English Structure

46

แผนบริหารการสอนประจาบทที่ 4

1. บทท่ี 4 กฎของโครงสร้างวลเี บือ้ งต้น (Introduction to Phrase Structure Rules)
2. หวั ข้อเนอื้ หาประจาบท

1. บทนำ (Introduction)
2. กฎของโครงสร้ำงวลี Phrase Structure Rules (PSR)
3. กฎของโครงสรำ้ งภำยในนำมวลี (The Internal Structure of Noun Phrases)
4. กฎของโครงสร้ำงภำยในคุณศพั ท์วลี (The Internal Structure of Adjective Phrases)
4. กฎของโครงสรำ้ งภำยในวเิ ศษณ์วลี (The Internal Structure of Adverbials)
5. กฎของโครงสรำ้ งในบรุ พบทวลี (Structural Variation in Prepositional Phrases)
6. กฎของโครงสร้ำงภำยในกริยำวลี (The Internal Structure of Verb Phrases)
7. สรุปกฎของโครงสร้ำงวลี Phrase Structure Rules (PSR)
8. แบบฝกึ หดั ท้ำยบทท่ี 4
9. บรรณำนุกรม
3. วัตถปุ ระสงค์เชิงพฤติกรรม
1. เพือ่ ใหน้ ักศึกษำสำมำรถระบอุ งคป์ ระกอบของวลี (Phrases) ตำ่ ง ๆ ได้
2. เพ่อื ให้นักศึกษำสำมำรถวเิ ครำะห์โครงสรำ้ งของวลี (Phrase Structure Rules) ได้
4. เวลาเรยี น
สัปดำห์ท่ี 9-12
5. กิจกรรมการเรยี นการสอน
1. อ่ำนแผนบริหำรกำรสอนประจำบท
2. บรรยำย
3. แบง่ กลุ่มย่อยรว่ มกนั ศึกษำในประเดน็ ที่มอบหมำย
4. ทำแบบฝึกหัดทำ้ ยบท
6. สือ่ การเรียนการสอน
1. พำวเวอรพ์ อยท์ (PowerPoint)
2. แล็ปทอ็ ปคอมพิวเตอรแ์ ละโปรเจกเตอร์ (Laptop computer and Projector)
3. แบบฝกึ หดั ทำ้ ยบท
7. การวัดและประเมนิ ผล
สงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่
ตรวจแบบฝึกหัดทำ้ ยบท

47

บทท่ี 4
กฎของโครงสรา้ งวลเี บอ้ื งต้น
(Introduction to Phrase Structure Rules)

1. บทนา
กฎของโครสร้ำงวลี (phrase structure rules) ใช้อธบิ ำยโครงสรำ้ งภำษำองั กฤษระดบั ประโยค

และระดับวลี โดยจะแสดงคณุ สมบัตพิ ้นื ฐำนที่สำคัญ 3 ประกำร คอื
Linearity (ภำษำอังกฤษมลี ำดับของคำ ได้แก่ S-V-O)
Hierarchy (ลำดบั ชั้นของคำ)
Categoriality (หมวดหมทู่ ำงไวยำกรณ์)

2. กฎของโครงสรา้ งวลี Phrase Structure Rules (PSR)

กำรที่จะวเิ ครำะห์ประโยคหรือวลีในภำษำองั กฤษได้ต้องรูจ้ ักว่ำประโยคหรือวลีมีองค์ประกอบท่ี
สำคัญอะไรบ้ำง องค์ประกอบอะไรสำมำรถลบออกได้ องค์ประกอบอะไรต้องมีในประโยคไม่สำมำรถ
ลบได้ ซงึ่ ประโยคในภำษำองั กฤษมอี งค์ประกอบหลกั ดงั ตัวอย่ำงขำ้ งลำ่ งนี้

48

49

2. กฎของโครงสรา้ งภายในนามวลี (The Internal Structure of Noun Phrases)

50

3. กฎของโครงสรา้ งภายในคุณศัพท์วลี (The Internal Structure of Adjective
Phrases)

51

4. กฎของโครงสรา้ งภายในบุพบทวลี (The Internal Structure of Preposition
Phrases)

52

5. กฎของโครงสรา้ งภายในกริยาวเิ ศษณว์ ลี (The Internal Structure of
Adverbials Phrases)

53

54

55

56

57

58

59

60

6. กฎของโครงสรา้ งภายในกริยาวลี (The Internal Structure of Verb Phrases)

61

62

63

64

7. สรุปกฎของโครงสร้างวลี Phrase Structure Rules (PSR)

65

แบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี 4

แบบฝกึ หัดท่ี 1

คาชแ้ี จง: จงแต่งประโยคตำมหัวขอ้ ท่ีกำหนดใหแ้ ละขีดเสน้ ใต้คำท่เี ก่ยี วข้องกบั หัวข้อนนั้ (Provide
an original example sentence illustrating each of the following concepts. Underline
the pertinent word (s) in your example.)
Example: noun phrase: A little boy is sleeping.

1. noun phrase: _________________________________________________________

2. adverbial of reason: _____________________________________________________

3. adverbial of frequency: ___________________________________________________

4. adverbial of manner: _____________________________________________________

5. adverbial of direction: ____________________________________________________

6. subject: ________________________________________________________________

7. predicate: ______________________________________________________________

8. sentence modifier: ______________________________________________________

9. adverbial clause of time: _________________________________________________

10. intensifier: _____________________________________________________________

11. prepositional phrase: ____________________________________________________

12. adjective phrase: _______________________________________________________

66

แบบฝึกหดั ที่ 2

คาช้แี จง: วำดแผนผงั ต้นไม้ระบสุ ว่ นตำ่ ง ๆ ของประโยคตอ่ ไปนี้โดยใช้กฎของโครงสรำ้ งวลีที่ได้ศึกษำ
มำแลว้ (Draw partially specified tree diagrams for the following sentences using the
rules given in this lesson)
Example:

1. The girls talked after the teachers left.
2. Surely John exercises on Sunday.
3. The little bay cried because she was very hungry.
4. Fortunately his two brothers work very quietly.
5. Perhaps Mary studies Latin in the library.
6. Vivien is going to take that class next term.
7. Anne could have been doing her homework.
8. Perhaps Judy has been studying in the library.
9. We gave some candy to the children.
10. Rafael put the chairs in the hallway.

67

บรรณานุกรม

ศติ ำ เยย่ี มขนั ติถำวร (2554). ภาษาศาสตรเ์ บอื้ งตน้ . นนทบรุ ี : สำนกั พิมพ์
มหำวิทยำลยั สโุ ขทยั ธรรมำธริ ำช

วลี (phrases). สบื ค้น 20 กุมภำพนั ธ์ 2565, จำก
https://www.stou.ac.th/schools/sla/englishwriting/cd-
rom/Module4/Presentations/phrases.htm

Apisak Pupipat (2003) Introduction to English Linguistics: The Real Basics. Ubon
Ratchathani: Ubon Ratchathani University Press.

Cambridge University Press (2022). Verb phrases. Retrieved 1 March 2022, from
https://dictionary.cambridge.org/grammar/british-grammar/verb-phrases

Celce-Murcia, M., & Larsen-Freeman, D. (1999). The Grammar Book: An ESL/EFL
Teacher's Course (2nd ed.). Boston, MA Heinle and Heinle.

Nordquist, R. (2019). What Is Phrase Structure in English Grammar? Retrieved 10
March 2022, from https://www.thoughtco.com/phrase-structure-grammar-
1691509

Phrase Structure Trees and Rules (n.d.). Retrieved 10 March 2022, from
https://www.konan-u.ac.jp/hp/nakatani/js/R7

68

แผนบริหารการสอนประจาบทท่ี 5

1. บทที่ 5 โครงสร้างประโยค (Sentence Structure)
2. หวั ข้อเน้ือหาประจาบท

1. บทนำ (Introduction)
2. 5 โครงสร้ำงประโยคพน้ื ฐำนในภำษำองั กฤษ
3. รปู แบบประโยคพื้นฐำนในภำษำอังกฤษ (Types of Sentence structure)
4. ชนิดของประโยค (Types of Sentences)
5. แบบฝึกหดั ทำ้ ยบทท่ี 5
6. บรรณำนกุ รม
3. วัตถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. เพือ่ ให้นักศกึ ษำสำมำรถระบุชนดิ ประโยคภำษำอังกฤษ (English Sentences) ตำ่ ง ๆ ได้
2. เพอ่ื ใหน้ ักศกึ ษำสำมำรถวเิ ครำะห์โครงสร้ำงประโยค (Sentence Structure) ได้
4. เวลาเรยี น
สปั ดำหท์ ี่ 13-15
5. กิจกรรมการเรียนการสอน
1. อำ่ นแผนบรหิ ำรกำรสอนประจำบท
2. บรรยำย
3. แบ่งกลมุ่ ยอ่ ยร่วมกนั ศึกษำในประเดน็ ท่ีมอบหมำย
4. ทำแบบฝกึ หัดทำ้ ยบท
6. สอื่ การเรียนการสอน
1. พำวเวอร์พอยท์ (PowerPoint)
2. แล็ปทอ็ ปคอมพวิ เตอรแ์ ละโปรเจกเตอร์ (Laptop computer and Projector)
3. แบบฝึกหดั ท้ำยบท
7. การวัดและประเมินผล
1. สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่
2. ตรวจแบบฝกึ หัดทำ้ ยบท

69

บทที่ 5
โครงสร้างประโยค
(Sentence Structure)

1. บทนา

โครงสร้ำงของประโยคพน้ื ฐำนในภำษำองั กฤษประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ภำคประธำน
(Subject) ทเี่ ปน็ คำนำม สรรพนำม หรือกลุ่มคำนำม และ ภำคแสดง (Predicate) ประกอบด้วยกริยำ
กรรม หรือสว่ นขยำย โดยโครงสร้ำงประโยคพ้ืนฐำนในภำษำอังกฤษมี 5 โครงสร้ำงด้วยกัน ดังน้ี

2. 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาองั กฤษ

โครงสรา้ งท่ี 1 : Subject + Verb (ประธาน + กรยิ า)
คำกรยิ ำแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ

1. อกรรมกริยำ (Intransitive Verb) คอื กรยิ ำท่ีไมต่ ้องกำรกรรม (Object) มำรองรับ
2. สกรรมกรยิ ำ (Transitive Verb) คอื กรยิ ำท่ตี ้องมีกรรมมำรองรับ
ในโครงสรำ้ งที่ 1 มเี พยี งประธำนกับอกรรมกรยิ ำ (Intransitive verb) หรือกริยำท่ีไม่ต้องกำรกรรม
(Object) กเ็ ป็นประโยคที่สมบรู ณเ์ ขำ้ ใจได้ เชน่
She works. (เธอทำงำน)
He gets up. (เขำตน่ื นอน)
นอกจำกนเ้ี รำสำมำรถขยำยควำมประโยคได้โดยเติมคำคณุ ศัพท์ (Adjectives) หรือ คำกรยิ ำวเิ ศษณ์
(Adverbs) เขำ้ ไปในประโยค เช่น
She works hard. (เธอทำงำนหนกั )
hard = กรยิ ำวิเศษณ์ (Adverb) ทีม่ ำขยำย works

He gets up early. (เขำตน่ื แตเ่ ชำ้ )
early = กริยำวิเศษณ์ (Adverb) ท่มี ำขยำย gets up

โครงสรา้ งท่ี 2 : Subject + Verb + Object (ประธาน + กริยา + กรรม)
ในโครงสรำ้ งท่ี 2 จะใชส้ กรรมกรยิ ำ (Transitive Verb) หรือกรยิ ำท่ีต้องกำรกรรม (Object) เช่น

I read a book. (ฉันอ่ำนหนงั สือ)
Mark kicks the ball. (มำร์กเตะลกู บอล)
เรำสำมำรถขยำยควำมประโยคไดด้ ว้ ยกำรเตมิ คำคุณศัพท์ (Adjectives) หรอื คำกริยำวเิ ศษณ์
(Adverbs) เขำ้ ไปในประโยค เชน่

70

Mark kicks the yellow ball. (มำรก์ เตะลกู บอลสีเหลือง)
yellow = คำคุณศัพท์ (Adjective) มำขยำย ball

I read a book every day. (ฉนั อ่ำนหนังสือทุกวนั )
every day = คำกรยิ ำวิเศษณ์ (Adverbs) ขยำย read เพื่อบอกควำมถใี่ นกำรอ่ำน

โครงสร้างที่ 3 : Subject + Verb + Indirect Object + Direct Object (ประธาน + กรยิ า +
กรรมรอง + กรรมตรง)
กรรม (Object) หลัก ๆ ในภำษำอังกฤษมี 3 ชนดิ คอื

1. Direct Object (กรรมตรง) คือ กรรมทีร่ บั กำรกระทำจำกกริยำโดยตรง เช่น ในโครงสร้ำง
ท่ี 2 จะเป็นกรรมตรง

2. Indirect Object (กรรมรอง) คือ กรรมทีไ่ ดผ้ ลประโยชน์จำกกำรกระทำ
3. Prepositional object (กรรมของบุพบท) คือ กรรมท่ีต่อทำ้ ยบุพบท

My mother bought me a new toy. (แมข่ องฉันซ้ือของเล่นใหมใ่ หฉ้ ัน)
new toy เปน็ กรรมตรง เพรำะถูกซ้ือโดยตรง และ me เป็นกรรมรองที่ไดผ้ ลประโยชน์จำก
กำรซื้อ

Jack teaches us English. (แจค็ สอนภำษำองั กฤษพวกเรำ)
English เป็นกรรมตรงทถี่ ูกสอน และ us เป็นกรรมรองท่ีได้ผลประโยชนจ์ ำกกำรสอน

He gave his girlfriend flowers. (เขำใหด้ อกไมแ้ ก่แฟนของเขำ)
flowers เป็นกรรมตรงที่ถกู ให้ และ his girlfriend เป็นกรรมรองที่ไดผ้ ลประโยชนจ์ ำกกำร
ให้
และในโครงสร้ำงท่ี 3 นีส้ ำมำรถเขียนได้อีกแบบหนึง่ ซงึ่ กรรมรองจะเปลี่ยนหนำ้ ท่ีมำเป็นกรรมของบุพ
บท (Prepositional object )โดยมกั จะเปน็ to หรอื for เช่น
My mother bought a new toy for me.
Jack teaches English for us
He gave flowers to his girlfriend.

71

โครงสรา้ งที่ 4 : Subject + Verb + Subjective Complement (ประธาน + กริยา + สว่ น
ขยายประธาน)
Subjective Complement หรือ สว่ นขยำยประธำน คือ กลุ่มคำท่ีตำมหลัง Verb to be หรอื
Linking Verb โดยสว่ นขยำยประธำนเปน็ ได้ทงั้ คำนำม (Noun) และคำคณุ ศพั ท์ (Adjective)

My brother is a doctor. (พช่ี ำยของฉนั เป็นหมอ)
There is a pen. (มปี ำกกำหนึง่ ดำ้ ม)
James became an engineer. (เจมส์กลำยเปน็ วิศวกร)
She looks exhausted after studying all night. (เธอดเู หนด็ เหนอื่ ยหลังจำกอำ่ นหนังสือ
ทัง้ คนื )
This price sounds reasonable. (รำคำนฟ้ี งั ดสู มเหตุสมผล)
The coffee smells bitter in the coffee shop. (กำแฟส่งกลิน่ ขมอบอวลในรำ้ นกำแฟ)
โครงสรา้ งที่ 5 : Subject + verb + Object + Objective Complement
Object Complement หรือส่วนขยำยกรรม เป็นได้ทั้งคำนำมและคำคุณศัพท์
She named the dog Ken. (เธอตั้งชื่อหมำว่ำเคน)
Ken เปน็ ส่วนขยำยกรรมมำขยำย dog ท่ถี ูกต้ังช่ือ
They made me the president. (พวกเขำแต่งต้ังฉนั เปน็ ประธำนบรษิ ทั )
the president เปน็ สว่ นขยำยกรรมมำขยำย me ทถี่ ูกแต่งต้งั

3. รูปแบบประโยคพ้ืนฐานในภาษาองั กฤษ (Types of Sentence structure)

แหลง่ ท่มี ำ: https://medium.com/writetoedit/the-4-types-of-sentences-c0b2e7369d84

72

มี 5 แบบดว้ ยกนั ดงั น้ี

1. Subject+Verb
2. Subject + Verb + Object

3. Subject + Verb + Indirect object + Direct object
4. Subject + Verb + Subject Complement

5. Subject + Verb + Object + Object Complement

1. Subject + Verb เชน่
☺Manee sleeps.
☺Mother is cooking.
☺Toto is barking.
☺Bird flies.
☺Mickey walks to school.

2. Subject + Verb + Object เช่น
☺She has a dog.
☺Mana likes pizza.
☺He loves his house.
☺Sunee buys cookie.
☺Jack is drinking coconut milk.
☺She never drinks alcohol.
☺They have opened their shop for 2 years.

3. Subject + Verb + Indirect object + Direct object เช่น
☺Eva gave me a present on my birthday last week.
☺I haven’t sent you an e-mail yet.
☺Mike bought his mother some cakes.
☺He gives me a cup of coffee.

4. Subject + Verb + Subject Complement เช่น
☺She is very rich.
☺Bill felt sick after the party.
☺The manager’s plan sounds interesting for all employees.

5. Subject + Verb + Object + Object Complement เชน่
☺Our class chose Bill our leader.
☺Flood in Thailand made the country’s economy worse.
☺The students should keep the classroom clean.

73

โครงสร้างของประโยค (Sentence Structures)
สำมำรถแบ่งออกเปน็ 2 สว่ นหลกั ๆ ได้แก่ ภำคประธำน (Subject) และ ภำคแสดง (Predicate)

1. ภำคประธำน (Subject) อำจเปน็ คำนำม (Noun) คำสรรพนำม (Pronoun) คำนำมพรอ้ ม
ดว้ ยส่วนขยำยหรอื คำท่ีมฐี ำนะเท่ำคำนำม เชน่ infinitive phrase หรอื gerund phrase

2. ภำคแสดง (Predicate) ได้แกส่ ว่ นของกริยำ (Verb) อำจเปน็ กริยำคำเดียว
ภำคประธำน (Subject) และ ภำคแสดง (Predicate) : Subject (N, Pronoun) + Predicate (V)
เช่น

☺The teacher spoke loudly.
☺My friend had his car fixed.
☺That little girl loves eating vanilla ice-cream.

4. ชนดิ ของประโยค (Types of Sentences) มที งั้ หมดดงั นี้

Simple Sentence ประโยคใจความเดียว

แหลง่ ท่มี ำ: shorturl.at/glY57
Simple Sentence: ประโยคใจความเดยี ว คือประโยคท่ีประกอบด้วยประโยคอสิ ระประโยคเดยี ว
มีประธำนและกรยิ ำตัวเดยี ว อำจมสี ่วนเตมิ เต็มได้ เช่น

o Mary plays the guitar.
o The boy often buys chocolate cakes.
o Smoking is no longer legal in many public places.
o Some children are afraid of ghosts.
o There are a lot of people on the street.
o The games have become politically important.

74

Compound Sentence ประโยคประสม

แหล่งท่ีมำ: https://curvebreakerstestprep.com/compound-sentence-structure-
examples-definition/

Compound sentence คือ ประโยคทปี่ ระกอบดว้ ย Simple sentences 2 ประโยคมำรวมกันโดย
อำศัย ตวั เชื่อม เปน็ แกนนำ เชน่

➢ He is lazy.
➢ He is diligent.
➢ He is lazy, but he is diligent.
➢ It rained heavily last night.
➢ The yard was flooded.
➢ It rained heavily last night, so the yard was flooded.

กำรใช้ Co-ordinate conjunction Co-ordinate conjunction มี 7 ตัว คอื and, or, nor, but,
so, for และ yet
1. and ใชเ้ ชื่อมประโยคท่ีมีควำมหมำยคล้อยตำมกนั หรือกำรเพมิ่ เติมควำมคิด เช่น

▪ Yotsak had an accident last week. He has not come to school for 2 weeks.
▪ Yotsak had an accident last week, and he has not come to school for 2

weeks.

75

2. orใช้เชอ่ื มประโยคที่ใหเ้ ลือกเอำอยำ่ งใดอยำ่ งหนง่ึ เชน่ Y
▪ You will do these homework. You will be punished.
▪ You will do these homework, or you will be punished.

3. nor ใชเ้ ช่อื มประโยคที่มีควำมหมำยคล้อยตำมกันและเป็นประโยคปฏเิ สธ เชน่
▪ Dad is always busy. Mom does not have much free time.
▪ Dad is always busy, nor does Mom have much free time.

4. but ใชเ้ ช่ือมประโยคท่ีมีควำมหมำยขัดแย้งกัน เช่น
▪ He was very angry with her.He listened to her
▪ He was very angry with her, but he listened to her patiently.

5. soใช้เชือ่ มประโยคที่เป็นเหตเปน็ ผลกนั โดยท่ปี ระโยคหน้ำ so จะเปน็ เหตุ เชน่
▪ He felt his room was too cold. He spoke to the landlord about the heater.
▪ He felt his room was too cold, so he spoke to the landlord about the heater.

6. for ใช้เชื่อมประโยคท่เี ปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั โดยทีป่ ระโยคหนำ้ for จะเป็นผล เชน่
▪ She has not come to school for a month. She has problems in her life.
▪ She has not come to school for a month, for she has problems in her life.

7. yet ใชเ้ ชอ่ื มประโยคท่มี คี วำมหมำยขดั แย้งกนั เหมือน but เช่น
▪ He studied hard in summer. He failed the exam.
▪ He studied hard in summer, yet he failed the exam.

การใช้ Correlative conjunction คือ ตวั เชื่อมท่ีเป็นคู่ ได้แก่
..or
..nor
Not only…but also
..and

1. ..or ใชเ้ ชอ่ื มประโยคที่ให้เลือกเอำอย่ำงใดอย่ำงหนง่ึ เหมือน or เชน่
▪ You will do these homework. You will be punished.
▪ You will do these homework, or you will be punished.
▪ Either you will do these homework or you will be punished.

2. ..nor ใชเ้ ช่ือมประโยคที่มีควำมหมำยคลอ้ ยตำมกันและเป็นประโยค ปฏิเสธทั้ง 2ประโยค เชน่
▪ She did not greet Mia. He did not look at her.
▪ She did not greet Mia, nor did he look at her. Neither did she did greet Mia
nor did he look at her.

3. Not only…but also ใช้เช่อื มประโยคทมี่ ีควำมหมำยคล้อยตำมกันเหมอื น and เชน่

76

▪ She dislikes meat. She cannot stand the sight of it.
▪ She dislikes meat, and she cannot stand the sight of it.
▪ Not only does she dislike meat but also she cannot stand the sight of it.
4. ..and ใชเ้ ช่ือมคำทม่ี คี วำมหมำยคล้อยตำมกนั เหมอื น and เชน่
▪ She is a lazy student. He is a lazy
▪ She is a lazy student, and he is a lazy student. Both she and he is a lazy

student.
Complex Sentence ประโยคความซ้อน

แหลง่ ที่มำ: https://www.grammar-monster.com/glossary/complex_sentence.htm
Complex Sentence (ประโยคความซอ้ น) คือ ประโยคทปี่ ระกอบด้วยประโยคหลกั (main
clause) กับอนุประโยค (subordinate clause) ท่ีไม่สำมำรถอยู่ได้โดยลำพัง แต่ ต้องอำศยั ประโยค
หลักเสมอ
อนุประโยคใน complex sentences สำมำรถจำแนกออกเป็น 3 ประเภทคือ

1. Adjective clauses (relative clause)
2. Noun clauses
3. Adverb clauses
ประโยคควำมซอ้ น (Complex Sentences) ประโยคทีป่ ระกอบด้วยหนึ่งประโยคท่ีสมบูรณ์ ท่เี รยี กว่ำ
Independent clause และอนุประโยคที่นำหน้ำด้วยคำแทนบุคคล ส่ิงของ สถำนที่ เวลำหรือกำร
กระทำที่เป็นประธำนของประโยคหลักซึ่งเม่ือแยกออกแล้วไม่ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์ เรียกอนุ

77

ประโยคนี้ว่ำ dependent clause หรือ subordinate clause กล่ำวคือ นำหน้ำด้วย Relative
pronoun เช่นthat, which, who, while, what, when เป็นต้น
Principal Clause (Main Clause)

I know
Do you know
There is nothing
Dependent Clause (Subordinate Clause)
that you are my friend.
if Jim will join the class?
that I can do for him.
เรยี กอนุประโยคนว้ี ่ำ dependent clause หรอื subordinate clause นำหน้ำด้วย Relative
pronoun เช่น that, which, who, while, what, when เป็นตน้
Principal Clause (Main Clause)
I have found the book.
I asked that boy.
No one knows.
Dependent Clause (Subordinate Clause)
which I have lost.
how old he was.
who he is.
นอกจำกโครงสร้ำงและชนิดของประโยคแล้ว ยังมี 3 สิ่งที่ควรระวังในกำรศึกษำเร่ืองประโยค
โดยเฉพำะเก่ยี วข้องกับงำนเขยี น ส่ิงทต่ี ้องระวังดังกลำ่ ว ได้แก่ fragments, run-ons, และ awkward
phrasing ซ่งี รำยละเอียดมดี ังน้ี (* = ungrammatical)
1. Fragments หมำยถงึ ขอ้ ควำมทเี่ ป็นเพียงวลีหรือกลุ่มคำไม่ใช่ประโยคท่สี มบูรณ์ ซึ่งถือว่ำ
ผิดไวยำกรณ์
*I bought a new rice cooker. And used it to cook dinner. (ขำดประธำน)
*Snow fell all day. The powdery kind with soft, tiny flakes. (ขำดกริยำ)
*He asked to borrow the book. Which I had just finished reading.
(เป็นอนุประโยคท่ีนำหนำ้ ด้วย subordinating word “which”)
ประโยคที่สมบูรณ์ต้องมีลักษณะดังนี้คือ 1. มีภำคประธำน 2. มีภำคแสดงคือต้องมีกริยำแท้ และ 3.
ไม่มี subordinating word เช่น subordinating adverb, relative pronoun ฯลฯ นำหน้ำ ดังน้ัน
สำมประโยคข้ำงต้นนับว่ำเป็น fragment เพรำะประโยคท่ีหน่ึงขำดประธำน ประโยคที่สองขำด
finite verb และประโยคที่สำมมี subordinating word นำหนำ้

78

Sentence fragments เกิดข้นึ ได้ในหลำยลกั ษณะดังนี้ คือ (1) dependent clauses (2) detached
predicates, (3) modifying phrases, (4) explanatory phrases หรือ (5) incomplete clauses
บอ่ ยคร้ังจะแก้ปัญหำโดยนำ fragment มำรวมเข้ำกบั ประโยคทมี่ ำข้ำงหน้ำ ต่อไปนี้จะยกตวั อย่ำงของ
fragment (สว่ นทข่ี ดี เส้นใต)้ แตล่ ะประเภทน้พี รอ้ มกบั วิธีแก้
ก. Dependent clauses

*Frank played the tape for Nancy. Who had never heard it before.
แกเ้ ปน็ Frank played the tape for Nancy, who had never heard it before.

ข. Detached predicates
*Mike enjoys watching a good movie. But hates television.
แกเ้ ป็น Mike enjoys watching a good movie but hates television.

ค. Modifying phrases
*Leonard worked at the factory for 14 years. Without missing a single day.
(Prepositional phrase)
แ ก้ เ ป็ น Leonard worked at the factory for 14 years without missing a single
day.

*Tehran is the capital of Iran. Formerly called Persia. (Appositive)
แก้เป็น Tehran is the capital of Iran, formerly called Persia.

*His watch having stopped. He arrived late for the meeting. (Participle phrase)
แก้เปน็ His watch having stopped, he arrived late for the meeting.

*Maria was pleasantly surprised. To discover that she had lost eight pounds.
(Infinitive phrase)
แ ก้ เ ป็ น Maria was pleasantly surprised to discover that she had lost eight
pounds.

ง. Explanatory phrases
*The university bookstore carries student supplies. Such as notebooks, folders,
pens, and pencils.

79

แก้เป็น The university bookstore carries student supplies such as notebooks,
folders, pens, and pencils.

จ. Incomplete clauses
*The complicated public transportation system, causing much confusion to
visitors who have just arrived in the city. (ประธำน system ไมม่ กี รยิ ำแท้)
แก้เป็น The complicated public transportation system causes much confusion
to visitors who have just arrived in the city.

อำจสงสัยว่ำถ้ำกำรใช้ fragments ผิดไวยำกรณ์ภำษำอังกฤษ แต่ทำไมบำงครั้งจึงพบ fragments ใน
นิตยสำรหรือแม้แต่ในหนงั สอื ที่เขียนโดยนกั เขียนที่มีชื่อเสียง คำตอบก็คือ บำงครั้งผู้เขียนตั้งใจทจี่ ะใช้
fragment เพื่อทำให้ข้อควำมกะทัดรัดหรือน่ำตื่นเต้นข้ึน ในกรณีเช่นนี้จะไม่ถือว่ำผิดไวยำกรณ์ แต่ถือ
ว่ำเป็นวิธีกำรหรือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้เขียนสื่อสำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ แต่ต้องใช้เหมำะกับ
กำลเทศะ และไม่ควรใช้มำกเกินไป ฉะน้ันผู้เขียนท่ีมีประสบกำรณ์น้อยต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ข้อแนะนำ คือ ไม่ควรจะใช้ fragment เลย จนกว่ำจะมีควำมชำนำญมำกข้ึนในกำรเขียน ก็อำจจะ
ใช้ได้เพ่อื เสรมิ ลลี ำในกำรเขยี นให้สละสลวยขน้ึ ดงั ในตัวอย่ำงตอ่ ไปนี้
The single man. An image of freedom and power. A man on horseback, riding into
the Sunset with his gun. The town and its women would never forget, never be the
same. But the man would never change, just move on. To other women, other towns.
As he rides away, the sunset gives him a romantic glow.
(“Naked Nomads,” George F. Gilder, Boston Globe, February 9, 1975)

2. Run-ons หรือ Run-on sentences หมำยถึง ประโยคยอ่ ยอสิ ระสองประโยคที่รวมเข้ำ
ด้วยกันโดยไม่มีเครื่องหมำยวรรคตอนหรือคำเชื่อมระหว่ำงกัน จึงทำให้ผิดไวยำกรณ์และสื่อ
ควำมหมำยไม่ชัดเจน ตัวอย่ำงประโยคท่ีเปน็ run-on sentences เชน่

My friends and I start work at 8:30 every morning we get off work at 4:30 every
day.
This job has many fringe benefits it is very difficult to get.
He hurt his leg he managed to win the race.
He was angry with me I was late.
The glasses were very full Susan carried them very carefully.

80

จะเหน็ ได้วำ่ ประโยคข้ำงตน้ เปน็ ตัวอย่ำงของกำรรวมประโยคย่อยอิสระสองประโยคเขำ้ ด้วยกนั โดยไม่

มีเคร่ืองหมำยวรรคตอนหรือคำเชื่อมระหว่ำงกัน จึงทำให้ผิดไวยำกรณ์และสื่อควำมหมำยไม่ชัดเจน

เรยี กวำ่ เปน็ run-on sentences

เปรียบเทียบระหว่ำงประโยคท่ถี กู ต้องและไม่ถกู ต้องของประโยคตวั อยำ่ งตอ่ ไปนี้

Run-on sentences Complete sentences

My friends and I start work at 8:30 every My friends and I start work at 8:30 every

morning we get off work at 4:30 every morning, and we get off work at 4:30

day. every day.

This job has many fringe benefits it is very This job has many fringe benefits, but it

difficult to get. is very difficult to get.

He hurt his leg he managed to win the He hurt his leg, yet he managed to win

race. the race.

He was angry with me I was late. He was angry with me, for I was late.

The glasses were very full Susan carried The glasses were very full, so Susan

them very carefully. carried them very carefully.

ข้อผดิ พลำดด้ำน run-on sentences น้ีสำมำรถแก้ไขให้ถกู ตอ้ งไดห้ ลำยวธิ ดี งั ต่อไปนีค้ อื
1) แยกประโยคหลักออกเป็นสองประโยคต่ำงหำก โดยจบประโยคแรกด้วยเครื่องหมำย full stop
และเร่ิมประโยคทีส่ องดว้ ยอักษรตวั พมิ พ์ใหญ่ (capital letter)

The glasses were very full. Susan carried them very carefully.
2) ใชเ้ ครอ่ื งหมำย semi-colon (;) แทน comma

The glasses were very full; Susan carried them very carefully.
3) เติม coordinating conjunction หลัง comma

The glasses were very full, so Susan carried them very carefully.
4) เตมิ conjunctive adverb

The glasses were very full; therefore, Susan carried them very carefully.
The glasses were very full. Therefore, Susan carried them very carefully.

3. Awkward phrases and sentences เรือ่ งน้คี อื กำรใช้วลแี ละประโยคทีย่ ำวเกินไปไมจ่ ำเป็น
ทำให้อำ่ นแลว้ ไม่ลน่ื ไหล ตวั อย่ำ งเช่น

To indicate the fact that they are in opposition to a bill, legislators sometimes
engage in filibusters. ประโยคน้จี ะเหน็ ไดว้ ่ำขำ้ งตน้ นน้ั ยำวมำกสำมำรถเปล่ยี นได้เป็น
To show their opposition to a bill, legislators sometimes engage in filibusters.
ซึง่ กย็ ังไดค้ วำมหมำยเหมอื นเดิม

81

In Norse poetry, the stories rarely stand as substitutes or symbols for anything
other than the stories themselves. จ ะ เ ห็ น ว่ ำ ค ำ ว่ ำ ‘ other than the stories
themselves’ ควำมหมำยกค็ ือ อย่ำงอ่ืน เรำกใ็ ช้คำว่ำ ‘else’ แทนเลยกไ็ ด้
In Norse poetry, the stories rarely stand as substitutes or symbols for anything
else.

วธิ เี ขียนใหด้ ขี ึน้
1. Reduce a phrase or a clause into one word

เปลี่ยน phrase หรือ clause ใหเ้ ป็นคำเดยี ว
“The employee with ambition”
เปล่ยี นเป็น “The ambitious employee”
“The price that was confirmed will be honored by the merchant.”
เปลี่ยนเปน็ “The confirmed price will be honored by the merchant.”

2. Rework clauses with relative pronouns (that, who, which, etc.)
เปลี่ยน relative clause ทมี่ ี pronoun (เช่น that, who, which)
“The system that is most efficient and accurate ….”
เปลย่ี นเป็น “The most efficient and accurate system …..”

3. Restructure sentences with it is, there is, there are
ปรบั โครงสรำ้ งประโยคทขี่ ้นึ ตน้ ดว้ ย it is, there is, there are
“There is a gene that causes hemophilia, which if paired with a healthy gene
results in the individual’s not developing the disease’s symptoms.”
เปลี่ยนเป็น “If paired with a healthy gene, the gene that causes hemophilia will
not result in the development of the disease’s symptoms.”

82

แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 5

แบบฝกึ หัดที่ 1 Recognizing Sentences

คาชี้แจง:
1. พจิ ำรณำประโยคต่อไปนว้ี ำ่ เป็นประโยคทสี่ มบูรณห์ รือไม่ (Decide which ones are
complete sentences and which ones are not.)
2. เขียน yes ถำ้ เปน็ ประโยคที่สมบรู ณ์ และ เขยี น no ถำ้ ไมใ่ ช่ประโยค หน้ำประโยคท่ี
กำหนดให้ (Write yes next to the complete sentences and no next to the
non-sentences.)
3. อธบิ ำยว่ำทำไมไมใ่ ชป่ ระโยคท่ีสมบรู ณ์ (Explain why the non-sentences are not
sentences.)

Example: ___no___ Someone sitting next to you. (___There is no a helping verb____)
1. ____ My new classmate from Brazil. (___________________________________)

2. ____He speaks three languages fluently. (_______________________________)

3. ______ Is very handsome. (____________________________________________)

4. ______ When he arrived here. (________________________________________)

5. ______ He wants to start his own business. (_____________________________)

6. ______ He isn’t married. (_____________________________________________)

7. ______ Enjoys many sports, especially soccer. (___________________________)

8. ______ Don’t worry! (_______________________________________________)

9. ______ Help! (______________________________________________________)

10. ______ They didn’t like. (_____________________________________________)

83

แบบฝึกหัดท่ี 2 : Sentence Structure Analysis

คาช้ีแจง: พจิ ำรณำกลุ่มคำต่อไปนีเ้ ป็นประโยคทสี่ มบูรณห์ รือไม่ ถ้ำเปน็ ประโยคท่ีสมบรู ณ์ให้เขยี น
ตอบ S ถำ้ ไมใ่ ชป่ ระโยคที่สมบูรณใ์ ห้เขยี นตอบ F ขำ้ งหน้ำแตล่ ะข้อ (Identify whether each
group of words is a complete sentence or a fragment. Write S in front of the
complete sentence, and write F in front of the fragment.)
Example: ___S____ I am a student.

_______ 1. I work at school every day.
_______ 2. My arms hurt.
_______ 3. All of the pretty girls at the mall.
_______ 4. Last Saturday after the football game at the ice-cream shop near the
cinema.
_______ 5. A big crowd of people arrived.
_______ 6. Realizing that driving makes me nervous.
_______ 7. One day while we were sitting in the cafeteria.
_______ 8. Swimming keeps us fit.
_______ 9. To sleep in the afternoon after lunch.
_______10. In order to see my nephew play football.
_______ 11. To know you is to love you.
_______ 12. New words are constantly coming into our language.
_______ 13. As paper towels serve many useful purposes.

84

_______ 14. The international crime information center which is called Interpol.
_______ 15. When I told him the cost of the tickets.
_______ 16. Whoever is responsible for this decision.
_______ 17. Because he can never make up his mind about anything.
_______ 18. Although some of the slang expressions do not last very long.
_______ 19. You must follow our rules while you live in this house.
_______ 20. The rain was cold, and the wind was piercing.

85

แบบฝกึ หดั ท่ี 3 : Clauses

คาชี้แจง:
1. ขีดเส้นใต้อนุประโยคในประโยคต่อไปนี้ (Underline the dependent (subordinate)

clauses in the following sentences.)
2. ระบุชนิดอนุประโยคที่ขีดเส้นใต้ว่ำเป็นนำมำนุประโยค, คุณำนุประโยค, กริยำวิเศษณำนุ

ประโยค ให้เขียนตอบนำมำนุประโยค noun clause = NCl, คุณำนุประโยค adjective
clause=AdjCl และกริยำวิเศษณำนุประโยค adverbial clause=AdvCl (Identify the types of
those clauses, i.e., whether they are noun clause, adjective clause or adverbial clause.
Write NCl for noun clause, AdjCl for adjective clause and AdvCl for adverbial clause.)

1. I will not make the same mistakes that you did.
_____________________

2. When the sun shines, we will shine together.
_____________________

3. Wash away the thoughts inside that keep my mind away from you.
______________________

4. If they could love like you and me, imagine what the world could be.
_____________ ; _____________

5. That is what the summer is all about!
__________________

6. If it takes the rest of my life, baby I will wait for you.
__________________

7. Because you’re mine, I walk the line.
____________________

8. Well, I am what I am and I am what I’m not, and I am sure happy with what
I’ve got.

86

_________________; _________________ ; __________________
9. And as we lie beneath the stars, we realize how small we are.

________________
10. We’ll have the life we knew we would.

___________________

87

แบบฝกึ หัดท่ี 4 : Sentence Types

คาชแ้ี จง: จงบอกวำ่ แต่ละประโยคต่อไปนเ้ี ป็นประโยค simple, compound, complex หรือ
compound-complex ใหเ้ ขียนคำตอบไวห้ นำ้ แตล่ ะประโยค (say which of the following
sentences is simple, compound, complex or compound-complex. Write the answer
in front of each item.)

1. _________________ J.K. Rowling wrote 7 Harry Potter books, all of which
chronicle the adventures Harry Potter, Ron Weasley, and Hermione Granger in
a magical world.

2. ______ ___________ Dumbledore is the Hogwarts’ Headmaster who gives
clues that help solve the mysteries.

3. _________________ Professor McGonagal, who can change into a cat, teaches
Transfiguration, and she is the head of Gryffindor.

4. _________________ Severus Snape, who is especially mean to Harry Potter,
teaches Potions.

5. _________________ Quidditch is a tough sport played on broomsticks, and
the team that captures the Golden Snitch wins the game.

6. _________________ Hagrid loves animals, and in his Care of Magical Creatures
class, he introduces the students to the hippogriff Buckbeak.

7. _________________ Hermione does very well in all her classes, and she often
does more research on academic subjects by going to the library and
checking out books.

8. ________________ Ron is a loyal friend to Harry, and his family welcomes him
to their house.

88

9. _________________ Harry Potter solves fantastic mysteries by investigating
clues that he discovers with help from his friends and the wizarding
community.

10. _________________ Each Harry Potter book has many surprises; however, this
quiz won’t give them away!

89

บรรณานกุ รม

จรัสวฒั น์ ไตรรตั น์ (2554). ชดุ วิชำไวยำกรณภ์ ำษำองั กฤษเพอ่ื กำรสอื่ สำร. สบื คน้ 10 มนี ำคม 2565,
จำก https://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/d4lp/14212/Contents.html

ศติ ำ เย่ียมขันติถำวร (2554). ภาษาศาสตรเ์ บือ้ งตน้ . นนทบรุ ี : สำนักพมิ พ์
มหำวทิ ยำลยั สุโขทัยธรรมำธิรำช

วลี (phrases). สืบค้น 20 กมุ ภำพันธ์ 2565, จำก
https://www.stou.ac.th/schools/sla/englishwriting/cd-
rom/Module4/Presentations/phrases.htm

อิงเคำน์ซิล (2565). โครงสร้ำงประโยคภำษำอังกฤษพ้นื ฐำน (Basic Sentences Structure). สบื ค้น
10 มีนำคม 2565, จำก
https://engcouncil.com/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%
E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B
%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A
0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%
87/

Apisak Pupipat (2003) Introduction to English Linguistics: The Real Basics. Ubon
Ratchathani: Ubon Ratchathani University Press.

Celce-Murcia, M., & Larsen-Freeman, D. (1999). The Grammar Book: An ESL/EFL
Teacher's Course (2nd ed.). Boston, MA Heinle and Heinle.

Common Grammar and Writing Problems-ปญั หำท่ีพบเสมอด้ำนไวยำกรณ์และกำรเขยี น
(2557). สบื คืน 10 มนี ำคม 2565, จำก
http://www.stou.ac.th/schools/sla/englishwriting/cd-rom/Module5/Index5.htm

Craig Shrives (n.d.). Complex Sentence. Retrieved 10 March 2022, from
https://www.grammar-monster.com/glossary/complex_sentence.htm

Natpat Chanjavanakul (2562). แก้ประโยคและวลที ี่ Wordy และ Awkward. สบื คน้ 10
มนี ำคม 2565, จำก https://kru-mon.com/2019/11/facebook-live-26-11-2019-
%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0
%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0
%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88
-wordy/

90

Murphy, Raymond (1996). Essential Grammar in Use: a self-study reference and
practice book for elementary students of English: with answers.
Cambridge: Cambridge University Press.

Plook Creator (2561). 5 โครงสร้างประโยคพืน้ ฐานในภาษาองั กฤษ. สบื ค้น 10 มีนำคม 2565,
จำก https://www.trueplookpanya.com/blog/content/65376/-laneng-lan-

91

ประวตั ิผู้เรียบเรียง

ชือ่ ผู้เรียบเรียง นายแสงอาทิตย์ ไทยมติ ร

ประวัติการศกึ ษา
พ.ศ. 2547 ระดับปริญญาตรี ศาสนศาสตรบัณฑติ (ศน.บ.) สาขาวิชาภาษาองั กฤษ คณะ

มนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลัย
พ.ศ. 2552 ระดบั ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สาขาวิชาการสอน

ภาษาอังกฤษเปน็ ภาษาตา่ งประเทศ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั อบุ ลราชธานี

ผลงานทางวิชาการ
งานวิจัย
แสงอาทติ ย์ ไทยมติ ร บทความวิจยั เรื่อง “ผลการจัดการเรยี นรูโ้ ดยใช้สถานการณจ์ าลองต่อ

การพัฒนาความสามารถด้านการพูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักศึกษาชั้นปีที่ 2
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน” วารสารวิชาการแสงอีสาน มหาวิทยาลัย
มหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ปีที 13 ฉบับที่ 29 สิงหาคม – ธันวาคม 2559. ISSN 1685-
5329

แสงอาทติ ย์ ไทยมติ ร, พระครูปลัดสุรวฒุ ิ จนทฺ ธมฺโม,ดร. และถาวร วรบุตร บทความวจิ ยั เร่ือง
“การพัฒนาความสามารถดา้ นการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้กจิ กรรมการเล่านิทานของนักศกึ ษา
ระดับปริญญาตรี ช้ันปที ่ี 1 สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ มหาวทิ ยาลยั มหามกฏุ ราชวิทยาลยั
วทิ ยาเขตอสี าน” วารสารวชิ าการแสงอีสาน มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วทิ ยาเขตอีสาน ปที ี่
15 ฉบบั ที่ 1 เดือนมกราคม – มถิ นุ ายน 2561 ISSN : 1685-5329
ถาวร วรบุตร, แสงอาทิตย์ ไทยมิตร, และสมพงษ์ ขันโยธา บทความวิจัยเร่ือง “เกมกับการพัฒนา
ความรู้ด้านคาศัพท์ภาษาอังกฤษ กรณีศึกษานักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนน้าพองศึกษา
GAMES AND VOCABULARY DEVELOPMENT: A CASE STUDY OF MATHAYOMSUKSA 3
AT NAMPONGSUKSA SCHOOL” วารสารวิชาการพระพุทธศาสนาเขตลุม่ แม่น้าโขง ปที ่ี 3 ฉบบั ท่ี
1 เดอื นพฤษภาคม – สิงหาคม 2562, หน้า 1-9 ISSN : 2465-5465

บทความวิชาการ
พระครูปลดั สรุ วฒุ ิ จนธฺ มโฺ ม, แสงอาทิตย์ ไทยมิตร, อัครเดช นลี ะโยธนิ และอจั ฉรา สาธุ เร่อื ง
“ผีตาโขน: พทุ ธศรทั ธาในรูปแบบของวัฒนธรรมพื้นบ้าน PHI TA KHON: THE BUDDHISM
FAITH IN A STYLE OF LOCAL CULTURE” วารสารวทิ ยาลยั สงฆ์นครล้าปาง ปีท่ี 8 ฉบับท่ี 2
เดอื นพฤษภาคม-สิงหาคม 2562, หน้า 214-225 ISSN : 2350-9953

92

ประสบการณ์ดา้ นการสอน

พ.ศ. 2553-ปัจจบุ ัน

ท่ี รายวชิ า คณะ/สาขาวชิ า

1 โครงสร้างภาษาอังกฤษ ศกึ ษาศาสตร/์ การสอนภาษาองั กฤษ

2 ภาษาอังกฤษสา้ หรับครู ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

3 การฟัง-การพดู ภาษาอังกฤษ 1 ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

4 การฟัง-การพูดภาษาอังกฤษ 2 ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

5 การพูดภาษาองั กฤษเพื่อการสอ่ื สาร ศกึ ษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

6 ทกั ษะการเขียนภาษาองั กฤษ ศกึ ษาศาสตร/์ การสอนภาษาองั กฤษ

7 การสมั มนาเชิงปฏบิ ตั ิการการสอนภาษาอังกฤษ ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาอังกฤษ

8 การทดสอบและการประเมนิ ผลภาษาอังกฤษ ศกึ ษาศาสตร/์ การสอนภาษาองั กฤษ

9 การฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครู ศกึ ษาศาสตร/์ การสอนภาษาอังกฤษ

10 วิธกี ารสอนภาษาอังกฤษ 1 ศึกษาศาสตร/์ การสอนภาษาอังกฤษ

11 วธิ กี ารสอนภาษาองั กฤษ 2 ศกึ ษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

12 การฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู ศกึ ษาศาสตร/์ การสอนภาษาองั กฤษ

13 การสมั มนาเชิงปฏิบตั ิการการสอนภาษาอังกฤษ ศกึ ษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

14 โครงสร้างภาษาอังกฤษ ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

15 ทฤษฎแี ละกลวิธีการสอนภาษาอังกฤษ ศกึ ษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

16 ภาษาอังกฤษส้าหรบั ครู ศกึ ษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

17 วิธกี ารสอนภาษาอังกฤษ 2 ศึกษาศาสตร์/การสอนภาษาองั กฤษ

การบริการวิชาการตามแนวพระพุทธศาสนาแก่สังคม ชุมชน และทอ้ งถิ่น
พ.ศ. 2559 เป็นวิทยากรบรรยายในโครงการการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสารส้าหรับ

ผูป้ ฏบิ ตั ิงานในเทศบาลตา้ บลแวงใหญ่
พ.ศ. 2560 -2564 ผู้รับผิดชอบโครงการส่งเสริมความเป็นครู นักศึกษาสาขาวิชาการสอน

ภาษาองั กฤษ ออกคา่ ยวิชาการในโรงเรียนทรุ กนั ดาร
พ.ศ. 2564 เป็นวิทยากรบรรยายในโครงการอบรมภาษาอังกฤษแก่นักศึกษารุ่นที่ 2 หลักสูตร

ดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวจิ ยั พทุ ธศาสตรแ์ ละปรัชญา

การวจิ ัยและพฒั นางานวิชาการเชิงลกึ ด้านพระพุทธศาสนา
ผู้ร่วมวจิ ยั ชื่อชุดโครงการย่อย นวัตกรรมการสือ่ สารเพ่ือสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ปัญหายาเสพติดและการ

ทอ้ งไมพ่ รอ้ มของเยาวชนกลุม่ เปราะบางในจงั หวัดขอนแก่น ประจา้ ปงี บประมาณ 2564

93

งานทานบุ ารุงศลิ ปวัฒนธรรม
เข้าร่วมกิจกรรมสืบสานประเพณีประจ้าจังหวัดและท้องถิ่นเป็นประจ้าทุกปี เช่น ร่วมงานไหม

ผูกเส่ยี ว บญุ ผะเหวด ท้าบุญตักบาตรวนั ออกพรรษา งานทอดกฐนิ งานวันลอยกระทง เป็นต้น

ประสบการณ์งานบรหิ ารและการปฏิบตั งิ านพเิ ศษอ่นื ๆ ท่ีไดร้ บั มอบหมาย
พ.ศ. 2554-ปจั จุบัน เปน็ ผู้ชว่ ยหัวหน้าฝ่ายจดั การศึกษา
พ.ศ. 2562-ปจั จบุ ัน เป็นผูป้ ระสานงานครุ ุสภาของวิทยาเขตอีสาน
พ.ศ. 2564-ปัจจบุ นั เปน็ กรรมการวทิ ยาเขตอสี าน