The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-01-19 20:43:59

โครงงานไอเอส

โครงงานไอเอส

โครงงาน IS
เร่ือง ศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ื่น

จดั ทาโดย
นางสาวมารีณา บาหะ ม.5/6 เลขท่ี 16
นางสาวซูรายา อเุ ซ็ง ม.5/6 เลขที่ 18
นางสาวนาดียะห์ สุหลง ม.5/6 เลขที่ 20

ครูท่ีปรึกษา
นางสาวซาลีนา กาเซะ
ครูนกั ศึกษาฝึกสอนโรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี
รายงานเรื่องน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า is 30202
โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี
ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6 ปี การศึกษา 2564



โครงงาน IS
เร่ือง ศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ื่น

จดั ทาโดย
นางสาวมารีณา บาหะ ม.5/6 เลขท่ี 16
นางสาวซูรายา อเุ ซ็ง ม.5/6 เลขที่ 18
นางสาวนาดียะห์ สุหลง ม.5/6 เลขที่ 20

ครูท่ีปรึกษา
นางสาวซาลีนา กาเซะ
ครูนกั ศึกษาฝึกสอนโรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี
รายงานเรื่องน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า is 30202
โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี
ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6 ปี การศึกษา 2564



บทคดั ยอ่

โครงงานเร่ืองน้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ่ืนจากแบบสอบถามท่ีใหน้ กั เรียนช้นั
มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี ระยาเวลาในการจดั ทาโครงงานเป็นเวลา 1 เดือน
โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พื่อศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ่ืน

กลุ่มของขา้ พเจา้ หวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ การทาโครงงานสารวจน้ีจะมีประโยชนต์ ่อผทู้ ี่ไดศ้ ึกษาและสนใจ
รวมท้งั นาไปปรับใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและมีสติ

คณะผจู้ ดั ทา



คานา

รายงานโครงงานฉบบั น้ีจดั ทาข้ึนเพอื่ รายงานการทาแบบสอบถามเพ่อื ศึกษาทศั นคติต่อการพูดจาใหเ้ กียรติ
ผอู้ ื่น โดยใชว้ ธิ ีการสารวจทาแบบสอบถามนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั
ปัตตานี
ขา้ พเจา้ หวงั วา่ รายงานโครงงานเลล่มจะเป็นประโยชนก์ บั ผทู้ ี่สนใจทุกทา่ น

นางสาวมารีณา บาหะและคณะผจู้ ดั ทา

ผจู้ ดั ทา



กิตติกรรมประกาศ

โครงงานน้ีสาเร็จลงไดด้ ว้ ยคณะผจู้ ดั ทาและความกรุณาของครูที่ปรึกษาโครงงาน ครูซาลีนา กาเซะ ที่
กรุณาใหค้ าแนะนา ขอ้ เสนอแนะ และแนวคิดในการจดั ทาโครงงานจนการแกไ้ ขขอ้ บกพร่องมาโดยตลอด
จนโครงงานฉบบั น้ีเสร็จสมบรู ณ์

ขอขอบคุณเพ่อื นๆช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี5/6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานีท่ีใหค้ วามร่วมมือในการ
สารวจทาแบบสอบถามในคร้ังน้ี

ขา้ พเจา้ หวงั วา่ รายงานโครงงานเล่มน้ีจะเป็ นประโยชน์กบั ผทู้ ี่สนใจ สาหรัลเป็นแนวทางสาหรับในการ
จดั ทารายงาโครงงานต่อไป

สารบญั หนา้

บทคดั ยอ่ ข
คานา ค
กิตติกรรมประกาศ
บทท่ี 1 ที่มาและความสาคญั 1
1
- ที่มาและความสาคญั 1
- วตั ถุประสงคอ์ งการศึกษา 1
- ขอบเขตการศึกษาคน้ ควา้ 1
- นิยามศพั ท์
- ประโยชน์ท่ีคาดวา่ น่าจะไดร้ ับ 2
บทท่ี 2 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง 3
- ทศั นคติท่ีดีคืออะไร 5
- ทศั นคติ ความพงึ พอใจและความคาดหวงั 5
- ทศั นคติที่ดีกบั เหตุการณ์ต่างๆ 6
- ความคิดเห็นของเดก็ และเยาวชนตอ่ ปัญหาสังคม
- วธิ ีสร้างทศั นคติที่ดี 8
บทท่ี 3 วธิ ีการดาเนินงาน 8
- ระเบียบวธิ ีท่ีใชใ้ นการดาเนินงาน
- ข้นั ตอนการดาเนินงาน

- เครื่องมือท่ีใชใ้ นการศึกษาหรือเก็บขอ้ มลู 8
บทที่ 4 ผลองการศึกษา
9
- ขอ้ มูล 9
- ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 9
- ผลกระทบ
บทที่ 5 สรุป อภิปราย เสนอแนะ 10
- สรุปผลการดาเนินงาน 10
- อภิปราย 10
- ขอ้ เสนอแนะจากการศึกษา
บรรณานุกรรม

1

บทที่ 1

ท่มี าและความสาคญั

ทมี่ าและความสาคญั

ทุกคนลว้ นมีความคิดและทศั นคติที่ตา่ งกนั และยากมากๆที่เราจะเปลี่ยนทศั นคติของคนๆหน่ึงใหค้ ิดตาม
เราและมนั อาจจะเป็ นไปไมไ่ ดเ้ ลยดว้ ยซ้าและแน่นอนวา่ ถา้ เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดและทศั นคติ
ของใครไดเ้ ราจึงเลือกท่ีจะศึกษาทศั นคติของเขาแทน

วตั ถุประสงค์ของการศึกษา

เพอื่ ทาแบบสอบถามเพ่ือใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงความคิดเห็นในหลายมุมมอง

ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า

เป็นการทาแบบทดสอบเพื่อใหน้ กั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6 จานวน 37 คน ไดแ้ ชร์ความคิดองตนเอง
เก่ียวกบั การพดู จาใหเ้ กียรติต่อผอู้ ื่นระยะเวลาในการทาและสรุปแบบสอบถามเป็นระยะเวลา1เดือน

นิยามศัพท์

ทศั นคติ คือ ความรู้สึกนึกคิดภายในจิตใจของแตล่ ะบุคคล ความคดิ คานึงถึงสิ่งน้นั แลว้ จิตใจเตรียม
ความพร้อมในการประเมินตีความหมายแปลเป็นผลสรุป ชี้นาไปปรุงแต่งจิตใหม้ ีความโนม้ เอน
เอียง พจิ ารณาตดั สินเลอื กที่จะตคี วามหมายของความรู้สึก

ประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับ

1.ไดท้ ราบและเขา้ ใจทศั นคติของผอู้ ่ืนในสงั คม
2.ไดท้ ราบถึงวธิ ีการรับมือในสถานการณ์น้นั หากพบเจอ

2

บทที่2

เอกสารทีเ่ กยี่ วข้อง

ในการจดั ทาโครงงานเรื่องการศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ่ืน ผจู้ ดั ทาโครงงานจึงไดท้ า
แบบสอบถามข้ึนเพือ่ ศึกษาทศั นคติองนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6

2.1 ทศั นคติที่ดีคืออะไร

2.2 ทศั นคติ ความพงึ พอใจและความคาดหวงั

2.3 ทศั นคติที่ดีกบั เหตุการณ์ต่างๆ

2.4 ความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนตอ่ ปัญหาสงั คม

2.5 วธิ ีสร้างทศั นคติที่ดี

ทศั นคติทด่ี ีคืออะไร

บอ่ ยคร้ังที่เราไดย้ นิ ผคุ้ นมกั วา่ ทศั นคติท่ีดี หากมีใครกล่าวเช่นน้ีวา่ เรามีทศั นคติท่ีดีประการแรกที่สามารถ
รู้สึกไดค้ ือ เราไดร้ ับคาชมเชยมากกวา่ ที่จะถูกตาหนิ การมีทศั นคติท่ีดี โดยนยั ของมนั เองกค็ งเป็นคนละดา้ น
กบั การมีทศั นคติที่แย่ หรือมีทศั นคติที่ไมด่ ี ในการที่เราจะทาความเขา้ ใจ กบั การมีทศั นคติที่ดีซ่ึงโดยลกั ษณะ
ของตวั มนั เอง เป็นนามธรรมท่ีจบั ตอ้ งไดย้ ากและอาจจะหาคานิยามที่สามารถสรุปความหมายทุกนยั องการมี
ทศั นคติที่ดีได้

ดงั น้นั ในเบ้ืองตน้ เราคงตอ้ งมาพิจารณาถึงนิยามคาวา่ ทศั นคติวา่ คืออะไร ส่วนท่ีวา่ ทศั นคติที่ดีเป็นเช่นใด
น้นั คอ่ ยพจิ ารณาในลาดบั ต่อไป

ในข้นั แรกองการทาความเขา้ ใจถึงทศั นคติที่ดีน้นั เราคงตอ้ งมาทาความเขา้ ใจกนั ก่อนวา่ ทศั นคติคืออะไร
ทศั นคติเป็ นคาสนธิระหวา่ ง ทศั น,ทศั น,์ หรือ ทสั สนะ ซ่ึงหมายความวา่ ความเห็น ความเห็นดว้ ยปัญญา ส่วน
คติ หมายความวา่ แนวทาง

3

ดงั น้นั คาวา่ ทศั นคติจึงน่าจะรวมความไดว้ า่ คือ แนวความคิดเห็นที่ประกอบดว้ ยปัญญาเป็นที่ต้งั เป็ นความ
คิดเห็นซ่ึงมีพ้ืนมาจากปัญญา กล่าวคือ ใชป้ ัญญาในการพจิ ารณาการเห็นน้นั เมื่อเราทราบวา่ ทศั นคติ คือ
แนวความคิดเห็น

หากจะพจิ ารณาดูใหถ้ ี่ถว้ นแลว้ มนุษยท์ ุกคนลว้ นแต่ตอ้ งมีทศั นคติ ตลอดเวลา ก่อนอื่นท่ีตอ้ งทาความเขา้ ใจ
ใหต้ รงกนั ก่อนวา่ ทศั นคติที่เรามีน้นั ในที่น้ี ไม่ไดจ้ ากดั อยเู่ ฉพาะส่ิงที่เราเรียกวา่ ความเห็น หรือความคิดเห็น
เท่าน้นั หากแตค่ วามเห็น หรือความคิดเห็นตามท่ีเขา้ ใจในความหมายทว่ั ไปน้นั เป็ นเพียงส่วนหน่ึงของ
ความเห็นซ่ึงเกิดข้ึนแลว้ ผา่ นกระบวนการแสดงออกมาใหผ้ อู้ ่ืนรับรู้ วา่ เราเห็นอยา่ งไร ไมว่ า่ จะโดยผา่ น
กระบวนการของการพดู (วาจา) เขียน (ลายลกั ษณ์อกั ษร) หรือโดยอากปั กริยาอื่นใดเทา่ น้นั หากแตก่ ารเห็น
ในที่น้ีหมายถึง ไปท้งั กระบวนการคิดโดยไมพ่ จิ ารณาวา่ ส่ิงท่ีคิดน้นั จะไดแ้ สดงออกมาภายนอก และ หรือมี
ผใู้ ดรับรู้ถึงความเห็นดงั กล่าว หรือไม่ ดงั น้นั ความเห็นจึงเป็นเพยี งผลพวงที่ออกมาจากการคิดเทา่ น้นั

ทีน้ีเมื่อเราเขา้ ใจกนั แลว้ วา่ ทศั นคติท่ีดี คือ แนวความคิดเห็นท่ีดี คือ แนวความคิดเห็นที่ดี ต่อมาจึงพจิ ารณา
กนั ต่อไปวา่ แลว้ ทศั นคติของมนุษยท์ ่ีวา่ ทุกคนมีอยตู่ ลอดเวลา โดยอาจแยกส่ิงที่มนุษยม์ ีทศั นคติออกได้ 3
ดา้ นดงั น้ี

ทศั นคติ ความพงึ พอใจและความคาดหวงั

เน่ืองจากในยคุ ปัจจุบนั เทคโนโลยที างการสื่อสารไดพ้ ฒั นาเขา้ สู่ระบบดิจิทลั ทนั สมยั รวดเร็ว ทนั ต่อ
เหตุการณ์สามารถเขา้ ถึงกลุ่มผเู้ ขา้ ชมเป็นจานวนมากและหลากหลายไดท้ ว่ั โลก เป็นยคุ แห่งการ พฒั นา
ทางดา้ นเทคโนโลยกี ารส่ือสารอยา่ งต่อเน่ือง ส่งผลต่อคนในยคุ น้ีที่ตอ้ งพฒั นาตนใหท้ นั กบั ความ ทนั สมยั
ทางการพฒั นาเทคโนโลยี ซ่ึงในสังคมยคุ ส่ือดิจิทลั พบวา่ เจเนอเรชนั่ กลุ่มวยั Gen Z (คนท่ีเกิด พ.ศ. ๒๕๔๐
ข้ึนไป Generation Z)

เหตุการณ์เทคโนโลยที างการสื่อสารไดพ้ ฒั นาเขา้ สู่ระบบดิจิทลั ทาใหส้ ื่อมวลชนไดม้ ีการ ปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั
เทคโนโลยที ี่ทนั สมยั ในการนาเสนอขา่ วสารขอ้ มลู ในยคุ ดิจิทลั เพอ่ื ความรวดเร็ว ข่าว สด ทนั ต่อสถานการณ์
จนบางคร้ังละเลยบทบาทหนา้ ท่ีความรับผดิ ชอบต่อสงั คม สะทอ้ นใหเ้ ห็นถึง ปัญหากระทบต่อจริยธรรม
จรรยาบรรณในการน าเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทยซ่ึงทาใหส้ ่ือมวลชนไดร้ ับ การวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ งมาก
เพราะวา่ สื่อมีอิทธิพลตอ่ การเปล่ียนแปลงทศั นคติของประชาชน ท้งั น้ี ส่ือมกั จะนาเสนอข่าวโดยไม่คานึงถึง
“ขอ้ เทจ็ จริง” ส่ือมกั ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไปในขา่ ว จุดน้ี น้นั เป็ นจุดสาคญั อยา่ งมากที่ทาใหส้ ่ือ

4

กลายเป็นเคร่ืองมือช้ีทศั นคติของผรู้ ับสารไปดว้ ย มกั จะ นาเสนอข่าวโดยแทรกแซงความคิดเห็นเชิงช้ีนาไป
ยงั ผรู้ ับสาร ทาใหเ้ กิดการคลอ้ ยตามท่ีส่งผลใหเ้ กิด ความขดั แยง้ ทางสงั คม ท้งั การใชภ้ าษาและคาพดู เพ่ือสร้าง
กระแสใหส้ านกั งานของสื่อน้นั ๆโดยไม่ คานึงถึงผลกระทบตอ่ บุคคลท่ีเขียนถึง

ชาวไทยเช้ือสายจีน คือ ชาวจีนที่เกิดในประเทศไทยและเป็นเช้ือสายของผอู้ พยพชาวจีนหรือ ชาวจีนโพน้
ทะเล คนไทยเช้ือสายจีนมีประมาณ 9.4 ลา้ นคนในประเทศไทยหรือร้อยละ 14ของ ประชากรท้งั ประเทศและ
ยงั มีอีกจานวนมากไมส่ ามารถนบั ได้ เพราะทาใหก้ ลมกลืนกบั คนไทยไปแลว้ โดย การแตง่ งานขา้ มเช้ืออชาติ
ชาวไทยเช้ือสายจีน ส่วนมากบรรพบุรุษจะมาจากจงั หวดั แตจ้ ิ๋วในมณฑล กวางตุง้ ทางตอนใตข้ องจีนพดู
ภาษาแตจ้ ๋ิวซ่ึงเป็ นภาษากลุ่มหมินหนาน รองลงมาคือมาจาก แคะ ฮกเก้ียน และไหหหลาจากน้ีจะเห็นไดว้ า่
ชาวไทยเช้ือสายจีนเป็ นอีกกลุ่มใหญ่หน่ึงที่อยใู่ นไทย และไดเ้ สพข่าวของไทย ฉะน้นั จรรยาบรรณในการน า
เสนอขา่ วของสื่อมวลชนไทยจะมีอิทธิพลตอ่ การ เปล่ียนแปลงทศั นคติของชาวไทยเช้ือสายจีนเหมือนกนั
สรุปแลว้ ดว้ ยเหตุดงั ท่ีไดก้ ล่าวประชนชนไทยไมเ่ วน้ แมแ้ ตช่ าวไทยเช้ือสายจีนจึงมีทศั นคติ ความพงึ พอใจ
และความคาดหวงั ต่อจรรยาบรรณในการนาเสนอของสื่อมวลชนไทยและเทา่ ท่ีผวู้ จิ ยั คน้ หาการวจิ ยั ที่
เก่ียวขอ้ งพบวา่ ยงั ไมม่ ีกาวจิ ยั ที่ศึกษาเก่ียวกบั ดา้ นทศั นคติ ความพงึ พอใจและความ คาดหวงั ของชาวไทยเช้ือ
สายจีนที่มีตอ่ จรรยาบรรณในการนาเสนอขา่ วของส่ือมวลชนไทย ฉะน้นั ผวู้ จิ ยั จึงสนใจศึกษาประเด็นปัญหา
ดงั กล่าวขา้ งตน้ น้ี ทาการศึกษาวจิ ยั เรื่อง“ทศั นคติ ความพึงพอใจและ ความคาดหวงั ของชาวไทยเช้ือสายจีน
ในกรุงเทพมหานครที่มีต่อจรรยาบรรณในการนาเสนอข่าวของ สื่อมวลชนไทย”ซ่ึงเป็นวจิ ยั เชิงปริมาณ โดย
มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อมุง่ ศึกษาทศั นคติของชาวไทยเช้ือสายจีน ในกรุงเทพมหานครท่ีมีต่อจรรยาบรรณในการ
นาเสนอขา่ วของสื่อมวลชนไทย เพ่อื ศึกษาความพึง พอใจของชาวไทยเช้ือสายจีนในกรุงเทพมหานครที่มีต่อ
จรรยาบรรณในการนาเสนอขา่ วของส่ือมวลชน ไทย เพ่ือศึกษาความคาดหวงั ของชาวไทยช้ือสายจีนใน
กรุงเทพมหานครท่ีมีต่อจรรยาบรรณในการ น าเสนอขา่ วของส่ือมวลชนไทย ผวู้ จิ ยั จึงคาดหวงั วา่ ประเด็นท่ี
คน้ พบใหม่จากงานวจิ ยั น้ีจะทาให้ ผอู้ า่ นทราบถึงทศั นคติชองชาวไทยเช้ือสายจีนในกรุงเทพมหานครที่มีต่อ
จรรยาบรรณในการนาเสนอ ข่าวของสื่อมวลชนไทย ทาใหท้ ราบถึงความพงึ พอใจของชาวไทยเช้ือสายจีน
ในกรุงเทพมหานครที่มี ต่อจรรยาบรรณในการนาเสนอขาวของสื่อมวลชนไทย ทาใหท้ ราบถึงความคาดหวงั
ของชาวไทยเช้ือ สายจีนในกรุงเทพมหานครท่ีมีตอ่ จรรยาบรรณในการนาเสนอข่าวของสื่อมวลชนไทย และ
แนวคิดหรือ ทฤษฏีเกี่ยวกบั จรรยาบรรณของส่ือมวลชนและบทบาทหนา้ ที่ของสื่อสารมวลชน

5

ทศั นคตทิ ด่ี กี บั เหตุการณ์ต่างๆ

การเดินทางสู่เป้ าหมาย มกั จะเจอเหตุการณ์ที่ไมค่ าดคิดอยตู่ ลอดเวลา เพราะอนาคตเป็นสิ่งท่ีเรากาหนด
ไมไ่ ด้ และการเปล่ียนแปลงกเ็ กิดข้ึนตลอดเวลา ยง่ิ เป้ าหมายใหญ่ หรือเก่ียวขอ้ งกบั ปัจจยั ต่างๆ มากแค่ไหน
เราก็จะตอ้ งเผชิญกบั เหตุการณ์ที่ไมใ่ ช่ส่ิงท่ีวางแผนไวม้ ากเทา่ น้นั ดงั น้นั ทศั นคติที่ดีกบั เหตุการณ์ตา่ งๆ ที่
เกิดข้ึน จึงเป็นคุณสมบตั ิหน่ึงของบุคคลท่ีประสบความสาเร็จ เพราะเขาจะมองเหตุการณ์ตามความเป็ นจริง
และสร้างทศั นคติที่เหมาะสมกบั สถานการณ์น้นั ๆ เพอื่ ให้สามารถป้ องกนั ปัญหาและจงู ใจใหล้ งมือทาต่อไป
การสร้างทศั นคติท่ีดีกบั เหตุการณ์ต่างๆ อยเู่ รื่อยๆ กจ็ ะทาใหเ้ รายอมรับกบั ผลลพั ธ์ที่เกิดข้ึนไดม้ ากข้ึน
อารมณ์หรือความรู้สึกท่ีไมด่ ีกจ็ ะอยกู่ บั เราเพยี งช่วงเวลาส้นั ๆ ทศั นคติท่ีดีของเราก็จะนาเรากลบั เขา้ มาอยกู่ บั
เหตุการณ์ปัจจุบนั อยา่ งมีเหตุผล ไม่วา่ เรื่องน้นั จะดีหรือไม่กต็ าม เม่ือเรายอมรับผลลพั ธ์ดว้ ยทศั นคติท่ีดีได้
แลว้ เราก็จะมีวธิ ีการจดั การกบั เหตุการณ์น้นั เพ่ือเดินทางสู่เป้ าหมายต่อไปได้ ความสาเร็จกร็ อเราอยขู่ า้ งหนา้
อยา่ งแน่นอน
การประยกุ ต์เพอื่ พฒั นาคุณสมบตั ินี้

การฝึกเปล่ียนความคิดกบั เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนบ่อยๆ ใหเ้ ป็นเชิงบวกมากข้ึนวา่ เราสามารถเปล่ียนไดเ้ ร็วแค่
ไหน

สร้างทศั นคติที่ดีไวเ้ สมอ เวลาเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี (อารมณ์เชิงลบ)
การใหค้ วามสาคญั กบั ปัจจุบนั (เหตุการณ์ท่ีเกิดขึน้ ) ดว้ ยทศั นคติท่ีเป็ นกลาง (มีเหตุและผล) พร้อม
เดินทางต่อไปสู่เป้ าหมายที่ต้งั ใจไว้
สร้างความเช่ือในเร่ืองทศั นคติวา่ “เราสามารถเลอื กได้”
สร้างคาพดู เชิงบวก “เราทาได้!” , “เรามีความสามารถ” , “ทกุ อย่างเป็ นไปได้”

ความคดิ เห็นของเดก็ และเยาวชนต่อปัญหาสังคม

เด็กและเยาวชนถือวา่ เป็นทรัพยากรท่ีสาคญั ของประเทศ เพราะเดก็ และเยาวชนในวนั น้ีก็ คือผใู้ หญท่ ี่จะเขา้
มาเป็นส่วนหน่ึงในการพฒั นาประเทศในอนาคต นอกจากน้ียงั ตอ้ งเป็ นผสู้ ืบทอด มรดก วฒั นธรรม และภมู ิ
ปัญญาจากคนรุ่นก่อน เป็นผทู้ ี่กาลงั จะกา้ วข้ึนมามีบทบาททางเศรษฐกิจ สงั คม และการเมืองอยา่ งมากใน
ระยะเวลาอนั ใกล้ ดงั น้นั การส่งเสริมและพฒั นาเดก็ และเยาวชน อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมจึงเป็นเรื่องท่ีสาคญั
และจาเป็นอยา่ งยงิ่ จากการพยายามแกไ้ ขปัญหาตา่ งๆท่ีผา่ นมาของรัฐบาลและผปู้ ฏิบตั ิงานดา้ นเดก็ และ
เยาวชน เช่น ปัญหาเด็กและเยาวชนต้งั ครรภไ์ มพ่ ร้อมก็เป็ นอีกปัญหาหน่ึงท่ีบ่งบอกถึงความออ่ นแอ ของ

6

สถาบนั ครอบครัว สถาบนั การศึกษา และกลไกการควบคุมจากสังคม ซ่ึงเป็ นผลใหเ้ ดก็ และ เยาวชนมี
เพศสมั พนั ธ์ก่อนวยั อนั ควรจนนาไปสู่การต้งั ครรภไ์ มพ่ ร้อม และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ไดม้ ีกรณี
สะเทือนขวญั มีการพบซากศพเด็กทารกจานวน 2002 ศพ ที่ถูกคลินิกเถื่อนทาแทง้ และนาร่างเด็กทารกมาซุก
ทิ้งไวใ้ นช่องเกบ็ ศพภายในวดั ไผเงิน ่่ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลจึงไดม้ อบ นโยบายใหท้ ุกหน่วยงานที่
เกี่ยวขอ้ งดาเนินงานตามยทุ ธศาสตร์ป้ องกนและแกไ้ ขปัญหาเดก็ และ เยาวชนต้งั ครรภไ์ มพ่ ร้อม เพื่อให้
ปัญหาดงั กล่าวลดลง แตป่ ัญหาสงั คมตา่ ง ๆ กย็ งั เกิดข้ึนอยา่ ง ตอ่ เนื่องทวคี วามรุนแรงข้ึนเร่ือย ๆ จึงมีความ
น่าสนใจเป็นอยา่ งยงิ่ วา่ ในขณะท่ีรัฐบาลพยายาม กาหนดนโยบายต่าง ๆ ข้ึนมาเพ่ือแกไขปัญหาสังคมน้นั แท้
ที่จริงแลว้ เดก็ และเยาวชนมีความคิดเห็น หรือใหค้ วามสาคญั ต่อปัญหาสงั คมในระดบั ใด เด็กและเยาวชนมี
ความคิดเห็นวา่ สถานการณ์ของปัญหาสังคมท่ีเกิดข้ึนน้นั มีความรุนแรงหรือไม่ และควรมีการแกไ้ ขปัญหา
ตา่ ง ๆ อยา่ งไรบา้ ง

วธิ ีสร้างทศั นคตทิ ดี่ ี

รู้ว่าทัศนคตมิ ผี ลต่อชีวติ . ทศั นคติต่อชีวติ จะเป็นตวั กาหนดความสุขหรือความทุกขข์ องเรา เราไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกบั ตนเองไดเ้ สมอไป แต่เราสามารถเปลี่ยนปฏิกิริยาท่ีมีตอ่ เหตุการณ์ที่
เกิดข้ึนน้นั ได้ ฉะน้นั เมื่อเผชิญกบั สถานการณ์อะไรตาม จะแสดงปฏิกิริยาออกไปอยา่ งไรน้นั ข้ึนอยกู่ บั เรา

มองเหตุการณ์ต่างๆ ในแง่ดี. การคิดและพดู ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ไม่วา่ ในแง่ดีหรือแง่ร้ายมีผลต่อทศั นคติของ
เราไดท้ ้งั น้นั ตวั อยา่ งเช่น ถา้ เราพดู หรือคิดถึงเหตุการณ์หน่ึงในแง่ร้าย เราก็จะคิดถึงเหตุการณ์น้นั ในแง่ร้าย
ตอ่ ไป แต่ถา้ เราพดู ถึงเหตุการณ์น้นั ในแง่ดี เราก็จะเร่ิมเปล่ียนแปลงทศั นคติที่มีต่อเหตุการณ์น้นั ไปดว้ ย
เช่นกนั

ปรับเปล่ยี นถ้อยคา. คาพดู เช่นวา่ “ฉนั ทาไมไ่ ดห้ รอก” จะทาใหเ้ ราคิดแบบน้นั ไปดว้ ย ฉะน้นั ลองพดู อะไรท่ี
เป็นไปไม่ไดด้ ูสิ แลว้ เราจะเช่ือคาพดู น้นั แต่ใหป้ รับถอ้ ยคาใหเ้ ป็นไปในทางบวก เช่น “ถา้ ฉนั เร่ิมลงมือทาไป
ทีละนิด ฉนั ทาสาเร็จแน่

มีความสุขกบั ส่ิงเลก็ ๆ. เราอาจชอบมองแต่เป้ าหมายใหญๆ่ เหมือนคนส่วนมาก เอาแต่เฝ้ ารอเวลาที่จะไดพ้ กั
ร้อนหรือเที่ยวในวนั หยดุ คร้ังต่อไป ถึงแมก้ ารมองไปขา้ งหนา้ ไมใ่ ช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่บางคร้ังการเอาแต่
มองไปขา้ งหนา้ ก็อาจทาใหเ้ รามองขา้ มความความสุขในชีวติ ประจาวนั ได้ แค่ไดก้ ินเคก้ ชิ้นเล็กๆ ไปเดินเล่น

7

กบั เพ่ือน หรือไดท้ ากิจกรรมที่เราชอบในแตล่ ะวนั ก็มีความสุขแลว้ แตถ่ า้ เราเอาแต่คิดถึงสิ่งท่ียงั มาไม่ถึง เรา
ก็จะมองไมเ่ ห็นความสุขท่ีอยตู่ รงหนา้ เพราะฉะน้นั จงอยกู่ บั ปัจจุบนั และสนุกกบั ส่ิงที่เรากาลงั ทาอยตู่ อนน้ี

ฝึ กขอบคุณส่ิงดๆี ทเ่ี รามี. การขอบคุณสิ่งดีๆ น้นั สาคญั ต่อการสร้างทศั นคติที่ดีเพราะวธิ ีน้ีช่วยใหเ้ ราเห็นถึง
คุณคา่ ของส่ิงดีๆ ที่เรามีในชีวิต การฝึกขอบคุณจะสอนให้เรามองเห็นแตส่ ่ิงดีๆ แทนท่ีจะมองเห็นแต่สิ่งแยๆ่

จินตนาการถึงความสาเร็จตามความเป็ นจริง. คนส่วนมากเช่ือวา่ ถา้ เราจินตนาการวา่ ตนเองทาตามเป้ าหมาย
ไดส้ าเร็จ ภาพน้นั จะช่วยใหเ้ ราไปถึงเป้ าหมายท่ีต้งั ไวไ้ ด้ แต่ผลการศึกษาแสดงใหเ้ ห็นวา่ ถา้ เราเอาแต่
จินตนาการถึงภาพความสาเร็จและความสุข เรากอ็ าจไปถึงเป้ าหมายชา้ ลง

พดู คุยกบั ตนเองดๆี . ทุกคนต่างกม็ ีเสียงภายในตวั ตนท่ีคอยต่อวา่ เม่ือเราทาอะไรผดิ ไป ถึงจะเป็นเร่ืองดี แต่
เสียงภายในตวั ตนน้ีก็อาจทาใหเ้ ราเห็นคุณคา่ ของตนเองนอ้ ยลง ถา้ สามารถเปล่ียนเสียงภายในตวั ตนใหพ้ ดู
กบั เราดีๆ ได้ เรากจ็ ะเร่ิมเห็นคุณคา่ ของตนเองอีกคร้ัง

พบปะและพดู คุยกบั คนทค่ี ิดบวก. คนท่ีเราพบปะพดู คุยมีผลต่อทศั นคติทางความคิด เราควรท่ีจะไดอ้ ยกู่ บั
ผคู้ นที่พยายามมีความสุขกบั ชีวติ ที่เป็นอยู่ เพราะเราเองกจ็ ะมีความสุขไปดว้ ย เลือกคนหาผคู้ นที่คิดบวก และ
พยายามตดั คนที่คิดลบออกไปจากชีวิต

ค้นหาแรงบันดาลใจ.ลองหาหนงั สือ พอดแคสต์ หรือรายการวทิ ยทุ ี่สร้างแรงบนั ดาลใจใหเ้ ราเป็นตวั ของ
ตวั เอง หาเวลาฟังหรืออ่านอะไรที่สร้างแรงบนั ดาลใจใหแ้ ก่เราทุกวนั เราจะเร่ิมคิดบวกไดม้ ากข้ึนและมีแรง
บนั ดาลใจผลกั ดนั ตนเองใหม้ ีทศั นคติท่ีดี

ลองกอดกนั . การกอดจะส่งสญั ญาณใหร้ ่างกายหลง่ั ออกซิโทซิน ฮอร์โมนน้ีสามารถช่วยใหเ้ ราผอ่ นคลาย อีก
ท้งั ยงั ผลกั ดนั ใหเ้ ราอยากพบปะผอู้ ื่นมากข้ึน จึงสามารถลดความเครียดของเราลงได้

8

บทที่ 3

วธิ ีการดาเนินงาน

ในการศึกษาโครงงานเรื่องศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ื่นมีท่ีมาและวธิ ีการดาเนินการดงั น้ี

ระเบียบวธิ ที ใ่ี ช้ในการศึกษาโครงงาน

ในการศึกษาโครงงานใชร้ ูปแบบการสารวจการศึกษาทศั นคติต่อการพดู จาใหเ้ กียรติผอู้ ่ืนโดยการทา
แบบสอบถามและสร้างเหตุการณ์สมมติและกระจายแบบสอบถามใหน้ กั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี5/6

ข้นั ตอนการดาเนินงาน

1.ศึกษาหารายละเอียดเกี่ยวกบั หวั ขอ้ โครงงาน
2.จดั ทาแบบสอบถามเก่ียวกบั สถานการณ์สมมติ
3.และส่งแบบสอบถามใหก้ บั นกั เรียนช้นั ม.5/6 จานวน 37 คน
4.รวบรวมแบบสอบถามท้งั หมดและประเมิน

เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการศึกษาหรือเกบ็ ข้อมูล

เครื่องมือที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังน้ี ผจู้ ดั ทาไดใ้ ชแ้ บบสอบถามที่สร้างข้ึนเพ่อื ใหน้ กั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี
5/6 ไดแ้ สดงความคิดเห็น
1. กาหนดรูปแบบสาหรับใชใ้ นการจดั ทาโครงงาน
2.ศึกษารายละเอียด
3.จดั ทาแบบสอบถาม

4.จดั ทาแบบสอบถามความคิดเห็น

9

บทท่ี 4

ผลการศึกษาคน้ ควา้

จากการสงั เกตการทาแบบสอบถามท่ีใหน้ กั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั
ปัตตานี
1.การตอบสนององแบบทดสอบที่ส่งไปใหน้ กั เรียนช้นั ม.5/6 จานวน 37 คน
- ตอบ 32 คน
- ไมต่ อบ 5 คน
2.มุมมองโดยรวมนบั เป็นอตั ราส่วนร้อยละ
มุมมองในแง่ใหค้ าแนะนา 86.49 %
มุมมองในแง่เห็นอกเห็นใจ 8.11 %
มุมมองในแง่ลบไมส่ นใจบทความ 5.41 %
3.ผลกระทบ
จากที่ทางเราไดท้ าแบบทดสอบทศั นคติองแตล่ ะคนในรูปแบบแบบฟอร์ม ผลจากการทดสอบ
ทางเราไดเ้ ห็นวา่ จะเป็นคนในยคุ ไหนๆก็ควรท่ีจะใหเ้ กียรติซ่ึงกนั และกนั ก็จะมีคนที่ทาใหค้ าแนะนา
ความเห็นอกเห็นใจและก็มีบางคนท่ีมาสนใจในส่ิงท่ีเรากาลงั จะส่ือ

10

บทท่ี 5

สรุปผลการดาเนินงานและขอ้ เสนอแนะ

สรุปผลการดาเนินงาน
นกั เรียนที่ตอบในแง่บวก ร้อยละ 86.49
นกั เรียนท่ีตอบในแง่ลบ ร้อยละ 8.11
นกั เรียนท่ีไมส่ นใจบทความ ร้อยละ 5.41
อภิปรายผล
ทศั นคติของนกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี5/6 ส่วนใหญม่ ีทศั นคติเป็ นบวกมากกวา่ เป็นลบ
ข้อเสนอแนะจากการศึกษา
จากการศึกษาพบวา่ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5/6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศจงั หวดั ปัตตานี มีความคิด
ทศั นคติในแง่บวกกบั เหตุการณ์ตา่ งๆมากกวา่ แง่ลบ

บรรณานุกรม

กิตติ ชยางคกลุ . (2010). ทศั นคติท่ีดี. สืบคน้ 1 มกราคม 2565, จาก https://www.gotoknow.org/posts/

วรัทยา พรหมสุนทร. (2555). ความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนตอ่ สังคม. สืบคน้ 23 ธนั วาคม 2564, จาก
http://library1.nida.ac.th/termpaper6/

Chokdeemeechai. (2019). ทศั นคติ. สืบคน้ 23 ธนั วาคม 2565, จาก
https://www.gotoknow.org/posts/661346

Jennyfer clark. (1992). สร้างทศั นคติที่ดีต่อชีวติ . สืบคน้ 3 มกราคม 2565, จาก https://th.wikihow.com/


Click to View FlipBook Version