The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ (ตอนที่ 1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nimit.wimolnoch, 2021-09-20 08:05:55

เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ (ตอนที่ 1)

เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ (ตอนที่ 1)

ต่อจากฉบบั ท่ีแลว้ …ภายหลังจากเหตกุ ารณก์ บฏบวรเดช ในขณะท่พี ระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับ
อยู่ ณ สงขลา ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๔๗๖ คณะสภาผู้แทนราษฎร ซ่ึงมีนายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็น
นายกรฐั มนตรี ได้มกี ารจดั ตั้งศาลพเิ ศษขน้ึ เพอ่ื พจิ ารณาพิพากษาคดีกบฏบวรเดช เรียกว่า “พระราชบัญญัติจัดตั้งศาล
พิเศษ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖” ซง่ึ มีบทลงโทษผู้เป็นปฏปิ ักษ์ทางการเมือง เนอื่ งจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ไม่ทรง
เห็นด้วยกับวิธีการรุนแรงเช่นน้ี พระองค์จึงทรงประทับอยู่สงขลานานกว่าปกติดังปรากฏในเง่ือนจากหนังสือของ
ราชเลขานกุ ารในพระองค์ ตอนหน่งึ ว่า “…จะยังไมเ่ สดจ็ พระราชดาเนินกลับพระนครหรือหัวหินน้ัน ก็โดยทรงพระราช
ปรารภว่า เวลานี้ถึงแม้การปราบจลาจลจะได้สงบลงแล้วก็ดี แต่ทรงสังเกตว่าเหตุการณ์ต่างๆ ในพระนครยังไม่สู้จะ
เรยี บร้อยปกติ ทั้งนเี้ นอื่ งด้วยการที่รฐั บาลยังมิได้ประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึก...อีกทั้งการพิจารณาไต่สวนผู้ต้องหาว่า
เป็นกบฏของศาลพิเศษ...และถา้ สามารถจะเป็นไปได้ รัฐบาลน่าจะให้ความกรุณาแก่ผู้ที่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเป็นตัวการ
หรอื หวั หนา้ ในการจลาจลครั้งนี้ได้บ้างกด็ ูจะเป็นการงดงามดี...” เมือ่ ต้ังกอง “คดิ บญั ชี” กบั คณะปฏวิ ัตแิ ล้ว พระยาพหลฯ
ได้เร่งรดั ให้มีการเลือกตัง้ ทั่วไปโดยเร็วที่สุด การเลือกตั้งครั้งแรกจึงได้เร่ิมเกิดขึ้น สมาชิกประเภทท่ี ๑ ได้มาจากการ
เลือกต้ังทางออ้ ม โดยเลอื กผ้แู ทนตาบลกอ่ นแล้วให้ผูแ้ ทนตาบลเลอื กผูแ้ ทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง การเลือกตั้งผู้แทนตาบล
เรมิ่ กันท่วั ประเทศต้ังแตว่ นั ที่ ๑ ตลุ าคม แล้วแต่ทอ้ งถน่ิ ใดจะสะดวกเพราะการสือ่ สารในเวลานั้นไม่สะดวกรวดเร็ว ส่วน
การเลือกต้ังผู้แทนราษฎรน้ัน กาหนดพร้อมกันในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๗๖ ซึ่งทาให้ได้ผู้แทนราษฎรชุดแรกมา
ทงั้ ส้ิน ๗๘ คน สว่ นสมาชกิ ประเภทที่ ๒ พระมหากษัตรยิ ท์ รงไดร้ ับสทิ ธเิ ปน็ ผู้ทรงแต่งต้ังตามรฐั ธรรมนูญต่อไป

รัฐบาลไดก้ ราบทูลเร่งเร้าให้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เสด็จกลับพระนครโดยเร็ว เพ่ือทรงเปิดสมัยประชุม

สภาผูแ้ ทนราษฎรในวันท่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๖ ซงึ่ เปน็ วันครบรอบ ๑ ปีของการพระราชทานรัฐธรรมนูญการปกครอง

แผ่นดนิ นับเป็นครั้งแรกท่ีสภาผู้แทนราษฎรจะมีผู้แทนท่ีราษฎรเลือกเข้ามามีบทบาท อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จ

พระปกเกลา้ ฯ แมว้ า่ จะไม่พอพระทัยการปฏิบตั ิของรัฐบาลสกั ปานใด พระองค์ทรงหักหา้ มความวู่วามและตัดสินพระทัย

เสด็จพระราชดาเนนิ คืนส่พู ระนครตามคาอญั เชญิ ของรฐั บาลโดยเรือสินค้าเล็กๆ “มุ่ยหนา” เข้าเทียบท่าราชวรดิษฐ์ ใน

วันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๔๗๖ ครั้นถึงพระนครพระองค์ทรงมีกระแสรับส่ังให้ พระยาพหลพลฯ ไปเฝ้าในเย็นวันนั้นท่ี

วังสุโขทยั ทง้ั น้ีก็เพ่ือจะไดท้ รงหารอื ในเรอื่ งการแตง่ ตง้ั สมาชกิ ประเภทที่ ๒ ซ่งึ พระองค์ทรงได้รับสิทธิเป็นผู้ทรงแต่งต้ัง

ตามรฐั ธรรมนูญ สมาชกิ ประเภทน้มี ีความสาคัญอยา่ งยิง่ สาหรบั การปกครองระบอบประชาธิปไตย ท้ังน้ีก็เพราะราษฎร

ตลอดจนสมาชิกประเภทท่ี ๑ ทร่ี าษฎรเลือกเข้าสสู่ ภานั้นยังไม่คุ้นเคยกับการปรึกษาหารือราชการและบรรยากาศของ

๖รัฐสภา จุลสารสมาคมแหง่ สถาบนั พระปกเกลา้

ฉะนั้นผทู้ ่จี ะต้องทาหนา้ ทเี่ ปน็ ครูสอนระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนชั้นเชิงของการ “กุมบังเหียนชาติ” ก็
คือสมาชิกประเภทท่ี ๒ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ จึงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ทรงมีส่วน
วางรากฐานอนั มนั่ คงใหแ้ ก่ระบอบประชาธิปไตย พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเลือก “ครูการเมือง”
หรอื สมาชกิ ประเภทท่ี ๒ น้ีจากข้าราชการที่มคี วามสามารถจริงๆ และเคยเป็นข้าราชการมาพอสมควร ถ้า
มิฉะน้ันแล้วสมาชิกประเภทท่ี ๒ นก้ี ็จะไม่มปี ระโยชน์แกบ่ า้ นเมืองเลยแม้แต่นอ้ ย เพราะอาจจะรวมกลุ่มกัน
สนับสนุนรฐั บาล เยน็ วนั นัน้ เองพระยาพหลฯ และหลวงประดิษฐ์มนูธรรมพร้อมด้วยคณะได้เดินทางเข้าสู่
พระราชวงั สโุ ขทยั พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงเสดจ็ ออกรบั ด้วยพระพักตร์อันแช่มชืน่ ครั้นไดท้ รงสั่ง
ถามถึงกิจการบา้ นเมืองพอสมควร พระยาพหลฯ ซึ่งมีรายช่ือสมาชิกประเภทที่ ๒ ท้ัง ๗๘ รายชื่อเตรียม
ถวายให้ทรงลงพระปรมาภไิ ธยอยู่กอ่ นแล้วจึงได้นารายช่ือดังกล่าวขึ้นถวายให้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งเพอ่ื ให้ทันพิธเี ปดิ สภาซ่ึงจะเริม่ ในวนั รุ่งข้ึน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้ทรงตระหนักทันทีว่า
พระองค์มิไดม้ ีโอกาสทีจ่ ะทรงใช้สทิ ธิตามที่ระบุไวใ้ นรฐั ธรรมนูญเสียแล้ว แต่กลายเป็นการบีบบังคับให้ลง
พระปรมาภิไธย แม้พระองคจ์ ะไม่พอพระทัยสักปานใดกจ็ าเป็นตอ้ งลงพระปรมาภิไธยอีกวาระหน่ึง เพราะ
กาหนดเปิดสภามีเวลาเหลือเพียง ๑๒ ช่ัวโมงเท่านั้น ในท่ีสุดวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๖ ก็มาถึง
ประวตั ิศาสตรไ์ ดจ้ ารกึ ไว้วา่ เป็นวันสาคญั ของชาตไิ ทยโดยทพ่ี ระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้เสด็จกระทา
พิธีเปิดสภาผู้แทนราษฎรแห่งชาติคร้ังแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๖ คณะ
รัฐบาลแม้จะพยายามสรา้ งความชุม่ ชืน่ ไว้บนใบหน้าสกั ปานใด แต่แววตานั้นยังบอกถงึ ความไม่สบายใจอยู่
ไม่น้อย การพยายามรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลโดยไม่พยายามใช้นโยบายประนีประนอม ทาให้
พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าฯ เกดิ ความทอ้ แทพ้ ระทยั ทรงเห็นวา่ การต่อความยาวสาวความยืดกับรัฐบาล
รังแต่จะขัดแย้งมากขึ้น บทบาทของศาลพิเศษน้ันรุนแรงขนาดตัดสินประหารชีวิตฝ่ายปฏิวัติ แม้คน
เหล่าน้ันได้ย่ืนทูลเกล้าถวายฎีกาต่อพระองค์แต่ก็ได้รับการกีดกัน พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จ
ต่างประเทศโดยมีพระราชประสงค์เพ่ือทาการรักษาพระเนตร คณะรัฐบาลทราบดีว่าพระบาทสมเด็จ
พระปกเกลา้ ฯ ไม่พอพระทยั ในการบริหารประเทศของคณะตน แต่หากพระองค์เสด็จไปจริงๆ ผลร้ายจะ
บังเกดิ แกร่ ฐั บาลทัง้ ภายในและภายนอก นานาประเทศจะตอ้ งเพ่งมองเมืองไทยมากยิ่งข้ึน คณะรัฐบาลได้
กราบบังคลทูลขอใหก้ ระทาการรักษาพระเนตรในเมอื งไทย แต่พระองคท์ รงยนื ยนั ตามพระราชประสงค์เดมิ
โดยมีกาหนดเสด็จวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๔๗๖ (หรือ ๒๔๗๗ ตามสากล เน่ืองด้วย ก่อนปี ๒๔๘๔
วนั ขึ้นปีใหม่ไทยคอื วนั ท่ี ๑ เมษายน)

“พระปกเกล้ากษตั ริยน์ ักประชาธปิ ไตย”

จลุ สารสมาคมแหง่ สถาบนั พระปกเกลา้

ปีที่ ๓ ฉบบั ท่ี ๑

จลุ สารสมาคมแหง่ สถาบนั พระปกเกลา้

ทรงแต่งต้ังผสู้ าเรจ็ ราชการแผ่นดินแทนพระองค์คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนริศรานุวัติวงศ์ และได้
ตกลงกับบริษัทอีสเอเชียติค เช่าเรือ “วลัย” เป็นราชพาหนะในการเสด็จจากปากน้าไปยังเมืองเมดานใน
อินโดนเี ซยี (เวลานัน้ เรียก “ชวา” ยงั เปน็ อาณานิคมของเนเธอแลนด์) ในคืนวันที่ ๑๑ มกราคม ก่อนเสด็จ
นิราศเมืองไทยและจากประชาราษฎรผู้จงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้ทรงปราศรัยกับ
ประชาชนทางวิทยุกระจายเสยี ง เพ่อื ปลอบขวัญพลเมืองของพระองค์

ครนั้ วนั ที่ ๑๒ มกราคม
พอตะวันสายพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าฯ พร้อมด้วย
สมเด็จพระบรมราชินีและข้า
ราช-บรพิ าร ทรงเสด็จสู่ท่ารา
ช ว ร ดิ ษ ฐ์ พ ร้ อ ม ด้ ว ย เ สี ย ง
ป ร ะ โ ค ม กึ ก ก้ อ ง ข อ ง เ พ ล ง
สรรเสริญพระบารมี คณะ
รัฐบาล ข้าราชการ และพล
เรือน ตลอดจนทูตานุทูต
ต่างประเทศได้มาส่งเสด็จกัน
อย่างคับคั่ง ในการนี้พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ประทับเรือยนต์พระท่ีน่ัง “ศรวรุณ” เรือยนต์ลาน้อย
คู่ยากของพระองค์ก่อนทจ่ี ะเขา้ เทยี บ “วลยั ” ทปี่ ากนา้ ที่ทีม่ กี ารสง่ เสด็จเป็นแห่งสุดท้าย จากนั้นเอง “วลัย”
ภายใตก้ ารนาของกปั ตันชาวเดนมาร์ค ควบคลื่นอา้ วไปในความเว้ิงวา้ งของอ่าวไทย ผู้ตามเสด็จไปคราวน้ี
มี ๑๕ ทา่ น อาทิ กรมหมน่ื เทวงศ์ วโรทยั พลโทพระยาวชิ ิตวงศว์ ุฒิไกร และพันโทหมอ่ มเจ้าประสพศรีจิระ
ประวตั ิ เป็นตน้ จุดหมายปลายทางของ “วลัย” คอื เมอื งเมดาน เพราะได้ทรงนดั หมายพระบรมวงศานุวงศ์
ผู้นิราศบ้านเมอื งจากการพลิกแผ่นดินใหม้ าเฝา้ สง่ เสดจ็ และรา่ ลาทีน่ ั่น “วลัย” ได้เข้าสู่ปากอ่าวบีลาวันเมือง
เมดานในเช้ามืดของวันท่ี ๑๘ โดยมีทลู กระหม่อมบริพัตรและพระประยูรญาติที่ประทับอยู่ ณ อินโดนีเซีย
มารบั เสด็จ ก่อนเทีย่ งนั้นเองขบวนเสด็จได้ข้ึนจากเรือสู่แผ่นดนิ เมอื งอิเหนา โดยทูลเชิญเสดจ็ ประทับแรมท่ี
ทาเนยี บรัฐบาล ส่วนข้าราชบริพารพกั ท่ี “เดอบัว โฮเต็ล” รุ่งอรุณวันท่ี ๑๙ มกราคม ทูลกระหม่อมบริพัตร
และพระประยูรญาติที่ประทบั อยู่ ณ อินโดนีเซียอยู่แล้ว สมเด็จกรมพระยาดารงราชานุภาพกับกรมหลวง
สิงหวิกรมเกรียงไกรและพระประยูรญาติจากปีนัง และกรมพระกาแพงอัครโยธินจากสิงคโปร์ เสด็จสู่
“เดอบัว โฮเต็ล” ประมาณสองชั่วโมงต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ และสมเด็จพระบรมราชินีทรง
เสด็จมายัง “เดอบัว โฮเต็ล” เพ่ือร่วมเสวยกระยาหารกลางวันร่วมกันกับพระบรมวงศานุวงศ์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงรับสั่งและทรงเปิดเผยสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลายเรื่อง อาทิ
“ฉันทนไม่ไดท้ ีป่ ระชาชนจะมพี ระเจา้ แผน่ ดินหลายองค์เช่นน้ี” และทรงกล่าวต่อไปว่า “หากฉันไม่สามารถ
จะช่วยเหลอื ประชาชนของฉันไดต้ ่อไป ฉันก็จะลาออกฉันไมย่ อมเปน็ หุน่ ให้ใครอ้างชือ่ ฉนั ”

“หากฉันไม่สามารถจะชว่ ยเหลือประชาชนของฉนั ได้ตอ่ ไป

๘ ฉันก็จะลาออกฉันไมย่ อมเปน็ หนุ่ ใหใ้ ครอา้ งช่อื ฉัน”
จุลสารสมาคมแหง่ สถาบันพระปกเกล้า

“วลยั ” ไดถ้ อนสมอมุง่ กลบั ไทยตามเดิม จากนั้นธงมหาราชของพระเจ้ากรงุ สยามได้ไปสะบัดพลิ้วอยู่
บนยอดเสาของ “มีโอเนีย” ลาใหญ่ซึ่งบริษัทอิสต์เอเชียติคจัดถวายเป็นพาหนะพิเศษโดยไม่คิดมูลค่า
กาหนดเสด็จลงเรอื ออกจากอนิ โดนเี ซียในวันท่ี ๒๑ มกราคม วนั นน้ั เองพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ได้
ทยอยเข้ากราบพระบาทถวายบังคลและทรงสัมผสั พระหัตถ์ ทห่ี มายของเรือ “มีโอเนีย” อนั ดบั แรกตอ่ จากนี้
คือเมืองโคลัมโบในประเทศศรีลงั กา จุดหมายปลายทางคือเมอื งไซล์สในฝร่ังเศสตอนใต้ ซึ่งเป็นประตูด่าน
หน้าของยุโรป พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้เสด็จประพาสเมืองต่างๆ ในฐานะแขกเมือง จนกระท่ัง
เดินทางถึงลอนดอนในชว่ งสนิ้ ปี ๒๔๗๖ (๓๑ มีนาคม ๒๔๗๗ ตามสากล) ตามหมายกาหนดการเดิมนั้น
จะเสดจ็ นิวตั รพระนครในวันท่ี ๒๔-๒๕ ตุลาคม ๒๔๗๗ ระหว่างที่ประทับในอังกฤษ กระทรวงวังได้เช่า
“คฤหาสน์โนล” ณ ทน่ี ้เี ป็นเสมือน “กองบัญชาการ” ทพี่ ระองคท์ รงใช้เปน็ สถานทต่ี อ่ รองปญั หาทางการเมอื ง
กับรัฐบาลจนถึงขั้นแตกหักในวาระสุดท้าย

“คฤหาสนโ์ นล”

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ
และ สมเด็จพระบรมราชินี ณ ประเทศองั กฤษ

ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ นิราศเมืองไทย รัฐบาลได้หาหนทางให้หลวงประดิษฐ์ฯ
กลับเข้ามาร่วมกับคณะรัฐบาล จนท้ายที่สุด สภาฯ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าแนวความคิดของ
หลวงประดิษฐ์ ไม่ใช่แนวความคิดทางคอมมิวนิสต์ พร้อมประกาศให้หลวงประดิษฐ์ฯ เป็นผู้พ้นมลทิน
ต่อมาไม่นานหลวงประดิษฐ์ฯ จึงได้เข้าร่วมกับคณะรัฐบาลอย่างเปิดเผยในตาแหน่งรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย หลงั จากทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ ฯ เสรจ็ สน้ิ ราชกจิ จากการเป็น “แขกเมือง” ของ
หลายประเทศแล้ว พระองคท์ รงประทับ ณ คฤหาสน์โนล คร่ึงปีแรกตั้งแต่ เมษายนถึงกันยายน ได้มีการ
ติดต่อข้อราชการระหว่างพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ กับรัฐบาล โดยผ่านทางผู้สาเร็จแผ่นดินใน
กรุงเทพฯ มาโดยตลอด ปรากฏว่ามีลกั ษณะเปน็ “เส้นขนานตามทฤษฎีในวิชาเรขาคณิต” ไม่อาจจะบรรลุ
ขอ้ ตกลงใดๆ ไดเ้ ลย เม่อื มีประเด็นยืดยาว ในตน้ เดือนพฤศจิกายนนน้ั เอง รฐั บาลได้ตดั สนิ ใจส่งคณะผ้แู ทน
ไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทล่ี อนดอน พระยาศรีธรรมาธเิ บศธ์ หลวงธารงนาวาสวัสดิ์ พลเรือโท
พระยาราชวังสันอัครราชฑตู ไทยประจาราชสานักเซนตเ์ จมสใ์ นลอนดอน และนายดิเรก ชยั นาม เลขานุการ
ของคณะผู้แทน เดินทางถึงลอนดอนในวันท่ี ๗ ธันวาคม ๒๔๗๗ คณะผู้แทนชุดนี้ได้ทาหนังสือย่ืนต่อ
พลโทพระยาวชิ ิตวงศ์วฒุ ิไกร สมหุ ราชองคร์ ักษ์เพ่อื ขอพระราชวโรกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท คร้ัน
แล้วก็ได้รับคาตอบว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าได้ในวันที่ ๑๒ ธันวาคม เวลา ๑๕.๓๐ น.
ณ คฤหาสน์โนลที่ประทับ เม่ือพระยาราชวังสันนาคณะไปถึง ต่อมาประมาณ ๑๕ นาที พระบาทสมเด็จ

๙พระปกเกลา้ ฯ ทรงเสดจ็ ออกมาดว้ ยพระพกั ตรย์ ิม้ แยม้
จลุ สารสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า

ทรงรับสัง่ ถามสารทุกขส์ ุขดบิ โดยมไิ ด้ทรงรบั ส่งั เป็นทางการกับคณะผู้แทนเลย หน้าที่ของคณะผู้แทนใน
ครั้งน้ีไม่แตกต่างไปจาก “บุรุษไปรษณีย์” เท่าใดนักเพราะพระองค์ได้เตรียมบันทึกถึงรัฐบาลไว้แล้ว
หลังจากทรงปฏิสันถารรับสั่งเร่ืองราวต่างๆอยู่พักหน่ึง คณะผู้แทนจึงกราบถวายบังคมลากลับโฮเต็ล
ไฮดป์ าร์ค กระทง่ั ในวันท่ี ๒๐ ธันวาคม เวลา ๒๒.๐๐ น.หม่อมราชวงศ์สมัครสมานและพระยาวิชิตวงศ์
วุฒิไกร ได้นาพระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ มอบให้แก่ คณะผู้แทน โดยมีเน้ือหา
สาคัญๆ อาทิ ให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักการการเลือกสมาชิกประเภทท่ี ๒, การให้สิทธิเสรีภาพใน
การพูด การเขยี น การโฆษณา และการให้เสรภี าพในการประชมุ โดยเปิดเผยและการต้ังสมาคม เป็นต้น
เม่ือคณะผูแ้ ทนได้รบั พระราชบันทึกดงั กลา่ ว ก็รบี สง่ โทรเลขถงึ รฐั บาลทก่ี รุงเทพฯ จากนนั้ บันทึกซง่ึ คล้าย
กับ “คาแก้ฟ้อง” ของรัฐบาลลงวันที่ ๙ มกราคม ๒๔๗๗ (หรือ ๒๔๗๘ ตามสากล) โดยได้แก้พระราช
บันทึกเป็นข้อๆ มีลักษณะต้องการเอาชนะ ซ่ึงเห็นได้ชัดว่าฝ่ายรัฐบาลไม่พยายามผ่อนปรนเพื่อถวาย
พระเกยี รตเิ ลยแมแ้ ตน่ ้อย หลังจากทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ ฯ พจิ ารณาคาแก้ฟอ้ ง จึงตัดสินพระทัย
ร่างพระราชบันทึกครง้ั สุดท้ายเป็นทานอง “ย่ืนคาขาด” ให้แก่รัฐบาลอีกคร้ัง พระราชบันทึกครั้งสุดท้าย
เป็นภาษาอังกฤษ ไดแ้ ปลเป็นภาษาไทยถึงมอื นายกรัฐมนตรวี ันที่ ๒๙ มกราคม นายกรัฐมนตรีไดน้ าพระ
ราชบนั ทึกเสนอเข้าสทู่ ี่ประชมุ ลับเมือ่ วนั ที่ ๓๑ มกราคม สภาผู้แทนราษฎรไดม้ ีการโตแ้ ยง้ พระราชบันทึก
ทีละขอ้ ๆ แต่พอลงมตริ ฐั บาลก็เปน็ ฝา่ ยชนะเสยี ทกุ ครั้ง ประมาณ ๒๓.๓๐ น. การอภปิ รายได้ส้ินสุดลง ท่ี
ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผ่านระเบียบวาระนี้ไป เป็นอันว่าพระราชบันทึกของพระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าฯ มิได้เกิดประโยชน์มีสภาพคล้ายกับเศษกระดาษ ตราบจนกระท่ังวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ์
รฐั บาลจงึ ไดส้ ่งสาเนารายงานการประชมุ ไปยังเจ้าพระยาศรีธรรมาธเิ บศธ์ และรงุ่ ข้นึ อกี วนั พระบาทสมเดจ็
พระปกเกลา้ ฯ กไ็ ดท้ รงรบั ทราบ ณ บดั น้นั ขตั ตยิ มานะกไ็ ด้บงั เกดิ ข้ึนแกพ่ ระองค์ทนั ทีเพราะเมอื่ รัฐบาลได้
แผ่อิทธิพลครอบงาสภาผู้แทนราษฎร การโต้เถียงดึงดันระหว่างพระองค์กับรัฐบาลจึงไม่มีประโยชน์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ น่ิงอ้ึงไปชั่วขณะด้วยความน้อยพระทัย เสมือนคนที่ได้รับความขมข่ืน
ความอยุติธรรม ความผดิ หวงั พระองคไ์ ดท้ รงแสดงพระทัยเย็นเป็นคร้ังสุดท้ายอีกวาระหนึ่ง หลังจากที่
ทรงรบั ทราบมตขิ องสภาผแู้ ทนราษฎรแลว้ พระองค์ทรงร่างพระราชบันทึกคร้ังสุดท้ายและพระราชทาน
แกเ่ จา้ พระยาศรีธรรมาธิเบศธ์ ใหส้ ่งมายังรัฐบาลท่ีกรุงเทพฯ โดยด่วนลงวันท่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ มีเนื้อหา
เกยี่ วกับ การขอคาตอบอันแน่นอน ทีม่ ิใช่การโต้เถียง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ไดท้ รงเรง่ รดั คาตอบ
คร้ังสุดท้ายจากรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาและพร้อมกันน้ีพระองค์ทรงเตรียมร่างพระราชหัตถ์เลขาสละ
ราชบัลลังกท์ ี่จะย่นื ต่อรฐั บาลเป็นภาษาอังกฤษไว้เรยี บรอ้ ยแล้ว จนกระท่ังวันท่ี ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๗
(หรอื ๒๔๗๘ ตามสากล) หนังสอื ของรฐั บาลลงวันท่ี ๒๑ กุมภาพนั ธไ์ ด้ส่งถึงมือเจ้าพระยาธรรมาธิเบศร์
มีเนอื้ หาสว่ นหนง่ึ วา่ “…ไดน้ าเร่อื งเสนอคณะรัฐมนตรพี ิจารณา คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาลงมติว่า
เรื่องนี้รัฐบาลได้กราบบงั คมทูลตอบอย่างชัดเจนแล้ว และเม่ือรัฐบาลได้เสนอเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งทลู เกลา้ ฯ ถวายไปแลว้ น้นั วา่ เปน็ ทเ่ี ข้าใจแจ่มแจ้งแน่นนอนแกส่ ภาฯ สภาฯ เห็นชอบด้วยแล้ว จงึ ได้ลง
มติเปน็ เอกฉันทใ์ หผ้ ่านระเบยี บวาระไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลจงึ ไม่มอี ะไรจะกราบบังคมทูลเพ่ิมเติมอีก…”
เปน็ อันว่าพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ ฯ ได้ทรงทราบเจตนาอันแท้จริงของรัฐบาล วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์
เวลา ๒๓.๐๐ น. หมอ่ มราชวงศ์สมคั รสมานได้เดนิ ทางไปพบคณะผู้แทนรฐั บาลเพื่อแจง้ การตัดสินพระทยั
สละราชสมบัติด้วยวาจา และในวันน้ันเองหนังสือพิมพ์สองฉบับในลอนดอน TIMES และ NEWS
CHRONICLE ได้ลงข่าวพาดหัวเร่ืองการสละราชสมบัติอย่างครึกโครม แต่เมืองไทยยังไม่ทราบ

๑๐ รายละเอียด เพราะต้องตดิ ต่อหลายช้ันนัก พระราชบันทึกฉบับสุดท้ายเป็นภาษาอังกฤษถอดความเป็น
ภาษาไทย

จลุ สารสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกลา้

มีเน้ือหาส่วนหน่ึงดังนี้ “…ข้าพเจ้าขอสละราชสมบัติและออกจากตาแหน่งพระมหากษัตริย์ตั้งแต่บัดน้ี
เปน็ ตน้ ไป แตข่ ้าพเจา้ สงวนไว้ซง่ึ สิทธิท้งั ปวงอนั เป็นของข้าพเจา้ แตเ่ ดิมมากอ่ นทข่ี า้ พเจา้ ไดร้ ับราชสมบัติ
สืบสันติวงศ์ ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์ที่จะบ่งนามผู้หนึ่งผู้ใดให้เป็นผู้รับราชสมบัติสืบสันติวงศ์ต่อไป
ตามท่ีข้าพเจ้ามีสิทธิท่ีจะได้ทาตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์…” ลงวันท่ี ๒ มีนาคม
๒๔๗๗ (หรอื ๒๔๗๘ ตามสากล) เวลา ๑๓.๔๕ น.

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รับเสด็จรัชกาลท่ี ๗ ท่ี
เย อ ร มั น เ ม่ื อ ๖ ก ร ก ฎ าค ม ๒๔ ๗ ๗
(หลังเขียน พระราชหัตถเลขาสละราช-
สมบตั ิ เป็นเวลา ๔ เดือน)

เอกสารสละราชสมบัติ

วันที่ ๖ มีนาคม ๒๔๗๗ (หรือ ๒๔๗๘ ตามสากล) นายกรัฐมนตรีได้นาสาเนาราชหัตถ์เลขา

สละราชสมบัตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าฯ เขา้ สสู่ ภาฯ เพอื่ ใหม้ ีการลงมติรับทราบ ต่อมาพลเรือตรี

พระยาศรยทุ ธเสนี ร.น. ซ่งึ ทาการแทนประธานสภา ได้นาประเด็นส่กู ารพจิ ารณาเรือ่ ง การสืบสันตติวงศ์

ตามมาตรา ๙ แหง่ รัฐธรรมนญู เจา้ พระยาวรพงษ์พพิ ฒั น์ รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงวังแถลง มีใจความว่า

ตามท่สี มเดจ็ เจ้าฟ้ากรมพระนริศฯ ได้ทรงสืบสวนแล้ว ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ซ่ึง

ได้สน้ิ พระชนม์ไปแล้ว กบั มพี ระราชโอรสคือ พระองค์เจ้าอานันทมหิดลเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ตามกฎ

มณเฑียรบาล พระองคเ์ จ้าอานันทมหดิ ลขณะนั้นทรงมีพระชนม์มายุ ๑๐ พระชนั ษา ๑๑

จุลสารสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกลา้

จึงไดข้ ้นึ ครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลพระมหากษัตริย์องค์ท่ี ๘ แห่งราชวงศ์
จักรี ครั้นหมดเน้ือหาประชุม พระยาสมนั ตรัฐบุรินทร์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล ได้ขอให้ประธานสภาฯ
โทรเลขแสดงความอาลัยในนามของสมาชิกฯ ไปถวายพระมหากษัตริย์ ผู้สละราชสมบัติ ซึ่งมีท้ังผู้เห็น
ด้วยและไมเ่ ห็นดว้ ย เมื่อลงมติปรากฏวา่ มผี ู้เหน็ ด้วยมากกว่า ประธานสภาฯ จึงกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าพเจ้า
จะโทรเลขไปถวายตามมติของสภาฯ” ในส่วนรัฐบาลพระยาพหลฯ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้จัดส่ง
โทรเลขถวายพระพรและไว้อาลัยไปถวายโดยผา่ นทางอคั รราชทูตไทยประจากรุงลอนดอน ถงึ อย่างไรก็ดี
พระยาพหลฯ ก็ได้แสดงจิตใจของชายชาติทหารไว้อย่างมากมายตราบจนวันท่ี ๑๒ มีนาคม
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงตอบโทรเลขกลบั มีข้อความว่า “ขา้ พเจ้าและชายา ขอบใจรัฐบาลท่ีได้
แสดงความหวงั ดมี า ขา้ พเจา้ มีความเสียใจท่ขี ้าพเจ้าและรัฐบาลไม่สามารถจะตกลงกันได้ในปัญหาต่างๆ
ซ่ึงเรามีความเห็นแตกต่างกันข้าพเจ้าขอให้รัฐบาลมั่นใจว่าข้าพเจ้ามิได้รู้สึกโกรธขึ้งและแค้นเคือง
เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนนั้นเลย และขอให้รัฐบาลบรรลุความสาเร็จทุกประการ” น่ีคือการเปิดพระอุระครั้ง
สุดทา้ ยอย่างนักกีฬาแท้ของกษตั รยิ ์นอกบัลลงั ก์

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั ผู้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนญู โดยหวงั อย่างยิ่งที่จะได้ทรง
มีสว่ นวางรากฐานอนั มั่นคงใหแ้ ก่ระบอบประชาธปิ ไตยให้แกป่ วงชนชาวไทย แต่แล้วการปกครองกลับไม่
เปน็ ไปตามพระราชหฤทัยที่พระองค์ทรงตั้งไว้ พระองค์จึงตัดสินพระทัยเสด็จพระราชดาเนินออกนอก
ประเทศ และสละราชสมบัติในท่ีสุด สาหรับเน้ือหาท้ังหมดน้ีได้คัดย่อเรียบเรียงใหม่จากหนังสือ
“เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ” วิทยานิพนธ์แห่งชีวิต ประพันธ์โดย นายหนหวย เมื่อ
๓๑ ตุลาคม ๒๕๓o

“เจ้าฟ้าประชาธิปก ราชันผู้นิราศ” ยังมีสาระอีกมากท่ีไม่สามารถเรียบเรียงให้หมดในจุลสาร
สมาคมฯ ฉบบั นี้ พระราชประวัติหลงั สละราชสมบัติ การใชช้ ีวิตสว่ นพระองค์รว่ มกับสมเด็จพระบรมราชินี
ณ ประเทศอังกฤษ การถูกฟ้องร้องโดยรฐั บาล ตลอดจนการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บและภัยสงคราม ที่คน
ไทยรุ่นใหม่น้อยคนที่จะรับทราบ น้ันเป็นเร่ืองที่น่าติดตามได้ต่อไปในฉบับหน้า “เจ้าฟ้าประชาธิปก
ชนั ผูน้ ริ าศ (ตอนจบ)”

๑๒
จลุ สารสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกลา้


Click to View FlipBook Version