สาขาของภูมิปั ญญา หน้า
ลักษณะเด่นของภูมิปั ญญา
ความสำคัญของภูมิปั ญญา…ต่อชุมชน 1
แนวทางการอนุรักษ์ภูมิปั ญญา 2
ภาคผนวก 3
4
มี 8 ขั้นตอน 5
1) การกรอด้าย
2) การเดินด้ายยืน 5
3) การร้อยฟั นหวีหรือการหวีเส้นด้าย 6
4) การเก็บตะกอ 7
5) การมัดลายมัดหมี่ 8
6) การย้อด้ายมัดหมี่ 9
7) การปั่ นหมี่ 10
8) การทอผ้าเป็นผืนผ้า 11
12
1
“การทอผ้า”
เป็นภูมิปั ญญาสาขาอุตสาหกรรมและหัตถกรรม
2
ผ้าทอมีความสำคัญเพื่อสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของการดำรงชีวิต เพราะผ้าทอ
เป็นหนึ่งในปั จจัยสี่ เพื่อแสดงถึงฐานะของผู้สวมใส่ เป็นการแบ่งหน้าที่ระหว่างชายและ
หญิง อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงความเป็นหญิงอย่างเด่นชัดเพราะการทอผ้าต้องใช้ ความขยัน
ความอดทน ความพยายาม ความประณีตละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นอุปนิสัยของผู้หญิง
การทอผ้าถือเป็นศิลปะและหัตถกรรมหรืองานฝีมืออย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัย-
โบราณ เป็นกรรมวิธีการผลิตผืนผ้าโดยใช้เส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืนมาขัดประสาน
กันจนได้เป็นผืนผ้าลวดลายสวยงาม
3
ผ้าทอเป็นสื่อสัญลักษณ์ของคนในแต่ละชุมชน แสดงถึงเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์
และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ผ้าทอยังคงเป็นปั จจัยสำคัญในการดำรงชีวิต
ของมนุษย์ตั้งแต่แก่จนถึงตาย และมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคมและ
วัฒนธรรม ผ้าทอยังคงบทบาททางสังคมและวัฒนธรรม นอกจากบทบาททางการค้า
ยังมีการใช้ผ้าในประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ
ดังนั้นการสืบทอดความคิด ความเชื่อ แบบแผนทางสังคม จากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่
และพัฒนาศักยภาพ ภูมิปั ญญาท้องถิ่นที่มีอยู่ ในการเสริมสร้างคุณภาพชีวิต เพื่อการ
ดำรงอยู่ของวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนาเป็นอาชีพและรายได้ของคนชุมชน
4
1)ต้องมีการจัดหลักสูตรการทอผ้าให้กับสถาบันการศึกษา
เพื่อให้สถาบันที่เกี่ยวข้องช่วยสืบสานและสืบทอด
2)ควรส่งเสริมการบันทึกลวดลายผ้าไหม
เพื่อเป็นหลักฐานในการถ่ายทอดภูมิปั ญญาอันล้ำค่า
3)ต้องมีการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องงบประมาณใน
การทอผ้า
5
ขั้นตอนที่ ๑ การกรอด้าย
การกรอเส้นด้ายหรือการปั่ นกรอเส้นด้าย เข้าในหลอด (ท่อพลาสติก) มีทั้งขนาดเล็ก
และขนาดใหญ่ ด้ายหลอดเล็ก จะใช้สำหรับทอผ้าพื้น ด้ายหลอดใหญ่ให้เป็นด้ายยืน
ด้ายหลอดใหญ่หรือด้ายยืนนั้น ช่างจะใช้เวลาปั่ นกรอทั้งหมด ๗๖ หลอด ใช้ด้าย ๑,๑๒๐ เส้น
จะได้ความกว้างของหน้าผ้าเมื่อทออกมาแล้วประมาณ ๓๙ นิ้วครึ่ง เป็นขนาดมาตรฐาน
แต่เดิมเครื่องกรอเส้นด้ายยืนนี้เรียกว่า ไน และระวิง หรือหลากรอเส้นด้าย ใช้มือหมุน
แต่ปั จจุบันช่างได้คิดค้นโดยนำมอเตอร์ไฟฟ้าของจักเย็บผ้ามาใช้ การกรอด้ายช่างจะไล่ด้าย
ขึ้น – ลง สลับหัว – ท้ายไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ด้ายที่พันมีความเสมอกัน
6
ขั้นตอนที่ ๒ การเดินด้ายยืน หรือค้นเส้นด้ายยืน
-นำหลอดด้ายใหญ่ทั้งหมดไปตั้งบนแผงที่มีขาตั้งหลอดมีความยาวประมาณ ๑๐ เมตร
-นำปลายเส้นด้ายทั้งหมดที่ตั้งอยู่บนขาตั้งหลอดมามัดรวมกันแล้วดึงไปมัดกับแคร่เดินเส้นด้าย
เดินเส้นด้ายโดยใช้ไม้ปลายแหลมตรึงเส้นด้ายเข้ากับหลักค้นทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวลงจนครบทุกหลัก
เมื่อเดินเส้นด้ายครบแต่ละเที่ยวจะต้องเก็บไขว้เส้นด้ายด้วยการใช้หัวแม่มือเกี่ยวเส้นด้ายแล้วนำไป
คล้องกับหลักเก็บไขว้
-เดินเส้นด้ายและเก็บไขว้เส้นด้ายสลับกันไป จนครบตามความต้องการ จากนั้นนำเส้นด้ายออกจาก
เครื่องเดินด้ายแล้วถักเส้นด้ายรวมกัน
-เส้นด้ายที่ออกจากหลักเก็บไขว้ สอดเข้าฟั นหวีจนครบทุกเส้นโดยใช้ไม่ไผ่แบนๆ สำหรับคล้องเส้น
ด้ายเข้ากับฟั นหวี
7
ขั้นตอนที่ ๓ การร้อยฟั นหวี หรือการหวีเส้นด้าย
การหวีเส้นด้าย คือการจัดเรียงเส้นด้าย และตรวจสอบเส้นด้ายไม่ให้ติดกันหรือพันกันจนยุ่งก่อนที่จะนำ
เข้าเครื่องทอนำเส้นด้ายที่เดินครบทุกเส้นมาพันเข้ากับหลักบนม้าก๊อบปี้ ตอกสลักม้าก๊อปปี้ ให้แน่น
จากนั้นช่างร้อยฟั นหวี จะทำหน้าที่คัดเส้นดายออกทีละเส้น เพื่อให้ด้ายตรงกับช่องฟั นหวีแล้ว นำเส้นด้าย
มาร้อยใน “ไม้ร้อยฟั นหวี” ซึ่งมีลักษณะโค้งงอเหมือนเคียว แต่อันเล็กกว่าจะเป็นเหล็กหรือไม้ไผ่ก็ได้
โดยนำมาสอดร้อยเข้าไปในฟั นหวีที่ละเส้นจะเริ่มจากด้านซ้ายไปขวา โดยฟั นหวีนี้จะมีทั้งหมด ๑,๑๒๐ ซี่
ความยาวเท่ากับ ๔๓ นิ้วครึ่ง ความกว้างของหน้าผ้า ประมาณ ๓๙ นิ้วครึ่ง
เมื่อร้อยเส้นด้ายเข้าฟั นหวีเสร็จแล้ว ช่างจะดึงเส้นด้ายมาพันเข้ากับใบพัดม้วนด้ายหรือม้ากังหัน
จากนั้นช่างจะดันฟั นหวีจากม้ากังหันเข้าไปหาม้าก็อปปี้ พร้อมกับใช้ไม้แหลมแหลมเส้นด้ายให้แยกออกจาก
กัน ป้องกันเพื่อไม่ให้เส้นด้ายพันกัน โดยจะกรีดเส้นด้ายจากใบพัดม้วนจนถึงตัวม้าก็อปปี้
เสร็จแล้วปล่อยสลักม้าก็อปปี้ หมุนเส้นด้ายพันเข้ากับพัดจนครบหมดทุกเส้น
8
ขั้นตอนที่ ๔ การเก็บตะกอ
การเก็บตะกอเป็นการเก็บด้ายยืน โดยจะนำด้ายที่ผ่านการหวีมาแล้ว และใช้ด้ายขวา ๘๐ % ซึ่งเป็นด้ายที่มีความ
มันน้อย มาร้อยสลับด้ายยืน เพื่อทำหน้าที่สลับเส้นด้ายขึ้น-ลง โดยใช้เครื่องมือที่เป็นไม้ไผ่ เรียกว่า ไม้ก้ามปูมา
ใช้ในการเก็บตะกอ
ขั้นตอนการเก็บตะกอ
- นำม้วนด้ายที่ได้รับการหวีมาแล้ว วางบนเครื่องทอผ้า (กี่) โดยวางม้วนด้ายให้เข้ากับสลักของเครื่องทอ
- นำปลายเส้นด้ายมารวมกันทุกเส้นแล้วดึงมาผูกกับไม้รองเท้าด้านบนเครื่องทอผ้าให้ตึงแน่นเสมอกันทุกเส้น
- ใช้ด้ายสีขาว ๘๐ เปอร์เซ็นต์ สำหรับเก็บตะกอแล้วผูกติดกับไม้ที่ใช้เท้าเหยียบให้เส้นด้ายสามารถขยับขึ้นลงได้
การเก็บตะกอผ้านี้ ช่างจะกลับม้วนด้ายยืนด้านบนขึ้นเพื่อทำการเก็บตะกอด้านล่างก่อนเพราะการเก็บตะกอด้าน
ล่างจะเก็บยากกว่าด้านบน เมื่อเสร็จแล้วจึงจะเก็บด้นบนที่หลัง
9
ขั้นตอนที่ ๕ การมัดลายมัดหมี่ (การเตรียมมัดหมี่)
- ลายผ้าที่สวยงามจะต้องได้รับการออกแบบอย่างถูกต้อง หรือมีการคิดค้นประยุกต์ลายให้
เหมาะสมก่อที่จะนำมาทอเป็นผืนผ้า การออกแบบลายผ้ามีอุปกรณ์ ๓ อย่าง คือ สมุดกร๊าฟ ๑
เล่ม ดินสอดำ ยางลบ สีเทียน ๑ กล่อง การออกแบบมีขั้นตอนดังนี้
๑) ออกแบบผ้ามัดหมี่บนกระดาษกร๊าฟด้วยดินสอดำ ตามแต่จะต้องการแต่ละลาย เช่น
- มัดหมี่ชนิด ๓ ลำ - มัดหมี่ชนิด ๑๓ ลำ
- มัดหมี่ชนิด ๕ ลำ - มัดหมี่ชนิด ๑๕ ลำ
- มัดหมี่ชนิด ๗ ลำ - มัดหมี่ชนิด ๒๕ ลำ
- มัดหมี่ชนิด ๙ ลำ
๒) ระบายสีตามลวดลายที่ได้ออกแบบไว้ด้วยสีเทียนเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
วิธีการค้นลายผ้ามัดหมี่ และมัดหมี่ทำได้โดย
- นำเส้นด้ายสำหรับมัดหมี่ มาเข้าหลักมัดหมี่โดยสอดสลักเข้าไปที่หัวและท้ายแล้วขึงให้ตึงกับ
หลักทั้ง ๒ ข้าง เอาเชือกฟางมัดด้ายหมี่ตามที่ออกแบบไว้ การมัดนี้เพื่อป้องกันสีไม่ให้ซึมผ่าน
บริเวณที่ถูกมัดสีที่ติดอยู่จะติดอยู่กับบริเวณที่ไม่ถูกมัด
10
ขั้นตอนที่ ๖ การย้อมด้ายมัดหมี่
๑) ต้มน้ำในกะละมังให้เดือดประมาณ ๕ นาที ผสมสีเคมีตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ของแต่ละ
ประเภท คนสีเคมีให้ละลายเข้ากับน้ำเดือดที่ต้มไว้
๒) นำเส้นด้ายหมี่สีขาวที่มัดเชือกฟางเสร็จแล้วมาแช่ในน้ำเปล่าธรรมดา เพื่อเส้นด้ายหมี่อิ่มตัว เพื่อ
เวลาย้อมเส้นหมี่ สีจะได้ซึมเข้าไปในเส้นด้ายทั้งด้านใน และ นอกเสมอกันทั้งเส้น
๓) นำด้ายมัดหมี่ที่ทำการมัดลายที่ต้องการย้อมแต่ละสีต้องการใส่ในกะละมังที่ผสมสีเคมีไว้ แล้ว
เพื่อทำการย้อม ระหว่างย้อมให้ใช้ไม้ไผ่คนด้ายหมี่กลับไป – มาตลอดเวลา เพื่อให้สีที่ต้องการย้อม
ซึมเข้าเส้นหมี่เสมอกันทุกเส้นไม่กระดำกระด่างไว้เวลาประมาณ ๕ – ๑๕ นาที
จึงนำด้ายหมี่ขึ้นล้างด้วยน้ำเย็นนำไปซักตากให้แห้ง
๔) นำด้ายหมี่ที่ย้อมสีเสร็จแล้วไปตากแดดผึ่งให้แห้งสนิท นำมาแกะเชือกฟางออกเพื่อนำมัดหมี่มา
มัดลายเพื่อย้อมสีอื่นที่ต้องการอีกต่อไป นำอย่างนี้จนครบจำนวนสีต้องการ การย้อมด้ายหมี่นี้จะย้อม
จากสีอ่อนไปหาสีแก่ เช่น สีเหลือง แดง เขียว ฯลฯ
11
ขั้นตอนที่ ๗ การปั่ นหมี่
เมื่อได้เส้นด้ายหมี่ตามสีที่ย้อมแล้ว นำด้ายหมี่มาแกะเชือกฟางออกจะนำด้ายหมี่มาใส่เครื่องกรอด้าย
โดยนำปลายเส้นด้ายหมี่พันรอบหลอดด้ายพุ่ง (เป็นหลอดเล็ก ๆ ) ใส่เป็นรูปกรวยเรียงซ้อนกัน
ตามลำดับโดยจะเรียงจากด้านล่างขึ้นบนไปเรื่อย ๆ การกรอด้ายหมี่จะกรอที่ละหลอด เมื่อเติมหลอด
ด้ายพุ่งแล้วจึงกรอใส่หลอดอื่น ๆ ต่อไป ด้ายหมี่แต่ละหลอดนั้น นอกจากจะเรียงลำดับจากด้านล่างขึ้น
ด้านบนแล้วจะต้องใส่เข้ากับเชือกห้อยเรียงไว้ตามลำดับก่อน – หลัง จึงจะทอเป็นลายผ้าหมี่ได้ถูกต้อง
12
ขั้นตอนที่ ๘ การทอผ้าเป็นผืนผ้า
นำหลอดด้ายมัดหมี่ที่กรอเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใส่กระสวยสำหรับทอผ้า ซึ่งควรเลือก
กระสวยที่มีปลายแหลมทั้งหัวและท้าย ผิวเรียบ นำกระสวยด้ายพุ่งใส่รางกระสวย ใช้
มือกระตุกพาเส้นด้ายวิ่งผ่านไปมาให้ขัดกับเส้นด้ายยืน ดึงฟั นหวีกระแทกใส่เส้นด้ายพุ่ง
กับเส้นด้ายยืนแน่นยิ่งขึ้น ใช้เหยียบไม้พื้นที่ผูกติดกับตะกอด้ายให้สลับขึ้นลงโดยให้
สัมพันธ์กับการใช้มือกระตุกให้กระสวยพาด้ายวิ่งผ่านไปมา ขัดกับเส้นด้ายยืน เมื่อได้ผ้า
ทอเป็นผืนแล้วใช้กรรไกรตัดตกแต่งผืนผ้าทีมีเส้นด้ายซึ่งเป็นเศษด้ายริมขอบผ้าให้
สวยงามจึงได้ผ้าทอมือที่สวยงาม
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ