รายงานปัญหาสุขภาพในชุมชนโรงเรียนสามเสนวทิ ยาลัย
เสนอ
ครูศรรี ดา ดอกตาลยงค์
จัดทาโดย
นักเรยี นช้นั มัธยมศกึ ษาปี ท่ี 3/5
รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของวิชาสุขศึกษา (พ 23103)
ภาคเรยี นท่ี 2 ปี การศกึ ษา 2565
โรงเรียนสามเสนวทิ ยาลัย
คานา
รายงานฉบับนีเ้ ป็ นสว่ นหนึ่งของวชิ า สุขศกึ ษา (พ23103) จดั ทาขึน้ โดยมี
วัตถปุ ระสงคเ์ พอ่ื รวบรวมปัญหาสุขภาพทท่ี าให้คนไทยเสียชวี ิตการวเิ คราะห์
หาสาเหตุของปัญหาสุขภาพในชุมชน และการเสนอแนวทางการแกไ้ ขปัญหา
ในชุมชนในฐานะทเ่ี ป็ นสว่ นหนึ่งของชุมชน คณะผจู้ ัดคาดหวังเป็ นอยา่ งยิ่งวา่
การจัดทารายงานฉบบั นีจ้ ะมขี ้อมูลทเ่ี ป็ นประโยชนต์ อ้ ผ้ทู สี่ นใจศึกษาปัญหา
สุขภาพไดเ้ ป็ นอย่างดี
สารบัญ
กระบวกการแกไ้ ขปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 2
การวิเคราะหห์ าสาเหตขุ องปัญหาสขุ ภาพ 4
แนวทางแกแ้ กไ้ ขปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน 7
บรรณานกุ รม 9
กระบวนการแกไ้ ขปัญหาสุขภาพในชุมชน
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลปัญหาสุขภาพ
จากการสารวจปัญหาท่ีทาใหค้ นไทยเสยี ชีวิตกบั กลมุ่ เปา้ หมาย
(กลมุ่ นกั เรยี นระดบั ชน้ั ท่ี 6) ในโรงเรยี นสามเสนวทิ ยาลยั จานวน 21 คนพบไดด้ งั นี้
ตารางที่ 1 แสดงจานวนและรอ้ ยละของเพศกลมุ่ เปา้ หมาย
เพศ จานวน ร้อยละ
ชาย 9 42.9
หญงิ 12 57.1
รวม 21 100
จากตารางท่ี 1 พบว่าผทู้ เี่ ข้าเราไดท้ าการทาการสารวจเป็ นเพศหญงิ
มากทส่ี ุด ร้อยละ 57.1 รองลงมาเป็ นเพศชาย ร้อยละ 42.9
ตารางท่ี 2 แสดงจำนวนและรอ้ ยละของปัญหำสขุ ภำพในชุมชนทท่ี ำใหค้ น
ไทยเสยี ชวี ติ
ปัญหาสขุ ภาพ จานวน รอ้ ยละ
11 52.4
ปัญหำกำรไมใ่ หค้ วำมสำคญั ในกำร
ดแู ลสขุ ภำพ 7 33.3
ปัญหำควำมเครยี ด 3 14.3
ปัญหำโรคทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ระบบ
ทำงเดนิ หำยใจ - -
ปัญหำโรคตดิ ตอ่ ทำงเพศสมั พนั ธ์ 21 100
รวม
จำกตำรำงท่ี 2 พบวำ่ ปัญหำสขุ ภำพทท่ี ำใหค้ นเสยี ชวี ติ มำกทส่ี ดุ
ไดแ้ ก่ ปัญหำกำรไม่ใหค้ วำมสำคญั ในกำรดูแลสขุ ภำพ รอ้ ยละ 52.4
รองลงมำ ปัญหำควำมเครยี ด รอ้ ยละ 33.3 ปัญหำโรคทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ระบบ
ทำงเดนิ หำยใจ รอ้ ยละ 14.3
ตารางที่ 3 แสดงจำนวนและรอ้ ยละสำเหตุทท่ี ำใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพ
สาเหตขุ องปัญหาสขุ ภาพ จำนวน รอ้ ยละ
พฤตกิ รรมสขุ ภำพทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง 10 47.6
สภำพเศรษฐกจิ และสงั คม 9 42.9
เชอ้ื โรคต่ำงๆ 2 9.5
มสี ถำนบนั เทงิ สถำนเรงิ รมยต์ ำ่ งๆ - -
มำกมำย
รวม 21 100
จำกตำรำงท่ี 3 พบวำ่ สำเหตทุ ท่ี ำใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพมำกทส่ี ดุ ไดแ้ ก่
พฤตกิ รรมสขุ ภำพทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง รอ้ ยละ 47.6 รองลงมำ สภำพเศรษฐกจิ และ
สงั คม รอ้ ยละ 42.9 เชอ้ื โรคต่ำงๆ รอ้ ยละ 9.5
ตารางท่ี 4 แสดงจำนวนและรอ้ ยละของกำรแกป้ ัญหำสขุ ภำพ
การแก้ไขปัญหาสุขภาพ จานวน ร้อย
ละ
1 ศกึ ษำ รวบรวมขอ้ มลู ปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน 4 19
2 มสี ขุ นสิ ยั ทด่ี ใี นกำรป้องกนั โรค 5 23.8
3เขำ้ รว่ มในกจิ กรรมของโรงเรยี นหรอื ชมุ ชนในกำร 1 4.9
สง่ เสรมิ สขุ ภำพ
4 ชว่ ยประชำสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขำ่ วสำรปัญหำสขุ ภำพใน 2 9.5
ชุมชน
5 ชกั ชวนเพอ่ื นสอดสอ่ งดูแล แกไ้ ขปัจจยั ตำ่ งๆทอ่ี ำจ 2 9.5
ก่อใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพในชุมชน
6 หลกี เลย่ี งกำรกระทำทอ่ี ำจกอ่ ใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพ 2 9.5
ในชมุ ชน
7หำกมปี ัญหำทำงดำ้ นสขุ ภำพควรรบี ปรกึ ษำผใู้ หญ่ 3 14.3
8มสี ว่ นรว่ มในกำรตดิ ตำมและกำรประเมนิ ผลในกำร 2 9.5
แกไ้ ขปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน
รวม 21 100
จำกตำรำงท4่ี เรำจะเหน็ ไดช้ ดั วำ่ แนวทำงแกไ้ ขสขุ ภำพทม่ี กี ำรไป
สำรวจและอยำกมสี ว่ นรว่ มมำกทส่ี ดุ คอื กำรมสี ขุ นิสยั ดใี นกำรป้องกนั โรค
รอ้ ยละ 23.8 รองลงมำคอื กำร ศกึ ษำรวมรวมขอ้ มลู ปัญหำสุขภำพในชุมชน
รอ้ ยละ 19 ต่อมำคอื กำรทถ่ี ำ้ หำกมปี ัญหำดำ้ นสขุ ภำพควรรบี ปรกึ ษำผใู้ หญ่
รอ้ ยละ14.3 อนั ถดั มำเทำ่ กนั 4 อยำ่ ง รอ้ ยละ 9.5 ไดแ้ ก่ กำรชว่ ย
ประชำสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขำ่ วสำรปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน, กำรชกั ชวนเพอ่ื น
สอดสอ่ ง ดแู ล แกไ้ ขปัจจยั ต่ำงๆ ทอ่ี ำจก่อใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพในชุมชน,
หลกั เลย่ี งกำรกระทำทอ่ี ำจก่อใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพในชุมชน, กำรมสี ว่ นรว่ ม
ในกำรตดิ ตำมและกำรประเมนิ ผลในกำรแกไ้ ขปัญหำสขุ ภำพในชุมชน
และอนั สดุ ทำ้ ยมอี ตั รำกำรเลอื กทน่ี ้อยทส่ี ดุ โดยมคี นเลอื กรอ้ ยละ 4.9 ไดแ้ ก่
กำรเขำ้ รว่ มในกจิ กรรมของโรงเรยี นในกจิ กรรมของโรงเรยี นหรอื ชมุ ชนใน
กำรสง่ เสรมิ สขุ ภำพ
2. การวิเคราะห์หาสาเหตขุ องปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน
จำกกำรสำรวจปัญหำสขุ ภำพทท่ี ำใหค้ นไทยเสยี ชวี ติ กบั
กลมุ่ เป้ำหมำยในโรงเรยี นสำมเสนวทิ ยำลยั จำนวน 20 คน พบวำ่ ปัญหำ
สขุ ภำพทท่ี ำใหค้ นไทยเสยี ชวี ติ มำกทส่ี ดุ ไปหำน้อยทส่ี ดุ มสี ำเหตุ ดงั น้ี
อนั ดบั ท่ี 1
ซง่ึ โดยทวั่ ไปบคุ คลมกั หำเหตุผลเขำ้ ขำ้ งตนเอง หรอื หำขอ้ อำ้ งวำ่ “ไมม่ เี วลำ”
เช่น ไมม่ เี วลำในกำรออกกำลงั กำย ไมม่ เี วลำไปตรวจสขุ ภำพประจำปี ไมม่ ี
เวลำในกำรกนิ อำหำรโดยเลอื กบรโิ ภคอำหำรจำนด่วนหรอื อำหำรปรงุ สำเรจ็
เป็นประจำ เพรำะคนในชมุ ชนเมอื งสว่ นใหญ่ตอ้ งเรง่ รบี กบั กำรตน่ื แต่เชำ้ เพอ่ื
เดนิ ทำงไปทท่ี ำงำน เน่ืองจำกกำรจรำจรคอ่ นขำ้ งตดิ ขดั และเวลำวำ่ งในกำร
ใชช้ วี ติ ประจำวนั ระหวำ่ งวนั ทำงำนมนี ้อยมำก ปัญหำกำรไมม่ เี วลำในกำร
ดแู ลสขุ ภำพของคนทอ่ี ำศยั อยใู่ นชมุ ชนเมอื ง จะสง่ ผลทำใหเ้ กดิ โรคอว้ น เป็น
ผลมำจำกกำรไมม่ เี วลำในกำรออกกำลงั กำย เพรำะเมอ่ื กนิ อำหำรเขำ้ ไปแต่
ไมม่ กี ำรออกกำลงั กำยกจ็ ะทำใหเ้ กดิ กำรสะสมของไขมนั ทบ่ี รเิ วณสว่ นตำ่ ง ๆ
ของรำ่ งกำย และโรคอว้ นยงั สง่ ผลกระทบทำใหเ้ กดิ โรคตำ่ ง ๆ อกี ดว้ ย เช่น
-โรคควำมดนั เลอื ดสงู คนอว้ นมคี วำมเสย่ี งทจ่ี ะกอ่ ใหเ้ กดิ ภำวะ
ควำมดนั เลอื ดสงู มำกกวำ่ คนไมอ่ ว้ น เน่ืองจำกผทู้ ม่ี นี ้ำหนกั มำกขน้ึ จะมรี ะดบั
ควำมดนั เลอื ดสงู ขน้ึ และพบวำ่ คนอว้ นประมำณรอ้ ยละ 46 เป็นโรคควำมดนั
เลอื ดสงู
-โรคเบำหวำนโรคอว้ นมผี ลอยำ่ งมำกกบั อตั รำกำรเกดิ
โรคเบำหวำนโดยทค่ี นอว้ นแบบอว้ นลงพุงจะมคี วำมเสย่ี งในกำรเป็น
โรคเบำหวำนมำกกวำ่ คนอ่นื
- โรคทเ่ี กย่ี วกบั ระบบหวั ใจ คนอว้ นจะหำยใจเขำ้ ออกลำบำก
เน่ืองจำกไขมนั ทม่ี ำกขน้ึ บรเิ วณทรวงอกจะขดั ขวำงกำรขยำยตวั ของทรวง
อกรวมทงั้ ไขมนั ในหลอดเลอื ด ทำใหเ้ หน่ือยงำ่ ยและคนอว้ นมำกมคี วำมเสย่ี ง
ตอ่ กำรเกดิ ภำวะหวั ใจลม้ เหลวมำกกวำ่ คนอ่นื
- โรคขอ้ เสอ่ื ม คนอว้ นจะมอี ำกำรขอ้ เสอ่ื ม กระดกู สนั หลงั เสอ่ื ม
ปวดเขำ่ ปวดหลงั เน่ืองจำกขอ้ ต่อต่ำง ๆ ตอ้ งแบกรบั น้ำหนกั ทม่ี ำกเกนิ
จำเป็น
อนั ดบั ที่ 2
เป็นปัญหำทำงสขุ ภำพจติ เพรำะสงั คมเมอื งมกี ำรแขง่ ขนั สงู มำก เรมิ่
ตงั้ แตอ่ อกจำกบำ้ น กม็ กั มคี วำมเครยี ดเขำ้ มำตลอดเวลำ เช่น รถเมลว์ นั น้จี ะ
มที น่ี งั่ หรอื ไม่ กำรจรำจรวนั น้จี ะตดิ ขดั ขนำดไหน จะถงึ ทท่ี ำงำนทนั หรอื ไม่
วนั น้จี ะโดนเจำ้ นำยตำหนหิ รอื ไม่วนั น้ตี อ้ งเตรยี มตวั ไปนำเสนอแขง่ กบั
บรษิ ทั อ่นื อยำ่ งไร เพอ่ื ใหบ้ รษิ ทั ของผวู้ ำ่ จำ้ งงำนสนใจ รวมถงึ ควำมเครยี ด
จำกสภำพเศรษฐกจิ และสงั คม
อนั ดบั ที่ 3
เพรำะในชุมชนเมอื งนนั้ จะมฝี ่นุ ละออง กำ๊ ซต่ำง ๆ และควนั พษิ จำกทอ่
ไอเสยี รถยนต์ เมอ่ื หำยใจและสดู ดมเป็นเวลำนำน อำจทำใหเ้ กดิ กำรเวยี น
ศรี ษะ คลน่ื ไส้ อำเจยี น หรอื ในบำงรำยอำจหมดสตไิ ด้ และถำ้ สะสมนำน ๆ ก็
จะกลำยเป็นสำรก่อมะเรง็ ใหแ้ ก่คนทห่ี ำยใจเขำ้ ไปเป็นประจำได้
อนั ดบั ที่ 4
ในชมุ ชนเมอื งสว่ นใหญจ่ ะมสี ถำนบนั เทงิ สถำนเรงิ รมยต์ ่ำง ๆ มำกมำย
ดงั นนั้ เมอ่ื มสี ถำนบนั เทงิ ในชุมชนเมอื งมำกกจ็ ะทำใหม้ โี อกำสเสย่ี งใหค้ นท่ี
ชอบทอ่ งรำตรหี รอื เทย่ี วกลำงคนื มโี อกำสตดิ โรคทำงเพศสมั พนั ธ์ เชน่ โรค
เอดส์ โรคซฟิ ิลสิ โรคหนองใน โรคหนองในเทยี ม และโรคตดิ ตอ่ ทำง
เพศสมั พนั ธอ์ ่นื ๆ
3 แนวทางการแก้ไขปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน
1 มสี ขุ นิสยั ทด่ี ใี นกำรป้องกนั โรค และป้องกนั กำรแพรร่ ะบำดของ
โรคตดิ ต่อสชู่ มุ ชน เช่น ลำ้ งมอื ดว้ ยน้ำและสบ่ทู กุ ครงั้ กอ่ นและหลงั กำรกนิ
อำหำร และหลงั กำรใชห้ อ้ งน้ำ ใชช้ อ้ นกลำงในกำรกนิ อำหำรทกุ ครงั้ ใส่
หน้ำกำกอนำมยั ปิดปำก ปิดจมกู เมอ่ื ทรำบวำ่ ตนเองมคี วำมผดิ ปกตทิ เ่ี กดิ กบั
ระบบทำงเดนิ หำยใจ หรอื มปี ัญหำกำรแพรร่ ะบำดของโรคตดิ ตอ่ ในชมุ ชน
เชน่ โรคไขห้ วดั ใหญส่ ำยพนั ธุใ์ หม่ โรคไขห้ วดั นก
2 ศกึ ษำ รวบรวมขอ้ มลู ปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชนของตนจำกแหลง่ ตำ่ ง ๆ
เช่น โรงพยำบำล โรงเรยี น หรอื อำจเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ดว้ ยตนเอง โดยใช้
กำรสงั เกต กำรสอบถำม กำรสมั ภำษณ์บคุ คลทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เช่น เจำ้ หน้ำท่ี
สำธำรณสขุ อำสำสมคั รสำธำรณสขุ (อสม.) วำ่ มปี ัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน
อะไรบำ้ ง เพอ่ื จะไดท้ รำบปัญหำทช่ี ดั เจนและป้องกนั ไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ ง
3 หำกมปี ัญหำทำงดำ้ นสขุ ภำพควรรบี ปรกึ ษำผใู้ หญ่และเลอื กใช้
บรกิ ำรสขุ ภำพทม่ี อี ยใู่ นชุมชนใหต้ รงกบั ปัญหำสขุ ภำพนัน้
4 ช่วยประชำสมั พนั ธข์ อ้ มลู ขำ่ วสำรเกย่ี วกบั ปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน
หรอื สถำนกำรณ์ของโรคต่ำงๆในปัจจุบนั ใหแ้ กบ่ คุ คลในครอบครวั และ
สมำชกิ อ่นื ๆ ในชุมชน
5 ชกั ชวนเพอ่ื น สมำชกิ ในครอบครวั บุคคลทค่ี ุน้ เคย และสมำชกิ ของ
ชุมชนในกำรรว่ มกนั สอดสอ่ ง ดแู ล แกไ้ ขปัจจยั ต่ำง ๆ ทอ่ี ำจก่อใหเ้ กดิ ปัญหำ
สขุ ภำพในชมุ ชน เช่น เมอ่ื พบภำชนะทม่ี นี ้ำขงั เช่น กะลำ ยำงในรถยนต์
กระถำงตน้ ไมท้ แ่ี ตก ควรคว่ำทง้ิ เสยี เพอ่ื ไมใ่ หเ้ ป็นแหล่งเพำะพนั ธุย์ งุ หรอื
เลย้ี งปลำหำงนกยงู ในอ่ำงน้ำเพอ่ื ขจดั ลกู น้ำยงุ ลำย
6 หลกี เลย่ี งกำรกระทำ หรอื พฤตกิ รรมทอ่ี ำจก่อใหเ้ กดิ ปัญหำสขุ ภำพ
ในชุมชน เชน่ กำรเผำขยะ เพรำะจะทำใหเ้ กดิ มลพษิ ทำงอำกำศ ควรใช้
วธิ กี ำรแยกขยะและนำไปทง้ิ ในสถำนทท่ี ท่ี ำงเทศบำล เขต หรอื หน่วยงำน
สว่ นทอ้ งถนิ่ จดั เตรยี มไว้
7 นกั เรยี นมสี ว่ นรว่ มในกำรตดิ ตำมและประเมนิ ผลในกำรแกไ้ ขปัญหำ
สขุ ภำพในชุมชนทกุ ครงั้ เพอ่ื จะไดท้ รำบวำ่ ปัญหำสขุ ภำพในชุมชนนนั้ ลดลง
ไปหรอื ไม่ เช่น อำจใชว้ ธิ กี ำรสงั เกต สอบถำม หรอื สมั ภำษณ์บุคคลท่ี
เกย่ี วขอ้ ง กำรศกึ ษำขอ้ มลู สถติ ทิ ำงดำ้ นสขุ ภำพทห่ี น่วยงำนตำ่ ง ๆ เกบ็
รวบรวมไว้
8 เขำ้ รว่ มในกจิ กรรมของโรงเรยี นหรอื ชมุ ชนในกำรสง่ เสรมิ สขุ ภำพ
หรอื แกไ้ ขปัญหำสขุ ภำพในชมุ ชน เชน่ เป็นอำสำสมคั รในกำรพฒั นำชุมชน
หรอื พฒั นำสงิ่ แวดลอ้ ม เขำ้ รว่ มเป็นสมำชกิ ของชมรมหรอื กลุ่มสนใจกำรออก
กำลงั กำย กำรคมุ้ ครองผบู้ รโิ ภค กำรอนุรกั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ ม กำรป้องกนั สำรเสพ
ตดิ รวมทงั้ ชกั ชวนเพอ่ื น สมำชกิ ในครอบครวั และบคุ คลใกลช้ ดิ เขำ้ รว่ มใน
กจิ กรรมดงั กล่ำวตำมควำมเหมำะสม
บรรณานุกรม
นายแพทยก์ ิตติ. (2563). สขุ ศึกษา มธั ยมศึกษาปี ที่3. พิมพค์ รงั้ ที่ 1.
กรงุ เทพ: เอมพนั ธ์จากดั .
ภาคผนวก
คณะผจู้ ดั ทำ
1 ปภำวี รุง้ พบิ ูลย์ 7 หน้ำท่ี สำรวจขอ้ มลู
2ณฐั พชั ร์ คงอยู่ 8 ทำรำยงำน
3เชญิ บุญ เฉลมิ วสิ ตุ มก์ ุล 20 ทำสำรวจ
4 ปวณิ ลคั นทนิ มงคล 25 ทำรำยงำน
5ปภงั กร อรรนิศำสขุ 17 ทำรำยงำน
6เปนไท อมั พปุ ระภำ 23 ทำสำรวจ
7วสุพนิ ท์ ไกรเกยี รตสิ กุล 30 ทำรำยงำน
8ธนณฏั ฐ์ จนั ทรพ์ ทิ กั ษ์ 42 ทำสำรวจ