“หน่งึ โรงเรียน หนง่ึ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑
โรงเรียนบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนงึ่ โรงเรียน หนงึ่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒
แบบ นร. 1
การนาเสนอผลงาน “หน่งึ โรงเรยี น หนึง่ นวัตกรรม” ประจาปี 2564
**************************************************
1. หน้าปก ประกอบดว้ ย
1) ชื่อผลงานหน่ึงโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ
ดว้ ยกระบวนการสอนแบบ K-A-R
2) การสง่ ผลงานหนง่ึ โรงเรยี น หนึ่งนวตั กรรม ( กรณุ าระบุ √ ลงใน ทีต่ รงกบั ผลงาน )
เปน็ ผลงานทไี่ มเ่ คยสง่ เข้ารบั การคดั สรรกบั ครุ ุสภา
เป็นผลงานท่ีเคยส่งเขา้ รับการคดั สรรกับคุรุสภา ปี ....... เรอื่ ง ........แต่ไม่ได้รับรางวลั ของครุ ุสภา
เปน็ ผลงานท่ีเคยไดร้ ับรางวลั ของคุรสุ ภาและมีการนามาพฒั นาเพิ่มเติม หรือตอ่ ยอดนวัตกรรม
(ต้องกรอกแบบ นร. ๒)
3) ประเภทผลงานหน่ึงโรงเรยี น หน่ึงนวัตกรรม ( กรุณาระบุ √ ลงใน ท่ีตรงกับผลงาน)
(เลือกไดเ้ พยี ง 1 ด้านเทา่ นน้ั )
การจดั การเรียนรู้ ส่ือและเทคโนโลยีเพ่ือการเรยี นรู้
การบรหิ ารและการจดั การสถานศกึ ษา การสง่ เสรมิ และพฒั นาผูเ้ รยี นให้เตม็ ศักยภาพ
การวดั และประเมนิ ผล
อนื่ ๆ โปรดระบุ .....................................................................
4) ผู้บริหารสถานศึกษา
ชอื่ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา (นาย/นาง/นางสาว/อน่ื ๆ) อริสรา นามสกุล ชดั เจน
เลขบตั รประชาชน 1-3499-00002-80-1 ตาแหนง่ ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา วทิ ยฐานะ ชานาญการพเิ ศษ
โทรศพั ทเ์ คล่อื นที่ 093-3199923 E-mail : [email protected]
5) ผูป้ ระสานงาน
(นาย/นาง/นางสาว/อื่นๆ) ประคอง นามสกุล สะทาสุ
เลขบตั รประชาชน 1-3407-00341-12-4 ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ -
โทรศพั ท์เคลื่อนที่ 098-1921286 E-mail : [email protected]
6) คณะผู้รว่ มพัฒนาผลงานนวตั กรรม ( ครู /นักเรียน/ผู้ที่มีสว่ นเก่ียวขอ้ ง จานวนตามจรงิ )
(นาย/นาง/นางสาว/อนื่ ๆ) ฉวีวรรณ นามสกลุ ไชยรถ
เลขบตั รประชาชน 3-4510-00143-35-1 ตาแหน่งครู วทิ ยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ
โทรศัพทเ์ คลอ่ื นที่ 081-9778161 E-mail : -
(นาย/นาง/นางสาว/อ่ืนๆ) นันทิพร นามสกุล ศรีทน
เลขบัตรประชาชน 3-3101-01791-78-1 ตาแหนง่ ครูผู้ชว่ ย วทิ ยะฐานะ -
โทรศัพทเ์ คลอื่ นท่ี 085-3603946 E-mail : [email protected]
7) ข้อมลู สถานศกึ ษา
ชื่อสถานศกึ ษา โรงเรยี นบา้ นแกง้ ยาง เลขท่ี - ถนน -
ตาบล/แขวง นาเรือง อาเภอ/เขต นาเยยี จงั หวัดอุบลราชธานี
รหัสไปรษณยี ์ 34160 โทรศพั ท์ 093-3199923 โทรสาร –
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนกั งำนเขตพืน้ ที่กำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรียน หน่ึงนวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๓
8) สังกัด 1. สพป. อุบลราชธานี เขต 4 2. สพม. เขต ..........จงั หวดั ............
3. สอศ. 4. สช. 5. กทม. 6. อปท. .............
7. กศน. 8. การศกึ ษาพิเศษ 9. อ่ืน ๆ (โปรดระบุ)......................
2. บทสรุป
นวัตกรรม การจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ ด้วยกระบวนการสอนแบบ K-A-R นักเรียน
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 โรงเรียนบ้านแก้งยาง สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี
เขต 4 องค์ประกอบกระบวนการสอนแบบ K-A-R มีดงั น้ี
K : Knowledge สร้างความร/ู้ ความเข้าใจ
A : Algorithm กระบวนการแก้ปัญหาโดยมีลาดับข้ันตอน
R : Reflection การสะทอ้ นความคดิ
ผลการใช้นวัตกรรมพบว่า นักเรียนได้รับการพัฒนาให้เกิดความรู้ ทักษะที่จาเป็นตามตัวชี้วัด สามารถ
แก้ปัญหาได้อย่างเป็นข้ันตอน มีการถามตอบ อภิปรายร่วมกัน การนาเสนอ เพ่ือสะท้อนความคิดของผู้เรียน
ทาให้เป็นการเรียนการสอนท่ียึดผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยเป็นการเรียนการสอน Active Learning สามารถ
จะพัฒนาทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ โดยการใช้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ด้วยเร่ืองท่ีใกล้ตัวของนักเรียน เริ่มจากความรู้พ้ืนฐาน คิดเป็น
ข้ันตอนอย่างง่าย ไปยังขนั้ ความรู้ท่สี ูงข้ึนตามตัวชวี้ ัดชั้นปี
3. ความเป็นมาและความสาคญั
พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 4 ได้กาหนดใหก้ ารศึกษาเปน็ กระบวนการเรียนรู้
เพ่ือความเจริญงอกงาม ของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสวน ทาง
วัฒนธรรมการสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากสภาพแวดล้อม
สงั คมการเรียนรู้และปัจจัยเก้ือหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต ในมาตรา 6 การจัดการศึกษาต้อง
เปน็ ไปเพอ่ื พฒั นาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม
และวัฒนธรรมในการดารงชีวติ สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสขุ
คาสัง่ กระทรวงศึกษาธกิ ารท่ี สพฐ.1239/2560 ส่ัง ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2560 เรื่องให้ใช้มาตรฐานการ
เรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 เพื่อให้สถานศึกษาสามารถนามาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ ซง่ึ เงอ่ื นไขและระยะเวลาการใช้มาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชว้ี ัด กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตรแ์ ละสาระภมู ศิ าสตรใ์ นกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560) ใหเ้ ปน็ ดังน้ี
1.ปกี ารศึกษา 2561 ใหใ้ ช้ในระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 และ 4 และชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
และ 4
2.ปกี ารศกึ ษา 2562 ให้ใช้ในระดับชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 2 4 และ 5 และช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี
1 2 4 และ 5
3.ตง้ั แต่ปีการศกึ ษา 2563 เป็นต้นไป ใหใ้ ชใ้ นทุกชั้นเรียน
โรงเรียนบ้ำนบ้ำนแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่ึงโรงเรยี น หนง่ึ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๔
คาสง่ั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐานที่ 921/2561 เรื่องยกเลิกมาตรฐานการเรียนรู้และ
ตัวชี้วัด สาระท่ี 2 การออกแบบและเทคโนโลยีและสาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในกลุ่ม
สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
และเปล่ยี นช่ือกลุม่ สาระการเรียนรู้
ตง้ั แต่ปีการศึกษา 2563 ให้เปลย่ี นชอ่ื กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ดังน้ี
1.กลมุ่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยเี ปน็ กลุ่มสาระการงานอาชีพ
2.กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ เปน็ กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ. 2560)
ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 น้ีได้กาหนด สาระการเรียนรู้ออกเป็น 4 สาระ
ได้แก่
สาระท่ี 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มีสาระเพ่ิมเติม 4 สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ และสาระโลกดาราศาสตร์และ
อวกาศ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตร ท้ังในด้านของเนื้อหา การจัดการเรียนการสอนและการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้น้ัน มีความสาคัญอย่างย่ิงในการวางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละ
ระดบั ช้นั ให้มี ความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จนถึงช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 สาหรับกลุ่ม
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้กาหนดตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ท่ีผู้เรียนจาเป็นต้องเรียน เป็น
พน้ื ฐาน เพื่อใหส้ ามารถนาความรูน้ ีไ้ ปใช้ในการดารงชีวติ หรอื ศึกษาต่อในวิชาชพี ทต่ี ้องใช้ วิทยาศาสตร์ได้โดยจัด
เรียงลาดับความยากง่ายของเน้ือหาแต่ละสาระในแต่ละระดับช้ันให้มีการเชื่อมโยง ความรู้กับกระบวนการ
เรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิด
สรา้ งสรรค์ คดิ วิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สาคัญ ทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะในศตวรรษ
ท่ี 21 ในการคน้ ควา้ และสร้างองคค์ วามรู้ ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
สามารถตัดสินใจ โดยใชข้ อ้ มลู หลากหลายและประจกั ษ์พยานทีต่ รวจสอบได้
วิทยาการคานวณ (Computing science) เป็นวิชาท่ีมุ่งเน้นการเรียนการสอนให้เด็กสามารถคิด
เชิงคานวณ (Computational thinking) มีความพื้นฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital technology)
และมีพื้นฐานการรู้เท่าทันส่ือและข่าวสาร (Media and information literacy) ซึ่งการเรียนวิชาการคานวณ
จะไม่จากัดอยู่เพียงแค่การคิดให้เหมือนคอมพิวเตอร์เท่าน้ัน และไม่ได้จากัดอยู่เพียงการคิดในศาสตร์ของ
นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นกระบวนการความคิดเชิงวิเคราะห์เพ่ือนามาใช้แก้ปัญหาของมนุษย์ โดย
เปน็ การสัง่ ให้คอมพวิ เตอรท์ างานและชว่ ยแก้ไขปญั หาตามท่ีเราต้องการได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
การจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาการคานวณ มีเป้าหมายที่สาคัญในการพัฒนาผู้เรียนกล่าวคือเพ่ือให้
ผู้เรียนมคี วามสามารถใชท้ ักษะการคิดเชิงคานวณในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ
มีทักษะในการค้นหาข้อมูลหรือสารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนาสารสนเทศไปใช้ใน
การแก้ปัญหา เสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่ือสาร ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพ่ือประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม และ
สามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารอยา่ งปลอดภยั รเู้ ท่าทัน มีความรับผดิ ชอบมีจรยิ ธรรม
โรงเรียนบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรยี น หนึ่งนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๕
กระบวนการสอนแบบ K-A-R : Knowledge(สร้างความรู้/ความเข้าใจ) –Algorithm (กระบวนการ
แก้ปญั หาโดยมีลาดับขน้ั ตอน) –Reflection (การสะท้อนความคิด) ทาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ทักษะที่จาเป็นตาม
ตัวชี้วัด สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นตอน มีการถามตอบ อภิปรายร่วมกัน การนาเสนอ เพ่ือสะท้อน
ความคิดของผู้เรียน ทาให้เป็นการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยเป็นการเรียนการสอน Active
Learning สามารถจะพฒั นาทักษะกระบวนการคิดวเิ คราะห์ ไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็น
ระบบ โดยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ด้วยเรื่องท่ีใกล้ตัวของนักเรียน เร่ิมจากความรู้
พ้นื ฐาน คิดเป็นขัน้ ตอนอยา่ งงา่ ย ไปยงั ขนั้ ความรู้ทสี่ งู ขึ้นตามตัวช้วี ัดช้ันปี
4. วัตถุประสงค์
1. เพ่ือใช้กระบวนการสอน K-A-R ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ ของโรงเรียนบ้าน
แก้งยาง สานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอบุ ลราชธานี เขต 4
2. เพ่ือพัฒนาให้นักเรียน มีความรู้ ความเข้าใจ เกิดทักษะท่ีจาเป็นในวิชาวิทยาการคานวณ โดยใช้
กระบวนการสอน แบบ K-A-R
5. กระบวนการพัฒนาผลงานหนงึ่ โรงเรยี น หน่งึ นวัตกรรม
นาเสนอข้อมูลพร้อมรูปภาพ /แผนภาพ /ส่ือ ท่ีแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของการพัฒนาผลงาน
หน่งึ โรงเรียน หนงึ่ นวตั กรรม การนาไปใช้จริง และผลทีเ่ กิดขนึ้ จรงิ ในหัวข้อตอ่ ไปน้ี
1) สภาพปัญหาก่อนการพฒั นา
โรงเรยี นบา้ นแก้งยาง เปน็ โรงเรียนขนาดเลก็ จัดการศกึ ษาต้งั แต่ระดับอนบุ าล 2 – ประถมศึกษา
ปีท่ี 6 มีนักเรียนในปีการศึกษา 2563 จานวน 51 คน มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งสิ้น
จานวน 7 คน มีการจัดการเรียนการสอนแบบคละชั้น ครูประจาช้ันต้องสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ทาให้การ
จัดการเรียนการสอนในโรงเรียนขนาดเล็กจะเน้นการสอนในวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์เป็นส่วนใหญ่
แตว่ ิชาวิทยาการคานวณเปน็ รายวิชาพน้ื ฐานในกล่มุ สาระการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีเป้าหมายพัฒนา
ผเู้ รยี นให้ใชท้ กั ษะการคิดเชิงคานวณสามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา อย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ สามารถ
ค้นหาข้อมูล หรือสารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนาสารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหา
ประยกุ ต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงและทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ
การส่ือสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรม ดังนั้นการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ
น้ันเป็นการสอนรูปแบบใหม่ที่เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ของผู้เรียน ทาให้นักเรียนสามารถนาความรู้ไปใช้
แก้ปญั หาอยา่ งเป็นขน้ั เป็นตอนและเป็นระบบ (Algorithm)
กระบวนการสอนแบบ K-A-R จะทาให้นักเรียนได้รับการพัฒนาให้เกิดความรู้/ความเข้าใจ ทักษะ
ท่ีจาเป็นตามตัวชี้วัด สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ สะท้อนความคิดของผู้เรียนเพื่อ
พัฒนาทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สามารถแก้ปัญหาในชีวิตจริงและทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารอยา่ งปลอดภยั
2) การออกแบบนวัตกรรมเพอ่ื การพฒั นา
กระบวนการสอนแบบ K-A-R เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่จะต้องสร้างองค์
ความรู้/ความเข้าใจให้กับผู้เรียน โดยเน้นให้นักเรียนมีกระบวนการแก้ปัญหาอย่างมีขั้นตอน ประเมินความรู้
ความเข้าใจผ่านการสะท้อนความคิด ทาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ทักษะท่ีจาเป็นตามตัวชี้วัด สามารถแก้ปัญหาได้
อย่างเป็นข้ันตอนในกิจกรรมท่ีครูเตรียมไว้ให้ มีการถามตอบ อภิปรายร่วมกัน การนาเสนอ เพ่ือสะท้อน
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพนื้ ที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรียน หนึง่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๖
ความคิดของผู้เรียน ทาให้เป็นการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสาคัญ โดยเป็นการเรียนการสอน Active
Learning
โมเดล
กระบวนการสอนแบบ K-A-R
ขอบเขตของนวตั กรรม แนวคดิ แนวปฏบิ ตั ิ
สรา้ งความรู/้ ความ
รูปแบบ เข้าใจ ด้านครู
K : Knowledge -ศกึ ษาหลักสูตร(ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
-การประชุม/อบรม/สมั มนาของข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการศึกษาเกี่ยวกบั วิทยาการ
คานวณ
-จดั นิทรรศการดา้ นวทิ ยาการคานวณ
-ส่งเสริมให้ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา ส่งผลงานดา้ นวิทยาการคานวณ
ดา้ นนกั เรียน
-การทดสอบข้อสอบมาตรฐานเขตฯนกั เรยี น
-การเขา้ รว่ มกิจกรรมวทิ ยาการคานวณ
-ผลงานดา้ นวทิ ยาการคานวณ
โรงเรียนบ้ำนบ้ำนแก้งยำง สำนักงำนเขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรียน หนึ่งนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๗
รปู แบบ แนวคิด แนวปฏิบตั ิ
A : Algorithm กระบวนการแกป้ ัญหา
โดยมลี าดับขัน้ ตอน -ชดุ ฝกึ ทักษะกระบวนการคิด จานวน 9 ชุด
R : Reflection 1) ชีวติ ประจาวัน
การสะทอ้ นความคดิ 2) จับคเู่ งา
3) การเปรยี บเทยี บ
4) การลองผิดลองถูก
5) เลอื กทางเดิน
6) สารวจโรงเรยี น
7) ตามหาครูประจาช้ัน
8) ผ้ึงทวงรงั
9) หาทางกลับบ้าน
10) Be Internet Awesome
-แบบสมั ภาษณ์แบบ R-C-A
-แบบสังเกตพฤติกรรม
-แบบประเมนิ กจิ กรรม
แนวความคิดการจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาการคานวณ
รศ.ยืน ภู่วรรณ ปีการศึกษา 2561 การศึกษาขั้นพื้นฐานหลักสูตรใหม่ เริ่มใช้หลักสูตร วิทยาการ
คานวณ Computing มาแทนที่ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ในชน้ั ป.1 ป.4 ม.1 ม.4 โดยย้ายไปยังกลุ่มวิทยาศาสตร์
ในตัวสาระ 4.2 นับเป็นการเปล่ียนแปลงที่สาคัญ และโอกาสท่ีดี ท่ีโรงเรียนจะจัดการเรียนการสอน ในเรื่องที่
เป็นความสนใจของนักเรียน และเป็นความท้าทายท่ีนักเรียนอยากเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะนักเรียนมีทุน
ทางด้านดิจิทัลอยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยีอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เกี่ยวพันกับชีวิต ข้อเด่นของวิชาน้ี คือ รูปแบบของ
การจัดการศึกษาสามารถทาอยู่ในรูปแบบกิจกรรม ให้เหมาะกับนักเรียน และสามารถ บูรณาการกับวิชาอื่น ๆ
ได้
ทาไมจึงใช้ชื่อ Computing หรือ วิทยาการคานวณ แทน เทคโนโลยีสารสนเทศ หากดูจากวิกิพีเดีย
(Wikipedia.org) ซง่ึ ใหร้ ายละเอียดไว้พอควร ซึง่ ขอสรุปมาสนั้ ๆ
คอมพิวต้ิง คือ การกระทากิจกรรมต่างๆเพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่ีดี โดยใช้ประโยชน์จาก การวางลาดับ
ข้ันตอนแบบคณิตศาสตร์ ที่รู้จักกันดีในเรื่อง อัลกอริทึม ตัวอย่างเช่น การทากิจกรรม ที่เกิดจากการใช้
คอมพิวเตอร์ คานวณ ประมวลผล จัดการข้อมูล การเข้าถึง ใช้ ข้อมูลข่าวสาร การใช้คอมพิวเตอร์สร้าง
ระบบอัฉริยะ การประยุกต์ในงานด้านต่าง ๆ เช่น การใช้สื่อ ข้อมูล สารสนเทศ เพื่อประโยชน์ ต่าง ๆ รวมถึง
เพอื่ การบันเทงิ ดว้ ย นอกจากน้ี ยังเก่ียวโยงกับการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพ่ือกิจกรรมการแก้ปัญหา เพื่อให้
ได้ผลลัพธ์ที่ดีข้ึน ใช้ในการสื่อสาร อานวยความสะดวก ระบบช่วยการทางานด้านต่าง ๆ ที่มีผลในปัจจุบันและ
อนาคต ความรู้เก่ียวกับวิทยาการคานวณจึงกว้าง รวมถึง วิชาท่ีเกี่ยวกับ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม
ซอฟตแ์ วร์ วทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ ระบบสารสนเทศ และ เทคโนโลยีสารสนเทศ
วิทยาการคานวณในหลักสูตร ว.4.2 ประกอบด้วย สามโดเมนความรู้ คือ กระบวนการคิด แก้ปัญหา
อัลกอริทึม และเน้ือหาเก่ียวกับ วิทยาการคอมพิวเตอร์ Computer science , พื้นฐานการประยุกต์ใช้
คอมพิวเตอร์ ความรทู้ างดา้ น Digital technology (ICT) และ พน้ื ฐานการใช้คอมพวิ เตอร์ กบั การจัดการข้อมูล
โรงเรียนบ้ำนบำ้ นแก้งยำง สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๘
ข่าวสาร การสื่อสาร การใช้สื่อ การรู้เท่าทันส่ือ และข่าวสาร (Media and Information literacy) ซึ่งท้ังสาม
เรอ่ื ง เปน็ เรื่องพื้นฐานทีเ่ ชือ่ มโยงกบั ชีวติ ท่ีทุกคนจะต้องใชอ้ ยูแ่ ลว้
ในส่วนของ Computer science เป็นเร่ืองพื้นฐานกระบวนการคิด ตั้งแต่การคิดเชิงนามธรรม
(Abstraction) การคิดวิเคราะห์ (Analytical) การวางลาดับขั้นตอนการคิด การแก้ปัญหา กระบวนการคิด
แกป้ ญั หา ทเ่ี รียกว่า อัลกอริทึม เร่ืองเหล่านี้ เป็นพื้นฐานของชีวิตตั้งแต่เกิด การทาอะไร ก็ จะมีขั้นตอนการทา
การเลอื กการตัดสนิ ใจ เม่ือไรจะทาอะไร อะไรทาพร้อมกนั ได้ ประสทิ ธิภาพของการทาอาหารเป็นอย่างไร เขียน
ลาดบั ขน้ั ตอนไดอ้ ย่างไร วัตถปุ ระสงค์ ต้องการให้นักเรียน มองการแก้ปัญหาในชีวิตอย่างเป็นระบบ รู้จักลาดับ
ขั้นตอน การตัดสินใจ การใชเ้ หตุและผลท่ีตามมา
หลายประเทศใช้หลักสูตร Computing ในการศึกษาพื้นฐานมาก่อนหน้าเรา อังกฤษใช้มาต้ังแต่ปี
2014 ซึง่ เป็นวิชาสาหรบั นกั เรยี นท้งั ระดบั ประถม และมัธยม สาหรับสงิ คโปร์ กาหนดไว้ใน O level (Ordinary
Level) และมีการทดสอบนกั เรยี นในระดับน้ีกอ่ นการสอบเข้ามหาวทิ ยาลยั ดว้ ย
ไทยรัฐ ออนไลน์ ในเร่อื งของวิชาวทิ ยาการคานวณ ประเทศแรกท่ีทาในเร่ืองน้ี คือประเทศอังกฤษ เม่ือ
ประมาณ 5 ปีที่แล้ว แต่สาหรับประเทศไทยนั้น "วิชาวิทยาการคานวณ" ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พ.ศ.2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560 และเร่ิมบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2561 เป็น
ครงั้ แรก ซ่งึ ประเทศไทยก็ถอื เปน็ ประเทศแรกๆ ทีน่ าหลกั สตู รการเรยี นการสอนน้มี าใช้ด้วยเชน่ เดียวกัน
แจงความคิด 3 อยา่ ง
1.การคิดเชิงคานวณ
การคิดเชิงคานวณ (Computational thinking) คือ การแก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันเป็นตอนและเป็น
ระบบ ดงั นี้
- การยอ่ ยปัญหา
- การจดจารปู แบบ
- ความคิดดา้ นนามธรรม
- การจดจารูปแบบ
2.ความรูด้ า้ นเทคโนโลยดี จิ ิทัล (Digital technology) ดังนี้
- การใช้เทคโนโลยีในการรวบรวมข้อมูลและการประมวลผลขอ้ มูล
- การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ การประยุกตใ์ ช้ความรแู้ ละเทคโนโลยใี นการแกป้ ญั หา
- การสร้างสรรค์ ทกั ษะในการผลติ หรือสรา้ งผลงาน ผ่านเทคโนโลยสี อ่ื สารโดยใช้ความ
หลากหลายของสือ่ ดิจิทัล
3.การรู้เท่าทันส่ือและข่าวสาร (Media and information literacy) คือการรู้เท่าทันส่ือและ
เทคโนโลยดี ิจิทลั ใชอ้ ยา่ งปลอดภยั มีความรับผิดชอบ ทั้งตอ่ ตนเองและสังคม ดงั นี้
- การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ
- การร้เู ท่าทนั ตนเอง
- ความตระหนักในอทิ ธพิ ลของสอื่
พน้ื ฐานในการเรยี นรู้ และต่อยอด
วชิ าวิทยาการคานวณ เปน็ วชิ าท่มี งุ่ เน้นใหผ้ ู้เรยี นเกดิ ทักษะดา้ นการคดิ เคราะห์ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็น
ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ สามารถใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศในการคน้ หา ประเมนิ จัดการ พรอ้ มท้งั นาเอาความรู้ไป
ประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งท้ังหมดนี้คือทักษะขั้นพื้นฐานในการนาเอาความรู้ที่ได้ไปต่อ
โรงเรยี นบำ้ นบ้ำนแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพน้ื ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่งึ โรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๙
ยอดกับอีกหลากหลายวิชา และถือได้ว่าเป็นทักษะสาคัญสาหรับเด็กไทยท่ีก้าวเข้าสู่โลกยุค Digital Age อย่าง
เต็มตวั อกี ด้วย
ท้ังน้ีแม้จะผ่านมา 1 ปีแล้วที่ภาครัฐประกาศให้วิชาวิทยาการคานวณเป็นวิชาภาคบังคับที่เด็กทุกคน
จะต้องเรียน แต่กต็ ้องยอมรับวา่ การเรยี นการสอนวิชาน้ียังถือเป็นเรื่องใหม่อยู่สาหรับครูไทย เรียกได้ว่าครูยังมี
ความกังวลถึงวิธีในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน บางโรงเรียนยังมีความสับสนว่าครูในภาควิชาใดจะ
เป็นครูผู้สอนในวิชานี้ รวมไปถึงส่ือการเรียนการสอนที่จะทาให้เด็กสามารถตอบวัตถุประสงค์และตัวช้ีวัดของ
วิชาวทิ ยาคานวณได้
เน่ืองจากวิชาน้ีเป็นวิชาท่ีต้องเรียนรู้ในรูปแบบ Active Learning โดยผู้เรียนต้องได้ คิด และปฏิบัติ
ผ่านส่ือการเรียนรู้ที่หลากหลาย ลองผิดลองถูก หาข้อผิดพลาด และแก้ไขช้ินงานได้แบบเป็นรูปธรรม อัน
ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนของเน้ือหา โดยเชื่อมโยงเอาแนวคิดกับหลักการไปใช้งานและปฏิบัติได้จริง
และสว่ นของภาคปฏบิ ตั ิ คือ การลงมือให้เห็นผลแบบเป็นรูปธรรม และจับต้องได้ ผ่านการฝึกฝนการแก้ปัญหา
และกระบวนการคิดอยา่ งเปน็ ระบบ ส่งิ เหล่านค้ี รูผู้สอนวทิ ยาการคานวณเองจาเป็นต้องได้รับการสนับสนุนและ
เพิ่มพนู ทักษะความรูเ้ พ่ือท่ีจะสามารถนาไปถา่ ยทอดประสบการณ์ต่อไดใ้ นห้องเรยี น
รว่ มมอื กับองค์กรทัว่ โลก
ท้ังน้ีในฐานะผู้ออกแบบนวัตกรรมทางการศึกษา และกระบวนการเรียนการสอน เราตระหนักและ
เล็งเห็นถึงความสาคัญของการสนับสนุนครูมาโดยตลอด ในส่วนของวิชาวิทยาการคานวณท่ีผ่านมาเราได้มีการ
จัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่ืองนี้โดยตรง โดยเปิดให้มีการอบรมสัมมนาครูทั่วประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจ
และชี้ให้เห็นถึงกระบวนการเรียนการสอนผ่านสื่อการเรียนรู้ที่ช่วยเสริมให้เด็กเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ ใน
รูปแบบที่ครูทุกคนสามารถนาไปปรับใช้กับบริบทห้องเรียนของตนเองได้ ซ่ึงการอบรมนี้จะทาให้ครูเห็นภาพ
และเกดิ ไอเดยี ดๆี ในการถา่ ยทอดความร้ไู ปยังเด็ก
นอกจากน้ัน อักษร เอ็ดดูเคช่ัน ยังได้จับมือร่วมกับองค์กรทั้งระดับโลก และระดับประเทศ โดยมี
เป้าหมายเพอ่ื สร้างแรงบันดาลใจและยกระดบั การเรยี นการสอนวิชาวิทยาการคานวณให้กับครู อาทิ code.org
เว็บไซต์ชื่อดังด้านการเขียนภาษา Coding จากประเทศสหรัฐอเมริกา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณ
ทหารลาดกระบัง และสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมไปถึง Micro:bit Educational
Foundation ซง่ึ แตง่ ตง้ั ใหเ้ ราเปน็ ผูจ้ าหนา่ ยไมโครบติ บอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอรเ์ พอ่ื การศึกษาในประเทศไทย
อย่างเป็นทางการอกี ด้วย
และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ทักษะนี้เปรียบเสมือนทักษะพื้นฐานที่เด็กไทยสามารถนาไปใช้ได้กับทุก
สถานการณ์ในการดารงชีวิต ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม วิชาวิทยาการคานวณไม่ได้สอนเพ่ือให้เด็กทุกคนที่เรียน
ต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ หรือนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แต่ต้องการให้เด็กมีทักษะการคิดที่ถูกใช้ในการทา
ความเขา้ ใจปญั หา และสามารถสรา้ งแนวทางการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างเป็นระบบ
วัชรพัฒน์ ศรีคาเวียง ปัจจุบันการพัฒนาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารได้นามาใช้เป็น
เครื่องมือ ช่วยในการทางาน การศึกษา การเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากข้ึน การเรียนรู้
เก่ียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารท่ีผ่านมาอาจไม่เพียงพอสาหรับการดาเนินชีวิตในยุคเศรษฐกิจ
ดิจิทัลท่ีต้องมีพ้ืนฐานความรู้และทักษะเพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตจริงหรือพัฒนานวัตกรรม และใช้ทรัพยากรด้าน
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการสร้างองคค์ วามรู้หรอื สรา้ งมลู คา่ ให้เกดิ ขนึ้ ได้อย่างสร้างสรรค์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้ตระหนักถึงความสาคัญของการ
พฒั นาทักษะของผเู้ รยี นให้ดารงชีวิตอยู่ไดอ้ ยา่ งมีคณุ ภาพในศตวรรษท่ี 21 จึงได้ปรับเปล่ียนหลักสูตรเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสารไปสู่หลักสูตรวิทยาการคานวณ ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรยี น หนึง่ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑๐
แก้ปัญหาอย่างเป็นข้ันตอนและเป็นระบบ มีทักษะการคิดเชิงคานวณ และเป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และ
คา่ นยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์
ภาพท่ี 1 ศนู ย์อานวยการบริษทั เอกชนทางดา้ นธุรกิจการขนสง่ ทางอวกาศ ประเทศสหรัฐอเมริกา
(Space Exploration Technologies Corporation)
ทม่ี า : https://pixabay.com ,SpaceX-Imagery
วิทยาการคานวณ (Computing science) คืออะไร ?
วทิ ยาการคานวณ (Computing science) เป็นวชิ าที่มุ่งเน้นการเรียนการสอนใหเ้ ด็กสามารถคิด
เชิงคานวณ (Computational thinking) มีความพ้ืนฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital technology)
และมีพ้ืนฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (Media and information literacy) ซ่ึงการเรียนวิชาการคานวณ
จะไม่จากัดอยู่เพียงแค่การคิดให้เหมือนคอมพิวเตอร์เท่าน้ัน และไม่ได้จากัดอยู่เพียงการคิดในศาสตร์ของนัก
วิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นกระบวนการความคิดเชิงวิเคราะห์เพื่อนามาใช้แก้ปัญหาของมนุษย์ โดยเป็น
การส่งั ใหค้ อมพิวเตอรท์ างานและช่วยแก้ไขปญั หาตามทีเ่ ราต้องการได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
การจัดการเรยี นการสอนวชิ าวิทยาการคานวณ มีเป้าหมายท่ีสาคัญในการพัฒนาผู้เรียนกล่าวคือ
เพื่อให้ผู้เรียนมีความสามารถใช้ทักษะการคิดเชิงคานวณในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและ
เป็นระบบ มีทักษะในการค้นหาข้อมูลหรอื สารสนเทศ ประเมนิ จัดการ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และนาสารสนเทศ
ไปใช้ในการแก้ปัญหา เสามารถประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการส่ือสาร ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง การทางานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือ
สังคม และสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบมี
จรยิ ธรรม
ซ่ึงในระดับช้ันช้ันมัธยมตอนต้นจะเป็นการเรียนการสอนที่เน้นการออกแบบและการเขียน
โปรแกรมอย่างง่าย เพ่ือเป็นการฝึกแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไปพร้อม ๆ กัน ส่วนใน
ระดับชั้นมัธยมตอนปลาย จะเป็นการประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคานวณ เพ่ือนาไปใช้ในการบูรณาการกับโครงาน
วชิ าอื่น ๆ อย่างสร้างสรรคแ์ ละมปี ระสิทธภิ าพมากท่ีสุด
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแกง้ ยำง สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนงึ่ โรงเรยี น หน่ึงนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑๑
ภาพที่ 2 นักโปรแกรมเมอรพ์ ัฒนาโปรแกรม
ที่มา : https://pixabay.com, JuralMin
ขอบเขตของวชิ าวิทยาการคานวณมีอะไรบา้ ง?
การกาหนดขอบเขตการเรยี นการสอนของวชิ าวิทยาการคานวณมี 3 องคค์ วามรู้ ดงั น้ี
การคิดเชิงคานวณ (computational thinking) เป็นวิธีการคิดและแก้ปัญหาเชิงวิเคราะห์ สามารถใช้
จินตนาการมองปัญหาด้วยความคิดเชงิ นามธรรม ซึ่งจะทาให้เราสามารถเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างเป็น
ข้ันตอนและมีลาดับวิธีคิดได้ โดยวิธีคิดแบบวิทยาการคานวณน้ี ไม่ใช่เพียงแค่การเขียนโปรแกรม เพราะภาษา
โปรแกรมมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลา แต่จุดประสงค์ท่ีสาคัญกว่าคือการสอนให้เด็กคิดและเช่ือมโยงปัญหา
ตา่ งๆ เป็น จนสามารถแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ งเป็นระบบนนั่ เอง
พ้ืนฐานความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (digital technology) เป็นการสอนให้รู้จักเทคนิควิธีการต่างๆ
เกย่ี วกับเทคโนโลยีดจิ ิทลั โดยเฉพาะในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 จะเน้นในด้านระบบอัตโนมัติ (Automation) ท่ีอยู่ใน
ชีวิตประจาวัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตร อุตสาหกรรม หรือคมนาคม ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อย่างรอบด้าน และ
นามาประยกุ ต์ใช้งานไดอ้ ย่างเหมาะสม
พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (media and information literacy) เป็นทักษะเก่ียวกับการ
รเู้ ท่าทนั สื่อและเทคโนโลยีดจิ ทิ ัล แยกแยะได้ว่าข้อมลู ใดเปน็ ความจริงหรือความคิดเห็น โดยเฉพาะข้อมูลบนสื่อ
สังคมออนไลน์ นอกจากน้ียังเป็นเรอ่ื งของความปลอดภยั ในโลกไซเบอร์ รู้กฎหมายและลิขสิทธ์ิทางปัญญาต่างๆ
เพือ่ ให้เด็กใช้ช่องทางนี้ได้อยา่ งรู้เทา่ ทันและปลอดภัยมากทส่ี ุด
ภาพท่ี 3 นกั พัฒนาโปรแกรม
ทีม่ า : https://pixabay.com ,kreatikar
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนักงำนเขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรียน หนงึ่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๑๒
สาระการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มอี ะไรบา้ ง ?
ในการจดั การเรียนรู้วิชาวิทยาการคานวณน้นั ผู้เรียนจะต้องมอี งคค์ วามรู้ ทกั ษะหรอื กระบวนการเรียนรู้
ดังน้ี
สาระการเรียนรู้เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และมีทักษะการคิดเชิง
คานวณ การคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้กาหนด
สาระสาคัญดังน้ี
วิทยาการคอมพวิ เตอร์ การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิงคานวณในการ
แก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน การบูรณาการกับวิชาอ่ืน การเขียนโปรแกรมการคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหา
ขอ้ ผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชนั หรือพัฒนาโครงงานอยา่ งสรา้ งสรรค์เพ่ือแก้ปัญหาในชีวติ จรงิ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร การรวบรวมขอ้ มูล การประมวลผล การประเมินผลการนาเสนอ
ข้อมูลหรือสารสนเทศเพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตจริง การค้นหาข้อมูลและแสวงหาความรู้บนอินเทอร์เน็ต การ
ประเมินความนา่ เชอื่ ถือของขอ้ มลู การเลอื กใช้ซอฟตแ์ วรห์ รือบริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต ข้อตกลงและข้อกาหนดใน
การใช้ส่ือหรอื แหล่งขอ้ มลู ต่าง ๆ หลกั การทางานของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยกี ารส่อื สาร
การรูด้ จิ ิทลั การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย การจดั การอัตลักษณ์ การรู้เท่า
ทันสื่อ กฎหมายเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อ่ืนโดยชอบธรรมนวัตกรรมและผลกระทบของ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารตอ่ การดาเนินชวี ิต อาชีพสงั คม และวฒั นธรรม
ภาพท่ี 4 การพัฒนาโปรแกรมเว็บไซต์
ที่มา : https://pixabay.com, lakexyde
จากที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า วิทยาการคานวณเป็นรายวิชาพ้ืนฐานในกลุ่มสาระการวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ซึ่งมีเปา้ หมายพฒั นาผเู้ รยี นใหใ้ ช้ทักษะการคดิ เชิงคานวณสามารถคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา อย่าง
เป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบ สามารถคน้ หาขอ้ มลู หรอื สารสนเทศ ประเมนิ จดั การ วเิ คราะห์ สังเคราะห์ และนา
สารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหาประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริงและทางานร่วมกันอย่าง
สร้างสรรค์ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารอยา่ งปลอดภยั รู้เท่าทัน มีความรบั ผิดชอบ มจี รยิ ธรรม
โรงเรียนบ้ำนบ้ำนแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่งึ โรงเรียน หน่ึงนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑๓
ณัฐพล บัวอุไร การสอนวิชาวิทยาการคานวณ หลักสูตรและแนวทางการจัดการเรียนรู้ระดับ
ประถมศึกษา-ขยายโอกาส หลังจากท่ีได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากรแนะนาการจัดหลักสูตรและแนวทางการจัดการ
เรียนการสอนวิชาวิทยาการคานวณให้กับโรงเรียนประถมศึกษาและสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
หลายแห่ง ก็พบว่าแต่ละโรงเรียนที่มาอบรมนั้นมีความแตกต่างกันไป บางคร้ังก็มีความแตกต่างกันมากทางด้าน
ความพร้อมของครูและอุปกรณ์การเรียนการสอนครับ บางโรงเรียนการจัดหลักสูตรก็ยังมีปัญหาอยู่ด้วย
ประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสทางานตรงน้ีก็เลยจะขอสรุปและนาเสนอเอกสารต่างๆ ท่ีคุณครูประถมศึกษา รวมทั้ง
โรงเรยี นขยายโอกาสจะสามารถนาไปปรบั ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนตามลิงคท์ ่ีแนบมานี้ครบั
เอกสารแนวทางการจดั หลกั สูตร ใบกจิ กรรม Unplugged Programming และ Block Programming
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแก้งยำง สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนงึ่ โรงเรียน หน่งึ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๑๔
3) ข้นั ตอนการดาเนินงานพฒั นา
กระบวนการการสอนแบบ K-A-R
ปัญหา : การจดั การเรยี นการสอน
วทิ ยาการคานวณ
ขน้ั เตรยี มการ ขน้ั ดาเนินการ ขั้นสรปุ /รายงานผล
ศกึ ษาหลักสูตร ประชุม/แต่งต้ัง นเิ ทศ ติดตามการ
ศึกษาเอกสาร แนวคิด คณะกรรมการดาเนินงาน จัดการเรียนการสอน
วทิ ยาการคานวณ
ทฤษฎี หลักการ เกีย่ วกับ ใช้กระบวนการ PLC ประเมิน/ทดสอบ
เพอื่ หาแนวทาง/วธิ ีการ
วิชาวิทยาการคานวณ และกจิ กรรมในรายวชิ า สรุปรายงานผล
ศึกษารูปแบบการ วทิ ยาการคานวณ
สอน/สอ่ื รายวชิ า
วทิ ยาการคานวณ
สร้างนวัตกรรม
ปรับปรงุ นาไปตรวจสอบ
เสนอคณะกรรมการ
สถานศกึ ษาพจิ ารณา
เหน็ ชอบ
นานวัตกรรมสู่การ
สอน
ประเมินผล
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หน่งึ โรงเรียน หนึ่งนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑๕
วิธกี ารดาเนนิ งานการสรา้ งนวัตกรรม การจดั การเรยี นการสอนวิทยาการคานวณด้วยกระบวนการสอน
แบบ K-A-R มีวิธีการดาเนินงาน ดงั น้ี
ประชุมครู เพื่อมอบนโยบายในการแก้ปัญหา การจัดการเรยี นการสอนวิทยาการคานวณ โดยมีข้นั ตอนนี้
1) การคิดค้น (invention)
จากการร่วมกันวิเคราะห์แนวทางในการแก้ปัญหาการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ
และสาเหตุของปัญหาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนแล้ว โรงเรียนบ้าน
แก้งยาง ได้ทาการตั้งเป้าหมายในการพัฒนากระบวนการเรียนการสอนวิทยาการคานวณของนักเรียนน้ัน
คือ กระบวนการการสอนแบบ K-A-R เป็นรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่จะต้องสร้างองค์ความรู้/ความ
เข้าใจให้กับผู้เรียน โดยเน้นให้นักเรียนมีกระบวนการแก้ปัญหาอย่างมีข้ันตอน ประเมินความรู้ความเข้าใจผ่าน
การสะทอ้ นความคดิ ทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความรู้ ทกั ษะทจี่ าเปน็ ตามตัวชีว้ ดั สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเป็นข้ันตอน
ผ่านชดุ ฝึกทักษะกระบวนการคิด จานวน 9 ชุด 1) ชีวิตประจาวัน 2) จับคู่เงา 3) การเปรียบเทียบ 4) การลอง
ผิดลองถกู 5) เลอื กทางเดนิ 6) สารวจโรงเรยี น 7) ตามหาครูประจาชั้น 8) ผง้ึ ทวงรงั และ9) หาทางกลับบ้าน
2) การพฒั นา (Development)
สร้างต้นแบบนวัตกรรม จากการตัดสินใจที่เลือก กระบวนการการสอนแบบ K-A-R แล้ว
คณะทางานได้ศึกษาวธิ กี ารจดั ทานวัตกรรม สรา้ งตน้ แบบนวตั กรรมจะต้องนาไปทดลองใช้เพ่ือหาประสิทธิภาพ
ของนวตั กรรม และสรา้ งกิจกรรมเพื่อการเรยี นรู้ท่สี อดคล้องกับกระบวนการสอนแบบ K-A-R
3) นาไปปฏิบัตจิ ริง (Real Practice)
จากการสรา้ งนวตั กรรม กระบวนการการสอนแบบ K-A-R เปน็ ที่เรียบร้อยแล้วนามาใช้ใน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาวิทยาการคานวณ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 – 6 โรงเรียนบ้าน
แก้งยาง สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 ปกี ารศึกษา 2562 จานวน 40 ช่วั โมง
4) ผลงานที่เกิดขึน้ จากการดาเนินงาน
จากผลการใช้กระบวนการการสอนแบบ K-A-R จัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ
ของโรงเรียนบ้านแก้งยาง สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 4 มีผลงานท่ีเกิดจาก
การดาเนินงานดงั น้ี
K : Knowledge สรา้ งความร้/ู ความเข้าใจ
ด้านครู
-ศึกษาหลกั สตู ร(ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
Link : https://anyflip.com/dtstz/nppi/
โรงเรียนบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพน้ื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่ึงโรงเรยี น หนงึ่ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๑๖
-การประชมุ /อบรม/สัมมนาของข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาเก่ยี วกบั วทิ ยาการ
คานวณ
ผอู้ านวยการโรงเรียนร่วมงาน AMI ผมู้ คี วามร้คู วามสามารถและมีศักยภาพที่จะสามารถนาเอาเทคโนโลยี
ดา้ นนาไปใช้ในการจดั การเรียนการสอน ในรายวิชาการออกแบบและเทคโนโลยแี ละวชิ าวทิ ยาการคานวณ
ผอู้ านวยการโรงเรียนศึกษาดงู านการจัดการเรยี นการสอนท่ศี นู ย์โคดดงิ้ โรงเรียนชุมชนบ้านนาเยีย
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแกง้ ยำง สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรยี น หน่งึ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๑๗
อบรมปฏบิ ัติการ หลกั สตู รการจัดการเรยี นรู้วิทยาการคานวณและโคดด้ิง ระดับประถมศกึ ษาตอนต้น
อบรมเชิงปฏิบัตกิ าร หลักสูตรการจดั การเรยี นรวู้ ทิ ยาการคานวณสาหรบั ครปู ระถมศึกษาและมธั ยมศึกษา
C4T (Coding for Teacher)
-จดั นทิ รรศการด้านวิทยาการคานวณ
การจดั นทิ รรศการโรงเรยี นเพ่อื แสดงผลงานด้านวิทยาการคานวณ ในการประชุมผ้บู ริหารสถานศกึ ษาสญั จร
คร้งั ท่ี 1/2562 โดยท่านดร.เธยี นไท คาล้าน ผอ.สพป.อุบลราชธานี เขต 4
ณ โรงเรยี นบา้ นนาดู่ สพป.อบุ ลราชธานี เขต 4
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนักงำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนงึ่ โรงเรยี น หนงึ่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๑๘
การจดั นทิ รรศการโรงเรยี นเพ่ือแสดงผลงานดา้ นวทิ ยาการคานวณและสะเต็มศึกษา
สพฐ.ตดิ ตามเกบ็ ข้อมูลวจิ ยั Coding&STEM โดยการนาของดร.กวินทรเ์ กยี รติ นนธพ์ ละ รองเลขาธกิ ารกพฐ.
ณ โรงเรยี นชมุ ชนบา้ นนาเยยี สพป.อุบลราชธานี เขต 4
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแกง้ ยำง สำนักงำนเขตพืน้ ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึง่ โรงเรยี น หนึง่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๑๙
-ส่งเสริมใหข้ า้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา สง่ ผลงานดา้ นวิทยาการคานวณ
คลิปการสอน คลปิ การสอน
โรงเรียนบำ้ นบ้ำนแก้งยำง สำนกั งำนเขตพืน้ ที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึง่ โรงเรยี น หน่ึงนวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒๐
ด้านนักเรยี น
-การทดสอบข้อสอบมาตรฐานเขตฯนกั เรียน
ปีการศกึ ษา 2562 รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ คะแนนเฉล่ียรวมทุกชั้นปี ร้อยละ 73.81
ปีการศึกษา 2563 รายวิชาวิทยาศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยรวมทุกช้ันปี รอ้ ยละ 94.92
คะแนนเฉลยี่ ปีการศึกษา 2563 เพ่มิ สงู ขนึ้ จาก ปีการศึกษา 2562 รอ้ ยละ 21.11
ปีการศึกษา 2562 รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ คะแนนเฉล่ยี รวมทุกชนั้ ปี ร้อยละ 73.81
ปีการศึกษา 2563 รายวิชาวิทยาศาสตร์ คะแนนเฉลี่ยรวมทุกช้ันปี รอ้ ยละ 94.92
คะแนนเฉล่ยี ปีการศึกษา 2563 เพ่มิ สูงข้นึ จาก ปีการศึกษา 2562 ร้อยละ 21.11
ที่มา : ระบบ SMSS ระบบสนับสนุนการบริหารจัดการสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านแกง้ ยาง
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนึง่ โรงเรียน หนง่ึ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๒๑
-การเขา้ รว่ มกิจกรรมวทิ ยาการคานวณ
อบรมเรื่อง Microbit : MyRobotbit ณ โรงเรยี นบ้านแก้งยาง
อบรมเร่ืองเชิงปฏบิ ัตกิ าร เรื่องวิทยาการคานวณและโคดด้ิง MyRobotbit
ณ โรงเรยี นชุมชนบ้านนาเยยี
-ผลงานดา้ นวทิ ยาการคานวณ
เหรยี ญทอง กจิ กรรมการแข่งขันหนุ่ ยนต์ระดบั สูง ระดบั ชนั้ ป.1 – 6
ในงานศิลปหตั ถกรรมนักเรียน ครงั้ ท่ี 69 ณ จงั หวดั ศรีสะเกษ
โรงเรยี นบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนึง่ โรงเรยี น หน่งึ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒๒
เหรยี ญเงนิ กจิ กรรมการแข่งขันหุ่นยนตร์ ะดบั กลาง ระดับชั้น ป.1 – 6
ในงานศิลปหตั ถกรรมนักเรียน ครงั้ ท่ี 69 ณ จังหวัดศรีสะเกษ
A : Algorithm กระบวนการแก้ปญั หาโดยมลี าดับขนั้ ตอน
ท่ี กจิ กรรม สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตวั ชีว้ ดั
1 1)ชีวติ ประจาวนั สาระการเรยี นรู้ ว 4.2 เข้าใจ และใชแ้ นวคดิ ป.1/1 แก้ปญั หาอยา่ งง่ายโดยใช้
2)จบั คเู่ งา เทคโนโลยี เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาที่ การลองผดิ ลองถูก การ
3)การเปรียบเทยี บ (วิทยาการคานวณ) พบในชีวิตจรงิ อยา่ งเป็น เปรียบเทยี บ
4)การลองผิดลอง ขั้นตอน และเปน็ ระบบใช้ ป.1/2 แสดงลาดับข้ันตอนการ
ถูก เทคโนโลยสี ารสนเทศและการ ทางานหรือการแกป้ ัญหาอย่าง
สื่อสารในการเรยี นรู้การ งา่ ยโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือ
ทางาน และการแก้ปัญหา ได้ ข้อความ
อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ร้เู ทา่ ทัน ป.2/1 แสดงลาดบั ข้ันตอนการ
และมีจริยธรรม ทางานหรอื การแกป้ ญั หาอยา่ ง
งา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือ
ข้อความ
ป.3/1 แสดงอัลกอรทิ ึมในการ
ทางานหรือการแก้ปัญหาอยา่ ง
ง่ายโดยใชภ้ าพ สัญลกั ษณ์ หรือ
ข้อความ
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแก้งยำง สำนกั งำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรยี น หนงึ่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒๓
ที่ กจิ กรรม สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตัวช้ีวดั
2 5)เลอื กทางเดนิ สาระการเรยี นรู้ ว 4.2 เขา้ ใจ และใช้ ป.4/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ
6)สารวจโรงเรยี น เทคโนโลยี แนวคิดเชงิ คานวณใน แก้ปญั หา การอธบิ ายการทางาน การ
7)ตามหาครปู ระจา (วิทยาการคานวณ) การแกป้ ัญหาท่ีพบใน คาดการณผ์ ลลัพธ์ จากปัญหาอย่างง่าย
ชนั้ ชวี ิตจรงิ อย่างเป็น ป.4/3 ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาความรู้
8)ผง้ึ ทวงรัง ข้ันตอน และเปน็ ระบบ และประเมนิ ความนา่ เช่ือถือของข้อมูล
9)หาทางกลบั บา้ น ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ป.4/5 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่าง
10) Be Internet และการส่ือสารในการ ปลอดภยั เข้าใจสิทธิและหนา้ ท่ขี องตน
Awesome เรียนรู้การทางาน และ เคารพในสิทธขิ องผู้อื่น แจง้ ผเู้ ก่ียวข้อง
การแก้ปัญหา ได้อยา่ งมี เมื่อพบข้อมูลหรือบุคคลท่ีไมเ่ หมาะสม
ประสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทนั ป.5/1 ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการ
และมีจรยิ ธรรม แกป้ ัญหา การอธบิ ายการทางาน การ
คาดการณ์ผลลัพธจ์ ากปญั หาอย่างง่าย
ป.5/3 ใช้อินเทอรเ์ น็ตค้นหาข้อมูล
ติดตอ่ สือ่ สารและทางานร่วมกัน
ประเมนิ ความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู
ป.5/5 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ ง
ปลอดภยั มมี ารยาทเข้าใจสทิ ธิและ
หนา้ ท่ีของตนเคารพในสทิ ธขิ องผูอ้ ื่น
แจ้งผู้เกย่ี วขอ้ งเม่ือพบขอ้ มูลหรือบคุ คล
ท่ีไม่เหมาะสม
ป.6/1 ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ
อธบิ ายและออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หาท่ี
พบในชีวิตประจาวนั
ป.6/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ ในการค้นหา
ขอ้ มลู อย่างมีประสิทธภิ าพ
ป.6/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศทางาน
ร่วมกันอยา่ งปลอดภัยเข้าใจสทิ ธแิ ละ
หนา้ ท่ีของตนเคารพในสทิ ธขิ องผู้อืน่
แจ้งผ้เู กีย่ วข้องเมื่อพบข้อมูลหรอื บุคคล
ท่ีไมเ่ หมาะสม
โรงเรียนบำ้ นบ้ำนแกง้ ยำง สำนักงำนเขตพ้ืนท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรยี น หนึง่ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒๔
R : Reflection การสะท้อนความคิด
-แบบสัมภาษณ์แบบ R-C-A : เพอ่ื การสอนทักษะชีวติ เป็นคาถามทฝ่ี ึกให้นกั เรยี นรจู้ ักใชท้ ักษะชวี ิต
R - reflect การสะท้อนกลบั C-connect การเชอ่ื มโยง และA-apply การปรบั ใช้
-แบบสงั เกตพฤติกรรม : แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เปน็ เคร่ืองมือที่ใช้ในการรวบรวมขอ้ มลู ท่ไี ดจ้ ากการ
สงั เกตพฤติกรรมการแสดงออก ซ่ึงเปน็ คุณลักษณะด้านจิตพสิ ยั เชน่ ความซือ่ สัตย์สจุ รติ ความมนี ้าใจต่อเพื่อน
ความรบั ผิดชอบ เปน็ ต้น
-แบบประเมนิ กิจกรรม : เพอ่ื ประเมินนักเรียนสามารถนาทักษะและประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งถูกตอ้ ง
5) สรุปสง่ิ ท่ีเรยี นรูแ้ ละการปรับปรงุ ให้ดขี ้ึน
สงิ่ ท่เี รียนรจู้ ากการกระบวนการสอน K-A-R ในการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณ ของ
โรงเรียนบา้ นแกง้ ยาง สานักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาอุบลราชธานี เขต 4 คือ
1. ได้รปู แบบกระบวนการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ ทาให้เกดิ กจิ กรรมท่ี
สอดคลอ้ งกบั การเรียนการสอนทาให้นักเรียนได้รับการพัฒนาให้เกิดความรู้/ความเข้าใจ ทักษะ ที่จาเป็นตาม
ตัวช้ีวัด สามารถแกป้ ัญหาได้อยา่ งเปน็ ข้นั ตอนและเป็นระบบ
2. นักเรยี นพัฒนาเร่ืองของวิทยาการคานวณ มีความรู้ ความเข้าใจ และเกิดทักษะท่ีจาเป็น
ในวิชาวทิ ยาการคานวณ โดยใชก้ ระบวนการสอน แบบ K-A-R
3. ครแู ละนักเรียนไดร้ บั รางวัลจากการแข่งขันทีเ่ ก่ียวข้องกบั วิทยาการคานวณ
4. สถานศึกษาจัดกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักสูตร นโยบายของสานักงานคณะกรรมการ
การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน และสมรรถนะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21
5. ชุมชนและผู้ปกครองมีความพึงพอใจ ไว้วางใจ และใหค้ วามรว่ มมือในการพัฒนา
การศึกษาของสถานศึกษา
6) การขยายผลและเผยแพรผ่ ลการพฒั นา
นานวัตกรรม การจดั การเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณดว้ ยกระบวนการสอนแบบ K-A-R
ได้มีการขยายผลและเผยแพร่ การพัฒนานวัตกรรม ตลอดจนมีการประชาสมั พันธ์ผ่านสือ่ ต่างๆ ดังนี้
1. การให้บริการศึกษาดูงาน ให้กับโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้มาศึกษาดูงาน
เยีย่ มชมการดาเนินงานและกจิ กรรมตา่ งๆ ทจ่ี ดั ข้นึ ตลอดจนศึกษารูปแบบของการพัฒนานวัตกรรม เพ่ือนาไป
ปรับใชแ้ ละพฒั นาใหเ้ ขา้ กับบรบิ ทของตัวเองต่อไป
2. การทาเอกสารเผยแพร่ไปยังสถานศึกษาและสอ่ื ออนไลน์ต่างๆ
โรงเรียนบ้ำนบ้ำนแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพ้นื ที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรยี น หนง่ึ นวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๒๕
6. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการพฒั นาอยา่ งตอ่ เน่อื ง
ข้อเสนอแนะ
จากการดาเนนิ การ การจัดการเรยี นการสอนวิทยาการคานวณดว้ ยกระบวนการสอนแบบ K-A-R นั้น
มีขอเสนอแนะในการดาเนนิ การ ดงั นี้
1) ควรจัดกิจกรรมคา่ ยพฒั นาการสอนวทิ ยาการคานวณด้วยกระบวนการสอนแบบ K-A-R เพือ่ ใหม้ ี
นักเรยี นแกนนามาเพ่อื ชว่ ยดาเนนิ การจัดกจิ กรรม ใหน้ ักเรยี นได้ฝกึ การเปน็ ผนู้ า ผตู้ าม
2) ควรให้นักเรียนได้มสี ่วนรว่ มในการกาหนดกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดของตนเองมากขึ้น
3) ควรให้ชมุ ชนไดม้ สี ่วนร่วมในการจัดกจิ กรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนด้วย
แนวทางการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
1) จัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณด้วยกระบวนการสอนแบบ K-A-R ตลอดปีการศึกษา
เพื่อความต่อเนื่องของการจัดการเรียนการสอน กิจกรรมต่างๆ และเป็นการต่อยอดความคิดของกิจกรรมท่ี
ดาเนินการผ่านมา สรปุ และประเมนิ ผล
7. จดุ เด่น หรอื ลกั ษณะพเิ ศษของผลงานนวตั กรรม
นวตั กรรม การจัดการเรยี นการสอนวิทยาการคานวณ ด้วยกระบวนการสอนแบบ K-A-R จัดทาขึ้น
ภายใต้สโลแกน “พัฒนากระบวนการสอน สร้างนวัตกรรมสู่นวัตกร” เป็นการนากระบวนการสอนแบบ
K-A-R มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคานวณ โดยเน้นการสร้างความรู้/ความเข้าใจ ผ่านกิจกรรม
10 กิจกรรม นักเรียนเกิดกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน (Algorithm) และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้
สะท้อนความคิด เพ่ือสอนทักษะชีวิต คุณลักษณะด้านจิตพิสัย สามารถนาประสบการณ์ไปประยุกต์ใช้ในการ
ปฏบิ ัติ
พัฒนากระบวนการสอน การพัฒนาทักษะกระบวนการเรียนการสอนท่ีเน้นให้นักเรียนคิดวิเคราะห์
แก้ไขปญั หาอย่างเป็นข้นั ตอน เป็นระบบ โดยการใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ยา่ งสร้างสรรค์ ด้วยเรื่องท่ีใกล้
ตัวของนักเรียน เร่ิมจากความรู้พ้ืนฐาน คิดเป็นข้ันตอนอย่างง่าย ไปยังขั้นความรู้ที่สูงขึ้นตามตัวชี้วัดช้ันปีทาให้
ผู้เรียนเกดิ แนวคดิ ริเรม่ิ สรา้ งสรรค์ เกิดนวัตกร (Innovator) ในสถานศกึ ษา
8. บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธกิ าร.(2545). พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และท่ีแก้ไขเพมิ่ เติม
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรงุ เทพฯ : องค์การรบั สง่ สนิ ค้าและพสั ดภุ ณั ฑ.์
______________. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ :
กระทรวงศึกษาธกิ าร.
“การสอนวทิ ยาการคานวณ” การสอนวิชาวทิ ยาการคานวณ หลักสูตรและแนวทางการจัดการเรยี นรู้ระดับ
ประถมศกึ ษา-ขยายโอกาส - Nattapon's Blog
“แนวความคิดเกี่ยวกับวชิ าวทิ ยาการคานวณ” https://www.scimath.org/lesson-
technology/item/8808-computing-science
“นวัตกร”http://www.edsiam.com/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B
8%81%E0%B8%A3/
“วิทยาการคานวณ” โลกยุคใหม่ทที่ า้ ทายครแู ละนกั เรียนไทย https://www.thairath.co.th
/lifestyle/life/1544733
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนักงำนเขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่งึ โรงเรยี น หนึง่ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๒๖
ภาคผนวก
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพนื้ ท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หนง่ึ โรงเรียน หนึ่งนวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๒๗
เกยี รติบตั รการอบรมออนไลน์ ดา้ นวิทยาการคานวณ
โรงเรียนบำ้ นบำ้ นแก้งยำง สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำประถมศกึ ษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนึ่งโรงเรยี น หนง่ึ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๒๘
เกยี รติบตั รการอบรมออนไลน์ ด้านวทิ ยาการคานวณ
โรงเรียนบำ้ นบ้ำนแก้งยำง สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำประถมศึกษำอบุ ลรำชธำนี เขต 4
“หนงึ่ โรงเรยี น หนึง่ นวตั กรรม” ประจำปี 2564 ๒๙
ภาพการจดั การเรียนการสอนด้านวทิ ยาการคานวณ
แผนการจดั การเรียนการสอนวิทยาการคานวณ
เร่ืองวธิ กี ารแก้ปัญหาอย่างงา่ ย
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำอุบลรำชธำนี เขต 4
“หน่ึงโรงเรียน หน่ึงนวัตกรรม” ประจำปี 2564 ๓๐
ภาพการจดั การเรียนการสอนดา้ นวทิ ยาการคานวณ
แผนการจัดการเรียนการสอนวทิ ยาการคานวณ
เรอื่ ง วิธกี ารแกป้ ัญหา
โรงเรยี นบ้ำนบำ้ นแกง้ ยำง สำนกั งำนเขตพ้นื ท่ีกำรศึกษำประถมศกึ ษำอุบลรำชธำนี เขต 4