โคลงสี่สภุ าพ
ใบความรู้ เร่อื ง โคลงสส่ี ภุ าพ
วชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๓๑๑๐๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔
โคลงสส่ี ุภาพ เป็นโคลงชนดิ หน่ึงท่กี วนี ยิ มแตง่ มากทสี่ ดุ ดว้ ยเสน่ห์ของการบังคบั วรรณยุกต์เอกโท
ท่ีลงตัว ไพเราะสวยงาม คำว่า สุภาพ หมายถงึ คำทมี่ ิไดม้ รี ูปวรรณยุกต์
การแต่งโคลงสส่ี ุภาพใหถ้ ูกต้องสมบูรณน์ ั้น แต่งได้ค่อนข้างยาก เพราะบางคร้ังต้องรักษาเนอ้ื ความ
ไว้ จงึ อนโุ ลมใหใ้ ชค้ ำที่บงั คับรูปวรรณยกุ ตเ์ อก หรือโทตรงตามแผนผงั ฉนั ทลกั ษณอ์ ย่างเครง่ ครัด สว่ นคำอืน่ ท่ี
มิได้บงั คบั รูปวรรณยุกต์ จะใช้คำท่ีมีรูปวรรณยุกต์หรอื ไม่ก็ได้ ขึ้นอยกู่ บั เนือ้ ความในโคลง
แผนผงั โคลงส่สี ุภาพ
ตวั อย่าง
จากมามาล่ิวลํ้า ลำบาง
บางยี่เรอื ราพลาง พพี่ รอ้ ง
เรอื แผงชว่ ยพานาง เมียงมา่ น มานา
บางบร่ บั คำคล้อง คลา่ วนํา้ ตาคลอ
(โคลงนิราศนรนิ ทร์)
ลกั ษณะของโคลงส่ีสุภาพ
๑. คณะ โคลงส่สี ภุ าพ ๑ บท มี๔ บาท บาทหน่ึงมี ๒ วรรค วรรคหน้ามวี รรคละ ๕ คำ วรรคหลังของ
บาทที่ ๑, ๒ และ ๓ มีวรรคละ ๒ คำ วรรคหลังของบาทที่ ๔ มี ๔ คำรวมเป็น ๓๐ คำ (๑ บท = ๑ โคลง)
เมอื่ นำคำหลายพยางคม์ าใช้ในการแตง่ โคลง ทำให้มีเสยี งเบาท่ีประสมสระเสยี งสน้ั และไมม่ ีตัวสะกด อนุโลมให้
รวบเขา้ เป็นพยางค์เดียวกับพยางค์ถดั ไปได้และนับเปน็ ๑ พยางคห์ รือ ๑ คำ ตามขอ้ บงั คับได้
ตัวอย่าง
ถนดั หนงึ่ บอนเสียดซอน ซ่านไส้
คำวา่ “ถนดั ” เปน็ คำ ๒ พยางค์ คอื ถะ-หนดั เน่ืองจาก ถะ มีเสียงเบา จงึ อาจรวบเข้ากบั พยางค์ถดั ไป
คอื หนดั ทำให้ “ถนดั ” เหลือ ๑ พยางค์ ดงั น้ัน โคลงวรรคนีจ้ งึ มี ๕ พยางค์ คือ
๑)ถนัด ๒)หนึ่ง ๓)บอน ๔)เสียด ๕)ซอน
๒. สัมผัส คำสุดท้ายของวรรคหลังในบาทแรก จะส่งสัมผัสไปยังคำท่ี ๕ ของบาทท่ี ๒ และบาทที่ ๓
และคำสดุ ท้ายของวรรคหลงั ในบาทท่ี ๒ จะต้องสัมผสั กับคำท่ี ๕ ของบาทที่ ๔ การแตง่ โคลงสี่สภุ าพ ๒ บทขึ้น
ไป จะต้องมกี าร “ร้อยโคลง” ได้แก่ คำสุดทา้ ยของบท จะต้องสมั ผัสกับคำใดคำหนึง่ ของบาทที่ ๑ ในบทต่อไป
ตัวอยา่ ง
อยุธยายศลม่ แล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤๅ
สงิ หาสน์ปรางคร์ ัตน์บรร เจดิ หล้า
บญุ เพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรอื งแฮ
บังอบายเบกิ ฟ้า ฝกึ ฟื้นใจเมอื ง
เรอื งเรืองไตรรตั น์พ้น พนั แสง
รนิ รสพระธรรมแสดง คำ่ เช้า
เจดยี ์ระดะแซง เสียดยอด
ยลย่งิ แสงแก้วเก้า แกน่ หลา้ หลากสวรรค์
๓. การบังคับเอกโท มีคำเอก ๗ ตำแหน่ง โท ๔ ตำแหน่ง (ดูแผนผัง) รูปวรรณยุกต์เอกโท
ในบาทท่ี ๑ สลับทก่ี ันไดค้ อื นำเอกไปไวใ้ นตำแหน่งที่ ๕ โทไว้ในตำแหน่งท่ี ๔ ซงึ่ ใชไ้ ด้กบั โคลงทกุ ชนดิ
คำเอก คอื คำทก่ี ำกับดว้ ยรปู วรรคยุกต์เอก เช่น แก่ ค่า ใส เฉพาะคำเอกนใ้ี นโคลง อนุญาตให้ใช้
คำตายแทนได้ คำตาย คือ คำที่สะกดในแม่ กก กด กบ เช่น ปิด ฉาก นัด พบ สวัสดิ์ ศิริ
คำโท คอื คำที่กำกับดว้ ยรูปวรรณยกุ ต์โท เชน่ รอ้ ง ไห้ ไม้ ล้ม ต้ม ขา้ ว
มาด่านด่านบร่ ้อง เรยี กพัก พลเลย
ตาหลง่ิ ตาเหลวปกั ปดิ ไว้
ตาเรยี มหลง่ั ชลตกั ตวงยา่ น
ไฟด่านดบั แดไหม้ มอดม้วยฤๅมี
สแี ดง คือ คำเอก
สีฟ้า คอื คำโท
๔. กฎของโคลงสีส่ ภุ าพ
๑) คำท่ี ๗ ของบาทท่ี ๑ และคำท่ี ๕ ของบาทท่ี ๒ และ ๓ หา้ มใช้คำท่มี ีรปู วรรณยกุ ต์
๒) หา้ มใช้คำตายท่ีผันด้วยวรรณยกุ ตโ์ ท ในตำแหนง่ โท
๓) ตำแหนง่ โท ตอ้ งใช้คำท่มี วี รรณยุกต์โทเทา่ นน้ั ห้ามใชเ้ สียงโทท่ีไม่มรี ูปวรรณยกุ ต์หรือวรรณยกุ ตเ์ อก
แตเ่ สียงโท
๔) คำสดุ ท้ายของบท ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยกุ ต์ นยิ มลงดว้ ยเสียงจัตวาไมม่ ีรูปวรรณยุกต์
หรอื จบด้วยคำสามญั กไ็ ด้
๕) ไม่ใช้คำเอกโทษ โทโทษ ในตำแหน่งเอกโท เพราะถือว่าเป็นการมักง่าย และทำให้เสียรูปคำ
แมว้ ่าโบราณผ่อนผันใหใ้ ชไ้ ด้กต็ าม
๖) คำตายใชแ้ ทนคำเอกได้
๗) หากยังไมส่ ้นิ กระแสความ อาจเพม่ิ คำสร้อยลงไปในท้ายบาทที่ ๑, ๓ และ ๔ ได้
คำสรอ้ ย คอื คำทแี่ ตง่ ท้ายบาทของโคลงตามข้อบังคบั เพอ่ื ทำให้ได้ใจความครบถ้วน ถ้าโคลงบาทใดได้
ความครบถ้วนแลว้ ก็ไมต่ ้องเติมคำสร้อย ตำแหนง่ ทก่ี ำหนดใหเ้ ติมคำสร้อยคอื ทา้ ยบาทท่ี 1 และท้ายบาทท่ี 3
คำสร้อยต้องมแี หง่ ละ 2 คำเสมอ โดยคำแรกเปน็ คำสภุ าพทีต่ ้องการเสริมความให้สมบูรณ์ สว่ นคำหลัง
มักลงท้ายด้วยคำต่อไปนี้ “พ่อ แม่ พี่ รา แล เลย เอย นา นอ เนอ ฤๅ ฮา แฮ เฮย” และมีอีกคำหนึ่งที่พบใน
โคลงโบราณ คือคำว่า “บารน”ี ซงึ่ ใชค้ ำสร้อยไดค้ รบพยางคโ์ ดยไม่ตอ้ งเตมิ คำอนื่
๘) โคลงสส่ี ุภาพถือวา่ เปน็ หลกั ของโคลงท่ัวไป
๙) บาทแรกของโคลงส่สี ภุ าพ นยิ มยอ่ หนา้ ทกุ คร้ัง