The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

นาฏยศิลป์ สมัยรัชกาลที่4

นาฏยศิลป์

สมาชิกชิ นาฏยศิล ศิ ป์ สมัย มั รัช รั กาลที่ 4 ชิ้นชิ้งานที่ 2 นายหลัก ลั ชัย ชั แก้วบรรจง เลขที่ 2 ม.6/9 นางสาวปาณิสณิรา สุจริตริธนารัก รั ษ์ เลขที่ 10 ม.6/9 นางสาวจิดจิาภา หนูส นู วัส วั ดิ์ เลขที่ 23 ม.6/9


คำ นำ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ศิลปะ 5 ศ33101 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยมีจุดประสงค์ในการจัดทำ ขึ้นเพื่อนำ เสนอและ เผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับนาฏยศิลป์ ในสมัยรัชกาลที่4 ภายในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book ) เล่มนี้นั้นประกอบไปด้วยเนื้อหา ข้อมูลในส่วนของ ตำ นานละครครั้งรัชกาลที่ 4 ประกาศว่าด้วย ละครผู้หญิง ละครหลวง ภาษีโรงละคร ครูละคร และความรู้เพิ่มเติม ทางคณะผู้จัดทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ( E-book ) เล่มนี้จะให้ความรู้และประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านที่สนใจในนาฏยศิลป์สมัยรัชกาล ที่ 4 ไม่มากก็น้อย หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยอย่างสูงมา ณ ที่นี้ คณะผู้จัดทำ ก


สารบัญ บั เรื่อง หน้า ละครผู้หญิง คำ นำ สารบัญ ละครหลวง ภาษีโรงละคร ครูละคร ความรู้เพิ่มเติม ก ข ข 1 4 2 13 6


เมื่อเริ่มริ่รัชรักาล ยังยัไม่มีม่ มี ละครหลวง เพราะ ละครหลวงเลิกไปเสีย สี แต่ครั้งรั้รัชรักาลพระบาท สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว ครั้นรั้ถึงรัชรัสมัย ของพระองค์มิได้ทรงรังรัเกียจ ดังนั้น สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี จึงทรงหัด ละครเด็กผู้หญิงญิในพระบรมมหาราชวังขึ้น ขึ้ ชุด หนึ่ง แต่ไม่ทัม่ ทันได้ออกแสดง เนื่องจากสมเด็จ พระนางโสมนัสวัฒนาวดีได้สิ้นสิ้พระชนม์ก่อน ต่อมาเมื่อทรงรับรัช้าช้งเผือก (คือพระวิมลรัตรัน กิริณีริ )ณี สู่พสู่ระบารมี ใน พ.ศ. 2396 จึงทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมละครของสมเด็จ พระนางโสมนัสวัฒนาวดี ฝึกหัดเป็นละคร หลวงได้ออกโรงเล่นสมโภชช้าช้งเผือกเป็นครั้งรั้ แรกใน พ.ศ. 2397 ละครผู้หผู้ ญิง ในรัชรักาลนี้ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าด้วย ละครผู้หญิงญิพ.ศ. 2398 โปรดอนุญาต ให้เจ้านาย ขุนนาง และผู้มีบรรดาศักดิ์หัดละครผู้หญิงญิขึ้น ขึ้ ได้ แต่ได้ขอจำ กัดสิทสิธิ์ บางประการไว้สำ หรับรัละครหลวง เช่นช่รัดรัเกล้ายอด เครื่อ รื่ งแต่งตัวลงยา พานทอง หีบทอง ซึ่ง ซึ่ใช้เช้ป็นเครื่อ รื่ งยศ เครื่อ รื่ งประโคมแตรสังสัข์ และห้ามมิให้บังบัคับผู้ที่ไม่ สมัครใจเล่นละครให้ได้รับรัความเดือดร้อร้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ออกประกาศใน ประชุมประกาศรัชรักาลที่ 4 ภาค 2 58 (หอพระสมุดวชิรชิญาณ 2465 : 55-56) สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี การที่ประกาศพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใครก็มีละครผู้หญิงญิได้ การ แสดงละครชายจริงริหญิงญิแท้ เริ่มริ่มีเป็นครั้งรั้แรกในสมัยของพระองค์นี้เอง และเกิด การเปลี่ยนแปลงการเล่นละครซึ่ง ซึ่ เดิมเป็นละครผู้ชาย กลายเป็นผู้หญิงญิเล่นแทบทั่ว ทั้งเมือง ผู้คนก็ชอบดูลดูะครผู้หญิงญิดังนั้นละครผู้หญิงญิจึงแพร่หร่ลาย เจ้าของละครได้ รับรั ประโยชน์มากขึ้น ขึ้ จากการรับรังานละครไว้มาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้า อยู่หัยู่ หัวทรงตั้งภาษีโขน-ละคร เพื่อ พื่ ให้เจ้าของละครได้ช่วช่ยเหลือแผ่นผ่ดินบ้าบ้ง เรีย รี กว่า ภาษีโรงละคร 1


ละครหลวง บทละครหลวงในรัชรักาลที่ ๔ พระบาทสม เด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว ทรงพระราช นิพนธ์เ ธ์ รื่อ รื่ งรามเกียรติ์ตอนพระรามเดินดง ขึ้น ขึ้ ใหม่ อย่าย่งพระราชนิพนธ์ร ธ์ ามเกียรติ์ รัชรักาลที่ ๒ ตอน ๑ เป็นหนังสือ สื ๔ เล่มสมุด ไทย ทรงพระราชนิพนธ์แ ธ์ ปลงบทเบิกบิ โรง เรื่อ รื่ งพระนารายณ์ปณ์ ราบนนทุกทุเรื่อ รื่ ง ๑ เรื่อ รื่ ง พระรามเข้าข้สวนพิรพิาพเรื่อ รื่ ง ๑ เรื่อ รื่ งระบำ เรื่อ รื่ ง ๑ ทรงแต่งบทพระฤษี และบทรำ ต้นไม้ ทองเงินเบิกบิ โรงก็อีกหลายบท ในเรื่อ รื่ งอิเหนา ได้ทรงพระราชนิพนธ์แ ธ์ ปลงบทตอนอุณา กรรณบางแห่งห่ [๕] บทละครซึ่ง ซึ่ ผู้อื่นแต่งขึ้น ขึ้ เมื่อรัชรักาลที่ ๔ มีมากด้วยกัน จะกล่าวถึงแต่เฉพาะที่เป็น เรื่อ รื่ งสำ คัญ โดยมีข้อข้แปลกเฉพาะเรื่อ รื่ ง หรือ รื ที่เป็นเรื่อ รื่ งมีคนนิยมกันแพร่หร่ลาย ในจำ พวกบทละครที่เป็นเรื่อ รื่ งแปลกนั้น คือ เรื่อ รื่ งอภัยณุรณุาช สุนสุทรภู่แต่งถวาย พระองค์เจ้าดวงประภา พระราชธิดธิาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว เรื่อ รื่ ง ๑ เป็นหนังสือ สื ๒ เล่มสมุดไทย แปลกที่บทละครของสุนสุทรภู่มีปรากฏแต่เรื่อ รื่ งอภัยณุรณุาชนี้เรื่อ รื่ งเดียว บทละครแปลกอีกเรื่อ รื่ ง ๑ คือ เรื่อ รื่ งมณีพิ ณี ไพิชยตอนต้น รู้ไรู้ด้ ในท้องสำ นวนว่ากรมหลวงภูวเนตรนรินริทรฤทธิ์ทธิ์รงแต่งในรัชรักาลที่ ๔ แต่มิได้ ปรากฏว่า ละครโรงใดเล่นเหมือนอย่าย่งเรื่อ รื่ งอื่นๆ ที่กรมหลวงภูวเนตรฯ ทรงพระ นิพนธ์ เช่นช่เรื่อ รื่ งสุวสุรรณหงส์ เป็นต้น จะเป็นด้วยเหตุใตุดหาทราบไม่ มีบทละครอีก ๒ เรื่อ รื่ ง กล่าวกันว่าเกิดขึ้น ขึ้ เพราะภาษีละคร ด้วยตามพิกัพิ กัดภาษีละครใครเล่นละคร เรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ต้องเสีย สี ภาษีถึงวันละ ๒๐ บาท แต่ถ้าเล่นเรื่อ รื่ งละครนอกเสีย สี ภาษี เพีย พี งวันละ ๒ บาท จึงมีผู้คิดบทละครเรื่อ รื่ งทิพสังสัวาลย์เ ย์ รื่อ รื่ ง ๑ เรื่อ รื่ งคาวีตอนท้าว โสภิณลักนางเทพลีลาเรื่อ รื่ ง ๑ ให้มียักยัษ์และลิงเล่นคล้ายๆ กับเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ แต่ เป็นเรื่อ รื่ งละครนอกสำ หรับรัเล่นเลี่ยงพิกัพิ กัดภาษี เป็นเรื่อ รื่ งแปลกด้วยเหตุนี้ตุนี้ แต่พระราชนิพนธ์ที่ ธ์ที่รงแปลงนั้นแยกไว้เป็นแผนกหนึ่ง มิได้รื้อ รื้ ถอนบทเดิม มาใน ตอนหลัง โปรดให้ละครหลวงซ้อซ้มเรื่อ รื่ งยุขันขัลิขิตขิอีกเรื่อ รื่ ง ๑ แต่หาได้เล่นไม่ เรื่อ รื่ งยุขันขั ลิขิตขินี้ กล่าวกันว่ามีบทพระราชนิพนธ์ บางคนว่าเป็นพระราชนิพนธ์รั ธ์ ชรักาลที่ ๒ บางคนว่าพระราชนิพนธ์รั ธ์ ชรักาลที่ ๔ แต่ยังยัหาพบฉบับบั ไม่ 2


อันเหตุที่ตุที่ละครเล่นหาผลประโยชน์ได้ในรัชรักาลที่ ๔ มากกว่าแต่ก่อนนั้น ก็เนื่อง ด้วยพระราชทานอนุญาตให้หัดละครผู้หญิงญิกันได้ทั่วไป เพราะแต่ก่อนมา ละครผู้ หญิงญิที่เล่นให้ประชาชนดูมีดูมี แต่ละครหลวง (หรือ รื ละครวังหน้าเมื่อในรัชรักาลที่ ๓) นานๆ จะมีครั้งรั้หนึ่ง ถึงมีราษฎรก็ไม่ใม่คร่จร่ะได้โอกาสดูทั่ดูทั่วถึงกัน ครั้นรั้ละครผู้หญิงญิมี ขึ้น ขึ้ แพร่หร่ลาย ราษฎรดูไดูด้ง่ายก็ชอบใจดู เจ้าของงานที่อยากจะให้งานของตน ครึก รึ ครื้น รื้ ตลอดจนนายบ่อบ่นเบี้ย บี้ ที่อยากจะให้ราษฎรไปบ่อบ่นให้มาก ต่างก็หาละคร ผู้หญิงญิไปเล่น ละครได้รับรังานบ่อบ่ยๆ เจ้าของละครก็ได้ผลประโยชน์มากขึ้น ขึ้ เพราะ ฉะนั้น จึงโปรดให้ตั้งภาษีละครขึ้น ขึ้ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๐๒ อ้างเหตุใตุนท้องตราว่า เพราะเห็นเจ้าของละครทั้งปวงได้ผลประโยชน์มาก ควรจะต้องเสีย สี ภาษีช่วช่ย ราชการแผ่นผ่ดินบ้าบ้ง เหมือนอย่าย่งที่มีประเพณีใณี นต่างประเทศ ภาพถ่ายนักแสดงโขนละคร สมัยรัชรักาลที่ ๔ 3 จึงโปรดให้ตั้งภาษีขึ้น ขึ้ เรีย รี กกันว่าภาษีโขนละคร จีนนิ่มได้เป็นขุนสัมสัมัชชาธิกธิร เจ้าภาษีคนแรก รับรัผูกภาษีละครในจังหวัดกรุงเทพฯ หัวเมืองอีก ๒๖ หัวเมือง เป็นเงินหลวงปีละ ๔,๔๐๐ บาท พิกัพิ กัดที่เก็บภาษีละครนั้นเก็บดังนี้คือ


ละครโรงใหญ่เญ่ล่นเรื่อ รื่ งละครใน เล่นเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ เล่นวันกับคืน ๑ หรือ รื วัน ๑ ภาษี ๒๐ บาท เล่นเรื่อ รื่ งอิเหนา เล่นวันกับคืน ๑ หรือ รื วัน ๑ ภาษี ๑๖ บาท เล่นเรื่อ รื่ งอุณรุท เล่นวันกับคืน ๑ หรือ รื วัน ๑ ภาษี ๑๒ บาท ละครเล่นเรื่อ รื่ งละครนอก ละครกุมกุปนี คือเลือกคัดแต่ตัวดีเล่นประสมโรงกัน (เล่นวัน ๑) ภาษี ๔ บาท ละครสามัญเล่นงานปลีก เล่นวันกับคืน ๑ ภาษี ๓ บาท ละครสามัญเล่นงานปลีก เล่นวัน ๑ ภาษี ๒ บาท ละครสามัญเล่นงานปลีก เล่นคืน ๑ ภาษี ๑ บาท ละครเล่นงานเหมา เล่นวันกับคืน ๑ ภาษี ๑ บาท ๕๐ สตางค์ ละครเล่นงานเหมา เล่นวัน ๑ ภาษี ๑ บาท ละครเล่นงานเหมา เล่นคืน ๑ ภาษี ๕๐ สตางค์ ละครหลวงและละครที่เกณฑ์เล่นงานหลวง ยกเว้นไม่ต้ม่ ต้องเสีย สี ภาษี ยังยัมีการเล่น อย่าย่งอื่นรวมอยู่ใยู่นภาษีละครอีกหลายอย่าย่ง จะกล่าวไว้ด้วยพอให้ทราบความ ตลอดเรื่อ รื่ งคือ โขน เล่นวัน ๑ ภาษี ๔ บาท ละครหน้าจอหนัง เล่นเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ ตัวละครแต่ ๑๐ คนขึ้น ขึ้ ไป เล่นคืน ๑ ภาษี ๒๐ บาท ละครหน้าจอหนัง ตัวละครน้อยกว่า ๑๐ คน ภาษี ๒ บาท ๕๐ สตางค์ ละครชาตรีแ รี ละละครแขก เล่นวัน ๑ ภาษี ๕๐ สตางค์ เพลง เล่นวัน ๑ ภาษี ๑ บาท แคน มอญรำ ทวายรำ เล่นวัน ๑ ภาษี ๕๐ สตางค์ กลองยาว เล่นวัน ๑ ภาษี ๑๒ สตางค์ครึ่ง รึ่ (คือเฟื้อ ฟื้ ง ๑) หุ่นหุ่ ไทย เล่นวัน ๑ ภาษี ๑ บาท หนังไทย เล่นคืน ๑ ภาษี ๕๐ สตางค์ งิ้ว เล่นวัน ๑ ภาษี ๔ บาท หุ่นหุ่จีน เล่นวัน ๑ ภาษี ๑ บาท หนังจีน เล่นวัน ๑ ภาษี ๕๐ สตางค์ 4 ภาษีโรงละคร


ต่อมาในรัชรักาลที่ ๕ เมื่อรัตรันโกสินสิทรศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕) ประกาศแก้ไขภาษี โขนละคร เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม แต่นั้นมาเรีย รี กว่า “อากรมหรสพ” เก็บภาษีการเล่น ต่างๆ กล่าวมาแล้ว และซึ่ง ซึ่ เกิดเป็นทางได้ผลประโยชน์ขึ้น ขึ้ ในชั้นชั้หลังอีกหลายอย่าย่ง คือ ละครชาตรีที่ รีที่เล่นเทียมละครนอก เก็บภาษีวันละ ๔ บาท หนังตะลุงลุเก็บภาษีคืนละ ๕๐ สตางค์ สักสัวา เก็บภาษีคืนละ ๑ บาท เสภา เก็บภาษีคืนละ ๕๐ สตางค์ ลิเก เก็บภาษีคืนละ ๒ บาท ปี่พาทย์ หรือ รื มโหรี หรือ รื กลองแขกเครื่อ รื่ งใหญ่ เก็บภาษีวันละ ๑ บาท ปี่พาทย์ หรือ รื มโหรี หรือ รื กลองแขกเครื่อ รื่ งเล็ก เก็บภาษีวันละ ๕๐ สตางค์ จำ อวดสวดศพ เก็บภาษีคืนละ ๘ บาท จำ นวนเงินหลวงที่ได้จากอากรมหรสพเพิ่มพิ่เติมขึ้น ขึ้ อีกเป็นอันมาก ในจำ นวน พ.ศ. ๒๔๔๗ เป็นเงินถึง ๑๖๗,๘๒๘ บาท เงินตรา – สมัยกรุงรัตรันโกสินสิทร์รั ร์ ชรักาลที่ ๔ 5


แต่บทละครนอกที่ชอบเล่นกันโดยมากนั้น มักตัดเอาเรื่อ รื่ งหนังสือ สื อ่านมาแปล เป็นบทละคร คือ เรื่อ รื่ งพระอภัยมณีเ ณี รื่อ รื่ งลักษณวงศ์ เรื่อ รื่ งจันทโครบ ของสุนสุทร ภู่ ๓ เรื่อ รื่ งนี้ เป็นต้น กับเรื่อ รื่ งพระสมุทอีกเรื่อ รื่ ง ๑ เหล่านี้เป็นเรื่อ รื่ งสำ หรับรัเล่น ละครผู้หญิงญิยังยัมีเรื่อ รื่ งซึ่ง ซึ่ คิดขึ้น ขึ้ สำ หรับรัเล่นละครผู้ชายประสมโรงกับผู้หญิงญิอีก ชนิดหนึ่ง เช่นช่เอาบทเสภามาแปลงเป็นบทเล่นละคร คือ ตอนขุนช้าช้งไปช่วช่ย แต่งงานพระไวย เป็นต้น ครั้นรั้ถึงรัชรักาลที่ ๔ เมื่อความปรากฏว่า ทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทาน อนุญาตเล่นละครกันได้ตามใจ พวกละครราษฎรจึงเอาบทพระราชนิพนธ์ล ธ์ ะคร นอกไปเล่น คนก็ชอบกันแพร่หร่ลาย แต่นั้นใครจะแต่งบทละครขึ้น ขึ้ ใหม่ ก็แต่งแต่ เฉพาะตอนที่จะให้ละครเล่น ตามแบบบทละครพระราชนิพนธ์รั ธ์ ชรักาลที่ ๒ ทั่วไป และครั้งรั้นั้นประจวบเวลาหัดละครผู้หญิงญิกันขึ้น ขึ้ มากมายหลายโรงดังกล่าวมา แล้ว เจ้าของละครต่างเสาะแสวงหาเรื่อ รื่ งเล่นละครของตน จะให้แปลกกว่าโรง อื่นออกไปอีก จึงเกิดบทละครขึ้น ขึ้ ใหม่เม่มื่อรัชรักาลที่ ๔ ละครที่หัดขึ้น ขึ้ เมื่อรัชรักาลที่ ๔ มีชื่อ ชื่ เสีย สี งปรากฏสืบ สื มาหลายโรงคือ ๑. ละครกรมหมื่น มื่ มเหศวรศิวศิวิลาศ โรง ๑ ได้ละครกรมหลวงรักรัษณเรศร์ม ร์ า เป็นครูหลายคน แต่เล่ากันว่าท่ารำ ก้นงอนผิดกับละครโรงอื่น ถึงพระบาทสม เด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว ทรงพระราชนิพนธ์เ ธ์ ยาะไว้ในบทรำ แม่ศม่รีเ รี บิกบิ โรง ละครหลวงว่า “สองแม่เม่อย แม่งม่ามหนักหนา เหมือนหนึ่งเทพธิดธิา ลงมากรายถวายกร รำ เต้นเล่นดูดีดูดี ยิ่งยิ่กว่ามีมาแต่ก่อน เป็นแต่ท้ายไม่งม่อน เหมือนละครนอกเลย” ๒. ละครของพระองค์เจ้าดวงประภา (พระองค์ตุ้ยตุ้ ) กับพระองค์เจ้าสุดสุา สวรรค์ (พระองค์ปุก) พระราชธิดธิาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว ทรงหัดขึ้น ขึ้ ด้วยกันที่ในพระบวรราชวังโรง ๑ ได้ครูผู้หญิงญิละครหลวงครั้งรั้รัชรักาล ที่ ๒ ฝึกหัด เล่นทั้งละครในและละครนอก และเล่นรับรังานหาด้วย เล่นมาถึง รัชรักาลที่ ๕ ตลอดจนพระชนมายุของพระองค์เจ้าดวงประภา 6


๓. ละครของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุ รี ริ สุ ยริวงศ์ เมื่อยังยัเป็นเจ้าพระยาศรีสุ รี ริสุยริวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหมหัดขึ้น ขึ้ โรง ๑ เล่ากันว่า เดิมท่านได้พระราชทานบ้าบ้นเจ้าพระยา บดินทรเดชา (สิงสิห์ สิงสิหเสนี) ที่สะพานหัน มีตัวละครของเจ้าพระยาบดินทรเดชา เหลืออยู่ใยู่นบ้าบ้นนั้นบ้าบ้ง ท่านจึงรวบรวมตั้นต้นหัดละครขึ้น ขึ้ ครั้นรั้ต่อมาจึงหาตัวละคร ขึ้น ขึ้ ใหม่อีม่ อี กชุด ๑ เลือกหาครูล้วนแต่ที่มีชื่อ ชื่ เสีย สี งวิเศษมาฝึกหัดเล่นตามแบบละครหลวง ครั้งรั้รัชรักาลที่ ๒ แต่ฝึกหัดไว้เฉพาะละครตัวดี ถ้าจะเล่นออกโรงเมื่อใด ท่านขอแรง ละครนอกโรงอื่นๆ มาผสมโรง ได้เคยเล่นถวายตัวในรัชรักาลที่ ๔ ละครกรมหมื่นมเหศวรฯ กับละครสมเด็จเจ้าพระยาฯ ๒ โรงนี้ ที่นับว่าเป็นละครโรง ใหญ่คญ่รั้งรั้รัชรักาลที่ ๔ นอกจากนั้น ในจำ พวกละครที่หัดดูเดูล่นเองยังยัมีอีกพวก ๑ เรีย รี กว่า “ละครกุม กุ ปนี”นี เจ้าของละครเป็นเจ้าบ้าบ้ง เป็นขุนนางบ้าบ้ง มีละครผู้หญิงญิแต่ที่เป็นตัวดี แห่งห่ละตัวสองตัว ผสมโรงเล่นกันตามวังเจ้า บ้าบ้นขุนนางที่เป็นสมาชิกชิกุมกุปนีนั้น จะ เล่นที่ไหนก็กำ หนดนัดกัน ครั้นรั้ถึงวันนัดผู้ที่เป็นเจ้าสำ นักก็จัดโรงและหาปี่พาทย์ เตรีย รี มไว้ สมาชิกชิต่างพาตัวละครกับสาวใช้ซึ่ช้ซึ่ง ซึ่ เป็นต้นบทและลูกลูคู่ไคู่ปประชุมกัน ณ สำ นักที่จะเล่นละคร ครั้นรั้เลี้ยงดูกัดูกันแล้ว ก็ลงโรงมีละครต่อไป ตัวละครแต่งตัวแต่อย่าย่ง น้อยไม่ไม่ด้แต่งเครื่อ รื่ งละคร ละครกุมกุปนีนี้เล่นอยู่ไยู่ด้ไม่ช้ม่าช้มีกิตติศัพท์ว่า พวกสมาชิกชิคิด หาตัวละครเข้าข้ไปในวังถูกถูกริ้วริ้ก็ไม่กม่ล้าเล่นกันอย่าย่งเดิมต่อไป แต่เจ้าของละครบางคน ยังยัมีตัวละครซ่อซ่นไว้เล่นอย่าย่งเงียบๆ มาตั้งเป็นละครโรงใหญ่ต่ญ่ ต่อในรัชรักาลที่ ๕ ก็มี ละครที่มีผู้หัดขึ้น ขึ้ สำ หรับรัเล่นหางานในพื้น พื้ เมืองในรัชรักาลที่ ๔ มีมากมายหลายโรงยาก ที่จะนับให้ถ้วนได้ จะกล่าวถึงแต่บางโรงที่มีชื่อ ชื่ เสีย สี งโดยการเล่น หรือ รื ที่เล่นมายืด ยื ยาว คือ ๔. ละครของเจ้าจอมมารดาจันรัชรักาลที่ ๔ หัดขึ้น ขึ้ ในพระบรมมหาราชวังโรง ๑ ตัว ละครโรงนี้ ได้เป็นครูหัดโรงอื่นต่อไปหลายคน คล้ายกับละครเจ้าจอมมารดาอัมพา เมื่อในรัชรักาลที่ ๓ ๕. ละครพระยาสีห สี ราชฤทธิไกร (เสือ สื ) โรง ๑ แล้วตกมาเป็นของพระยานรานุกิจ มนตรี (เปลี่ยน) ผู้เป็นบุตรเล่นต่อมาในรัชรักาลที่ ๕ 7


๖. ละครพระยามณเฑีย ฑี รบาล (บัวบั) โรง ๑ แล้วตกมาเป็นของธิดธิา ชื่อ ชื่ เกษ เล่นต่อ มาในรัชรักาลที่ ๕ ๗. ละครขุนยี่สยี่าน เสมียนตราวังหน้า บ้าบ้นอยู่ที่ยู่ที่คลองสะพานหันโรง ๑ เลื่องลือใน การเล่นเรื่อ รื่ งพระอภัยมณีว่ ณีว่าเล่นดีนัก ๘. ละครจางวางเผือ ผื ก บ้าบ้นอยู่ที่ยู่ที่ปากคลองตลาดโรง ๑ เป็นคู่แคู่ข่งข่กับละครเสมียน ตรา ๙. ละครนายนวล บุตรเจ้ากรับรัรับรัมรดกบิดบิาเล่นต่อมาจนรัชรักาลที่ ๕ โรง ๑ ๑๐. ละครนายเนตร นายต่าย โรง ๑ นายเนตรเดิมเป็นละครของคุณคุหญิงญิกลีบ ภรรยาพระยาประจักษ์วรวิไสย นายต่ายนั้น เดิมเป็นละครของกรมหมื่นภูมินทร ภักดี เมื่อทรงเลิกเล่นละครจึงมาผสมโรงกับนายเนตร แล้วถวายตัวเป็นข้าข้หลวงเดิม ในพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว เมื่อยังยัดำ รงพระยศเป็นสมเด็จเจ้า ฟ้าฟ้กรมขุนพินิพิ นิตประชานาถ เสด็จประทับอยู่ที่ยู่ที่พระตำ หนักสวนกุหกุลาบ[๗] นายต่าย เป็นตัวนายโรงตลก เช่นช่เป็นขุนช้าช้งไม่มีม่ มีใครสู้ นายเนตรนั้น ก็เล่นดีทั้งเป็นนางและ เป็นยืน ยื เครื่อ รื่ ง กระบวนเล่นละคร โรงนี้มีชื่อ ชื่ เสีย สี งเลื่องลือมาแต่ในรัชรักาลที่ ๔ จน รัชรักาลที่ ๕ จนกระทั่งสิ้นสิ้อายุนายเนตร นายต่ายแล้วทั้ง ๒ คน นางปลื้มอยู่ที่ยู่ที่เหนือ วัดอรุณฯ เป็นน้องของภรรยานายเนตรยังยัคุมคุพวกละครเล่นต่อมา ๑๑. ละครนายทับ เดิมนายทับเป็นตัวล่าสำ ละครกรมหลวงรักรัษรณเรศร์ ฝึกหัดลูกลู หลานเล่นเป็นละครนอกขึ้น ขึ้ โรง ๑ ละครโรงนี้ เล่นสืบ สื สกุลกุมาถึง ๓ ชั่วชั่คน คือนาง เอม ธิดธิานายทับ แล้วพระจัดดุริดุยริางค์ (ป่วน) พระสุนสุทรเทพระบำ (เปลี่ยน) บุตร ของเอม 8


ละครชาตรีข รี องนายหนู บ้าบ้นอยู่ตำยู่ ตำบลสนามควายโรง ๑ เล่นอย่าย่งโนห์ราชาตรีที่ รีที่มณฑลนครศรีธ รี รรมราช ผิดกันแต่ตัวนายโรงใส่ชส่ฎาไม่ใม่ช้เช้ทริดริและตัวนางเป็นผู้หญิงญิแต่งตัวอย่าย่งละครใน กรุง กับมีตัวละครมากกว่าโนห์ราในมณฑลนครศรีธ รี รรมราช ละครชาตรีข รี องหลวงอีกโรง ๑ ละครชาตรีโรี รงนี้เป็นผู้หญิงญิทั้งโรง เดิมเป็นละครของ พระองค์เจ้าปัทมราช พระราชธิดธิากรมพระราชวังบวรมหาสุรสุสิงสิหนาทรัชรักาลที่ ๑ เมื่อในรัชรักาลที่ ๔ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เสด็จออกไปอยู่รัยู่กรัษา พยาบาลเจ้าจอมมารดาของท่าน (คือเจ้าจอมมารดานุ้ยเล็ก เป็นธิดธิาเจ้าพระยา นครฯ พัฒพัน์) จึงทรงหัดละครขึ้น ขึ้ ที่เมืองนครฯ โรง ๑ เดิมหัดเป็นละครในเล่นเรื่อ รื่ ง อิเหนา ครั้นรั้เจ้าจอมมารดาถึงอนิจกรรมแล้ว เสด็จกลับเข้าข้มากรุงเทพฯ พาละครโรง นั้นเข้าข้มาด้วย แล้วถวายเป็นมรดกแด่พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัยู่ หัว โปรดให้เล่นเป็นละครชาตรี จึงมีละครชาตรีข รี องหลวงขึ้น ขึ้ อีกโรง ๑ ละครแขกที่เล่นเมื่อในรัชรักาลที่ ๔ นั้น จะเกิดขึ้น ขึ้ แต่พวกแขกครัวรัที่ได้มาคราวปราบ ปรามเมืองไทร เมืองปัตตานี ที่กล่าวมาหรือ รื อย่าย่งไรไม่ทม่ราบแน่ ทราบแต่ว่า ที่เล่น มีชื่อ ชื่ เสีย สี งมากนั้น คือ ละครนายเสือ สื โรง ๑ เรีย รี กกันว่า “ละครตาเสือ สื” ตัวนายเสือ สื เป็นนายโรง เล่นตาม แบบละครมายงแต่งตัวอย่าย่งมลายู ร้อร้งก็เป็นภาษามลายู แต่เจรจาเป็นภาษาไทย เล่ากันว่า ชอบเล่นเรื่อ รื่ งอิเหนาใหญ่ ละครตาเสือ สื เล่นมาจนรัชรักาลที่ ๕ ตัวละครครั้งรั้รัชรักาลที่ ๔ ที่ได้เป็นครูละครต่อมามีมาก ที่ยังยัมีชีวิ ชีวิตอยู่ใยู่นบัดบันี้ก็หลาย คน จะนับในละครหลวงก่อน เมื่อรัชรักาลที่ ๔ ยังยัมีละครชาตรีแ รี ละละครมายงมลายู ซึ่ง ซึ่ เรีย รี กกันว่า ละครแขก เล่นแพร่หร่ลายในกรุงเทพฯ มีพวกละครชาตรีเ รี พิ่มพิ่เติมเข้าข้มาอีก ยังยัมีเชื้อ ชื้ สายเล่น ละครชาตรีอ รี ยู่จยู่นทุกทุวันนี้ ชั้นชั้เดิมยังยัเล่นเป็นละครผู้ชายเหมือนอย่าย่งโนห์ราชาตรี ในมณฑลนครศรีธ รี รรมราช ครั้นรั้ถึงรัชรักาลที่ ๔ พระราชทานอนุญาตให้ผู้หญิงญิเล่น ละครได้ พวกละครชาตรีจึ รีจึ งคิดฝึกหัดผู้หญิงญิขึ้น ขึ้ เล่นประสมโรง คนก็หาเล่นแพร่ หลายกว่าแต่ก่อน ละครชาตรีที่ รีที่มีชื่อ ชื่ เสีย สี งมากเมื่อในรัชรักาลที่ ๔ นั้น ๒ โรง คือ 9


ครูยืน ยื เครื่อ รื่ ง ๑. เจ้าจอมมารดาวาด เป็นตัวอิเหนา ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ต่อมา เป็นท้าววรจันทร์ เป็นครูตัวอิเหนา ละครหลวงกรมมหรสพในรัชรักาลปัจจุบันบันี้ด้วย ๒. เจ้าจอมมารดาเขีย ขี น เป็นตัวอิเหนา ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ และหัด ละครรำ ของกรมหมื่นนราธิปธิ ประพันพัธ์พ ธ์ งศ์ ๓. เจ้าจอมมารดาสุ่น สุ่ เป็นตัววิหยาสะกำ ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ต่อมา เป็นท้าววนิดาวิจาริณีริ ณี ๔. ท้าวชื่น ชื่ เป็นตัวประสันสัตา ได้เป็นครูละครในรัชรักาลที่ ๕ ต่อมาเป็นท้าวอินสุริสุยริา ๕. คุณ คุ สัมสัฤทธิ์ เป็นตัวจรกา ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ๖. เจ้าจอมมารดาสายรัชรักาลที่ ๕ เป็นยืน ยื เครื่อ รื่ งชั้นชั้เด็ก ได้เป็นครูละครหลวงใน รัชรักาลที่ ๕ และครูละครคณะสวนกุหกุลาบในรัชรักาลปัจจุบันบันี้ ครูยัก ยั ษ์ ๗. คุณ คุ ลิ้นจี่ เป็นตัวทศกัณฐ์ มีชื่อ ชื่ เสีย สี งเลื่องลือในกระบวนเป็นทศกัณฐ์ว่ ฐ์ ว่า ในสมัย เดียวกันไม่มีม่ มี ตัวสู้ทั้สู้ทั้งผู้ชายผู้หญิงญิแต่ถึงแก่กรรมเสีย สี แต่ในรัชรักาลที่ ๔ เล่ากันว่า ตั้งแต่คุณคุลิ้นจี่ถึงแก่กรรมแล้ว ก็มิได้โปรดให้ละครหลวงเล่นเรื่อ รื่ งรามเกียรติ์ ตอนมี บททศกัณฐ์ม ฐ์ าจนตลอดรัชรักาล คุณคุลิ้นจี่ได้เป็นครูละครเจ้าจอมมารดาจัน ๘. คุณ คุ เล็ก เป็นตัวนนทุกทุได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ต่อมาได้เป็นท้าวโสภา นิเวศน์ ๙. คุณ คุ กุห กุ ลาบ ธิดธิาเจ้าพระยาวิเชีย ชี รคิรี (เม่นม่ ) เป็นทศกัณฐ์ตั ฐ์ ตัวนั่งเมือง ไปฝึกหัด ละครขึ้น ขึ้ ที่เมืองสงขลา เมื่อในรัชรักาลที่ ๕ โรง ๑ 10


ครูนาง ๑๐. เจ้าจอมมารดาเอม เป็นตัวนางมะเดหวี ได้เป็นครูละครในรัชรักาลที่ ๕ ๑๑. เจ้าจอมมารดาห่วห่ง เป็นตัวนางจินตะหรา ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ๑๒. เจ้าจอมมารดาทับทิม รัชรักาลที่ ๕ เมื่อยังยัเป็นเด็กอยู่ใยู่นรัชรักาลที่ ๔ เป็นตัวนาง แมว ถึงรัชรักาลที่ ๕ เป็นตัวนางเกนหลงหนึ่งหรัดรัต่อมาได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาล ที่ ๕ และเป็นครูละครคณะสวนกุหกุลาบในรัชรักาลปัจจุบันบันี้ ๑๓. ท้าววัน เป็นตัวนางประเสหรันรั ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ๑๔. คุณ คุ ลำ ไย (น้องคุณคุลิ้นจี่ทศกัณฐ์)ฐ์ เป็นตัวนางบาหยันยัเป็นครูละครในรัชรักาลที่ ๕ ๑๕. คุณ คุ องุ่น งุ่ เป็นตัวนางบุษบาชั้นชั้ ใหญ่ ถึงรัชรักาลที่ ๕ เป็นภรรยาพระยาอรรคราชว ราทร (เนตร) ได้กลับเข้าข้มาเป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ ๑๖. เจ้าจอมละม้า ม้ ยรัชรักาลที่ ๕ เป็นตัวนางชั้นชั้เด็ก ได้เป็นครูละครหลวงในรัชรักาลที่ ๕ และเป็นครูละครคณะสวนกุหกุลาบในรัชรักาลปัจจุบันบันี้ 11


ละครสมเด็จเจ้าพระยาฯ ที่เป็นละครชั้นชั้ ใหญ่ ได้เป็นครูละครชั้นชั้เล็กในโรง เดียวกันมีหลายคน แต่ที่ปรากฏชื่อ ชื่ ว่าได้ไปเป็นครูละครโรงอื่นนั้น คือ ๑. หม่อม่มแก้ว เป็นตัวไกรทอง (ศิษย์คุ ย์ ณคุน้อยงอก) ได้เป็นครูละครท้าวราชกิจวร ภัตร และเป็นครูละครในกรมมหรสพ ทรงตั้งเป็นท้าวศรีสุ รี นสุทรนาฏ ในรัชรักาล ปัจจุบันบันี้ ๒. หม่อม่มแย้ม ย้ เป็นตัวอิเหนา ได้เป็นครูละครท้าวราชกิจวรภัตร และละครผสม สามัคคี ๓. หม่อม่มศิลศิา เป็นตัวยักยัษ์ ได้เป็นครูละครเจ้าพระยาสุรสุพันพัธ์พิ ธ์ สุพิทสุธ ๔. หม่อม่มแสง (ลูกลูเจ้ากรับรั ) เป็นตัวนางจินตะหรา ได้เป็นครูละครเจ้าคุณคุจอม มารดาเอมวังหน้า ๕. หม่อม่มวัน เป็นตัวนางเอก ได้เป็นครูละครท้าวราชกิจวรภัตร และเป็นครู ละครกรมมหรสพอยู่บัยู่ดบันี้ ๖. หม่อม่มหุ่น หุ่ เป็นตัวนาง ได้เป็นครูละครท้าวราชกิจวรภัตร ละครเจ้าจอมมารดาจันทร์ ที่ไที่ด้เป็น ป็ ครูละครโรงอื่น คือ ๑. ชื่อ ชื่ กลีบ ลี เป็นตัวนายโรง ไปเป็นภรรยาเจ้าพระยามหินทร์ฯ ร์ ต่อมาได้เป็นครู ละครผสมสามัคคี ๒. ชื่อ ชื่ ทิม เป็นตัวนางเอก ได้เป็นครูละครพระยาวิชิตชิสงคราม จางวางเมือง ภูเก็ต ละครนายทับ พระสุนสุทรเทพระบำ (เปลี่ยน) หลายนายทับ ได้เป็นครูครอบ ละครนอกอยู่บัยู่ดบันี้ ตัวละครครั้งรั้รัชรักาลที่ ๔ ที่ได้เป็นครูต่อมายังยัมีอีก สืบ สื ชื่อ ชื่ ได้ไม่ หมด จึงจดไว้แต่เท่านี้ 12


[๑] ในรัชรักาลที่ ๓ ไม่มีม่ มี ละครหลวง เผอิญไม่ไม่ด้ช้าช้งเผือกตลอดรัชรักาล เมื่อสมโภช พระวิมลรัตรันกิริณีริ ใณี นรัชรักาลที่ ๔ ยังยัไม่มีม่ มี ละครหลวง เห็นจะโปรดให้ขอแรงละคร หลวงรัชรักาลที่ ๒ ที่ยังยัมีตัวเหลืออยู่ เล่นสมโภชจึงได้เอาเป็นแบบอย่าย่งมาใน รัชรักาลที่ ๕ ดังจะปรากฏต่อไปข้าข้งหน้า [๒] ความข้อข้นี้ทราบที่พบสำ เนาหมายรับรัสั่งสั่ ปรากฏว่าทำ พิธีพิค ธี รอบละครหลวงเมื่อ ต้นปีขาล พระวิสุทสุธรัตรันกิริณีริม ณี าในปลายปีขาลนั้น [๓] ได้ยินยิกล่าวกันมาว่า ละครผู้หญิงญิวังหน้ามีทั้งเมื่อรัชรักาลที่ ๑ และรัชรักาลที่ ๒ แต่ในประกาศนี้ความชัดชัเจนว่า ละครผู้หญิงญิมีแต่ในวังหลวงทั้ง ๒ รัชรักาล ข้าข้พเจ้าจึงอนุมัติตามประกาศ [๔] ในประกาศฉบับบันี้ ข้าข้งท้ายมีเรื่อ รื่ งห้ามมิให้เชื่อ ชื่ ถือหมอดูอีดูอี กอย่าย่ง ๑ รวมอยู่ใยู่น ประกาศฉบับบัเดียวกัน ได้คัดออกเสีย สี เพราะไม่เม่กี่ยวแก่เรื่อ รื่ งละคร [๕] บทละครพระราชนิพนธรัชรักาลที่ ๔ ที่กล่าวมาแล้วนี้ หอพระสมุดฯ ได้พิมพิพ์ แล้วทั้งนั้น เว้นแต่ที่ทรงแปลงในเรื่อ รื่ งอิเหนายังยัหาได้พิมพิพ์ไพ์ ม่ [๖] บทละครเรื่อ รื่ งยุขันขัลิขิตขิมีอยู่ใยู่นหอพระสมุดฯ ดูทำดูทำนองเป็นเรื่อ รื่ งนิทานแขก เปอร์เ ร์ ซีย ซี แต่ไทยเราเอามาแต่งจะให้เป็นอย่าย่งเรื่อ รื่ งอิเหนาขึ้น ขึ้ อีกเรื่อ รื่ ง ๑ สำ นวน กลอนอยู่ใยู่นพวกกวีชั้นชั้ที่แต่งบทละครพระราชนิพนธ์รั ธ์ ชรักาลที่ ๑ [๗] เล่ากันมาว่า เมื่อนายต่ายจะอุปสมบทที่วัดพระเชตุพตุน พระราชทานทั้งสิ้นสิ้ แห่สห่นุกถึงเลื่องลือ ด้วยขี่ม้ ขี่ ม้าทั้งกระบวน พวกเกณฑ์แห่ขี่ห่ขี่ม้ ขี่ ม้าก้านกล้วย คนถือเครื่อ รื่ ง บริขริารและไทยธรรมขี่ม้ ขี่ ม้าหนัง ผู้ที่ถือไตรครองและอุ้มบาตรขี่ม้ ขี่ ม้าละคร ตัวเจ้านาค ขี่ม้ ขี่ ม้าเลื่อยไม้ เล่ากันว่ามีม้าทุกทุอย่าย่งหมด ขาดอย่าย่งเดียวแต่ม้าจริงริๆ เท่านั้น ความรู้เ รู้ พิ่มเติม 13


Click to View FlipBook Version