The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระบรมวงศานุวงศ์ที่บทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mei Mei, 2022-11-25 01:30:14

พระบรมวงศานุวงศ์ที่บทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย

พระบรมวงศานุวงศ์ที่บทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย

พ ร ะ บ ร ม ว ง ศ า นุ ว ง ศ์ ที่ มี บ ท บ า ท
ใ น ก า ร ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ช า ติ ไ ท ย

จัดทำโดย
1.นายกุลธวัช วาทีโกวิท เลขที่ 5
2.นายปัณณวิชญ์ ธีระวัฒนศักดิ์ เลขที่7
3.นายพุทธินันท์ จันทร์อ่อน เลขที่8
4.นายพิทวัส โตวัฒนกิจ เลขที่13
5. น.ส.ปณิชา บรรเรืองทอง เลขที่19
6.น.ส.พัทธ์ธีรา ภัทรพรทวีวัฒน์ เลขที่23
7.น.ส.พิมลพรรณ วีระนันทาเวทย์ เลขที่24
8.น.ส.พิชญาภัค ฉังทับ เลขที่26
9.น.ส.ธนภรณ์ ดุลย์ชูประภา เลขที่29
10.น.ส.นงนภัส คำนนท์ เลขที่30
11.น.ส.ปุณณภา เตชพัฒน์ เลขที่ 33

เสนอ
คุณครูกนกพร สุขสาย

คำนำ

E-bookเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
ประวัติศาสตร์ (ส31112)มีประวัตถุประเพื่อ
ศึกษาพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีบทบาทใน
การสร้างสรรค์ชาติไทย โดยรายละเอียด
ในการศึกษามีดังนี้พระประวัติของ
พระบรมวงศานุวงศ์พระกรณียกิจที่
สำคัญในต่างๆในของเเต่ละท่าน

คณะผู้จัดทำ

สารบัญ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส หน้า
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท 4
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ 5
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ 6
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ 7
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 8
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส 9
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 10
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก 11
พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ 12
พระยาอนุมานราชธน 13
14

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กรมพระยาวชิรญาณวโรรส


(มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ.2408-2468)

สมเด็จพระมหาสมณะจ้าวกรม พระประวัติ
พระยา วชิรญาณวโรรสทรงมี
บทบาทสำคัญต่อคณะสงฆ์ไทยรวม สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
ถึงการจัดการศึกษาของชาติไทย วโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์
ที่10แห่งรัตนโกสินทร์มีพระนามเดิมคือ “พระองค์
และแวดวงวิชาการทาง เจ้ามนุษยนาคมานพ” ทรงเป็นพระอนุชาต่างมารดา
ประวัติศาสตร์ของชาติ ทำให้การ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติ
ศึกษาของชาติมีความเจริญก้าวหน้า เมื่อ พ.ศ.2402 ได้ทรงเป็นกรมหมื่นวชิรญาณวโร
รส แล้วเลื่อนขึ้นตามลำดับ จนในที่สุดได้เป็นสมเด็จ
เป็นประโยชน์ต่อ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และ
ทรงดำรงตำแหน่ง”สกลมหาสังฆปรินายก” ใน
พ.ศ.2453

พระกรณียกิจสำคัญ

ด้านการศึกษา ทรงได้โปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ทรงเป็นผู้รับผิดชอบการ
จัดการศึกษาของชาติในหัวเมือง โดยแยกออกจาก
กรมศึกษาธิการ ทรงแต่งตั้งพระราชาคณะไปเป็นผู้
อำนวยการตรวจสอบคณะคณะสงฆ์พร้อมทั้งแนะนำ
พระสงฆ์และฆราวาสให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ใน
ตำบลต่างๆ เท่าที่สามารถจะทำได้ ทำให้การจัดการ
ศึกษาในหัวเมืองมีความเจริญมาก
ด้านประวัติศาสตร์ พระองค์ทรงศึกษาวิชา
ประวัติศาสตร์เห็นได้จากพระนิพนธ์ประวัติศาสตร์
เห็นได้จากพระนิพนธ์ที่ปรากฏอย่างแพร่หลาย เช่น
พงศาวดารสยาม ตำนานประเทศไทย หัวข้อใน
พระราชพงศาวดารกรุงเก่า และยังมีงานพระนิพนธ์
แปลจากหนังสือต่างประเทศอีกหลายเล่ม
นิพนธ์ทางด้านประวัติศาสตร์ไทยพระองค์ในยุคที่
ไทยกำลังเผชิญกับการล่าอาณานิคมของชาติตะวัน
ตกขนาดนั้นได้กระตุ้นให้คนไทยได้รู้จักความเป็นมา
ของชนชาติไทยและเกิดความหวงแหนประเทศไทย
มากขึ้น

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงวงษาธิราชสนิท




มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ.2351-2415

พระประวัติ

ต้นราชสกุล “สนิทวงศ์” พระนามเดิมคือ “พระองค์เจ้า
นวม” เป็นพระรชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
หล้านภาลัย รัชกาลที่2 เเละเจ้าจอมมารดาปรางใหญ่
ประสูติ พ.ศ. 2351 เเละทรงสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ.2413
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในสมัยรัชกาลที่3 พระองค์เจ้านวมทรงได้รับการ
ใสนถพาป.ศน.2าข3ึ้น8เ5ป็นเเ“ลกะทรรมงหไมดื่้นรับวงรษาชากธิราราชเปส็นนิผูท้ก”ำกับกรม
หมอ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัวได้ทรงรับการสถาปนาเลื่ อนขั้นเป็นกรมหลวง
วงษาธิราชสนิท ได้ทรงกำกับราชการหาดไทย ตำเเหน่ง
พระคลังสินค้า เเละสุดท้ายได้รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา
ราชการเเผ่นดินทั่วไปจวบจนสิ้นพระชนม์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระกรณียกิจสำคัญ

กรมหลวงวงษาธิราชสนิท 1.ด้านการเเพทย์ :ทรงปรีชาสามารถในเรื่องยาไทย
ปราชญ์ผู้เป็นกำลังเเผ่นดิน
เเละเเพทย์เเผนไทย อีกทั้งยังได้ทรงศึกษาวิชาเเพทย์
ฝรั่งจนมีความรู้ความสามารถ จนทรงได้รับการ
รับรองจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง รับพระบรมราชโองการเเต่งตั้งให้ทรงว่าราชการกรม

วงษาธิราชสนิท ทรงมีบทบาทสำคัญ หมอ เเละทรงเป็นนายเเพทย์ประจำราชสำนักมาตั้ง
เเต่สมัยรัชกาลที่3 ถึงรัชกาลที่5
ทางด้านการเเพทย์ เเละการต่างประเทศ 2.ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ใน
สมัยที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเเสวงหา
จากพระกรณียกิจที่มีต่อบ้านเมือง ทำให้ อาณานิคม ของมหาอำนาจตะวันตก ทรงได้รับการ

พระองค์ทรงได้รับการยกย่องจาก โปรดเกล้า เเต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในกรรมการเจรจา เพื่อ
ทำสิทธิสัญญาทางไมตรีเเละการพาณิชย์กับราชทูต
องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และ อังกฤษ สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส จนเกิดผลดีต่อ

วัฒนธรรมเเห่งสหประชาชาติ หรือ ยู ประเทศชาติอย่างมาก
เนสโก (UNESCO) ให้เป็นบุคคล 3.ด้านภาษาและวรรณกรรม: ทรงมีความสามารถ

ในด้านโคลงกลอน เเละฉันท์ โดยได้พระนิพนธ์
วรรณกรรมไว้หลายเรื่อง เช่น เพลงยาวสามชาย
สำคัญของโลก ตำราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่นหาง โครงนิราศพระ

ประธม โครงเเละสุภาษิต จินดามณี เป็นต้น

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ

(มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ. 2501-2466)

พระราชประวัติ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรพระยาเทวะวงศ์วโร
ปการ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาเปี่ ยม (ซึ่ง
ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชริน
ทรมาตา ในรัชกาลที่ 5) สมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์
วโรปการประสูติเมื่อ พ.ศ. 2501 เมื่อยังทรงพระ
เยาว์ได้ทรงศึกษาภาษาไทย ภาษาบาลี และ ภาษา
อังกฤษ ในพระราชสำนัก เมื่อสำเร็จการศึกษาทรงได้
มาบริหารราชการแผ่นดินในรัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและรัชกาล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตราบจน
กระทั่งสิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.2466

พระราชกรณียกิจสําคัญ

ด้านการต่างประเทศ ของสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะ
วงศ์วโรปการในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดี
ว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ไทยกำลังประสบ
ปัญหาการแพร่อิทธิพลเข้ามาของชาติมหาอำนาจ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรม รัฐบาลจึงต้องใช้วิธีการเจรจาผ่อนสั้นผ่อนยาวกับ
มหาอำนาจตะวันตกโดยเฉพาะกับประเทศฝรั่งเศส
พระยาเทวะวงศ์วโรปการ ผู้ป่ะดุจดัง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ ร.ศ.112 ประเทศฝรั่ง
”พระหัตถ์ขวา”ของรัชกาลที่5 พยายามบีบบังคับเพื่อผนวกดินแดนของไทยเป็น

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวง อาณานิคมแต่ประเทศไทยก็รอดพ้นโดยอาศัย
นโยบายทางการทูต ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจา
กับฝรั่งเศส คือ สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโร
วงษาธิราชสนิท ทรงมีบทบาทสำคัญ ดป้ากนากรารเมืองการปกครอง ในช่วงปฏิรูปสู่ความทันสมัย
ในการปฏิบัติพระกรณียกิจ เพื่อ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ

ปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยทางด้านการ ทรงเข้ารับราชการแผ่นดินเป็นครั้งแรกขณะที่ยังทรง
ดำรงฐานะเป็นพระองค์เจ้าเทวัญอุทัยวงศ์ โดยทรงได้รับ
ต่างประเทศเเละทางด้านการเมืองการ การโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่
หัวให้ทรงเป็นพนักงานในสํานักงาน "ออดิต ออฟฟิศ”
ปกครอง อันเป็นผลดีต่อกาปรับปรุง (AUDIT OFFICE) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจบัญชีของกระทรวง

ประเทศเข้าสู่ความทันสมัย เพื่อความมั่น ต่างๆ แต่เนื่องจากทรงเป็นผู้รอบรู้ภาษาอังกฤษเป็น
อย่างดีจึงได้รับหน้าที่เกี่ยวกับต่างประเทศตั้งแต่ที่เข้ารับ
คงเเละความเจริญก้าวหน้า งาน ต่อมาสมเด็จฯกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการได้รับ
โปรดเกล้าฯ แต่ตั้งให้ทรงดำรงตำแหน่งเลขาธิการ รวม
ทั้งทรงเป็นปลัดบัญชีการในหอรัษฎากรพิพัฒน์ด้วย จาก
นั้นได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดี
กรมท่าเมื่อ พ.ศ. 25 ที่ภายหลังเรียกว่า “เสนาบดีผู้
ว่าการต่างประเทศ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ.2405-2486
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระบิดาเเห่งประวังติศาสตร์ พระราชประวัติ

ไทย ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 57 ใน พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับเจ้าจอมมารดาชุ่ม
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุ ทรงเป็นต้นราชสกุล “ดิศกุล” ประสูติเมื่อวันที่ 21
ภาพ ทรงประกอบพระกรณียกิจต่างๆ มิถุนายน พ.ศ.2405 ในพระบรมมหาราชวังพระองค์
มากมาย ทรงเป็นกำลังสำคัญในการ ทรงเริ่มเรียนหนังสือขั้นต้นในพระบรมมหาราชวัง และ
บริหารประเทศหลายด้าน ทั้งการเมือง เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนหลวง เมื่อพระชนม์ได้ 13
การปกครอง การศึกษา สาธารณสุข พรรษา ได้ทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระ
ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม อันก่อให้ ศรีรัตนศาสดาราม จากนั้นได้ทรงเข้าศึกษาที่โรงเรียน
นายร้อยทหารบก ได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยตรี
เกิดผลดีต่อประเทศชาติ จนเป็นที่ ทหารมหาดเล็ก บังคับกองแตรวง พระชนมายุได้
ปรากฏอย่างกว้างขวาง 15พรรษา การงานก้าวหน้ามาโดยตลอด จนได้รับพระ
มหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อน พระอิสริยยศ
เป็น“สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุ
ภาพ” เมื่อปี พ.ศ.2472

พระราชกรณียกิจ สําคัญ

ด้านการศีกษา พระองค์ทรงเริ่มงานจัดการศึกษาเป็น
ครั้งแรกในปี พ.ศ.2425 โดยเปลี่ยน “โรงเรียน
ทหารมหาดเล็ก”เป็นโรงเรียนสำหรับพลเรือน
“โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ” ทรงขยายการ
ศึกษาโดยอาศัยวัดเป็นพื้นฐาน ส่งผลให้การศึกษา
ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง ทรงก่อตั้ง “โรงเรียน
ฝึกหัดข้าราชการพลเรือน” ในปี2442 ซึ่งต่อมาได้
เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนมหาดเล็ก” และ
“จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่ง
แรกของไทย ในที่สุด
ด้านสาธารณสุข
ทรงมีพระดำริริเริ่มให้มี “โอสถศาลา” สำหรับรับ
หน้าที่ผลิตยาแจกจ่ายให้ราษฎรในตำบลห่างไกล
ปัจจุบัน “สถานีอนามัย” และทรงจัดตั้ง “ปากรสภา”
สถานที่ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งในปัจจุบันโอนไปอยู่
ในสังกัดของ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย

นอกจากนั้นยังทรงเป็นผู้วางรากฐานกิจการ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และ
หอสมุดแห่งชาติ พระองค์ท่านได้ทรงพระ
นิพนธ์หนังสือ ตำราต่าง ๆ ด้าน
ประวัติศาสตร์และโบราณคดี ไว้เป็นจำนวน
มาก

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้า
ฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์

( มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ 2406 – พ.ศ
2490 )

พระราชประวัติ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศ
รานุวัดติวงศ์ทรงเป็นพระราชโอรส ในพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระสัมพันธวงศ์
เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ในชีวิตการดำเนินงาน
ท่านทรงดำรง ตำแหน่งเป็น“เสนาบดีกระทรวง
โยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวง
กลาโหมและกระทรวงวัง”

พระราชกรณียกิจสำคัญ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า ด้านการเมืองการปกครอง ในรัชสมัยพระบาท
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นอภิ
รัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และ ในปีพ.ศ
สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุ 2475 ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการเมื่อพระบาท
วัดติวงศ์ ทรงเป็นกำลังสำคัญใน สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับนอก
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ทรง กรุงเทพฯและ ต่างประเทศ ด้านศิลปะและ
ส่งเสริมผู้มีความรู้ความสามารถให้ วัฒนธรรม ท่านทรงพระปรีชาด้านการช่างและ
เเป็นกำลังสำคัญในการสืบทอด ศิลปะเป็นอย่างมากจนได้รับการยกย่องเป็นบรม
มรดกงานช่างศิลป์ไทยจนได้รับการ ครูในการช่างและ ศิลปะ จนองค์การศึกษาวิทยา
ยกย่องเป็น “สมเด็จครู” ของช่าง ศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
(UNESCO) ได้ประกาศให้ท่านเป็นผู้มี ผลงานดี
ทั้งปวง เด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกประจำปีพ.ศ
2506 มีผลงานที่สำคัญทางด้านศิลปะ เช่น การ
ออกแบบ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิต
วนาราม เป็นต้น
ด้านดุริยางคศิลป์
ท่านมีความรอบรู้ทางด้านดุริยางคศิลป์และมี
ความสามารถทรงดนตรีได้หลายอย่างและ
พระองค์ยังทรงมี
ผลงานทางด้านการนิพนธ์เพลง เช่น เพลง
เขมรไทรโยค เป็นต้น
ด้านจิตรกรรม
ทรงมีผลงานด้านจิตรกรรมที่ทรงคุณค่า
มากมาย เช่น ภาพสีน้ำมันพระสุริโยทัยขาดคอ
ช้างประกอบโคลง
ภาพพระราชพงศาวดาร เป็นต้น

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรม
ราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

(มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ.2405-2498)

พระประวัติ

สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรม สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสา
ราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า อัยยิกาเจ้าทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอ ใน พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาเปี่ ยม ทรง
“สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระราชสมภพเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2405 ได้
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงมีพระ รับพระราชทานพระนามว่า “พระเจ้าลูกเธอพระองค์
กรณียกิจที่สำคัญต่อ ปวงชนชาว เจ้าสว่างวัฒนา” เมื่อมีพระชนมายุ 15
พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็นภรรยาเจ้าในรัชกาลที่
ไทยมาโดยตลอด ทรงได้รับการ 5 ต่อมามีการโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้พระองค์เจ้า
ประกาศยกย่องจากองค์การยูเนสโก สว่าง วัฒนาขึ้นเป็นพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระ
เป็นบุคคลสำคัญของโลก ในฐานะที่ ราชเทวี และสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรม
ราชเทวีตำแหน่ง อัครมเหสี ตามลำดับ ครั้นถึงในรัช
ทรงมีผลงานดีเด่นด้านการ สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับ
ศึกษาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และการ การสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า และในรัชสมัยพระบาท
พัฒนาอนุรักษ์วัฒนธรรม” สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ทรงได้รับ
การสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

พระกรณียกิจสำคัญ

ด้านสาธารณสุข ทรงจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จ
(ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ
ศรีราชา) ทรงริเริ่มหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้การ
รักษาแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกล และได้พระราชทานทุน
เพื่อส่งแพทย์ พยาบาลไปศึกษาต่อต่างประเทศ เพื่อ
พัฒนาวงการแพทย์ไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยัง
ทรงดำรงตำแหน่ง สภานายิกาสภาอุณาโลมแดงองค์
ที่ 2 ต่อจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
สภานายิกาพระองค์แรก เมื่อ พ.ศ. 2463 เป็นระยะ
เวลายาวนานถึง 35 ปี และได้พระราชทานทรัพย์ส่ง
นักเรียนไปเรียนต่างประเทศ เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญทาง
ด้านการแพทย์อย่างพอเพียง ด้านการศึกษา ทรงส่ง
เสริมการศึกษาทุกระดับ ทรงสนับสนุนให้มีโอกาสได้
ศึกษาเล่าเรียนในระดับสูง ทรงเน้นให้ ศึกษารอบด้าน
ไม่เพียงแต่ความรู้ในห้องเรียน อบรมให้เป็นคนมี
เหตุผลมีกิริยามารยาท และการวางตัวที่ เหมาะสม
ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อบำรุงโรงเรียน
ต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เช่น โรงเรียน
ราชินี โรงเรียนนารีเฉลิม สงขลา เป็นต้น

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรม
พระปรมานุชิตชิโนรส พระปรมานุชิตชิโนรส

(11 ธันวาคม พ.ศ. 2333 – 9 ธันวาคม
พ.ศ. 2396)

พระประวัติ

พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี เป็นพระ
ราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราช (รัชกาลที่ 1) และเจ้าจอมมารถาจุ้ย ต่อมาท
รงผนวชเป็นพระภิกษุใน พ.ศ. 2354 โดยมีพระ
สมณะฉายาว่า สุวัณณ รังสี จากนั้นทรงศึกษาเล่า
เรียน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราช
วรมหาวิหาร จนมีความรู้แตกฉานทั้งทางโลก และ
ทางธรรม และได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระ
สังฆราช พระองค์ที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

พระกรณียกิจ

1. ด้านศาสนา : ทรงเป็นเจ้าคณะปกครองวัดใน
กรุงเทพฯ และทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระ
สังฆราช รวมทั้งทรงศึกษาวิเคราะห์พระธรรม
วินัย เป็นที่ปรึกษาและถวายวิสัชนาพระราชปุจฉา
ต่าง ๆ ในรัชกาลที่ 3 มาโดยตลอด
2. ถ้านวรรณกรรม : ทรงนิพนธ์วรรณกรรมทาง
พระพุทธศาสนา เช่นพระปฐมสมโพธิกถา ร่าย
ยาวมหา เวสสันดรชาดก ลิลิตตะเลงพ่าย
นอกจากนั้นพระองค์ท่านยังเป็นพระสงฆ์รูปแรก
ที่ได้รับการถวายพระเกียรติให้เป็นบุคคลผู้มีผล
งานดีเด่น ทางด้านวัฒนธรรมระดับโลก โดย
องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม
แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ใน ฐานะ
ปูชนียบุคคล (บุคคลผู้ที่น่านับถือ) ประจำปี
พุทธศักราช 2533 เนื่องในวาระฉลอง วัน
ประสูติครบ 200 ปีเมื่อ วันที่ 11 ธันวาคม
พ.ศ.2533

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

(1 มกราคม พ.ศ. 2404 - 20 ตุลาคม
พ.ศ. 2462)

พระราชประวัติ

พันเอกหญิง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มี พระนามเดิมว่า
พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี เป็นพระ
ราชธิดาในพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชสมภพแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทร
มาตา (เจ้าจอม มารดาเปี่ ยม) เมื่อวันที่ 1 มกราคม
พ.ศ. 2407 เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถใน
พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อม
ด้วยพระโสทรเชษภคินีอีก 2 พระองค์ ได้แก่
พระองค์ เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (สมเด็จพระนางเจ้าสุ
นันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี) และพระองค์ เจ้า
สว่างวัฒนา (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป พระองค์
ทรงดำ รง ตำ แหน่ง ผู้สำ เร็จราชการแทนพระองค์
และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรม
ราชินีนาถ ทำ ให้พระองค์ทรงเป็นปฐมบรมราชินีนาถ
ของ ประเทศไทย และเป็นสมเด็จ พระบรมราชชนนี
ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ
พระบาทสมเด็จพระ ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้
ยังทรงดำ รงตำ แหน่งเป็นองค์สภานายิกา
สภากาชาดไทย พระองค์แรกอีกด้วย

ทักษะ

ด้านการศึกษา สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สนพระทัยในการพัฒนา
สตรีและมีพระราชดำ ริว่าความรุ่งเรือง ของบ้านเมือง
2ย่อ4ม4อ4าศจัึยงทกรารงศบึกริจษาาคเลพ่ารเระีรยานชทที่ดรีัพดัยง์สน่ั้วนนในพปรีะพอง.ศค์.จัดตั้ง
โรงเรียนสำ หรับเด็กหญิง แห่งที่สองขึ้นใน
กรุงเทพมหานคร พระราชทานชื่อว่า “โรงเรียนสตรีบำ รุ
งวิชา” และในปี พ.ศ. 2447 ทรงเปิดโรงเรียนสำ หรับ
สกุุนลัธนิดทาาขลัอยง”ข้ใาห้กราาชรสอำบรนัมกดแ้าลนะบกุคารคบ้ลาชนั้นกสาูรงเครืืออน“โกริงริยเรีายน
มารยาท และวิชาการต่าง ๆ
ด้านศาสนา สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นองค์อัครศาสนู
ปถัมภิกาในบวรพุทธศาสนา โดยบำ เพ็ญ พระราชกุศล
มิได้ขาดทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อ
สร้างเจดีย์วัตถุ พระพุทธรูป พระธรรมคัมภีร์ เช่น พระ
ไตรปิฎกสยามรัฐใน รัชกาลที่ห้า ทรงสร้างพระวิหาร
สมเด็จที่วัดเบญจมบพิตร และปฏิสังขรณ์พระอาราม
ต่าง ๆ

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลย
เดชวิกรม พระบรมราชชนก

(11 ตุลาคม พ.ศ. 2466 - 25 มิถุนายน พ.ศ.
2467)

พระราชประวัติ

พันเอก(พิเศษ) จอมพลเรือ นายแพทย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบ
ศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระนามเดิม สมเด็จ
พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช (1 มกราคม พ.ศ.
2435 – 24 กันยายน พ.ศ. 2472) เป็นพระราชโอรสใน
พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสมภพแด่
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระ พันวัสสาอัยยิกาเจ้า
เป็นสมเด็จพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
มหา อานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จ
พระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร เป็น
พระบรมราชอัยกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

มีพระโสทรเชษฐาและพระโสทรเชษฐภคินีที่ประสูติร่วมพระราช
มารดา 7 พระองค์ มี พระคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผน
ปัจจุบันคและการสาธารณสุขของประเทศไทยประชาชน โดย
"ททัส่วหมไาปเรดคเ็ุร้จนือพเ"ครแยะรลกาัะบช"พบพิดรระาะน"ปาแรมละวท่ะีาบป"าแกงหร่คงมรัก้หงากลร็ปวองรนุสารกังกฏขษ์พลสารันตะนคว์ารนิม้นำวขท่าอร์""งเไจหท้ารยืฟอ้”า
ส่วนชาวต่างประเทศเรียกพระนามว่า “เจ้าฟ้ามหิดล"

สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลย หลังพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระราชปิตุลา
เดชวิกรม พระบรมราชชนก บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้า ภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุ
พันธุวงศ์วรเดช ประชวรต้องประทับในพระตำหนักวัง สระปทุม
และสวรรคตเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 เวลา 16.45
น. ด้วยพระโรคฝี บิดในพระยกนะ (ตับ) โดยมีโรคแทรกซ้อนคือ
พระปัปผาสะบวมน้ำและพระหทัยวาย พระชนมายุได้ 37 ปี
267 วัน

พระราชกรณียกิจ

ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระบรมราชชนกทรงรับราชการใน
กองทัพเรือ ได้ทรงจัดทำโครงการเกี่ยวกับเรือดำน้ำ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งพระประสงค์ใน ช่วงเวลานั้น แต่
อีก 20 ปีต่อมา กองทัพเรือก็ได้สั่งต่อเรือดำน้ำจำนวน 4 ลำ คือ เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือ
หลวงสินสมุทร และเรือ หลวงพลายชุมพล นอกจากเรื่องเรือดำน้ำ พระองค์ยังได้ทรงร่างโครงการ
สร้างกำลังทางเรือทั้งกองทัพไว้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันกองทัพเรือได้จัด ตั้ง ฐานทัพเรือและสถานี ทหาร
เรือ พร้อมกับจัดส่งกำลังทางเรือ ไปประจำตามฐานทัพเรือและสถานีเรือ สอดคล้องกับแนวพระ
ราชดำริโครงการ สร้างกองเรือรบ
ทางด้านการแพทย์ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ทรงเกี่ยวข้องกับการแพทย์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจไว้
มากมาย ทรงอุทิศทั้งพระราช ทรัพย์และพระวรกาย พระสติกำลังเพื่อการแพทย์โดยแท้ในด้านการสาธารณสุข
ทรงเคยสำรวจสุขาภิบาลในกรุงเทพ เพื่อเปรียบเทียบกับ ต่างประเทศที่ทรงศึกษามา ทรงช่วยอบรมสาธารณสุข
มณฑล และเคยทรงปรารภว่าจะให้มีการเผาศพด้วยไฟฟ้า เพื่อให้เป็นไปตามหลัก สุขาภิบาล นอกจากนี้ยังทรงมี
น้ำพระราชหฤทัยเมตตา ช่วยเหลือการศึกษาด้านอื่นนอกเหนือจากการแพทย์ เป็นต้นว่า พระราชทานทุน 1 แสน
บาทเพื่อส่งคนไปศึกษาต่างประเทศด้านการประมงและการเพาะเลี้ยงพันธุ์สัตว์น้ำ เพื่อการโภชนาการที่ดีของคน
ไทย จึงได้รับการถวายสมญา นามว่า "พระประทีปแห่งการอนุรักษ์สัตว์น้ำของไทย” พระราชทานทุนให้แก่
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยเพื่อจัดหาอาจารย์ขาว ต่างประเทศมาสอน พระราชทานเงินให้โรงพยาบาล
แมคคอร์มิค จัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ และพระราชทานเงินบำรุงโรงพยาบาลสงขลาเป็นรายปี

พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรม พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรม
หมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ หมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์

“ในความเป็นอัจฉริยะ เป็นปราชญ์ (25 สิงหาคม พ.ศ. 2434 - 5 กันยายน พ.ศ.
ในวิชาการหลาย ๆ ด้าน ไม่เฉพาะ 2519

เป็นนักการทูตชั้นเอก ยัง ทรง พระราชประวัติ
เชี่ยวชาญในด้านการบริการ ด้าน
ภาษาศาสตร์ ทรงบัญญัติศัพท์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
เกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2434 ที่ตำบล
ทรงปรีชาสามารถในการ บ้านตะนาว อำเภอสำราญราษฎร์ จังหวัดพระนคร
ถอดรหัสคำจากภาษาต่างประเทศ มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร หรือ
เป็นคำไทยได้อย่างลงตัวจนเป็นที่ พระองค์วรรณ เป็น พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์
เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และ หม่อม
ยอมรับและใช้กันต่อเนื่องมา หลวงต่วนศรี (มนตรีกุล) วรวรรณ
จนถึงปัจจุบัน”
ด้านการศึกษาหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร ทรงเริ่ม
ศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และย้ายมาที่
โรงเรียนราชวิทยาลัยสมัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยาในปี
พ.ศ. 2442 ต่อมาเมื่อเกิดโรคระบาด โรงเรียนปิด
ชั่วคราว จึงย้ายไปเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
1 ปี (ที่จริงคือตามไปใช้สถานที่เรียน) ต่อมาเมื่อ
โรงเรียนราชวิทยาลัย สมัยสายสาวลี เปิดทำการจึง
ย้ายมาศึกษาต่อ และสอบได้ทุน KING'S
SCHOLARSHIP ได้เดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศ
อังกฤษ โดยเข้าอยู่ประจำที่ 'วิทยาลัยแบเลียล' มหา
วิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และสำเร็จการ
ศึกษาปริญญาตรีในระดับเกียรตินิยมและปริญญาโท
จากคณะบูรพคดีศึกษา สาขาวิชาภาษาบาลีและภาษา
สันสกฤต ที่สถาบัน
ตะวันออก มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ท่านจึงมีความ
สามารถในการบัญญัติศัพท์ กระทั่งเป็นผู้วางกฎ
เกณฑ์การบัญญัติศัพท์โดยใช้คำบาลีและสันสกฤตให้
ราชบัณฑิตยสถาน และใช้มาจนกระทั่งทุกวันน

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ

ทรงเป็นนักการทูตที่ยิ่งใหญ่ และมีความสัมพันธ์
อย่างแนบแน่นกับการทูตและการต่างประเทศมา
เกือบ ตลอดพระชนม์ชีพ กระทั่งได้รับการ
ยกย่องจากเวทีทางการทูตโลกให้ดำรงตำแหน่ง
ประธานในที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ ทรง
เป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้นั่งเก้าอี้อัน
ทรงเกียรติจวบจนถึงปัจจุบันพระกรณียกิจที่
ทรงปฏิบัติ ได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติ
อย่างใหญ่หลวง และในต่างประเทศทรงได้รับการ
ยกย่องเป็น "ดวงปัญญาแห่ง ภาคพื้นตะวัน
ออก"

พระยาอนุมานราชธน พระยาอนุมานราชธน

(14 ธันวาคม 2431-12 กรกฎาคม 2512)

พระประวัติ

พระยาอนุมานราชธนมีนามเดิมว่า ยง เกิดเมื่อวันศุกร์
ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2431 ที่เรือนไม้หลังหนึ่ง ติดคู
ด้านใต้วัดพระยาไกร แถวโรงเลื่อยบริษัทบอร์เนียว ซึ่ง
ตั้งอยู่ที่ ตำบลพระยาไกร อำเภอยานนาวา จังหวัด
พระนครเป็นบุตรของนายหลีกับนางเฮียะ มีชื่อเดิม
ภาษาจีนว่า หลีกวงหยง ต่อมา ได้เปลี่ยนเป็น ยง และ
ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่าเสฐียรโกเศศ [1] ต่อมาวัน
ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2485 จึงได้รับพระบรมราชานุ
ญาตให้ใช้ราชทินนามอนุมานราชธนเป็นชื่อสกุล
เมื่ออายุราวห้าหกขวบได้เริ่มเรียนหนังสือกับบิดา โดย
ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้ามาอ่านหนังสือ ครั้นอายุได้สักสิบ
ขวบมารดาก็พาไปฝากเข้าโรงเรียนบ้านพระยานานา
อยู่แถวใต้ปากคลองวัดทองเพลง เป็นนิวาสถานเดิม
ของพระยานานาพิพิธ บุตรชายคนหนึ่งของ
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ โรงเรียนนี้สอนทั้ง
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เด็กชายยงเรียนได้เร็ว
มากกว่าคนอื่ นเพราะได้เรียนหนังสือมาแล้วกับบิดา
ต่อมาจึงเข้าเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ พ.ศ. 2443
สมัยนั้นเรียนเป็นภาษาอังกฤษ มีสอนภาษาไทยบ้าง
สัปดาห์ละสองชั่วโมงเท่านั้น ได้เล่าเรียนจบชั้นมัธยม 4
พอขึ้นชั้นมัธยม 5 ก็ต้องออกจากโรงเรียน เพราะ
ครอบครัวมีฐานะไม่ดี รวมทั้งมีพี่น้องหลายคนและ
พระยาอนุมานราชธนเป็นบุตรคนโต กระนั้นท่านกลับ
ศึกษานอกระบบโรงเรียนและศึกษาตลอดชีวิต ด้วยมี
นิสัยรักความรู้ กระทั่งได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์คน
สำคัญของไทย

พระกรณียกิจ

1. ด้านศาสนา : มีการตีพิมพ์ผลงานต่างๆเกี่ยวกับ
เรื่องสั้นที่เกี่ยวกับประเพณีต่าง ๆ เทศกาลลอยกระทง
ประเพณีทำบุญสวดมนต์เลี้ยงพระประเพณีเนื่องใน
การตาย ประเพณีไทยเกี่ยวกับเทศกาลลอยกระทง
ประเพณีไทยเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ ลัทธิ
ธรรมเนียมและประเพณีของไทย และอื่นๆ
2. ถ้านวรรณกรรม : ผลงานนิพนธ์ของพระยา
อนุมานราชธนมีมากกว่า 200 เล่ม เช่น
-กถาสริตสาคร (สาครเป็นที่รวมกระแสนิยาย) กถาบิฐและ
กถามุข แปลจากกาพย์ภาษาสันสกฤต 2499
-กวนอิม 2505 โดย คาร์ล อดอล์ฟ เจเลอรูป แปลเป็น
ภาษาอังกฤษโดย จอห์น อี โลกี แปลร่วมกับ นาคะ
ประทีป 2503
-การเกิด 2531


Click to View FlipBook Version