อ่านเพิ่มเติม วันสุนทรภู่
สุนทรภู่ เกิดในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปี มะเมีย จุลศักราช 1148 เวลาเช้า 2 โมง (ตรง กับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329) ณ บริเวณ ด้านเหนือของพระราชวังหลัง (ซึ่งเป็นบริเวณ สถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบันนี้) ถึงแก่ กรรมเมื่อ พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 69 ปี ประวัติวันสุนทรภู่ บิดาของสุนทรภู่เป็นชาวบ้านกร่ำ อำ เภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นชาวเมืองอื่น สุนทรภู่ เกิดเมื่อหลังจากได้สร้างกรุงเทพมหานครแล้ว 4 ปี แล้วต่อมาในภายหลังบิดามารดาได้หย่าร้าง กัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ อันเป็น ภูมิลำ เนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ใน พระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิง จงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์ เทเวศร์ ดังนั้นสุนทรภู่จึงได้อยู่ใน พระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัว เป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง
เมื่อสุนทรภู่อายุได้ประมาณ 2 ขวบ มารดาได้นำ ไป ฝากให้เรียนหนังสือกับพระในสำ นักวัดชีปะขาว (ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามในรัชกาลที่ 4 ว่า วัดศรีสุดาราม อยู่ริมคลองบางกอกน้อย) ต่อมา ได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระ คลังสวนในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำ งานอื่น นอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดี ตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม กุฎิวัดเทพธิดารามที่สุนทรภู่บวชจำ พรรษา เป็นสถาน ที่ค้นพบวรรณกรรมที่ทรงคุณค่ามากมายเช่น พระ อภัยมณี ฯลฯ ที่ท่านเก็บซ่อนไว้ใต้เพดานหลังคากุฎิ ของท่าน กุฎิวัดเทพธิดารามที่สุนทรภู่บวชจำ พรรษา เป็นสถานที่ค้นพบวรรณกรรมที่ทรงคุณค่ามากมาย เช่น พระอภัยมณี ฯลฯ ที่ท่านเก็บซ่อนไว้ใต้เพดาน หลังคากุฎิของท่าน อนุสาวรอนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่ วัด ศรีสุดาราม ใน พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้ เข้ารับราชการในกรมอาลักษณ์ได้เป็นขุน สุนทรโวหาร ระหว่างรับราชการต้องจำ คุก เพราะถูกอุทธรณ์ว่าเมาสุราทำ ร้ายญาติผู้ใหญ่ ภายหลังพ้นโทษ ได้เป็นพระอาจารย์ถวาย อักษรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 สุนทรภู่ออกจาก ราชการและออกบวช เมื่อลาสิกขาแล้วถวาย ตัวอยู่กับพระองค์เจ้าลักขณานุคุณได้ปีหนึ่ง ครั้นเจ้านายพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ สุนทรภู่ ก็ขาดที่พึ่งได้รับความลำ บากมาก ต้องลอย เรืออยู่และแต่งหนังสือขายเลี้ยงชีวิต ต่อมา จึงได้รับพระอุปถัมภ์ จากกรมหมื่นอัปสรสุดา เทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่ง เกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2394 สุนทรภู่ ได้เป็นเจ้ากรมอาลักษณ์ ฝ่ายพระราชวังบวร มีบรรดาศักดิ์เป็น พระ สุนทรโวหาร ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากสุนทรภู่ (ภู่) จะได้รับนามสกุลคือ “ภู่เรือหงส์” ตำ แหน่งทางราชการ สุนทรภู่หลวงสุนทร โวหาร – พ.ศ. 2359พระสุนทรโวหาร – พ.ศ. 2394ผลงาน ของท่านสุนทรภู่
- นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่ เมืองแกลง - นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จ พระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา - นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไป นมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา - นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุ วัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง - นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุ วัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา - นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำ พัน ถึงนางบุษบา - รำ พันพิลาป (พ.ศ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำ พรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝัน ร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำ พันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำ พัน พิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขา - นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) - เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาและเข้ารับราชการ ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐม เจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี - นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาท สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มี ฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของ สุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร ผลงานสุนทรภู่
ประเภทนิทาน เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณ วงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ ประเภทสุภาษิต - สวัสดิรักษา คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระ อาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์ - สุภาษิตสอนหญิง เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่ - เพลงยาวถวายโอวาท คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็น พระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว ประเภทบทละคร - เรื่องอภัยณุรา ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์ เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเภทบทเสภา - เรื่องขุนช้างขุนแผน (ตอนกำ เนิดพลายงาม) - เรื่องพระราชพงศาวดาร ประเภทบทเห่กล่อม แต่งขึ้นสำ หรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่ พบมี 4 เรื่องคือ เห่จับระบำ , เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร และ เห่เรื่องกากี
กลอนวันสุนทรภู่
1.นิราศภูเขาทอง “ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรัก รสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำ ลายมิตร จะชอบผิด ในมนุษย์เพราะพูดจา” กลอนนี้สอนเรื่อง คำ พูด เมื่อพูดออกไปแล้วไม่สามารถ นำ กลับมาได้ ดังนั้นจะพูดจะจาอะไรให้คิดก่อน
2. จากเรื่องพระอภัยมณี “เขาย่อมเปรียบเทียบความว่า ยามรัก แต่น้ำ ผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้นรักจางห่างเหิน ไปเนิ่นนาน แต่น้ำ ตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล” กลอนนี้สอนเรื่อง ความรัก เมื่อยามที่เรารักกันอะไรก็ดีไป ซะหมด แต่เมื่อหมดรักต่อให้จะทำ อะไรก็ไม่ดี
3.เพลงยาวถวายโอวาท “อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้น ซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะ แคลนคลาย เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ” กลอนนี้สอนเรื่อง ไม่มีความหวานใดๆ จะสร้างความพึง พอใจให้กับคนเรา ได้เท่ากับคำ พูดหวานหูเพียงไม่กี่คำ และ ไม่มีอาวุธใด ที่จะฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น ได้เท่ากับคำ พูดเพียงไม่กี่คำ เช่นกัน
4. จากเรื่องพระอภัยมณี “แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำ เหลือกำ หนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยว ลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำ ใจคน” กลอนนี้สอนเรื่อง อย่าไว้ใจใครง่ายๆ จิตใจของคนนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วันนี้คิดดี ปฏิบัติดี พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม ดังนั้นไม่ควรประมาท
5.จากเรื่องขุนช้างขุนแผน “แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก ใครอื่นสัก หมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน จะกินนอน วอนว่า เมตตาเตือน จะจากเรือน ร้างแม่ ก็แต่กาย” กลอนนี้สอนเรื่อง ความรักและความผูกพันระหว่างแม่ ลูกเป็นอมตะ ไม่มีสิ่งใดเปรียบไ
6.จากเรื่องพระอภัยมณี “แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษา ตัวรอดเป็นยอดดี” กลอนนี้สอนเรื่อง ให้รู้จักระมัดระวังรอบคอบ รักษาตัว ให้ พ้นจากภัยอันตราย
7.เพลงยาวถวายโอวาท “อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย” กลอนนี้สอนเรื่อง ความคิดของคน เปรียบเสมือนอาวุธ อันแสนประเสริฐ แต่คนเก่งที่แท้จะไม่ใช้อาวุธนั้นทำ ร้ายผู้ อื่น เว้นแต่โดนบีบบังคับด้วยสถานการณ์ถึงขีดสุดให้ ต้องใช้อาวุธอันประเสริฐนั้น
8. จากเรื่องพระอภัยมณี “อันนินทากาเล เหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีดมากรีด หิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินหรือจะ สิ้นคนนินทา” กลอนนี้สอนเรื่อง ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูก
9. จากเรื่องสิงหไกรภพ “พระชนกชนนีเป็นที่ยิ่ง ไม่ ควรทิ้งทอดพระคุณให้สูญหาย ถึงลูกเมียเสียไปแม้น ไม่ตาย ก็หาง่ายดอกพี่เห็นไม่เป็นไร พระบิดามารดา นั้นหายาก กำ จัดจากแล้วไม่มีที่อาศัย” กลอนนี้สอนเรื่อง ความกตัญญู การเลี้ยงดูบิดา มารดาว่าเป็นมงคลอันสูงสุด เพราะบิดามารดานั้น เป็นผู้ให้กำ เนิดแก่บุตร ให้การอบรมบ่มนิสัย ปกป้อง คุ้มครอง
10.จากนิราศภูเขาทอง “ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรา ยังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้า สายก็หายไปแต่เมาใจนี้ประจำ ทุกค่ำ คืนฯ” กลอนนี้พูดถึง การหักห้ามจิตใจไม่ให้รักไม่ได้ การเมาเหล้านั้นพอรุ่งขึ้นก็หายไป แต่การเมารัก นี้จะเป็นทุกๆ คืน 10 บทกลอน “สุนทรภู่” แฝงแง่คิดคติสอนใจ รำ ลึกวันสุนทรภู่ 26 มิ.ย.ของทุกปี