The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by namphirk น้ําพริก, 2021-10-27 05:07:53

ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับที่ 4 พ.ศ.2562

T_0009

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔๓ ก หน้า ๙ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกจิ จานุเบกษา

พระราชบัญญัติ

ระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ฉบบั ท่ี ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๒

สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร

ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เปน็ ปที ่ี ๔ ในรัชกาลปจั จบุ ัน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศวา่

โดยที่เปน็ การสมควรแก้ไขเพิม่ เตมิ กฎหมายว่าด้วยระเบยี บข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้
โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญตั ิแหง่ กฎหมาย
เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพร ะราชบัญ ญั ติ น้ี
เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การศึกษา ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงอื่ นไขท่ีบัญญัตไิ ว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนญู
แหง่ ราชอาณาจกั รไทยแลว้
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ
สภานติ ิบญั ญตั ิแหง่ ชาตทิ าหน้าที่รัฐสภา ดงั ตอ่ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินเี้ รียกวา่ “พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศึกษา (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒”

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๑๐ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกจิ จานุเบกษา

มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน็ ตน้ ไป

มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา ๑๐๒ แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการครแู ละ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนีแ้ ทน

“มาตรา ๑๐๒ ข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาผู้ใดซ่งึ ออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตตุ าย
มีกรณีถูกกล่าวหาเปน็ หนังสือกอ่ นออกจากราชการวา่ ขณะรับราชการได้กระทาหรือละเว้นกระทาการใด
อนั เปน็ ความผดิ วนิ ัยอยา่ งร้ายแรง ถา้ เป็นการกลา่ วหาต่อผูบ้ งั คับบัญชาของผู้นัน้ หรอื ตอ่ ผมู้ ีหน้าทสี่ บื สวน
สอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาของผู้บังคับบัญชา
ของผ้นู น้ั หรอื มกี รณถี ูกฟ้องคดอี าญาหรือตอ้ งหาคดอี าญากอ่ นออกจากราชการวา่ ในขณะรบั ราชการได้
กระทาความผิดอาญาอันมใิ ช่เป็นความผิดท่ีไดก้ ระทาโดยประมาททีไ่ ม่เกี่ยวกบั ราชการหรอื ความผิดลหโุ ทษ
ผู้มีอานาจดาเนินการทางวินัยมีอานาจดาเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ดาเนินการทางวินัย และส่ังลงโทษ
ตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้น้ันยังมิได้ออกจากราชการ แต่ต้องส่ังลงโทษภายในสามปี
นับแต่วันทผี่ ู้น้นั ออกจากราชการ

กรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกล่าวหา หรือฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญาหลังจากท่ี
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาผู้ใดออกจากราชการแล้ว ให้ผู้มีอานาจดาเนนิ การทางวนิ ยั มีอานาจ
ดาเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ดาเนินการทางวินัย และส่ังลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้
เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ โดยต้องเร่ิมดาเนินการสอบสวนภายในหน่ึงปีนับแต่วันที่ผู้นั้น
ออกจากราชการ และต้องส่ังลงโทษภายในสามปีนับแต่วันท่ีผู้น้ันออกจากราชการ สาหรับกรณีที่เป็น
ความผิดท่ีปรากฏชัดแจ้งตามมาตรา ๙๘ วรรคเจ็ด จะต้องส่ังลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้นั้น
ออกจากราชการ

ในกรณีท่ีศาลปกครองมีคาพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนคาสั่งลงโทษ หรือองค์กรพิจารณา
อทุ ธรณค์ าส่ังลงโทษทางวนิ ยั หรอื องค์กรตรวจสอบรายงานการดาเนนิ การทางวนิ ัยมคี าวนิ ิจฉยั ถงึ ทส่ี ุดหรอื
มีมติให้เพิกถอนคาสั่งลงโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการดาเนินการทางวินัย
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผมู้ ีอานาจดาเนนิ การทางวนิ ัยดาเนนิ การทางวินัยใหแ้ ลว้ เสรจ็ ภายในสองปนี บั แต่
วนั ทีม่ ีคาพพิ ากษาถงึ ที่สดุ หรือมคี าวนิ ิจฉัยถึงท่สี ุดหรือมีมติ แล้วแต่กรณี

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๑๑ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานุเบกษา

การดาเนินการทางวินัยตามวรรคหน่งึ วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าผลการสอบสวนพิจารณา
ปรากฏวา่ ผู้นัน้ กระทาผดิ วนิ ัยไมร่ า้ ยแรงก็ให้งดโทษ

ความในมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งถูกสั่งให้
ออกจากราชการไวก้ ่อนตามมาตรา ๑๐๓”

มาตรา ๔ ใหเ้ พ่มิ ความตอ่ ไปนเ้ี ป็นมาตรา ๑๐๒/๑ แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗

“มาตรา ๑๐๒/๑ ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาผู้ใดซึ่งออกจากราชการแล้ว การดาเนินการทางวินัยและสั่งลงโทษแก่ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์และเง่ือนไขท่ีกาหนดไวใ้ นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ หรือกฎหมายว่าดว้ ยมาตรการของฝ่ายบรหิ ารในการปอ้ งกัน
และปราบปรามการทุจรติ แล้วแตก่ รณี

การดาเนินการทางวินัยตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าผนู้ นั้ กระทาผดิ วินยั ไม่รา้ ยแรงก็ใหง้ ดโทษ”

ผรู้ ับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา

นายกรฐั มนตรี

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๑๒ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานเุ บกษา

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บับน้ี คอื โดยท่ีปัจจบุ นั ปรากฏปญั หาความไมส่ อดคล้องกัน
ระหว่างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการดาเนินการทางวินัยของข้าราชการฝ่ายพลเรือนประเภทต่าง ๆ ส่งผล
ให้เกิดความไม่เป็นธรรม และไม่เสมอภาคในการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการซ่ึงออกจากราชการไปแล้ว
นอกจากนี้ ยงั มปี ญั หาความแตกต่างระหวา่ งกฎหมายว่าดว้ ยการดาเนินการทางวินัยของข้าราชการฝ่ายพลเรือน
กบั กฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทุจริต ซ่ึงทาให้การดาเนินการทางวนิ ัยเพื่อพิจารณาลงโทษแก่ข้าราชการ
ทถี่ ูกองค์กรตรวจสอบการทุจริตชีม้ ลู ความผิดหลังออกจากราชการไปแล้วในบางกรณีไม่อาจดาเนินการตามฐาน
ความผดิ ท่ชี ีม้ ูลได้ ดงั นนั้ สมควรใหก้ ารดาเนินการทางวนิ ัยแกผ่ ู้ซึ่งออกจากราชการเปน็ มาตรฐานเดยี วกันและ
สอดคล้องกับกฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทจุ ริต อันจะเป็นกลไกหนึ่งที่ทาให้การปอ้ งกันและปราบปราม
การทุจริตสมั ฤทธผ์ิ ลมากยง่ิ ขน้ึ จึงจาเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี


Click to View FlipBook Version