The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by พัทลุง กศน.จังหวัด, 2023-07-22 04:03:59

สื่อดิจิทัล

สื่อดิจิทัล

สื่อดิจิ ดิจิทัล DIGITAL MEDIA


สื่อดิจิทัล จัดทำ โดย นางสาวปัณณชญา โอฬาริ สาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ รุ่นที่ 11


สื่อดิจิทัลสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ Paid Media, Earned Media และ Owned Media เป็นวิธีแยกประเภทสื่อตามลักษณะการได้ มาของสื่อและการผลิตสื่อ ซึ่งสื่อแต่ละประเภทต่างก็ มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันไป ประเภทของสื่อดิจิทัล


Owned Media หรือ สื่อที่แบรนด์เป็นเจ้าของ คือ สื่อ ที่หน่วยงานธุรกิจสร้างขึ้นเพื่อใช้เผยแพร่เนื้อหาผ่านช่องทางของตัวเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเผยแพร่เนื้อหา อาทิ เว็บไซต์ธุรกิจ, บัญชี โซเชียลมีเดีย, สิ่งพิมพ์ดิจิทัล, อีเมล์ รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ การใช้สื่อ Owned Media จึงเป็นเหมือนสินทรัพย์ทางการตลาดที่แบรนด์เป็นเจ้าของ นั่น หมายความว่า แบรนด์สามารถควบคุมได้ตั้งแต่ข้อความ รูปลักษณ์และสี สรรไปจนถึงรูปแบบเนื้อหา, ความถี่ในการอัปเดต, วิธีการเผยแพร่และวิธี กประชาสัมพันธ์ สื่อที่แบรนด์เป็นเจ้าของ มีบทบาทสำ คัญในการสื่อสารกับสมาชิก ลูกค้า ประจำ ผู้มุ่งหวัง พนักงาน หุ้นส่วนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจให้รับรู้ถึง ข้อมูลข่าวสารของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง อาทิ คู่มือการใช้งาน การอัพเดต คุณสมบัติใหม่ๆ หรือโซลูชันสำ คัญที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายรับความรู้ถึง ความเชี่ยวชาญและความสามารถของสินค้าและบริการ ในขณะเดียวกันก็ ถูกใช้เป็นสื่อสำ หรับดึงดูดผู้ชม ผู้สนใจและหล่อเลี้ยงให้กลายเป็นผู้มุ่ง หวังเพื่อนำ ไปสู่การเปลี่ยนพวกเขากลายเป็นลูกค้าในอนาคต 1.Owned media


สามารถปรับแต่งเนื้อหาได้ตามที่ต้องการ เผยแพร่ได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลาที่ต้องการ เป็นสื่อที่ผู้บริโภคใช้สำ หรับอ้างอิงข้อมูล เสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดี ช่วยประหยัดตันทุนการสื่อสาร เป็นหลักประกันทางตลาดให้กับธุรกิจ ช่วยกระตุ้นการขาย ซื้อซ้ำ หรือใช้ซ้ำ ช่วยให้การปิดการขายรวดเร็วยิ่งขึ้น จุดเด่น : สร้างการรับรู้ได้จำ กัด เนื้อหาอาจถูกละเลยได้โดยง่าย ต้องการพนักงาน (หรืองบประมาณ) เพื่อสร้างข้อมูลและแพลตฟอร์ม จุดด้อย :


Paid Media หรือ สื่อที่ต้องชำ ระเงินเพื่อเผยแพร่ คือ สื่อที่แบรนด์ต้องจ่ายเงินสำ หรับซื้อพื้นที่ เวลา หรือตำ แหน่ง สำ หรับเผยแพร่เนื้อหาของแบรนด์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่นิยมใช้ สื่อนั้นๆ อาทิ โฆษณาบนโซเชียลมีเดีย, โฆษณาบน Google แบนเนอร์บนเว็บไซต์, โฆษณาทางหนังสือพิมพ์, สปอตโฆษณาทางวิทยุ, การเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานประชุม รายการโทรทัศน์, บล็อกเกอร์, ยูทูปเบอร์ หรืออาจเรียกว่า " อินฟลู เอนเซอร์ " ที่ช่วยรีวิวสินค้า สื่อแบบชำ ระเงิน ใช้เพื่อดึงดูดความ สนใจและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง มีบทบาทสำ คัญที่ช่วยให้กลุ่มเป้า หมายพบเห็นเนื้อหาโฆษณาที่ต้องการเผยแพร่ได้ทันทีโดยไม่ต้อง รอให้คนมาติดตามหรือพิมพ์ค้นหา เนื้อหาโฆษณาส่วนใหญ่จะ ปรากฏในลักษณะขัดจังหวะหรือแทรกขณะที่กลุ่มเป้าหมายกำ ลังรับ ชมเนื้อหาหลัก 2.Paid media


ไม่สามารถการันตีได้ว่ากลุ่มเป้าหมายจะซื้อความคิดของคุณ เพราะเป็นการสื่อสารทางเดียว ผู้บริโภคมักเพิกเฉยกับโฆษณาหากข้อเสนอไม่ตรงกับความ ต้องการ การเผยแพร่เนื้อหาให้ครอบคลุมทำ ได้ยากลำ บาก ต้นทุนการเผยแพร่เนื้อหาโฆษณาผ่านสื่อแบบชำ ระเงินเพิ่ม สูงขึ้น จากผลสำ รวจพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าเนื้อหาโฆษณา เป็นสิ่งรบกวน การควบคุมเนื้อหาทำ ได้เพียงบางส่วน อาทิ ข้อความหรือ แนวคิดโฆษณาที่สร้างสรรค์ และบางส่วนที่ไม่สามารถควบคุม ได้ อาทิ อัลกอลิทึมของโซเชียลมีเดีย หรือหน่วยงาน กสทช. ที่คอยควบคุมเนื้อหาโฆษณาที่เผยแพร่ผ่านสื่อ จุดด้อย : เป็นสื่อที่ช่วยสร้างการรับรู้เนื่องจากการโฆษณาทาง ออนไลน์มีต้นทุนต่ำ ทำ ให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถสร้าง การรับรู้ได้รวดเร็วและคุ้มค่ากว่าการใช้สื่อแบบดั้งเดิม เป็นสื่อที่ช่วยเติมเต็มความสามารถของ Owned Media และ Earned Media มีความหลากหลายทั้งขนาด รูปแบบ ราคาที่เหมาะกับ ธุรกิจออไลน์ จุดเด่น :


Earned Media หรือ สื่อที่ผู้อื่นสร้างให้ คือ สื่อที่ได้ มาจากการพูดถึงหรือบอกต่อ แตกต่างจาก Paid Media และ Owned Media เนื่องจากแบรนด์ไม่สามารถควบคุมทิศทางเนื้อหาที่ผ่านสื่อชนิดนี้ ได้ เพราะเนื้อหานั้นได้มาจากการผู้ที่ได้ทดลองใช้สินค้าหรือบริการ หรือผู้ ชม ผู้สนใจได้รับเนื้อหาคุณภาพที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์จึงยินดีที่จะ เผยแพร่ แชร์เนื้อหา รีวิว หรือบอกต่อให้กับคนอื่นๆ ในเครือข่ายของพวก เขาได้รับรู้ร่วมกันการที่ผู้คนเขียนถึงธุรกิจของคุณซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของ บทความในหนังสือพิมพ์ ลิงก์ในบล็อก หรือการแบ่งปันเนื้อหาผ่านเครือ ข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) จึงมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของคุณมีชื่อ เสียงและเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากความเชี่ยวชาญของคุณ ซึ่งอาจรวมไปถึงการ ถูกเชิญเข้าร่วมเพื่อพูดในงานประชุมหรือสัมมนาต่างๆสื่อที่ผู้อื่นสร้างให้ จึง มีเป็นสื่อมีค่ากับแบรนด์มากที่สุด เป็นเหมือนกระจกที่ช่วยสะท้อนผลการ ทำ งานทั้งหมดในธุรกิจของคุณ 3.Earned media


ช่วยกระจายเข้าถึงผู้คนจำ นวนมาก (Viral Marketing) ช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ของคุณน่าเชื่อ ถือ ด้วยเสียงที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้มี ประสบการณ์กับแบรนด์ของคุณ เป็นสื่อที่มักจะมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ จุดเด่น : หากเนื้อหาที่กระจายออกไปเป็นเนื้อหาเชิงลบ หรือไม่ต้องการให้เกิดการแบ่งปัน คุณจะไม่ สามารถควบคุมได้ ไม่สามารถบอกผลกระทบของกิจกรรมจาก Earned Media จะเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ใดหรือมาก เพียงใด เป็นสื่อที่สร้างผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ แบรนด์ จุดด้อย :


สื่อดิจิทัล (Digital Media) เป็นสื่อที่มีการ นำ ข้อความ กราฟิก ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ มาจัดรูปแบบ ตามกระบวนการและวิธีการผลิตโดยนำ มาเชื่อมโยงกันให้เกิด ประโยชน์ในการใช้งาน โดยอาศัยเทคโนโลยีความเจริญก้าว หน้าทางด้านคอมพิวเตอร์ มีบทบาทในแง่มุมการผลิตและ ช่องทาง การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สร้าง ขึ้นมาทดแทนสิ่งที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ราคาถูกลงและ รักษาไว้ ซึ่งคุณภาพ สื่อดิจิทัลประกอบด้วยพื้นฐาน 5 องค์ประกอบ ด้วยกัน คือ กระบวนการผลิตสื่อ


3. ภาพนิ่ง (Still Image) เป็นภาพที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่น ภาพถ่าย ภาพวาด และ ภาพลาย เส้น มีความน่าสนใจมากกว่า ข้อความหรือตัวอักษร เพราะสามารถถ่ายทอดความหมายได้ ดีกว่า สื่อความหมายได้ทุกชนชาติ ภาพนิ่งมักแสดงอยู่บนสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์วารสาร ทางวิชาการ เป็นต้น 4. ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เป็นภาพกราฟิกที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงขั้นตอน หรือ ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดแรงจูงใจ 5. ภาพวิดีโอ (Video) สามารถนำ เสนอข้อความหรือรูปภาพ ทั้งภาพนิ่งและ ภาพเคลื่อนไหว ประกอบกับเสียงได้สมบูรณ์มากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่นๆ ซึ่งนับว่าเป็นองค์ประกอบสำ คัญ อย่างมาก องค์ประกอบของสื่อดิจิทัล 1. ข้อความ (Text) แสดงรายละเอียดหรือเนื้อหาของเรื่องที่นำ เสนอ ถือเป็น องค์ประกอบพื้นฐาน ที่สำ คัญ 2. เสียง (Audio) ถูกจัดเก็บในรูปของสัญญาณดิจิทัลที่สามารถเล่นซ้ำ ได้ โดยใช้ โปรแกรม เฉพาะที่ออกมาใช้งานด้านเสียง โดยเสียงสามารถนำ เข้าผ่านทางไมโครโฟน แผ่นซีดี ดีวีดี เทป และวิทยุ หากมีการใช้เสียงที่เร้าใจสอดคล้องกันเนื้อหาในการนำ เสนอจะช่วยให้สื่สมบูรณ์ แบบ มากยิ่งขึ้น เสียงมีอิทธิพลต่อผู้ใช้มากกว่าข้อความและภาพนิ่ง จึงเป็นองค์ประกอบที่ จำ เป็น


ประโยชน์ของ Digital Marketing 1. ทำ Digital Marketing ค่าใช้จ่ายไม่สูง ประโยชน์ของการทำ Digital Marketing ที่เห็นได้ชัดมากๆ เลยก็คือ ค่าใช้จ่ายที่อยู่ในระดับที่ ไม่สูงเกินไป แถมยังเป็นการจ่ายเงินค่าโฆษณาที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ในการทำ ตลาดของแบรนด์ ถ้าให้เทียบราคาของป้ายบิลบอร์ดใหญ่ๆ ตามสี่แยกทำ เลดีๆ หรือตาม สถานีรถไฟฟ้านับว่าค่อนข้างสูงเกินกว่าที่บริษัทเล็กๆ หรือ Startup จะสามารถเข้าถึงได้ภายใน ระยะเวลาสั้นๆ แต่หลังจากการเข้ามามีบทบาทของ Digital Marketing ก็ทำ ให้บริษัทที่ไม่ว่าจะ เล็กหรือใหญ่ก็สามารถทำ การ ตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ และทำ ได้อย่างเจาะจงด้วย (Audience Targeting) ซึ่งช่วยลดต้นทุนฟุ่มเฟือยจากการทำ การตลาดกับ “ คนที่ไม่ใช่” 2. ทำ การตลาดแบบไม่ต้องเดา ทำ ธุรกิจบนฐานข้อมูล (Data-Driven Marketing) การทำ การตลาดแบบเก่านั้นพูดได้เลยว่าค่อนข้างยากในการตรวจสอบ Traffic ว่ามีโฆษณาของ เราผ่านหูผ่านตาลูกค้าที่เป็นเป้าหมายจริงๆ ของเราบ้างไหม หรือไม่มีเลย ซึ่งมักจะเป็นโจทย์ที่ ค่อนข้างยากของนักการตลาดที่จะนำ ผลลัพธ์มา ปรับปรุงกลยุทธ์ให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น แต่หลังจากการ Disrupt ของเทคโนโลยี ก็คือการที่เราสามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าได้ ง่าย สะดวกและน่าเชื่อถือมากขึ้นโดยการเก็บข้อมูลนั้นสามารถใช้งานได้โดยตรงจาก Platforms ที่เราใช้ทำ การ ตลาดได้เลยไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram หรือจะพึ่งพา Martech ในการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลก็ถือว่าสะดวกสบายเหมือนกัน ยิ่งเรามีข้อมูลที่เจาะจงพฤติกรรม เห็นความต้องการของลูกค้าได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ การสื่อสารกับลูกค้าจะยิ่งทรงพลัง มากยิ่งขึ้น 3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลา นี่คืออีกหนึ่งข้อดีของการทำ Digital Marketing ที่นับว่าเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่างระหว่าง ยุคดั้งเดิมและยุคดิจิทัล เราสามารถใช้ประโยชน์จากโลกไร้พรมแดนในการสื่อสารกับกลุ่มเป้า หมายหรือลูกค้าของเราได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าแพลตฟอร์มหรือช่องทางการทำ การตลาดออนไลน์ต่างๆ พร้อมสามารถระบุตำ แหน่งกลุ่มเป้าหมายที่จะทำ การตลาดได้อย่างแม่นยำ วิเคราะห์ได้ว่าผู้คนที่เข้า มาแวะเวียนเยี่ยมชมเรามาจากภูมิภาคไหนของโลกจุดแข็งตรงนี้เปิดโอกาสทั้งบริษัทใหญ่หรือเล็ก ได้ศึกษาและขยายฐาน ลูกค้าจากประเทศที่ต้องการ


4. เจาะจงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้ (Audience Targeting) ประโยชน์ข้อนี้คือสิ่งที่นักการตลาดทุกคนต้องการเป็นอย่างมาก เพราะการได้เจาะกลุ่มลูกค้าตามที่ เราวางไว้คืออีกหนึ่งก้าวที่สำ เร็จของการทำ การตลาด การทำ การตลาดแบบเดิมก็สามารถสื่อสารกับ ลูกค้าได้ แต่เราก็ไม่สามารถรับประกันได้เลย ว่าคนที่เห็นโฆษณาของเราคือลูกค้าของเราจริงๆ การ ใช้เบ็ดที่เหมาะสมย่อมดีกว่าการหว่านแหเพื่อตกปลาพันธ์ุที่เราต้องการ Digital Marketing จึงเข้ามาช่วยนักการตลาดในการเจาะกลุ่มลูกค้าซึ่งสามารถเฉพาะเจาะจงได้ขนาดเพศ อายุ สถานที่ หรือแม้แต่อาชีพ และทำ ให้เราวางใจได้ว่านี่คือกลุ่มคนที่เห็นโฆษณาของเรา 5. เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น ผ่านการติดตาม Customer ’ s Journey เคยไหมเวลาที่เราเห็นสินค้าอะไรที่ไม่เคยอยากได้มาก่อน แต่พอเห็นคนอื่นใช้ เห็นโฆษณาบ่อย เข้าทุกวัน เริ่มทำ ให้เกิดความคิดและลังเล จนตัดสินใจซื้อสิ่งนั้นในที่สุด Digital Marketing สามารถสร้างและติดตาม Customer Journey ของลูกค้าได้ ผ่านหลายเว็บไซต์ที่ให้เรามาค้นหา Keyword ที่ลูกค้ากำ ลังสนใจหรือเคยค้นหาซ้ำ ๆ บนโลกออนไลน์ ถ้าเรามีข้อมูลตรงนี้ในมือก็ สามารถที่จะ Connect กับลูกค้าของเรา ผ่านกระบวนการ Search Engine Optimization ได้เลย แถมยังผลิตงานให้ตรงตามความต้องการอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการส่งข้อมูลที่ถูก Personalized ให้ลูกค้า


6. เพิ่มพูนผลลัพธ์ ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย (Increase Conversion Rate) อีกอย่างที่ Digital Marketing อยู่เหนือกว่าการทำ การตลาดแบบดั้งเดิมคือการที่เราสามารถใช้ กระบวนการเปลี่ยน Leads ให้เป็น Customers ซึ่งดีตรงที่ว่าไม่ใช่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราทุก คนจะซื้อของของเรา แต่เราสามารถที่จะใช้กลยุทธ์ Sales Funnel เพื่อดึงดูดให้ leads กลายมา เป็นลูกค้าของเรา และยังสามารถ retarget ให้ลูกค้าเก่ากลับมาซื้อของของเราอีกรอบ ซึ่งเป็นจุด แข็งที่ออฟไลน์ทำ ไม่ได้ ถ้าคนไม่สนใจ ก็สามารถหลุดจากวงโคจรของแบรนด์เราไปเลย 7. ทำ การตลาดบนความต้องการของลูกค้า (Customer Insight) สิ่งที่ทำ ให้ Digital Marketing มีชัยเหนือกว่าแบบ Traditional Marketing คือการที่ เรา สามารถทำ ความตลาดบนความต้องการของลูกค้าได้เลย เพราะว่าเรามีข้อมูล (Insight) ทั้งจาก Social Media เช่น Facebook Insight หรือจาก Search Engine ผ่าน Google Trends หรือ การทำ Keyword Research ที่บอกปริมาณการค้นหาคำ ข้อมูลหรือ Insight เหล่านี้ ทำ ให้ธุรกิจทราบว่า ผู้คนกำ ลังสนใจอะไรอยู่ ช่วยให้เราสามาถนำ ข้อมูลนี้มาใช้กระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าได้ให้มากยิ่งขึ้น ดีกว่าการกระตุ้นเขาจากภายนอก แบบอย่าง Traditional Marketing เคยทำ


Click to View FlipBook Version