วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 1
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้ 1
Overview of Southern Thai Dialect Study
2
ตามใจ อวิรุทธิโยธิน Tamjai Awirutthiyothin
บทคัดย่อ
ี
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยน้คือรวบรวมและสังเคราะห์ผลการศึกษาเก่ยวกับ
ี
ภาษาไทยถิ่นใต้เพื่อแสดงสถานภาพปัจจุบัน รวมทั้งเสนอแนะแนวทางที่สามารถเกิดขึ้นได้
ในอนาคต งานวิจัยจ�านวน 133 รายการ สะท้อนให้เห็นว่ามีการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้ครบ
ี
่
้
แล้วทง 14 จังหวัด ได้แก่ กระบ ชุมพร ตรง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตาน พังงา
ั
ี
ั
พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งยังมีการศึกษาในพื้นที่ที่
เชื่อมต่อกับภาคใต้ของประเทศไทยด้วย ได้แก่ ภาคกลางของประเทศไทยและตอนบนของ
ิ
ประเทศมาเลเซีย โดยภาพรวมผู้วิจัยพบว่ามีการศึกษาค่อนข้างมากกรณีภาษาไทยถ่น
นครศรีธรรมราช ภาษาไทยถิ่นสงขลา และภาษาไทยถิ่นสุราษฎร์ธานี แต่มีการศึกษาค่อน
ข้างน้อยกรณีภาษาไทยถิ่นใต้อื่น ๆ ข้อค้นพบแสดงให้เห็นว่า ระบบเสียงพยัญชนะและสระ
ของภาษาไทยถ่นใต้แต่ละถ่นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในขณะท่ระบบเสียงวรรณยุกต์แบ่ง
ิ
ิ
ี
ออกเป็น 3 รูปแบบ การศึกษาเกี่ยวกับค�า/ไวยากรณ์/ความหมายด�าเนินการศึกษาแล้วใน
หลายประเด็น นอกจากน้ยังพบแนวแบ่งเขต/เขตปรับเปล่ยนระหว่างภาษาไทยถ่นกลาง
ี
ิ
ี
ิ
และไทยถ่นใต้บริเวณจังหวัดรอยต่อของภาคกลางและภาคใต้ (ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
ระนอง) งานวิจัยท่สามารถดาเนินการศึกษาในอนาคตได้ คือ ศึกษาภาษาไทยถ่นใต้ท่ยังมี
ี
�
ี
ิ
่
ิ
้
ิ
่
ื
ี
ิ
้
1 บทความวจัยนปรับปรุงจากงานวจัยเรอง “ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถนใต้” ไดรับทุนสนับสนุน
์
ิ
ั
ิ
์
ั
ิ
ิ
ั
ั
ิ
์
การวจยจากกองทนวจยคณะมนษยศาสตรและสงคมศาสตร มหาวทยาลยสงขลานครนทร วทยาเขตปตตาน ี
ุ
ุ
ั
ี
ปงบประมาณ 2560
ิ
์
2 ผชวยศาสตราจารย ดร. คณะศลปศาสตร มหาวทยาลยเทคโนโลยราชมงคลรตนโกสนทร วทยาเขต
ั
ี
ิ
ู
้
่
์
ิ
์
ิ
ั
ั
้
่
ี
่
ิ
ั
วงไกลกงวล ตดตอไดท [email protected]
2 Assistant Professor Dr., Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology
Rattanakosin, Wang Klai Kangwon Campus, e-mail : [email protected]
2 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ี
ผลการศึกษาค่อนข้างน้อย หรือ ปรับเปล่ยนวิธีการในการศึกษาให้เหมาะสมกับยุคสมัย
ข้อค้นพบที่เกิดขึ้นนอกจากจะทันสมัยแล้ว ยังมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นด้วย
ำ
ิ
้
่
ั
คาสำำาคญ : ภาษาไทยถินใต ภาษาถิ่น วทยาภาษาถิน ภาษาศาสตร ์
่
Abstract
The objectives of this research are to collect and synthesize the
studying of southern Thai dialects for representing the current status,
including proposing the directions which can occur in the future. The findings
from 133 pieces show the covering all 14 provinces of southern Thai dialect
works; Krabi, Chumphon, Trang, Nakhon Si Thammarat, Narathiwat, Pattani,
Phangnga, Phuket, Yala, Ranong, Songkhla, Satun and Suratthani, and some
places next to the southern Thai area, such as central Thai and upper part
of Malaysia. The researcher found a lot of studies on some southern Thai
dialects (Nakhon Si Thammarat, Songkhla and Suratthani) but only a few
studies on the rest of southern Thai dialects. The findings show that
consonant and vowel systems in each southern Thai dialect have similar
characteristics, but tonal systems are divided into 3 groups. The vocabulary/
grammatical/ meaning have already been studied on many issues.
Meanwhile the study on linguistic borderlines and transition areas are
located on contiguous provinces between central and southern Thai.
(Pracuapkirikhan, Chumphon and Ranong). The potential future research
directions are the characteristics of some southern Thai dialects which have
been studied by a small number of studies or the modification of the
methodology to be suitable for current trends so that the findings will be
not only up to date but also more reliable.
Keywords: Southern Thai dialect, Regional Dialect, Dialectology, Linguistics
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 3
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
บทนา ำ
ิ
้
่
่
ิ
่
็
ภาษาไทยถนใตเปนภาษาย่อยตามถน (Regional Dialect) ของภาษาไทยทม ี
ี
ลกษณะเฉพาะแตกต่างจากภาษาไทยถนอน (ภาษาไทยถนเหนอ ภาษาไทยถนกลาง และ
ิ่
ิ่
ื่
ิ่
ื
ั
ิ
ิ
็
์
่
ิ
ิ
ภาษาไทยถินอสาน) ในหลายประเดน (วจนตน ฉนทะวบลย, 2499; Brown, 1965; ภญโญ
ั
ี
ู
์
ี
์
�
ั
์
ั
ิ
จตตธรรม, 2513; Diller, 1976; ธระพนธ ล. ทองคา และคณะ, 2521; กลยา
ั
์
ุ
์
ิ
่
ั
ั
ิ
์
ั
ตงศภทย, 2525; อครา บญทพย, 2535; ฉนทส ทองชวย, 2536; เปรมจต ชนะวงศ, 2545)
ิ
ิ
่
ิ
งานวจยภาษาไทยถนใตทดาเนนการแล้วมกเปน บทความวิจย รายงานการวิจย และ
ิ
ั
ั
�
้
ั
่
ั
ี
ิ
็
ั
วทยานพนธระดบบณฑิิตศกษาซึงกระจายอยในสถานศกษาตาง ๆ ดงนัน ผูวจยเหนวาควร
ิ
ึ
่
็
ั
ั
ึ
่
ิ
ิ
ู
ั
่
์
้
้
่
ื
ั
่
มการรวบรวมงานวจยเหลานนเพอสงเคราะหขอคนพบตาง ๆ เพราะนอกจากจะแสดง
้
์
้
่
้
ี
ิ
ั
ั
่
ภาพในมมกวางของภาษาไทยถนใตไดแลว ยงสามารถใชเปนเนอหาสวนหนงของการเรยน
ื้
ี
้
ุ
ึ่
้
็
้
ิ่
้
่
ั
้
้
ุ
ั
ึ
การสอนในระดบอดมศกษาไดดวย
้
ึ้
ึ
่
ี่
ี่
ั
ื้
้
้
้
ในเบองตนผวจยพบวางานวจยทศกษาคนควาเกยวกบภาษาไทยถนใตเกดขนมา
ิ่
ั
ิ
ิ
้
ิ
ั
ู้
้
ั
ิ
ั
ี
แลวประมาณ 60 ป โดยมรปแบบการเผยแพรหลากหลายลกษณะ (บทความวจย
ี
ู
่
ื
ิ
ั
ั
วทยานพนธ รายงานการวจย บทความวชาการ หนงสอ ตารา) เนอหาของบทความ
ิ
์
�
ิ
ิ
ื
้
ื
ิ
้
ี
ั
์
้
ื
ั
ิ
วชาการ หนงสอ และต�ารา เกดขึนจากประสบการณของผูเขยนหรอเกดขึนจากการสงเกต
้
ิ
ิ
ั
ิ
ู
์
ิ
้
้
ิ
์
ั
ิ
และวเคราะหขอมลจ�านวนนอย ในขณะที วทยานพนธ บทความวจย และรายงานการวจย
่
ิ
ี
ี
ู
ี
้
้
เปนการศกษาทเนนระเบยบวธ (Methodology) นอกจากนยงมการเกบขอมลท ่ ี
่
้
ั
ึ
ี
็
ี
็
ั
่
ี
ุ
ั
ครอบคลมกลมตวอย่างทจาเปน ผลการศกษาจงมความเปนนรนย (Deductive) ทแสดง
ิ
ุ
่
็
ี
่
ี
�
ึ
็
ึ
ขอคนพบไดสมบรณมากกวา ดงนน ผวจยจงตองการสงเคราะหภาพรวมของการศกษา
ั
ึ
้
้
์
ึ
้
ั
้
์
ั
้
ู
ู
้
ั
่
ิ
ี
่
ื
�
้
ุ
่
้
่
ิ
ั
่
้
่
ี
ภาษาไทยถนใตทเผยแพรแลวตงแตอดตจนจงปจจบน (พ.ศ. 2499 - 2558) เพอนามา
ึ
ั
ั
็
้
แสดงเป็นภาพรวมเกยวกบสถานภาพของภาษาไทยถนใตในปจจบนและใชเปนองค์ความร ู้
ั
ี่
ั
้
ั
ุ
ิ่
้
พนฐานสาหรับการศึกษาภาษาไทยถนใต้ในอนาคตโดยสามารถป้องกนไมใหเกดการวิจยท ่ ี
ิ
ั
�
้
ิ
ั
่
ื
่
้
้
้
้
ซ�าซอนไดดวย
ั
ุ
วตถประสำงค ์
ั
ึ
่
ั
่
์
1) ประมวลและสงเคราะหผลการศกษาเกียวกบภาษาไทยถินใต ้
ั
ุ
ั
ึ
่
ั
2) แสดงสถานภาพปจจบนของการศกษาเกยวกบลกษณะเฉพาะภาษาไทยถนใต ้
ิ
ี
่
ั
3) เสนอแนะแนวทางและทศทางเพิมเตมส�าหรบการศกษาภาษาไทยถินใต ้
ั
ึ
่
ิ
่
ิ
4 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
้
ั
ประโยชนทคาดวาจะไดรบ
์
่
่
่
ั
ุ
่
ึ
1) เขาใจสถานภาพปจจบนของการศกษาภาษาไทยถินใต ้
้
ั
2) เป็นข้อมูลส�าหรับการท�าวิจัยและ/หรือการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา
3) ชี้แนะแนวทางและประเด็นที่ควรได้รับการศึกษาเพิ่มเติม
ื
�
ี
4) ช่วยเผยแพร่ผลงานท่ดาเนินการแล้วสู่วงกว้างเพ่อป้องกันไม่ให้เกิดการวิจัย
ในประเด็นที่ซ�้าซ้อน
ระเบ่ยบวธ่การวจย
ิ
ิ
ั
้
ั
ี
ั
ี
ิ
้
ิ
งานวจยนใชระเบยบวธการวจยเอกสาร (documentary research) โดยแบง ่
ิ
ี
ั
ี
เป็นส่ข้นตอน ได้แก่ การรวบรวมเอกสาร การคดเลือกเอกสาร การจาแนกประเภทงาน
ั
�
วิจัย และการรายงานผลการศึกษา ดังนี้
้
่
่
ู
้
1) การรวบรวมเอกสาร แบงออกเปนสองขันตอน ดงนี ขันตอนที 1 การหาขอมล
้
็
้
ั
้
จากเวบไซต์ ผวจยคนหาข้อมลจากเวบไซต์ของห้องสมุด (หอสมุด/สานักหอสมุด/หอสมุด
้
ู
ู
ิ
็
ั
็
�
�
ิ
ู
้
ิ
ั
ั
ั
ั
ิ
ิ
�
และคลงความร/สานกวทยบรการ/สานกวทยาทรพยากร ฯลฯ) ของมหาวทยาลยทกแหง ่
ั
ุ
ิ
ในประเทศไทยทเปดสอนระดบบณฑิตศกษา สาขาวชาภาษาไทย สาขาวชาภาษาศาสตร ์
ิ
ิ
ิ
ั
ั
่
ี
ึ
้
่
่
้
้
ั
่
ื
่
หรอสาขาอืนทีเกียวของ โดยใชค�าส�าคญ (keyword) 6 ค�า ไดแก ภาษาไทยถิน/ภาษาไทย
่
ิ
ิ
่
ถนใต/ภาษาถน/ภาษาถนใต/Thai dialect/southern Thai dialect จากนนรวบรวม
้
้
่
้
่
ั
ิ
่
้
เอกสารทีพบในขันตอนนี ขันตอนที 2 การหาขอมลจากการอางอง ผู้วจยไดตรวจสอบการ
้
ู
้
ิ
้
่
้
ิ
ั
้
่
่
อางองของเอกสารทีพบในขันตอนที 1 เมื่อพบวามงานวจยใดทีสมพนธกบภาษาไทยถินใต ้
ิ
่
้
์
่
ั
ั
ั
่
้
ิ
ี
ั
ิ
่
็
ั
ู
ิ
�
ิ
้
และผวจยยงไมมงานวจยเหลานน กจะทาการรวบรวมเอกสารเพมเตม เอกสารทพบใน
ี
่
ั
้
่
ั
ี
ิ
่
ั
ั
็
ขนตอนท 2 มกเปนงานทศกษาวจยโดยนกวชาการชาวตางชาตและตพมพเปนภาษาองกฤษ
้
ั
็
ิ
ี
ิ
ี
์
่
่
ึ
ั
ิ
ิ
ั
ี
่
ั
้
ุ
ี
ั
�
ื
ิ
ั
่
2) การคดเลอกเอกสาร ดาเนนการโดยพจารณาเอกสารทกประเภททงทเปน
ิ
็
์
ิ
ิ
�
ั
บทความวชาการ หนงสอ ตารา บทความวจย วทยานพนธ และรายงานการวจย โดยม ี
ิ
ิ
ื
ั
ิ
ั
์
ื
เงอนไขสาคัญว่าต้องปรากฏระเบียบวธ แนวทางการวิเคราะหข้อมูลและการสรุปผลท ี ่
่
ี
�
ิ
้
่
ชดเจน อาจจะมการตังสมมตฐานหรอไมกได กรณงานวจยเรืองใดมการเผยแพรสองครังใน
ี
่
็
ื
่
้
ิ
ี
ั
ั
ิ
้
ี
ี
ั
่
่
่
็
็
ั
ั
ั
่
ู
ี
่
ิ
รปแบบที่แตกตางกนกจะนบเปนสองรายการ เชน งานวจยเรืองเดยวกนทีมการเผยแพรใน
ี
ื
ี
์
้
รปแบบวทยานพนธ (ผูเขยนคอนกศกษา) และบทความวจย (ผูเขยนคอนกศกษา อาจารย ์
ื
ั
ิ
ิ
ั
ึ
ิ
้
ู
ึ
ั
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 5
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
่
้
ึ
ั
์
ั
ี
ี
้
ื
ึ
่
่
้
่
ี
ิ
ุ
ทปรกษาหลก และอาจารยทปรกษารวม) เมอสนสดขนตอนน พบเอกสารจานวน 133
�
รายการ ทมีคณสมบตครบถวน ผวจยเรยงลาดบเอกสารตามปี พ.ศ. ทเผยแพร่ (ผวจย
่
ู
ี
ุ
้
ั
�
้
ู
ิ
ั
ี
่
้
ั
ั
ิ
ี
3
ิ
ู
้
้
ื
่
้
แปลง ค.ศ. เปน พ.ศ. และใส่ ค.ศ. ไวทายชอผแตง) ปทมเอกสารหลายชนจะเรยงลาดับ
ิ
ี
ี
็
่
ี
้
�
่
ี
ั
ู
ั
้
่
ตามตวอกษรภาษาไทยและภาษาองกฤษของชือผูแตง (ดภาคผนวก)
ั
่
�
�
3) การจาแนกประเภทงานวจย งานวจยภาษาไทยถนใตจานวน 133 รายการ
้
่
ิ
ั
ั
ิ
ิ
ิ
ึ
ั
ึ
์
ี
ี
็
่
้
ู
่
้
ิ
ั
้
มวตถประสงค ระเบยบวธ พืนทีเกบขอมล ฯลฯ แตกตางกน ผูวจยจงจ�าแนกผลการศกษา
ั
ุ
ี
่
ั
่
ั
ึ
ิ
็
้
่
ึ
ี
่
่
ี
ุ
4
ึ
ั
่
ั
ออกเปน 2 กลม ไดแก งานวจยทศกษา “หนงจงหวด” และงานวจยทศกษา “กลม
ุ
ิ
ื
้
ื
จงหวด” ในแตละกลมสามารถประกอบดวยการวจยในประเดนทเหมอนหรอตางกนกได ้
ุ
5
่
ิ
็
่
็
ั
ี
ั
่
ั
่
ั
่
ิ
้
ิ
เช่น การศึกษาเกยวกับแนวแบ่งเขตภาษาไทยถนใตด้วยพยัญชนะต้น [] กรณีงานวจัยท ี ่
ี
่
้
้
้
ศกษาหนงจงหวดจะใหขอคนพบวา ปรากฏใช/ไมปรากฏใชพยัญชนะเสียงนในอาเภอใด
่
ึ
่
ึ
่
้
ั
้
ี
ั
�
้
�
แล้วแสดงผลการศึกษาเป็นแนวแบ่งเขตภาษาระดับอาเภอของจังหวัดนน ๆ กรณีงานวจัย
ั
ิ
้
่
่
ี
ี
ุ
้
ี
ิ
ทศกษากลมจงหวดในประเดนเดยวกนน นอกจากจะเกบขอมลในบรเวณทกวางกวาแลว
ั
ั
้
ึ
่
ู
้
้
็
่
ี
็
ั
ั
ั
ึ
ผลการศกษาอาจเป็นแนวแบ่งเขตภาษาระดบอาเภอและ/หรือระดบจงหวดก็ได ด้วยเหต ุ
ั
�
ั
้
ั
ึ
ี
้
ึ
็
้
ั
่
�
ั
�
้
ขางตน การนาเสนอผลการศกษาในบทความนจะจาแนกออกเปนระดบหนงจงหวดและ
ระดบกลุ่มจงหวด
ั
ั
ั
่
็
ึ
4) การรายงานผลการศึกษา ผลการศกษาแบงเปนสามประเด็น ประกอบด้วย
ึ
ี
ั
่
่
ั
1) ผลการศกษาหนึงจงหวด จ�านวน 14 จงหวด ไดแก กระบี ชมพร ตรง นครศรธรรมราช
ั
ุ
้
ั
ั
่
้
นราธวาส ปตตาน พงงา พทลง ภเกต ยะลา ระนอง สงขลา สตล สราษฎรธาน ขอคนพบ
ี
ู
้
์
ุ
ุ
ี
็
ั
ิ
ั
ั
ู
็
ั
่
้
่
�
่
้
์
็
ั
้
ั
ี
ของแตละจงหวดนนแบงเปนหาประเดน ไดแก ระบบเสยง การแปร คา/ไวยากรณ/
ความหมาย การยมภาษา และลกษณะทางกลสัทศาสตร์ โดยจะแสดงให้เหนวาภาษาไทย
ื
ั
่
็
ถินใตในแตละจงหวดมผูสนใจศกษาจ�านวนมากนอยเพยงใด และมการศกษาในประเดนใด
ี
่
ึ
ั
ั
็
้
ึ
ี
้
่
้
ี
่
่
บางแลว 2) ผลการศกษากลุมจงหวด เนืองจากการศกษาทีเกดขึนในบางกรณเปนประเดน
้
ี
็
้
่
ึ
็
้
ึ
ั
6
ั
ิ
ั
ุ
่
ั
ี
ั
่
่
ุ
้
ิ
ั
ั
้
้
ู
ทครอบคลมพนทตงแต่ 2 – 14 จงหวด ผวจยจงแยกผลการศึกษากลมจงหวดออกจาก
ั
ึ
ื
ี
่
ื
ี
ั
่
ู
3 ผวจยไมสามารถใหรายละเอยดของเอกสารทง 133 รายการไดอนเนองมาจากขอจากดของการ
�
ั
้
้
้
ั
้
้
ิ
ั
ิ
ั
่
้
ื
์
ู
ิ
ิ
ิ
ตพมพในวารสาร ติดตามรายละเอียดไดใน ตามใจ อวรทธโยธน. (2559). รายงานวิจยฉบบสมบรณเรองภาพรวม
ั
ี
ุ
์
ิ
ึ
ิ
้
ิ
การศกษาภาษาไทยถนใต. ปตตาน : มหาวทยาลยสงขลานครนทร. ์
ี
่
ั
ั
่
้
ึ
ั
ึ
ั
ึ
ื
ั
ั
้
็
4 หนงจงหวด หมายถง จงหวดใดจงหวดหนงทางภาคใตของประเทศไทยทเปนพนทศกษา
่
ั
่
ี
ั
่
ึ
ี
5 กลมจงหวด หมายถง ตงแต 2 – 14 จงหวดทางภาคใตของประเทศไทยทเปนพนทศกษา
่
ุ
ั
ั
ื
้
้
่
่
่
ั
ี
ั
็
ั
ึ
ึ
้
ี
ื
่
ั
6 ผวจยไมสามารถใหรายละเอยดของผลการศึกษาในแตละจงหวดไดอนเนองมาจากขอจากดของ
้
ั
้
ั
่
ี
ั
้
ู
่
ั
้
�
ิ
์
การตพมพในวารสาร
ี
ิ
6 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
่
ึ่
ี่
็
ี
ั
ั
ิ่
หนงจงหวด โดยจะแสดงให้เหนความสัมพนธของภาษาไทยถนใต้หนง ๆ ทมตอภาษาไทย
ั
์
ึ่
่
่
้
ั
ื
ั
ั
่
้
่
่
ถินใตอืน ๆ รวมไปถงลกษณะส�าคญหรอลกษณะรวมกนของภาษาไทยถินใตทีพบในหลาย
ึ
ั
ื
้
่
พนท 3) สถานภาพปจจบนและแนวทางการศึกษาในอนาคต เปนภาพรวมของการศึกษา
ี
็
ั
ุ
ั
่
่
ี
ิ
้
้
่
็
ื
่
่
ี
็
์
ั
ภาษาไทยถนใตทมาจากการประมวลและสงเคราะหขอคนพบทผานมาเพอแสดงใหเหนเปนภาพ
้
้
ื
่
้
ี
ื
้
้
ี
่
ิ
่
ี
้
ุ
มมกวางเกยวกับภาษาไทยถนใต เนอหาในบทความนเลือกทจะแสดง “ภาพรวม” เพอให ้
่
่
เขาใจประเดนทีศกษาและขอคนพบทีเกดขึน
ึ
้
่
้
ิ
้
็
้
่
ผลการศกษาภาษาไทยถินใต ้
ึ
ึ
ั
ั
1) หนงจงหวด การศกษาภาษาไทยถนใตในขณะนมีครบทง 14 จงหวดแลว
้
ั
ี
ั
่
ั
้
้
้
่
ึ
ิ
้
บางจงหวดมการศกษาคอนขางนอย เชน ภาษาไทยถนระนอง ภาษาไทยถนสตล และ
่
้
ิ
่
่
ิ
ั
ี
ู
ึ
ั
่
่
ั
ี
่
ภาษาไทยถนกระบ แตบางจังหวดมการศึกษาค่อนขางมาก เชน ภาษาไทยถน
่
้
ิ
ี
่
ิ
่
่
นครศรธรรมราช ภาษาไทยถินสงขลา และภาษาไทยถินสราษฎรธาน โดยภาพรวมกลาวได ้
ุ
์
่
่
ี
ี
้
ึ
่
ี
ั
วาการศกษาภาษาไทยถนใตหนงจงหวดในขณะนมจานวนมากพอสมควร (ดตารางท 1)
ี
่
ี
ู
่
�
ั
้
ึ
่
ิ
และสามารถจาแนกเป็นหาประเดน ดงน 1) ระบบเสยง ปรากฏในทุกจงหวด สวนใหญ ่
ั
่
้
ี
ั
้
ั
็
ี
�
เป็นการศึกษาด้วยแนวคิดทฤษฎสัทวิทยาหน่วยเสียง (Phonemics) จึงมีการแจกแจง
ี
ระบบเสยงและเสยงสาคญโดยแสดงคเทยบเสยง (Minimal Pairs) ซงเปนองคความรพนฐาน
ี
์
ึ
็
่
ี
�
ู
ู
่
ื
้
ั
ี
ี
้
ื
์
่
ั
ื
�
ุ
ุ
้
สาคญ 2) การแปร วตถประสงคคอระบแนวแบงแนวเขตภาษาและ/หรอแนวโนมการใช ้
ั
ั
�
ั
์
ี
ั
่
คาศพท มทงการแปรเสียงและการแปรศัพท ปรากฏใน 9 จงหวด ยงไมมการศึกษา
้
ั
ี
์
ั
ี
ั
ั
่
ประเดนนในจงหวดกระบ ภเกต ยะลา ระนอง และสตล การศกษาการแปรสวนใหญ ่
ึ
ู
ี
้
ู
่
็
็
่
ั
พจารณารวมกบปจจยอายุ และสวนนอยพจารณารวมกบปจจยถินทีอย 3) ค�า/ไวยากรณ ์
ั
่
ั
ู
่
ั
่
่
ั
ิ
้
่
ิ
ั
ั
ุ
ั
ั
็
่
ั
่
ั
้
ึ
/ความหมาย ปรากฏใน 4 จงหวด ยงไมมการศกษาประเดนนีในจงหวดกระบี ชมพร ตรง
ี
ั
็
ั
�
ู
ั
็
ิ
ู
้
ึ
่
ี
นราธวาส ปตตาน พงงา ภเกต ยะลา ระนอง และสตล สวนหนงเปนการสรางคาและ
่
ี
่
ี
็
่
่
้
ึ
อกสวนหนงเปนการศกษาค�าประเภทตาง ๆ ไดแก ค�าลกษณนาม ค�าบอกเวลา ค�าเรยกขาน
ึ
ั
่
้
ี
�
�
ั
�
ิ
ิ
�
ี
ื
คาเรยกญาต คาขยาย คาลงทาย คาผวน ดชนปรจเฉท 4) การยมภาษา ปรากฏใน
ึ
ิ
ี
่
ั
ุ
่
สีจงหวด ยังไมมการศกษาประเดนนีในจงหวดกระบี ชมพร ตรง นครศรธรรมราช นราธวาส
ี
ั
่
้
็
ั
ั
ั
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 7
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
่
ี
็
ั
ี
ุ
ุ
์
ิ
่
พงงา พัทลง ยะลา ระนอง และสราษฎรธาน การยืมภาษาทปรากฏมักเปนภาษาจีนถนและ
ั
ู
่
่
์
่
่
ั
่
7
ั
ั
ภาษามลายถิน ซึงสมพนธกบชาตพนธุของกลุมคนทีอาศยอยูในจงหวดนัน ๆ 5) ลกษณะ
ั
้
ั
์
ิ
ั
ั
ั
่
ั
ั
ี
ทางกลสทศาสตร ปรากฏใน 5 จงหวด ยงไมมการศกษาประเดนนในจงหวดกระบ ชมพร
ั
ุ
ี่
็
ี้
ั
์
ั
ึ
ู
็
ั
็
ู
ี
ิ
ั
นครศรธรรมราช นราธวาส พงงา ภเกต ยะลา ระนอง และสตล อย่างไรกตาม ในจงหวดที ่
ั
ื
่
ี
ึ
ี
ี
่
ี
็
้
ึ
่
ึ
มการศกษาแลวสวนใหญเปนการศกษาเสยงใดเสยงหนง หรอ ระบบเสยงใดระบบเสียง
้
ุ
ึ
ั
ี
ั
ี
ี
ี
ั
่
ุ
ึ
่
ิ
หนง มเพยงภาษาไทยถนพทลงทมการศกษาครบทงพยญชนะ สระ และวรรณยกต ์
่
ตารางท 1 : ภาพรวมการศกษาภาษาไทยถินใต ้
่
่
ึ
่
หนึ่งจังหวัด กลุ่มจังหวัด
ระบบเสียง การแปร คำา/ การยืม กล
ไวยากรณ์/ ภาษา สัทศาสตร์
ความหมาย
กระบี่ 1 - - - - 2
ชุมพร 1 3 - - - 1
ตรัง 1 3 - - 1 1
นครศรีฯ 3 8 10 - - 5
นราธิวาส 1 1 - - - 4
ปัตตานี 2 2 - 1 1 4
พังงา 1 2 - - - 2
พัทลุง 2 2 2 - 1 1
ภูเก็ต 3 - - 3 - 1
ยะลา 1 - - - - 3
ิ
ี
ื
7 ภาษามลายูถ่น หมายถึง ภาษาย่อยของภาษามลายูท่เป็นเคร่องมือส่อสารหลักของคนท่อาศัยอยู่ใน
ื
ี
ี
ห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย (สงขลา สตูล ปัตตาน ยะลา และนราธิวาส)
8 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
หนึ่งจังหวัด กลุ่มจังหวัด
ระบบเสียง การแปร คำา/ การยืม กล
ไวยากรณ์/ ภาษา สัทศาสตร์
ความหมาย
ระนอง 1 - - - - -
สงขลา 3 5 5 1 1 3
สตูล 1 - - 1 - -
สุราษฎร์ธานี 2 5 2 - 1 2
ิ
่
้
ั
่
ึ
โดยภาพรวมกล่าวไดวาภาษาไทยถนใตหนงจงหวดไดรบการศกษาประเด็น
ึ
ั
้
่
ั
้
ี
การแปรมากท่สุด ตามด้วยระบบเสียง คา/ไวยากรณ์/ความหมาย การยืมภาษา และ
�
ั
์
่
่
ี
์
ุ
กลสทศาสตร ตามล�าดบ ในขณะทีภาษาไทยถินนครศรธรรมราช สงขลา และสราษฎรธาน ี
ั
ิ
ี
่
ุ
ั
ั
ั
ี
ุ
ั
่
ั
ุ
ู
็
ั
มงานวจยมากทีสดตามล�าดบ ภาษาไทยถินพทลง ปตตาน ภเกต ตรง ชมพร มงานวจยพอ
ิ
ี
ิ
ั
ิ
่
่
สมควร และภาษาไทยถินอืน ๆ ไดแก พงงา นราธวาส สตล กระบี ยะลา ระนอง มงานวจย
่
่
ั
ี
ู
้
้
้
คอนขางนอย
่
ึ
่
2) กลมจงหวด การศกษาภาษาไทยถนใตกลมจงหวดแตกตางกนในประเดน
ั
ั
้
็
่
ั
ุ
่
ั
ุ
ั
่
ิ
ื
ั
ี
ื
ี
ื
ี
ความครอบคลุมของพ้นท่ท่ศึกษาเน่องจากมีการเก็บข้อมูลต้งแต่พ้นท่บางส่วนของภาคใต้
ื
ี
ี
ื
ไปจนถึงพ้นท่ทุกส่วนของภาคใต้หรือบางพ้นท่ในประเทศไทยเปรียบเทียบกับบางพ้นท่ใน
ื
ี
ึ
�
้
ี
ิ
่
ิ
ี
้
่
ู
้
็
ประเทศมาเลเซย ขอคนพบทเกดขนจงนาเสนอในมตทแตกตางกน แมวาการเกบขอมล
้
ึ
่
่
ิ
ี
้
ั
่
่
ี
้
ุ
ี
ื
ั
่
ั
้
ครอบคลมทกพนทของภาคใต้จะใหผลการศกษาทชดเจน ครบถวน แตในทางตรงกนขาม
้
้
ึ
ุ
่
ึ
ึ
ั
้
ั
ระยะเวลาและงบประมาณกมากขนตามไปดวย ดงนน งานวจยทศกษาบางพนทจงม ี
ี
ี
้
ิ
ื
่
้
็
้
ึ
ั
่
ื
ั
จานวนมากกวางานวจยทศกษาทกพนทของภาคใต งานวจยกลมจงหวดทเกดขนแลวนน
ี
ุ
่
ี
่
ั
ึ
่
้
ุ
ี
้
ึ
ิ
ั
ั
ั
้
ิ
ิ
้
�
่
้
ุ
ึ
่
้
ี
ั
บางประเดนมการศกษาหลายครง เชน การระบแนวแบงเขตระหว่างภาษาไทยถนกลาง
่
่
็
ิ
ิ
้
่
่
ิ
่
่
ึ
์
ู
ี
่
ั
และภาษาไทยถนใตซงเดมพบวาอยบรเวณตอนลางของจงหวดประจวบครขนธ ในเวลาตอมา
ิ
่
ั
ี
ั
ิ
ี
็
คนพบเปนเขตปรับเปลยนภาษาทปรากฏในหลายจงหวดบรเวณรอยตอของภาคกลางและ
ั
ั
้
ี
่
่
่
้
ภาคใต ไดแก ประจวบครขนธ ชมพร และระนอง โดยภาพรวมการศกษากลมจงหวด
ั
ุ
่
่
ึ
์
ั
ั
้
ี
ุ
ี
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 9
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ั
ิ
็
์
มกเปนประเด็นของการแปรเสียงและค�าศัพท จากนนพจารณาความเหมือนและความต่าง
ั้
ั
่
ึ
ี
่
ั
ั
่
ซึงน�าไปสู่การตความเกียวกบความสมพนธทางเชือสายและแนวแบงเขตภาษา งานทีศกษา
์
้
่
่
ุ
ู
ั
ั
่
�
กลมจงหวดมจานวน 29 รายการ (ดตารางท 1) โดยมการศกษาภาษาไทยถน
ี
ึ
ิ
ี
่
ี
่
ุ
ี
ั
็
่
้
่
ิ
ั
ั
นครศรธรรมราชมากทสด อยางไรกตาม ภาษาไทยถนในสามจงหวดชายแดนใต (ปตตาน ี
ี
็
ั
้
ี
ยะลา นราธวาส) กมผูศกษาคอนขางมากเปนอนดบตน ๆ แตยงไมพบการศกษาลกษณะนี ้
ั
ึ
่
่
้
่
ั
ิ
ั
้
ึ
็
ู
ในภาษาไทยถินระนองและสตล
่
กรณีการแปรของภาษาไทยถ่นใต้ ผู้วิจัยพบว่ามีการศึกษาประเด็นการแปรเสียง
ิ
ั
่
่
ั
็
่
ึ
์
ื
ั
ิ
้
ื
ครบทกพนทในงานวจยบางเรอง แตไมพบการศกษาประเดนการแปรศพทในลกษณะ
ุ
่
ี
้
้
ี
เดียวกันน้ อย่างไรก็ตาม การแปรแต่ละประเด็นอาจใหข้อค้นพบทแตกต่างกันได เช่น
่
ี
่
ิ
่
่
ั
ั
ุ
ี
การแปรเสียงพยัญชนะท้าย // แบงภาคใต้สบสจงหวดออกเป็นสองกลม แตการแปร
่
่
่
เสยงสระสูงในพยางค์ปด แบงภาคใต้สบสจงหวดออกเป็นสามกลม (จรยา หนตด, 2554)
ี
ั
ี
ั
ุ
ิ
ิ
ี
ู
่
ิ
ื
ี
เป็นต้น นอกจากน การเก็บข้อมูลบางพ้นท่ในภาคใต้ยังมีการศึกษาประเด็นอ่น ๆ ได้แก่
ี
้
ื
การยืมภาษา (ภาษามลายูถิ่นและภาษาเขมร) ภาษาผสม (ภาษากลุ่มตากใบ ภาษาสะกอม
็
ึ
ภาษาพิเทน) ท่พิจารณาแล้วพบว่าเป็นภาษาหนงในตระกูลไท แตกมีเอกลักษณ์ทางภาษา
่
่
ี
่
ึ
ึ
แตกตางจากภาษาไทยถินใตและภาษามลายถิน รวมไปถงการศกษาประเดนอืน ๆ ทีมการ
่
่
ี
็
้
่
ู
่
็
ื
ู
เลอกเกบขอมลบางพืนที หรอ เกบขอมลจากเอกสาร หรอ เกบขอมลจากคนบางกลุม แลว ้
ื
ู
่
็
้
ู
้
ื
้
้
่
็
แสดงข้อค้นพบในลักษณะภาพรวมของภาษาไทยถนใต (ค�าบอกบรุษและค�าแทนผู้พูดผฟััง
ุ
้
ู้
ิ่
�
ี
ี
์
คาบอกอารมณโกรธ คาบอกเวลา ไวยากรณ อกษรและอกขรวธ และภาษาไทยในมาเลเซย)
ั
์
ิ
ั
�
ุ
ึ
ั
ั
3) สถานภาพปจจบนและแนวทางการศกษาในอนาคต
็
์
่
็
ประเดนนแบงเปนสามประเดนย่อย ไดแก เสยง คา/ไวยากรณ/ความหมาย
้
ี
่
�
็
้
ี
และการแปร
ั
์
ี
้
ั
3.1 เสยง ประกอบดวย พยญชนะ สระ และวรรณยกต ดงนี ้
ุ
้
่
็
ั
ั
่
่
้
ก. พยญชนะ แบงเปนสามประเภท ไดแก พยญชนะตนเดียว พยญชนะ
ั
้
ต้นควบกลา และพยัญชนะท้าย ดังน้ 1) พยัญชนะต้นเดยว ทปรากฏในภาษาไทยถนใต ้
�
่
ี
่
ี
ิ
ี
่
่
ทัวไปมจ�านวน 19 หนวยเสยง ไดแก // // // // // // // // // // //
ี
่
้
่
ี
// // // // // // // // สวนทปรากฏในภาษาไทยถนใตบางถนมจานวน 5
ี
้
ิ
่
่
ี
�
่
ิ
่
10 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
้
ั
่
่
้
�
่
ี
หนวยเสียง ไดแก // // // // // 2) พยญชนะต้นควบกลา ทปรากฏในภาษา
้
ี
ไทยถนใตทวไปมจานวน 6 เสยง ไดแก // // // // // // สวนท ี ่
�
่
่
่
้
่
ี
ิ
ั
�
ี
้
ี
้
่
่
ิ
่
ปรากฏในภาษาไทยถนใตบางถนมจานวน 10 เสยง ไดแก // // // // //
ิ
้
ึ
่
้
ั
ู
// // // // // พยญชนะประเภทตาง ๆ ลวนศกษามาจากขอมลที่ปรากฏ
ึ
่
่
้
ุ
ี
เปนภาษาพูดในปัจจบน แตพยัญชนะต้นควบกลามีการศึกษาทเพมเตมขนมาเพราะศึกษา
็
ิ
้
ั
�
ิ
่
ี
่
้
่
ึ
ี
่
ี
้
ี
้
่
จากเอกสารทปรากฏในอดตกวา 150 ปมาแลว ผลการศกษาชวยใหตความไดวาในขณะ
ี
ั
้
ี
้
่
้
นนมพยญชนะตนควบกลา 14 เสยง ไดแก // // // // // // /kl/
้
�
ั
// // // // // // // หากน�าขอคนพบทีเกดขึนนีมาเปรยบเทยบ
ี
้
ี
ิ
้
้
้
่
้
ั
กบภาษาไทยถนใตแตละจงหวด/แตละถน กจะสามารถแสดงใหเหนพฒนาการของ
ั
ิ
่
่
้
่
็
ั
ั
ิ
่
็
พยัญชนะต้นควบกลาของภาษาไทยถนใตจังหวัดนน/ถนนนว่า เก็บรักษาเสียงพยัญชนะ
ั
ิ
้
้
่
่
�
้
ิ
ั
้
้
ั
ี
้
ี
้
ื
้
้
ื
ั
้
ตนควบกล�าใดไว หรอ ละทิงเสยงพยญชนะตนควบกล�าใดไปแลว หรอมเสยงพยญชนะตน
้
้
ี
่
ี
ั
่
ั
ิ
้
้
่
�
ควบกลาใดเพมขนมา 3) พยญชนะท้าย ทปรากฏในภาษาไทยถนใตทวไปมจานวน 9
ี
้
�
ิ
่
ึ
่
่
ิ
ั
ี
็
หนวยเสยง ไดแก // // // // // // // // // อยางไรกตาม นกวชาการ (สวน
่
้
่
ี
้
่
้
นอย) ไดตดสนให // และ // เปนเสยงทีสองในสระประสมสองเสยง (Diphthong) เชน
ี
็
้
่
ั
ิ
ี
// และ // หรอเปนเสยงทสามในสระประสมสามเสียง (Triphthong) เชน //
่
็
ี
่
ื
์
้
ี
ั
่
ิ
ี
้
ี
่
้
ั
ี
และ // สงผลใหพยญชนะทายมเพยง 7 หนวยเสยง การวเคราะหใหพยญชนะทายม 7
้
่
่
่
้
่
้
ึ
ี
่
หรอ 9 หนวยเสยง ไมไดสงผลใหสิงทีศกษา (Object of Study) เปลียนไปแตอย่างใด แต ่
ื
่
่
ื
์
่
ี
ี
ื
่
ึ
้
ความแตกตางทเกดขนคอ ความซบซอนของโครงสรางพยางคและระบบเสยง เนองจาก
่
ิ
ั
้
้
่
�
ี
์
ี
ั
่
ี
ิ
่
้
่
้
้
์
้
การวเคราะหใหมจานวนหนวยเสยงทนอยกวาจะสงผลใหโครงสรางพยางคซบซอนมากยง ่ ิ
้
้
่
่
ั
่
้
้
์
ี
่
้
ี
้
ิ
ขึน ในทางตรงกนขาม การวเคราะหใหมจ�านวนหนวยเสยงทีมากกวาจะสงผลใหโครงสราง
ั
พยางคซบซอนนอยลง
้
้
์
ี่
ี
่
ี่
ข. สระ แบงเปนสามประเภท ไดแก สระเดยวเสยงสน สระเดยวเสยงยาว และ
่
ั้
ี
้
็
้
่
้
้
ี
ี
ี
่
่
ั
สระประสม ดงนี 1) สระเดียวเสยงสัน มจ�านวน 9 หนวยเสยง ไดแก // // // //
ี
่
ั
้
// // // // // อย่างไรก็ตาม นักวิชาการส่วนน้อยไดตัดสินให้สระเดยวเสียงสนม ี
้
ื
ี
่
เพยง 7 หนวยเสยง ไดแก // // // // // // // หรอ // // // // // //
ี
้
่
ี
// คอ สระหนา และ สระหลง มเพยงสองหนวยเสยงเทานน 2) สระเดยวเสยงยาว ม ี
่
ี
้
ั
้
ี
่
ี
ื
ั
ี
่
ี
้
่
่
�
จานวน 9 หนวยเสยง ไดแก // // // // // // // // // จานวน
�
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 11
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ของสระเดยวเสยงยาวเปนประเดนทนกวชาการตดสนตรงกน 3) สระประสม มจานวน 3
ั
่
ี
ั
ิ
ิ
ั
ี
่
ี
็
็
ี
�
เสยง ไดแก // // // แตละหนวยเสยงมรปแปรสองรูป ไดแก // และ //,
ู
่
่
ี
ี
่
้
ี
่
้
ี
// และ //, // และ // โดยปรากฏในลักษณะของการแจกแจงแบบสับหลก
ื
ี
(complementary distribution) คอ เปนสระประสมเสยงสนเมอมพยัญชนะทายเปน
็
้
็
ื
่
้
ั
ี
ั
้
็
ี
ั
ี
ื
ื
ี
่
ื
่
่
ั
ี
ั
เสยงกกและเปนสระประสมเสยงยาวเมอมพยญชนะทายลกษณะอนหรอไมมพยญชนะ
ี
ั
่
้
้
ิ
่
ั
ี
้
่
็
้
ทาย อยางไรกตามนกวชาการสวนนอยไดตดสนใหมสระประสมจ�านวน 6 เสยง เนืองจาก
ิ
ู
้
็
ิ
่
้
ี
่
็
ิ
้
ไมไดวเคราะห์ใหเปนการแจกแจงแบบสับหลก ผวจยคดวาการวิเคราะห์ใหเปนการ
ั
้
ิ
้
ี
็
ิ
แจกแจงแบบสบหลกเปนวธการทเหมาะสมมากกวา เพราะนอกจากจะชวยใหระบบของ
ี
่
ั
่
่
ี
ี
ื
ี
้
ี
่
สระประสมมความเรยบงายเพราะสามารถลดจ�านวนจาก 6 เสยงใหเหลอเพยง 3 เสยง อก
ี
ี
ี
ื
่
ี
ิ
ี
ู
็
ี
ั
ี
ั
ึ
้
่
ี
่
ู
่
่
่
ู
ประเดนหนงคอผ้วจยพบวาสระประสมบางคไมมคเทยบเสยงระหวางเสยงสนและเสยง
ยาว
้
่
็
์
่
ค. วรรณยกต แบงเปนสามระบบ ไดแก ระบบภาษาไทยถินใต ระบบภาษากลุม
่
ุ
่
้
่
้
ิ
่
ั
ี
้
ิ
ตากใบและระบบผสมระหวางภาษาไทยถนใตและภาษาไทยถนกลาง ดงน 1) ระบบ
่
ี
ิ
์
็
่
�
์
วรรณยุกตภาษาไทยถนใต เมอพจารณาการแยกเสียงรวมเสียงวรรณยุกตกรณคาเปนม ี
ิ
ื
้
่
่
ี
์
การแยกเสยงวรรณยุกตแบบสามทาง คอ 1-23-4 ข) การรวมเสยงวรรณยกตระหวางชอง
ื
ุ
ี
์
่
ี
ุ
ั
์
A1 และ B1 ค) การรวมเสยงวรรณยกตระหวางชอง A23 กบ B23 (ดภาพที่ 1) 2) ระบบ
ู
่
่
์
็
ี
่
ุ
�
ี
ุ
ิ
วรรณยกตภาษากลมตากใบ เมอพจารณาการแยกเสยงรวมเสยงวรรณยกตกรณคาเปนม ี
ุ
ี
ื
่
์
ุ
ู
ดงนี 1) การแยกเสยงวรรณยกตแบบสองทาง คอ 123-4 (ดภาพที่ 2) 3) ระบบวรรณยกต ์
้
ั
ี
ุ
์
ื
่
ี
ิ
ผสมระหวางภาษาไทยถนใตและภาษาไทยถนกลาง เมอพจารณาการแยกเสยงรวมเสยง
้
ี
ิ
่
ื
่
่
ิ
็
วรรณยุกตกรณคาเปนนนมการรวมเสียงวรรณยุกตระหว่าง A1 กบ B123 (ดภาพท 3)
ั
�
ั
์
ู
้
ี
์
ี
่
ี
้
ั
ั
้
ั
ี
ื
ุ
ี
ั
ั
ี
ุ
ั
ระบบวรรณยกตลกษณะนพบในบางพนทของจงหวดประจวบครขนธ จงหวดชมพร และ
์
์
ี
่
้
จงหวดระนอง ในอดตวรรณยกตระบบนีไดรบการพจารณาเปนลกษณะหนึงของภาษาไทย
ั
ั
็
ิ
ั
่
์
ี
้
ั
ุ
่
ื
ี
ึ
้
ั
่
่
ถนใต แตเมอมการศกษาเกยวกบแนวแบงเขตภาษาและเขตปรบเปลยนภาษามากขน
ึ
ิ
่
ี
่
ั
่
ี
้
ั้
จึงพบว่า การรวมเสียงวรรณยุกต์ระหว่าง A1 กับ B123 นนปรากฏบริเวณจังหวัดรอยต่อ
่
่
่
้
่
ระหวางภาษาไทยถินใตและภาษาไทยถินกลางเทานัน
้
12 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
่
์
ุ
่
ภาพท 1 : ระบบวรรณยกตภาษาไทยถินใต ้
่
่
่
ิ
ทมา : ตามใจ อวรทธโยธน, 2559 : 162
ิ
ิ
ุ
่
่
ุ
์
ภาพท 2 : ระบบวรรณยกตภาษากลุมตากใบ
่
ิ
ิ
ุ
ิ
่
ทมา : ตามใจ อวรทธโยธน, 2559 : 162
่
ภาพท 3 : ระบบวรรณยกตผสมระหวางภาษาไทยถินกลางและภาษาไทยถินใต ้
่
่
่
่
์
่
ุ
ิ
ิ
ุ
่
่
ิ
ทมา : ตามใจ อวรทธโยธน, 2559 : 162
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 13
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
่
ี
�
ิ
์
ึ
็
็
3.2 คา/ไวยากรณ/ความหมาย การศกษาประเดนนในภาษาไทยถนใตมเปน
้
้
ี
ี
�
จานวนมาก ดังน การสรางคา (Word Formation) การสรางคาในภาษาไทยถนใตม 4
ี
่
�
ิ
้
้
้
้
�
ั
่
้
้
ลกษณะ ไดแก การประสมค�า การประสานค�า การซ�้าค�า และการซอนค�า งานวจยหลาย
ั
ิ
ิ
์
่
่
�
่
้
้
�
ั
ี
้
่
�
ั
่
้
ี
รายการวเคราะหวา คาเหลานนมโครงสรางอยางไร คาเหลานนทาหนาทใด และความหมาย
ั
ิ
่
ทเกดขนใหมแตกตางไปจากความหมายเดมอยางไร รวมไปถงคาเหลานนมลกษณะ
่
ึ
่
ั
้
�
ี
ี
่
่
ิ
้
ึ
ิ
็
การปรากฏอย่างไร ชนดของคา (Part of Speech) เปนการศกษาดวยแนวคิดทฤษฎ ี
้
�
ึ
ึ
�
ไวยากรณโครงสราง (Structural Grammar) ซงอาศยตาแหนงการปรากฏในกรอบ
้
่
์
ั
่
ั
้
้
่
์
็
็
่
�
ิ
ประโยคเปนเกณฑิในการตดสน ผลการศกษาพบวาคาในภาษาไทยถนใตแบงไดเปน 27
ึ
ิ
่
ั
ิ
ุ
็
่
ั
้
หมวด วงศพท (Domain) พจารณาจากลกษณะทางความหมายแลวจาแนกออกเปนกลม
�
์
ึ
์
่
็
ซงเปนการศกษาในเชงมานษยวทยาภาษาศาสตร แมจะมความเปนภาษาศาสตรคอนขางนอยแต ่
้
ุ
่
ี
ิ
ึ
็
้
้
์
ิ
่
้
กเปนองคความรูพืนฐานทีนาสนใจ
็
์
้
่
็
์
้
์
่
ี
ตอมาไดมการประยุกตใชแนวคิดทฤษฎีทางภาษาศาสตรในการวิเคราะหภาษาไทย
์
้
ิ
ิ
ี
ั
่
็
ิ
่
้
้
ี
่
็
ถนใตซงเปนการศึกษาตามขนบทปฏบตกันมาโดยมภาษาไทยมาตรฐานเปนตนแบบ
ึ
็
้
ุ
ึ
ิ
ี
้
็
ั
้
เปนเหตใหแนวทางและขอคนพบเปนไปในทศทางเดยวกบการศกษาภาษาไทยมาตรฐาน
็
์
ั
ดงนี ค�าไวพจน (Synonym) เปนการรวบรวมค�าไวพจนในหมวดค�ากรยาแสดงอาการและ
้
์
ิ
ั
้
ี
่
ิ
์
่
จาแนกความหมายตามแนวคดอรรถลกษณโดยแสดงใหเหนวาคาทมความหมายเหมอน/
ื
็
ี
�
�
�
คลายคลงกนนนมอรรถลกษณใดแตกตางกน คาขยาย (Modifier) ศกษาเกยวกบ
ั
้
ึ
้
ั
ั
ั
์
ี
่
ี
่
ั
ึ
็
่
้
่
้
้
้
โครงสราง หนาที และความหมาย ค�าลกษณนาม (Classifier) แสดงใหเหนวามค�าใดบาง
ี
ั
้
้
่
ี
ิ
ึ
้
็
ความหมายทเกดขนเปนอยางไร และมการใชรวมกบคานามใดไดบาง คาลงทาย (Final
�
ี
�
ั
้
่
้
่
Particle) ศกษาความหมายและหนาทของคาลงทาย รวมทงปจจยทสงผลตอการใชคา �
่
ี
�
ึ
ั
่
่
้
ั
้
ี
้
้
่
ั
่
ี
ึ
ั
�
ู
ุ
ู
ั
้
ุ
�
้
ลงทาย คาบอกบรษและคานามแทนผพดผฟัง (Personal Pronoun) ศกษาเกยวกบ
้
ู
ี
่
ุ
ั
�
้
ี
ึ
่
่
�
ุ
้
ู
ู
้
ั
ั
�
ั
�
คาบอกบุรษทหนง คาบอกบุรษทสอง คานามแทนผพูด คานามแทนผฟัง รวมทงปจจยท ี ่
้
้
้
ิ
่
่
สงผลใหเกดการแปรตอการใชค�ากลุมนี ค�าบอกเวลา (Time Expression) ศกษาประเภท
่
ึ
้
้
ั
์
ี
ั
ี
่
่
โครงสราง การปรากฏ ความหมาย วฒนธรรมทเกยวของ และโลกทศนทสะทอนจาก
ี
่
้
ี
้
ี
ึ
ค�าบอกเวลา ค�าเรยกขาน (Address Term) ศกษาโครงสรางของค�าเรยกขาน และการแปร
�
ิ
ึ
ี
ี
�
ของคาเรยกขาน คาเรยกญาต (Kinship Term) ศกษาระบบของคาเรยกญาตและ
ิ
�
ี
ความหมายทแตกตางกนในมตตาง ๆ คาผวน (Reversed Speech) ศกษากลไกทใชใน
้
ิ
ิ
่
�
ึ
ั
่
ี
่
่
ี
14 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ั
ั
ึ
้
ี
ิ
่
ู
ั
้
ิ
ี
การดดแปลง และรปแบบทเกดขนหลงการดดแปลง กลวธเนนความหมาย (Intensifier)
ึ
ิ
ี
ศกษาการแสดงระดบ ลกษณะ อาการ ดวยการขยายและการซา ดชนปรจเฉท
ั
ั
้
ั
้
�
้
ิ
ู
ิ
์
ี
่
้
ั
(Discourse Marker) รวบรวมดชนปรจเฉทในบทสนทนา จากนันน�ามาวเคราะหหนาที รป
้
ิ
แปร และความหมายทเกดขน การเชอมโยงความ (Cohesion) ศึกษากลไกของภาษาท ่ ี
่
ื
ึ
ี
่
ื
่
แสดงการเชอมโยงความใน 6 ลกษณะ (การอางถง การซา การแทน การละ การใชศพท ์
้
้
�
ึ
้
ั
ั
การใชคาเชอม) ไวยากรณ (Grammar) ศกษาไวยากรณทงระดบคา ระดบวล ระดบ
ี
ึ
ั
้
�
ั
ั
์
�
์
้
่
ั
ื
ั
ั
ั
ประโยค และระดบสมพนธสาร
ิ
ี
้
์
�
็
่
ั
การศกษาภาษาไทยถนใตประเดนคา/ไวยากรณ/ความหมาย ในขณะนยงม ี
ึ
้
้
ิ
้
่
ไมครบทกจงหวด/ทกถน แตผวจยคดวาการศกษาประเดนนไมจาเปนตองศกษาครบทก
ิ
ู
ึ
่
ั
ึ
ี
ั
็
ุ
ุ
่
้
่
ิ
�
็
ั
ุ
่
จังหวัด/ทุกถ่น เน่องจากข้อค้นพบท่เกิดข้นของแต่ละจังหวัด/แต่ละถ่นจะคล้ายคลึงกัน
ี
ิ
ึ
ื
ิ
ิ
ั
ี
้
่
ั
่
็
่
็
็
หากแตกตางกเพยงเลกนอย ไมเหมาะสมทจะเปนโจทย์วจยระดบบณฑิตศกษา สาเหต ุ
ิ
ึ
ี
ั
ิ
ี
่
้
ั
ึ
้
ี
่
หนงทงานวจยเหลานไมเกดขนซา เชน คาเรยกญาต ปรากฏการศกษาประเดนนในภาษาไทย
่
ึ
ึ
้
ิ
็
�
่
่
ี
้
�
ิ
ี
็
์
่
ี
ี
ิ
ั
้
ั
่
ั
ิ
็
่
ั
ึ
ั
ถนนครศรธรรมราชเทานน นกวจย/นกวชาการ/อาจารยทปรกษา กตระหนกในประเดน
ิ
ิ
่
ั
ั
ึ
่
้
ี
้
้
ึ
ี
ื
ความคล้ายคลึงกนจงไมไดศกษาประเด็นนในจงหวด/ถนอน แตประเด็นเหล่านสามารถ
ั
่
่
ี
ทาไดหากเปนการเปรยบเทยบขามภาษาถน เชน การเปรยบเทยบคาเรยกญาตในภาษา
ี
ี
ิ
�
่
็
่
ิ
้
ี
ี
้
�
ี่
ิ่
ื
ี
ี้
่
ิ่
ี่
ไทยสถนหรอการเปรียบเทยบค�าบอกเวลาในภาษาไทยสถน อยางไรก็ตาม ในขณะนมีการ
ิ
่
ั
่
่
ี
ิ
้
ี
ั
�
่
เปรยบเทยบภาษาไทยสถนในงานวจยหนง ๆ ไวบางแลว เชน คาลกษณนาม
ี
้
้
ึ
ุ
ุ
ี
ุ
่
ี
่
่
ี
์
(เชยงใหม ขอนแกน สระบร และสราษฎรธาน) ค�าผวน (เชยงใหม อบลราชธาน กรงเทพฯ
ี
ุ
ี
ึ
และนครศรธรรมราช) ฯลฯ การศกษาเปรยบเทยบนอกจากจะเปนการแสดงลกษณะ
ี
็
ี
ั
ี
ิ
ิ
เฉพาะของภาษาไทยแต่ละถ่นได้แล้ว ยังแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถ่น
ิ
ี
และลักษณะร่วมของภาษาไทยถ่นท่อาจจะสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ทางเช้อสายหรือ
ื
ค�าดั้งเดิมของภาษาไทยหรือลักษณะเฉพาะของภาษาไทยได้ด้วย
3.3 การแปรของภาษา
์
ิ
่
ู
ิ
่
ก. การแปรระหว่างภาษาไทยถนกลางและภาษาไทยถนใต การพสจนวา
่
ิ
้
้
ิ
ั
ี
้
็
่
็
ิ
ภาษาใดเปนภาษาไทยถนกลางและภาษาใดเปนภาษาไทยถนใตนนมการตรวจสอบในสอง
่
ลักษณะคือการใช้คาศัพท์และการแยกเสียงรวมเสียงของระบบวรรณยุกต์ การศึกษา
�
้
็
�
้
ี
่
ี
่
ั
้
่
ประเด็นนตงแต พ.ศ. 2526 จนถงปจจบน ไดคาตอบทแตกต่างกน แตสะทอนให้เหน
ั
ุ
ั
ั
ึ
้
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 15
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
่
ั
่
่
ิ
ี
้
ิ
�
่
่
ี
ทศทางทจะดาเนนไปในอนาคตไดอยางชดเจน ดงน เดมพบวาแนวแบงเขตระหวางภาษาไทย
ิ
ั
้
ิ
่
ี
ี
่
ั
ั
ั
้
ิ
่
ั
่
ี
ู
์
์
ถนใตและภาษาไทยถนกลางอยทางตอนลางของจงหวดประจวบครขนธ (เกศมณ เทพวลย,
ุ
้
่
ั
่
้
2526; วรรณพร ทองมาก, 2526) ดงนันในยคแรกจงกลาวไดวาภาษาไทยถินใตคอภาษาที ่
้
ึ
่
ื
่
ั
ี
ั
ั
่
ู
ั
ั
ั
้
้
ใชโดยคนทอาศยอยใน 15 จงหวด (1 จงหวดในภาคกลาง และ 14 จงหวดในภาคใต)
ั
้
ในเวลาตอมาการศกษาประเด็นนไดประยกต์เขากบแนวคิดทางภาษาศาสตรสงคม จึงม ี
ุ
ั
ั
์
ึ
ี
้
้
่
ิ
การตรวจสอบโดยเพมปัจจัยทางสังคมเข้ามาในการศึกษา ประกอบกับเวลาท่ผ่านไปกว่า
่
ี
้
ุ
่
ี
่
็
้
์
ึ
้
ี
่
ั
10 ป เปนเหตใหพบวา แนวแบงเขตเคลอนตวลงไปทางใตมากขน (ประจวบครขนธ >
ื
ี
ั
์
่
ั
ี
็
่
ชมพร / ระนอง / สราษฎรธาน) อยางไรกตาม นกวชาการบางคนเหนวาแนวแบงเขตภาษา
ุ
่
็
ุ
ิ
ื
ุ
้
�
ุ
ั
ื
ี
ี
มความหลากหลายและครอบคลมพนทหลายจงหวด เรองสข คงทอง (2549) จงเสนอคาวา
่
่
ึ
ั
่
่
ี
้
ั
่
ื
่
ิ
ี
ี
ึ
่
้
ึ
่
“เขตปรบเปลยนภาษา” ซงหมายถงพนททใชภาษาไทยถนกลางและภาษาไทยถนใต ้
ิ
็
ึ
ื
ั
็
ั
ปะปนกน อาจเปนการปะปนกนในประเดนเสยงหรอศพทกได ในอนาคตการศกษา
์
็
้
ี
ั
ี
่
ื
�
เกยวกบการแปรของภาษาเพอนามาระบุแนวแบงเขตระหว่างภาษาไทยถนกลางและ
่
่
่
ิ
ั
ั
ี
ิ
้
่
้
้
่
่
็
ภาษาไทยถินใตนัน ผูวจยคดวาในระยะ 10 – 20 ป หลงจากนี้ คงไมจ�าเปนตองด�าเนนการ
ั
้
ิ
ิ
้
ั
็
่
ิ
ี
่
เพมเตม เนองจากงานวจยทเกดขนแลวหลายเรองใหคาตอบทคอนขางชดเจนและเปนไป
ื
่
�
่
ิ
ิ
ื
ิ
่
่
ึ
้
้
้
ี
ั
ี
ในทศทางเดียวกน คอ แนวแบงเขตปรากฏชัดมากทสุดบรเวณทเปน “จงหวดรอยตอ
่
ั
่
ี
ิ
ื
่
็
ั
่
ิ
ั
่
ั
ระหวางภาคกลางกบภาคใต” (ประจวบครขนธ ชมพร ระนอง) หากจะมการเพิมปจจยทาง
ี
ั
้
์
ั
ั
่
ี
ุ
ี
็
้
่
่
้
ั
สงคมขึนมาในการศกษา ขอคนพบกคงไมเปลียนไปเทาใดนก
ึ
้
่
ั
ข. การแปรระหว่างภาษาไทยถิ่นใต้
่
ั
่
่
ั
่
หนึงจงหวด การศกษาลกษณะทางภาษารวมกบปจจยถินทีอยแสดงใหเหนวา ่
ั
ั
ู
็
้
ึ
่
ั
ั
ี
คนท่มีถ่นท่อยู่แตกต่างกันน้นใช้ภาษาเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร หากเหมือนกันก็จะ
ี
ิ
ั
�
�
จาแนกเป็นเขตภาษาเดียวกัน หากแตกต่างกันก็จะจาแนกเป็นคนละเขตภาษากัน
นอกจากน้ยังสามารถตีความเพ่มเติมได้ว่า พ้นท่ท่ใช้ภาษาคล้ายคลึงกันย่อมมีความ
ี
ี
ื
ิ
ี
�
สัมพันธ์ทางเช้อสายใกล้ชิดกันมากกว่า เช่น เสียงท่ปรากฏไม่สมาเสมอในสิบส่จังหวัด
ี
่
ื
ี
�
ั
ี
เสียงเหล่าน้นเป็นประเด็นท่นักวิชาการนามาศึกษาว่ามีการแปรอย่างไร เพ่อนาข้อค้นพบ
�
ื
์
้
่
็
เหลานันมาเปนเกณฑิในการลากเสนแบงเขตภาษา เชน ภาษาไทยถินนครศรธรรมราชแบง ่
่
้
่
่
ี
์
ออกเป็นสองเขตตามการแปรของพยัญชนะต้น // (จเรวัฒน เจริญรูป, 2548)
แตแบงออกเปนสามเขตตามการแปรของพยญชนะทาย // (จรยา สมนก, 2525) สวน
่
ั
้
่
ิ
็
ึ
่
16 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
์
ุ
็
่
ี
่
ภาษาไทยถนสราษฎรธาน แบงออกเปนสองเขตตามการแปรของพยัญชนะ สระ // แต ่
ิ
แบงออกเป็นสามเขตตามการแปรของระบบวรรณยุกต (ธระพนธ ล.ทองคา และคณะ,
ี
์
�
์
่
ั
้
ิ
่
้
ู
่
ึ
ี
ั
่
ั
ั
ี
่
ิ
2521) นอกจากการแปรของภาษาไทยถนใตตามปจจยถนทอยแลว ยงมการศกษาการ
้
ิ่
ั
้
ั
่
ี
แปรของภาษาไทยถนใตตามปจจยทางสงคมอกดวย เชน การออกเสยงพยญชนะตนกกไม ่
้
ั
ี
ั
ั
่
ั
ั
ั
้
ุ
้
่
กองพนลมในจงหวดพทลงนันกลุมเดกมกออกเสยงเปนกกไมกองพนลม (// // //
่
ั
ั
็
็
ี
้
่
่
ุ
่
่
ู
้
่
//) แตกลมผใหญและกลมผสงอายุมกออกเสยงเปนกกไมกองไมพนลม (// // //
ั
ั
ี
็
ู
ู
้
่
้
่
ุ
่
้
ุ
ั
//) (สจน แกวกลม, 2539) พยญชนะตนควบกล�า // และ // ในจงหวดสงขลาม ี
ั
้
้
ิ
ั
ั
ู
ิ
้
่
รปแปรหกรปและสบสีรปตามล�าดบ การแปรเกดขึนตามปจจยอายและเพศ (อภชญา แกว
้
ู
ั
ู
ุ
ั
ิ
ิ
ึ
อทัย, 2551) พยัญชนะต้นเดยว // ในจังหวัดสงขลา มรูปแปรสามรูป การแปรเกิดขน
ี
่
ี
้
ุ
ุ
ิ
์
ั
่
ั
ตามปจจยอาย การศกษา ทศนคตตอภาษาไทยถินใต (ปาลรฐ ทรพยปรง, 2537) สระ //
้
ั
ั
ี
ั
ึ
ุ
่
ู
ในจงหวดนครศรธรรมราชมรปแปรสามรป การแปรเกดขนตามปจจยอายุ ทศนคตตอ
ั
ั
ู
ิ
ี
ั
ั
ี
้
ั
ึ
ิ
่
ู
ิ
ุ
่
ภาษาไทยถนใต (ศภฤกษ์ หอมแก้ว, 2540) สระสงสามหน่วยเสียง (// // //)
้
ในจงหวดสงขลามรปแปรอยางละสองรป การแปรเกดขนตามปจจยอาย (ณฐวฒ พงศจนทรเสถยร,
ั
ู
ั
ั
ั
ิ
ั
่
ุ
ู
ึ
ั
ี
้
ุ
ิ
ี
์
ี
่
็
ู
ึ
ั
ี
ั
2539) ในประเดนเดยวกนนไดมการศกษาในจงหวดนครศรธรรมราชซงพบรปแปรใน
ี
ี
้
ึ
้
ั
ั
ุ
ุ
ั
ั
ึ
ี
ั
้
ลกษณะเดยวกน การแปรเกิดขนตามปจจยเพศ อาย ความเปนทางการ (สวรรณรตน ์
็
ั
็
ั
ี
ิ
่
ี
์
ั
่
ี
้
ั
็
ี
็
ึ
้
ราชรกษ, 2556) การแปรทเกดขนนอกจากจะเปนประเดนเกยวกบเสยงแลวยงมประเดน
ั
ี
ั
เกยวกบค�าศพทอกดวย คอ ในจงหวดชมพร จงหวดตรง จงหวดนครศรธรรมราช จงหวด
ั
ั
ี่
ั
ั
ั
์
ั
ุ
ั
ื
้
ี
ั
ั
์
้
ี
้
ั
ี
็
สราษฎรธาน จงหวดสงขลา จงหวดปตตาน งานวจยเหลานตางกมขอคนพบเปนไปใน
ั
ั
ุ
่
ั
ี
ั
็
ั
่
ิ
้
ี
่
ู
้
ิ
่
้
ู
ื
ู
ู
่
ิ
ทศทางเดยวกน คอ ผสงอายุ>ผใหญ>เดก หมายถงผสงอายุใชภาษาไทยถนใตมากทสด
ึ
็
ี
ั
้
ุ
้
้
ี
ู
ู
็
่
้
ิ
้
ผใหญใชปานกลาง และเดกใชนอยทสด หรอ ผสงอายมทศนคตบวกตอภาษาไทยถนใต ้
้
ุ
้
้
ี
ุ
ิ
ู
่
ื
่
่
ู
ี
ั
่
ี
่
้
มากที่สด ผูใหญมทศนคตกลาง ๆ ตอภาษาไทยมาตรฐาน เดกมทศนคตบวกตอภาษาไทย
ุ
ั
ิ
ั
ี
ิ
็
่
มาตรฐานมากทสุด และขณะนภาษาไทยถนใต้กาลงถกแทนทด้วยภาษาไทยมาตรฐาน
่
้
ิ
�
ี
ั
ี
ี
่
ู
่
ั
ั
ั
ั
่
ี
็
ิ
ี
้
้
ู
ั
ิ
่
่
ึ
้
ั
ฯลฯ ผวจยเหนวา หลงจากนการศกษาภาษาไทยถนใตรวมกบปจจยทางสงคมเพยง
ิ
่
็
ิ
้
่
ึ
ี
ี
่
�
ี
ิ
้
ประการเดยวอาจจะไมเพยงพอทจะทาการศกษาเพมเตม เพราะขอคนพบทเกดขนเปนไป
้
ึ
ี
่
่
่
่
่
ิ
ิ
ี
ู
ในทศทางเดยวกนเสมอ หากจะมการศกษาภาษาไทยถนใตควรใชปจจยถนทอยรวมกบ
ั
้
้
ั
ั
ั
่
ี
ิ
ี
ึ
ิ
ั
ั
ิ
์
ั
ุ
์
ื
ปจจยทางสงคม เพราะการประยกตแนวคดภาษาศาสตรสงคม หรอ ประยกตแนวคด
ั
ุ
์
้
ึ
้
้
ิ
ี
้
ิ
ระบบสารสนเทศภูมศาสตร์เขามาจะทาให้ขอคนพบทเกดขนมความแปลกใหม่และ
ี
่
�
นาสนใจมากยงขึน
่
่
้
ิ
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 17
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
์
่
ี
้
่
ิ
ี
ี
ั
ั
่
ุ
ุ
ั
ั
ั
่
ี
กลมจงหวด กรณเสยง ภาษาไทยถนใตในสจงหวด (กระบ ตรง สราษฎรธาน ี
ั
นครศรธรรมราช) แบงออกเปนสองเขต (ตะวนตก และ ตะวนออก) ตามการแปรของ
็
ั
่
ี
พยญชนะทาย // (ฌัลลกา มหาพนทอง, 2539) ประเดนตอมาภาษาไทยถนใตในส ่ ี
ั
ิ
ั
้
็
่
ิ
้
ู
่
ั
่
ั
่
็
็
ู
ั
็
ู
ั
่
ั
ั
จงหวด (ตรง กระบี พงงา ภเกต) แบงออกเปนสามเขต (กระบี+ภเกต พงงา+ตรง) ตามการ
่
็
ู
่
็
่
ั
ู
แปรของสระสงสองหนวยเสยง (// และ //) แตแบงเปนสองเขต (ภเกตพงงา+กระบ ่ ี
ี
ั
ตรง) ตามการแปรของระบบวรรณยุกต (เจรญขวญ ธรรมประดิษฐ, 2524) กรณศพท ์
์
ั
ิ
ี
ั
์
ี
่
่
ึ
่
ภาษาไทยถนใต้ในสองจังหวัด (พังงา กระบ) แบ่งออกเป็นสองเขต ได้แก เขตหนง ได้แก ่
่
ิ
้
่
ุ
ั
่
ื
ทกอ�าเภอในพงงา+กระบี่สองอ�าเภอ (อาวลก ปลายพระยา) เขตสอง ไดแก อ�าเภอทีเหลอ
ึ
่
์
ั
ั
ุ
ั
ิ
์
ุ
ในพงงา (สนยพร เลศกลทานนท, 2534) ภาษาไทยถนใตในสองจงหวด (สราษฎรธาน ี
้
่
ิ
์
ี
ุ
็
่
่
ี
นครศรธรรมราช) แบงออกเปนสองเขต เขตหนึง ไดแก ไดแก พืนทีสวนใหญในสราษฎรธาน ี
่
ุ
้
่
่
์
่
้
่
้
่
ั
่
้
(ยกเวน อาเภอพระแสง อาเภอเวยงสระ อาเภอชยบร) เขตสอง ไดแก พนทสวนใหญใน
ี
้
ี
่
ุ
่
�
�
�
ี
้
ื
ิ
นครศรธรรมราช (ยกเวนอ�าเภอขนอม อ�าเภอสชล) (ดวงใจ เอช, 2529)
ี
้
ื
ั
ี
ประเด็นทคนพบตอมาคอความสัมพนธทางเชอสาย การเปรียบเทยบคาศพท ์
ั
�
้
ี
่
์
้
ื
่
์
่
ิ
ของภาษาไทยถนใตของสามจังหวด กรณแรก ไดแก การแปรศัพทในภาษาไทยถน
ี
่
ั
้
้
่
ิ
้
่
่
ี
์
ี
ี
สราษฎรธาน นครศรธรรมราช และสงขลา แสดงใหเหนวาภาษาไทยถนนครศรธรรมราช
็
ิ
ุ
ั
ุ
่
ใกลชดกบภาษาไทยถินสงขลา ทังคูไดใกลชดกบภาษาไทยถินสราษฎรธานเปนล�าดบตอมา
่
ี
ั
็
้
่
้
่
ั
ิ
ิ
้
้
์
ั
่
ี
ิ
ี
(ประภาพรรณ เสณตนตกล, 2528) กรณทสอง การแปรศพทในภาษาไทยถน
ี
่
ั
ิ
ุ
์
ั
ั
ุ
้
ุ
่
ิ
็
้
นครศรธรรมราช พัทลง และสงขลา แสดงใหเหนวาภาษาไทยถนพทลงใกลชดกบภาษา
ี
่
ิ
้
้
ิ
็
ี
ไทยถินสงขลา ทังคูไดใกลชดกบภาษาไทยถินนครศรธรรมราชเปนล�าดบตอมา (ระพพรรณ
ี
่
้
ั
่
่
ั
่
ิ
์
ี
ใจภกด, 2535) กรณทสาม การแปรศพทในภาษาไทยถนปตตาน ยะลา และนราธวาส
ี
ี
ั
ั
่
ิ
ี
่
ั
้
่
ู
้
ั
ั
ิ
ี
ิ
้
่
้
แสดงใหเหนวาภาษาไทยถนปตตานใกลชดกบภาษาไทยถนยะลา ทงคไดใกลชดกบภาษา
็
ั
่
่
้
ิ
ิ
ั
ิ
็
ี
์
ไทยถินนราธวาสเปนล�าดบตอมา (กณฑิลย ไวทยะวณช, 2534) เมือประมวลผลการศกษา
่
ึ
่
ิ
่
ุ
ั
ี
่
่
ทเกิดขนแบบต่างกรรมต่างวาระทใช้ระเบียบวธีคล้ายคลึงกันจึงสามารถกล่าวไดว่าภาษาไทย
ิ
้
้
ี
ึ
่
่
ถนใต้ใน 11 จังหวัด แบ่งได้เป็น 3 กลม ได้แก พังงา ภูเก็ต กระบ่ ตรัง / สุราษฎร์ธาน ี
ิ
ุ
่
ี
ั
ี
้
ุ
ี
ิ
ั
นครศรธรรมราช พทลง สงขลา / ปัตตาน ยะลา นราธวาส (ดภาพท 4) ขณะนยงเหลอ
ื
ี
ู
ี
่
่
่
้
่
ภาษาไทยถินระนอง ภาษาไทยถินชมพร และภาษาไทยถินสตล ทีไมสามารถจ�าแนกไดวาม ี
่
ุ
่
่
ู
ึ
้
่
ั
ี
ั
การแปรศพททคลายคลงกบภาษาไทยถนใตถนใด/จงหวดใดมากทสด สงผลให ้
่
์
ิ
่
ี
่
ุ
ั
ิ
้
ั
่
18 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ี
่
่
ิ
้
ไม่สามารถแสดงความสัมพันธ์ทางเชอสายของภาษาไทยถนทเหลืออีกสามจังหวัดได ้
ื
ื
ี
ิ
นอกจากน้หากมีการศึกษาความสัมพันธ์ทางเช้อสายเพ่มเติมโดยเก็บข้อมูลระดับอาเภอ
�
ั
ั
ื
่
ของทุกจงหวดโดยเลอกหน่วยอรรถทแสดงความแตกต่างได้ (ทบทวนข้อค้นพบจากงาน
ี
วิจัยที่ผ่านมา) ผู้วิจัยคิดว่าข้อค้นพบที่เกิดขึ้นจะให้ค�าตอบที่ชัดเจนได้มากยิ่งขึ้น
่
ภาพท่ 4 : ความสัมพันธ์ทางเชื้อสายของภาษาไทยถิ่นใต้กรณีการแปรศัพท์
ิ
ุ
ิ
ิ
่
่
ทมา : ตามใจ อวรทธโยธน, 2559 : 170
อภิปรายผล
1) เสียง
การศึกษาระบบเสียงภาษาไทยถ่นใต้ด้วยแนวคิดทฤษฎีสัทวิทยาหน่วยเสียง
ิ
(phonemics) ในขณะนี้มีครบแล้วทั้ง 14 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิิต
ศึกษา มีเพียงระบบเสียงภาษาไทยถิ่นสตูลเท่านั้นที่เป็นบทความวิจัย ระบบเสียงภาษาไทย
ั
ถ่นใต้ในบางจังหวัดมีการศึกษาเพียงคร้งเดียว แต่บางจังหวัดก็มีการศึกษาหลายคร้ง เช่น
ิ
ั
ภาษาไทยถิ่นสงขลามีการศึกษาสามครั้งในปี พ.ศ. 2499 2516 และ 2530 ภาษาไทยถิ่น
้
ี
ึ
นครศรธรรมราช มการศกษาสามครังในป พ.ศ. 2513 2525 และ 2530 และภาษาไทย
ี
ี
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 19
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
์
ั
ิ
่
ี
้
ถนสราษฎรธานมการศกษาสามครงในป พ.ศ. 2521 2532 และ 2548 อยางไรกตาม
่
ี
ุ
ี
็
ึ
้
่
้
ั
้
ั
ิ
ั
ี
ั
ั
็
ขอคนพบในแต่ละจงหวดแบบตางกรรมต่างวาระก็เปนไปในทศทางเดยวกน ดงนน
้
�
ี
ี
็
ี
่
การศกษาประเด็นนดวยระเบยบวธเดม ผวจยเหนวาไมจาเปนอกตอไป ยกเวนกรณทเหน
ึ
้
ิ
ี
็
ี
่
็
ู
ิ
้
้
ี
ั
่
่
ิ
ึ
่
ี
ึ
้
ั
ิ
่
ี
ี
ไดชดเจนวามลกษณะทางเสยงตางจากทีเคยศกษาไว หรอ กรณทีศกษาดวยแนวคดทฤษฎ ี
่
้
้
ื
่
ั
ี
ั
์
้
ี
ื
่
ี
ิ
ึ
่
ั
ิ
สทวทยาอืน ๆ หรอ กรณทีศกษาดวยระเบยบวธทางกลสทศาสตร (Acoustic Phonetics)
ึ
้
ี
ึ
่
ิ
้
ั
่
ู
ิ
ั
้
ึ
็
ซงจะแสดงผลการศกษาไดชดเจนและเปนรปธรรมมากยงขน ในขณะนงานวจยภาษาไทย
์
ี
ึ
้
่
้
้
่
ถินใตทางดานกลสทศาสตร ยังมจ�านวนคอนขางนอย ดงนี ภาษาไทยถินพทลงมการศกษา
ั
ั
้
่
ุ
ั
ี
้
ั
์
์
ุ
ี
ั
ั
ลกษณะทางกลสทศาสตรของเสยงหลายประเภท (พยญชนะกก สระ วรรณยกต) ในขณะ
ั
่
ึ
ทภาษาไทยถนอน ๆ มกจะเปนการศกษาเสยงประเภทใดประเภทหนงเทานน เชน
ั
่
็
่
้
ึ
ั
ื
่
่
ี
ิ
ี
่
่
ั
ี
ั
ึ
็
ั
ิ
่
้
การศกษาพยญชนะกกในประเดนคาระยะเวลาการสนของเสนเสยงในภาษาไทยถนตรง
่
ั
ู
่
การศกษาสระในประเดนคาความถีมลฐาน บรเวณเสยงสระ และคาระยะเวลาในภาษาไทย
่
ึ
็
่
ี
ิ
ุ
ี
่
่
ิ
ิ
ิ
์
็
ี
ถนปตตาน การศกษาวรรณยกตในประเดนคาความถฟัอรเมนตในภาษาไทยถนสงขลา
่
ึ
ั
์
่
์
ี
์
่
้
ั
ั
ิ
่
ั
่
้
็
ั
ดงนน ประเดนลกษณะทางกลสทศาสตรของเสยงในภาษาไทยถนใตแตละจงหวด/แตละ
ั
ั
็
็
ั
ั
ี่
ึ
ึ
ิ่
็
ิ่
ึ
ถนจงเปนประเดนทสามารถศกษาเพมเตมได อาจเปนการศกษาลกษณะทางกลสทศาสตร ์
้
ิ
ของเสยงประเภทใดประเภทหนงรวมกบตวแปรปจจยถนทอยหรอปจจยทางสงคม กจะสงผล
่
ั
ี
ิ
ั
ี
่
ึ
่
ั
ั
่
ู
ั
ั
ั
็
่
่
ื
่
ิ
้
้
้
็
ั
ี
ึ
้
ู
ใหขอคนพบนันมความเปนรปธรรม ชดเจน และลกซึงมากยงขึน
้
้
2) ค�า/ไวยากรณ์/ความหมาย
ั
้
ี
ั
่
�
่
็
ลกษณะทางภาษาทนาสนใจในประเดนทเกยวของกบคา/ไวยากรณ/ความหมาย
ี
ี
์
่
่
ื
่
ู
้
์
ของภาษาไทยถินใต คอ กระบวนการกลายเปนรปไวยากรณ (Grammaticalization) หรอ
็
ื
ั
ี
่
่
็
่
้
ึ
์
ค�าไวยากรณ (Grammatical Word) กลาวไดวา ในขณะนี้ยงไมมการศกษาประเดนเหลานี ้
่
ิ
้
ิ
่
่
ในภาษาไทยถนใตอย่างจรงจง คนทวไปหรอนกวชาการสาขาอนอาจมองวาการศกษา
่
ื
ั
ิ
ื
ั
่
ึ
ั
ิ
่
่
ึ
่
�
ิ
“คาหนงคา” ไมยิงใหญ่และไม่สมศักด�ศรีงานวจัยระดับบัณฑิิตศึกษา แต่ประเด็นน ี ้
�
นกภาษาศาสตร์ไมเหนดวยเนองจากวิทยานพนธทศกษาเกยวกบประเด็นขางตนนนใชวา ่
ั
้
่
ั
์
ิ
่
้
ี
้
่
ื
ั
้
ึ
่
็
่
ี
ั
ั
�
จะศกษาคาใดก็ได แตจะตองพสจนใหเหนวาคานนมนยสาคญอยางไรและจะอธิบายคาเหลา ่
ี
ึ
์
่
็
้
่
ิ
ู
้
้
�
�
้
�
่
ั
่
ึ
่
ิ
ิ
่
ิ
้
้
ั
์
ั
ึ
่
นนดวยแนวคดทฤษฎใด เชน วทยานพนธระดบปรญญาเอกทศกษาคาวา “ซง”
ิ
�
ี
ี
ี
์
ี
ิ
ึ
้
ั
ี
ตามแนวคดทฤษฎภาษาศาสตรเปรยบเทยบเชงประวต ดงนน หากมการศกษา
ั
ี
ิ
ิ
ั
็
กระบวนการกลายเป็นรปไวยากรณ์หรอคาไวยากรณ์ในภาษาไทยถนใตอย่างจรงจงกจะ
ิ
ิ
้
่
ื
ู
ั
�
20 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
้
ิ
ึ
้
็
ู
่
้
่
ื
้
้
่
ิ
็
ิ
ั
้
ี
็
์
เปนการเตมเตมองคความรไดรอบดานมากยงขนได นอกจากนยงมประเดนอน ๆ ในภาษาไทยถน
ี
่
ี
ึ
้
�
่
ใตทนาสนใจอก เชน การศกษาทางดานอรรถศาสตร (Semantics) กรณคาหลายความหมาย
์
ี
ี
่
้
ื
่
(Polysemy) เชน คาวา “ลอ” ของภาษาไทยถนใตมหลายความหมาย เชน เสอลอ
้
ิ
่
่
่
้
่
�
ี
่
ุ
้
้
่
่
่
ื
่
่
่
ื
‘เสือโผล’ ลอลิน ‘แลบลิน’ ลอลวง ‘หลอกลวง’ เหยอลอ ‘เหยอทีน�ามายวย’ ฯลฯ ค�าวา
่
่
้
ั
่
ั
ี
ั
ื
ั
้
์
์
่
ั
่
็
ั
ั
้
่
่
ี
้
ลอขางตนมความสมพนธกนหรอไม/อยางไร หากมความสมพนธกนแลวเปนอยางไร
ความหมายใดปรากฏก่อน ความหมายใดทปรากฏใชมากทสุด ปรากฏการณ์นจะตอง
ี
ี
้
่
้
ี
้
่
ี
้
์
ื
ุ
่
ั
ิ
ี
์
ิ
ประยกตใชแนวคดทฤษฎเกยวกบคาหลายความหมาย หรอ อรรถศาสตรปรชาน
�
้
ั
็
้
ิ
(Cognitive Semantics) เขามาในการอธบาย ขอคนพบทเกดขนอาจจะเปนลกษณะของ
้
ี
ิ
่
ึ
้
ั
ื
ภาษาไทยถินใต หรอ ลกษณะของภาษาไทย หรอ ลกษณะทีเปนสากลลกษณ (Universal)
์
่
ั
ื
้
็
่
ั
็
กได ้
ั
่
็
์
ึ
ั
่
�
ประเด็นตอมา การศกษาคายืมชวยแสดงให้เหนความสัมพนธทางสงคมกบ
ั
่
�
ชาวตางชาตทตดตอกนมากอนหนาน โดยภาพรวมพบ คายืมภาษาเขมร คายืมภาษาจน
้
ี
้
ี
�
ั
่
ี
ิ
่
่
ิ
ี
ื
่
่
ื
ื
่
ื
้
ื
้
�
และคายมภาษามลายถน เมอพจารณาในแงพนทพบวามการใชคายมภาษาเขมรทกพนท ่ ี
ิ
ู
�
้
ุ
่
ิ
ี
่
ั
้
็
ของจงหวดทางภาคใต หมายความวา ค�ายืมภาษาเขมรจ�านวนมาก (1,320 ค�า) เขามาเปน
้
่
ั
่
้
่
้
่
่
่
้
่
สวนหนึงของภาษาไทยถินใต ค�ายืมภาษาเขมรบางสวนพบในภาษาไทยถินใตเทานัน ไมพบ
่
่
่
่
ในภาษาไทยถนกลาง แสดงวาเปนการยืมมาจากภาษาเขมรโบราณโดยตรง ไมใชการยืมผาน
็
่
่
ิ
ี
ภาษาไทยถินกลาง ในขณะทีค�ายืมภาษาจนพบในสองลกษณะ ค�ายืมภาษาจนฮกเกียนพบ
้
่
ี
่
ั
เปนจ�านวนมาก (1,239 ค�า) ในภาษาไทยถินภเกต ในป พ.ศ. 2534 แตผลการศกษาในป ี
่
ี
่
ู
ึ
็
็
็
้
ี
่
่
�
้
ื
้
่
ี
้
พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2553 แสดงใหเหนวาคายืมเหลานมแนวโนมการใชลดลงเรอย ๆ
ู
่
ี
่
ื
้
่
โดยถกแทนที่ดวยภาษาไทยมาตรฐาน สวนภาษาไทยถินสงขลาพบค�ายมภาษาจนหลายถิน
้
ี
็
�
้
้
่
่
้
้
(แตจิว ฮกเกียน ไหหล�า แคะ กวางตุง) จ�านวนหนึง (396 ค�า) สะทอนใหเหนวาคนจนใน
ี
ู
ิ
่
่
้
ั
ี
ู
่
่
ื
�
ั
�
ุ
ั
ั
ื
จงหวดสงขลามอยดวยกนหลายกลม คายมลาดบตอมาคอภาษามลายถน กรณภาษาไทย
ิ
่
ี
ถินใตในสามจงหวดชายแดนภาคใต (ปตตาน ยะลา นราธวาส) มค�ายมภาษามลายจ�านวน
ั
ื
้
ั
้
ี
ั
ู
�
่
�
่
หนง (400 คา) นอกจากนยงพบวาคายมภาษามลายถนใชกนหนาแนนบรเวณอาเภอ
ึ
้
ิ
ั
่
ี
ิ
�
ื
้
ู
่
ั
ทุงยางแดง อ�าเภอสายบร (จงหวดปตตาน) และอ�าเภอตากใบ (จงหวดนราธวาส) อยางไร
ั
่
ั
ิ
ั
ั
่
ี
ั
ี
ุ
ื
�
กตามการศกษาคายมภาษามลายถนในจงหวดสตลกพบคายมจานวนหนง (375 คา)
�
็
ื
ึ
�
ู
็
ั
่
ิ
ู
ั
�
่
ึ
้
ั
้
้
ั
่
ื
ื
อนเนองมาจากจงหวดเหลานอยใกลกบประเทศมาเลเซยและแวดลอมดวยคนไทยเชอสาย
้
ี
่
้
ั
่
ั
ู
ี
ั
ู
ิ
มลายู กรณคายมภาษาเขมร คายืมภาษาจีนถนตาง ๆ ผวจยเหนวามงานวจยทศกษา
้
ิ
ิ
ั
่
ี
่
�
็
่
ี
ึ
ี
่
ื
�
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 21
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ิ
ี
ิ
ี
้
้
่
้
ี
ิ
็
่
ื
ประเดนเหลานเพยงพอแลว แมวาในระยะหลังจะมการใชแนวคดเชงสถตและแนวคดอน
ิ
้
่
ิ
้
ึ
์
่
่
ั
่
ั
ุ
ั
ิ
้
้
่
็
้
ประยุกตเขามาในการศกษาค�ายืม แตขอคนพบที่เกดขึนกไมแตกตางกน เนืองจากปจจบน
้
ไม่ไดมีการยืมคาจากภาษาเขมรหรือภาษาจีนถนต่าง ๆ เพมขน ในทางตรงกันข้าม คายืม
้
ึ
ิ
�
่
่
�
ิ
ู
ู
ู
ั
่
้
ี
่
้
่
้
ุ
ื
ู
ี
่
ุ
่
่
้
็
ื
เหลานเปนทร้จกของคนรนใหมนอยลงเรอย ๆ คอ “ผ้สงอายใชมากทสด ผใหญใชปานกลาง
่
ุ
้
ี
ู
ั
ุ
ิ
็
็
่
ี
ู
ู
้
ิ
้
่
้
่
และเดกใชนอยทสด” ในทางตรงขาม ผวจยเหนวาการศกษาเกยวกบผพดภาษามลายถน
้
ู
ึ
่
ี
ั
้
้
ึ
้
ยงมประเดนทสามารถศกษาเพมเตมไดอก เชน การออกเสยงภาษาไทยถนใตโดยผพด
ี
ี
ู
้
ี
ั
่
ู
่
ิ
่
็
ิ
ี
ิ
่
ี
่
ภาษามลายถิน โดยเฉพาะการแทรกแซง (interfere) นอกจากนี้ มเสยงใดบางทีพฒนามา
ั
ี
่
ู
้
ี
ื
จากภาษามลายถนจนกลายเปนสวนหนงของระบบเสยงภาษาไทยถนใต หรอ การปรากฏ
่
็
่
ิ
ู
ิ
่
ึ
่
้
ิ
ั
ิ
่
ั
ั
ั
่
ู
ั
่
ิ
ู
่
ั
่
�
ื
ี
ึ
่
คายมภาษามลายถนโดยพจารณารวมกบปจจยถนทอยและปจจยทางสงคมซงอาจจะ
ั
ั
็
ื
เปนการเกบขอมลในสามจงหวดชายแดนภาคใต หรออาจเพมภาษาไทยถนสตลและภาษาไทย
ู
ิ
่
้
็
่
้
ิ
ู
ั
ถินสงขลาเปนหาจงหวดชายแดนภาคใตกได ้
็
็
่
้
ั
้
่
ี
้
นอกจากนยังมประเดนทนาสนใจอันเนองมาจากการผสมผสานกันระหวาง
่
ี
ื
ี
่
่
็
่
่
ี
่
่
ิ
็
ภาษาไทยถนกลาง ภาษาไทยถนใตและภาษามลายูถนจนกลายเปนภาษาทแตกตางออกไป
่
ิ
้
ิ
ั
�
ั
้
�
ดงน 1) ภาษาสะกอม ใชในตาบลสะกอม อาเภอจะนะและอาเภอเทพา จงหวดสงขลา
้
ั
ี
�
ี
ี
ั
ิ
ั
ิ
2) ภาษาพเทน ใชในต�าบลพเทน อ�าเภอทุงยางแดง จงหวดปตตาน ในขณะนี้สามารถเรยก
้
่
ั
ื
้
่
ั
ี
้
่
ิ
่
่
ิ
ภาษาสะกอมและภาษาพเทนวาภาษาไทยถนใตไดเนองจากมลกษณะทางภาษาสวนใหญ ่
้
ึ
้
ึ
่
่
ั
ั
ั
้
คลายคลงกบภาษาไทยถินใตทัวไป และยงมลกษณะทางภาษาสวนหนึงคลายคลงกบภาษา
ี
ั
่
่
็
่
ู
ี
ึ
้
ิ
ื
่
กลุมตากใบ รวมทังมค�ายมภาษามลายถินจ�านวนมาก ภาษาสะกอมและภาษาพเทนจงเปน
ภาษาไทยถนใตอกกลมหนงทนาสนใจเนองจากแตกต่างจากภาษาไทยถนใตทวไป และ
ุ
่
่
่
้
่
ิ
้
ั
ี
่
่
ื
่
ึ
่
ิ
ี
ุ
่
้
้
้
ุ
่
่
ึ
ขณะนยงมผลการศกษาภาษาไทยถนใตกลมนคอนขางนอย 3) ภาษากลมตากใบ ภาษาน ้ ี
ิ
่
้
้
ี
ี
ั
ี
ั
้
ั
�
้
่
ุ
ปรากฏในหลายพนทของจงหวดชายแดนภาคใต สาเหตทใชคาวา “ภาษากลมตากใบ”
ี
่
้
ุ
ื
ี
่
่
ื
้
้
่
ุ
่
ิ
่
่
้
่
ั
้
เนองจากตองการแสดงใหเหนวาภาษานแตกตางจากภาษาไทยถนใตทวไป (ภาษากลม
็
ี
่
ั
้
้
�
ิ
ี
ั
นครศรรรมราช) และพบภาษาลกษณะนครงแรกบรเวณอาเภอตากใบ การคนพบวา ่
้
ี
้
่
้
ั
ิ
ลกษณะทางภาษาของภาษากลมตากใบแตกตางจากภาษาไทยถนใตทวไป รวมทงการคนพบ
่
ั
ั
้
ุ่
่
่
ุ่
ั
ุ่
่
ื
ลกษณะเฉพาะของภาษากลมตากใบในงานวิจยหลายเรองเปนเหตใหสรปไดวาภาษากลมตากใบ
ั
้
็
้
ุ
ุ
่
่
็
ิ
ิ
้
ั
้
ุ
่
้
ื
ั
ไมใชภาษาไทยถนใตดงเดม ในเวลาตอมาไดขอมลยนยนเพมเตมวาภาษากลมตากใบเปน
่
่
ู
่
ิ
่
ิ
้
่
้
ิ
ู
ึ
8
ุ
่
ั
ั
หนงในภาษาตระกลไททมลกษณะใกลเคยงกบภาษาผไท มากทสด ภาษาสะกอม ภาษาพเทน
้
ี
ี
่
ี
ู
ี
่
็
ิ
ี
่
ื
่
่
ุ
่
และภาษากลมตากใบ เปนประเดนทนาสนใจศกษาเพมเตมเนองจากภาษาสะกอมและ
ิ
็
ึ
ื
ี
ู
ภาษาผูไท คอ ภาษายอยของภาษาตระกลไททีใชในภาคอสานของประเทศไทยและที่ใชใน
้
8
้
้
่
่
ภาคกลางของประเทศลาว
22 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
้
ิ
่
ั
่
็
ิ
ี
ั
ิ
ี
้
่
่
ภาษาพิเทนเปนภาษาไทยถนใตทมลกษณะพเศษแตกต่างจากภาษาไทยถนใตทวไป
่
ั
การศกษาเพมเตมอาจชวยใหคาตอบในภายหลงไดวา “ลกษณะพเศษ” เหลานนคออะไร
ึ
่
้
ั
ิ
ื
ิ
่
้
�
่
้
ิ
ั
้
ั
และสาเหตของความพเศษเกดจากอะไร ในขณะทภาษากลมตากใบนนใชพดกนในบรเวณ
ุ
ิ
ิ
่
ุ
ั
ี
่
ิ
ู
้
่
่
้
ิ
่
้
้
จงหวดชายแดนภาคใต แตกลบแตกตางจากภาษาไทยถนใตคอนขางมาก โดยเฉพาะกรณ ี
ั
ั
ั
่
ี
ู
์
ั
การแยกเสยงรวมเสยงวรรณยุกต (ดภาพที่ 2) และค�าศพท จนไมสามารถจ�าแนกเปนภาษา
็
่
์
ี
้
้
้
ู
ิ
ั
ไทยถนใตได การมลกษณะทางภาษาคลายคลงกบภาษาผไททอยหางไกลกนมากนน
ี
ั
ึ
ั
่
ั
้
้
่
่
่
ู
ี
ิ
ุ
ั
ื
่
ิ
ั
ิ
ุ
่
ิ
่
้
ไมนาจะเกดจากความบงเอญ แตสาเหตส�าคญคออะไร ค�าอธบายทีเกดขึนจะสมเหตสมผล
่
ู
้
่
ั
่
หรอไม ผใหคาตอบนอาจจะไมใชนกภาษาศาสตรเทานน คงจะตองทางานวจยเชงบรณาการ
ิ
่
้
ิ
ื
ั
�
้
้
�
้
ั
ู
์
ี
่
ุ
ั
ิ
่
ั
ั
์
ื
ั
ิ
รวมกบนกประวตศาสตร หรอ นกมานษยวทยา
3) การแปร
่
่
ิ
่
�
้
ั
่
หน่วยเสียงทปรากฏไม่สมาเสมอในภาษาไทยถนใตนนเป็นทประจักษ์แล้วว่า
ี
้
ี
ี
ึ
�
ั
สามารถนามาแบ่งเขตภาษาได้ท้งในหน่งจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประเด็นน้เป็นท่น่าสนใจ
ี
ึ
่
ี
ึ
ี
่
ิ
่
่
่
ื
ั
จงมงานวจยทศกษาประเดนการแปรเสยงใดเสยงหนงทวทงสบสจงหวดเพอนามาแบงเขต
้
ี
ี
ั
ั
็
ี
่
ึ
ั
�
ิ
ั
่
้
็
ี
้
ิ
ื
ั
ั
้
้
ภาษา ดงนี การแปรเสยงทีเกดขึน คอ พยญชนะตน // แบงภาษาไทยถินใตออกเปนสอง
่
่
ิ
็
่
เขต (ตรงกลาง+โดยรอบ) พยญชนะตน // แบงภาษาไทยถนใตออกเปนสองเขต (ตรง
้
่
้
ั
ั
่
ิ
็
้
กลางกบตอนบน+ตอนล่างกบกระจาย) พยญชนะทาย // แบงภาษาไทยถนใตออกเปน
่
ั
้
ั
่
็
่
ิ
่
ู
สองเขต (ตอนบน+ตอนลาง) สระสงหกหนวยเสยง แบงภาษาไทยถนใตออกเปนสเขต
่
ี
ี
้
่
่
ุ
ั
ี
่
่
ุ
ุ
ุ
่
็
่
ู
ึ
ี
่
ุ
้
ุ
ไดแก กลมนครศรธรรมราช กลมภเกต กลมสมย กลมพทลง ในขณะทการศกษาระบบ
่
ิ
ุ
่
์
วรรณยกต แบงภาษาไทยถนใต้ออกเปนสองลกษณะ คือ แบงเปนสองกลม ไดแก ่
ั
่
็
่
็
้
ุ
็
กลมภาษานครศรธรรมราชและกลมภาษาตากใบ และแบงเปนหกกลม ไดแก A – F
่
่
่
ี
ุ
่
ุ
้
ุ
่
ุ
์
ุ
็
ั
์
ั
ึ
การศกษาประเดนวรรณยกต/ระบบวรรณยกตกนาสนใจเชนกนเพราะวาเปนลกษณะเดน
็
่
่
่
็
่
ิ
้
้
ั
้
ึ
้
้
่
ของภาษาตระกลไท/ภาษาไทย/ภาษาไทยถน/ภาษาไทยถนใต งานวจยขางตนไดเกดขน
ิ
ิ
ู
ิ
่
มาแลว 40 – 50 ป หากศกษาประเดนนีอกครังดวยระเบยบวธทางกลสทศาสตร ในระดบ
้
้
์
ึ
ี
้
ี
้
็
ี
ั
ิ
ั
ี
็
่
้
ิ
ั
ั
ั
ุ
้
ั
้
อ�าเภอของทกจงหวด ขอคนพบทีเกดขึนจะครบถวน ชดเจน มความเปนรปธรรม ทนสมย
ี
้
ู
ั
่
้
ั
�
นอกจากจะใหคาตอบไดวาภาษาไทยถนใตเปลยนแปลงไปอยางไรแลว ขอคนพบนนกยง
้
้
้
้
ั
่
็
ิ
้
่
่
้
ี
สามารถนามาสืบสราง (reconstruct) ระบบวรรณยุกตและสทลกษณะของวรรณยุกต ์
์
ั
้
�
ั
่
ิ
ภาษาไทยถนใตดงเดมไดดวย ผวจยคดวาการเกบขอมลในงานวจยหนง ๆ ครบทงสบส ่ ี
ิ
้
็
้
่
ั
ิ
ิ
ั
่
ู
ึ
ั
ิ
้
ั
้
้
ิ
ู
้
้
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 23
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ู
่
จงหวดโดยเกบขอมลเพยงจงหวดละ 2 – 3 ต�าแหนง อาจจะไมครอบคลมการแปรภาษาที ่
ุ
็
ั
ั
้
ั
่
ั
ี
ึ
้
้
่
ี
เกดขนไดครบถวน เพราะการแปรในแต่ละประเด็นอาจมรายละเอียดแตกตางกน อยางไร
่
ิ
ั
้
่
ิ
ิ
็
ี
ั
ี
้
ั
ี
็
ู
ี
ั
�
กตามการเกบขอมลระดบอาเภอดวยระเบยบวธเดยวกนครบทงสบสจงหวดกอาจประสบ
้
ั
ั
้
็
ั้
ุ
ู
กบปญหาระยะเวลาและงบประมาณสนบสนน รวมทงมขอมลทตองวเคราะหและน�าเสนอ
ิ
้
ี
์
ี่
ั
ั
้
ั
่
ั
้
่
้
ั
ั
ิ
ั
่
ั
ิ
ี
ึ
ึ
ผลการศกษาคอนขางมากนนอาจจะไมเหมาะสมกบการวจยระดบบณฑิตศกษาเพยงเรอง
ื
์
ุ
ี
่
ี
ื
่
ึ
์
ใดเรองหนง ด้วยเหตน้ หากอาจารยทปรึกษาวิทยานิพนธต้องการแสดงข้อค้นพบท่ชัดเจน
ี
่
ิ
่
่
ิ
่
ุ
ครบถวน และถกตองมากทีสด การวจยระดบบณฑิิตศกษาควรจะตองท�าเปนกลุมวจย เชน
ั
ั
้
ู
ึ
ั
็
้
ั
้
้
การแบงงานวจยออกเปนสามพืนที ประกอบดวย ภาคใตตอนบน ภาคใตตอนกลาง และ
้
้
่
่
้
ั
ิ
็
์
ิ
็
็
�
ึ
ู
่
้
่
ั
ิ
ั
ภาคใตตอนลาง นกวจยแตละคนกจะเกบขอมลวเคราะหและนาเสนอผลการศกษา
้
่
ี
่
้
ื
ั
็
่
ั
ั
ื
่
ี
่
ื
ู
่
่
โดยมพนทในการเกบขอมล 4 – 5 จงหวดทตอเนองกน เมองานวจยแตละเรองแสดง
ั
ี
้
ิ
ื
้
ลกษณะภาษาไทยถนใต้ของแตละพนทไดแลว อาจารยทปรกษาวทยานพนธกจะน�าขอคน
้
ี่
้
้
ิ
ี่
ึ
ิ
์
็
์
ั
ื้
ิ่
่
้
พบทงหมดมาประมวลเขาดวยกนเปนภาพรวมของภาษาไทยถนใตทง 14 จงหวดใน
้
ั
้
้
ั
ั
่
้
ั
ิ
ั
็
็
์
ึ
้
้
่
ี
ั
ประเดนเดยวกนได ซงจะสงผลใหการศกษาภาษาไทยถนใตมความครบถวนสมบรณรอบ
ี
้
้
ึ
ิ
ู
่
่
้
ดานมากยิงขึน
่
้
ุ
สำรปผล
้
ั
ู
้
ผวจยประมวลและสงเคราะหขอคนพบจากเอกสารจานวน 133 รายการ
�
ั
์
้
ิ
้
่
เพอแสดงสถานภาพปจจบนของภาษาไทยถนใตพรอมกบเสนอแนะแนวทางทสามารถ
ั
ั
่
ื
ี
ุ
ั
้
่
ิ
้
ิ
ิ
้
่
ั
ื
ิ
้
่
้
ิ
้
ึ
ึ
่
่
ศกษาเพมเตมไดในอนาคต ในเบองต้นพบวาการศึกษาภาษาไทยถนใตเรมขนตงแต ่
่
ื
ึ
ุ
็
ั
ั
ั
ี
พ.ศ. 2499 และมการศกษาเรอยมาจนถงปจจบน การศกษาเหลานมกเปนวทยานพนธ ์
ึ
ิ
ิ
ี
่
้
ึ
ิ
ั
ิ
ั
ั
ระดบบณฑิตศกษาและงานวจยทเผยแพรเปนรปเลมหรอบทความวจยในวารสารซงผาน
่
ื
ึ
ั
ี
ู
ิ
่
่
ึ
่
่
็
ุ
ู
้
ั
้
ิ
การประเมินคณภาพจากกรรมการหรือผทรงคณวฒทงสน เอกสารขางตนสามารถจาแนก
ุ
้
ุ
้
�
้
ิ
่
ั
็
ั
้
้
ออกเปนสองกลุมหลกดวยเกณฑิพืนทีของการเกบขอมล ไดแก การเกบขอมลในจงหวดใด
้
์
ั
่
่
็
ู
้
ู
็
้
ิ
่
้
ี
ึ
ั
่
ั
ั
่
ู
้
จงหวดหนงและการเก็บขอมลในบรเวณกวางมากกว่าหนงจงหวดโดยเรยกวา “หนง ่ ึ
ั
ึ
ั
ั
ั
ี
ั
ั
ั
ั
่
ั
่
ี
ึ
ั
จงหวด” และ “กลุมจงหวด” ตามล�าดบ กรณหนึงจงหวด มการศกษาครบทกจงหวดแลว ้
ุ
เมอพจารณาความถของการศกษาพบวาจงหวดทมการศกษาคอนขางมากประกอบดวย
ั
่
ี
ั
่
ี
้
่
ิ
ึ
่
ื
ึ
้
่
ี
ี
ี
นครศรีธรรมราช สงขลา และสุราษฎร์ธาน จังหวัดท่มีการศึกษาปานกลางประกอบด้วย
24 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ี
ี
พัทลุง ปัตตาน ภูเก็ต ตรัง ชุมพร และจังหวัดท่มีการศึกษาค่อนข้างน้อยประกอบด้วย
ี
ี
ึ
ั
ิ
่
ู
่
็
่
้
พงงา นราธวาส สตล กระบ ยะลา และระนอง การศกษาทเกดขนแบงเปนหาประเดน
็
้
ึ
ิ
ี
ึ
้
่
้
่
ี
ั
่
ี
ึ
ไดแก 1) การศกษาระบบเสยงเพือแสดงเสยงส�าคญในถินนัน ๆ 2) การศกษาการแปรเสยง
่
ู
ั
ี
ื
ุ
่
ื
์
ั
่
ั
ิ
่
ุ
่
้
่
และ/หรอศพทรวมกบตวแปรอายและถนทอยเพอระบแนวแบงเขตภาษา/แนวโนมการใช ้
์
ั
ั
็
้
ค�าศพท 3) การศกษาค�า/ไวยากรณ/ความหมายเพือแสดงลกษณะส�าคญของประเดนนัน ๆ
ึ
่
์
ั
�
ิ
้
่
ุ
่
ื
่
์
ุ
่
ี
�
ั
ั
ื
4) การยมภาษาเพอทาความเขาใจคายมทมาจากกลมชาตพนธตาง ๆ 5) ลกษณะทาง
ื
กลสทศาสตรเพอแสดงลกษณะทางกายภาพของเสยงประเภทตาง ๆ กรณกลมจงหวด
ั
ั
ั
่
์
ี
ุ
่
ื
ั
ี
่
้
โดยมากศึกษาเกยวกับการแปร แมว่าการแปรศัพท์จะศึกษาบางพนท่ แต่การแปรเสียงได ้
ี
่
ี
้
ื
ุ
้
ิ
ั
่
ุ
ศกษาครบทกพืนทีแลวในงานวจยหนึง ๆ ขอคนพบทีเกดขึนเอือประโยชนตอการระบแนว
้
่
์
้
ึ
้
ิ
่
้
้
่
่
่
ี
่
่
้
่
ั
่
ิ
แบงเขตภาษา/เขตปรบเปลยนภาษาระหวางไทยถนกลางและไทยถนใตและยงชวยให ้
ิ
ั
ื
่
ึ
่
ิ
ั
์
ิ
่
สามารถจัดกลมตามความสัมพนธทางเชอสายของภาษาไทยถนใต้ถนหนงทมตอถนอน ๆ
ุ
่
ื
ี
่
้
่
ิ
่
ี
่
�
ไดดวย นอกจากนกยงมการศกษาเกยวกบการยมภาษาและคาประเภทตาง ๆ (คาบอก
ี
็
ั
ื
้
ี
่
้
ั
ึ
้
่
�
ี
ั
ุ
้
ุ
บรษและค�าแทนผูพดผูฟััง ค�าบอกอารมณโกรธ ค�าบอกเวลา ฯลฯ) เพือแสดงลกษณะรวม
้
ู
์
่
่
่
่
้
ื
ั
ั
กนหรอลกษณะเฉพาะของภาษาไทยถินใตนันเอง
ั
ี
ี
้
โดยภาพรวมภาษาไทยถนใตในแตละประเดนมรายละเอยดดงน 1) ระบบเสยง
ี
่
ิ
้
่
ี
็
ื
ี
ึ
ี
ั
่
่
ี
ภาษาไทยถนใตแตละถนมทงทเหมอนและตางกน ในทนจะกลาวถงลกษณะเฉพาะทมรวมกน
ี
ิ
่
้
ั
ี
ี
่
้
่
่
้
่
ั
่
ิ
ั
่
ิ
ื
่
้
้
ั
้
ี
ื
่
้
่
่
ี
ี
่
้
ของภาษาไทยถนใต ไดแก เสยงพนฐานทปรากฏในพนทตาง ๆ ประกอบดวย พยญชนะ
้
้
่
ี
�
ตนเดยว จานวน 19 หนวยเสยง ตนควบกลา จานวน 6 เสยง ทาย จานวน 9 หนวยเสยง
่
ี
ี
�
�
้
ี
้
่
�
่
สระเดียวเสยงสัน จ�านวน 9 หนวยเสยง สระเดียวเสยงยาว จ�านวน 9 หนวยเสยง ประสม
ี
่
ี
ี
่
้
่
ี
ุ
ุ
ิ
่
ี
่
จานวน 3 เสยง วรรณยกต แบงเปนสามระบบ ไดแก ระบบวรรณยกตภาษาไทยถนใต ้
์
�
์
้
็
่
ิ
่
ุ
ุ
่
่
ระบบวรรณยกตภาษากลมตากใบ และระบบวรรณยกตผสมระหวางภาษาไทยถนกลาง
์
ุ
์
และภาษาไทยถนใต 2) คา/ไวยากรณ/ความหมาย มการศกษาประเด็นนหลากหลายตาม
ี
์
ิ
้
ี
ึ
้
่
�
ิ
์
�
้
�
้
้
�
ั
ชนด/ประเภท/หนาทของคา ไดแก การสรางคา ชนดของคา วงศพท คาไวพจน คาขยาย คาลกษณ
�
ั
่
ี
ิ
�
�
์
่
ู
�
�
ุ
้
�
ุ
�
้
ี
�
ี
�
้
นาม คาลงทาย คาบอกบรษและคานามแทนผพดผฟัง คาบอกเวลา คาเรยกขาน คาเรยก
ั
ู
ู
์
้
ิ
ี
�
ั
ั
ี
่
ื
ิ
ิ
ญาต คาผวน กลวธเนนความหมาย ดชนปรจเฉท การเชอมโยงความ และไวยากรณระดบคา/
�
ั
็
่
ี
ี
ั
้
ี
่
่
ี
ื
วล/ประโยค/สมพนธสาร นอกจากนยงมประเดนทนาสนใจอนเนองมาจากการผสมผสาน
ั
ั
่
ิ
้
ั
�
ิ
ั
ั
่
ู
กนระหวางภาษาไทยถนใตและภาษามลายทพบในบรเวณตาบลสะกอม (จงหวดสงขลา)
่
ี
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 25
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ี
ั
ั
์
่
ิ
่
ี
ึ
ั
ต�าบลพเทน (จงหวดปตตาน) รวมไปถงภาษากลุมตากใบซึ่งมระบบวรรณยุกตแตกตางจาก
ิ
่
่
้
่
้
ิ
่
ภาษาไทยถนใตคอนขางมาก 3) การแปรของภาษา การแปรระหวางภาษาไทยถนกลาง
ิ
่
ั
็
ุ
และไทยถนใตซงใชวรรณยกตและศพทเปนเครองมอในการศกษา เดมเคยระบแนวแบง ่
ิ
์
ึ
้
ื
่
้
่
ึ
ื
ุ
์
ั
ี
ั
ี
เขตอยในอ�าเภอทบสะแก จงหวดประจวบครขนธ และเคลือนลงทางใตเรือย ๆ ในงานวจย
ั
ั
ิ
ั
ู
่
์
่
้
่
่
ั
ี
่
็
ี
ตอมา จนกระทงระบเปนเขตปรบเปลยนภาษาทพบในจงหวด (ประจวบครขนธ ระนอง
ั
ั
์
ั
่
ุ
ั
ี
่
ี
ชมพร) การแปรระหวางภาษาไทยถนใตซงปรากฏทงในระดบหนงจงหวดและกลมจงหวด
่
้
ั
ั
่
ึ
ั
ั
่
้
ุ
ุ
่
ั
ึ
ั
่
ิ
ั
้
้
้
�
ิ
ู
ี
่
ั
ิ
้
่
ชวยใหลากเสนแบงเขตภาษาไดหลากหลายลกษณะตามขอมลท่นามาพจารณาตดสน
้
ี
้
ิ
่
ึ
้
ี
่
ิ
ั
การศึกษาภาษาไทยถนใต้ทสามารถเกิดขนเพมเตมไดหลงจากนอาจเป็นการใชแนวคิด
ิ
้
่
ื
่
ี
้
้
ิ
่
ู
ื
ั
่
ทฤษฎใหม ๆ หรอ การเพมตวแปรเขามาในการออกแบบข้อมลเพอใหผลการศึกษา
ั
ี
ื
็
ั
ั
ี
์
่
ุ
้
ึ
้
ครอบคลมรอบดานมากขน เชน ประเดนเสยง/ระบบเสยงควรประยุกตตวแปรหรอปจจย
้
ึ
ั
ั
่
้
ู
ตาง ๆ เขามาในการศกษา ไดแก ปจจยทางสงคม หรอ ปจจยถินทีอย และสามารถใชแนว
่
ื
่
ั
่
ั
ั
่
้
่
ิ
ิ
้
ู
์
้
ุ
ี
ั
ี
ั
์
ิ
ื
ิ
คดสทวทยาอืน ๆ ในการวเคราะหขอมล หรอ การประยกตใชระเบยบวธทางกลสทศาสตร ์
ู
็
้
้
�
์
ู
เขามาในการเกบขอมลและวเคราะหขอมล ประเดนคา/ไวยากรณ/ความหมาย
ิ
้
์
็
ิ
ุ
้
อาจประยกตใชแนวคดทางอรรถศาสตรปรชานเขามาในการอธบาย เปนตน
็
ิ
้
์
้
์
ิ
รายการอางอง ิ
้
ั
ิ
ั
์
ิ
กลยา ตงศภทย, ม.ร.ว..(2525). หน่่วยที่่ 15 ภาษาและภาษาย่อยใน่ประเที่ศไที่ย. เอกสาร
�
การสอนชุดวิชาภาษาไทย 3 หน่วยท 7 – 15 สาขาวิชาศึกษาศาสตร์.
่
ี
มหาวทยาลยสโขทยธรรมาธราช.
ิ
ั
ุ
ิ
ั
ี
่�
์
ั
ิ
ั
ึ
ุ
่�
กณฑิลย ไวทยะวณช. (2534). การศกษาเรองศพที่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้ จังหวดยะลา ปต้ต้าน่ ่
ั
ั
์
้
ิ
ิ
์
ึ
และน่ราธิวาส. วทยานพนธศลปศาสตรมหาบณฑิต สาขาวชาจารกภาษาไทย
่
ิ
ิ
ั
ิ
ั
ั
ิ
ิ
ั
ิ
ั
ุ
ิ
ภาควชาภาษาตะวนออก บณฑิิตวทยาลย. กรงเทพฯ: มหาวทยาลยศลปากร.
่
่
�
เกศมณ เทพวัลย์. (2526). แน่วแบ่่งเขต้ภาษาไที่ยถิ่น่กลางกบ่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้้โดยใช้ ้
ั
�
ี
ิ
ุ
็
ิ
์
์
ั
ิ
ิ
ั
์
วรรณยกต้เปน่เกณฑ์. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิต ภาควชา
ิ
ั
์
ุ
ิ
ภาษาศาสตร บณฑิิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ุ
ั
์
ั
26 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ิ
่
ึ
ิ
ั
ิ
จรยา สมนก. (2525). ระบ่บ่เส่ยงภาษาถิ่่�น่ยอยของจัังหวดน่ครศร่ธิรรมราช้. วทยานพนธ ์
์
ุ
อกษรศาสตรมหาบณฑิิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิิตวทยาลย. กรงเทพฯ:
ั
ิ
ิ
ั
ั
ั
ิ
์
ุ
ั
จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
่
ู
้
้
้
�
ั
จรยา หนตด. (2554). การจัดกลมภาษาไที่ยถิ่น่ใต้ดวยเกณฑ์สระสง พยญช้น่ะต้น่และ
่
ี
ุ
ิ
ู
ั
์
พยัญช้น่ะที่้าย. วิทยานิพนธศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. ภาษาศาสตร บัณฑิต
ิ
ิ
์
์
ิ
ั
วทยาลย. กรงเทพฯ: มหาวทยาลยมหดล.
ุ
ั
ิ
ิ
่
จเรวฒน เจรญรป. (2548). หน่วยเสยงต้อเน่องฐาน่เพดาน่แขงใน่ภาษาน่ครศรธิรรมราช้.
ิ
่
ู
่
่
ั
่
์
็
�
วิทยานิพนธ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิิต สาขาวิชาภาษาไทย. จังหวัดนครศรีธรรมราชฯ:
์
ิ
ั
ิ
มหาวทยาลยสงขลานครนทร. ์
ิ
ั
์
์
ู
้
ั
ิ
่
เจรญขวญ ธรรมประดษฐ. (2524). การใช้ลกษณะที่างสที่ศาสต้รของสระสงใน่การแบ่งเขต้
ั
ั
ิ
์
ิ
ั
็
ั
ั
ั
�
่
ภาษาถิ่น่ใน่จังหวดต้รง กระบ่ พงงา และภูเกต้. วทยานพนธอกษรศาสตร
่
�
มหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ั
์
ิ
์
ิ
ั
ุ
ิ
ั
ุ
ิ
ิ
ั
ั
่
ั
ุ
ั
ี
ฉนทส ทองชวย. (2536). ภาษาและวฒน่ธิรรมภาคใต้้. กรงเทพมหานคร : โอเดยนสโตร. ์
�
ฌัลลกา มหาพนทอง. (2539). การกาหน่ดแน่วแบ่่งเขต้ภาษาไที่ยถิ่่น่ใต้้ต้ะวน่ออกกบ่ภาษา
ำ
ั
ิ
ู
ั
ั
�
่
่
้
ไที่ยถิ่น่ใต้ต้ะวน่ต้ก โดยใช้พยางค์ที่มสระเสยงยาวกับ่พยัญช้น่ะที่้าย // และ
้
่
ั
�
่
ิ
ิ
ิ
์
/ /. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิต
ั
ิ
์
ิ
ั
์
วทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ิ
ั
ุ
ิ
ุ
ั
์
ั
ุ
ี
ั
ิ
ู
ณฐวฒ พงศจนทรเสถยร. (2539). การแปรของสระสงใน่ภาษาสงขลาต้ามต้วแปรที่าง
ั
ิ
ั
ิ
ิ
ั
สงคม. วทยานพนธศลปศาสตรมหาบณฑิต สาขาวชาภาษาไทย สายภาษา.
์
ิ
ิ
จงหวดสงขลา: มหาวทยาลยสงขลานครนทร.
์
ิ
ั
ั
ิ
ั
�
ู
ำ
่
่
์
ดวงใจ เอช. (2529). ภมศาสต้รคาศัพที่์ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้้จัังหวัดสุราษฎรธิาน่และ
์
่
ั
์
ิ
ิ
ั
น่ครศรธิรรมราช้. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร ์
ิ
่
ิ
ุ
ิ
บณฑิิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ั
์
ั
ุ
ิ
ั
�
ึ
่
ั
ุ
ู
ิ
ิ
ิ
์
ตามใจ อวรทธโยธน. (2559). รายงาน่ว่จััยฉบ่บ่สมบ่รณเรองภาพรวมการศกษาภาษาไที่ย
ถิ่่น่ใต้้. จงหวดปตตาน: มหาวทยาลยสงขลานครนทร. ์
ั
ั
ั
ิ
ี
�
ิ
ั
ุ
ี
ั
ิ
�
ี
์
ธีระพันธ ล. ทองคา กัลยา ติงศภทย์ จิมม่ แฮริส เจอร่ เกน่ย์ ฑิะณัน จันทรพันธ ์
ี
์
ุ
ี
วรนช พนธพงศ สดาพร ลักษณยนาวน (2521). รายงาน่การวจัยเสยงและระบ่บ่เสยงใน่
ั
่
ุ
ั
่
ิ
่
์
ุ
ำ
�
ุ
ั
ุ
์
ภาษาไที่ยถิ่่น่ใต้้ จัังหวดสราษฎรธิาน่่ 16 อาเภอ. กรงเทพมหานคร : โครงการวจยภาษาไทย
ิ
ั
ิ
ั
์
่
ื
้
ุ
ั
และภาษาพืนเมองถิ่นตาง ๆ สถาบนภาษา จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 27
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
�
์
ั
่
ั
ี
ิ
ึ
ุ
้
�
่
ั
ั
ประภาพรรณ เสณตนตกล. (2528). การศกษาเรองศพที่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้จังหวด
่
สราษฎรธิาน่ น่ครศรธิรรมราช้ และสงขลา. วทยานพนธอกษรศาสตร
ิ
่
์
ุ
ิ
์
ั
ิ
ั
ิ
ั
ุ
ั
ุ
์
ิ
ั
์
ิ
ิ
มหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ุ
�
์
ั
ี
ุ
ปาลรฐ ทรพยปรง. (2537). การแปรของเส่ยง () ใน่ภาษาถิ่่น่สงขลา เขต้ช้มช้น่เม่อง ต้า
ั
ิ
ิ
ั
ิ
ั
ปจัจัยที่างสงคม. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร ์
ิ
ั
ั
์
ุ
ิ
บณฑิิตวทยาลย . กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ั
ิ
ุ
ั
์
ั
�
ี
ั
้
่
์
เปรมจต ชนะวงศ. (2545). ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้. นครศรธรรมราช : สถาบนราชภฏ
ิ
ั
ี
นครศรธรรมราช
ิ
ภญโญ จตตธรรม. (2513). ภาษาถิ่่น่. สงขลา : วทยาลยครสงขลา.
ิ
�
ั
ู
์
ิ
่
ั
ั
ู
ั
่
ั
์
้
ำ
�
่
ี
ี
์
ระพพรรณ ใจภกด. (2535). ภมศาสต้รคาศพที่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้จังหวดน่ครศรธิรรมราช้
์
สงขลา และพที่ลุง. วิทยานิพนธอักษรศาสตรมหาบัณฑิิต ภาควิชาภาษาศาสตร ์
ั
ั
ิ
ุ
์
ุ
บณฑิิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ั
ิ
ั
่
ุ
�
่
่
�
เรองสข คงทอง. (2549). แน่วแบ่งเขต้ระหวางภาษาไที่ยถิ่น่กลาง ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้ และ
ื
่
้
�
่
ภาษาผสมไที่ยถิ่น่กลาง-ไที่ยถิ่น่ใต้: การแปรของวรรณยกต้ต้ามกลมอาย.
ุ
ุ
่
่
�
ุ
์
้
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ั
์
ั
ิ
ั
ิ
ั
วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย.
กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ิ
ุ
์
ุ
ั
�
่
วรรณพร ทองมาก. (2526). แน่วแบ่งเขต้ภาษาไที่ยถิ่น่กลางกบ่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้โดยใช้ศพที่ ์
ั
้
�
้
ั
่
่
ิ
็
์
์
์
เปน่เกณฑ์. วิทยานิพนธอักษรศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาภาษาศาสตร บัณฑิต
ิ
ั
ั
ุ
์
ิ
ิ
วทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ุ
์
ู
วจนตน ฉนทะวิบลย์. (2499). ความแต้กต้่างระหว่างภาษากรุงเที่พและภาษาสงขลา.
ิ
ั
ิ
ิ
์
ั
ิ
ิ
ิ
ั
ิ
วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย.
ั
ั
ิ
์
ิ
กรงเทพ ฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ุ
ั
ุ
์
่
ุ
้
�
ั
ศภฤกษ หอมแกว. (2540). การแปรของ () ใน่ภาษาไที่ยถิ่น่น่ครศรธิรรมราช้ต้ามต้วแปร
่
์
ุ
ิ
ิ
ั
์
่
ิ
ิ
ั
อายและที่ศน่คต้่ต้อภาษา. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิต ภาควชา
ั
ิ
ั
ิ
์
ั
ุ
ิ
ั
์
ภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ุ
28 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
่
ิ
้
่
ุ
่
ั
่
้
้
่
สจน แกวกลม. (2539). การแปรของการออกเสยงหน่วยเสยงพยญช้น่ะต้น่ระเบ่ดไมกองม ่
ิ
่
์
ุ
่
ั
�
ิ
ุ
ั
ิ
ั
้
่
ิ
ู
่
ลมของผพดภาษาถิ่น่พที่ลงที่มอายต้างกน่. วทยานพนธศลปศาสตรมหาบณฑิต
ู
�
ั
ิ
ิ
สาขาวชาภาษาไทย. จงหวดสงขลา: มหาวทยาลยสงขลานครนทร. ์
ั
ิ
ั
์
่
ำ
์
ู
ั
์
่
�
ุ
สนยพร เลศกลทานนท. (2534). ภมศาสต้รคาศพที่ภาษาไที่ยถิ่น่ใต้จังหวดพงงาและ
ั
ิ
ั
ั
้
ี
์
ุ
์
กระบ่�. วิทยานิพนธอักษรศาสตรมหาบัณฑิิต ภาควิชาภาษาศาสตร บัณฑิต
่
์
ิ
วทยาลย. กรงเทพฯ: จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ิ
์
ุ
ิ
ุ
ั
ั
ุ
�
สวรรณรัตน ราชรักษ. (2556). การแปรของสระสูงยาว () ใน่ภาษาถิ่น่
์
์
่
ิ
ิ
่
่
น่ครศรธิรรมราช้ต้ามต้ัวแปรอายุ เพศ และวัจัน่ลลา. วทยานพนธอกษรศาสตร
ั
์
ิ
ั
์
ิ
ั
ิ
ั
ุ
มหาบณฑิต ภาควชาภาษาศาสตร บณฑิตวทยาลย. กรงเทพฯ:
ิ
ุ
ิ
์
จฬาลงกรณมหาวทยาลย.
ั
อภชญา แกวอทย. (2551). การศกษาการแปรของเส่ยง () และ () ใน่ภาษาไที่ยถิ่่น่
�
ิ
ั
ึ
ุ
้
ั
ิ
ิ
สงขลาต้ามปจัจััยที่างสงคม. วทยานพนธอกษรศาสตรมหาบณฑิิต ภาควชาภาษา
ั
ั
์
ั
ิ
ั
ั
ั
ิ
ุ
ิ
ิ
ไทย บณฑิตวทยาลย. กรงเทพฯ: มหาวทยาลยศลปากร.
ิ
ุ
ี
ิ
อครา บญทพย. (2535). ภาษาไที่ยถิ่่น่ใต้้. กรงเทพมหานคร : มหาวทยาลยศรนครนทรวโรฒ
ั
ิ
ิ
ั
�
ิ
์
ุ
บางเขน.
Brown, J. M. (1965). From Ancient Thai to Modern Dialects. Bangkok : Social
Science Association Press of Thailand.
Diller, A. (1976). Toward a Model of Southern Thai Diglossic Speech Variation.
Ph.D. Dissertation, Cornell University.
ภาคผนวก
ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล
2499 วิจินตน์ ฉันทะวิบูลย์ 2508 James Marvin Brown
(1965)
2499 Roy Andrew Miller 2513 วิไลวรรณ ด�ารักษ์
(1956)
2502 Vichin Chantawibu- 2513 Somchit Piyatham
lya (1959) (1970)
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 29
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล
2516 ซ่อนกลิ่น พิเศษสกลกิจ 2529 อะรุณี รัตนกุล
2519 Anthony Diller 2530 ค�านวณ นวลสนอง
(1976)
2520 ไสว เรืองวิเศษ 2530 เปรมินทร์ คาระวี
2521 ธีระพันธ์ ล. ทองค�า 2530 สุนิกุล เวชสิทธิ �
และคณะ
2523 เปรมจิต ชนะวงศ์ 2530 สุภาพ ขวัญฤทธิ �
2523 วิจิตร ศรีสุวิทธานนท์ 2531 กมลพร พิศภักดิ �
2524 เจริญขวัญ ธรรม 2531 กรรณานุช ณ ถลาง
ประดิษฐ์
2525 จริยา สมนึก 2531 จระพันธ์ แก้วชนะ
2526 เกศมณี เทพวัลย์ 2531 ชัยณรงค์ แดงหวาน
2526 ฉันทัส ทองช่วย 2531 ณรงค์ ทองเพ็งจันทร์
2526 เฉลิม มากนวล 2531 พูนศรี ศรีขวัญ
2526 วรรณพร ทองมาก 2531 อมรรัตน์ ศิรินุพงศ์
2528 ประภาพรรณ เสณีตันติ 2532 สมวงศ์ มะโนมะยา
กุล
2528 ประสาสน์ แก่นกระจ่าง 2533 ชลิดา โรจนวัฒนวุฒิ
2528 วิจิตร ศรีสุวิทธานนท์ 2533 นอง บุญสัก
2528 เอี่ยม ทองดี 2533 ประสิทธิ� สมสู่
2528 Chailert Kitprasert 2534 กุณฑิลีย์ ไวทยะวณิช
2528 Chailert Kitprasert 2534 จุฑิามาศ ชมมาลัย
2529 ดวงใจ เอช 2534 เจริญ สุวรรณรัตน์
2529 สว่างจิต พงศ์ศรีวัฒน์ 2534 นพดล กิตติกุล
30 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล
2534 ประคุณ เทพสกุลรัตน์ 2540 พุทธชาติ โปธิบาล และ
ธนานันท์ ตรงดี
2534 สุนีย์พร เลิศกุลทานนท์ 2540 ศรัณยา รัตนเลขา
2534 สุภา วัชรสุขุม 2540 ศุภฤกษ์ หอมแก้ว
2534 อรนุช สุวรรณรัตน์ 2540 อัญชลิกร การัยภูมิ
2535 พริ้มรส มารีประสิทธิ � 2541 กุณฑิลีย์ ไวทยะวณิช
2535 ระพีพรรณ ใจภักดี 2541 ชลาพันธ์ จันทร์ขุน
2535 วิไลวรรณ์ เชาวลิต 2541 เดือนเพ็ญ รักษ์แพทย์
2535 อุษณีย์ อารยะสุวรรณ 2541ก พุทธชาติ โปธิบาล และ
ธนานันท์ ตรงดี
2536 จิราภรณ์ ธรรมสะโร 2541ข พุทธชาติ โปธิบาล และ
ธนานันท์ ตรงดี
2536 เฉลิมชัย มนูเสวต 2541 รุจิรา สุวรรณน้อย
2537 ฐิติญาณ์ รอดทอง 2541 เรณู ไชยขันธ์
2537 ปาลีรัฐ ทรัพย์ปรุง 2542 คนึงนิจ ปัทมปราณี
2538 ฉันทัส ทองช่วย 2542 พุทธชาติ โปธิบาล และ
ธนานันท์ ตรงดี
2538 ณัฐวุฒิ พงศ์จันทร 2542 เยาวลักษณ์ เฉลิม
เสถียร เกียรติ
2538 ปรัชญา อาภากุล 2542 สมหมาย ปิ่นพุทธศิลป์
2538 สุจิน แก้วกลม 2543 จุฑิาทิพย์ ยอดพิจิตร
2539 ฌััลลิกา มหาพูนทอง 2543 เชิดชัย อุดมพันธ์
2538 สุจิน แก้วกลม 2543 บุปผาชาติ เรืองกูล
2539 ฌััลลิกา มหาพูนทอง 2543 ราตรี รัตนพันธ์
วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 31
ภาพรวมการศึกษาภาษาไทยถิ่นใต้
ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล
2543 สาริกา รัตนประยูร 2549 จเรวัฒน์ เจริญรูป และ
คณะ
2543 จริญญา ธรรมโชโต 2549 เรืองสุข คงทอง
2544 ธนานันท์ ตรงดี และ 2549 ศิริรัตน์ ชูพันธ์ และ
พุทธชาติ โปธิบาล กัลยา ติงศภัทิย์
2544 เปรมินทร์ คาระวี 2550 จารึก จันทร์วงค์
2544 พุทธชาติ โปธิบาล และ 2550 นันทพร ศรจิตติ
ธนานันท์ ตรงดี
2544 รุ่งรัตน์ ทองสกุล 2550 สุภาวดี นานช้า
2544 วรวรรธน์ ศรียาภัย 2551 อภิชญา แก้วอุทัย
2544 สายัณ สวมทอง 2551 อัชนา ปลอดแก้ว
2544 อุไรภรณ์ ตันตินิมิตกุล 2552 จารึก จันทร์วงค์ และ
คณะ
2545 ประไพพรรณ กิ้วเกษม 2552 ศิริวิไล ธีระโรจนารัตน์
2545 ภัทราวรรณ กลับศรี 2552 สุภาวดี นานช้า และ
อ่อน คณะ
2545 อนงค์นาฏ บุญแก้ว 2553 ตามใจ อวิรุทธิโยธิน
วรรณ
2546 ตามใจ อวิรุทธิโยธิน 2553 วันจรัตน์ เดชวิลัย และ
ทวนธง ครุฑิจ้อน
2546 อลิสา คุ่มเคี่ยม 2553 อภิชญา แก้วอุทัย
2547 รังสิตา สุวรรณมุสิก 2554 กรัณศุภมาส เอ่งฉ้วน
2547 ศิริรัตน์ ชูพันธ์ 2554 จริยา หนูตีด
2548 จเรวัฒน์ เจริญรูป 2554 ดวงเทพิน ขันธ์เครือ
2548 มิ่งมิตร ศรีประสิทธิ � 2554 ทวีพร จุลวรรณ
32 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
Journal of Humanities and Social Sciences, Vol. 13 (1)
ปี พ.ศ. ชื่อ - สำกุล
2554 นิชนันท์ ฮ่องซุ่น
2555 จุฑิาฎา เทพวรรณ
2555 ภัทราณี กลับแป้น
2555 วัชรีย์ เพชรรัตน์
2555 อธิษฐาน จิตรหลัง
2556 สุวรรณรัตน์ ราชรักษ์
2558 รัชฎาภรณ์ ผลยะฤทธิ�
และสมทรง บุรุษพัฒน์
2558 Rungarun Wanith-
anachakorn and
Amara Prasithrath-
sint (2015)
Received: April 24, 2020
Revised: June 26, 2020
Accepted: October 6, 2020