The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิชา การปลูกไม้สวนพฤกษศาสตร์ รหัส ง30273ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายอรรถชัย มีสุข




เอกสารประกอบการเรียนรู้ของนักเรียน
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ตเท่านั้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อรรถชัย มีสุข, 2020-12-21 22:13:50

เอกสารประกอบการเรียน รายวิชา การปลูกไม้สวนพฤกษศาสตร์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายอรรถชัย มีสุข

วิชา การปลูกไม้สวนพฤกษศาสตร์ รหัส ง30273ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายอรรถชัย มีสุข




เอกสารประกอบการเรียนรู้ของนักเรียน
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ตเท่านั้น

เอกสารประกอบการเรยี น

รายวิชา การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตร์
ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 6

รวบรวมและเรียบเรียงโดย นายอรรถชยั มีสขุ

โรงเรยี นเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทร์ ภูเกต็
เอกสารประกอบการเรยี น

รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตร์

ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6

โรงเรียนเฉลิมพระเกยี รติสมเดจ็ พระศรนี ครินทร์ ภเู กต็

วิชา การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตร์ รหสั ง30273
ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 6

กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ
รวบรวมและเรียบเรยี งโดย นายอรรถชยั มีสขุ

เอกสารประกอบการเรียนรขู้ องนักเรียน
โรงเรียนเฉลิมพระเกยี รติสมเดจ็ พระศรีนครินทร์ ภเู กต็ เท่านัน้



คานา

ผู้เขียนได้รวบรวมจัดทาเน้ือเร่ืองเก่ียวกับวิชา การปลูกไม้สวน
พฤกษศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 โดยพฒั นาเอกสารประกอบการเรียน
กจิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยเทคนิคผงั กราฟิก และจดั กิจกรรมเสรมิ ความรู้ บรู ณาการ
งานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เพ่อื ส่งเสรมิ การเรยี นรูข้ องผเู้ รยี นใหเ้ ป็นไปตาม
จดุ ม่งุ หมายของหลกั สูตรประกอบดว้ ยเน้อื หาทงั้ มกี จิ กรรมการเรยี นรดู้ ว้ ยเทคนิค
ผงั กราฟิก อนั จะเป็นการพฒั นานกั เรยี น และหน่วยการเรยี นรู้

ทงั้ น้ี ผเู้ ขยี นคาดหวงั ว่า เอกสารประกอบการเรยี นท่เี น้นการฝึกทกั ษะ
คดิ วเิ คราะห์ อภปิ ราย ปฏบิ ตั จิ รงิ จนเกดิ ความมนั่ ใจและภูมใิ จในผลสาเรจ็ ของ
งาน ซ่ึงจะส่งผลให้การเรยี นการสอนรายวชิ าน้ีมปี ระสทิ ธภิ าพและมคี ุณภาพ
ยงิ่ ขน้ึ ต่อไป

อรรถชยั มสี ขุ
เมษายน 2562

ข หน้ า

สารบญั ก
1
คานา 3
บทที่ 1 เรอื่ ง การวิเคราะห์ หรือ จาแนกชนิ ดพนั ธไ์ุ ม้ 5
8
พชื สมุนไพรพน้ื บ้าน 9
นวตั กรรมเลยี นแบบธรรมชาติ 10
ใบงานท่ี 1.1 จาแนกชนิดพรรณไม้ 11
ใบงานท่ี 1.2 วเิ คราะหศ์ กั ยภาพ ของปจั จยั ศกึ ษา
ใบงานท่ี 1.3 จนิ ตนาการเหน็ คณุ ของศกั ยภาพ 12
บทที่ 2 หลกั เกณฑก์ ารเขียนเอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 14
ใบงานท่ี 2.1 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 16
บทที่ 3 สรรคส์ ร้างวิธีการ 17
ใบงานท่ี 3.1 หลกั วธิ กี ารจดั การงาน 18
ใบงานท่ี 3.2 วธิ ดี าเนินการศกึ ษา
บทที่ 4 ผลท่ีได้ 23
ใบงานท่ี 4.1 ออกแบบบนั ทกึ ผล 24
ใบงานท่ี 4.2 ผลการทดลอง 25
บทท่ี 5 สรปุ และข้อเสนอแนะ 28
ใบงานท่ี 5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา 28
บทท่ี 6การเขียนเอกสารอ้างอิง 29
ใบงานท่ี 6.1 เอกสารอา้ งองิ 30
ใบงาน แบบสะทอ้ นผลการเรยี นรู้ 31
เอกสารอ้างอิง 32
ภาคผนวก

1

บทท่ี 1
การวิเคราะห์ หรือ จาแนกชนิดพนั ธไุ์ ม้

วิธีวิเคราะห์ / จาแนกชนิดพนั ธพุ์ ืช โดยใชห้ ลกั วชิ าพฤกษศาสตร์
สาขาอนุกรมวธิ านพชื (Plant taxonomy) เป็นหลกั ใหญ่ มพี น้ื ฐานสาคญั ดงั น้ี

1) การวิเคราะห์ การระบุชนดิ พชื
(Plant Identification)

สามารถทาได้โดยการเปรียบเทียบ
(comparison) และการใชร้ ูปวธิ าน (key) การ
เปรยี บเทยี บตวั อย่างพชื (comparison) ทาได้
โดยวธิ กี ารต่างๆ คอื เปรยี บเทยี บกบั ตวั อย่าง
พชื ท่มี อี ยู่แล้วในหอพรรณไม้ เปรียบเทยี บกบั
ตัว อ ย่ า ง ส ด ท่ีมีช่ือ ถู ก ต้ อ ง แ ล้ ว ใ น ส ว น
พฤกษศาสตร์ เปรียบเทียบกับภาพท่ีมีช่ือ
ถูกต้องแลว้ หรอื เปรียบเทยี บรายละเอยี ดของ
พชื ชนดิ นนั้ ๆ ในหนงั สอื พรรณพฤกษชาติ ตลอดจนสอ่ื ทางอเิ ลก็ ทรอนิกสต์ ่างๆ
2) การจาแนก (Classification)
คอื การจาแนกพรรณพชื ขน้ึ เป็นหมวดหมตู่ า่ งๆ การจาแนกอยา่ งง่ายๆก็
ไดแ้ ก่การจดั พชื เป็นพวกไมต้ น้ ไมพ้ มุ่ ไมเ้ ถา และไมล้ ม้ ลกุ หรอื จดั เป็นพชื ใบ
เลย้ี งคูก่ บั ใบเลย้ี งเดย่ี ว กลา่ วคอื จะจดั หมวดหมพู่ ชื ทม่ี ลี กั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั เขา้
ไวด้ ว้ ยกนั สว่ นการจาแนกพชื ในขนั้ สงู กจ็ ะจาแนกออกตามลาดบั ชนั้

2

3) การใช้รปู วิธานหรอื Key
รปู วธิ าน เป็นวธิ กี ารหน่งึ ในการพสิ จู น์พนั ธไุ์ ม้ โดยการคดั ลกั ษณะต่างๆ
ทไ่ี มป่ รากฏในพนั ธไุ์ มท้ ต่ี อ้ งการจะพสิ จู น์ออก คงเหลอื ลกั ษณะทป่ี รากฏอยู่ แลว้

พจิ ารณาในขนั้ ต่อไปซ่งึ จะมีขอบเขตท่แี คบ
ลงทาอย่างน้ีไปเร่อื ยๆจนกว่าจะพบคาตอบ
รูปวิธานท่ีใช้กันมากในปจั จุบันน้ีเรียกว่า
Dichotomous key คอื การนาเอาลกั ษณะท่ี
แตกตา่ งกนั หรอื ตรงกนั ขา้ มมาเขา้ คกู่ นั แลว้
พิจารณาเปรียบเทียบในคู่นัน้ ๆว่าจะเข้า
ลกั ษณะไหน ตดั ลกั ษณะท่ไี ม่ใช่ออกไปแลว้
ไปพิจารณาในส่วนท่ีแคบลงไปซ่ึงจะมีให้
เปรยี บเทยี บเป็นคู่ๆอกี ทาเช่นน้ีไปเร่อื ยจน
เหลือแต่ลกั ษณะท่ปี รากฏอยู่ในพรรณไม้ท่ี
เรากาลังตรวจสอบ ก็จะได้ผลลัพธ์ในขนั้
สุดทา้ ยคอื ชนิดพนั ธุไ์ มน้ นั้ ๆ
สาหรบั ส่วนต่างๆของพรรณไมท้ น่ี ามาใชเ้ ปรยี บเทยี บและจบั คกู่ นั กจ็ ะใช้
ทุกๆส่วนประกอบตงั้ แต่ใบ ดอก ผล เปลอื กลาต้น หรือแม้กระทงั่ ราก แต่ส่วน
ของต้นไม้ท่นี ิยมใช้ในการเปรียบเทียบและจาแนกชนิดพนั ธุ์ไม้มากท่ีสุดใน
ปจั จุบนั กค็ อื ดอก โดยเฉพาะจาพวกพชื มเี มลด็ เพราะเป็นทป่ี ระจกั ษ์แล้ววา่ พนั ธุ์
ไมท้ ม่ี โี ครงสรา้ งของดอกคลา้ ยคลงึ กนั โดยมากมกั มคี วามคลา้ ยคลงึ กนั ทางดา้ น
พฤกษศาสตร์ด้านอ่นื ๆด้วย ซ่ึงเป็นการแสดงออกว่าพนั ธุ์ไม้เหล่าน้ีมเี ชอ้ื สาย
เดยี วกนั

3

พชื สมุนไพรพนื้ บา้ น

พชื สมุนไพรพนื้ บ้าน
พชื สมนุ ไพร หมายถงึ พชื ท่ใี ชท้ าเป็นยารกั ษาโรค โดยใชส้ ่วนต่างของ

พชื ชนิดเดยี ว หรอื หลายชนิดพร้อมกนั พชื สมุนไพรเป็นกลุ่มพืชท่อี ยู่ในความ
สนใจ และมผี ศู้ กึ ษาทางดา้ นพฤกษศาสตร์พ้นื บ้าน
มากท่ีสุด ยารกั ษาโรคปจั จุบนั หลายขนาน ท่ผี ลติ
เป็นอุตสาหกรรม ได้มาจากการศกึ ษาวจิ ยั การใช้
พชื สมุนไพรพ้ืนบ้านของกลุ่มชนพ้ืนเมือง ตามป่า
เขา หรอื ในชนบท ทไ่ี ดร้ บั การถา่ ยทอดมาจากบรรพ
บุรุษ ท่ไี ด้สงั เกตว่า พชื ใดนามาใชบ้ าบดั โรคได้ มี
สรรพคุณอย่างไร จากการเรยี นรู้ด้วยประสบการณ์
และการทดลองแบบพน้ื บา้ น ทไ่ี ดท้ งั้ ขอ้ ดี
พชื สมุนไพรพน้ื บา้ นในตารบั ยาไทยมหี ลาย

ชนดิ แยกตามกลุ่มพชื ทใ่ี ชบ้ าบดั โรคตา่ งๆ ดงั น้ี
กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้แก้ไข้และขบั ปัสสาวะ เช่น เปลือก

พญาสตั บรรณหรอื ตนี เป็ด (Alstoniascholaris) เปลอื กและใบทุ้งฟ้า (Alstonia
macrophylla)กลุ่มพืชสมุนไพรท่ีใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย เช่น เน้ือไมส้ เี สยี ด
หรอื สเี สยี ดเหนือ (Acaciacatechu) ใบและผลมะตูม (Aegle marmelos) เปลอื ก
ประดู่บา้ น กลุ่มพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาระบายและขบั พยาธิ เชน่ ผลดบิ
มะเกลอื (Diospyros mollis) แก่นไมม้ ะหาด (Artocarpus lakoocha) กลุ่มพืช
สมุนไพรท่ีใช้เป็นยาขบั ลม เชน่ เหงา้ แก่ขงิ (Zingiber officinale) เหง้าวา่ น
น้า (Acorus calamus) ผลกระวาน (Amomum krervanh) กลุ่มพืชสมุนไพรที่

4

ใช้แก้โรคผิวหนัง เปลอื ก ใบ และเมลด็ สารภที ะเลหรอื กระทงิ (Calophyllum
inophyllum) ใบและเมลด็ ชุมเหด็ ไทย (Cassia tora) กลุ่มพชื สมุนไพรทใ่ี ชเ้ ป็น
ยาฆ่าแมลงและไล่แมลง เช่น รากเถาโล่ตน๊ิ หรอื หางไหล (Derris elliptica) ใบ
และเมลด็ น้อยหน่า (Annona squamosa)
พืชมพี ิษ

มนุษยไ์ ดน้ าพษิ ของพชื บางชนดิ มาใชป้ ระโยชน์ เชน่ นาน้ายางของพชื ท่ี
เป็นพษิ มาใชอ้ าบลูกดอกไม้ ใช้ในการล่าสตั ว์ หรอื ยงิ ศตั รู และนาพืชท่มี ีพิษ
หลายชนดิ มาใชเ้ บ่อื ปลา ผคู้ นพน้ื บา้ นไดส้ งั่ สมความรู้ และประสบการณ์ ในการ
เสาะแสวงหาพชื อาหาร ในขณะเดยี วกนั ไดร้ จู้ กั พชื ทม่ี พี ษิ เพอ่ื หลกี เลย่ี งพษิ ของ
พชื ทท่ี าอนั ตรายตอ่ ร่างกาย หรอื การดารงชพี ผคู้ นพ้นื บา้ นจงึ ต้องศกึ ษาหาวธิ ี
ทจ่ี ะกาจดั พษิ ในพชื ใหห้ มดไป จนสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ได้ เชน่ ตนี เป็ดน้า
หรอื ตนี เป็ดทะเล (Cerbera odollam) ทุกส่วนมยี างสขี าว ถูกผวิ หนังทาให้เกดิ
ผ่นื พุพอง เขา้ ตาทาให้เกดิ แผลในตา ทาให้ตาบอด ตาตุ่มทะเล (Excoecaria
agallocha) ไมใ้ นปา่ โกงกาง ยางสขี าว มพี ษิ มาก เขา้ ตา ทาใหต้ าบอด ถา้ ปนกบั
อาหาร กนิ เขา้ ไป ทาใหท้ อ้ งร่วงอย่างแรง แมแ้ ต่หอยบางชนิด ทเ่ี กาะไม้ชนิดน้ี
ถา้ เกบ็ มาปรงุ อาหาร กจ็ ะเกดิ อาการทอ้ งรว่ งไดเ้ ชน่ กนั
พืชที่ใช้แต่งสีอาหารหรอื ให้สียอ้ ม

ชนพ้ืนบ้านรู้จักนาส่วนต่างๆ ของพืชหลายชนิด ท่ใี ห้สี มาใช้แต่งสี
อาหาร อนั เป็นผลติ ภณั ฑธ์ รรมชาติ ทไ่ี ม่เป็นพษิ ภยั ตอ่ ร่างกาย หรอื นาพชื ท่ีให้สี
ยอ้ ม มายอ้ มผา้ แห อวน หรอื หนงั โดยเฉพาะผา้ พน้ื เมอื งจาพวกผา้ ไหม ผา้ ฝ้าย
ซ่งึ ให้สสี นั เป็นธรรมชาติ ดกี ว่าสวี ทิ ยาศาสตร์ หรอื สสี งั เคราะห์ กลุ่มพชื ท่ใี ห้สี
ดงั กล่าว เชน่ เหงา้ ขมน้ิ ชนั (Curcuma longa) ใชแ้ ต่งสเี หลอื งในอาหาร เมลด็
คาแสด (Bixa orellana) ใชแ้ ตง่ สแี สดในอาหาร

5

นวตั กรรมเลียนแบบธรรมชาติ

นวัตกรรมเลียนแบบธรรมชาติ หรือ ไบโอมิเมติกส์ (อังกฤษ:
biomimetics) เกดิ จากการรวมกนั ของภาษากรกี ระหว่างคาวา่ “bio” ซ่งึ แปลว่า
“ชวี ติ ” และ “mimesis” แปลวา่ “การเลยี นแบบ” เพราะฉะนนั้ ไบโอมเิ มตกิ ส์ คอื
ศาสตรท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การลอกเลยี นแบบทางชวี ภาพ ไมว่ า่ จะเป็น ดา้ นโครงสรา้ ง
พน้ื ผวิ องคป์ ระกอบทางเคมี ฯลฯ เรยี กอกี อยา่ งหน่งึ วา่ Biomimicry

ตวั อยา่ งการลอกเลียนแบบทางชีวภาพ
ใบบวั

น้ากลง้ิ บนใบบวั ” ลกั ษณะใบบวั ท่มี สี มบตั ทิ าความสะอาดพ้นื ผวิ ตนเอง
ได้ (self cleaning) โดยใบบวั จะมเี สน้ ขนเลก็ ๆ ทไ่ี ม่ชอบน้าอยู่เป็นจานวนมากท่ี
ผวิ ใบ ทาใหน้ ้ากลง้ิ ไปมาพรอ้ มกบั ชว่ ยขจดั สงิ่ สกปรกออกจากใบบวั ไดโ้ ดยไม่ทา

ให้ใบบวั เปียก ความมหัศจรรย์น้ี
นาไปสู่การพฒั นานวตั กรรมใหม่ๆ
หลายด้าน เช่น สีทาบ้านทาความ
สะอาดตวั เองได้ กระจกรถยนต์ เสอ้ื
นาโน การพัฒนาผืนผ้าปลอ ด
สารพษิ เป็นตน้ และจากแนวคิดน้ี
เชน่ กนั นกั วจิ ยั ของไทยกไ็ ดน้ าไปใช้
สรา้ งสารเคลอื บอฐิ กนั ตะไคร่

6

นกกระเตน็

“รถไฟชนิ คงั เซน” หรอื รถไฟ
หวั กระสุนท่ีเร็วสุดยอดของญ่ีปุ่น รุ่น
500 ซรี ส่ี น์ นั้ ไดศ้ กึ ษารปู ทรงจงอยปาก
นกกระเตน็ แลว้ นามาออกแบบส่วนหวั
รถไฟ ปรากฏว่าเม่อื ทดลอง หวั รถไฟ
ดงั กล่าวช่วยให้รถไฟวงิ่ ไดเ้ รว็ ขน้ึ และ
เงยี บขน้ึ ทงั้ ยงั มสี มรรถนะเพมิ่ ขน้ึ และ
มีแรงต้านของอากาศลดลง 30% นก
กระเตน็ สามารถบนิ พุ่งไปจบั ปลาในน้า
ไดร้ วดเรว็ ราวกระสุนปืนโดยน้าไม่กระจายตวั

จอมปลวก

อาคารสานกั งานชอ่ื East
gate Building ในกรุงฮาราเร
ประเทศซิมบบั เว ซ่งึ ใชร้ ะบบปรบั
อากาศทเ่ี ลยี นแบบจอมปลวกของ
ปลวกสายพันธุ์หน่ึง ซ่ึงสามารถ
รกั ษาอุณหภูมิ ใหเ้ ปลย่ี นแปลงไม่
สูงกว่าหรอื น้อยกว่า 1 องศา ทงั้
กลางวนั และกลางคนื

7

หญ้าเจา้ ชู้
เมล็ดเบอร์(burr) หรือ หญ้า

เจ้าชู้ มีลกั ษณะเป็นหนามแหลม
มีข อ ห่ ว ง เ ล็ก ๆ ท่ีป ล า ย ท า ใ ห้ มี
ความสามารถในเกาะตดิ ผวิ ผา้ ผวิ
ขนได้ มีการพัฒนาส่ิงประดิษฐ์
การเลียนแบบลกั ษณะของหญ้า
เจา้ ชทู้ ส่ี ามารถเกาะตดิ เสอ้ื ผา้ ได้ มาใชท้ า “ตวั แปะตดิ ” ทเ่ี รยี กวา่ velco fastener

ดอกคาลล่าลิลล่ี
ดอก ‘คาลล่า ลลิ ล่’ี (Calla Lily) ไมด้ อก
ประเภทหวั มีถิ่นกาเนิดในแอฟริกาใต้
ด อ ก มีเ อ ก ลัก ษ ณ์ ตีเก ลีย วภ า ย ใ น เป็ น
แนวด่ิง สอดรบั การไหลของน้าเพ่ือให้
สมั ผสั กบั ดอกดา้ นใน รปู ทรงน้ที าให้เกดิ
น้าวน นามาสร้าง ใบผดั สูบน้าท่มี ขี นาด
เลก็ ทล่ี ดการใชพ้ ลงั งานกวา่ ใบพดั เดมิ ๆ
15-30 เปอรเ์ ซน็ ต์ และลดเสยี งรบกวน
ลงถงึ 75 เปอรเ์ ซน็ ต์ ใบพดั ทรงอจั ฉรยิ ะ

น้ีถูกจดลขิ สทิ ธกิ์ ารออกแบบ และใชอ้ ย่างแพร่หลายในพน้ื ทอ่ี ุตสาหกรรมทวั ่ โลก

8

ใบงานท่ี 1.1 จาแนกชนิดพรรณไม้
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น ง30272
ใหน้ กั เรยี น "เปรยี บเทยี บความเหมอื นตา่ งของพชื ในปา่ ชายเลน" โดยกาหนด
ขนั้ ตอนการกาหนดคา่ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
1.1 หวั ขอ้ 1.2 ขอ้ มูล 1.3 การวเิ คราะห์ 1.4 สถติ 1.5 การเผยแพร่

9

ใบงานที่ 1.2 วเิ คราะหศ์ กั ยภาพ ของปจั จยั ศกึ ษา
รายวชิ า การปลูกไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

ช่ือพชื ศึกษา.........................................................

วตั ถปุ ระสงค์

1.เพอ่ื เรยี นรคู้ ุณคา่ ของทรพั ยากร

2.เพอ่ื เรยี นรวู้ ธิ กี ารใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรอยา่ งคมุ้ ค่า

เร่อื งที่เรียนรู้ สรปุ ผลการเรยี นรู้ ศกั ยภาพ

1.สว่ นทศ่ี กึ ษา............
รูปลกั ษณ์ (รูปร่าง รปู ทรง

ขนาด สี ผวิ เน้ือ ฯลฯ)

2.สว่ นทศ่ี กึ ษา............
คณุ สมบตั (ิ รส กลนิ่ เสยี ง

ความแขง็ ความนิ่ม ความ
เหนียว การลอยน้า สารสกดั ตดิ
บนวสั ดุ ฯลฯ)

3.ส่วนทศ่ี กึ ษา............
พฤตกิ รรม (การหบุ การ

บาน ของดอก ใบ การคายน้า
การโน้ม ฯลฯ)

สรปุ ผลสรุปผลการเรยี นรู้
...........................................................................................................

.....................................................................................................................

10

ใบงานที่ 1.3 จนิ ตนาการเหน็ คณุ ของศกั ยภาพ
รายวชิ า การปลูกไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

พืชศึกษา......................................

ศกั ยภาพ แก้ปัญหา/พฒั นา ช่ือนวตั กรรม

* เลอื กจากใบงานท่ี 2.1 เพ่อื ………………………….. …………………………….
……………………… ……………………………… …………………………….

บทท่ี 1

บทนา ท่ีมาและความสาคญั

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

วตั ถปุ ระสงค์

1. เพ่อื ...............................................................................................

2. เพ่อื ................................................................................. ...............

11

บทที่ 2
หลกั เกณฑก์ ารเขียนเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้อง

การคน้ ควา้ ขอ้ มลู และผลงานวจิ ยั จากแหลง่ ต่างๆ ทเี กย่ี วขอ้ ง กบั โจทย์
การวจิ ยั ท่ีกาหนด ให้ครอบคลุมประเด็นปญั หาท่ี เก่ียวข้องกบั งานวจิ ยั ซึง
อาจจะอยูใ่ นรปู แบบของสอ่ื สงิ่ พมิ พห์ รอื โสตทศั นูปกรณต์ า่ งๆ

หลกั เกณฑก์ ารเขียนเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้อง
1. ประกอบดว้ ยอย่างน้อย 2 สว่ น คอื แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั หวั ขอ้
และผลงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั หวั ขอ้ วจิ ยั
2. การเขยี นแนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ ง จะตอ้ งประกอบดว้ ย ความหมาย
แนวคดิ ทฤษฎี และระเบยี บวธิ หี รอื เทคนคิ วธิ กี ารวจิ ยั เฉพาะเรอ่ื ง (ถา้ ม)ี

3. การเขยี นผลงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง จะตอ้ งประกอบดว้ ยผลงานวจิ ยั ทงั้
ในประเทศ และต่างประเทศ

4.การนาเสนอทด่ี เี ป็นการนาเสนอในลกั ษณะสงั เคราะหเ์ น้อื หาตาม
ประเดน็ การศกึ ษาท่เี ป็นวตั ถปุ ระสงคห์ รอื สมมตฐิ านการวจิ ยั ไม่ใชก่ ารนาเสนอผล
เป็นรายบคุ คลตามลาดบั ตวั อกั ษร หรอื ตามรายปี

5.การเขยี นสรุปตอนทา้ ยของแตล่ ะประเดน็ บรรยายสนั้ ๆเพ่ือแสดง
ให้เหน็ ว่าการศึกษาค้นคว้าของตนมีส่วนสร้างสรรคอ์ งคค์ วามรู้ ความจริง
อะไรขึน้ ใหม่

6.การอา้ งองิ แหล่งทม่ี าของเอกสาร และผลงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งตอ้ ง
เขยี นใหถ้ ูกตอ้ งตามรูปแบบทก่ี าหนด

12

ใบงานที่ 2.1 เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

* อ้างอิงแหล่งท่ีมาของเอกสาร และผลงานวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

หลกั เกณฑ์ ช่ือผแู้ ต่ง ปี ท่ีพิมพ(์ ...) ชื่อหนังสือ
ความหมาย

แนวคดิ ทฤษฎี

ระเบยี บวธิ ี
งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง

13

ใบงานที่ 2.2 แนวคดิ ทฤษฎที เ่ี กย่ี วขอ้ ง
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

บทท่ี 2
แนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง

*อา้ งองิ ในเน้ือความ จะใชร้ ะบบ ชอ่ื และปี โดยจะวงเลบ็ ชอ่ื ผแู้ ตง่ เชน่ สมศกั ดแิ์ ละสมศรี (2535)
*เขยี นขอ้ มลู และผลงานวจิ ยั ทไ่ี ดจ้ ากการคน้ ควา้ ในใบกจิ กรรมท่ี 2.1
*ใหส้ รุปการศกึ ษาคน้ ควา้ สรา้ งสรรคอ์ งคค์ วามรู้

...........................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

สรปุ .....................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

14

บทท่ี 3
สรรคส์ รา้ งวิธีการ

การจดั การงาน PDCA
PDCA คือ วงจรการบรหิ ารงานคุณภาพ Plan (วางแผน), Do (ปฏบิ ตั )ิ ,

Check (ตรวจสอบ) และ Act (การดาเนนิ การใหเ้ หมาะสม) ซ่งึ รายละเอยี ดในแต่
ละขนั้ ตอนมดี งั น้ี

1. P = Plan ขนั้ ตอน
การวางแผน หลงั จากเรามี
เป้ าหมายแล้ว เราต้องนา
เ ป้ า ห ม า ย นั้น ม า ก า ห น ด
รายละเอียด ส่ิงท่ตี ้องทาโดย
เรียงตามลาดับความสาคัญ
รายละเอียดขัน้ ตอน ปจั จัย
ต่างๆท่ีต้องใช้ ระยะเวลาเร่ิม-ส้ินสุด บุคคลหรือทีมงานท่เี ก่ียวข้องในแต่ละ
ขนั้ ตอน และทส่ี าคญั ทส่ี ดุ คอื ตวั ชว้ี ดั ผล (KPI) เน่อื งจากแผนงานหมายถงึ เราจะ
เดนิ ทางไปสถานทน่ี ัน้ ดว้ ยวธิ ไี หน ไปถงึ เม่อื ไหร่ ดงั นัน้ ตวั ชว้ี ดั จงึ เป็นตวั ท่จี ะ
คอยบอกวา่ วธิ กี ารทเ่ี ราเลอื กใชน้ นั้ ถูกตอ้ งหรอื ไม่ เรว็ -ชา้ อย่างไร ทรพั ยากรทใ่ี ช้
ไปเป็นไปตามแผนหรอื เกนิ กวา่ ทก่ี าหนดไว้ เพ่อื ทจ่ี ะไดป้ รบั แผนหรอื วธิ ไี ด้อย่าง
ทนั ท่วงทปี ฏบิ ตั งิ าน ฯลฯ
2. D = Do การลงมอื ปฏบิ ตั ิ ขนั้ ตอนน้ีคอื การลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามแผนงาน
และวธิ กี ารทเ่ี รากาหนดไวอ้ ย่างมวี นิ ยั ทกั ษะการบรหิ ารตา่ งๆจะถูกหยบิ มาใชใ้ น
ระยะการลงมือปฏบิ ตั นิ ้ี เช่น การบรหิ ารเวลาให้ได้ตามแผน การประชุมเพ่ือ
ตรวจสอบความคบื หน้า การมอบหมายงานเพ่อื แบ่งเบาภาระ เป็นตน้ ในเร่อื งท่ี

15

นอกเหนอื จากการทางาน ไม่วา่ จะเป็นการพฒั นาตวั เอง การออกกาลงั กาย หรอื
การบรหิ ารการเงินส่วนบุคคล ย่อมต้องใชว้ นิ ัยและการบรหิ ารด้านต่างๆด้วย
เชน่ กนั

3. C = Check ขนั้ ตอนการตรวจสอบ คอื การประเมนิ ผลทไ่ี ดร้ บั จากการ
ปรบั ปรุงเปล่ยี นแปลง เพ่อื ให้ทราบว่า ในขนั้ ตอนการปฏบิ ตั งิ านสามารถบรรลุ
เป้าหมายหรอื วตั ถปุ ระสงคท์ ไ่ี ดก้ าหนดไวห้ รอื ไม่

4. A = Action ขนั้ ตอนน้ีคือการปรบั ปรุงหรอื ปรบั เปลย่ี นวธิ กี ารหรอื
ทรัพ ย าก รบาง อ ย่างเพ่ือ ทาใ ห้ผลลัพ ธ์ก ลับม าอ ยู่ใน แผน งา น ห รือ เส้ น ทาง สู่
เป้าหมายตามระยะเวลาทก่ี าหนดไวใ้ นครงั้ แรก

ในการดาเนินงานการศกึ ษา ได้แบ่งการศกึ ษาเป็น 4 ลาดบั ขนั้ การ
เรยี นรู้ โดยใชว้ ธิ กี ารแตล่ ะลาดบั ขนั้ การเรยี นรู้ คอื

1. เรยี นรูก้ ารวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของปจั จยั ศกึ ษา
1.1พจิ ารณาศกั ยภาพดา้ นรปู ลกั ษณ์
1.2 จนิ ตนาการศกั ยภาพดา้ นคุณสมบตั ิ
1.3 วเิ คราะหศ์ กั ยภาพดา้ นพฤตกิ รรม

2. เรยี นรู้ จนิ ตนาการเหน็ คุณของศกั ยภาพ ของปจั จยั ศกึ ษา
2.1 จนิ ตนาการจากการวเิ คราะหศ์ กั ยภาพ
2.2 เรยี นรสู้ รุปคณุ ของศกั ยภาพ ทไ่ี ดจ้ ากจนิ ตนาการ

3. สรา้ งวธิ กี าร
3.1 พจิ ารณาคุณทเ่ี กดิ จากจนิ ตนาการ
3.2 สรา้ งแนวคดิ แนวทาง วธิ กี าร

4. สรปุ ผลการเรยี นรู้ วเิ คราะหข์ อ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย จดุ เดน่ ของเรอ่ื งทศ่ี กึ ษา

16

ใบงานที่ 3.1 หลกั วธิ กี ารจดั การงาน
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

วิเคราะหก์ ารจดั การงาน (กอ่ นวางแผน) การจดั การงาน
ปัจจยั คณุ สมบตั ิ

บุคลากร

วสั ดุ/อุปกรณ์

วตั ถดุ บิ

สถานท่ี

17

ใบงานที่ 3.2 วธิ ดี าเนินการศกึ ษา
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

บทท่ี 3
วิธีดาเนินการศึกษา (กระบวนการทางาน)

*วสั ดอุ ปุ กรณ์ ใหแ้ จกแจงเฉพาะท่สี าคญั
*วธิ กี าร ใหแ้ บ่งออกเป็นหวั ขอ้

........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

18

บทที่ 4
ผลท่ีได้

การศกึ ษาทเ่ี กย่ี วกบั การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในรูปของการพรรณนาวเิ คราะห์
การใชส้ ถติ วิ เิ คราะห์ การแปลความหมาย อาจนาเสนอในรูปแบบท่เี ป็นตาราง
แผนภูมิ หรอื กราฟในการชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจง่ายขน้ึ

***การนาเสนอผลการศึกษา ควรนาเสนอตามลาดับเร่ืองของ
วตั ถุประสงค์ท่ีตัง้ ไว้ในบทท่ี 1 ซ่ึงผลของการศึกษาวิเคราะห์จะต้องตอบ
วตั ถุประสงคไ์ ดท้ กุ ขอ้ ตามทต่ี งั้ ไว้

รายงานจะประกอบดว้ ย 3 ส่วนดงั ตอ่ ไปน้ี
ส่วนที่ 1 ผลการทดลอง
ใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั หมายเลขกลุ่มและผลการสรา้ งนวตั กรรมหรอื ผลการ
ทดลอง
ส่วนที่ 2 วเิ คราะหผ์ ล
ในส่วนน้ีจะประกอบไปด้วยกราฟและการแปลความหลายของกราฟ
รวมถงึ ผลการทดลองตอนน้ีขอให้ในแต่ละกลุ่มปรกึ ษากนั วา่ จะนาเสนอกราฟ
อยา่ งไร เพ่อื ใหส้ ามารถนาเสนอผลของการศกึ ษาและจะแปลความหมายกราฟ
และผลการทดลองในสว่ นอน่ื ๆ อย่างไร
ส่วนที่ 3 สรปุ ผล
ในสว่ นของสรุปผลน้ีทวั่ ไปการสรุปผลนนั้ ควรจะตอ้ งตอบคาถามต่อไปน้ี:
ท่านไดเ้ รยี นรอู้ ะไรจากการทดลองน้ี? ท่านจะสามารถนาสง่ิ ท่เี รยี นรูไ้ ปใชใ้ นการ
พฒั นาการทดลองและศกึ ษาวจิ ยั ใหด้ ขี น้ึ ในอนาคตไดอ้ ย่างไร? โดยขอ้ มลู ในส่วน
น้ีจะต้องเขยี นให้สอดคล้องกบั การทดลองท่ไี ด้ดาเนินการมา บนพ้นื ฐานของ
ขอ้ เทจ็ จรงิ และผลการทดลอง

19

ตวั อย่างการศึกษา
1. เรยี นรูก้ ารวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของปจั จยั ศกึ ษา

1.1.ผลการเรยี นรู้ดา้ นรูปลกั ษณ์ (รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี ผวิ เน้ือ
ฯลฯ)

จากการศกึ ษารูปลกั ษณ์ของใบเหงอื กปลาหมอดอกมว่ ง พบวา่

1) ใบเหงอื กปลาหมอดอกมว่ ง ทม่ี ลี กั ษณะขอบเวา้ คลา้ ยมอื จบั

2) ผลเหงอื กปลาหมอดอกม่วง ทม่ี ลี กั ษณะอวบน้า กลมรคี ลา้ ยหยดน้า

1.2.ผลการเรยี นรูด้ า้ นคุณสมบตั ิ (รส กลนิ่ เสยี ง ความแขง็ ความน่ิม
ความเหนยี ว การลอยน้า ฯลฯ)

จากการศกึ ษาคณุ สมบตั ขิ องใบเหงอื กปลาหมอดอกมว่ งพบวา่
1) ใบของเหงอื กปลาหมอมสี เี ขยี ว เม่อื นามามาขย้ีแล้วถูบนกระดาษ
หรอื ผา้ พบวา่ สามารถตดิ เป็นสเี ขยี วได้
2) ใบของเหงอื กปลาหมอมสี รรพคณุ ทางยา คอื ใบเหงอื กปลาหมอ รส
เคม็ กร่อยรอ้ น ตดั รากฝีภายใน และภายนอกทุกชนิด แก้น้าเหลอื งเสยี ปรุงกบั
ฟ้าทะลายโจร รมหวั รดิ สดี วงทวาร คนั้ น้าจากใบทาศรี ษะ ช่วยบารุงรกั ษาราก
ผม แก้ประดง ใบเป็นยาอายุวฒั นะโดยปรุงรวมกบั พรกิ ไทย ในอตั ราส่วน 2:1
บดทาเป็นยาลูกกลอน กนิ ครงั้ ละ 1-2 เมด็ ใบสด นามาต้มกนิ เป็นยาแก้ไข้
ลมพษิ ฝี แก้ฝีทราง หรอื ใชใ้ บสดนามาตาให้ละเอยี ด ใชพ้ อกบริเวณแผลทถ่ี ูกงู
กดั พอกฝี และแผล
3) ใบของเหงอื กปลาหมอมสี รรพคณุ ทางยา คอื ใบเหงอื กปลาหมอ รส
เคม็ กร่อยรอ้ น ตดั รากฝีภายใน และภายนอกทุกชนิด แก้น้าเหลอื งเสยี คนั้ น้า
จากใบทาศีรษะ ช่วยบารุงรกั ษารากผม ช่วยรักษาโรคผวิ หนัง หรือประดง
รกั ษากลากเกลอ้ื น อสี ุกอใี ส ใบชว่ ยแกผ้ ดผน่ื คนั ตามร่างกาย ใชล้ า้ งแผลเรอ้ื รงั

20

4) ใบของเหงอื กปลาหมอมสี รรพคุณทางยา คือใบเหงอื กปลาหมอ รส
เคม็ กร่อยรอ้ น ตดั รากฝีภายใน และภายนอกทุกชนิด แก้น้าเหลอื งเสยี คนั้ น้า
จากใบทาศรี ษะ ช่วยบารุงรกั ษารากผม ช่วยรักษาโรคผวิ หนัง หรือประดง
รกั ษากลากเกลอ้ื น อสี กุ อใี ส ใบชว่ ยแกผ้ ดผน่ื คนั ตามร่างกาย ใชล้ า้ งแผลเรอ้ื รงั

5) ใบของเหงอื กปลาหมอมสี รรพคุณทางยา คือใบเหงอื กปลาหมอ รส
เคม็ กร่อยรอ้ น ชว่ ยรกั ษานวิ่ ในไต และอาการไขด้ ว้ ยการใชใ้ บนามาตม้ เป็นน้าด่มื
รกั ษามตุ กดิ ระดขู าว ตกขาวของสตรี ดว้ ยการใชใ้ บและตน้ นาตาเป็นผงผสมกบั
น้าผง้ึ หรอื น้ามนั มนั งา ปนั้ เป็นยาลูกกลอนรบั ประทานแกอ้ าการ

1.3.ผลการเรียนรู้ด้านพฤติกรรม (การหบุ การบาน ของดอก ใบ การคาย
น้า การโน้ม ฯลฯ)

1) ธรรมชาตขิ องการแตกออกของผล เหงอื กปลาหมอดอกม่วง พบว่า
เม่อื ผลแก่เตม็ ทเ่ี ปลย่ี นเป็นสนี ้าตาล แห้งและแตกออกเป็น 2 ซกี โดยท่ตี อนโคน
ยงั คงตดิ กนั อยู่ สามารถเหน็ เมลด็ ทอ่ี ยู่ในผลอย่างชดั เจน การแตกออกของผล
เหงอื กปลาหมอดอกมว่ ง คอื ความมพี ลงั กระตนุ้ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง การรบั
แสงสวา่ ง

2) พฤตกิ รรมการบานของดอก

2. เรยี นรู้ จนิ ตนาการเหน็ คุณของศกั ยภาพ ของปจั จยั ศกึ ษา
2.1.ผลการเรยี นรเู้ รยี นรสู้ รปุ คณุ ของศกั ยภาพ ทไ่ี ดจ้ ากจนิ ตนาการ
จินตนาการจากการวิเคราะห์ศักยภาพ การวิเคราะห์

ศกั ยภาพของปจั จยั ท่ศี กึ ษา จากศกั ยภาพนัน้ ก่อเกดิ จนิ ตนาการ ซ่ึงเป็นภาพท่ี
เกดิ จากอารมณ์ทเ่ี น่ืองจากความคดิ การจนิ ตนาการเหน็ คุณของการแตกออก
ของผล เหงอื กปลาหมอดอกม่วง

21

1.ทาใหเ้ ปิดออก
2.ทาใหเ้ มลด็ ทอ่ี ยูด่ า้ นในหลดุ ออกมาได้
3.ทาใหป้ ลอดโปรง่
4.ทาใหไ้ ดร้ บั แสง
2.2 สรา้ งแนวคดิ แนวทาง วธิ กี าร ของการแตกออกของผล เหงอื กปลา
หมอดอกม่วง ทาใหเ้ ปิดออก

แนวคดิ ท่ี 1 นาไปเป็นทใ่ี ส่ของ
แนวคดิ ท่ี 2 นาไปเป็นทต่ี กั น้า
แนวคดิ ท่ี 3 นาไปเป็นโคมไฟใหค้ วามสวา่ ง
วธิ กี ารของแนวทางท่ี 3 ทาโคมไฟแบบแขวน
1.ออกแบบ เลอื กวสั ดุทม่ี รี ูปทรงคลา้ ยผลของเหงอื กปลาหมอดอกม่วง
ตามจนิ ตนาการ จดั ทาแบบรา่ ง รปู ลกั ษณ์ของผลของเหงอื กปลาหมอดอกมว่ ง
พฒั นาแบบรา่ งของผลของเหงอื กปลาหมอดอกม่วงโดยพจิ ารณาขนาด สดั ส่วน
มาตรา ส่วน รูปแบบการใชง้ าน คดั เลอื กวสั ดุ ใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ าน
กาหนดวสั ดทุ ใ่ี ชต้ ามมาตรฐาน
2.จดั หาวสั ดสุ าหรบั ทาโคมไฟ ตวั โคมไฟ แบบแขวน อุ ป ก ร ณ์
สาหรบั ตอ่ ไฟฟ้าสที ใ่ี ชพ้ ่น อุปกรณท์ ใ่ี ชต้ ดั และดดั ใหเ้ ป็นรูปทรง
3. ประกอบโคมไฟกบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า และทดลองใช้งานจรงิ ในแต่ละ
แนวทางใหแ้ สดงวธิ กี าร ทเ่ี ป็นขนั้ เป็นตอน จนเสรจ็ สน้ิ กระบวนการ ผลิตออกมา
ไดต้ ามจนิ ตนาการ สงิ่ ทผ่ี ลติ ออกมาสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในวงกวา้ ง

22

ตวั อย่างผลงานนักเรยี น

23

ใบงานที่ 4.1 ออกแบบบนั ทกึ ผล
รายวชิ า การปลูกไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272
ตวั อย่าง บนั ทกึ ผลการทดลอง
ตาราง 4.1 แสดง..............................................................................
ครงั้ ท่ี 1 ครงั้ ท่ี 2 ครงั้ ท่ี 3 ครงั้ ท่ี 4 เฉลย่ี

ตวั อย่าง บนั ทึกผลการทดลอง
ตารางท่ี 4.2 แสดง..............................................................................

ออกแบบบนั ทกึ ผล

24

ใบงานที่ 4.2 ผลการทดลอง
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

บทท่ี 4
ผลการทดลอง

*เรยี งลาดบั ผลการทดลองตามหวั ขอ้ วธิ กี ารทดลองในบทท่ี 3

ส่วนท่ี 1 ผลการทดลอง
........................................................................................................................
........................................................................................................................
ส่วนท่ี 2 วิเคราะหผ์ ล (แสดงเป็นแผนภูม/ิ ตาราง)

แผนภูม/ิ ตารางท่ี .............................................................................................
จาก............................พบวา่ ...........................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

25

บทท่ี 5
สรปุ และข้อเสนอแนะ

การสรุปผลการศกึ ษาวเิ คราะห์โดยย่อ มกี ารอภปิ รายผลการวเิ คราะห์
ในสง่ิ ทพ่ี บในบทท่ี 4 เปรยี บเทยี บกบั ผลการศกึ ษาวเิ คราะห์ในเร่อื งเดยี วกนั หรอื
คลา้ ยคลงึ กนั ของใครทพ่ี บเชน่ เดยี วกบั เรา หรอื ขดั แยง้ กบั สงิ่ ทเ่ี ราพบ

*** มีการให้ข้อเสนอแนะ ว่าจะนาผลการศึกษาวิเคราะห์น้ีไปใช้
ประโยชน์ในการพฒั นางานหรอื ปรบั ปรุงงานไดอ้ ย่างไร ? ตอ้ งทาอะไร ? เตรยี ม
อะไร ? มขี อ้ ปฏบิ ตั อิ ย่างไร ?และถ้าจะศกึ ษาวเิ คราะห์ในครงั้ ต่อไป ควรจะเป็น
เร่อื งใด ?และทาในลกั ษณะใด ?

การเขยี นขอ้ เสนอแนะ หลงั จากการตรวจสอบ หรอื การวจิ ยั /วเิ คราะห์
เสรจ็ กจ็ ะเจอกบั ปญั หาอปุ สรรคตา่ งๆ แลว้ สรปุ ปญั หาทงั้ หมด รวมทงั้ แยกวา่ แต่
ละปญั หา ถา้ เกดิ แลว้ จะส่งผลกระทบอย่างไร และมผี ลกระทบมากในระดบั ไหน
(หรอื นาเสนอในผลการวเิ คราะหท์ ส่ี งู -ต่าเกนิ ปกต)ิ

*** เสนอแนะวธิ กี ารแก้ไข หรอื เสนอข้อคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ทางออกของ
ปญั หานนั้ ส่วนขอ้ ดไี ม่ตอ้ งเอามาเสนอ การเสนอแนะจะทากต็ ่อเม่อื เจอขอ้ เสยี
หรอื ตอ้ งการใหเ้ กดิ สงิ่ ทดี แี ละเหมาะสมกวา่
ตวั อยา่ งการวิเคราะห์

จากวเิ คราะห์หาศกั ยภาพธรรมชาติของปจั จยั ศกึ ษา คือ การศกึ ษา
รปู ทรงของเหงอื กปลาหมอดอกมว่ ง มรี ปู ลกั ษณะเป็นผลกลมรี เม่อื แตกออกจะ
แยกออกเป็นสองสว่ น มศี กั ยภาพคอื โอบลอ้ ม การปกป้อง ทาใหส้ ามารถบรรจุ
ของได้ ดา้ นคณุ สมบตั ิ เชน่ ความลน่ื ของผวิ ภายนอกของผลเหงอื กปลาหมอดอก
มว่ ง มศี กั ยภาพคอื การรบั น้าหนกั ทนทาน และการคงรูป ด้านพฤตกิ รรม เช่น
การแตกกอกของผลสุกเตม็ ท่ี มศี กั ยภาพคอื การทาให้เปิดออก จนิ ตนาการ

26

เห็นคุณของศกั ยภาพ สรรค์สร้างแนวคดิ แนวทาง และวิธีการ คือ การนา
ศกั ยภาพความทนทานและคงรูปซ่งึ เป็นคุณสมบตั ขิ องผลเหงอื กปลาหมอดอก
ม่วง มาเป็นแนวคดิ ในการทาโคมไฟ อุปกรณ์สานกั งาน และมแี นวทางคอื การ
ทาโคมไฟแฟนซี

การวเิ คราะหศ์ กั ยภาพของปจั จยั ศกึ ษา ในดา้ นรูปลกั ษณ์ คุณสมบตั แิ ละ
พฤตกิ รรม ยงั ไม่สมบรู ณใ์ นแต่ละดา้ น เชน่ ด้านรูปลกั ษณ์ มเี พยี งศกั ยภาพจาก
รูปร่าง ของใบ และผลควรมกี ารศกึ ษาในเร่อื งของดอกและรากเพม่ิ เตมิ และ
วเิ คราะหเ์ ร่อื ง สี ผวิ ขนาด ดา้ นคณุ สมบตั คิ วรวเิ คราะหใ์ นเร่อื งความบาง ความ
เหนียว การลอยน้าได้ รส กล่ิน เป็นต้น ด้านพฤตกิ รรม ควรวเิ คราะห์ในเร่อื ง
การหุบ การบาน การคายน้า ฯลฯ และสร้างผลงานท่ีนามาใช้ได้ตรงตาม
ศกั ยภาพทไ่ี ดว้ เิ คราะหเ์ พมิ่ ขน้ึ

27

ใบงานที่ 5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา
รายวชิ าการปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

บทท่ี 5 สรปุ ผล
การศกึ ษาเร่อื ง ....................................................................................

สรปุ ผลการศึกษา
จากการจดั ทาโครงงาน...............................................................พบวา่

........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
อภิปรายผลการศึกษา

จากการจดั ทาโครงงานพบวา่ ...............................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ

จากการจดั ทาโครงงานพบวา่ ...............................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

28

บทที่ 6
การเขยี นเอกสารอ้างอิง

การเขียนเอกสารอ้างอิง (References) หรอื บรรณานุกรม (Bibliography)
การเขยี นบรรณานุกรมจะเรยี งลาดบั อกั ษรและพยญั ชนะ โดยเป็น

ภาษาไทยกอ่ นตามดว้ ยภาษาองั กฤษ
1. การอา้ งองิ ในเน้อื ความ จะใชร้ ะบบ ชอ่ื และปี โดยจะวงเลบ็ ช่อื ผแู้ ต่ง

(สาหรบั คนไทย) หรือช่อื สกุล (สาหรบั คนต่างชาติ)หรอื ช่อื นิตบิ ุคคลท่ีจดั ทา
เอกสาร และระบุปีท่พี มิ พ์ของเอกสารท่ี อ้างองิ เช่น สมศกั ดแิ ์ ละสมศรี (2535)
รายงานวา่ ...หรอื ... (สมศกั ดแิ์ ละสมศร,ี 2535) กรณมี ผี เู้ ขยี น 3 คนขน้ึ ไป ให้ใช้
คาว่า “และคณะ” กรณภี าษาไทย หรอื “et al.”กรณีภาษาองั กฤษแทน หากมี
อ้างองิ จากหลายรายงานในหวั ขอ้ เดยี วกนั ใหใ้ ช้ ... (สมศกั ด,ิ ์ 2535; สมศรี,
2540;Williams, 2009) โดยเรยี งภาษาไทยก่อนภาษาองั กฤษ และเรยี งตามปีท่ี
พมิ พ์

2. การอา้ งองิ ทา้ ยเรอ่ื ง ใชต้ วั อกั ษรปกติ ขนาด 1 เรยี งลาดบั ภาษาไทย
กอ่ นภาษาองั กฤษ และเรยี งตามตวั อกั ษรและสระกรณผี เู้ ขยี นคนเดยี วกนั ใหเ้ รยี ง
ตามปีทพ่ี มิ พ์เอกสาร มีรูปแบบการเขยี นสาหรบั วารสารวจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี เชน่ ตารา (Textbook) หรอื หนงั สอื ใหใ้ ช้
ชอ่ื สกลุ ของผแู้ ต่ง. (ตวั เลข ปี พ.ศ.ทต่ี ีพมิ พ์). ชอ่ื หนงั สอื . (พมิ พ์ครงั้ ท)่ี . เมอื งท่ี
พมิ พ:์ โรงพมิ พห์ รอื สานกั พมิ พ.์ เลขหน้าเรมิ่ ตน้ –หน้าสดุ ทา้ ยทอ่ี า้ งองิ .
ภาษาองั กฤษ ใหใ้ ชช้ อ่ื สกุล, อกั ษรย่อชอ่ื ตน้ . อกั ษรยอ่ ชอ่ื รอง (ถ้าม)ี ของผแู้ ต่ง.
(ตวั เลข ปี ค.ศ.ทต่ี พี มิ พ)์ .

29

ใบงานที่ 6.1 เอกสารอา้ งองิ
รายวชิ า การปลูกไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

เอกสารอ้างอิง
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

30

ใบงาน แบบสะท้อนผลการเรียนรู้

รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272
1.สง่ิ ทข่ี า้ พเจา้ ไดร้ บั การเรยี นรู้

...........................................................................................................
........................................................................................................................
2. สง่ิ ทข่ี า้ พเจา้ ไดร้ บั การพฒั นา

...........................................................................................................
........................................................................................................................
3. สงิ่ ทข่ี า้ พเจา้ ควรปรบั ปรุงเพอ่ื พฒั นาตนเอง

...........................................................................................................
........................................................................................................................
4. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ น่ี ่าสนใจ

...........................................................................................................
........................................................................................................................
5. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ค่ี วรพฒั นา

........................................................................................................................
...........................................................................................................
6. สรปุ ความคดิ เหน็

...........................................................................................................
........................................................................................................................

31

เอกสารอ้างอิง

กลมุ่ งานโรคพชื . 2535. ผกั ปลอดสารพิษ. กองป้องกนั และกาจดั ศตั รูพชื กรม
สง่ เสรมิ การเกษตร. กรงุ เทพฯ 34 หน้า.

กองบรริ กั ษ์ทด่ี นิ . 2525. ค่มู อื การวางแผนระบบการให้น้าในไรน่ าและ
ความสมั พนั ธร์ ะหว่างดิน พชื และน้า. กรมพฒั นาทด่ี นิ กระทรวง
เกษตรและสหกรณ.์ 139 หน้า.

ถนอม คลอดเพง็ . 2528. ปฐพศี าสตรพ์ นื้ ฐาน. ภาควชิ าปฐพศี าสตรแ์ ละ
อนุรกั ษ์ศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม.่ 257 หน้า.

อรรถชยั มสี ขุ . 2559. ชีพจกั รของเหงอื กปลาหมอดอกม่วง. เอกสาร
ประกอบการนาเสนอบูรณาการงานสวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น เร่อื งพชื
ศกึ ษา, ภูเกต็ โรงเรยี นเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระศรนี ครนิ ทร์ ภูเกต็ .
(10).pdf

เออ้ื มพร วสี มหมาย.2530. หลกั การจดั สวนในบา้ น. กรุงเทพฯ : คณะเกษตร
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร.์

http://oknation.nationtv.tv/blog/iamasian/2008/01/23/entry-1
https://thematter.co/science-tech/the-golden-age-of-biomimicry/43888
http://www.ittrain.nrru.ac.th/scijournal/index.php
https://sites.google.com/site/pumpkin2555/khwampdca
http://guidance.obec.go.th/?p=1033
http://wpp.co.th

ภาคผนวก

ใบงาน ตวั อย่าง แบบสะทอ้ นผลการเรยี นรู้
รายวชิ า การปลกู ไมส้ วนพฤกษศาสตรโ์ รงเรยี น รหสั ง30272

(เรยี นวนั ท่ี 14 มถิ นุ ายน 2563) การวเิ คราะห์ หรอื จาแนกชนิดพนั ธไุ์ ม้
1.สง่ิ ทข่ี า้ พเจา้ ได้รบั การเรยี นรู้

วธิ วี เิ คราะห์ / จาแนกชนิดพนั ธุพ์ ชื โดยใชห้ ลกั วชิ าพฤกษศาสตร์สาขา
อนุกรมวธิ านพชื (Plant taxonomy)
2. สงิ่ ทข่ี า้ พเจา้ ไดร้ บั การพฒั นา

ไดแ้ นวทางในการนาวธิ วี เิ คราะห์ / จาแนกชนิดพนั ธุพ์ ชื โดยใชห้ ลกั วชิ า
พฤกษศาสตร์
3. สงิ่ ทข่ี า้ พเจา้ ควรปรบั ปรุงเพ่อื พฒั นาตนเอง

การ"เปรยี บเทยี บความเหมอื นตา่ งของพชื ในปา่ ชายเลน" สรา้ งองค์
ความรดู้ ว้ ยตนเอง
4. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ น่ี ่าสนใจ

กาหนดขนั้ ตอนการกาหนดค่าต่าง ๆ หวั ขอ้ ขอ้ มลู การวเิ คราะห์ สถติ
การเผยแพร่
5. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ค่ี วรพฒั นา

สารสนเทศท่ีเป็นแผนภาพ รูปภาพ แผนผัง จะทาให้น่าสนใจกว่า
สารสนเทศทเ่ี ป็นขอ้ ความ
6. สรปุ ความคดิ เหน็

การนาแสดงความคดิ เหน็ และหาแนวจดั องคค์ วามรเู้ ป็นลาดบั ขนั้ ตอน
เหน็ จากสอ่ื คอื ชนดิ พรรณไมจ้ รงิ ทาใหน้ ่าสนใจ

(แนวทางการจดั ทารายงานโครงงาน)
ช่ือโครงงาน

……………………………………………………………

ชอ่ื ผทู้ าโครงงาน
1…………………………………เลขท่ี …………ชนั้ …………….
2…………………………………เลขท่ี …………ชนั้ …………….
3…………………………………เลขท่ี …………ชนั้ …………….

โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเรยี นรู้ วิชา การปลูกไมส้ วน
พฤกษศาสตร์ รหสั ง30273 กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ
โรงเรยี นเฉลิมพระเกียรติสมเดจ็ พระศรนี ครินทร์ ภเู กต็
ปี การศึกษา 2563



กิตติกรรมประกาศ

โครงงานนส้ี าเรจ็ ขน้ึ ไดด้ ว้ ย...................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

ทา้ ยสดุ น้ผี จู้ ดั ทาหวงั เป็นอย่างยงิ่ วา่ โครงงานนจ้ี ะเป็นประโยชน์ต่อ
การศกึ ษาเกย่ี วกบั .......................ของผสู้ นใจตอ่ ไป

คณะผจู้ ดั ทา



ชื่อเรือ่ งโครงงาน :

ผจู้ ดั ทาโครงงาน : 1.

2.

3.

ครทู ่ีปรกึ ษาโครงงาน : ...........................................................................

ปี การศึกษา : 2563

บทคดั ย่อ

การจดั ทาโครงงานในครงั้ น้มี วี ตั ถุประสงค์ เพอ่ื (1) ......................

(2)...............................................................................................................

โดยดาเนนิ การ................................................................................................

........................................................................................................................

ผลการศกึ ษาและจดั ทาโครงงานพบวา่ .................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

ค หน้า

สารบญั ข
1
กติ ตกิ รรมประกาศ
บทคดั ยอ่ 2
บทท่ี 1 บทนา 3

- ทม่ี าและความสาคญั ของโครงงาน 4
- วตั ถุประสงค์ 5
- ขอบเขตการศกึ ษาคน้ ควา้ 6
- ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั 7
บทท่ี 2 แนวคดิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 8
บทท่ี 3 วธิ ดี าเนนิ งาน
- วสั ดอุ ปุ กรณ์
- ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน
บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งาน
บทท่ี 5 สรุปและขอ้ เสนอแนะ
เอกสารอา้ งองิ
ภาคผนวก
ขอ้ มูลผจู้ ดั ทา

1

บทท่ี 1
บทนา
ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน
........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................
........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................

........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
วตั ถปุ ระสงค์

1. เพอ่ื ............................................................................... ................
2.........................................................................................................
ขอบเขตของการศึกษาค้นควา้
1.........................................................................................................
2
ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั
1.........................................................................................................
2.........................................................................................................

2

บทท่ี 2
แนวคิดท่ีเก่ยี วข้อง

ในการจดั ทาโครงงาน.......................................................................
คณะผจู้ ดั ทาไดน้ าเสนอตามลาดบั ดงั น้ี
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

3

บทที่ 3
วิธีการดาเนิ นงาน

ตอนท่ี 1 วสั ดอุ ปุ กรณ์
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

ตอนท่ี 2 วิธีดาเนินงาน
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

4

บทที่ 4
ผลการดาเนิ นงาน

จากการดาเนิ นงาน
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
ภาพชิ้นงานท่ีสมบูรณ์ (กรณีโครงงานมีส่ิงประดิษฐ)์ / แผนภมู ิ กราฟ

5

บทท่ี 5
สรปุ และข้อเสนอแนะ

สรปุ ผลการศึกษา
จากการจดั ทาโครงงานพบวา่ ...........................................................

........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
อภิปรายผลการศึกษา

จากการจดั ทาโครงงานพบวา่ ...........................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ

จากการจดั ทาโครงงานพบวา่ ...........................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

6

เอกสารอ้างอิง
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................
........................................................................................................................

7

ภาคผนวก

ภาพท่ี 1 ……………………..

ภาพท่ี 2 ………………………..

8

ข้อมลู ผจู้ ดั ทา

ชอ่ื ............................... นามสกุล .........................
อายุ ........ ปี
ทอ่ี ยู่ ..........................................................................
เบอรโ์ ทรศพั ท์ .......................................
Email : .............................

ชอ่ื ................................ นามสกุล .........................
อายุ ........ ปี
ทอ่ี ย่.ู ...........................................................................
เบอรโ์ ทรศพั ท์ .......................................
Email : .............................

ชอ่ื ................................ นามสกลุ .........................
อายุ ........ ปี
ทอ่ี ยู่............................................................................
เบอรโ์ ทรศพั ท์ .......................................
Email : .............................


Click to View FlipBook Version