนั ได้
3.2.8 อธิบายกระบวนการในการตดั สินใจซ้ือของผบู้ ริโภคได้
3.2.9 บอกลกั ษณะของพฤติกรรมการซ้ือของตลาดธุรกิจได้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของพฤติกรรมผบู้ ริโภค
4.2 ทฤษฎีเกี่ยวกบั ความตอ้ งการของมนุษย์
4.2.1 ความตอ้ งการทางดา้ นร่างกายหรือความตอ้ งการข้นั พ้ืนฐาน (Physiological Need)
4.2.2 ความตอ้ งการความมนั่ คงปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ิน (Safety Need)
4.2.3 ความตอ้ งการทางสังคมและความรัก Love and Belonging Need)
4.2.4 ความตอ้ งการการยอมรับและยกยอ่ ง (Esteem Need)
4.2.5 ความตอ้ งการสมหวงั หรือความสาเร็จในชีวติ (Self Actualization Need)
-40-
4.3 แนวทางการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภค
4.3.1 แรงจงู ใจในการซ้ือ (Buying Habit)
4.3.2 พฤติกรรมการซ้ือ
4.3.3 อุปนิสัยการซ้ือ (Buying Habit)
4.3.4 กระบวนการตดั สินใจซ้ือ
4.4 แนวทางการศึกษาพฤติกรรมการซ้ือของตลาดธุรกิจ
4.4.1 ลกั ษณะของการซ้ือ
4.4.2 ปริมาณการซ้ือตอ่ คร้ัง
4.4.3 ความถ่ีในการซ้ือนอ้ ย
4.4.4 การตดั สินใจซ้ือข้ึนอยกู่ บั บุคคลหลายฝ่ าย
4.4.5 แรงจูงใจในการซ้ือข้ึนอยกู่ บั แรงจงู ใจท่ีมีเหตุผล
4.4.6 ใชห้ ลกั ต่างตอบแทนกนั
4.4.7 กระบวนการในการจดั ซ้ือ
4.5 ประโยชน์ของการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคต่อการดาเนินงานการตลาด
4.5.1 เขา้ ใจถึงความตอ้ งการและพฤติกรรมการซ้ือของตลาดเป้ าหมาย
4.5.2 สามารถนาขอ้ มูลมาปรับปรุงผลิตภณั ฑใ์ หส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด
4.5.3 นกั การตลาดสามารถคน้ พบตลาดใหม่ๆ ทาใหส้ ามารถขยายตลาดไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง
4.5.4 สามารถกาหนดกิจกรรมการตลาดใหส้ อดคลอ้ งกบั แผนการตลาดในดา้ นตา่ งๆ
4.6 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
ทบทวนความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การกาหนดตลาดเป้ าหมาย นาตลาดเป้ าหมายท่ีกิจการเลือกมา
ศึกษาเกี่ยวกบั แรงจูงใจ อุปนิสัยการซ้ือ กระบวนการตดั สินใจซ้ือ โดยการนาคาตอบที่นกั ศึกษาไดท้ าการ
สอบถามเหตุผลของผใู้ ชส้ บู่ Dove จานวน 10-20 ราย ซ่ึงไดร้ ับคาตอบต่างกนั ไป เช่น เห็นจากโฆษณา ราคา
ไม่แพง กล่ินหอม มีอยแู่ ลว้ แถมมา หาซ้ือง่าย ฯลฯ แสดงวา่ ในสินคา้ ชนิดเดียวกนั อาจมีเหตุผลในการซ้ือ
มากมาย พฤติกรรมในการจดั หาใหไ้ ดม้ าต่างกนั ท้งั น้ีเน่ืองจากปัจจยั หลายประการ
5.2 การสอน
อธิบายให้ผูเ้ รียนไดเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจในพฤติกรรมผบู้ ริโภคตามรายละเอียดที่ปรากฏอยใู่ น
ส่วนเน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะทาการสอนพยายามยกตวั อยา่ งพฤติกรรมต่างๆ ที่ผเู้ รียนแสดง
ออกมาในการซ้ือสินคา้ แต่ละชนิดแต่ละโอกาส นามากาหนดกิจกรรมการตลาดในดา้ นต่างๆ ให้เหมาะสม
กบั พฤติกรรมของกลุ่มเป้ าหมาย
-41-
5.3 การสรุป
สรุปบทเรียนเพื่อให้ผเู้ รียนเขา้ ใจถึงการนาขอ้ มูลเก่ียวกบั พฤติกรรมผูบ้ ริโภคไปใชป้ ระโยชน์ในการ
กาหนดแนวทางการบริหารการตลาดและการกาหนดกลยทุ ธ์การตลาดไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
6. ส่ือการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพิเศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก
6.2 จากสภาพการตลาดจริงท่ีผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานที่มอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 18-25 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 11-17 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 6-10 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 6 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย (ถ้ามี)
8.1 ให้ผเู้ รียนจบั คู่เพ่ือสอบถามขอ้ มูลจากกลุ่มผใู้ ชส้ บู่ DOVE มาคู่ละ 1 คน เกี่ยวกบั สาเหตุที่ทาให้เขา
ตดั สินใจซ้ือสบู่ DOVE สถานที่ที่เลือกซ้ือพร้อมเหตุผล
8.2 ให้ผูเ้ รียนแบ่งกลุ่มเป็ นกลุ่มละ 5 คน เพื่อศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคในวิทยาลยั พณิชยการบึงพระ
พิษณุโลก แลว้ นามาวิเคราะห์วา่ สินคา้ ประเภทใดหรือลกั ษณะใดจะนามาจาหน่าย ราคาควรอยใู่ นระดบั ใด
ควรใชก้ ิจกรรมการตลาดอยา่ งไรท่ีสามารถการจงู ใจตลาดไดด้ ีท่ีสุด
9. เอกสารอ้างองิ
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แต่งโดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพษิ ณุโลก พมิ พโ์ ดย บริษทั ศูนยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
-42-
แบบทดสอบหลงั เรียน
วชิ า หลกั การตลาด (30200-1002)
หน่วยท่ี 6 เร่ือง พฤตกิ รรมผ้บู ริโภค
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษานาอกั ษรหนา้ คาตอบที่กาหนดใหใ้ นตอน ข มาใส่ในวงเล็บของคาถามในตอน ก
ใหถ้ ูกตอ้ ง
ตอน ก
1. ความตอ้ งการข้นั ที่ 4 ของมนุษยต์ ามแนวคิดของ อบั ราฮมั มาสโลว์ คือ.................................(...........)
2. ในปัจจุบนั พบวา่ ความตอ้ งการที่อยอู่ าศยั มีจานวนมากข้ึน แต่มีขนาดเล็กลงเน่ืองจากการเปล่ียนแปลง
เก่ียวกบั พฤติกรรมผบู้ ริโภคเร่ืองใด......................................................................................(............)
3. (...........) คือ ส่ิงต่าง ๆ ที่มีส่วนกระตุน้ ใหผ้ บู้ ริโภคเกิดความตอ้ งการและแสดงพฤติกรรมในการซ้ือ
4. (...........) คือ การกระทาของบุคคลใดบุคคลหน่ึงซ่ึงเกี่ยวขอ้ งโดยตรงกบั การจดั หาใหไ้ ดม้ าและการใช้
สินคา้ หรือบริการ
5. E- Commerce เป็นการจดั การทางการตลาดท่ีสอดคลอ้ งกบั อุปนิสยั ในการซ้ือเร่ืองใด.........(...........)
6.................(............) ......................คือ ปฏิกิริยาที่ผบู้ ริโภคแสดงออกมาในขณะหาซ้ือสินคา้ หรือบริการ
7. นกั การตลาดสามารถนาขอ้ มลู เก่ียวกบั พฤติกรรมผบู้ ริโภคไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นใด..........(...........)
8. การศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคเกี่ยวกบั เวลาในการซ้ือสินคา้ สามารถนาไปใชจ้ ดั การเก่ียวกบั ส่วนประสม
ทางการตลาดในเรื่องใด.........................................................................................................(............)
9. ขอ้ มลู เก่ียวกบั สินคา้ ท่ีไดม้ าจากประสบการณ์ในการใช้ นามาใชใ้ นข้นั .....(...........).. ของกระบวนการ
ตดั สินใจซ้ือ
10. .........(...............)............. จดั เป็นความตอ้ งการข้นั พ้ืนฐานของมนุษย์ อนั ไดแ้ ก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม
11. ลกั ษณะเด่นของพฤติกรรมการซ้ือของตลาดธุรกิจคือ............................................................(............)
12. การศึกษาเก่ียวกบั อุปนิสัยการซ้ือของผบู้ ริโภคดา้ นเวลาปัจจุบนั พบวา่ ..................................(............)
13. ทศั นคติท่ีมีต่อสินคา้ จะเกิดข้ึนในข้นั ตอนใดของกระบวนการตดั สินใจซ้ือ...........................(............)
14. กลุ่มชนช้นั สูง ช้นั กลาง ช้นั ต่า คืออะไร…………………………………………………..(............)
15. การพฒั นากาแฟแบบโบราณเป็ นกาแฟสาเร็จรูปเพื่อสนองอุปนิสัยในการซ้ือเร่ืองใด...........(............)
16. ผบู้ ริโภคซ้ือสินคา้ เพราะคุณภาพดี สามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการจดั การเก่ียวกบั ...........(...........)
17. การซ้ือสินคา้ ของผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ยต้งั อยบู่ นพ้นื ฐานแรงจูงใจดา้ นใด................................(...........)
18. กระบวนการในการตดั สินใจซ้ือของผบู้ ริโภคเร่ิมตน้ ที่กิจกรรมใด........................................(...........)
19. กลุ่มชนช้นั กลางหมายถึง.......................................................................................................(...........)
-43-
ตอน ข
A. แรงจูงใจทางอารมณ์
B. ลกั ษณะของครอบครัว
C. ความตอ้ งการประสบความสาเร็จในชีวติ
D. แรงจงู ใจอุปถมั ภ์
E. การระบุทางเลือก
F. กลุ่มชนช้นั ทางสังคม
G. แรงจูงใจเน่ืองจากอิทธิพลกลุ่ม
H. อุปนิสัยการซ้ือ
I. การวางแผนทางการตลาดในดา้ นต่าง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เกี่ยวกบั ส่วนประสมทางการตลาด
J. ความตอ้ งการการยกยอ่ ง ยอมรับ
K. ลกั ษณะกลุ่มอา้ งอิง
L. แหล่งซ้ือสินคา้
M. ขา้ ราชการ พนกั งานบริษทั
N. การคน้ หาความตอ้ งการ
O. ความตอ้ งการทางดา้ นร่างกาย
P. การตดั สินใจซ้ือมาจากบุคคลหลายฝ่ าย
Q. การจดั จาหน่าย ( Place )
R. การประเมินผลทางเลือก
S. แรงจูงใจที่มีเหตุผล
T. การประเมินผลหลงั การซ้ือ
U. พฤติกรรมผบู้ ริโภค
V. ลกั ษณะของสินคา้
W. ผบู้ ริโภคซ้ือสินคา้ หรือบริการตลอดเวลา
X. ลกั ษณะเกี่ยวกบั ตวั ผซู้ ้ือ
Y. แรงจูงใจ
Z. ผลิตภณั ฑ์ ( Product )
********************************
-44-
ตอนที่ 2
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาเขียนคาตอบจากคาถามท่ีอา่ นใหฟ้ ังลงในกระดาษคาตอบเป็นภาษา
1. What is your name?
2. Where are you buy shampoo?
3. How old are you?
4. How many person in your family?
5. What are your favorite food in the morning?
11. บนั ทกึ หลงั การสอน (ตามเอสารบันทกึ หลังสอนเพม่ิ เตมิ )
12. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
รหสั วชิ า …….30200-1002…………ช่ือวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังที่ …11-12.…..หน่วยที่ ...7... ชื่อหน่วย........ผลิตภณั ฑ.์ ..(Product)................................เวลา 3 ชม.
1. สาระสาคัญ
ผลิตภณั ฑ์ หมายถึง สินคา้ หรือบริการ หรือแนวความคิด องคก์ ร นวตั กรรม ฯลฯ ท่ีสามารถ
ตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ ซ่ึงมีท้งั ลกั ษณะท่ีมองเห็น จบั ตอ้ งได้ เรียกวา่ สินคา้ และ
ส่วนท่ีมองไมเ่ ห็น จบั ตอ้ งไม่ไดแ้ ตส่ ามารถซ้ือขายไดเ้ รียกวา่ บริการ ผลิตภณั ฑเ์ ป็นองคป์ ระกอบแรกของ
ส่วนประสมทางการตลาดที่นกั การตลาดตอ้ งจดั หาผลิตภณั ฑท์ ่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภค
และตอ้ งพฒั นา ปรับปรุงผลิตภณั ฑอ์ ยเู่ สมอ ผลิตภณั ฑจ์ ึงจะขายได้ เน่ืองจากความตอ้ งการของผบู้ ริโภค
มกั จะเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ที่เปลี่ยนไปไมว่ า่ จะเป็ นความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดจากผบู้ ริโภค จาก
สภาพแวดลอ้ มทางสงั คม การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ การเมือง ฯ ท่ีเปล่ียนไป ผลิตภณั ฑส์ ามารถนาเสนอ
ไดห้ ลายประเภท หลากหลายชนิด ท้งั ผลิตภณั ฑบ์ ริโภคและผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม ท่ีนาไปใชเ้ พื่อ
ดาเนินงานทางธุรกิจ ท้งั ธุรกิจการผลิต การจดั จาหน่าย การใหบ้ ริการ และการประกอบการลกั ษณะอ่ืน เพราะ
ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชม้ ีความตอ้ งการในสินคา้ ท่ีหลากหลาย แตกตา่ งกนั การนาเสนอผลิตภณั ฑจ์ ึงตอ้ งมีความ
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ ท้งั ในดา้ นประโยชนก์ ารใชส้ อย รูปลกั ษณ์ของสินคา้ หรือ
บริการและประโยชน์ส่วนอ่ืน ๆ และผลิตภณั ฑต์ อ้ งไดร้ ับการพฒั นาดา้ นต่าง ๆ เป็ นระยะ เพื่อให้ เกิดความ
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ หรือกลุ่มตลาดเป้ าหมายท่ีเปล่ียนแปลง และในแต่ละระยะ
ของวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์ จึงจะทาใหส้ ินคา้ หรือบริการเป็นที่ตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละสามารถ
แขง่ ขนั กบั คู่แข่งขนั ได้
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายของผลิตภณั ฑ์
2.2 อธิบายแนวความคิดเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์
2.3 จาแนกประเภทของผลิตภณั ฑ์
2.4 จาแนกส่วนประกอบของผลิตภณั ฑ์
2.5 แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
2.6 อธิบายความสมั พนั ธ์ของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์ ในลกั ษณะความกวา้ ง ความลึก ความยาว และความ
สอดคลอ้ ง
2.7 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ลกั ษณะวงจรชีวติ ลิตภณั ฑใ์ นแต่ละระยะ
2.8 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมาย ความจาเป็ นของพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ และลกั ษณะของผลิตภณั ฑใ์ หม่
-46-
2.9 แสดงความรู้เก่ียวกบั ข้นั ตอนการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่
2.10 ใชเ้ ทคโนโลยมี าใชใ้ นการคน้ ควา้ หาขอ้ มลู และนาเสนอรายงาน
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป
3.1.1 รู้ความหมายและแนวคิดเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์
3.1.2 รู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั ประเภทของผลิตภณั ฑ์
3.1.3 เขา้ ใจองคป์ ระกอบของผลิตภณั ฑ์
3.1.4 รู้ความหมายของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
3.1.5 รู้และเขา้ ใจส่วนประกอบของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
3.1.6 รู้และเขา้ ใจเร่ืองวงจรชีวิตผลิตภณั ฑ์
3.1.7 รู้ความหมายและลกั ษณะของผลิตภณั ฑใ์ หม่
3.1.8 เขา้ ใจความจาเป็นของการพฒั นาผลิตภณั ฑ์ใหม่
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของผลิตภณั ฑ์
3.2.2 บอกแนวคิดเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์
3.2.3 จาแนกประเภทของผลิตภณั ฑไ์ ด้
3.2.4 บอกส่วนประกอบของผลิตภณั ฑไ์ ด้
3.2.5 บอกความหมายของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์ได้
3.2.6 อธิบายความสมั พนั ธ์ของส่วนประสมผลิตภณั ฑใ์ นลกั ษณะต่าง ๆ ได้
3.2.7 อธิบายลกั ษณะของผลิตภณั ฑใ์ นแต่ละระยะของวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑไ์ ด้
3.2.8 อธิบายลกั ษณะผลิตภณั ฑใ์ หมแ่ ละความจาเป็นของการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ได้
3.2.9 อธิบายข้นั ตอนการของการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ได้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของผลิตภณั ฑ์
4.2 แนวความคิดเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ (Product Concept)
4.2.1 ผลิตภณั ฑท์ ี่เป็นเน้ือแท้ (Physical Product)
4.2.2 ผลิตภณั ฑท์ ี่เป็นรูปร่าง (Tangible Product)
4.2.3 ผลิตภณั ฑเ์ พม่ิ (Augmented Product)
-47-
4.3 ประเภทของผลิตภณั ฑ์ (Type of Product)
4.3.1 ผลิตภณั ฑเ์ พ่อื การอุปโภคบริโภค (Consumer Product)
4.3.2 ผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม (Industrial Product)
4.4 ส่วนประกอบของผลิตภณั ฑ์
4.4.1 บรรจุภณั ฑห์ รือหีบห่อ (Package)
4.4.2 ตราสินคา้ (Brand)
4.4.3 ป้ ายฉลาก (Labeling)
4.4.4 แถบรหสั สินคา้ หรือบาร์โคด๊ (Bar Code)
4.5 ส่วนประสมผลิตภณั ฑ์ (Product Mix)
4.5.1 ความหมายของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
4.5.2 องคป์ ระกอบของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
4.5.3 ลกั ษณะความสมั พนั ธ์ของส่วนประสมผลิตภณั ฑ์
4.6 วงจรชีวิตผลิตภณั ฑ์ (Product Life Cycle)
4.6.1 ระยะแนะนา
4.6.2 ระยะเจริญเติบโต
4.6.3 ระยะเติบโตเตม็ ท่ีหรืออิ่มตวั
4.6.4 ระยะตกต่าหรือถดถอย
4.7 การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ใหม่ (New Product Development)
4.7.1 ความหมายของผลิตภณั ฑใ์ หม่ (New Product)
4.7.2 ข้นั ตอนในการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่
4.8 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
สรุปประโยชน์จากการศึกษาพฤติกรรมผบู้ ริโภคเพ่ือนาขอ้ มูลมาใชใ้ นการวางแผนทางการตลาดใน
ดา้ นต่างๆ ใหเ้ กิดความเหมาะสม โดยเฉพาะกลยทุ ธ์เก่ียวกบั ส่วนประสมทางการตลาด ( Marketing Mix)
ซ่ึงมีองคป์ ระกอบสาคญั 4 ประการ เรียกวา่ 4 ’P คือ Product Price Place Promotion ในบทเรียนน้ีจะ
กล่าวถึงรายละเอียดของ Product ซ่ึงเป็นส่วนประสมตวั แรกท่ีตอ้ งดาเนินการ
-48-
5.2 การสอน
อธิบายใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั เร่ืองผลิตภณั ฑต์ ามรายละเอียดท่ีปรากฏในส่วน
เน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะสอนพยายามใชส้ ่ือเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑท์ ่ีใชอ้ ยจู่ ริงในชีวติ ประจาวนั
โดยใหผ้ เู้ รียนนามาคนละ 1 ชนิด ศึกษาเปรียบเทียบจากสื่อผลิตภณั ฑจ์ ริง เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ
เก่ียวกบั คาวา่ ผลิตภณั ฑ์ ประเภทผลิตภณั ฑ์ ส่วนประกอบของผลิตภณั ฑ์ และความจาเป็นในการพฒั นา
ผลิตภณั ฑใ์ หม้ ีความสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคตลอดเวลา
5.3 การสรุป
สรุปสาระสาคญั ที่ไดอ้ ธิบายท้งั หมดอีกคร้ังเพ่ือใหผ้ เู้ รียนเกิดความคิดรวบยอดเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑอ์ ยา่ ง
ถูกตอ้ ง สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการเลือกผลิตภณั ฑใ์ นชีวติ ประจาวนั และในการดาเนินธุรกิจ
6. ส่ือการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพิเศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก
6.2 จากสภาพการตลาดจริงท่ีผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานท่ีมอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 18-20 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 11-17 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 6-10 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 6 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทม่ี อบหมาย
8.1 ใหผ้ เู้ รียนนาผลิตภณั ฑม์ าคนละ 1 ชนิดท่ีมีสภาพสมบรู ณ์ก่อนการนามาใชเ้ พื่อศึกษาเกี่ยวกบั
ส่วนประกอบตา่ งๆ ของผลิตภณั ฑ์
8.2 ใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 10 กลุ่มๆ ละเท่าๆ กนั เพื่อศึกษาผลิตภณั ฑข์ องผผู้ ลิตกลุ่มละ 1 บริษทั
นาขอ้ มูลมาจดั ทาเป็ นรายงานเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑผ์ ผู้ ลิตรายน้นั ๆ ดาเนินการอยใู่ นตลาด รายละเอียด ดงั น้ี
8.2.1 ความหมายของผลิตภณั ฑ์
8.2.2 ประวตั ิความเป็ นมาของผลิตภณั ฑแ์ ละผเู้ ป็นเจา้ ของ
8.2.3 ผลิตภณั ฑข์ องบริษทั จดั เป็ นผลิตภณั ฑป์ ระเภทใด
-49-
8.2.4 ผลิตอยภู่ ายใตก้ ารดาเนินงานของบริษทั มีก่ีสายผลิตภณั ฑ์ อะไรบา้ ง
8.2.5 การกาหนดตราสินคา้ ของบริษทั มีกี่ชนิด อะไรบา้ ง ยกตวั อยา่ งประกอบใหเ้ ห็นถึงการกาหนด
ตราสินคา้ แต่ละชนิดใหช้ ดั เจน
8.2.6 ลกั ษณะส่วนประสมผลิตภณั ฑข์ องบริษทั
9. เอกสารอา้ งอิง
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แต่งโดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพษิ ณุโลก พิมพโ์ ดย บริษทั ศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
แบบทดสอบหลังเรียน
วชิ า หลกั การตลาด (3200-1005)
หน่วยที่ 7 เรื่อง ผลติ ภณั ฑ์
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพียงคาตอบเดียว นาอกั ษรหนา้ คาตอบไปใส่ในกระดาษคาตอบ
1. ส่วนของผลิตภณั ฑท์ ี่ผบู้ ริโภคหรือผซู้ ้ือจะไดร้ ับประโยชนอ์ ยา่ งแทจ้ ริง เรียกวา่ อะไร
ก. ผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นเน้ือแท้ ข. ผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นรูปร่าง
ค. ผลิตภณั ฑเ์ พ่มิ ง. ผลิตภณั ฑบ์ ริโภค
2. ลกั ษณะของปากกาที่ทาจากพลาสติก สแตนเลส เงิน ทอง ไม้ เป็นองคป์ ระกอบของสินคา้ ในขอ้ ใด
ก. ผลิตภณั ฑท์ ี่เป็นเน้ือแท้ ข. ผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นรูปร่าง
ค. ผลิตภณั ฑเ์ พม่ิ ง. ผลิตภณั ฑบ์ ริโภค
3. ผลิตภณั ฑท์ ี่ผซู้ ้ือซ้ือเพ่อื นามาใชส้ ่วนตวั หรือใชใ้ นครอบครัวคือขอ้ ใด
ก. Core Product ข. Industrial Product
ค. Innovated Product ง. Consumer Product
4. สินคา้ ที่ผบู้ ริโภคซ้ือใชเ้ ป็ นประจา หาซ้ือง่าย ราคาต่า มีจาหน่ายทวั่ ไป สามารถหาสินคา้ ทดแทน
ไดง้ ่าย เรียกวา่ อะไร
ก. Shopping Goods ข. Specialty Goods
ค. Convenience Goods ง. Unsought Goods
5. รองเทา้ เส้ือผา้ จดั เป็ นสินคา้ ชนิดใด
ก. Shopping Goods ข. Specialty Goods
ค. Convenience Goods ง. Unsought Goods
-50-
6. สินคา้ อุตสาหกรรมที่ปรากฏในส่วนใดส่วนหน่ึงของสินคา้ สาเร็จรูปแตม่ ิใช่เป็ นสินคา้ หลกั ในการผลิต
สินคา้ สาเร็จรูปเรียกวา่ อะไร
ก. วตั ถุดิบ ข. เคร่ืองจกั ร
ค. ชิ้นส่วนประกอบ ง. สิ้นคา้ ใชส้ ิ้นเปลือง
7. ภาชนะหรือส่ิงท่ีใชห้ ่อหุม้ ผลิตภณั ฑเ์ พือ่ ปกป้ องสินคา้ และสะดวกต่อการใชง้ านคือขอ้ ใด
ก. เคร่ืองหมายการคา้ ข. ป้ ายฉลาก
ค. บรรจุภณั ฑ์ ง. ตราสินคา้
8. การออกแบบบรรจุภณั ฑใ์ หม้ ีสีสันสวยงามแตกต่างไปจากคู่แขง่ ขนั สามารถดึงดูดใจลูกคา้ เป็นการ
ออกแบบบรรจุภณั ฑเ์ พื่อทาหนา้ ท่ีดา้ นใด
ก. ปกป้ องสินคา้ ข. สื่อความหมาย
ค. ส่งเสริมการตลาด ง. อานวยความสะดวก
9. น้ามนั พืชตรา aro เป็นตราสินคา้ ประเภทใด
ก. ตราสินคา้ ระดบั ชาติ ข. ตราสินคา้ ของผจู้ ดั จาหน่าย
ค. ตราสินคา้ ร่วม ง. ตราสินคา้ เอกเทศ
10. การกาหนดตราสินคา้ แบบ Individual Brand เหมาะสาหรับสินคา้ ลกั ษณะอยา่ งไร
ก. ไม่มีคู่แข่งขนั ในตลาด ข. มีกลุ่มเป้ าหมายเดียวกนั
ค. ลกั ษณะการใชง้ านตา่ งกนั ง. ใชก้ ารส่งเสริมการตลาดเหมือนกนั ได้
11. กลุ่มของผลิตภณั ฑท์ ้งั หมดที่กิจการผลิตหรือจดั หามาเพ่อื นาเสนอขายแก่ตลาดเป้ าหมาย คือขอ้ ใด
ก. ส่วนประสมผลิตภณั ฑ์ ข. สายผลิตภณั ฑ์
ค. รายการผลิตภณั ฑ์ ง. ความกวา้ งของผลิตภณั ฑ์
12. การวางแผนเพอ่ื พฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่ควรเริ่มตน้ เม่ือผลิตภณั ฑอ์ ยใู่ นวงจรชีวติ ระยะใด
ก. ระยะแนะนา ข. ระยะเติบโต
ค. ระยะอิ่มตวั ง. ระยะถดถอยหรือตกต่า
13. ผลิตภณั ฑใ์ หมท่ ี่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดเป็นผลิตภณั ฑใ์ หม่ลกั ษณะใด
ก. Modified Product ข. Consumer Product
ค. Innovated Product ง. Me - too Product
14. การพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หมท่ ี่เป็นการวิเคราะห์เก่ียวกบั ยอดขาย ค่าใชจ้ า่ ย ผลตอบแทนจากการลงทุน
คือข้นั ตอนใด
ก. การวเิ คราะห์ธุรกิจ ข. การทดสอบตลาด
ค. การรวบรวมแนวความคิด ง. การพฒั นาผลิตภณั ฑ์
-51-
15. ตราสินคา้ ที่นาไปจดทะเบียนเป็นเคร่ืองหมายการคา้ จะไดร้ ับความคุม้ ครองกี่ปี
ก. 5 ปี ข. 10 ปี
ค. 15 ปี ง. 20 ปี
ตอนที่ 2
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาอ่านขอ้ ความต่อไปน้ี ขอ้ ความใดกล่าวถูกตอ้ งใหใ้ ส่เคร่ืองหมาย "" ขอ้ ความใด
ผดิ ใหใ้ ส่เครื่องหมาย "X" หนา้ ขอ้ ความน้นั
……….1. หนา้ ที่หลกั ของบรรจุภณั ฑค์ ือปกป้ องและรักษาคุณภาพของสินคา้
…….…2. ตราสินคา้ LEADER PRICE จดั เป็นตราสินคา้ ระดบั ชาติ
……….3. ในหา้ งสรรพสินคา้ ลิฟท์ บนั ไดเลื่อน เครื่องปรับอากาศ คือสินคา้ ชนิดเครื่องมือประกอบ
……….4. ผลิตภณั ฑท์ ี่ไมใ่ ช่อาหารและยาไมส่ ามารถจดั ทาป้ ายฉลากได้
……….5. ผลิตภณั ฑใ์ หมห่ มายถึงผลิตภณั ฑท์ ี่ไมเ่ คยมีมาก่อนในตลาดเท่าน้นั
……….6. ผลิตภณั ฑแ์ บ่งออกไดเ้ ป็น 3 ชนิด คือ ผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นเน้ือแท้ ผลิตภณั ฑท์ ี่เป็นรูปร่าง
และผลิตภณั ฑเ์ พ่ิม
……….7. แถบรหสั ของสินคา้ หรือ Bar Code นามาใชเ้ ป็ นคร้ังแรกในประเทศไทยในดา้ นการส่งออก
……….8. สินคา้ ที่ลูกคา้ ตอ้ งใชเ้ วลาในการเปรียบเทียบก่อนตดั สินใจซ้ือคือสินคา้ ลกั ษณะพเิ ศษ
……….9. เหตุที่บรรจุภณั ฑ์ของสินคา้ แต่ละชนิดแตกตา่ งกนั ออกไปเพราะสินคา้ มีลกั ษณะแตกตา่ งกนั
………10. เคร่ืองหมายตราสินคา้ ท่ีผปู้ ระกอบการเลือกไปจดทะเบียนเรียกวา่ โลโก้
………11. การกาหนดตราสินคา้ มีประโยชนส์ าหรับผปู้ ระกอบการเท่าน้นั
………12. วตั ถุดิบคือสินคา้ อุตสาหกรรมท่ีเกิดจากธรรมชาติไม่ผา่ นการแปรรูปมาก่อนเลย
……….13. ผลิตภณั ฑห์ มายถึงส่ิงที่มีตวั ตน จบั ตอ้ งไดห้ รือเรียกวา่ สินคา้ เท่าน้นั
…….…14. ยอดขายของผลิตภณั ฑจ์ ะเติบโตอยา่ งรวดเร็วในช่วงระยะการเจริญเติบโต
……….15. ส่วนท่ีเรียกวา่ ผลิตภณั ฑห์ ลกั ก็คือส่วนของผลิตภณั ฑท์ ่ีเป็นเน้ือแท้
-52-
ตอนท่ี 3
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาเติมคาตอบเป็ นภาษาองั กฤษลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1. …………………………………..………………เป็นองคป์ ระกอบของส่วนประสมทางการตลาดตวั แรก
2. ผลิตภณั ฑท์ ่ีผบู้ ริโภคซ้ือไปใชเ้ องเป็นการส่วนตวั หรือใชใ้ นครอบครัวไมไ่ ดม้ ีจุดประสงคใ์ นการหารายได้
หรือกาไร เรียกวา่ .......................................................................................................................................
3. ร้าน เซเวน่ –อิเลฟเวน่ โลตสั เอก็ เพรส ขายสินคา้ ชนิดใด........................................................................
4. ส่วนประกอบแรกของผลิตภณั ฑท์ ี่เรามองเห็นใชห้ ่อหุ้มสินคา้ เรียกวา่ .....................................................
5. ส่วนของผลิตภณั ฑท์ ่ีสร้างความแตกตา่ งระหวา่ งผลิตภณั ฑข์ องผปู้ ระกอบการคือ..................................
11. บันทกึ หลงั การสอน (ตามเอกสารบนั ทกึ หลังสอนเพม่ิ เตมิ )
12. ข้อคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะ
แผนการจดั การเรียนรู้รายหน่วย
รหัสวชิ า …….30200-1002…………ชื่อวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังท่ี …13...หน่วยที่ ...8... ช่ือหน่วย....ราคาและการกาหนดราคา (Price and Pricing)….เวลา 3 ชม.
1. สาระสาคัญ
การกาหนดราคา หมายถึง กระบวนการในการกาหนดมลู ค่าของสินคา้ หรือบริการท่ีจะขายใน
รูปตวั เงินใหเ้ กิดความเหมาะสมกบั อรรถประโยชนข์ องสินคา้ หรือบริการน้นั ในระดบั ที่เหมาะสมกบั ตลาด
เป้ าหมายจึงจะสามารถขายได้ การกาหนดราคาเป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั อีกประการหน่ึงของส่วนประสม
ทางการตลาด เพราะการกาหนดราคาสินคา้ ผดิ พลาดเพียงเล็กนอ้ ยจะส่งผลทาใหก้ ิจการประสบความสาเร็จ
หรือความลม้ เหลวได้ นกั การตลาดจึงควรดาเนินการในการกาหนดราคาของสินคา้ หรือบริการ อยา่ งรอบคอบ
เพื่อให้ไดร้ ะดบั ราคาท่ีเหมาะสม สอดคลอ้ งกบั อานาจซ้ือของผบู้ ริโภคหรือผูใ้ ช้ และกลุ่มตลาดเป้ าหมาย
ในขณะเดียวกนั กิจการตอ้ งไดร้ ับผลกาไรตามวตั ถุประสงคท์ ่ีกาหนด และสามารถแข่งขนั กบั คู่แขง่ ขนั ใน
ตลาดได้ ซ่ึงในการกาหนดราคาสินคา้ หรือบริการนกั การตลาดตอ้ งศึกษาเก่ียวกบั ปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็นหลาย
ประการ ไดแ้ ก่ ตน้ ทุนการผลิตสินคา้ หรือบริการ ตน้ ทุนทางการตลาด กาไรที่กิจการตอ้ งการ การกาหนด
ราคาของคู่แข่งขนั และอานาจซ้ือของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้ เป็นตน้ รวมท้งั ใชแ้ นวทางในการกาหนดราคา
เพื่อใหผ้ บู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละกลุ่มตลาดเป้ าหมายยอมรับ ซ่ึงนกั การตลาดและกิจการตอ้ งพจิ ารณาให้รอบคอบ
ก่อนที่จะตดั สินใจวา่ จะกาหนดราคาอยใู่ นระดบั ใด
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมายของราคา การกาหนดราคา และวตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคา
2.2 แสดงความรู้เก่ียวกบั ลกั ษณะนโยบาย และวธิ ีการกาหนดราคา
2.3 แสดงความรู้เก่ียวกบั ปัจจยั ท่ีนามาใชพ้ จิ ารณาในการกาหนดราคา
2.4 ปฏิบตั ิการในการเลือกกลยทุ ธ์การกาหนดราคามาใชใ้ นการกาหนดราคาสินคา้ ท่ีไดร้ ับมอบหมายให้
นามาจาหน่ายในวทิ ยาลยั ฯ
2.5 ปฏิบตั ิการกาหนดราคาไดต้ ามข้นั ตอนในการกาหนดราคา
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 รู้ความหมายของราคาและการกาหนดราคา
3.1.2 รู้และเขา้ ใจวตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคา
3.1.3 เขา้ ใจลกั ษณะนโยบายและกลยทุ ธ์การกาหนดราคา
3.1.4 เขา้ ใจวธิ ีการกาหนดราคา
-54-
3.1.5 รู้และเขา้ ใจปัจจยั ที่นามาใชพ้ ิจารณาในการกาหนดราคา
3.1.6 รู้และเขา้ ใจข้นั ตอนในการกาหนดราคา
3.1.7 นาความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั การกาหนดราคาใชใ้ นการกาหนดราคาสินคา้ ที่จะนามา
จาหน่ายในวทิ ยาลยั ฯ ไดอ้ ยา่ งยตุ ิธรรมท้งั ต่อผซู้ ้ือและธุรกิจ
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของราคาได้
3.2.2 บอกความหมายของการกาหนดราคาได้
3.2.3 บอกวตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคาได้
3.2.4 อธิบายลกั ษณะนโยบายการกาหนดราคาแบบตา่ งๆ ได้
3.2.5 บอกความหมายของกลยทุ ธ์การกาหนดราคาได้
3.2.6 อธิบายรูปแบบของกลยทุ ธ์การกาหนดราคาได้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของราคาและการกาหนดราคา (Price and Pricing)
4.2 วตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคา
4.2.1 วตั ถุประสงคม์ ุ่งผลกาไร (Profit Oriented Objective)
4.2.2 วตั ถุประสงคม์ ุ่งปริมาณการขาย (Sales Oriented Objective)
4.2.3 วตั ถุประสงคม์ ุ่งการแขง่ ขนั (Competitive Oriented Objective)
4.3 นโยบายการกาหนดราคา (Pricing Policy)
4.3.1 นโยบายระดบั ราคา (Price Level Policy)
4.3.2 นโยบายราคาเดียว (One Price Policy)
4.3.3 นโยบายหลายราคาหรือราคายดื หยนุ่ ได้ (Flexible Price Policy)
4.4. กลยทุ ธ์การกาหนดราคา (Pricing Strategy)
4.4.1 ความหมายกลยทุ ธ์การกาหนดราคา
4.4.2 รูปแบบของกลยทุ ธ์การกาหนดราคา
4.4.3 วธิ ีการกาหนดราคา (Price Determinations)
4.5 ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลในการกาหนดราคา
4.5.1 วตั ถุประสงคข์ องธุรกิจและภาพพจนข์ องธุรกิจในสายตายของผบู้ ริโภค
4.5.2 ลกั ษณะความตอ้ งการของผบู้ ริโภคท่ีมีต่อสินคา้
4.5.3 ตน้ ทุนของสินคา้
4.5.4 คูแ่ ข่งขนั
-55-
4.5.5 วงจรชีวติ ของผลิตภณั ฑ์
4.5.6 ความแตกต่างของผลิตภณั ฑ์
4.5.7 คนกลางในช่องทางการจดั จาหน่าย
4.5.8 การส่งเสริมการตลาด
4.5.9 พฤติกรรมการซ้ือของผบู้ ริโภค
4.5.10 สภาวะเศรษฐกิจ
4.5.11 บทบาทของรัฐบาลและกฎหมาย
4.6 ข้นั ตอนในการกาหนดราคา
4.6.1 ศึกษาตลาดเป้ าหมาย
4.6.2 ศึกษาความสมั พนั ธ์ของปริมาณความตอ้ งการกบั ราคาในตลาดเป้ าหมาย
4.6.3 พิจารณาการกาหนดราคาของคู่แขง่ ขนั
4.6.4 ศึกษาตน้ ทุนในการผลิตและตน้ ทุนทางการตลาด
4.6.5 การกาหนดราคาท่ีเหมาะสม
4.7 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
หลงั จากที่ไดศ้ ึกษาและดาเนินการเกี่ยวกบั Product แลว้ ส่วนประสมทางการตลาดท่ีนกั การตลาด
ควรดาเนินการเป็นลาดบั ต่อมา คือ การกาหนดราคาของผลิตภณั ฑ์ ใหผ้ เู้ รียนช่วยกนั คิดใหค้ าจากดั ความ
ราคาตามความรู้ ความเขา้ ใจของแต่ละคน แลว้ นามาสรุป ความหมายของราคาและการกาหนดราคา
5.2 การสอน
อธิบายใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ความเขา้ ใจเรื่องราคาและการกาหนดราคา ตามรายละเอียดท่ีปรากฏใน
ส่วนเน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะสอนพยายามนาสินคา้ ท่ีใชอ้ ยจู่ ริงในชีวติ ประจาวนั มาเป็ นตวั อยา่ ง
ประกอบการอธิบายเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นและเกิดความรู้ ความเขา้ ใจง่ายข้ึน
5.3 การสรุป
สรุปเน้ือหาเรื่องราคาและการกาหนดราคาเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนไดท้ บทวน จดบนั ทึก เรื่องราคาที่ไดศ้ ึกษาไป
เพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจท่ีสอดคลอ้ งกนั ในหวั ขอ้ เร่ืองตา่ งๆ อยา่ งถูกตอ้ งชดั เจนยง่ิ ข้ึน
6. สื่อการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก
-56-
6.2 จากสภาพการตลาดจริงท่ีผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานที่มอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 13-15 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 8-12 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 5-7 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 5 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย (ถ้ามี)
8.1 ใหผ้ เู้ รียนกาหนดราคาสินคา้ ที่ผสู้ อนนามาเป็ นกรณีศึกษา โดยสมมุติใหผ้ เู้ รียนเป็นผคู้ า้ ปลีกวา่ ควร
กาหนดราคาเทา่ ใด ใชก้ ลยทุ ธ์หรือวธิ ีการกาหนดแบบใด เพราะเหตุใดแลว้ นาราคาของแต่ละคนมาเสนอ
เปรียบเทียบกนั วา่ ราคาของใครเป็นอยา่ งไร สามารถซ้ือไดห้ รือไม่
8.2 ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 คน ไปศึกษาราคาสินคา้ กลุ่มละหน่ึงชนิดวา่ ราคาท่ีพอ่ คา้ ส่ง พอ่ คา้ ปลีก
ขนาดใหญ่ และพอ่ คา้ ปลีกขนาดเลก็ กาหนดข้ึนมีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร เพราะเหตุใด
9. เอกสารอ้างองิ
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แตง่ โดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพิเศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก พิมพโ์ ดย บริษทั ศูนยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
-57-
แบบทดสอบหลงั เรียน
วชิ า หลกั การตลาด
เร่ือง การกาหนดราคา (Price )
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดพยี งคาตอบเดียว นาอกั ษรหน้าคาตอบไปใส่ในกระดาษคาตอบ
1. ทอ๊ ปแลนด์ พล่าซ่า ร่วมกบั SENSO จดั รายการสมนาคุณลดราคา 50-80 % เป็ นการกาหนดราคาแบบใด
ก. Loss leader Pricing ข. One Price Policy
ค. Price Lining ง. Skimming Pricing
2. สินคา้ ซ้ือมาตน้ ทุน 210 บาท ตอ้ งการกาไร 30 % ของราคาขาย ราคาขายควรเป็นเท่าใด
ก. 500 บาท ข. 300 บาท
ค. 250 บาท ง. 273 บาท
3. กิจการแห่งหน่ึงกาหนดราคาขายสินคา้ ไว้ 60 บาทต่อหน่วย เสียค่าใชจ้ ่ายคงท่ีรวมท้งั สิ้น 130,000 บาท
ค่าใชจ้ า่ ยผนั แปรต่อหน่วย 10 บาท ปริมาณ ณ จุดคุม้ ทุนเป็นเท่าใด
ก. 2,000 หน่วย ข. 2,500 หน่วย
ค. 2,600 หน่วย ง. 3,000 หน่วย
4. จากโจทยข์ อ้ ท่ี 3 หากตอ้ งการกาไรสามารถทาไดก้ ่ีวธิ ี
ก. 2 วธิ ี ข. 3 วธิ ี
ค. 4 วธิ ี ง. 5 วธิ ี
5. การกาหนดราคาเท่ากบั ระดบั ราคาตลาดเป็นนโยบายการกาหนดราคาแบบใด
ก. นโยบายราคาเดียว ข. นโยบายราคายดื หยุน่ ได้
ค. นโยบายระดบั ราคา ง. นโยบายหลายราคา
6. กลยทุ ธ์ในการกาหนดราคาเชิงจิตวทิ ยามาแบบ Loss leader Pricing นิยมนามาใชใ้ นการกาหนดราคา
ของธุรกิจประเภทใด
ก. ธุรกิจการผลิต ข. ธุรกิจบริการ
ค. ธุรกิจอุตสาหกรรม ง. ธุรกิจการจดั จาหน่าย
7. สบปู่ กติราคากอ้ นละ 10 บาท นามารวมกนั กาหนดราคา 25 บาทเป็นกลยทุ ธ์ในการกาหนดราคา
เชิงจิตวทิ ยาแบบใด
ก. การกาหนดราคาเดียว ข. การกาหนดราคาตามฤดูกาล
ค. การกาหนดราคาเพ่ือการส่งเสริมการขาย ง. การกาหนดราคาเป็นเลขค่ี
-58-
8. สินคา้ ท่ีผบู้ ริโภคมีความถ่ีในการซ้ือสูงควรกาหนดราคาอยา่ งไร
ก. สูงมาก ๆ เพราะนาน ๆ ซ้ือคร้ัง ข. ต่า ๆ เพราะซ้ือบ่อย
ค. กาหนดราคาเพอ่ื การต่อรอง ง. กาหนดราคาคงท่ี
9. วธิ ีการกาหนดราคาที่ตอ้ งพจิ ารณาคุณคา่ ของผลิตภณั ฑใ์ นสายตาของผบู้ ริโภคเป็นวธิ ีการกาหนด
ราคาแบบใด
ก. วธิ ีการกาหนดราคาโดยมุง่ ตน้ ทุน ข. วิธีการกาหนดราคาโดยมุง่ อุปทาน
ค. วธิ ีการกาหนดราคาโดยมุง่ จิตวทิ ยา ง. วธิ ีการกาหนดราคาโดยมุง่ อุปสงค์
10. การกาหนดราคาเพ่ือการแขง่ ขนั ในลกั ษณะท่ีกาหนดราคาในระดบั ราคาเดียวกบั ราคาของคู่แข่งขนั
มีวตั ถุประสงคเ์ พอื่ อะไร
ก. เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขนั ดา้ นราคา ข. เพ่ือแข่งขนั การครองส่วนตลาด
ค. เพ่อื เป็ นคูแ่ ขง่ ขนั ทางตรง ง. เพื่อเจาะตลาดเป้ าหมายเดียวกนั
**************************************
ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาอ่านขอ้ ความต่อไปน้ีขอ้ ความใดกล่าวถูกใหใ้ ส่เคร่ืองหมาย “” ขอ้ ความใดผดิ ใหใ้ ส่
เคร่ืองหมาย “X” หนา้ ขอ้ ความ
............1. วตั ถุประสงคข์ องการกาหนดราคาเพื่อใหไ้ ดก้ าไรสูงสุด
............2. ปัจจยั สาคญั ที่ตอ้ งนามาพิจารณาเป็ นปัจจยั แรกในการกาหนดราคาของสินคา้ คือวตั ถุประสงค์
และภาพพจน์ของกิจการ
............3. สินคา้ ที่อยใู่ นระยะแนะนา ยงั ไม่มีคู่แข่งขนั หรือคู่แข่งขนั ยงั ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
สามารถกาหนดราคาใหส้ ูงได้
............4. ข้นั ตอนแรกของการกาหนดราคาคือการพจิ ารณาราคาของคู่แข่งขนั
............5. กลยทุ ธ์ในการกาหนดราคาท่ีนามาใชม้ ากที่สุดในกิจการคา้ ปลีกคือ การใชจ้ ุดคุม้ ทุน
............6. วธิ ีการกาหนดราคาเพ่ือเกียรติภูมิเป็ นการกาหนดราคาสินคา้ ใหส้ ูงเพื่อยกระดบั ภาพพจน์
ของสินคา้
............7. วธิ ีการกาหนดราคาที่นิยมนามาใชใ้ นธุรกิจจดั จาหน่ายคือการคิดตน้ ทุนเฉล่ีย
............8. 2/10, n/30 คือ การกาหนดราคาแบบส่วนลดเงินสด
............9. ส่วนลดนอกฤดูกาลคือการกาหนดราคาสินคา้ ใหต้ ่าสาหรับสินคา้ หรือบริการท่ีหมดฤดูกาล
..........10. จุดคุม้ ทุนคือจุดที่กิจการดาเนินการไดก้ าไรตามเป้ าหมายในการลงทุน
..........11. หากตอ้ งการหลีกเล่ียงปัญหาเรื่องการต่อรองราคาควรใชน้ โยบายการกาหนดราคาแบบ
หลายราคาหรือราคายดื หยนุ่ ได้
..........12. ส่วนลดที่ผผู้ ลิตใหแ้ ก่ผคู้ า้ ส่งหรือผคู้ า้ ปลีกเพอ่ื เสนอกาไรแก่คนกลางเรียกวา่ ส่วนลดเงินสด
-59-
..........13. การกาหนดราคาแบบส่วนลดเงินสดเพ่ือตอ้ งการนาเงินสดมาหมุนเวยี นในกิจการไดเ้ ร็วข้ึน
..........14. วตั ถุประสงคส์ าคญั ของธุรกิจในการกาหนดราคาคือกาไร
..........15. วตั ถุประสงคก์ ารกาหนดราคาเพ่ือใหไ้ ดก้ าไรสูงสุดสามารถนามาใชไ้ ดผ้ ลดีสาหรับผลิตภณั ฑ์
ท่ีมีความยดื หยนุ่ ของอุปสงคม์ ากเท่าน้นั
..........16. ราคาสินคา้ คือการกาหนดมลู ค่าใหก้ บั ผลิตภณั ฑใ์ หส้ อดคลอ้ งกบั อรรถประโยชนข์ องสินคา้
..........17. ร้านบ๊ิกซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ใชน้ โยบายการกาหนดราคาเดียว
..........18. การกาหนดราคา 99 บาท 199 บาท เป็นลกั ษณะการกาหนดราคาสินคา้ แบบเลขคี่ เลขคู่
..........19. เส้ือผา้ ตามแฟชน่ั ขณะที่อยใู่ นความนิยมสามารถจาหน่ายราคาต่าเพอื่ เพม่ิ ปริมาณการขาย
..........20. การกาหนดราคาท่ีเหมาะสมคือการกาหนดราคาที่ทาใหก้ ิจการไดก้ าไรสูงสุด
**************************************
ตอนท่ี 3
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาแปลความหมายเป็นภาษาองั กฤษ
1. กลยทุ ธ์การกาหนดราคา…………………………………………………………………...………………
2. ราคา………………………………………………………………………………………………..……..
3. กลยทุ ธ์การกาหนดราคาแบบใหส้ ่วนลด...................................................................................................
4. นโยบายราคาเดียว.....................................................................................................................................
5. กลยทุ ธ์การกาหนดราคาเชิงจิตวทิ ยา.........................................................................................................
11. บนั ทกึ หลงั การสอน (ตามเอสารบันทกึ หลังสอนเพมิ่ เติม)
12. ข้อคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
รหัสวชิ า …….30200-1002…………ช่ือวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังที่ …14-15..หน่วยท่ี ...1... ช่ือหน่วย....การจดั จาหน่าย (Channel of Distribution : Place)………
………….………….………………………………….…….……………….…………. เวลา …6….. ชม.
1. สาระสาคญั
การจดั จาหน่าย หรือส่วนใหญ่เรียกส้ันๆ วา่ Place เป็ นองคป์ ระกอบลาดบั ที่ 3 ของส่วน
ประสมทางการตลาด เป็ นกิจกรรมที่เกิดข้ึนต่อจากการจดั หาสินคา้ หรือบริการท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ
ของ ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้และตลาดเป้ าหมาย มีการกาหนดราคาที่เหมาะสมกบั อานาจซ้ือของกลุ่มเป้ าหมาย
แลว้ กิจกรรมที่สาคญั ต่อมากค็ ือ การนาสินคา้ หรือบริการไปตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคให้ทนั ต่อ
เวลาที่ตอ้ งการ ในปริมาณที่เพียงพอและในสถานที่ที่เหมาะสม ไดแ้ ก่ กิจกรรมในการจดั จาหน่ายสินคา้ หรือ
บริการ ซ่ึงเป็ นองค์ประกอบท่ีมีความสาคญั อีกประการหน่ึงของส่วนประสมทางการตลาด เพราะเป็ น
กิจกรรมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การเลือกช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ หรือบริการให้เกิดความเหมาะสมกบั ผบู้ ริโภค
หรือผูใ้ ช้และตลาดเป้ าหมายแต่ละกลุ่ม การเลือกใช้คนกลางในแต่ละช่องทางการจดั จาหน่ายให้เกิดความ
เหมาะสม รวมถึงกิจกรรมการกระจายสินคา้ หรือบริการท่ีจะทาให้สินคา้ หรือบริการที่ผลิตหรือจดั หามา
สามารถกระจายไปยงั ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้และกลุ่มเป้ าหมายไดท้ นั เวลา ในสถานที่ที่เหมาะสม ในปริมาณที่
เพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของผูบ้ ริโภคหรือผูใ้ ช้และตลาดเป้ าหมาย การจดั จาหน่าย ท่ีมี
ประสิทธิภาพต้องอาศยั ความร่วมมือจากคนกลางประเภทต่างๆ การเลือกช่องทางการจัดจาหน่ายท่ี
เหมาะสม การขนส่งและการจดั เกบ็ รักษาสินคา้ ท่ีถูกตอ้ ง
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมายของช่องทางการจดั จาหน่าย
2.2 จาแนกประเภทของช่องทางการจดั จาหน่าย
2.3 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ลกั ษณะของช่องทางการจดั จาหน่ายแตล่ ะประเภท
2.4 แสดงความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั ปัจจยั ที่ตอ้ งนามาพจิ ารณาเลือกช่องทางการจดั จาหน่าย
2.5 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมาย หนา้ ท่ี และความสาคญั ของคนกลาง
2.6 แสดงความรู้เกี่ยวกบั การจาแนกประเภทของคนกลาง และลกั ษณะของคนกลางแต่ละประเภท
2.7 แสดงความรู้เก่ียวกบั หลกั การเลือกจานวนคนกลางทางการตลาด
2.8 แสดงความรู้เกี่ยวกบั ลกั ษณะและองคป์ ระกอบของการกระจายสินคา้ ตามหลกั การโลจิสติกส์
2.9 บรู ณาการความรู้ ความเขา้ ใจ เกี่ยวกบั การจดั จาหน่ายและหลกั การโลจิสติกส์ไปใชใ้ นการกาหนด
ช่องทางการจดั จาหน่ายใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของตลาดเป้ าหมาย
-61-
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ วั่ ไป
3.1.1 รู้ความหมายของช่องทางการจดั จาหน่าย
3.1.2 เขา้ ใจลกั ษณะช่องทางการจดั จาหน่ายแต่ละประเภท
3.1.3 รู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั ปัจจยั ที่ตอ้ งนาพิจารณาในการเลือกช่องทางการจดั จาหน่าย
3.1.4 รู้ความหมายของคนกลาง
3.1.5 เขา้ ใจลกั ษณะคนกลางแตล่ ะประเภท
3.1.6 รู้และเขา้ ใจหนา้ ท่ีและความสาคญั ของคนกลาง
3.1.7 เขา้ ใจหลกั การเลือกจานวนคนกลางในช่องทางการจดั จาหน่าย
3.1.8 รู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั กิจกรรมการกระจายสินคา้
3.1.9 นาความรู้ ความเขา้ ใจ ไปใชใ้ นการกาหนดราคาสินคา้ ใหเ้ หมาะสมกบั ตลาด
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของช่องทางการจดั จาหน่าย
3.2.2 จาแนกประเภทของช่องทางการจดั จาหน่าย
3.2.3 อธิบายเก่ียวกบั ลกั ษณะช่องทางการจดั จาหน่ายแต่ละประเภท
3.2.4 บอกปัจจยั ที่ตอ้ งนาพิจารณาในการเลือกช่องทางการจดั จาหน่าย
3.2.5 บอกความหมายของคนกลาง
3.2.6 จาแนกประเภทของคนกลางทางการตลาด
3.2.7 อธิบายลกั ษณะของคนกลางแต่ละประเภท
3.2.8 อธิบายหนา้ ท่ีและความสาคญั ของคนกลาง
3.2.9 อธิบายหลกั การเลือกจานวนคนกลางทางการตลาด
3.2.10 บอกกิจกรรมเก่ียวกบั การกระจายสินคา้
3.2.11 นาความรู้ ความเขา้ ใจ ไปใชใ้ นการเลือกช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ ใหเ้ หมาะสมกบั ตลาด
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ช่องทางการจดั จาหน่าย (Channel of Distribution)
4.1.1 ความหมายของช่องทางการจดั จาหน่าย
4.1.2 ประเภทของช่องทางการจดั จาหน่าย
4.1.3 ลกั ษณะของช่องทางการจดั จาหน่าย
4.1.4 ปัจจยั ในการเลือกช่องทางการจดั จาหน่าย
-62-
4.2 คนกลาง (Middleman)
4.2.1 ความหมายของคนกลาง
4.2.2 ประเภทของคนกลาง ( Type of Middlemen )
4.2.3 หนา้ ท่ีและความสาคญั ของคนกลาง
4.2.4 การเลือกจานวนคนกลาง
4.3 การกระจายสินคา้ (Physical Distribution)
4.3.1 การจดั เก็บสินคา้ คงคลงั ( Warehousing )
4.3.2 การกาหนดระบบการจดั เกบ็ สินคา้ คงเหลือ ( Inventory System )
4.3.3 การกาหนดวธิ ีการขนส่ง ( Transportation )
4.4 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 การนาเขา้ สู่บทเรียน
ทบทวนเกี่ยวกบั ส่วนประสมทางการตลาดท้งั 2 องคป์ ระกอบที่ไดก้ ล่าวมาแลว้ คือ Product , Price
ตอ่ จากน้ีจะศึกษาองคป์ ระกอบเรียกวา่ Place เป็ นส่วนประสมทางการตลาดตวั ที่ 3 เป็ นองคป์ ระกอบส่วนที่
จ ะ ท า ใ ห้สิ น ค้า เ กิ ด ก า ร ก ร ะ จ า ย ไ ป สู่ ส ถ า น ท่ี ที่ เ ห ม า ะ ส ม ส อ ด ค ล้อ ง กับ เ ว ล า แ ล ะ ค ว า ม ต้อ ง ก า ร ข อ ง
กลุ่มเป้ าหมาย ให้ผูเ้ รียนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สถานท่ีที่ผูบ้ ริโภคไปหาซ้ือสินคา้ และสถานท่ีท่ี
ผเู้ รียนไปหาซ้ือสินคา้
5.2 การสอน
อธิบายใหผ้ เู้ รียนไดเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องการจดั จาหน่าย ตามรายละเอียดที่ปรากฏในส่วน
เน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะสอนพยายามกระตุน้ ให้ผเู้ รียนร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น การยกตวั อยา่ ง
สินคา้ แต่ละชนิดท่ีผเู้ รียนใชอ้ ยวู่ า่ ซ้ือจากท่ีใด ทาไมซ้ือจากที่น้นั ท่ีอ่ืนมีหรือไม่ ซ่ึงเหตุผลของแต่ละคนอาจ
ต่างกนั จึงทาใหว้ ธิ ีการจดั จาหน่ายมีหลายวธิ ีหลายลกั ษณะเพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั กลุ่มเป้ าหมายของแต่ละกิจการ
5.3 การสรุป
สรุปเน้ือหาเก่ียวกบั เร่ือง การจดั จาหน่าย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องการจดั จาหน่ายใน
แนวทางเดียวกนั อยา่ งถูกตอ้ ง การนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดาเนินชีวิตประจาวนั และการดาเนินธุรกิจ
6. สื่อการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก
6.2 จากสภาพการตลาดจริงที่ผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
-63-
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานท่ีมอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 23-30 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 16-22 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 7-15 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 7 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทมี่ อบหมาย (ถ้ามี)
8.1 ใหผ้ เู้ รียนบอกช่ือสินคา้ มาคนละ 10 ชนิดและบอกวา่ แต่ละชนิดใชว้ ธิ ีการจดั จาหน่ายแบบใด
เพราะเหตุใดใชช้ ่องทางการจดั จาหน่ายแบบน้นั
8.2 ใหผ้ เู้ รียนทาการศึกษาคนกลางที่เป็นกลไกในการจดั จาหน่ายสินคา้ ที่ต้งั อยใู่ นจงั หวดั มาคนละ 10
แห่ง
โดยระบุช่ือบุคคลหรือนิติบุคคลพร้อมท้งั ระบุวา่ เป็นคนกลางประเภทใด
8.3 ใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลุ่ม ๆ ละ 4 คน เพ่อื สืบคน้ ขอ้ มลู ทางระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ของสินคา้ และบริการ
ที่จดั จาหน่าย ผา่ นระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ มากลุ่มละ 5 บริษทั โดยระบุช่ือสินคา้ ชื่อบริษทั หรือ
ชื่อเจา้ ของแวบไซด์
9. เอกสารอ้างองิ
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แต่งโดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพษิ ณุโลก พมิ พโ์ ดย บริษทั ศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมนิ ผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
-64-
แบบทดสอบหลงั เรียน
วชิ า หลกั การตลาด
หน่วยท่ี 9 เร่ือง การจัดจาหน่าย
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ให้เลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งที่สุดเพียงคาตอบเดียว โดยนาอกั ษรหนา้ คาตอบไปใส่ในกระดาษคาตอบ
1. คนกลางที่ทาหนา้ ท่ีในการขายสินคา้ ใหก้ บั ผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ยเรียกวา่ อะไร
ก. พอ่ คา้ ส่ง ข. ตวั แทนขาย
ค. พอ่ คา้ ปลีก ง. ตวั แทนซ้ือ
2. บุคคลหรือหน่วยงานท่ีเขา้ มามีส่วนสาคญั ในการทากิจกรรมต่าง ๆ ในช่องทางการจดั จาหน่าย เรียกวา่ อะไร
ก. ผบู้ ริโภค ข. คนกลาง
ค. ผใู้ ชใ้ นทางธุรกิจ ง. ผผู้ ลิต
3. ช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ อุตสาหกรรมไม่เก่ยี วข้องกบั คนกลางในขอ้ ใด
ก. พอ่ คา้ ปลีก ข. พอ่ คา้ ส่ง
ค. ตวั แทนจาหน่าย ง. ตวั แทนซ้ือ
4. คนกลางที่เป็นพอ่ คา้ หมายถึงขอ้ ใด
ก. คนกลางท่ีไม่มีกรรมสิทธ์ิในสินคา้
ข. คนกลางที่มีสิทธิในการครอบครอง
ค. คนกลางที่ไมม่ ีกรรมสิทธ์ิในสินคา้ แต่มีสิทธิในการครอบครอง
ง. คนกลางที่มีกรรมสิทธ์ิในสินคา้ และมีสิทธิในการครอบครอง
5. พอ่ คา้ ส่งประเภท Cash and Carry Wholesalers คือขอ้ ใด
ก. Lotus ข. Big C
ค. Makro ง. คาร์ฟู
6. ช่องทางการจดั จาหน่ายอยใู่ นองคป์ ระกอบใดของส่วนประสมทางการตลาด
ก. Product ข. Price
ค. Place ง. Promotion
7. Agent Middlemen หมายถึงขอ้ ใด
ก. คนกลางที่มีกรรมสิทธ์ิในสินคา้ ที่จาหน่าย ข. คนกลางที่มีสิทธิในการครอบครอง
ค. คนกลางที่เป็นพอ่ คา้ ง. คนกลางท่ีเป็นตวั แทน
8. คนกลางที่มีกรรมสิทธ์ิในสินคา้ หรือบริการที่จาหน่าย คือขอ้ ใด
ก. พอ่ คา้ ปลีกและพอ่ คา้ ส่ง ข. คนกลางที่เป็นตวั แทน
ค. นายหนา้ ง. ตวั แทนขาย
-65-
9. การจดั จาหน่ายรูปแบบใหมผ่ า่ นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เรียกวา่ อะไร
ก. Retailing ข. E-book
ค. Direct Marketing ง. E - Commerce
10. Selective Distribution คือขอ้ ใด
ก. การเลือกใชค้ นกลางท่ีมีคุณสมบตั ิเหมาะสม ข. การเลือกใชค้ นกลางมากที่สุด
ค. การเลือกใชค้ นกลางนอ้ ยท่ีสุด ง. การเลือกใชค้ นกลางแบบปานกลาง
11. ขอ้ ใดคือปัจจยั ท่ีนามาใชใ้ นการตดั สินใจเลือกช่องทางการจดั จาหน่าย
ก. เทคโนโลยี ข. สังคมและวฒั นธรรม
ค. ลกั ษณะของตลาด ง. ลกั ษณะทางเศรษฐกิจ
12. โรบินสัน จดั เป็นร้านคา้ ปลีกประเภทใด
ก. ร้านคา้ ปลีกสิทธิบตั ร ข. ร้านสรรพสินคา้
ค. ร้านขายสินคา้ เฉพาะอยา่ ง ง. ร้านสะดวกซ้ือ
13. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบของการกระจายสินคา้
ก. การจดั เกบ็ สินคา้ คงคลงั ข. การกาหนดวธิ ีการในการขนส่ง
ค. การกาหนดระบบการจดั เก็บสินคา้ คงเหลือ ง. การกาหนดจานวนคนกลาง
14. ผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ยคือลูกคา้ ท่ีใกลช้ ิดกบั คนกลางประเภทใดมากที่สุด
ก. พอ่ คา้ ปลีก ข. ผใู้ ชเ้ พ่อื การอุตสาหกรรม
ค. ตวั แทนจาหน่าย ง. พอ่ คา้ ส่ง
15. ขอ้ ใดคือลกั ษณะของพ่อคา้ ปลีกแบบร้านสรรพสินคา้
ก. เปิ ดบริการตลอด 24 ชวั่ โมง ข. การจดั สินคา้ ท่ีจาหน่ายออกเป็นแผนก
ค. ขายสินคา้ ในราคาถูกกวา่ ร้านคา้ ปลีกประเภทอ่ืน ง. คา่ ใชจ้ ่ายในการดาเนินงานต่า
16. พอ่ คา้ ปลีกท่ีมีคา่ ใชจ้ า่ ยในการดาเนินงานมากท่ีสุดคือขอ้ ใด
ก. ร้านคา้ ปลีกทางไปรษณีย์ ข. ร้านสรรพาหาร
ค. ร้านสรรพสินคา้ ง. ร้านสะดวกซ้ือ
17. Direct Marketing เก่ียวขอ้ งกบั ขอ้ ใด
ก. พอ่ คา้ ปลีก ข. พนกั งานขายสินคา้
ค. การจดั แสดงสินคา้ ง. ส่ือโทรทศั น์
18. การขนส่งท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุด ราคาสูงที่สุดคือขอ้ ใด
ก. การขนส่งทางเรือ ข. การขนส่งทางบก
ค. การขนส่งทางท่อ ง. การขนส่งทางอากาศ
-66-
19. รูปแบบการขนส่งที่นิยมกนั มากที่สุด เพราะสะดวก รวดเร็ว สามารถเขา้ ถึงลูกคา้ ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง
ไดแ้ ก่ขอ้ ใด
ก. การขนส่งทางเรือ ข. การขนส่งทางบก
ค. การขนส่งทางทอ่ ง. การขนส่งทางอากาศ
20. สินคา้ สะดวกซ้ือควรเลือกใชค้ นกลางในระดบั ใด
ก. การเลือกใชค้ นกลางที่มีคุณสมบตั ิเหมาะสม ข. การเลือกใชค้ นกลางนอ้ ยที่สุด
ค. การเลือกใชค้ นกลางมากที่สุด ง. การเลือกใชค้ นกลางแบบปานกลาง
21. ขอ้ ใดคือช่องทางการจดั จาหน่ายโดยออ้ ม (Indirect Channel)
ก. การขายตรง ข. การตลาดทางตรง
ค. การใชพ้ นกั งานขายตรง ง. การใชค้ นกลาง
22. Big C และ Lotus ตรงกบั ขอ้ ใด
ก. เป็นพอ่ คา้ ปลีกท่ีเรียกวา่ Modern Trade ข. พอ่ คา้ ส่งท่ีขายสินคา้ หลายหน่วย
ค. พอ่ คา้ ปลีกท่ีขายสินคา้ ราถูก ง. พอ่ คา้ ปลีกที่ขายสินคา้ เฉพาะอยา่ ง
23. เซเวน่ อีเลฟเวน่ เป็นพ่อคา้ ปลีกประเภทใด
ก. พอ่ คา้ ปลีกแบบราคาถูก ข. พอ่ คา้ ปลีกที่เป็นผผู้ ลิต
ค. พอ่ คา้ ปลีกแบบร้านสรรพสินคา้ ง. พอ่ คา้ ปลีกท่ีไดร้ ับสิทธิบตั ร
24. พอ่ คา้ ปลีกประเภทใดท่ีมีจานวนมากท่ีสุดในระบบเศรษฐกิจ
ก. พอ่ คา้ ปลีกแบบอิสระ ข. พอ่ คา้ ปลีกแบบลูกโซ่
ค. พอ่ คา้ ปลีกแบบขายสินคา้ ราคาถูก ง. พอ่ คา้ ปลีกแบบสหกรณ์ผบู้ ริโภค
25. Multi Level Marketing เก่ียวกบั ขอ้ ใด
ก. การขายตรงแบบช้นั เดียว ข. การขายตรงหลายช้นั
ค. การขายตรงโดยใชพ้ นกั งานขาย ง. การตลาดทางตรง
******************************
-67-
ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหอ้ ่านขอ้ ความต่อไปน้ี ขอ้ ความใดกล่าวถูกใหใ้ ส่เคร่ืองหมาย “” ขอ้ ความใดผดิ ใหใ้ ส่
เครื่องหมาย “X” หนา้ ขอ้ ความน้นั
............1. การตลาดทางตรงจดั เป็ นช่องทางการจดั จาหน่ายโดยการส่งพนกั งานขายไปพบลูกคา้
.............2. คนกลางใหข้ อ้ มูลข่าวสารเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑแ์ ก่ผบู้ ริโภค เพ่ือนาไปเป็ นขอ้ มลู ประกอบ
ในการตดั สินใจซ้ือสินคา้ หรือบริการใหต้ รงกบั ความตอ้ งการไดม้ ากข้ึน
............3. Broker เป็นคนกลางประเภทประเภทพอ่ คา้
............4. ประโยชน์ที่คนกลางมีต่อผผู้ ลิตคือการสร้างอรรถประโยชน์ใหแ้ ก่ผลิตภณั ฑข์ องคนกลาง
............5. ช่องทางท่ีสินคา้ ผา่ นจากคนกลางที่เป็นพอ่ คา้ ปลีกไปสู่ผบู้ ริโภคเป็ นช่องทางการจดั จาหน่าย
สินคา้ บริโภค
............6. สื่อส่ิงพิมพค์ ือสื่อท่ีนาเสนอขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑด์ ว้ ยรูปภาพ ขอ้ ความท่ีจดั ทาเป็ นแผน่ พบั
แผน่ ปลิว หรือแคตตาล็อค
............7. แอมเวย์ ประเทศไทย เป็นพอ่ คา้ ปลีกท่ีมีลกั ษณะการดาเนินงานแบบการขายตรงหลายช้นั
............8. Makro จดั เป็นพ่อคา้ ส่งพอ่ คา้ ส่งที่ทาหนา้ ท่ีอยา่ งเตม็ ท่ี
............9. รูปแบบการขนส่งสินคา้ ท่ีนามาใชไ้ ดเ้ ฉพาะกบั สินคา้ ท่ีมีลกั ษณะเป็นของเหลวหรือแก๊สคือ
การขนส่งทางบก
..........10. ทีวไี ดเร็ค (T.V. Direct) เป็นช่องทางการจดั จาหน่ายทางออ้ ม
ตอนท่ี 3
คาชี้แจง ใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามต่อไปน้ีเป็นคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ
1. การจาหน่ายสินคา้ ของ TV. Direct จดั เป็ นช่องทางการจดั จาหน่ายที่เรียกวา่ ...........................................
2. บุคคลท่ีสาคญั ในช่องทางการจดั จาหน่าย ไดแ้ ก่.......................................................................................
3. การขายตรงแบบหลายช้นั .........................................................................................................................
4. ศูนยก์ ารคา้ Central Plaza จดั เป็ นพอ่ คา้ ปลีกที่เรียกวา่ .............................................................................
5. ..............................................................หมายถึง ระบบการบริหารกิจกรรมของช่องทางการจดั จาหน่าย
สินคา้ และบริการ
-68-
11. บนั ทกึ หลงั การสอน (ตามเอสารบนั ทกึ หลังสอนเพม่ิ เตมิ )
12. ข้อคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
รหัสวชิ า …….30200-1002…………ช่ือวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังที่ …16-17.…..หน่วยที่ ...10.. ชื่อหน่วย......การส่งเสริมการตลาด..(Marketing Promotion).............
......................................................................................................................................................เวลา 6 ชม.
1. สาระสาคญั
หลงั จากท่ีธุรกิจไดม้ ีการจดั เตรียมผลิตภณั ฑ์ท่ีเหมาะสมกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ช้
และกลุ่มตลาดเป้ าหมาย กาหนดราคาที่ตลาดยอมรับ เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจและสามารถแข่งขนั กบั คู่แข่ง
ขนั ในตลาดไดต้ ามที่ตอ้ งการ กาหนดรูปแบบและวธิ ีการในการจดั จาหน่ายสินคา้ ท่ีเหมาะสมสามารถเขา้ ถึง
ผบู้ ริโภคไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ กิจกรรมการตลาดที่ตอ้ งดาเนินการเป็ นลาดบั ต่อมาคือ การส่งเสริมการตลาด
ซ่ึงเป็นกิจกรรมการตลาดที่เก่ียวกบั การใหข้ อ้ มูลผลิตภณั ฑ์ การโนม้ นา้ วชกั ชวน การสร้างความสนใจ สร้าง
ความตอ้ งการใหเ้ กิดแก่สินคา้ หรือบริการของกิจการเพื่อนาไปสู่การตดั สินใจซ้ือสินคา้ หรือบริการน้นั ๆ การ
ส่งเสริมการตลาดนบั ไดว้ า่ เป็ นกิจกรรมการตลาดที่สาคญั อีกประการหน่ึงในองคป์ ระกอบของส่วนประสม
ทางการตลาด และมีความสาคญั อย่างย่ิงต่อการทาให้สินคา้ หรือบริการขายได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์
การตลาดปัจจุบนั ที่ผบู้ ริโภคมีจานวนมาก การแขง่ ขนั ที่เขม้ ขน้ ทาใหผ้ ลิตภณั ฑ์ของแต่ละธุรกิจแทบจะไม่มี
ความแตกต่างกนั การส่งเสริมการตลาดจึงเป็ นกิจกรรมที่จะทาให้ผบู้ ริโภคได้รู้จกั สร้างความสนใจ โน้ม
นา้ ว จูงใจ และกระตุน้ ผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละกลุ่มตลาดเป้ าหมาย ให้เกิดความตอ้ งการผลิตภณั ฑ์ของธุรกิจ
มากกวา่ ผลิตภณั ฑข์ องคู่แข่งขนั ได้ ซ่ึงมีวธิ ีการดาเนินการไดห้ ลากหลายรูปแบบ ไดแ้ ก่ การโฆษณา การใช้
พนักงานขาย การส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพนั ธ์ การส่งเสริมการตลาดแต่ละรูปแบบมีความ
เหมาะสมกบั ผลิตภณั ฑ์ และจุดมุ่งหมายในการใช้ต่างกนั การที่ กิจการจะเลือกใช้วิธีการส่งเสริมการตลาด
ในรูปแบบใดบา้ งน้นั ข้ึนอยู่กบั วตั ถุประสงค์และศกั ยภาพของแต่ละธุรกิจ นักการตลาดจึงจาเป็ นตอ้ ง
จดั การส่งเสริมการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพจึงจะทาให้ผลของการดาเนินงานทางการตลาดประสบ
ความสาเร็จไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สามารถแขง่ ขนั ได้ และบรรลุวตั ถุประสงคต์ ามท่ีองคก์ ารกาหนด
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1 แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายของการส่งเสริมการตลาด
2.2 แสดงความรู้เกี่ยวกบั กระบวนการในการส่ือสารการตลาดและการส่งเสริมการตลาด
2.3 แสดงความรู้เก่ียวกบั วตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาด
2.4 แสดงความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั การจาแนกส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด
2.5 ทกั ษะในการตดั สินใจเลือกวธิ ีการในการส่งเสริมการตลาดใหส้ อดคลอ้ งกบั วงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์
2.6 บรู ณาการคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณในการนาเสนอการส่งเสริมการตลาด
-71-
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป
3.1.1 รู้ความหมายของการส่งเสริมการตลาด
3.1.2 เขา้ ใจกระบวนการการส่งเสริมการตลาด
3.1.3 รู้วตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาด
3.1.4 รู้และเขา้ ใจส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด
3.1.5 เขา้ ใจวธิ ีการในการส่งเสริมการตลาด
3.1.6 ส่งเสริมการตลาดอยา่ งมีจรรยาบรรณหรือมีคุณธรรม
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1 บอกความหมายของการส่งเสริมการตลาดได้
3.2.2 บอกวตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาดได้
3.2.3 บอกความหมายของส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดได้
3.2.4 บอกองคป์ ระกอบของส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดได้
3.2.5 อธิบายลกั ษณะของส่วนประสมการส่งเสริมการตลาดแตล่ ะองคป์ ระกอบได้
3.2.6 เลือกวธิ ีการในการส่งเสริมการตลาดใหส้ อดคลอ้ งกบั ผลิตภณั ฑแ์ ละวงจรชีวติ ผลิตภณั ฑ์ได้
3.2.7 อธิบายกระบวนการในการติดต่อส่ือสารได้
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของการส่งเสริมการตลาด (Marketing Promotion)
4.2 วตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาด ( Promotion Objective )
4.2.1 เพอ่ื เป็ นการบอกกล่าว
4.2.2 เพื่อโนม้ นา้ วหรือชกั ชวน
4.2.3 เพื่อเตือนความจา
4.3 ส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด ( Promotion Mix )
4.3.1 ความหมายของส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด
4.3.2 องคป์ ระกอบของส่วนประสมการส่งเสริมการตลาด
4.4 กระบวนการในการติดตอ่ ส่ือสาร
4.4.1 แหล่งที่มาของขา่ วสารหรือผสู้ ่งสาร (Source or Sender)
4.4.2 การเขา้ รหสั (Encoding)
4.4.3 ช่องทางของข่าวสาร (Media)
4.4.4 การถอดรหสั (Decoding)
-72-
4.4.5 ผรู้ ับขา่ วสาร (Receiver or Consumer)
4.4.6 ขอ้ มลู ยอ้ มกลบั (Feedback)
4.5 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 ทบทวนเกี่ยวกบั ส่วนประสมการตลาดท้งั 3 องคป์ ระกอบท่ีศึกษามาแลว้ โดยใหผ้ เู้ รียนร่วมสรุปวา่ มี
อะไรบา้ ง ในบทเรียนน้ีจะศึกษาส่วนประสมการตลาดตวั สุดทา้ ยคือ “Promotion” ใหผ้ เู้ รียนร่วมแสดงความ
คิดเห็นกบั คาวา่ การส่งเสริมการตลาดเพ่ือนามาสรุปความหมายที่ถูกตอ้ ง
5.2 การสอน
อธิบายใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเรื่องการส่งเสริมการตลาดตามรายละเอียดท่ีปรากฏในส่วนของ
เน้ือหาสาระของแผนการสอน ขณะสอนพยายามหาวธิ ีการสอนท่ีกระตุน้ ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ่วมแสดงความคิดเห็น
ยกตวั อยา่ งการส่งเสริมทางการตลาดแตล่ ะรูปแบบท่ีผเู้ รียนไดส้ มั ผสั จริงในแตล่ ะวนั เพื่อใหเ้ กิดการเรียนรู้ที่
สร้างความเขา้ ใจไดง้ ่ายข้ึน
5.3 การสรุป
สรุปสาระสาคญั เร่ืองการส่งเสริมการตลาดท่ีมีต่อการดาเนินงานทางการตลาดให้ประสบความสาเร็จ
โดยกาหนดรูปแบบของการส่งเสริมการตลาดให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ กลุ่มเป้ าหมายและ
ลกั ษณะการประกอบการของธุรกิจ
6. ส่ือการเรียนรู้
6.1 เอกสารประกอบการสอนวชิ า หลกั การตลาด เรียบเรียงโดย นางสุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร
บธ.บ. (การตลาด) ครูชานาญการพเิ ศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพษิ ณุโลก
6.2 จากสภาพการตลาดจริงท่ีผเู้ รียนมีประสบการณ์มา
6.3 จากสภาพการดารงชีวติ ประจาวนั ของผเู้ รียน
7. การวดั ผลประเมินผล
7.1. การตรวจงานที่มอบหมาย
7.2. การตรวจแบบประเมินผลการเรียนประจาหน่วย โดยกาหนดเกณฑด์ งั น้ี
คะแนน 23-30 อยใู่ นระดบั ดีมาก
คะแนน 16-22 อยใู่ นระดบั ดี
คะแนน 7-15 อยใู่ นระดบั พอใช้
คะแนนต่ากวา่ 7 ควรปรับปรุงและประเมินใหม่
-73-
8. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานทีม่ อบหมาย
8.1 ใหผ้ เู้ รียนนาการส่งเสริมการตลาดรูปแบบต่าง ๆ ท่ีพบเห็นไดใ้ นชีวติ ประจาวนั หรือทางสื่อต่างๆ มา
คนละ 1 ชิ้นงาน แลว้ ใหบ้ อกวา่ เป็นการส่งเสริมการตลาดรูปแบบใด จุดที่ส่ือสารเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์
คือส่วนใด ส่วนที่โนม้ นา้ วชกั จูงใหผ้ รู้ ับสารสนใจและตดั สินใจซ้ือคือส่วนใด
8.2 ใหผ้ เู้ รียนรวบรวมรูปแบบและชนิดของการส่งเสริมการตลาด จดั ทาเป็นรายงานส่ง
8.3 ใหผ้ เู้ รียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4 คน เพื่อสืบคน้ ขอ้ มูลทางระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์เก่ียวกบั ธุรกิจท่ีใช้
คอมพวิ เตอร์เป็ นสื่อในการส่งเสริมการตลาดมากลุ่มละ 5 ตวั อยา่ ง โดยบอก ชื่อบริษทั ที่ทาการ
ส่งเสริมการตลาด ช่ือของแวบไซด์
9. เอกสารอ้างองิ
หนงั สือ หลกั การตลาด (Principle of Marketing) แตง่ โดย สุคนธจรินทร์ ไกรศรวชั ร บธ.บ. (การตลาด)
ครูชานาญการพิเศษ วทิ ยาลยั พณิชยการบึงพระพิษณุโลก พมิ พโ์ ดย บริษทั ศนู ยห์ นงั สือเมืองไทย จากดั
10. แบบประเมนิ ผลการเรียนประจาหน่วยการเรียน
-74-
แบบทดสอบหลังเรียน
วชิ า หลกั การตลาด (3200-1003)
หน่วยท่ี 10 เรื่อง การส่งเสริมการตลาด
ตอนท่ี 1
คาชี้แจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ีถูกตอ้ งท่ีสุดพยี งคาตอบเดียว นาอกั ษรหนา้ คาตอบที่เลือกไปใส่ใน
กระดาษคาตอบ
1. วตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาดคือ
ก. เพ่ิมปริมาณการขายใหส้ ูงข้ึนในช่วงเวลาส้ัน ๆ
ข. ใหข้ อ้ มูลขา่ วสารเก่ียวกบั ความเคล่ือนไหวของกิจการในดา้ นตา่ ง ๆ
ค. ใหข้ อ้ มูลขา่ วสารเกี่ยวกบั สินคา้ หรือบริการและโนม้ นา้ วใหเ้ กิดการตดั สินใจซ้ือ
ง. การส่งเสริมการสื่อสารทางการตลาดใหม้ ีประสิทธิภาพมากข้ึน
2. กระบวนการในการติดต่อส่ือสารขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก. ผสู้ ่งสาร ช่องทางของข่าวสาร การเขา้ รหสั การถอดรหสั ผรู้ ับสาร
ข. ผสู้ ่งสาร การเขา้ รหสั ช่องทางของข่าวสาร การถอดรหสั ผรู้ ับสาร
ค. ผสู้ ่งสาร การถอดรหสั ช่องทางของข่าวสาร การเขา้ รหสั ผรู้ ับสาร
ง. ผสู้ ่งสาร การเขา้ รหสั การถอดรหสั ช่องทางของขา่ วสาร ผรู้ ับสาร
3. การตีความเก่ียวกบั ภาษา รูปภาพ หรือวธิ ีการท่ีผสู้ ่งสารส่งผา่ นช่องทางของขา่ วสาร เรียกวา่
ก. การส่ือสาร ข. การเขา้ รหสั
ค. การเลือกช่องทางของข่าวสาร ง. การถอดรหสั
4. บุคคลที่กิจการตอ้ งการส่งขอ้ มูลข่าวสารเกี่ยวกบั สินคา้ หรือบริการไปถึง เรียกวา่
ก. ผสู้ ่งสาร ข. ผรู้ ับสาร
ค. ผถู้ อดรหสั ง. ผเู้ ขา้ รหสั
5. วตั ถุประสงคข์ องการส่งเสริมการตลาดประการสุดทา้ ยคือ
ก. การเตือนความจา ข. การบอกกล่าว
ค. การชกั ชวน ง. การโนม้ นา้ ว
6. ขอ้ ใดคือองคป์ ระกอบของส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด
ก. Production ข. Management
ค. Advertising ง. Promotion
7. การโฆษณาที่มีการกระจายขอ้ มลู ข่าวสารเก่ียวกบั สินคา้ ในบริเวณกวา้ งเพื่อมุ่งสู่ผบู้ ริโภคทวั่ ไปเรียกวา่ อะไร
ก. การโฆษณาระดบั ชาติ ข. การโฆษณาคา้ ปลีก
ค. การโฆษณาการคา้ ง. การโฆษณาสั่งซ้ือทางไปรษณีย์
-75-
8. ส่ือโฆษณาที่ตอ้ งใชค้ ่าใชจ้ ่ายในการโฆษณาสูงท่ีสุดไดแ้ ก่ขอ้ ใด
ก. วทิ ยุ ข. ป้ ายโฆษณากลางแจง้
ค. สื่อโฆษณาเคล่ือนท่ี ง. ส่ือโทรทศั น์
9. ส่ือการโฆษณาที่นามาใชเ้ ป็นชนิดแรกคือขอ้ ใด
ก. สื่อวทิ ยุ ข. สื่อส่ิงพมิ พ์
ค. ส่ือโทรทศั น์ ง. สื่อยานพาหนะ
10. สื่อที่กาลงั ไดร้ ับความนิยมนามาใชใ้ นการโฆษณาในปัจจุบนั มากข้ึนคือขอ้ ใด
ก. ส่ือคอมพิวเตอร์ ข. ส่ือวทิ ยุ
ค. ส่ือหนงั สือพิมพ์ ง. ส่ือโทรทศั น์
11. งบประมาณการโฆษณาในขอ้ ใดที่ค่าใชจ้ า่ ยในการโฆษณาไมส่ ัมพนั ธ์กบั ประสิทธิภาพในการโฆษณา
ก. จดั ตามร้อยละของยอดขาย ข. จดั ตามคู่แข่งขนั
ค. จดั ตามจุดมุ่งหมายของงาน ง. จดั ตามเงินทุนของกิจการ
12. การส่งเสริมการตลาดท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุดคือขอ้ ใด
ก. การโฆษณา ข. การส่งเสริมการขาย
ค. การใชบ้ ุคคล ง. การประชาสัมพนั ธ์
13. การใชส้ ่ิงต่าง ๆ เพื่อกระตุน้ ใหเ้ กิดการซ้ือสินคา้ หรือบริการในช่วงเวลาส้ัน ๆ เรียกวา่ อะไร
ก. การโฆษณา ข. การส่งเสริมการขาย
ค. การใชบ้ ุคคล ง. การประชาสมั พนั ธ์
14. รูปแบบการส่งเสริมการขายในขอ้ ใดไม่ใช่การส่งเสริมการขายท่ีมุ่งสู่ผบู้ ริโภค
ก. การแจกของตวั อยา่ ง ข. การใชค้ ูปอง
ค. การใหเ้ งินสดหรือของขวญั ง. การคืนเงิน
15. บริษทั อินเตอร์เนชนั่ แนล คอสเมติกส์ จากดั ร่วมกบั ทอ๊ ปแลนดพ์ ลาซ่า จดั รายการสมนาคุณอยา่ ง
จุใจ จดั เป็นลกั ษณะของการส่งเสริมการตลาดในขอ้ ใด
ก. การโฆษณาร่วม ข. การใหส้ ินคา้ ฟรี
ค. การจดั แสดงสินคา้ ณ แหล่งซ้ือ ง. การใหส้ ่วนลดพิเศษ
*******************************
-76-
ตอนท่ี 2
คาชี้แจง ใหเ้ ลือกคาตอบที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดียว จากตอน ข โดยนาอกั ษรหนา้ คาตอบท่ีเลือก
ไปใส่หนา้ ขอ้ ในตอน ก
ตอน ก
................1. Retail Advertising
................2. สื่อโฆษณาท่ีมีประสิทธิภาพสูงสุด
................3. Outdoor Advertising
................4. วตั ถุประสงคส์ าคญั ของการส่งเสริมการตลาด
................5. สื่อโฆษณาที่ครอบคลุมอาณาเขตการขายไดก้ วา้ งไกลทว่ั โลก
................6. Advertising
................7. การดาเนินงานท่ีก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจอนั ดีระหวา่ งองคก์ ารกบั ธุรกิจภายนอกท้งั ท่ีเป็น
ผบู้ ริโภคและไม่ใช่ผบู้ ริโภค
................8. การถอดรหสั
................9. วธิ ีการส่งเสริมการขายที่เหมาะสาหรับแนะนาผลิตภณั ฑใ์ หม่
..............10. หนงั สือพมิ พ์
..............11. การโฆษณา การขายโดยบุคคล การส่งเสริมการขาย การประชาสัมพนั ธ์
..............12. วธิ ีการส่งเสริมการตลาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
..............13. ดาเนินการตอบสนองความตอ้ งการของสังคมอยา่ งยตุ ิธรรม
..............14. การส่งเสริมการตลาดรูปแบบท่ีใชบ้ ุคคลหรือพนกั งานขาย
..............15. การจดั สรรงบประมาณท่ีเหมาะสาหรับผลิตภณั ฑท์ ่ีอยใู่ นวงจรชิวติ ระยะแนะนา
-77-
ตอน ข
A. การตีความออกมาเป็นรูปภาพ เร่ืองราว
B. วทิ ยุ
C. เสียคา่ ใช่จ่ายในการโฆษณาสูงสุด
D. จรรยาบรรณนกั การตลาด
E. การส่งเสริมการขาย
F. เรียกวา่ การเขา้ รหสั
G. Trading Stamps
H. Trade Advertising
I. Big C ลดกระหน่าฉลองวนั แม่แห่งชาติ
J. งบประมาณการโฆษณา
K. การส่ือสารขอ้ มลู เก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์
L. จดั ตามจุดมุ่งหมายของงาน
M. Price Pack
N. เพื่อบอกกล่าว ชกั ชวน และเตือนความจา
O. จดั ตามเปอร์เซ็นตข์ องยอดขาย
P. โทรทศั น์
Q. Public Relation
R. ป้ ายโฆษณาขายบา้ นของ วนา เลคโฮม
S. ประกอบดว้ ยข้นั ตอนที่สาคญั 6 ข้นั ตอน
T. Internet Advertising
U. เป็นส่ือโฆษณาท่ีเสียค่าใชจ้ า่ ยนอ้ ยที่สุด
V. การส่งชิ้นส่วนไปชิงโชค
W. Promotion Mix
X. การใชพ้ นกั งานขาย
Y. Sample
Z. เป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two way Communication )
**************************************
-78-
11. บนั ทกึ หลงั การสอน (ตามเอสารบนั ทกึ หลังสอนเพม่ิ เตมิ )
12. ข้อคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะ
แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย
รหสั วชิ า …….30200-1002…………ช่ือวชิ า …หลกั การตลาด……(Principle of Marketing)...........….3(3)
สอนคร้ังที่ …18.…..หน่วยท่ี ...11.. ชื่อหน่วย......เทคโนโลยที างการตลาด….(Technology of Marketing)…
......................................................................................................................................................เวลา 3 ชม.
1. สาระสาคัญ
จากพฒั นาการของเทคโนโลยดี า้ นการสื่อสารโทรคมนาคม และระบบคอมพวิ เตอร์ส่งผลให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงในดา้ นต่างๆ มากมาย ท้งั ในดา้ นการดาเนินชีวิตของคนในสังคม การดาเนินธุรกิจ และ
เศรษฐกิจของประเทศ การตลาดซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงในระบบเศรษฐกิจมีความจาเป็นอยา่ งยงิ่ ท่ีตอ้ งนาเทคโนโลยี
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชนต์ ่อการดาเนินงานการตลาดในดา้ นต่างๆ ใหม้ ีความทนั สมยั เพือ่ ความอยรู่ อด
หรือเพ่อื เพมิ่ ขีดความสามารถในการแขง่ ขนั ตลอดจนการกา้ วข้ึนเป็ นผนู้ าในธุรกิจน้นั ท้งั ในดา้ นการผลิต
การจดั จาหน่ายหรือการบริการ ผปู้ ระกอบการทางธุรกิจสามารถนาการพฒั นาการดา้ นเทคโนโลยมี าบรู ณา
การในการดาเนินธุรกิจได้ 2 ดา้ นที่สาคญั คือดา้ นการตลาดและดา้ นการบริหารการตลาด ดา้ นการตลาดของ
ธุรกิจไดม้ ีการนาเทคโนโลยมี าประยกุ ตใ์ ชห้ ลากหลายรูปแบบ หลายลกั ษณะ เพื่อให้กิจการสามารถประสบ
ความสาเร็จตามจุดมุ่งหมาย เรียกว่า การพาณิชยอ์ ิเล็กทรอนิกส์ (Electronic – Commerce) ส่วนในดา้ น
การบริหารการตลาด ไดน้ าการพฒั นาการเทคโนโลยมี าประยกุ ต์ ใชใ้ นดา้ นการจดั การคลงั สินคา้ เช่น การใช้
ระบบ POS (Point of Sale) ระบบบาร์โคด๊ (Barcode) และการจดั การดา้ นเอกสารท่ีเกี่ยวกบั กระบวนการ
ทางธุรกิจในดา้ นต่างๆ เช่น การใชร้ ะบบ EDI (Electronic Data Interchange)
2. สมรรถนะประจาหน่วย
2.1. แสดงความรู้เก่ียวกบั ความหมายของเทคโนโลยที างการตลาด
2.2. แสดงความรู้เก่ียวกบั ความสาคญั ของเทคโนโลยที างการตลาด
2. 3. แสดงความรู้เกี่ยวกบั ประโยชน์เทคโนโลยที างการตลาด
2.4. อธิบายลกั ษณะของเทคโนโลยที ี่นามาใชท้ างการตลาดในแต่ละลกั ษณะได้
2.5. สามารถใชเ้ ทคโนโลยที างการตลาดจากเครื่องมือที่มีอยู่
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จุดประสงคท์ ว่ั ไป
3.1.1 รู้ความหมายของความหมายของเทคโนโลยี
3.1.2 เขา้ ใจความสาคญั ของเทคโนโลยที างการตลาด
3.1.3 รู้ประโยชน์เทคโนโลยที างการตลาด
3.1.4 รู้และเขา้ ใจลกั ษณะของลกั ษณะของเทคโนโลยที ่ีนามาใชท้ างการตลาดในแต่ละลกั ษณะ
3.1.5 เขา้ ใจวธิ ีการนาเทคโนโลยมี าใชก้ บั ลกั ษณะการดาเนินงานทางการตลาด
-81-
3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
3.2.1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความหมายของเทคโนโลยที างการตลาด
3.2.2. แสดงความรู้เกี่ยวกบั ความสาคญั ของเทคโนโลยที างการตลาด
3.2.3. แสดงความรู้เก่ียวกบั ประโยชน์เทคโนโลยที างการตลาด
3.2.4. อธิบายลกั ษณะของเทคโนโลยที ่ีนามาใชท้ างการตลาดในแต่ละลกั ษณะได้
3.2.5. สามารถใชเ้ ทคโนโลยที างการตลาดจากเครื่องมือที่มีอยู่
4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความหมายของเทคโนโลยที างการตลาด
4.2 ความสาคญั ของเทคโนโลยี
4.3 ประโยชน์ของเทคโนโลยี
4.4 โทษของเทคโนโลยี
4.5 ลกั ษณะของเทคโนโลยที ี่นามาใชด้ า้ นการตลาด
4.5.1 การพาณิชยอ์ ิเลคทรอนิกส์ (Electronic – Commerce)
4.5.2 การใชร้ ะบบ POS (Point of Sale)
4.5.3 การใชร้ ะบบ EDI (Electronic Data Interchange)
4.5.4 การใชร้ ะบบบาร์โคด๊ (Barcode)
4.6 บทสรุป
5. กจิ กรรมการเรียนรู้
5.1 ทบทวนเก่ียวกบั ส่วนประสมการตลาดท่ีศึกษามาแลว้ โดยใหผ้ เู้ รียนร่วมสรุปวา่ มีอะไรบา้ ง จากน้นั
อธิบายถึงการนาเทคโนโลยมี าใชท้ างการตลาดเพ่อื ใหเ้ กิดผลดี สะดวก รวดเร็ว ทนั สมยั เขา้ ถึงผบู้ ริโภคได้
อยา่ งทวั่ ถึง การตลาดในปัจจุบนั จาเป็นอยา่ งยง่ิ ที่จะตอ้ งให้ความสาคญั กบั การพฒั นาการดา้ นเทคโนโลยี
เพราะเป็ นส่วนสาคญั ในการจดั การกิจกรรมการตลาดในดา้ นต่างๆ ท้งั ในดา้ นการผลิตสินคา้ การจดั จาหน่าย การ
ส่งเสริมการตลาด และกิจกรรมอื่นๆ เพ่ือเพ่ิมศกั ยภาพการดาเนินงานการตลาดใหส้ ามารถ ตอบสนองความ
ตอ้ งการของผบู้ ริโภคหรือผใู้ ชแ้ ละกลุ่มตลาดเป้ าหมายไดห้ ลากหลายอยา่ งมีประสิทธิภาพ ทนั สมยั และ
สามารถแข่งขนั ไดอ้ ยา่ งมีคุณภาพ ใหผ้ เู้ รียนร่วมแสดงความคิดเห็นกบั คาวา่ เทคโนโลยคี นละหน่ึงอยา่ งแลว้
นามาสรุปความหมายที่ถูกตอ้ ง