The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 641081290, 2022-09-15 23:13:52

ความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกหรือรับสินบน

มาตรา148

ประมวลกฎหมายอาญา2 ภาคความผิด
เรียบเรียงโดย

นางสาวรุ่งทิพย์ ศรีสมุทร
รหัสนิสิต 641081290 S103 คณะนิติศาสตร์




มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตจังหวัดสงขลา

คำนำ

หนังสือนี้จัดทำเพื่ อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชากฎหมาย
อาญาความผิด2เพื่ อให้ได้ศีกษากฎหมายความรู้ที่เกี่ยวกับ
พนักงานรับสินบนตามมาตรา149และมาตรา201

หนังสือเล่มนี้จะเป็นโยชน์แก่กับผู้อ่านหรือนักเรียน
นักศึกษา ที่กำลังหาข้อมูลนี้อยู่ หากมีข้อผิดพลาด
ประการใดผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ผู้จัดทำ

นางสาวรุ่งทิพย์ ศรีสมุทร

สารบัญ

เรื่อง หน้า

คำนำ ก

สารบัญ ข
1
มาตรา148 2

องค์ประกอบความผิดภายนอกและภายใน 3
คำอธิบาย 4
5
เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ 6

ตัวอย่าง 7
8-9
ข่มขืนใจ หรือจูงใจ 10
เจตนาพิเศษ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ 11-12
ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเเก่ตนเองหรือผู้ 13
อื่น
ตัวอย่าง 14

คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ 15-16

มาตรา149 17
องค์ประกอบความผิดภายนอกเเละภายใน 18
19-20
เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิก
สภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล
เรียก รับหรือยอมจะรับ

ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น

โดยมิชอบ
ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่
เจตนาพิเศษ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง
ตัวอย่าง
เจ้าพนักงานเรียก รับสินบน ตามมาตรา149
คำพิพากษาฎีกา
บรรณานุกรม

1

ประมวลกฎห
มายอาญา

มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจใน
ตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคล
ใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น
ใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี
ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่ง
แสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต

องค์ประกอบความผิด 2

องค์ประกอบภายนอก

(1) ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน
(2) ใช้อำนาจโดยตำแหน่งมิชอบ
(3) ข่มขืนใจ หรือจูงใจ

องค์ประกอบภายใน

(1) เจตนาธรรมดา

(2) เจตนาพิเศษ เพื่อให้บุคคลใด
มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น

คำอธิบาย 3

1.เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ

ความผิดฐานนี้ ผู้กระทำต้องเป็นเจ้าพนักงานที่ใช้อำนาจในตำแหน่ง
แต่ได้ใช้อำนาจนั้นโดยมิชอบ

สามารถแยกพิจารณาเป็น 2 ข้อ ได้แก่ (1) เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจใน
ตำแหน่งหรือไม่ (2)การใช้อำนาจนั้นเป็นไปโดยมิชอบหรือไม่

1.1 ใช้อำนาจในตำแหน่ง หมายถึงใช้อำนาจที่มีอยู่โดย


ปกติตามตำแหน่งของเจ้าพนักงานประเภทนั้น

การใช้อำนาจนอกตำแหน่งไม่เป็นความผิดฐานนี้ เช่น เจ้าพนักงานพัฒนา
ชุมชนมีหน้าที่พัฒนาชุมชนหลอกลวงเอาเงินประชาชน เจ้าพนักงานที่ดินมีหน้า
ที่เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไปรับติดต่อทนายความเพื่อดำเนิน
การร้องขอการมรดกผู้ใหญ่บ้านตำบลหนึ่งไปจับผู้ร้ายอีกตำบลหนึ่ง

แม้จะเป็นเจ้าพนักงานแต่ไม่มีหน้าที่ ก็ไม่อาจมีความผิดฐา่นมาตรา148ได้ จะ
เป็นได้เเต่เพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น เช่น ตำรวจผู้มีหน้าที่กับตำรวจผู้คุมเรือนจำร่วม
กันข่มขืนใจเพื่อให้ผู้อื่นมอบเงินให้ แม้ผู้คุมเรือนจำจะเป็นตำรวจ แต่ไม่มีหน้าที่
จับกุมผู้กระทำผิดทั่วไป ดังนั้น ผุ้คุมเรือนจำจึงมีความผิดเพียงฐานสนับสนุน

1.2 โดยมิชอบ หมายถึง โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปในทางที่ไม่ถูกต้องหรือ
ไม่สมควร ที่พบบ่อยก็คือกรณีจับกุมหรือข่มขู่ว่าจะจับกุมผู้ที่มิได้กระทำ
ความผิด หรือที่เรียกว่า แกล้งจับหรือแกล้งบอกว่าจะจับ

4

ตัวอย่าง

เมื่อผลการตรวจค้นตัว ว. ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่า ว.
ได้กระทำความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษไว้ครอบครองต่อไปอีก จำเลยที่1 วึ่งเป็นเจ้า
พนักงานตำรวจไม่มีอำนาจจับกุม ว.สมควรที่จำเลยที่1 จะปล่อยตัว ว.ไป การที่จำเลยที่1
ยังจับกุม ว. จากศาลาท่าน้ำนำตัวไปไว้ที่สะพานข้ามคลองเเสนเเสบ จึงเป็นการปฎิบัติ
หน้าที่โดยมิชอบ

2.ข่มขืนใจ หรือจูงใจ 5

การใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรานี้กระทำได้ 2 ประการ

(1) ข่มขืนใจ หมายถึง บังคับจิตใจให้กระทำในสิ่งที่ไม่อยากกระทำ หรือห้าม
กระทำในสิ่งที่อยากทำ เช่น ตำรวจข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจะจับ

(2) จูงใจ หมายถึง ชักนำหรือเกลี้ยงกล่อมให้ทำตาม เช่นตำรวจบอกแก่เจ้า
ของไนท์ว่าคลับว่าถ้าให้เงินก็จะไม่มายืนตรวจหน้าร้านตลอดเวลาที่เปิดทำการ
ซึ่งการยืนตรวจหน้าร้านตลอดเวลาอาททำให้ลูกค้ากลัว ไม่กล้าเข้าร้าน

ความผิดฐานนี้สำเร็จเมื่อได้ข่มขืนหรือจูงใจ แม้ผู้ข่มขืนใจหรือจูงใจยังไม่ได้ยอม
มอบให้หรือหาทรัพย์สินหรือประโยชน์มาให้ก็ตาม ซึ่งเเตกต่างจากกรณีข่มขืนใจตาม
มาตรา309ซึ่งความผิดสำเร็จเมื่อผู้เสียหายกระทำ ไม่กระทำ หรือจำยอมต่อสิ่งใด
ตามที่ถูกข่มขื่นใจ นอกจากนี้ยังเเตกต่างจากกรณีกรรโชกตามมาตรา337 ที่ความ
ผิดสำเร็จเมื่อยอมจะให้โยชน์นั้นไปก็ตาม

6

3.เจตนาพิเศษ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อื่นใดเเก่ตนเองหรือผู้อื่น

การกระทำความผิดตามมาตรานี้ต้องมีเจตนาพิเศษคือ "เพื่อให้บุคคลใดมอบให้
หรือมาหาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเเก่ตนเองหรือผู้อื่น"

คำว่า"ทรัพย์สิน"เป็นไปตามประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์
มาตรา138ส่วน"ประโยชน์อื่นใด"หมายรวมทั้งประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน
หรือไม่เป็นทรัพยืสิน

7

ตัวอย่าง

จำเลยเป้นตำรวจประจำอยู่ในกรุงเทพ พากันไปแกล้งจับผู้เสียหายที่
จังหวัดนครนายกหาว่าเล่นสลากกินรวบ ขอค้นบ้านเเล้วงัดลิ้นชักโต๊ะหยิบเอา
เงินเเละปืนไปเพื่อประโยชน์แก่ตน เป็นความผิดตามมาตรา148 แม้ จำเลยจะ
หยิบเอาเงินเเละปืนนั้นไปเองก็ดี เเต่เมื่อเป็นเพราะเหตุที่จำเลยเป็นพนักงาน ผู้
เสียหายจึงไม่กล้าแย่งคืนหรือเพราะผู้เสียหายอาจจะเข้าใจว่าจำเลยเอาไปเป็น
วัตถุพยาน ดังนั้นจึงถือได้ว่าผู้เสียหายได้มอบให้แก่จำเลยตามความหมายของ
มาตรานี้เเล้ว

8

คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ

คำพิพากษาฎีกาที่ 824/2506 จำลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานประจำหน่วยสืบสวนกอง
ปราบปราม กรมสรรพสามิด จำเลยที่ 2 เป็นพลตำรวจ ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นราษฎร
ร่วมกันกระทำความผิดโดยจำเลยที่ 3 แกล้งว่าหาว่าผู้เสียหายมีเฮดรอีน แล้วอ้างตน
ว่าเป็นตำรวจจับตัวผู้เสียหาย ไปพบจำเลยคนที่ 1 และคนที่ 2 บอกผู้เสียหายว่าตน
เป็นผู้บังคับหมวดตำรวจ ให้เอาเงินมาให้จำเลย 5,000บาท เเล้วไม่ต้องไปโรงพัก
สามีของผู้เสียหายไปหาเงิน จำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายรออยู่จนเมื่อหาเงินมาได้และให้
จำเลยที่1 เเล้ว จำเลยจึงปล่อยตัว ดังนี้ จำเลยคนที่1 เเละคนที่3มีความผิดตามมาตรา
145,337,148 ประกอบกับมาตรา 86 จำเลคนที่2 มีความผิดตามมาตรา
148และ337

9

คำพิพากษาฎีกาที่ 1663/2513 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตำแหน่ง มี
อำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภาษีอากรตามร้านค้า แม้ตามระเบียบ
ราชการก่อนตวจสอบเกี่ยวกับภาษีอากร จำเลยจะต้องได้รับมอบหมายหรือ
อนุมัติจากผู้บังคับบัญชาก่อนก็ตาม การที่จำเลยนัดหมายให้ผู้เสียหายไปพบ
จำเลยที่สถานที่ทำงานของจำเลยเเล้วเอาบัตรสนเท่ห์กล่าวหาผู้เสียหายออก
ใบเสร็จรับเงินเสียภาษีให้รัฐบาลไม่ครบให้ผู้เสียหายดูเเล้วเรียกร้องเอาเงิน
จากผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยได้ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือ
จูงใจให้ผู้อื่นมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์เเก่ตนหรือผู้อื่น
เป็นความผิดตามมาตรา148

มาตรา 149 10

ประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิก
สภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือ
สมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับ
ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือ
ผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการ
อย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิ
ชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี
ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่
หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาทหรือประหารชีวิต

11

1.องค์ประกอบภายนอก

(1) ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิก
สภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล




(2) เรียก รับ หรือยอมจะรั


(3) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือ
ผู้อื่น
(4) โดยมิชอบ

(5) ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่

12

2.องค์ประกอบภายใน

(1) เจตนาธรรมดา

(2) เจตนาพิเศษ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่าง
ใดในตำแหน่ง

13

คำอธิบาย

1.เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภา
จังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล

มาตรานี้นอกจากกำหนดความผิดแก่เจ้าพนักงานเเล้วยังขยายความไปถึงสมาชิก
สภานิติบัญญัติเเห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดและสมาชิกสภาเทศบาลด้วย เพราะเป็นผู้
ที่มีอำนาจหน้าที่สาธารณะเช่นเดียวกับเจ้าพนักงาน

เจ้าพนักงานและสมาชิกสภาดังกล่าวจะต้องมีอำนาจกระทำการตามหน้าที่นั้นด้วยจึงมีความ
ผิด ถ้าไม่ใช่เจ้าพนักงาน หรือเป็นพนักงานซึ่งไม่มีหน้าที่ในการนั้น ก็ไม่อาจเป็นตัวการในความผิด
ตามมาตรา149 ได้ แต่อาจมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน

2.เรียก รับหรือยอมจะรับ 14

องค์ประกอบด้านการกระทำ ได้เเก่ เรียก รับ หรือยอมจะรับ
ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่อาจทำได้โดยชอบ




เรียก หมายถึง การที่เจ้าพนักงานแสดงเจตนาให้ผู้เสียหาย ส่ง
ทรัพย์สิน หรือทำประโยชน์อื่นใดให้แต่เจ้าพนักงานยังไม่ได้รับ

รับ หมายถึง การที่ผู้ที่เสียหายให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้า
พนักงาน และเจ้าพนักงานได้รับทรัพย์สินหรือประโยชน์ไว้แล้ว

ยอมจะรับ หมายถึง การที่ผู้เสียหายเสนอจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชนือื่ใด
แก่เจ้าพนักงานและเจ้าพนักงานตกลงยอมรับ

3.ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น 15

สิ่งที่เจ้าพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับนั้น ได้เเก่ ทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใด ตาม
ที่ได้อธิบายเเล้วในมาตรา148 โดยจะรับไว้ด้วยตนเองหรือให้ผู้อื่นรับไว้ก็ได้

4.โดยมิชอบ

การเรียก รับ หรือยอมจะรับมทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง
หรือผู้อื่น ต้องกระทำโดยมิชอบ หมายความว่า โดยไม่มีอำนาจที่จะเรียก รับ
หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์นั้นได้กฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ
แบบแผน หรือคำสั่งของทางราชการที่ชอบด้วยกำหมาย

5.ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่.

ถ้อยบัญญัติที่ว่า "ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่"แสดงให้เห็น
เจตนารมย์ของมาตรา149 ที่ไม่ประสงค์ให้เจ้าพนักงานรับทรัพย์สินหรือ
ประโยชน์เพื่อทำการหรือไม่กระทำการในตำแหน่งของเจ้าพนักงานทั้งสิ้น
ไม่ว่าการเรียก รับ หรือยอมจะรับเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการนั้น จะ
เป็นการชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ เพราะมิฉะนั้นก็เปืดโอกาสให้เจ้า
พนักงานหาช่องทางกระทำการทุจริตดดยไม่ผิดกฎหมายได้ เป้นต้นว่า
เเกล้งทำเรื่องช้าเพื่อประวิงการปฎิบัติงานจนกว่าจะมีผู้มา "หยด
น้ำมัน"หรือให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ให้ปฎิบัติการตามหน้าที่

6.เจตนาพิเศษ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดใน 16
ตำแหน่ง

ควมผิดตามมาตรานี้ต้องมีเจตนาพิเศษ คือ "เพื่อกระทำการหรือไม่
กระทำการิย่างใดในตำแหน่ง"หมายถึง กระทำหรือไม่กระทำในขอบเขต
ตำแหน่งหน้าที่แต่จะได้มีการกระทำการหรือไม่มีกระทำการในตำแหน่งตาม
เจตนาพิเศษนั้นหรือไม่ ไม่สำคัญ"

การเปรียบเทียบบทบัญญัติมาตรา 148 กับมาตรา 149

ข้อแตกต่างระหว่างมาตรา 148 กับมาตรา 149 คือมาตรา 148 ต้องเป็น
กรณีที่ผู้กระทำใชอำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบมาตั้งเเต่ต้น โดยผู้ถูกเรียกไม่ได้
กระทำความผิด ส่วนมาตรา149 เป็นกรณีที่เริ่มต้นด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่
โดยชอบ แล้วเรียกเอาทรัพย์สินหรือประโยชน์ในภายหลัง

ตัวอย่าง 17

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งปลัดอำเภอมีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินตาม
โครงการ กสช. ได้สั่งให้คณะกรรมการสภาตำบลเเก้ไขหลักฐานการเบิกจ่าย
เงินให้เกินความเป็นจริง เเล้วจำเลยเอาเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวโดย
ทุจริต แสดงว่าจำเลยมีเจตนามาเเต่เเรกที่จะกระทำการทุจริตโดยใช้ตำแหน่ง
หน้าที่ของตน มิใช่ว่าจำเลยกระทำโดยชอบด้วยอำนาจในตำแหน่งเเล้วกระ
ทำการทุจริตในภายหลัง จึงมีความผิดตามมาตรา148เท่านั้นหาเป็นความผิด
ตามมาตรา149 อีกด้วยไม่

เจ้าพนักงานเรียก รับสินบน 18
ตามมาตรา149

- เป็นการเริ่มด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยชอบ แล้ว
ต่อมาทุจริตเรียก รับสินบน

- แม้กระทำ การโดยชอบด้วยหน้าที่ ก็รับทรัพย์สิน
ไม่ได้

19

คำพิพากษาฎีกา

คำพิพากษาฎีกาที่720/2512 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ
ขณะปฏิบัติหน้าที่เวรตำรวจจราจรได้สั่งให้ผู้เสียหายซึ่งขับรถ
ยนตร์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถเพื่อตรวจใบอนุญาตอำนาจ
ในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ แต่เป็นความผิดตามมาตรา148ฐาน
เจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ

20


คำพิพากษาฎีกา
1749/2545

จำเลยจับกุมผู้เสียหายในข้อหาลักทรัพย์ของ ส. แล้วให้ผู้เสียหาย
ลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุม จากนั้นนำผู้เสียหายไปควบคุมไว้ที่
สถานีตำรวจประมาณ 30 นาที จึงเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย
เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดี โดยนำผู้เสียหายออก
มาโทรศัพท์ ก.ภริยาผู้หาย ต่อมาเมื่อจำเลยได้รับเงิน3,000บาท
จากผู้เสียหายแล้วจึงปล่อยผู้เสียหายไปนั้น เป็นกรณีไม่กระทำการ
ในตำแหน่งโดยมิชอบด้วยหน้าที่ จำเลยมีความผิดตามมาตรา149

อ้างอิง

หนังสือกฎหมาย อาญา2 ภาคความผิด

http://www.laws24hr.com/2022/04/148.
html


Click to View FlipBook Version