อารยธรรมกรีก
สารบัญ หน้า
เรื่อง 1
2
ต้นกำเนิดอารยธรรมกรีก 3
4-5
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
6-12
ชาวกรีก 13
14-17
การเมืองการปกครอง
ความรุ่งเรื่องของอารยธรรมกรีก
สรุปอารยธรรมกรีก
การนับถือเทพเจ้าของกรีก
ต้นกำเนิดอารยธรรมกรีก
อารยธรรมกรีกเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 750 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีศูนย์กลางอยู่
ที่กรุงเอเธนส์ (Athens) เมืองหลวงของประเทศกรีซ
อารยธรรมกรีกที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้ประกอบด้วยอารยธรรมหลัก 2
ส่วน ได้แก่ อารยธรรมของชาวกรีกโบราณหรืออารยธรรมเฮลเลนิกและ อารยธร
รมเฮลเลนิสติกซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กรีกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิมา
ซิโดเนีย และเป็นอารยธรรมที่ผสมผสานกับความเจริญที่รับจากดินแดนรอบๆ ทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน ปัจจัยที่สำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดอารยธรรมกรีกโดยรวม คือ ที่ตั้ง
ทางภูมิศาสตร์ ชาวกรีกโบราณ และระบอบนครรัฐกรีก
ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง อารยธรรมกรีกเกิดขึ้นในบริเวณตอนใต้ของคาบสมุทรบอลข่าน
และชายฝั่ งทะเลอีเจียน ซึ่งกั้นระหว่างคาบสมุทรบอลข่านและเอเชีย
ไมเนอร์ บริเวณเหล่านี้อยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน พื้นที่ใน
คาบสมุทรบอลข่านตอนใต้ยังประกอบด้วยภูเขาและที่ราบสูงซึ่งเป็น
อุปสรรคต่อการรวมศูนย์อำนาจปกรอง ทำให้ชาวกรีกสมัยโบราณมี
การปกครองแบบนครรัฐและมักเกิดสงครามระหว่างนครรัฐ กรีกยังมี
พื้นที่ราบเพาะปลูกไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถพึ่งพาการประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมได้เพียงอย่างเดียวแต่สภาพที่ตั้งซึ่งมีชายฝั่ งทะเลและท่าเรือ
ที่เหมาะสมจำนวนมาก ชาวกรีกจึงสามารถประกอบอาชีพประมงและ
เดินเรือค้าขายกับดินแดนต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งมีโอกาส
ขยายอิทธิพลไปยึดครองดินแดนอื่นๆ ในเขตเอเชียไมเนอร์ด้วย ทำให้เกิด
การแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดอารยธรรมต่อกัน โดยเฉพาะการนำ
อารยธรรมของโลกตะวันออกไปสู่ตะวันตก
ชาวกรีก
ชาวกรีกโบราณ ชาวกรีกโบราณเรียกตัวเองว่า “เฮลลีน” เป็นพวกอินโด-
ยูโรเปียนกลุ่มหนึ่งที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศกรีซปัจจุบัน
เมื่อประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในระยะแรก กระจายอยู่เป็นเผ่า
ต่างๆ ในคาบสมุทรบอลข่านและเขตทะเลอีเจียน ที่สำคัญได้แก่ พวก
ไอโอเนียน และพวกไมซีเนียน โดยทั่วไปชาวกรีกโบราณประกอบอาชีพ
เกษตรกรรมและเดินเรือ ต่อมาเผ่าที่มีความเจริญได้ขยายอำนาจและก่อ
ตั้งเป็นนครรัฐ ที่สำคัญได้แก่นครรัฐของพวกไมซีเนียนซึ่งยึดครองพื้นที่
ส่วนใหญ่ และมีอำนาจสูงสุดประมาณปี 1600-1100 ก่อนคริสต์ศักราช
โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองไมซีเนทางตอนใต้ของประเทศกรีซในปัจจุบัน
การเมืองการปกครอง
ต่อมาประมาณปี 1100 ก่อนคริสต์ศักราช
พวกกรีกอีกกลุ่มหนึ่งเรียกว่า ดอเรียน ซึ่ง
อพยพมาจากทางเหนือและขยายอำนาจ
ครอบครองดินแดนของพวกไมซีเนียน พวก
นี้ได้สร้างนครรัฐสปาร์ตาเป็นศูนย์กลาง
ปกครองของตน พวกดอเรียนมีความเจริญ
น้อยกว่าไมซีเนียนและไม่รู้หนังสือ จึงไม่มี
หลักฐานที่กล่าวถึงดินแดนกรีกภายใต้
อิทธิพลของพวกดอเรียนในช่วงปี 1100-750
ก่อนคริสต์ศักราชมากนัก จนกระทั่ง
ประมาณปี 750 ก่อนคริสต์ศักราช ได้มีการ
ประดิษฐ์อักษรซึ่งรับรูปแบบมาจากอักษร
และพยัญชนะของพวกฟีนิเชียนที่เข้ามา
ติดต่อค้าขายในช่วงนั้น อย่างไรก็ตามแม้
พวกดอเรียนจะมีอำนาจเข้มแข็งแต่ก็ไม่
สามารถรวมอำนาจปกครองนครรัฐกรีกได้
ทั้งหมด
หลังจากนครรัฐสปาร์ตาเสื่อมอำนาจ เมื่อปี 371 ก่อนคริสต์ศักราช นครรัฐกรี
กอื่นๆ ก็พยายามรวมตัวกันโดยมีนาครรัฐทีบีส เป็นผู้นำ แต่ในที่สุดก็ถูกกษัตริย์ฟิ
ลิปแห่งมาซิโดเนียซึ่งอยู่ในเขตเอเชียไมเนอร์รุกรานและครอบครองเมื่อปี 338 ก่อน
คริสต์ศักราช ต่อมาเมื่อพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช โอรสของพระเจ้าฟิลิปได้
ปกครองจักรวรรดิมาซิโดเนีย พระองศ์ได้ขยายอาณาจักรออกไปอย่างกว้างขวาง
จนถึงเขตลุ่มแม่น้ำสินธุและได้ครอบครองแหล่งอารยธรรมต่างๆ ของโลก ได้แก่
อียิปต์ เมโสโปเตเมีย และเปอร์เซีย จึงมีการรับความเจริญจากแหล่งต่างๆ เหล่านั้น
มาผสมผสานกับอารยธรรมกรีก เรียกว่า อารยธรรมเฮลเลนิสติกตามชื่อสมัยเฮล
เลนิสติก ซึ่งเริ่มตั้งแต่สมัยของพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราชจนกระทั่งสิ้นสลาย
เมื่อประมาณปี 146 ก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นดินแดนกรีกได้ตกอยู่ใต้การปกครอง
ของจักรวรรดิโรมัน ความเจริญต่างๆ ที่ชาวกรีกสั่งสมไว้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของ
อารยธรรมโรมัน ระบอบนครรัฐกรีก การปกครองแบบนครรัฐของกรีกที่มีความ
หลากหลาย ส่งเสริมให้นครรัฐแต่ละแห่งมีโอกาสพัฒนารูปแบบและวิธีการปกครอง
ของตนเอง นครรัฐสำคัญที่มีบทบาทพัฒนาอารยธรรมด้านการปกครอง ได้แก่ ส
ปาร์ตาและเอเธนส์
นครรัฐสปาร์ตา มีการปกครองแบบทหารนิยม คณะผู้ปกครองมีอำนาจสูงสุดและ
เด็ดขาด พลเมืองชายทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 20-60 ปี ต้องถูกฝึกฝนให้เป็นทหาร
เรียนรู้วิธีการต่อสู้และเอาตัวรอดในสงคราม แม้แต่พลเมืองหญิงก็ยังต้องฝึกให้มี
สุขภาพแข็งแรงเพื่อเตรียมเป็นมารดาของทหารที่แข็งแกร่งในอนาคต อนึ่ง พวกส
ปาร์ตายังต่อต้านความมั่งคั่งฟุ่มเฟือย เพราะเกรงว่าอำนาจของเงินตราจะทำลาย
ระเบียบวินัยทหาร รวมทั้งยังไม่สนับสนุนการค้าขายและการสร้างสรรค์ศิลปกร
รมใดๆ การปกครองของพวกสปาร์ตานับเป็นการขัดขวางสิทธิของปัจเจกชน และ
เป็นต้นกำเนิดของระบอบการปกครองแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ นครรัฐเอเธนส์
เป็นต้นกำเนิดของรัฐประชาธิปไตย นครรัฐเอเธนส์ปกครองโดยสภาห้าร้อย ซึ่งได้
รับเลือกจากพลเมืองเอเธนส์ที่มีสิทธิออกเสียง สภานี้มีหน้าที่ตรวจสอบร่าง
กฎหมายและบริหารการปกครอง นอกจากนี้ยังมีสภาราษฎร ซึ่งเป็นที่ประชุมของ
พลเมืองที่มีสิทธิออกเสียงทุกคนและทำหน้าที่พิจารณาร่างกฎหมาย การที่เอเธนส์
ให้สิทธิและเสรีภาพแก่ปัจเจกชน ทำให้เกิดนักคิดและนักปราชญ์ที่เรียกว่าพวกโซ
ฟิสต์ สำนักต่างๆ ในสังคมเอเธนส์ แนวคิดและปรัชญาของนักปรัชญาคนสำคัญ
ได้แก่ โซเครติส และเพลโต ยังเป็นหลักปรัชญาของโลกตะวันตกด้วย
ความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีก
ชาวกรีกได้สร้างสรรค์ความเจริญที่สำคัญได้แก่ ความเจริญด้านศิลปกรรม ปรัชญา
การศึกษา วรรณกรรมและวิทยาการต่างๆ
5.1) ความเจริญด้านศิลปกรรม เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของอารยธรรมกรีกซึ่งได้รับ
การยกย่องว่าเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมของโลก ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสรรค์
ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาทางศาสนา โดยสร้างขึ้นเพื่อแสดงความ
เคารพบูชาและบวงสรวงเทพเจ้าของตน ผลงานที่ได้รับการยกย่องมีจำนวนมากที่
สำคัญได้แก่ ด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และศิลปะการแสดง
5.1.1) ด้านสถาปัตยกรรม ชาวเอเธนส์ได้สร้างสรรค์งานด้านสถาปัตยกรรมที่โดด
เด่นให้แก่ชาวโลกจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อกิจกรรม
สาธารณะ เช่น วิหาร สนามกีฬา และโรงละคร ความโดดเด่นของงาน
สถาปัตยกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความใหญ่โตของสิ่งก่อสร้าง แต่เป็นความงดงามของ
สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น วิหารพาร์เทนอน (Parthenon) ที่ตั้งอยู่บนเนิน
เขาอะโครโพลิส (Acropolis) เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสัดส่วนงดงามทั้งความยาว ความ
กว้างและความสูง จัดว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของโลก
ด้านประติมากรรม ผลงานด้านประติมากรรม
จัดว่าเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในงานศิลปกรรม
ของกรีก ชาวกรีกสร้างงานประติมากรรม
จำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นรูปปั้ นเทพเจ้าของ
กรีก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวกรีกยอมรับ
และเชื่อมั่นคุณค่าของมนุษย์ ผลงาน
ประติมากรรมจึงดูเป็นธรรมชาติ ลักษณะของ
สรีระกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคล้ายมนุษย์ที่มี
ชีวิต ได้แก่ รูปปั้ นเทพเจ้าอะทีนา ที่วิหารพาร์
เทนอน และเทพเจ้าซุส ที่วิหารแห่งโอลิมเปีย
ด้านจิตรกรรม ที่ปรากฏอยู่ส่วนใหญ่เป็น
ลวดลายที่เขียนบนเครื่องปั้ นดินเผา เช่น แจกัน
คนโท ฯลฯ และจิตรกรรมฝาผนังที่พบในวิหาร
และกำแพง
ด้านศิลปะการแสดง ชาวกรีกได้คิดค้นศิลปะ
การแสดงประเภทต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการจัด
แสดงเพื่อเฉลิมฉลองพิธีบวงสรวงเทพเจ้าของ
ตน เช่น ละครกลางแจ้งซึ่งเป็นต้นแบบของ
การแสดงละครในปัจจุบัน ดนตรีและการละ
เล่นอื่นๆ
ความเจริญด้านปรัชญา ความเจริญด้าน
ปรัชญาได้รับการยกย่องว่าเป็นความเจริญ
สูงสุดของภูมิปัญญากรีกเช่นเดียวกับความ
เจริญด้านศิลปกรรม นักปรัชญากรีกที่มีชื่อ
เสียงโดดเด่น ได้แก่ โซเครติส เพลโต และ
อริสโตเติล
ความเจริญด้านการศึกษา มีความสำคัญ
ต่อวิถีชีวิตของชาวกรีก เพราะทำให้มี
สถานะที่ดีในสังคม ผู้ที่ได้รับการศึกษาสูง
จะมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครอง
โดยเฉพาะชาวเอเธนส์เชื่อว่าระบอบ
ประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จได้
ถ้าหากผู้นำมีการศึกษา ดังนั้นจึงจัดการ
ศึกษาขั้นประถมให้แก่เด็กชายโดยไม่ต้อง
เสียค่าเล่าเรียน
วิชาที่สอนในระดับประถมศึกษา ได้แก่
ไวยากรณ์กรีก ซึ่งรวมถึงมหากาพย์ อี
เลียด (Iliad) และ โอเดสซี (Odyssey)
ของโฮเมอร์ (Homer) ดนตรี และ
ยิมนาสติก ส่วนเด็กโตจะศึกษาวิชากวี
นิพนธ์ การปกครอง จริยศาสตร์
ตรีโกณมิติ ดาราศาตร์ วาทกรรม เมื่อ
สำเร็จหลักสูตรแล้ว เยาวชนชายเหล่านี้
ก็มีความสมบูรณ์ทั้งสติปัญญาและ
ร่างกายและพร้อมเป็นพลเมืองกรีกเมื่อ
อายุครบ 19 ปี
ความเจริญด้านวรรณกรรม
วรรณกรรมของกรีกได้รับการยกย่องอยู่
ในกลุ่มวรรณกรรมที่ดีที่สุดของโลก
วรรณกรรมที่โดดเด่นได้แก่ มหากาพย์
ของโฮเมอร์เรื่อง อีเลียด และ โอเดสซี ซึ่ง
แต่งขึ้นประมาณช่วงศตวรรษที่ 8 ก่อน
คริสต์ศักราช เพื่อสะท้อนความรู้สึกของ
กวีต่อโศกนาฏกรรมในสงครามกรุงทรอ
ย (Troy) นอกจากความงดงามของภาษา
และการดำเนินเรื่องแล้ว มหากาพย์ทั้ง
สองเรื่องนี้ยังให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์
เกี่ยวกับวิถีชีวิต ประเพณีและความคิด
ของชาวกรีกในช่วง 1000-700 ปีก่อน
คริสต์ศักราช
นอกจากผลงานที่ยิ่งใหญ่นี้แล้ว กรีกยังมี
ผลงานด้านวรรณกรรมอีกจำนวนมาก
เช่น โศลก กวีนิพนธ์ วรรณคดี และบท
ละคร ซึ่งมีทั้งประเภทโศกนาฏกรรมและ
สุขนาฏกรรม จัดเป็นต้นแบบของการ
แสดงละครของชาวตะวันตกที่สืบเนื่อง
มาถึงปัจจุบัน
ความเจริญด้านวิทยาการต่างๆ กรีก
เป็นต้นแบบของโลกตะวันตกในการ
พัฒนาความเจริญด้านวิทยาการต่างๆ
ประวัติศาสตร์ กรีกเป็นชาติแรกในโลก
ตะวันตกที่เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์ตาม
แบบวิธีการทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้แก่
การสืบค้นข้อมูล การตรวจสอบหลักฐาน
และการเลือกใช้ข้อมูล นักประวัติศาสตร์
กรีกคนแรกที่เริ่มเขียนงานประวัติศาตร์
ในลักษณะนี้คือ เฮโรโดตัส (Herodotus)
ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่ง
ประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตก
นอกจากนี้ยังมี ทูซิดิดีส (Thucydides)
นักประวัติศาสตร์ที่ได้รับการยกย่องด้าน
การสร้างผลงานทางประวัติศาสตร์และ
มาตรฐานของวิธีการศึกษาค้นคว้าทาง
ประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ยึดถือ
กันอยู่ในปัจจุบัน
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เจริญ
รุ่งเรืองมากตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสต์
ศักราช นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกค้นพบ
ทฤษฎีทางเรขาคณิตและพีชคณิต ซึ่ง
เป็นพื้นฐานของการคำนวณและ
ประมวลผลขั้นสูง นอกจากนี้กรีกยังมี
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ โดย
มีอริสโตเติลเป็นผู้วางรากฐานการศึกษา
วิชาพฤกษศาสตร์ สัตวแพทย์ และ
กายวิภาค
ด้านการแพทย์ ฮิปโปเครตีส
(Hippocrates) เป็นแพทย์ชาวกรีกที่มีชื่อ
เสียง และค้นพบว่าโรคร้ายต่างๆ ที่เกิด
ขึ้นมีสาเหตุมาจากธรรมชาติไม่ใช่การ
ลงโทษลงพระเจ้า เขาเชื่อว่าวิธีการ
รักษาที่ดีที่สุดคือการควบคุมด้าน
โภชนาการและการพักผ่อน นอกจากนี้
ฮิปโปเครตีสยังเป็นผู้ริเริ่มวิธีการรักษา
โรคด้วยการผ่าตัด และกำหนดหลัก
จรรยาแพทย์ที่ถือปฏิบัติต่อมาจนถึง
ปัจจุบัน
ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ความก้าวหน้า
ด้านคณิตศาสตร์ ช่วยให้นักดาราศาสตร์ชาว
กรีกคำนวณตำแหน่งของดวงดาวและระบบ
สุริยะจักรวาล นักดาราศาสตร์กรีกบางคน
เชื่อว่าโลกและดาวเคราะห์ดวงอื่นหมุนรอบ
ดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่
สามารถโน้มน้าวให้ชาวกรีกยอมรับการค้น
พบนี้ อนึ่ง นักภูมิศาสตร์กรีกยังเชื่อว่าโลก
กลมซึ่งทำให้สามารถเดินเรือจากกรีกไปถึง
อินเดียได้ รวมทั้งยังค้นพบว่าการขึ้นลงของ
กระแสน้ำเกิดจากอิทธิพลของดวงจันทร์
สรุปอารยธรรมกรีก
อารยธรรมมิโนน Minos
เกิดขึ้นที่เกาะครีต มีบทบาทสำคัญใน
การเดินเรือและ ค้าขายกับดินแดนต่างๆ
สินค้าส่งออกได้แก่ น้ำมัน มะกอก เหล้า
องุ่น ใช้อักษร ลีเนียร์ เอ ประกอบด้วย
สัญลักษณ์๘๗ อารยธรรมไมเซเนียน Micaenean
มีความชำนาญด้นการเดินเรือ และ
ชำนาญด้านการรบ สารถเข้ายึดกรุง
ทรอยได้สำเร็จ กษัตริย์ผูกขาดการค้า
ทุกประเภท มีฐานะเป็นกษัตริย์นักค้า
อารยธรรมเฮเลนHellenic ควบคุมขุนนาง มี้วรรณกรรมที่สำคัญคือ
มีศูนย์การปกครอง คือ อะโครโนลิส มหากาพอิเลียดและมหากาพโอดิสซ์ซึ่ง
เป็นผลงานของ มหากวีโฮเมอร์
แห่งเอเธนส์ มี นครรัฐคือ เอเธนส์
คอรินท์ สปาร์ตา ทีนส์ และไมซินี มี
พัฒนาการของระบอบการปกครอง
แบบประชาธิปไตย
ลักษณะสถาปัตถกรรมของกรีก
แบบดอริก : เรียบง่าย
แบบไอโอนิก : หินบนหัวเสามีลักษณะ
ม้วนย้อยลงมาสองข้าง
แบบโครินเทียน : นำความงามของ
ธรรมชาติและ หรูหรามากขึ้น
การนับถือเทพเจ้าของกรีก
เทพเจ้าซุส (Zeus)
เทพผู้เป็นราชาแห่งเทพทั้งมวล สัญลักษณ์ประจำพระองค์
คือสายฟ้า โคเพศผู้ นกอินทรี และต้นโอ๊ก นามของซีอุส
แปลว่า ความสว่างของท้องฟ้า ไม่เว้นแม้แต่เหล่ามนุษย์ ซึ่ง
มี สายฟ้า หรือ อัศนีบาต เป็นอาวุธ และมีพี่น้อง 5 องค์ คือ
โพไซดอน ดีมิเทอร์ เฮร่า ฮาเดส และเฮสเทีย
เทพโพไซดอน (Poseidon)
เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและมหาสมุทร ผู้ปกครองดินแดนแห่ง
ท้องน้ำ ผู้เป็นน้องชายของซุส มีตรีศูล หรือ สามง่าม เป็น
อาวุธ บางตำนานกล่าวว่ามีท่อนล่างเป็นปลา นอกจากนี้
แล้วยังถือว่าเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหวและเป็นเทพแห่งม้า
ด้วย
เทพีดิมิเทอร์ (Demeter)
เทพีแห่งความสมบูรณ์ ผู้ควบคุมด้านเกษตรกรรม เป็นธิดา
องค์ที่2 ของโครนัส และรีอา นางเป็นเทพีแห่งความอุดม
สมบูรณ์ และการเก็บเกี่ยว นางมักจะปรากฏตัวพร้อมกับ
ดอกไม้ ผลไม้ และเมล็ดธัญญาหาร ต่อมาได้เป็นชายาของ
เทพซูส และมีธิดา คือ เพอร์เซโฟเน เทพธิดาแห่งฤดูใบไม้
ผลิ
เทพีเฮรา (Hera)
ราชินีแห่งสวรรค์ฮีรา หรือ เฮรา เป็น
มเหสีและเชษฐภคินี (พี่สาว) ของซูส
พระนางเป็นเทพีแห่งหญิงสาวและ
ชีวิตสมรส เป็นผู้ปกป้องสตรีที่แต่งงาน
แล้ว พระนางทรงประทับบนพระ
บัลลังก์ทองคำเคียงข้างซูสบนภูเขาโอ
ลิมปัส
เทพเจ้าแอรีส (Ares)
บุตรของ ซุส กับ เฮร่า มีสัตว์
ประจำตัวคือ เหยี่ยว และสุนัข
มังกรไฟ มีน้องสาวชื่อ อีริส เทพี
แห่งการวิวาท ซึ่งเป็นภรรยาของ
เขาด้วย แอรีส เป็นเทพแห่งการ
สงครามเช่นเดียวกับ อธีน่า
เทพเจ้าอพอลโล (Apollo)
บุตรของซุส กับ เทพีเลโต และมีน้องสาว
ฝาแฝดคือ อาร์เตมิส (Artemis) เทพเจ้า
แห่งการทำนาย กีฬา และการรักษาโรค
ทั้งยังเป็นเทพแห่งพระอาทิตย์ มี พิณ เป็น
เครื่องดนตรีประจำตัว อพอลโล เทพคู่แฝด
ผู้น้องของเทวีอาร์เตมิส คือเทพครองดวง
อาทิตย์ ซึ่งภายหลังชาวกรีกและโรมัน
ถือว่า เป็นดวงอาทิตย์ทีเดียว
เทพเจ้าอาร์เทมีส (Artemis)
เทพีแห่งดวงจันทร์และการล่าสัตว์ ฝาแฝด
ของ อพอลโล่ และเป็น 1 ใน 3 เทพี
พรหมจรรย์ ที่มีอาวุธเป็นคันธนู โดยมีสุนัข
เป็นผู้ติดตาม อาร์เทอมีส หรือในภาคโรมัน
คือ ไดอานา (Diana) คือเทพเจ้าแห่งการ
ล่าสัตว์ เทพีแห่งดวงจันทร์ และเป็นเทพี
แห่งความรักทางใจ
เทพเจ้าเฮอร์เมส (Hermes)
เฮอร์มีส บุตรของซุส กับ นางไม้มีอา เป็น
ชื่อเทพเจ้าในปกรณัมกรีก เรียกชื่อใน
ตำนานเทพเจ้าโรมัน ว่า เมอร์คิวรี่ เป็นเทพ
ผู้คุ้มครองเหล่านักเดินทาง คนเลี้ยงแกะ
โจรผู้เร่ร่อน กวี นักกีฬา นักประดิษฐ์ และ
พ่อค้า อาจเรียกได้ว่า เฮอร์มีสเป็นเทพแห่ง
การสื่อสาร
เทพีอธีนา (Athena)
เทพีอธีนา หนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส
เป็นเทพีแห่งปัญญาความเฉลียวฉลาด ผู้
ซึ่งเชียวชาญศิลปศาสตร์กรีกทุกแขนง
และเป็นที่มาของชื่อเมืองเอเธนส์ (Athens)
มีสัตว์ประจำตัวเป็น นกฮูก อธีนา เป็นเทพ
ที่ชาวกรีกให้ความนับถือมากที่สุดก็ว่าได้
ในสมัยโบราณมีการสร้างมหาวิหารเพื่อ
ถวายแด่พระนาง
เทพีอะโพร์ไดท์ (Aphrodite)
เทพีแห่งความรักและความงดงาม บุตรีของซุส และเทพี
ไดโอนี่ ซึ่งนางมีสัมพันธ์ชู้สาวกับ แอเรส (Ares) จนเกิด
เป็นทายาทคือ คิวปิด (Cupid) นั่นเอง เทพีอะโพรไดท์
หรือเทพีวีนัส เป็นเทพีแห่งเทพปกรณัมโรมันที่มีความ
เกี่ยวข้องโดยตรงกับความรักและความงาม หรืออีกชื่อ
คือ อโพรไดท์ (Aphrodite) แห่งเทพปกรณัมกรีก
พระนางเป็นชายาของเทพวัลคัน (Vulcan) หรือเฮฟเฟส
ตุสเทพแห่งงานช่าง
เทพเจ้าเฮเฟสตัส (Hephaestus)
ฮีเฟสตัส เทพแห่งไฟ โลหะ และการช่าง เป็นบุตรของซูส กับฮี
รา (บางตำราว่าเป็นบุตรของฮีรา ผู้เดียว) พระองค์เป็นเทพที่
พิการและอัปลักษณ์ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ถูกซูสโยนลงจาก
สวรรค์เมื่อครั้งเข้าไปช่วยฮีรา จากการทะเลาะกับซูส เนื่อง
ด้วยเหตุดังกล่าว พระองค์จึงถูกพระบิดาและมารดาทอดทิ้ง
อีกทั้งพระชายาคือเทพีอโพรไดท์ยังดูแคลนจนกระทั่งไปมีชู้รัก
มากมาย รวมทั้งอนุชาร่วมอุทรของเทพฮีเฟสตัสเอง ฮีเฟสตัส
ใช้เวลาช่วง 10 ปีแรกอยู่ในทะเล และได้สร้างโรงหล่อไว้ใต้
ภูเขาไฟเอตนา มีไซคลอปส์เป็นคนงาน โดยสิ่งที่พระองค์สร้าง
ขึ้น มีดังนี้
อาวุธของ อคิลลีส และ อีเนียส
คทาของ อะกาเมมนอน
สร้อยคอของ Harmonia ซึ่งผู้สวมใส่จะประสบเคราะห์ร้าย
โล่ของ เฮราคลีส
เทพเจ้าไดอะไนเซิล (Di
onysus)
ไดอะไนเซิส ใน ตำนานเทพเจ้ากรีก
“ไดอะไนเซิส” เป็นเทพเจ้าแห่งไวน์ ผู้
เป็นแรงบันดาลใจของความประเพณี
ความคลั่งและความปิติอย่างล้นเหลือ
(ecstasy) และเป็นเทพองค์ล่าสุดในสิบ
สองเทพโอลิมปัส ที่มาของไดอะไนเซิส
ไม่เป็นที่ทราบ แต่ตามตำนานว่าได้รับ
อิทธิพลมาจากต่างประเทศ