โคลง
ประวัติความเป็นมาของโคลง
ฉันทลักษณ์ของโคลง, การแต่งโคลง
เสนอ
อาจารย์ ดร. จนัญญา งามเนตร
จัดทำโดย
นางสาวสุพัตรา กาประโคน รหัสฯ 008
นางสาวธันยพร มากมูล รหัสฯ 014
นางสาวจุรีลักษณ์ แก้วกันหา รหัสฯ 016
นางสาวโยษิตา งามขุนทด รหัสฯ 026
นางสาวจันทร์สุดา คุณพรม รหัสฯ 028
นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หมู่เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
สาขาวิชาภาษาไทย วิทยาลัยการฝึกหัดครู
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ความหมายของโคลง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542 : 271) ได้ให้ความ
หมายของโคลงไว้ว่า หมายถึง คำประพันธ์ประเภทหนึ่ง มีจำนวนคำในวรรค
สัมผัส และบังคับเอกโทตามตำราฉันทลักษณ์
ดังนั้น “โคลง” จึงหมายถึง คำประพันธ์หรือร้อยกรองชนิดหนึ่งซึ่งจะ
บังคับจำนวนคํา สัมผัสนอก และมีการกำหนดตำแหน่งคำเอกและคำโทด้วย
ประวัติและความเป็น
มาของโคลง
...[โคลงนั้น] จะคิดแต่งเมื่อครั้งไรไม่ปรากฏ
มีเค้าเงื่อนแต่ว่าโคลงนั้นดูเหมือนจะเป็นของพวกไทยข้าง
ฝ่ายเหนือคิดขึ้น มีกำหนดอักษรนับเป็นบาท สองบาท
สามบาท สี่บาท เป็นบทเรียกว่าโคลงสอง โคลงสาม โคลงสี่
โคลงเก่า ๆ มีที่รับสัมผัสและที่กำหนดใช้อักษรสูงต่ำ
น้อยแห่ง แต่มามีบังคับมากขึ้นภายหลัง เห็นจะเป็น
พวกไทยข้างฝ่ายใต้ได้รับอย่างมาแต่งประดิษฐ์เติมขึ้น...
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
จากพระราชาธิบายของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์
พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ สันนิษฐานว่า
ชาวไทยล้านนาเป็นผู้ประดิษฐ์โคลงขึ้นและชาวไทยทางใต้ คือ
ชาวกรุงศรีอยุธยารับไปดัดแปลงจนพิสดารขึ้น
หลักฐานที่แสดงว่าชาวล้านนาสนใจและนิยมแต่งโคลงมา
แต่โบราณแล้ว คือ จินดามณี
วรรณคดีของชาวไทยฝ่ายใต้เรื่องแรกที่ปรากฏโคลง คือ ลิลิต
โองการแช่งน้ำ อันแต่งด้วยโคลงห้าและร่ายดั้นสลับกัน อีกทั้งยังเป็นวรรณคดี
เรื่องเดียวที่ปรากฏโคลงห้าอีกด้วย ต่อมาปรากฏเป็นรูปโคลงสี่ดั้นใน ลิลิต
ยวนพ่าย โคลงสุภาพ (โคลงสอง โคลงสาม และโคลงสี่) ในลิลิตพระลอ
ส่วนโคลงสองดั้นและโคลงสามดั้นเกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์
- โคลงสองสุภาพ - โคลงสองดั้น - โคลงวิชชุมาลี
- โคลงสามสุภาพ - โคลงสามดั้น - โคลงจิตรลดา
- โคลงสี่สุภาพ - โคลงดั้นวิวิธมาลี - โคลงสินธุมาลี
- โคลงห้า - โคลงดั้นตรีพิธพรรณ - โคลงนันททายี
- โคลงดั้นจัตวาทัณฑี - โคลงมหาวิชชุมาลี
หรือโคลงมณฑกคติ - โคลงดั้นบาทกุญชร - โคลงมหาจิตรลดา
- โคลงตรีพิธพรรณ - โคลงมหาสินธุมาลี
- โคลงจัตวาทัณฑี - โคลงมหานันททายี
โคลงสุภาพ โคลงดั้น โคลงโบราณ
ประเภทของโคลง
บทร้อยกรองประเภทโคลงนั้นสามารถจําแนกออก
เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ โคลงสุภาพ โคลงดั้น และ
โคลงโบราณ ซึ่งโคลงทั้ง 3 ประเภทก็ยังสามารถ แบ่งเป็น
ชนิดย่อย ๆ ได้อีกหลายประเภท ซึ่งจะแตกต่างกันตาม
ลักษณะบังคับของแต่ละชนิด ดังนี้
โคลงสุภาพ
โคลงสี่สุภาพ
โคลงสี่สุภาพ คือ โคลงชนิดหนึ่งที่มีเสน่ห์ของการบังคับวรรณยุกต์เอกโท
อันเป็นมรดกของภาษาไทยที่ลงตัวที่สุด
คำว่า สุภาพ หรือ เสาวภาพ หมายถึงคำที่มิได้มีรูปวรรณยุกต์ ทำให้กวี
นิยมแต่งมากที่สุด
โคลงสี่สุภาพ มีมาตั้งแต่สมัยต้นอยุธยาในมหาชาติคำหลวง โคลงนิราศ
หริภุญชัย โคลงมังทราตีเชียงใหม่ และลิลิตพระลอ โคลงนิราศพระบาท
กาพย์ห่อโคลงพระราชนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
โคลงสี่สุภาพสามารถนำไปแต่งร่วมกับร่ายหรือกาพย์ได้
ฉันทลักษณ์
โคลงสุภาพ
โคลงสี่สุภาพ
ลักษณะบังคับ
คณะ : โคลงสี่สุภาพ 1 บทมี 4 บาท โดย
- 1 บท มี 4 บาท รวมทั้งหมด 30 คำ
- บาทที่ 1, 2, 3 และ 4 ในวรรคต้นจะมี 5 คำ
- วรรคที่ 2 ของบาทที่ 1, 2, 3 จะมีวรรคละ 2 คำ และวรรค 2 ของบาทที่ 4 จะมี 4 คำ
*คำสร้อยหรือสร้อยคำท้ายวรรคที่ 2 ของบาทที่ 1 และบาทที่ 3 บาทละ 2 คำ คำสร้อยนี้
จะมีหรือไม่มีก็ได้
คำเอก คำโท :
- โคลงสี่สุภาพบังคับรูปวรรณยุกต์เอก โท คือ บังคับรูปวรรณยุกต์เอก 7 ตำแหน่ง รูป
วรรณยุกต์โท 4 ตำแหน่ง
- ในบางครั้งเมื่อไม่สามารถหาคำที่มีรูปวรรณยุกต์เอก หรือรูปวรรณยุกต์โทมาใช้ในที่
บังคับวรรณยุกต์ตามแผนผังได้ จำเป็นต้องใช้คำ “เอกโทษ” หรือคำ “โทโทษ”
- สามารถใช้เสียง “คำตาย” แทนคำเอกได้
สัมผัสนอกหรือสัมผัสบังคับ :
- การสัมผัสบังคับคำสุดท้ายของบาทที่ 1 ส่งสัมผัสไปยังคำที่ 5 ของวรรคแรกในบาทที่ 2
และบาทที่ 3
- คำสุดท้ายของบาทที่ 2 ส่งสัมผัสไปยังคำที่ 5 ของวรรคที่ 1 ในบาทที่ 4
- หากแต่งบทต่อไปจะมีสัมผัสต่อบท คือ คำสุดท้ายในบาทที่ 4 ส่งสัมผัสไปที่คำที่ 1, 2
หรือ 3 ตำแหน่งใด
โคลงสุภาพ
โคลงสี่สุภาพ
ตัวอย่าง อันใด พี่เอย
ทั่วหล้า
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ลืมตื่น ฤาพี่
เสียงย่อมยอยศใคร อย่าได้ถามเผือ
สองเขือพี่หลับใหล
ส องพี่คิดเองอ้า (ลิลิตพระลอ : ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
โคลงสองสุภาพ
โคลง 2 สุภาพ เป็นโคลงที่ใช้ร่วมกับโคลง 4 สุภาพ ในการประพันธ์ลิลิต
ฉันทลักษณ์
โคลงสุภาพ
โคลงสองสุภาพ
ลักษณะบังคับ
คณะ : บทหนึ่งมี 14 คำ แบ่งเป็น 2 บาท
บาทแรกมี 2 วรรค วรรคละ 5 คำ
บาทที่สองมี 1 วรรค วรรคละ 4 คำ อาจมีคำสร้อย 2 คำ ในวรรคที่ 2 ของบาทที่ 2
สัมผัสบังคับ :
คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 บาทที่ 1 ส่งไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ 2 บาทที่ 1
คำสุดท้ายของวรรคที่ 3 ส่งต่อไปยังคำที่ 1, 2 หรือ 3 ของบทที่จะแต่งต่อไป
บทหนึ่งมีคำเอก 3 คำ และคำโท 3 คำ
ตัวอย่าง
ไก่ขันเขียวผูกช้าง มาเทียมทั้งสองข้าง
แ นบข้างเกยนาง
ไ ป่ทันสางสั่งให้ พระแต่งจงสรรพไว้
เยียวปู่เจ้าเรามา
(ลิลิตพระลอ : ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
โคลงสุภาพ
โคลงสามสุภาพ
มีลักษณะเหมือนโคลงสองสุภาพ ใช้ร่วมกับโคลงสองสุภาพในการประพันธ์ลิลิต
ฉันทลักษณ์
ลักษณะบังคับ
คณะ : บทหนึ่งมี 15 คำ แบ่งเป็น 2 บาท บาทหนึ่งมี 2 วรรค
บาทแรกแบ่งเป็นวรรคละ 5 คำ
ส่วนบาทที่ 2 วรรคแรกมี 5 คำ วรรคที่ 2 มี 4 คำ
อาจมีคำสร้อย 2 คำ ท้ายบาทที่ 2
สัมผัสบังคับ :
คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 บาทที่ 1 สัมผัสกับคำที่ 1, 2 หรือ 3 ของวรรคที่ 2
คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 บาทที่ 1 สัมผัส กับคำสุดท้ายของวรรคที่ 1 บาทที่ 2
นอกจากนี้ มีคำเอก 3 คำ และคำโท 3 คำ
โคลงสุภาพ
โคลงสามสุภาพ
ตัวอย่าง
ภูบาลอื้นอำนวย อวยพระพรเลิศล้น
จงอยุธย์อย่าพ้น แห่งเงื้อมมือเทอญ พ่อนา
(ลิลิตตะเลงพ่าย, สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส)
โคลงห้า หรือโคลงมณฑกติ
โคลงห้า (โคลงมณฑกคติ) เป็นคำประพันธ์ที่ปรากฏอยู่ในวรรณกรรมไทย
เพียงเรื่องเดียว คือ ลิลิตโองการแช่งน้ำ
พระโหราธิบดีได้กล่าวถึงลักษณะของชนิดโคลงนี้ไว้ในหนังสือจินดามณีว่า
ประกอบด้วย วรรคหรือบาทละ 5 คำ บังคับเอกโทเช่นเดียวกับโคลงทั่วไป
แต่ไม่อาจกำหนดจำนวนได้และบอกไม่ได้ว่ามีการวางรูปแบบเป็นอย่างไร
ตัวอย่าง
แลมีค่ำมิ่วนน กินสาลีเปลือกปล้อน
บมีผู้ต้อนแต่ง บรรณาฯ
เลือกผู้ยิ่งยศสา เปนราชาอคร้าว
เรียกนามสมมตจ้าว จึ่งต้องท้าวเจ้าแผ่นดินฯ
(ลิลิตโองการแช่งน้ำ : สมเด็จบรมวงค์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
โคลงสุภาพ
โคลงกระทู้
โคลงกระทู้ คือ โคลงสี่สุภาพ แต่ลักษณะของการเขียนจะแตกต่าง
ออกไปโดยที่จะมีการตั้งข้อความเป็นกระทู้ไว้ข้างหน้าของบาททั้ง 4 และจึง
แต่งต่อด้วยถ้อยคำที่มีความอธิบายหรือเป็นการขยายความของกระทู้ เพื่อให้
เกิดความชัดเจนยิ่ง ๆ ขึ้น
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง ทรงนก สับเฮย
หมอกข้าง
คน ละฟากฝั่งไท้ พลยาตร
ล้ม สุรกำมาหมก สมรรถให้ตะเลงเห็น
อย่า ลืมเรื่องนเรศวร์ยก
ข้าม สะโตงเพราะสร้าง (ประมูล อุทัยพันธ์)
โคลงสุภาพ
โคลงตรีพิธพรรณ
โคลงตรีเพชรทัณฑีหรือโคลงตรีพิธพรรณ เป็นโคลงสี่ประเภทหนึ่ง
ลักษณะบังคับและการประพันธ์เหมือนโคลงสี่สุภาพทุกอย่าง ต่างกันก็เพียงใน
บาทที่ 2 ที่เลื่อนคำรับสัมผัสจากคำที่ 5 มาแป็นคำที่ 3 แทน
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
ปางนั้นสองราชไท้ ดาบส
สาพิมตไปมา กล่าวแก้ว
ประทานราชเอารส สองราช
เวนแด่ชูชกแล้ว จึ่งไท้ชมทาน ฯ
(มหาชาติคำหลวง : สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ)
โคลงสุภาพ
โคลงตรีพิธพรรณ
เป็นโคลงสี่ประเภทหนึ่งลักษณะบังคับและการประพันธ์เหมือนโคลง
สี่สุภาพ
ต่างกันก็เพียงในบาทที่ 2 ที่เลื่อนคำรับสัมผัสจากคำที่ 5 มาเป็นคำ
ที่ 4 แทน
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง ไปพลัน
ดั่งนี้
จึ่งใช้พี่น้องเลี้ยง พระปู่ แลนา
ถามปู่เป็นฉันใด เมื่อท้าวจักมา
ข้าไปบังคมคัล
พระปู่เฮยยังกี้ (ลิลิตพระลอ : ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
โคลงดั้น
โคลงดั้น เป็นบทประพันธ์ที่ใช้ลีลาการประพันธ์เชิงปกปิดซุกซ่อน
ต่างจากโคลงสุภาพ แยกเป็น 6 ชนิด คือ ทุกชนิดมีข้อบังคับโดยตรง
โคลงดั้นวิวิธมาลี
โคลงดั้นวิวิธมาลี เป็นบทประพันธ์ที่เอาแบบมาจากกาพย์วิชชุมาลี ปรับปรุงให้
เหมาะสมเป็นโคลงดั้น แถมให้มีเอกเจ็ดโทสี่และวางผิดกับโคลง 4 สลับไป พร้อมกับการ
สัมผัสก็แตกต่างกันบ้าง กำหนดการแต่งครั้งหนึ่ง 2 บทขึ้นไป ต้องจำเป็นพิเศษว่าต้องแต่ง
2 บท หรือ 2 โคลงขึ้นไป คำสุดท้ายของโคลงต้นต้องส่งสัมผัสไปยังคำที่ 4 ของบาทที่ 2
ของโคลงบทต่อไป เพราะ 2 โคลงเกี่ยวโยงกันเช่นนี้ จึงต้องแต่งครั้งละไม่น้อยกว่า 2 โคลง
มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
โคลงดั้น
โคลงดั้นวิวิธมาลี
ตัวอย่าง พองาม
บอกไว้
เชลงพจน์บทแบบคน ควรที่
ชื่อวิวิธมาลี สนิทนาน
มีแบบแยบยลตาม กฎมิ
จงอย่าปล่อยให้แล้ง หลิกแท้
ดูประหลาด
เอกเจ็ดโทสี่แท้ บ่ ดี
สัมผัสเปลี่ยนสถาน
สมสู่คู่ใดที่ (จินดามณี : พระโหราธิบดี)
วิวิธมาลิ์แหน้ดั้น
โคลงดั้นบาทกุญชร
โคลงดั้นบาทกุญชร เป็นโคลงดั้นที่มี
ลักษณะการสัมผัสอื่นคล้ายกับโคลงดั้นวิวิธมาลี แต่มี
การสัมผัสแตกต่างกันเพียงสักเล็กน้อย มีแผนผัง
และตัวอย่างดังนี้
โคลงดั้น
โคลงดั้นบาทกุญชร
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง พึงยล
ชื่ออ้าง
อีกโคลงแบบดั้นหนึ่ง แปลกก่อน
บอกเช่นบาทกุญชร อื่นแปลง
วิธีที่เลบงกล มิดพจน์
ยากกว่าบรรพ์แสร้งสร้าง ย่างผ้าย
ฤาเคลื่อน คลาดเอย
ส องรวดกลอนห่อนพลั้ง ต่อตาม
เฉาสี่เชิงแสดง
สัมผัสทั่วทุกบท (จินดามณี : พระโหราธิบดี)
บงดั่งบาทช้างย้าย
โคลงดั้น
โคลงดั้นตรีพิธพรรณ
โคลงดั้นตรีพิธพรรณ เดิมเป็นโคลงสุภาพ แต่นำมาปรับปรุง
เป็นโคลงดั้น โดยคำเอก 7 โท 4 เท่าเดิม แต่วางใหม่และตัดทอน
บาทสุดท้ายออก 2 คำ
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
ตรีพิธแบบนั้น นามหมาย
ดุจวิวิธมาลี บอกแจ้ง
โทสี่เอกเจ็ดราย ตามระบอบ
ครองชัดยัดแป้งให้ อรรถความ
ต้องฝึกฝนแต่งแต้ม ตามตรอง
ครองตริงามควรที่ แง่ให้
อุตสาหะขยันกรอง ปรุงแต่ง
จักค่อยคล่องได้แท้ ปราชญ์ปรี
(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
โคลงดั้น
โคลงดั้นจัตวาทัณฑี
โคลงดั้นจัตวาทัณฑี เดิมเป็นโคลงสุภาพนำมาปรับปรุง
เป็นโคลงดั้น มีลักษณะคล้ายกับโคลงดั้นตรีพิธพรรณ แตกต่างกัน
เพียงเล็กน้อย มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
โคลงสี่มีชื่อดั้น บรรยาย แบบแฮ
จัตวาทัณฑี ชื่ออ้าง
โทสี่เอกเจ็ดหมาย มีดั่งแผนแฮ
เผยพจน์แผ่กว้างให้ ศึกษา
เกลาพจน์ไพเราะต้อง กรองคำ ควรแฮ
ตามแบบบรรพาจารย์ แจกไว้
หมายเหมาะมั่นใจนำ บรรจุลงเทอญ
จักเสนาะเพราะใช้ถ้อย ถูกทาง (ธนุ เสนสิงห์)
โคลงดั้น
โคลงสามดั้น
โคลงสามดั้น เดิมเป็นโคลงสุภาพนำมาปรับปรุงเป็นโคลงดั้น
เดิมมี 19 คำ ตัดออก 2 คำ คงเหลือ 17 ตัดสร้อยออกเสีย มีแผนผัง
และตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
ยลบัญญัติโคลงสาม นามบันลือชื่อดั้น
กฏดั่งโคลงต้นนั้น อย่าลืม
(ธนุ เสนสิงห์)
โคลงดั้น
โคลงสองดั้น
โคลงสองดั้น เป็นโคลงที่นำโคลงสุภาพมาปรับปรุงให้เป็น
โคลงดั้นจากเดิม 14 คำ ตัดลงเหลือเพียง 12 คำ มีแผนผังและ
ตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
ลมโชยชวนชื่นให้ จิตผ่องพักตร์แผ้วไสร้สร้างศัลย์
(ธนุ เสนสิงห์)
โคลงดั้น
ลักษณะการแต่ง มีลักษณะคล้ายโคลงดั้นวิวิธมาลี
แต่ไม่บังคับเอกโท มีบังคับแต่เพียงสัมผัสเท่านั้น เป็นโคลงที่ไทย
เราแปลงมาจากกาพย์ ในภาษาบาลีอันมีชื่อว่า คัมภีร์กาพยสารวิลาสินี
ซึ่งว่าด้วยวิธีแต่งกาพย์ต่าง ๆ มีอยู่ 15 กาพย์ด้วยกัน แต่มีลักษณะ
เป็นโคลงอย่างแบบไทยอยู่ 8 ชนิด เพราะเหตุที่ไม่มีบังคับเอกโท
จึงเรียกว่า “โคลงโบราณ” นอกนั้น มีลักษณะเป็นกาพย์แท้
โคลงโบราณ
โคลงวิชชุมาลี โคลงมหาวิชชุมาลี
โคลงจิตรลดา
โคลงมหาจิตรลดา โคลงสินธุมาลี
โคลงมหาสินธุมาลี
โคลงนันททายี โคลงมหานันททายี
โคลงโบราณ
โคลงวิชชุมาลี
บทหนึ่งมี 4 บาท บาทละ 2 วรรค วรรคละ 7 คำ รวม 4 บาท มี 28 คำ
บังคับสัมผัสคำที่ 7 ส่งสัมผัสไปยังคำที่ 19 และคำที่ 14 ส่งสัมผัสไปยังคำที่
26 และไม่มีการบังคับสระหรือวรรณยุกต์จะมีหรือไม่ก็ได้ เฉพาะคำสุดท้ายของ
บาทที่ 4 ส่งสัมผัสไปยังคำที่พร้อมจะรับในบทที่จะแต่งต่อไป มีแผนผังและ
ตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
โฉมเฉิดเลิศลักษณ์เชื้อ เทพิน
ฤๅว่าอัปสรสวรรค์ แบ่งภาค
เรียมมองมุ่นใจจินต์ จนเหม่อ
ลืมอาตม์จนเจ้าจาก จรไกล
(โคลงแผลงตามพระราชนิพนธ์ : รัชกาลที่ 6 )
โคลงโบราณ
โคลงมหาวิชชุมาลี
หนึ่งบทมี 2 บาท หนึ่งบาทมีสองวรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
ยกเว้นวรรคสุดท้ายของบทมี 4 คำ รวมเป็น 30 คำ คำสุดท้ายของบาทแรก สัมผัส
กับคำที่ 5 ในบาทที่ 3 และคำสุดท้ายของบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 5 ในบาทที่ 4
เหมือนกับโคลงวิชชุมาลี แต่เพิ่มคำในบาทสุดท้ายเข้าอีก 2 คำเท่านั้น
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
โฉมเฉิดเลิศลักษณ์เชื้อ เทพิน
ฤๅว่าอัปสรสวรรค์ แบ่งภาค
เรียมมองมุ่นใจจินต์ จนเหม่อ
ลืมอาตม์จนเจ้าจาก จึ่งรู้สึกสกนธิ์
(โคลงแผลงตามพระราชนิพนธ์ : รัชกาลที่ 6 )
โคลงโบราณ
โคลงจิตรลดา
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
รวมทั้งหมดมี 28 คำ คำสุดท้ายของบาทแรก สัมผัสกับคำที่ 4 ในบาทที่ 3 คำ
สุดท้ายของบาทที่ 2 สัมผัสกับ คำที่ 4 ในบาทที่ 4 มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ฉันทลักษณ์
โฉมแม่ผ่องพักตร์เพี้ยง เพ็ญจันทร์
ใจแม่ผ่องใสสุทธิ์ สร่างเศร้า
สบโชคเทพบันดาล ดลจิต
จึ่งมาพบเจ้าที่ หัวหิน
(แ ดนคนธรรพ์ : ธนุ เสนสิงห์)
โคลงโบราณ
โคลงมหาจิตรลดา
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
ยกเว้นวรรคสุดท้ายของบทมี 4 คำ รวมเป็น 30 คำ คำสุดท้ายของบาทแรกสัมผัส
กับคำที่ 4 ในบาทที่ 3 คำสุดท้ายของบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 4 ในบาทที่ 4
เหมือนกับโคลงจิตรลดาแต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้ายอีก 2 คำ
ฉันทลักษณ์
ฉันทลักษณ์
โฉมแม่ผ่องพักตร์เพี้ยง เพ็ญจันทร์
ใจแม่ผ่องใสสุทธิ์ สร่างเศร้า
สบโชคเทพบันดาล ดลจิต
จึ่งมาพบเจ้าที่ หาดเจ้าสำราญ
(แ ดนคนธรรพ์ : ธนุ เสนสิงห์)
โคลงโบราณ
โคลงสินธุมาลี
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลัง
มี 2 คำ รวมเป็น 28 คำ คำสุดท้ายของบาทแรกสัมผัสกับคำที่ 5 ของบาทที่ 2
และ 3 คำสุดท้ายของบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 5 ในบาทที่ 4 มีแผนผังและ
ตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
บังคมบิตุเรศแล้ มารดา
ก่อกำเนิดชันษา ใหญ่แล้ว
บำรุงเลี้ยงเรามา เหนื่อยยาก
พระคุณพระผ่องแผ้ว พูนสรวง
(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง )
โคลงโบราณ
โคลงมหาสินธุมาลี
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
ยกเว้นวรรคสุดท้ายของบทมี 4 คำ รวมเป็น 30 คำ คำสุดท้ายของบาทแรกสัมผัส
กับคำที่ 5 ในบาทที่ 2 และ 3 คำสุดท้ายในบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 5 ในบาทที่ 4
เหมือนกับโคลงสินธุมาลี แต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้ายอีก 2 คำ
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
บังคมบิตุเรศแล้ มารดา
ก่อกำเนิดชันษา ใหญ่แล้ว
บำรุงเลี้ยงเรามา เหนื่อยยาก
พระคุณพระผ่องแผ้ว พูนโลกทั้งสาม
(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง )
โคลงโบราณ
โคลงนันททายี
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
รวมเป็น 28 คำ คำสุดท้ายของบาทแรกสัมผัสกับคำที่ 4 ในบาทที่ 2 และ 3 คำ
สุดท้ายในบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 4 ในบาทที่ 4 มีแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
สายลมเสียงเพลงทั้ง ดนตรี
ก่อเกิดฤดีเตือน จิตคล้อย
ธรรมชาติชีวิต ของคู่
ทราบชัดปัดสร้อยเศร้า เสื่อมคลาย
(ธนุ เสนสิงห์)
โคลงโบราณ
โคลงมหานันททายี
หนึ่งบทมี 4 บาท หนึ่งบาทมี 2 วรรค วรรคหน้ามี 5 คำ วรรคหลังมี 2 คำ
ยกเว้นวรรคสุดท้ายของบทมี 4 คำ รวมเป็น 30 คำ คำสุดท้ายของบาทแรก
สัมผัสกับคำที่ 4 ในบาทที่ 2 และ 3 คำสุดท้ายของบาทที่ 2 สัมผัสกับคำที่ 4
ในบาทที่ 4 เหมือนกับโคลงนันททายี แต่เพิ่มคำเข้าในบาทสุดท้ายอีก 2 คำ
ฉันทลักษณ์
ตัวอย่าง
สายลมเสียงเพลงทั้ง ดนตรี
ก่อเกิดฤดีเตือน จิตคล้อย
ธรรมชาติชีวิต ของคู่
ทราบชัดปัดสร้อยเศร้า เสื่อมสิ้นสบสวรรค์
(ธนุ เสนสิงห์)
ข้อควรทราบ !!
1 โคลงจะนิยมสัมผัสอักษรมากกว่าสระและนิยมใช้เสียงสัมผัสอักษรข้ามวรรค
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกลครวญ
ขับคชบทจรจวน จักเพล้
บรรลุพนมทวน เถื่อนที่ นั้นมา
เหตุอนาถหนักเอ้ อาจให้ชนเห็น
(โคลงลิลิตตะเลงพ่าย, สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส)
จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นการใช้เสียงสัมผัสอักษรในวรรคและข้ามวรรค
สัมผัสในวรรค เช่น ทุกข์- เทวศ ให้-เห็น
สัมผัสข้ามวรรค เช่น กล้ำ- แกล จวน-จัก ทวน-เถื่อน เอ้- อาจ
2 คำเอก - คำโท
- คำเอก คือ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอกบังคับ เช่น ล่า เก่า ก่อน น่า ว่าย ไม่
ฯลฯ และให้รวมถึงคำตายทั้งหมด ไม่ว่าจะมีเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม เช่น ปะ พบ รึ ขัด
ชิด (ในโคลงและร่ายใช้ คำตาย แทนคำเอกได้)
คำตาย คือ คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด) และคำที่
สะกดด้วยแม่ กก กบ กด
- คำโท ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์โทบังคับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใด
ก็ตาม เช่น ข้า ล้ม เศร้า ค้าน
3 การสลับคำเอก - คำโท : ในโคลงสี่สุภาพ คำที่ 4 และ 5 ของบาทที่ 1
ในวรรคแรกเป็นคำเอกและคำโทให้สามารถสลับตำแหน่งกันได้
4 คำเอกโทษ โทโทษ : เป็นการเปลี่ยนรูปวรรณยุกต์ให้ตรงตามข้อบังคับ
แต่เสียงยังคงเดิม
- คำเอกโทษ คือ การนำคำที่ใช้วรรณยุกต์โทกำกับมามาใช้วรรณยุกต์
เอกกำกับแทน เพื่อใช้แทนที่คำเอก เช่น หมั้นหมาย เขียนเป็น มั่นหมาย
- คำโทโทษ คือ การนำคำที่ใช้วรรณยุกต์เอกกำกับมาใช้วรรณยุกต์โท
กำกับแทน เพื่อให้ใช้แทนคำโท เช่น ชมพู่ เขียนเป็น ชมผู้
“เอกโทษและโทโทษ นำมาใช้แก้ปัญหาได้ แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้
เอกโทษและโทโทษ”
เสียงของคำในวรรค : ในการแต่งโคลงสี่สุภาพ คำสุดท้ายของบทนิยมใช้คำ
5 ที่มีเสียงจัตวาและเสียงสามัญ และไม่นิยมให้เสียงวรรณยุกต์อื่น
6 คำสร้อย
- คำสร้อย คือ คำที่แต่งท้ายบาทของโคลงตามข้อบังคับ เพื่อทำให้ได้ใจความ
ครบถ้วน
- ถ้าโคลงบาทใดได้ความครบถ้วนแล้วก็ไม่ต้องเติมคำสร้อย
- มักลงท้ายด้วยคำต่อไปนี้ “พ่อ แม่ พี่ รา แล เลย เอย นา นอ เนอ ฤๅ”
*********
บรรณานุกรม
กิตติพงษ์ พิศมร. (2564). โคลงสี่สุภาพ. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2565,
จาก https://www.trueplookpanya.com/
โคลงดั้น. (2562). สืบค้นเมื่อ. 1 กันยายน 2565,
จาก https://thaiarc.tu.ac.th/
จนัญญา งามเนตร. (2563). เอกสารประกอบการสอน รายวิชา การอ่านและ
การเขียนร้อยกรองไทย (รหัสวิชา 1541214) (Thai Verse Reading
and Writing). มปพ.
ยุวดี เปาอินทร์ และ อานิสา สอนพงษ์. (2552). โคลงห้า (โคลงมณฑกคติ).
สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2565, จาก http://www.thaigoodview.com
ยุวดี เปาอินทร์ และ อานิสา สอนพงษ์. (2552). โคลงกระทู้. สืบค้นเมื่อ
27 สิงหาคม 2565, จาก http://www.thaigoodview.com/node/46476
วัดโมลีโลกยาราม ราชาวริหาร. (2562). ประเภทของโคลงดั้น. สืบค้นเมื่อ
1 กันยายน 2565, จาก https://www.watmoli.com/poetry/578/
บรรณานุกรม
Black Sward. (2561). โคลงสองสุภาพ. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2565,
จาก http://www.homelittlegirl.com/
Black Sward. (2561). โคลงสามสุภาพ. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2565,
จาก http://www.homelittlegirl.com/
Black Sward. (2561). โคลงจัตวาทัณฑี. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม 2565,
จาก http://www.homelittlegirl.com/
Black Sward. (2561). โคลงตรีเพชรทัณฑี (โคลงตรีพิธพรรณ). สืบค้นเมื่อ
27 สิงหาคม 2565, จาก http://www.homelittlegirl.com/