ชารจ์ พลงั จิต
ดงึ ดดู ชีวติ สมั ฤทธิผล
ทาสโพธิญาณ
รายไดท้ งั้ หมดจากหนงั สือเลม่ นี้
ขอนอ้ มอทุ ศิ ถวายแด่...
พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนฺทสโร)
วดั ธรรมกายาราม อ.ดาเนนิ สะดวก จ.ราชบรุ ี
ชาร์จพลงั จิต ดงึ ดดู ชวี ติ สมั ฤทธิผล
คำนำ
ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล บนโลกที่เต็มไปด้วยการ
แข่งขนั เรง่ รีบ ทกุ ส่งิ ทกุ อยา่ งเปล่ียนแปลงอย่างรวดเรว็ ผคู้ นจานวนมาก
จึงตอ้ งการแรงบนั ดาลใจอย่างสูง เพ่ือขับเคล่ือนชีวิตใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย
บางคนทรงพลังก็ไปไดต้ ลอดรอดฝ่ัง แต่หลายคนหมดพลงั ยอมแพอ้ ยู่
เพยี งครง่ึ ทาง เพราะไม่รูว้ ิธีชารพ์ ลงั จติ เติมพลงั งานชีวติ ใหก้ บั ตนเอง
ในชีวิตคนเรา อะไรมนั จะดีเลิศไปกว่าการไดร้ ูว้ ่า เรานนั้ ก็มีพลงั
แฝงฝังอย่ใู นตวั พลงั ท่เี กิดมาพรอ้ มกบั เรา ตามกฎของธรรมชาติ พลงั ท่ี
จะมากาหนด ยกระดบั และเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ไม่ว่าคณุ จะตกอยู่
ในสถานการณเ์ ลวรา้ ยเพียงใด คณุ ก็สามารถดงึ ดดู เรือ่ งดี ๆ เขา้ มาสชู่ วี ิต
ได้ หากคุณรู้เคล็ดวิชาเติมเต็มพลังชีวิตให้กับตนเอง อย่างถูกต้อง
เหมาะสม
4
ทาสโพธิญาณ
หนังสือเล่มนีเ้ กิดขึน้ มา เพ่ือทาหนา้ ท่ีนัน้ ในการเปิดเผยเคล็ด
วชิ าบรรลคุ วามสขุ สาเรจ็ สมปรารถนา โดยการผสานความรูท้ างโลก กบั
ภูมิปัญญาทางธรรมเข้าด้วยกัน เช่น คาสอนในพระไตรปิฎก และ
หนงั สือเดอะซีเคร็ต ฯลฯ ผนวกกบั ประสบการณจ์ ริงในเชิงประจกั ษ์ของ
ตัวผูเ้ ขียนเอง ในฐานะนักปฏิบัติ เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ จึงมิใช่
หนงั สอื ธรรมะ หรือหนงั สือฮาวททู ่วี ่าดว้ ยเร่ืองกฎแรงดงึ ดดู แต่เพยี งอย่าง
เดยี ว เพราะหนงั สือแนวนนั้ คณุ นา่ จะหาอา่ นไดไ้ ม่ยาก ตามรา้ นหนงั สอื
ท่วั ไป หรอื ในสอื่ ต่าง ๆ ท่มี อี ย่มู ากมายในปัจจบุ นั
แต่ถา้ คณุ กาลงั มองหาอะไรท่พี ิเศษ แตกตา่ งจากหนงั สือเหล่านนั้
เป็นหนังสือท่ีเขียนเช่ือมโยงกฎแรงดึงดูดเขา้ กับหลักธรรมคาสอนของ
พระพุทธเจ้า อย่างเป็นเหตุเป็นผล สอดรับซ่ึงกันและกัน ท่ีลุ่มลึก
น่าเช่อื ถือ และปฏิบตั ิตามทาไดจ้ รงิ น่คี ือจดุ ประสงคข์ องหนงั สอื “ชารจ์
พลงั จติ ดงึ ดูดชวี ิตสมั ฤทธผิ ล” เลม่ นี้
ดว้ ยการจับหลกั ธรรมในอริยมรรคมีองคแ์ ปด ในส่วนของความ
เพียรชอบ การมีสติระลึกชอบ และการมีสมาธิจิตสงบตงั้ ม่นั ชอบ หรือ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ มาเช่ือมโยงกับศาสตร์
สมยั ใหม่อย่างกฎแรงดึงดดู แห่งจกั รวาลเขา้ ดว้ ยกัน น่ีคือเคล็ดวิชาเติม
5
ชาร์จพลงั จิต ดงึ ดดู ชีวติ สมั ฤทธิผล
เต็มพลังชีวิต จากการนาภูมิปัญญาทางธรรม มาใชผ้ สมผสานเขา้ กับ
ศาสตรส์ มยั ใหม่อย่างกฎแห่งจกั รวาล
หากคณุ อย่ใู นสายกฎแรงดงึ ดดู การนั ตไี ดเ้ ลย น่คี อื คาตอบท่คี ณุ
กาลงั มองหา ความลบั ของชาวโลกท่ีว่าดว้ ยเร่ืองกฎแห่งแรงดึงดูดนั้น
มนั มใิ ช่ความลบั อะไรเลยสาหรบั ชาวพทุ ธอย่างเรา ในการดงึ ดดู ชวี ิตท่สี ขุ
สงบสมั ฤทธิผล แลว้ คณุ จะรูว้ ่าตนเองนนั้ ค่คู วรท่ีสดุ อย่างไม่ตอ้ งสงสยั
เม่อื ไดล้ องปฏิบตั ติ ามคาแนะนาในหนงั สอื
และเพ่อื ไมเ่ ป็นการเสยี เวลา มาเรม่ิ กนั เลยดีกวา่ เชิญครบั !!
ทาสโพธิญาณ
พฤศจกิ ายน 2564
6
ทาสโพธญิ าณ
สารบัญ
คานา 4
พลังไตรตรงึ 8
ดงึ ดดู สรรพส่ิงสคู่ วามสมดลุ
พาวเวอร์ อีส เลฟิ 26
พลงั ความเพียร เร่มิ ตน้ จากความรกั
เทอรโ์ บสติ 44
ปาฏิหารยิ แ์ ห่งการระลกึ รู้
ชารจ์ แบตเตอรพี ลงั จติ 62
เติมเต็มพลงั ชวี ติ ดว้ ยศาสตรแ์ หง่ สมาธิ
กอ่ นหมดอายุขยั 80
รูใ้ หไ้ ดผ้ มู้ รี าตรเี ดยี วเจรญิ
7
ชารจ์ พลงั จิต ดึงดดู ชวี ิตสมั ฤทธผิ ล
พลงั ไตรตรงึ
ดงึ ดดู สรรพส่งิ สคู่ วามสมดลุ
8
ทาสโพธิญาณ
9
ชาร์จพลงั จิต ดงึ ดูดชีวติ สมั ฤทธผิ ล
“การควบคมุ ตนเองคอื พลงั
ความคดิ ท่ีถกู ตอ้ งคือนายใหญ่
ความสงบเยอื กเย็นคืออานาจ”
การควบคุมตนเองหมายถึง “ศีล” เป็นเรื่องการควบคุมพฤติกรรมของ
กายหรือ “รูป” ท่ีอย่ภู ายนอก สว่ นความคิดท่ีถกู ตอ้ งหมายถึง “ปัญญา”
และความสงบเยือกเย็นหมายถึง “สมาธิ” น่ีเป็นเร่ืองของ “นาม” ท่ีอยู่
ภายใน คณุ ธรรมทงั้ สามอย่างนี้ คือพลงั อานาจ เป็นนายใหญ่ หรือเป็น
ประธาน ท่ีเราสามารถพฒั นาใหเ้ กิดมีไดโ้ ดยอาศยั รูปนาม คือรา่ งกาย
และจิตใจ ฝึกหดั พฒั นาไปควบค่กู นั ใหเ้ กิดความสมดลุ ระหว่างรา่ งกาย
และจติ ใจ หรอื โลกภายนอกกบั โลกภายใน
10
ทาสโพธิญาณ
โลกภายในควบคมุ โลกภายนอก
ความทกุ ขข์ องมวลมนษุ ย์ เรม่ิ หนกั หนว่ งรุนแรง และซบั ซอ้ นมาก
ขนึ้ ทกุ วนั น่นั เพราะมนษุ ยข์ าดสมดลุ ระหว่างโลกภายในกบั โลกภายนอก
คือดา้ นรูปกายและจิตวิญญาณขาดสมดลุ ไมพ่ อดีเสมอกนั
ถา้ นามาขนึ้ ตาช่งั เราก็จะพบวา่ ปัจจุบนั นี้ เรื่องเก่ียวกบั รูปกายมี
น้าหนักมากกว่า เพราะถูกให้ความสาคัญ ส่วนด้านท่ีเก่ียวกับจิต
วิญญาณมนี า้ หนกั นอ้ ยนิด เหมอื นมองไมเ่ หน็ ความสาคญั ตาช่งั จงึ เอียง
กระเท่เรไ่ ม่เท่ากนั มนษุ ยเ์ ร่มิ หลงผิดไปใหค้ วามสาคญั ดา้ นวตั ถมุ ากกว่า
จิตใจ ชีวิตจึงขาดสมดุล บกพร่องทางดา้ นจิตวิญญาณ ดา้ นอุปนิสยั
ดา้ นคณุ ธรรม และศลี ธรรม ทง้ั ท่เี รอื่ งนมี้ ีความสาคญั ไม่นอ้ ยไปกวา่ การ
แสวงหาปัจจยั เพ่ือมาบารุงบาเรอรูปกายแต่เพียงอย่างเดียว ชีวิตจึงขาด
ความสมดลุ เอียงเทไปขา้ งหนงึ่ อยตู่ ลอดเวลา
เปรียบเหมอื นคนท่มี ีมือ ๒ ขา้ ง แต่ขา้ งหนงึ่ ใหญ่โตเทอะทะ อีก
ข้างหน่ึงลีบเล็กนิดเดียว คุณลองคิดดูว่ามันน่าเกลียดน่าชังเพียงไร
ความจรงิ มนั ควรเจรญิ เตบิ โตไปพอ ๆ กนั จึงจะดเู หมาะสม และทากิจให้
สาเรจ็ ประโยชนไ์ ดด้ ว้ ยดี มชี ีวติ สมั ฤทธิผล ทรงพลงั ในการดงึ ดดู ส่ิงท่ีตน
ปรารถนา เพราะอะไร ?
11
ชารจ์ พลังจิต ดึงดูดชวี ติ สัมฤทธผิ ล
เพราะความสมดลุ เป็นจุดเร่มิ ตน้ ในการดึงดดู ทรพั ยส์ ิน ความสขุ
ความสาเรจ็ หรือส่ิงอ่ืน ๆ ท่ีเราปรารถนาตามมาไดอ้ ย่างไม่มีท่ีสิน้ สดุ บน
ความชอบธรรม หากคุณพึงพอใจกบั ความเพียรพยายามบริหารตวั เอง
จดั บาลานซช์ ีวิตใหเ้ กิดความสมดลุ ไดอ้ ย่างต่อเน่ืองลงตวั เหมาะสม โดย
เร่ิมตน้ จากภายใน คือ “จิตใจ” ท่ีไม่ขัดแยง้ ต่อตา้ นกับความเป็นจริงใน
ปัจจุบนั มนั ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงภายนอกอย่างท่ีหลายคนเข้าใจ
แลว้ มงุ่ เปา้ ไปท่ีการแสวงหาวตั ถสุ ง่ิ ของภายนอกเท่านนั้ กจ็ บ เช่อื เถอะวา่
“คุณไมอ่ าจเคลอื่ นไหวโลกภายใน
โดยทโี่ ลกภายนอกไมเ่ คลอื่ นตาม”
เพราะจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ดังนัน้ คุณควรใหค้ วามสาคญั
กับเจ้านายบา้ ง ไม่ใช่เทไปท่ีบ่าวอย่างเดียว โดยเฝ้าปรนเปรอบารุง
บาเรอแตบ่ ่าว แลว้ ทอดทงิ้ เจา้ นายใหเ้ ห่ยี วเฉา ตราบใดท่ีโลกภายในของ
คณุ ยงั เต็มไปดว้ ยพลงั งานลบ ก็เป็นไปไม่ไดท้ ่ีคณุ จะดึงดดู ส่ิงดีงามฝ่าย
บวก เขา้ มาส่ชู ีวิตไดด้ งั ใจปรารถนา ถึงไดม้ นั ก็จะไม่ม่นั คงถาวร เพราะ
โลกภายในกบั โลกภายนอกของคณุ ยงั ไม่สมดลุ กนั มนั ยงั ขดั แยง้ กนั อยู่
12
ทาสโพธญิ าณ
ต่อใหภ้ ายนอกคณุ มีรูปรา่ งสวยหลอ่ ขนั้ เทพปานใด แต่ถา้ ภายใน
คุณป่ วยเป็นโรคจิต ควบคุมตวั เองไม่ได้ อะไรมากระทบนิด ๆ หน่อย ๆ
คุณก็โกรธหวั รอ้ นเป็นฟื นเป็นไฟ และตอบโตก้ ลบั อย่างรุนแรง ผกู โกรธ
พยาบาท เพราะไม่รูจ้ กั ใหอ้ ภยั ปล่อยวาง เหมือนแกว้ ท่ีเปราะบางแตก
ง่าย พรอ้ มท่ีจะแตกทาลายตวั เอง และผอู้ ่ืนอย่ตู ลอดเวลา อย่างนีค้ ณุ ก็
เป็นไดเ้ พียงคนสวยหล่อแค่เปลือก แต่ภายในอัปลักษณ์ไม่มีเทพบุตร
หรือเทพธิดาตัวจริงอาศัยอยู่ คุณก็ไม่ต่างจากปีศาจ หรือยักษ์มารท่ี
อาศยั อย่ใู นรา่ งคน มีเพียงเนือ้ หนงั ปิดบงั ตวั ตนท่ีแทจ้ ริงไว้ ผคู้ นท่ีไดพ้ บ
เห็นช่วงแรกก็อยากเขา้ ใกล้ แต่พอไดม้ าสมั ผสั ชิดใกลแ้ ลว้ ต่างส่ายหนา้
เขา้ เกียรถ์ อยหลีกหนีไปตาม ๆ กนั น่นั เพราะภายนอกกบั ภายในของคณุ
ยงั ไมส่ มดลุ เสมอกนั
มีเพียงคนท่ีจดั บาลานซช์ ีวิตไดอ้ ย่างสมดลุ หนกั แน่น และน่ิงสงบ
เยือกเย็นเท่านนั้ ท่ีมกั ไดร้ บั ความรกั และความนบั ถือเสมอ เพราะพวก
ท่านเป็นด่งั พญาไมใ้ หญ่ท่ีใหร้ ่มเงา ท่ามกลางดินแดนอันแหง้ แลง้ รอ้ น
ระอุ หรือเป็นประหน่งึ ผาใหญ่ ซง่ึ ใหท้ ่กี าบงั ยามพายรุ า้ ยซดั กระหน่า
13
ชารจ์ พลงั จิต ดึงดดู ชีวิตสัมฤทธิผล
“ใครเลา่ จะไม่หลงรกั
ผมู้ หี วั ใจอนั สงบเยือกเยน็
มอี ารมณอ์ ่อนหวานละมนุ
และมีชวี ติ ท่ีสมดลุ ”
อานาจจิตท่ีทรงพลงั เป่ียมดว้ ยสติปัญญา เกิดจากความสมดลุ ไม่เอยี ง
สุดโต่งไปดา้ นใดดา้ นหนึ่ง จิตใจท่ีสงบสมดลุ เป็นกลางน่ีต่างหาก ท่ีจะ
ดึงดดู ทกุ ส่ิงทกุ อย่างท่ีคณุ ปรารถนาเขา้ มาไดร้ าบร่ืนสะดวก โดยไม่มีส่ิง
ใดเป็นอปุ สรรคขดั ขวาง สองมือของคณุ จะไดร้ บั ผลพวง จากโลกภายใน
กับโลกภายนอกท่ีคุณบาลานซไ์ ดอ้ ย่างสมดุล ไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรค
ขดั แยง้ กนั แลว้ คณุ ก็จะไดร้ บั สงิ่ ท่สี มควรไดร้ บั อยา่ งค่คู วรเหมาะสม ไม่
มากหรอื นอ้ ยไปกว่านนั้
บนเส้นทางอันประเสรฐิ สงู สดุ
แน่นอนว่าในบริบทนี้ เราจะมาปูพืน้ สู่การเร่ิมตน้ ชารจ์ พลังจิต
เพ่ือเร่งสปีดชีวิตใหส้ ัมฤทธิผล ทรงพลงั ในการดึงดูดสิ่งท่ีเราปรารถนา
ซ่งึ เป็นส่ิงท่ีไดม้ าดว้ ยความถกู ตอ้ งชอบธรรม ในสองเลม่ ก่อนหนา้ ท่ีผ่าน
มา เราไดพ้ ูดถึงเร่ือง “ศีล” กับ “ปัญญา” ไปแลว้ ในช่ือเล่มว่า “แกว้
14
ทาสโพธญิ าณ
สารพดั นกึ ดงึ ดูดสารพดั อย่าง” กบั “ใบโพธิค์ อนโทรลชีวติ แบบสมั ฤทธิ
ดว้ ยแรงดงึ ดดู ”
ดงั นนั้ เรื่องศีลกบั ปัญญา ในท่ีนีจ้ ึงขอขา้ มไปเลยไม่พดู ถึง เพราะ
เราจะมาม่งุ เนน้ ไปท่ี ความเพียรชอบ ความมีสติระลึกชอบ และการมี
จิตสงบตั้งม่ันเป็นสมาธิชอบ หรือสัมมาวายามะ สัมมาสติ และ
สมั มาสมาธิ ในอริยมรรคมีองคแ์ ปด ย่อลงเป็นไตรสิกขา คณุ ธรรมทง้ั
สามขอ้ นที้ า่ นจดั อยใู่ นหมวดของ “สมาธิ” หมายถงึ สมาธิชอบ หรอื การ
ทาสมาธิท่ถี กู ตอ้ ง
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น อันดับแรกเราควรทาความเข้าใจให้ชัด
ตรงกันก่อนว่า คาว่า “ถูกต้อง” ตามความหมายแบบพระนั้นเป็น
อย่างไร มีขอบเขตแค่ไหน เพราะอะไร ? เพราะถา้ มนั ไม่ถกู ตอ้ ง มนั ก็
จะผดิ หรือพลาดไปน่นั เอง
ลองนึกภาพการยิงธนู หรือใครจะยิงปืนก็ไดถ้ า้ คณุ ถนัด การจะ
ยิงธนูไดถ้ ูกตอ้ ง มนั ตอ้ งมีเป้า เม่ือมีเป้าก็ตอ้ งมีจุดศูนยก์ ลาง ใครยิง
ลกู ศรไดเ้ ขา้ เป้าตรงจุดก่ึงกลาง อย่างนีถ้ ือว่ายิงไดถ้ ูกตอ้ งแม่นยา เขา้
เปา้ ตรงเป๊ ะ! พอดี แต่ถา้ ใครยิงแลว้ ไม่เขา้ เป้า มนั เลยออกขา้ ง สงู บา้ ง
ต่าบา้ ง เบีย้ วเอียงไปหมด อย่างนีถ้ ือว่ายิงไม่ถูก ไม่แม่น ไม่ตรงเป้า
15
ชารจ์ พลงั จิต ดึงดูดชีวติ สมั ฤทธผิ ล
มันเอียงข้างไป ฉะนั้นจึงมีเพียงผู้ท่ียิงได้ถูกตรงกลางเป้าเท่านั้น จึง
เรียกว่า ยงิ ไดถ้ กู ตอ้ งแม่นยา
แต่ถา้ เป็นเรื่องการใชช้ ีวิต การบรรลเุ ป้าหมาย มีชีวิตสมั ฤทธิผล
เรานิยมเรียกว่า “ความสาเร็จ” แปลว่า คนท่ีบรรลุเป้าหมายประสบ
ความสาเร็จนนั้ เขาตอ้ งแม่นยา ยิงไดถ้ ูกตอ้ งตรงเป้าเป๊ ะ! ไม่เบีย้ วไม่
เอียง หรือสดุ โต่งไปดา้ นใดดา้ นหน่ึง เพราะเขาบาลานซก์ ารกระทาของ
ตวั เองไดอ้ ย่างพอดี แมน่ ยา ซ่งึ มนั กค็ ือความสมดลุ น่นั เอง
ผรู้ ูส้ ายกฎแรงดึงดดู ต่างยืนยนั เป็นเสียงเดียวกนั ว่า ในจกั รวาลนี้
มีพลงั หรืออานาจท่ีส่งแรงตรงขา้ มกันอยู่สองขั้ว คือ ขัว้ บวกกับขัว้ ลบ
ทัง้ ขั้วบวกกับขัว้ ลบนี้ ต่างทาหนา้ ท่ีดึงดูดในกันและกัน คือบวกดึงดูด
บวก ลบดึงดดู ลบ ถา้ ไม่ใช่ขวั้ เดียวกนั มนั ก็จะผลกั ออกจากกนั คือบวก
ผลกั ลบ และลบผลกั บวก คลา้ ยลกั ษณะการทางานของขวั้ แม่เหล็กน่นั
แหละ
ประเด็นก็คือสองขวั้ ตรงขา้ มนีม้ นั ก็มีอย่ภู ายในตวั เราดว้ ย มีทงั้ ท่ี
เป็นเซลล์ และเป็นพลังงาน คือเป็นเซลลป์ ระจุบวก กับเซลลป์ ระจุลบ
รวมทง้ั เป็นพลงั งานบวก และพลงั งานลบ แต่คณุ ไม่ตอ้ งกงั วล เราเพียง
แค่รูว้ ่ามนั มี และหาวิธีจดั การบาลานซข์ วั้ บวกกบั ขวั้ ลบนี้ ใหอ้ ย่รู ว่ มกนั
16
ทาสโพธิญาณ
ได้อย่างสมดุล แบบไม่เข้ามาชนกัน หรือหักล้างกัน ก่อนถึงเวลาท่ี
เหมาะสม
ลองนึกถึงแบตเตอรี่ หรือถ่านอัลคาไลน์ การจะชารจ์ ไฟลงใน
แบตเตอร่ีได้ ในแบตเตอร่ีหรือถ่านอัลคาไลน์นั้น ตอ้ งมีทั้งเซลลป์ ระจุ
บวก และประจุลบอยู่รวมกัน มันจึงจะสามารถกักเก็บกระแสไฟได้
หลกั การทางานก็คือ ตอ้ งป้องกนั ไม่ใหป้ ระจุบวกกบั ประจลุ บเกิดการชน
กันภายในแบตเตอรี่ เพราะถ้ามันเกิดชนกันเม่ือใด เม่ือนั้นก็จะเกิด
ไฟช็อตหรือแบตเตอรี่อาจระเบิดได้ และการป้องกันมิใหป้ ระจุบวกกับ
ประจุลบชนกันนนั้ มนั คือการรกั ษา “สมดุล” ภายในแบตเตอร่ีไว้ เพ่ือ
ประโยชนใ์ นการชารจ์ ไฟเก็บไว้ ใชเ้ ป็นแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับ
อปุ กรณต์ ่อพ่วงชนดิ อ่ืนน่นั เอง
ใช่ครบั ! เร่ืองการเติมเต็มพลงั ชีวิต ชารจ์ พลังจิตก็เช่นเดียวกัน
เราแค่รกั ษาสมดลุ เอาไวใ้ หไ้ ด้ เพ่อื ใชเ้ ป็นแหลง่ จา่ ยพลงั งานใหก้ บั ภารกิจ
สรา้ งประโยชน์ หรอื เพ่อื ส่งั สมบญุ บารมีใหก้ บั ตนเอง น่คี ือความสมดลุ ท่ี
อาศยั ขวั้ ตรงขา้ ม มาปรบั บาลานซ์ แต่ในทางพระถือวา่ ยงั เป็นสมดลุ ใน
ระดบั โลกียะ เพราะตอ้ งอาศยั ของคู่ ขวั้ ตรงขา้ มเขา้ มาปรบั สมดลุ
17
ชารจ์ พลงั จิต ดงึ ดดู ชวี ิตสมั ฤทธผิ ล
ทว่าความ “สมดุล” ในแบบพุทธนนั้ มีทง้ั ท่ีเป็นของค่ขู วั้ ตรงขา้ ม
และท่ีลงลึกไปไกลเหนือกว่าของคู่ขั้วตรงขา้ ม ท่านแบ่งออกเป็นสอง
ระดบั คือระดบั โลกียะ และระดบั โลกตุ ตระ เอาแบบโลกียะก่อน ความ
สมดลุ หรือความพอดีจะเกิดขึน้ ได้ ตอ้ งประกอบดว้ ยสองส่ิงท่ีมีลกั ษณะ
ตรงขา้ มกนั มาอย่รู วมกนั เช่น มีขาวก็ตอ้ งมีดา มีเย็นตอ้ งมีรอ้ น มีอ่อน
ตอ้ งมีแข็ง มีบวกตอ้ งมีลบ มีมืดตอ้ งมีสว่าง มีบญุ ตอ้ งมีบาป มีผหู้ ญิง
ตอ้ งมีผูช้ าย มีพระอาทิตยต์ อ้ งมีพระจันทร์ เป็นการอาศยั ส่ิงท่ีอยู่ตรง
ขา้ มกนั มาอย่รู วมกัน เพ่ือก่อใหเ้ กิดความสมดุล ชาวตะวนั ตกใชค้ าว่า
Balance
ในบางครงั้ บางสถานการณ์ บางพืน้ ท่ี เราก็ตอ้ งการความสวา่ ง
เช่น ตอนอา่ นหนงั สือ แต่บางครงั้ เรากต็ อ้ งการความมดื เชน่ ตอนหลบั
นอน เป็นตน้ เม่อื อากาศรอ้ นเราตอ้ งการแอรเ์ ยน็ ๆ แตถ่ า้ อากาศเยน็ เรา
กลบั ตอ้ งการเครื่องทานา้ อุ่น หรือก่อกองไฟขึน้ มาสกั กอง แปลว่า ขั้ว
ตรงขา้ มทงั้ สองอย่างนี้ ไมไ่ ดม้ ีอะไรดไี ปหมดทกุ อย่าง หรอื เลวบรสิ ทุ ธิ์หา
ความดีไม่ไดเ้ ลยสกั อย่าง ในดีมีเสีย ในเสียมีดี มนั ขึน้ อย่กู บั บรบิ ทและ
สถานการณ์ วา่ ตอนนนั้ อะไรสาคญั และมปี ระโยชนม์ ากกว่า ยกตวั อยา่ ง
เร่ืองท่ใี กลต้ วั เรา
18
ทาสโพธิญาณ
ในกรณีท่ีบ้านเมืองอยู่ในความไม่สงบเกิดภาวะป่ันป่ วนมีศึก
สงคราม ตอนนีป้ ระเทศชาติย่อมต้องการทหาร วีรบุรุษผู้กลา้ หาญ
ออกมาปกป้องดแู ลความสงบเรียบรอ้ ย หรือต่อกรกับอริราชศตั รู แต่ถา้
บา้ นเมืองอย่ใู นภาวะปลอดสงคราม ประชาชนส่วนใหญ่หนั มาทาธุรกิจ
คา้ ขายส่งออก ในกรณีนีเ้ ราย่อมตอ้ งการนักธุรกิจท่ีเก่งกาจมีสายตา
เฉียบคม มองเกมธุรกิจแบบทะลปุ รุโปรง่
เพราะฉะนนั้ ทง้ั ทหารและนกั ธุรกิจไม่ไดม้ ีใครเก่งหรือสาคญั กว่า
ใคร เรารกั และตอ้ งการคนทงั้ สองกล่มุ นีม้ าขบั เคลื่อนประเทศเท่า ๆ กัน
เพียงแต่ตอ้ งการในสถานการณแ์ ละบริบทท่ีต่างกนั ดงั นนั้ คนท่ีอย่ผู ิดท่ี
ผิดเวลา น่ันเท่ากับเขากาลงั ทาผิดพลาด ขาดสมดุล ไม่แม่นยา ไม่รู้
หนา้ ท่ี ไม่รูจ้ ุดยืน จดุ แข็งของตวั เอง แต่ผเู้ ขียนจะไม่ลงลกึ ไปมากกว่านี้
เพราะเด๋ียวตาช่งั ในระดบั โลกียะจะเอียงมากไป
ดังนั้นเราจะเปลี่ยนมาเจาะลึกไปในระดับโลกุตตระ ด้านจิต
วิญญาณ อย่างการบรรลุธรรมกันบา้ ง ดาไลลามะองคท์ ี่ ๑๔ ตรสั
แนะนาวา่ “เม่อื คณุ กา้ วเดินบนเสน้ ทางส่เู ปา้ หมายสงู สดุ แห่งชีวติ ความ
สมดลุ ระหว่างอดุ มคตกิ บั มาตรฐานท่ีคณุ จะนามาวดั ความกา้ วหนา้ เป็น
สิ่งจาเป็นขาดเสียมิได้ เช่น ในฐานะชาวพทุ ธ คณุ มีอดุ มคติสงู เลศิ คณุ
หวงั จะตรสั รู้ การยึดการตรสั รูไ้ วเ้ ป็นอุดมคติสูงสุดนั้น ไม่ใช่ความคิด
19
ชาร์จพลงั จิต ดึงดดู ชีวติ สัมฤทธิผล
สดุ โต่ง แต่ถา้ คณุ คาดหวงั ว่าจะบรรลุไดใ้ นเวลาอนั รวดเร็ว บรรลใุ หไ้ ด้
ท่ีน่ีและเด๋ียวนี้ น่นั แหละจึงกลายเป็นความคิดสุดโต่ง การไปยึดมนั มา
เป็นมาตรฐาน แทนท่ีจะเป็นอุดมคติ จะทาให้คุณท้อแท้ และหมด
กาลงั ใจ เม่อื ทาไม่ได้
ในทางกลับกัน ถ้าคุณบอกว่า ฉนั สนใจแต่เฉพาะที่นี่ และช่ัว
ขณะนีเ้ ท่านนั้ เพราะเป็นเรือ่ งทีอ่ ยู่กบั ความเป็นจริง ฉนั ไม่ห่วงอนาคต
ไม่ใส่ใจจะบรรลพุ ทุ ธภาวะ น่กี ็เป็นความสดุ โตง่ อีกเช่นกนั เราจาตอ้ งหา
วธิ ีท่อี ยตู่ รงกลางระหว่างสองส่งิ นี้ เราตอ้ งหาความสมดลุ ”
คาถามคือ ความสมดลุ หาไดด้ ว้ ยวธิ อี ยา่ งไร ?
ทางแหง่ ความสมดลุ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) อธิบายขยาย
ความว่า “ความสมดุล” ในทางพระใชค้ าว่า “ทางสายกลาง” แต่ทาง
สายกลางในท่ีนีไ้ ม่ใช่หมายความว่า กลางระหว่างสองฝ่าย กลางในท่ีนี้
อย่ทู ่คี วามถกู ตอ้ ง ยกตวั อย่าง ถา้ สายกลางอยรู่ ะหว่างสองฝ่าย คนหนึง่
กินเหลา้ วนั ละ ๑๐ แกว้ อีกคนกินเหลา้ วนั ละแกว้ งนั้ สายกลางก็กิน ๕
แก้วสิ แต่น่ันไม่ใช่สายกลางท่ีถูกตอ้ ง สายกลางท่ีถูก คือเอาความ
20
ทาสโพธิญาณ
ถกู ตอ้ งเป็นเกณฑ์ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ตรสั นั้นคือ ทางแห่งความพอดี ท่ีจะ
นาไปสจู่ ดุ หมายได้ และส่ิงท่จี ะมาเป็นตวั ตดั สนิ ขนั้ แรกกค็ อื ตวั จดุ หมาย
แต่ว่าจุดหมายนนั้ ตอนนีเ้ รายงั ไปไม่ถึง เราจะเอาอะไรมาวดั มาตดั สิน ก็
เอาองคป์ ระกอบท่ีจะทาใหถ้ ึงจุดหมายน่ันแหละเป็นตวั ตดั สิน ถึงความ
พอดี
ดังนั้นทางสายกลางท่ีแท้ ก็คือทางสายกลางท่ีพาเรามุ่งสู่
จุดหมายอะไรแล้ว ทางนั้นมันพอดี ไปถึงจุดหมายได้อย่างถูกต้อง
แม่นยา เพราะฉะนนั้ ท่านจึงเรียกว่า “พอดี” หรือ “สมดุล” “สมตา”
ภาษาพระใชค้ าวา่ “มัชฌมิ า”
ดงั ท่ีพระพุทธเจ้าตรสั แนะนาไวว้ ่า “บรรพชิตไม่พงึ เสพ ท่ีสดุ ทง้ั
๒ อย่างนี้ กลา่ วคอื
๑. กามสุขัลลิกานุโยค (การหมกมุ่นอยู่ดว้ ยความสุขในกาม
ทงั้ หลาย) เป็นธรรมอนั ทราม เป็นของชาวบา้ น เป็นของปถุ ชุ น ไม่ใช่
ของพระอรยิ เจา้ ไม่ประกอบดว้ ยประโยชน์
๒. อัตตกลิ มถานุโยค (การทรมานตนใหล้ าบากเดอื ดรอ้ น เป็น
ทกุ ข์ ไม่ใชข่ องพระอรยิ เจา้ ไม่ประกอบดว้ ยประโยชน์
21
ชารจ์ พลังจิต ดึงดูดชีวติ สัมฤทธิผล
มัชฌิมาปฏิปทาซง่ึ ไมเ่ อยี งเขา้ ใกลท้ ่สี ดุ ๒ อย่างนนั้ ตถาคตได้
ตรสั รู้ อนั เป็นปฏิปทาก่อใหเ้ กิดจกั ษุ ก่อใหเ้ กิดญาณ เป็นไปเพ่ือความ
สงบ เพ่อื ความรูย้ ่งิ เพ่อื ความตรสั รู้ และเพ่อื นิพพาน
ก็มชั ฌมิ าปฏปิ ทาท่ตี ถาคตไดต้ รสั รูแ้ ลว้ นนั้ เป็นไฉน กลา่ วคอื
อรยิ มรรคมอี งค์ ๘ นแี้ ล
๑. สมั มาทิฏฐิ (ความเห็นท่ถี กู ตอ้ ง)
๒. สมั มาสงั กปั ปะ (ความคิดท่ถี กู ตอ้ ง)
๓. สมั มาวาจา (การเจรจาท่ถี กู ตอ้ ง)
๔. สมั มากมั มนั ตะ (การกระทาท่ถี กู ตอ้ ง)
๕. สมั มาอาชวี ะ (การประกอบอาชพี ท่ถี กู ตอ้ ง)
๖. สมั มาวายามะ (ความเพียรพยายามท่ถี กู ตอ้ ง)
๗. สมั มาสติ (ความระลกึ ท่ถี กู ตอ้ ง)
๘. สมั มาสมาธิ (การมีจิตสงบตงั้ ม่นั ท่ถี กู ตอ้ ง)
นแี้ ลคือมัชฌิมาปฏปิ ทาท่ตี ถาคตไดต้ รสั รูแ้ ลว้ 1”
1 วิ.ม. (มจร), ๔/๒๐/๑๓.
22
ทาสโพธิญาณ
ถงึ ตรงนีค้ ณุ คงแจ่มแจง้ และไปตอ่ ไดอ้ ย่างสมดลุ เพยี งคณุ จดั วางตวั เอง
ใหถ้ กู ว่า คณุ อย่ใู นระดบั ใด ถา้ อย่ใู นระดบั โลกียะ คณุ ตอ้ งอาศยั ของคู่
ขวั้ ตรงขา้ มมาบาลานซป์ รบั สมดลุ ชีวิต โดยวางกฎเกณฑอ์ ย่บู นทางสาย
กลางท่ีถูกต้องเหมาะสม ไม่ผิดทานองคลองธรรม เช่น เรื่อง
ความสมั พนั ธ์ พระพุทธเจา้ ท่านจึงแนะนาใหร้ กั ษาศีล ๕ แปลว่า คุณ
ยงั มีค่ไู ด้ ยงั ร่วมรกั ได้ แต่ตอ้ งเป็นเพียงเฉพาะคู่รกั ของคุณเท่านัน้ ถา้
เป็นคนอ่นื นอกจากนี้ ถือวา่ ทาผิดพลาด ชวี ิตขาดสมดลุ
แต่ถา้ ในระดบั โลกุตตระ ถึงจุดนีค้ ุณตอ้ งสละคู่ของคุณออกไป
ตอ้ งงดรว่ มเพศเสพเมถนุ พระพทุ ธองคจ์ ึงแนะนาใหร้ กั ษาศลี ๘ เพ่อื ฝึก
ตนใหพ้ น้ เหนือกว่าของคู่ เขา้ สแู่ ดนอนั เป็นอสิ ระหลดุ พน้ จากของค่ขู วั้ ตรง
ขา้ ม และกาลเวลา บรรลอุ มตธรรมท่ีพระพทุ ธองคเ์ รียกว่า “นิพพาน”
น่นั เอง
ทงั้ หมดทง้ั มวลนีเ้ ราสามารถไปถึงไดด้ ว้ ยทางสายกลาง หรือทาง
แห่งความสมดลุ ท่ีพระพทุ ธองคเ์ รียกว่า อริยมรรคมีองคแ์ ปด ย่อลงมา
เป็นไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา เร่ืองศีลกบั ปัญญาเราไดพ้ ดู กนั ไปแลว้
ดังนั้นในท่ีนี้เราจะมาเจาะลึกไปท่ีการทา “สมาธิท่ีถูกต้อง” ซ่ึง
ประกอบดว้ ย หนึ่งความเพียรท่ีถกู ตอ้ ง(สมั มาวายามะ) สองความระลกึ
ท่ถี กู ตอ้ ง(สมั มาสต)ิ สามความสงบตงั้ ม่นั ท่ถี กู ตอ้ ง(สมั มาสมาธิ)
23
ชาร์จพลงั จิต ดงึ ดูดชีวิตสัมฤทธผิ ล
สุดทา้ ยนี้ ถา้ ไม่เคลียรค์ ณุ อาจคาใจ คาว่า “สาม” ภาษาบาลี
ตรงกบั คาวา่ “ไตร” คณุ ธรรมทง้ั สามอย่างนีค้ อื ท่มี าของคาว่า “ไตรตรงึ ”
ซ่งึ ผเู้ ขียนขอเรียกเต็ม ๆ ว่า “พลงั ไตรตรงึ ดึงดดู สรรพส่ิงส่คู วามสมดลุ ”
ดงั ท่ีไดจ้ ่ัวหวั ไวต้ อนตน้ เพ่ือเรียกแขก ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร
เกี่ยวอะไรกบั การชาร์จพลงั จิต และกฎแห่งแรงดึงดูด ? ในบทต่อไปเรา
จะมาเจาะลกึ รว่ มกนั ไปตามลาดบั แลว้ พบกนั !
24
ทาสโพธญิ าณ
ชารจ์ พลงั จิต
“ดงึ ดดู สรรพสิง่ สูค่ วามสมดุล”
โลกภายในควบคมุ โลกภายนอก “รูป” คอื โลกภายนอก
“นาม” หมายถึงโลกภายใน คณุ ไมอ่ าจเคลื่อนไหวโลกภายใน
โดยท่โี ลกภายนอกไมเ่ คล่อื นตาม จากอานาจจิตท่ีทรงพลงั
เป่ียมดว้ ยสติปัญญา อนั เกิดจากความสมดลุ
ความสมดลุ เป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ในการดงึ ดดู ทรพั ยส์ ิน
ความสขุ ความสาเรจ็ หรือส่งิ ต่าง ๆ ท่เี ราปรารถนา
เขา้ มาไดอ้ ยา่ งไมม่ ที ่สี ิน้ สดุ บนความชอบธรรม
หรอื ทางสายกลางอนั ประเสรฐิ สดุ ท่เี ราจดั บาลานซ์
ใหก้ บั ตวั เองไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง แม่นยา เกิดความสมดลุ
ในระดบั โลกียะ ท่ไี มเ่ บยี ดเบยี นตนเองและผอู้ ่นื
ไปสกู่ ารบรรลหุ ลดุ พน้ เป็นอสิ ระอย่างแทจ้ รงิ
ในระดบั โลกตุ ตระ ท่อี ย่เู หนือกว่าภาวะของค่ตู รงขา้ ม
25
หากท่านช่ืนชอบเนื้อหาในเล่มนี้ เรายังมีหนังสือแนว นี้อีก
มากมาย จัดจาหน่ายในรูปแบบ eBook ท่านสามารถส่งั ซือ้ ได้
โดยสแกนเพ่มิ เพ่ือนมาท่ีไลน์ QR Code นี้
Butterfly Book
ผลงานหนังสือของทาสโพธิญาณ
ธรรมะฮาวทู / จติ วิทยา
1. แกว้ สารพดั นึก ดงึ ดูดสารพัดอยา่ ง
หากคุณคือผูห้ น่ึงท่ีกังขากับปรากฏการณ์เหนือความ
คาดคิด ทุกสิ่งทุกอย่างท่ีคุณปรารถนา ซ่ึงไดม้ าแบบบงั เอิญ
โดยเฉพาะเร่ืองกฎแรงดึงดดู ท่ีคณุ ยงั ทาไม่ได้ “แกว้ สารพัด
นึก ดงึ ดดู สารพดั อยา่ ง” เลม่ นมี้ คี าตอบ!!
2. ใบโพธิค์ อนโทรลชวี ิต แบบสมั ฤทธดิ ว้ ยแรงดึงดดู
หากคณุ คือผหู้ นึง่ ท่ียงั กงั ขากบั กฎแรงดงึ ดดู หนงั สอื เลม่
นี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจกระจ่างมากขึน้ ดว้ ยการนาหลักของ
“ศีล” มาจับอธิบาย ว่าการควบคุมตัวเองใหอ้ ยู่ในศีลนัน้ ให้
ผลสมั ฤทธิ์ สามารถคอนโทรลกฎแรงดึงดูดใหม้ นั ทางานอย่าง
แมน่ ยาไดอ้ ย่างไร!!
3. สไปซ่ี สัจธรรม
10 เมนอู าหารทิพยร์ สเดด็ บารุงสขุ ภาพจิต ดว้ ยอาหาร
แหง่ จิตวิญญาณ เพ่อื สมองพรอ้ มเสริ ฟ์ หวั ใจ ทกุ คาถามเกี่ยว
กบั สจั ธรรมแหง่ ชีวิต หนงั เสอื เลม่ นมี้ คี าตอบ พรอ้ มเสริ ฟ์
ดว้ ยความจรงิ แห่งจกั รวาล ผ่านการตรสั รูธ้ รรมของ
พระพทุ ธเจา้ และนกั ปราชญ์
ผลงานหนงั สือของ ‘ทาสโพธญิ าณ’
หนังสือชดุ ธรรมะฮาวทู / จติ วทิ ยา
หลงั พงิ ตน โพธิ์ เดอะคียข อใหไดทกุ อยา ง
สดุ ยอดหนงั สอื ธรรมะประยุกต ท่ีผเู ขยี นนําฮาวทู ความลับเรือ่ งกฎแรงดงึ ดดู ผานการตรสั รูของ
และนิทานมาผสมผสานเขา กันอยางลงตัว อา นงา ย พระพุทธเจา ซึ่งสอดคลองกนั กบั กระบวนการ ขอ
ชวนหัว และเปน สจั ธรรมรว มสมัยท่ีนําไปใชไ ดจ ริง เช่อื รบั ที่รอนดา เบิรน เขียนไวในเดอะซเี ครต็
เดอะคียพ ลงั เนรมติ จิตใตสํานกึ เรื่องเลา เคลาฮาวทู
จิตใตส ํานึกแหลงขมุ พลังมหาศาล ถกู ปกปด เปน นิทานชวนอา นผสานกบั ฮาวทู เคล็ดวิชา แนวคดิ
ความลบั มาอยางยาวนาน พละ 5 คอื กุญแจไขขมุ สไตลก ารเลาในแบบฉบับเฉพาะตัว แลว คณุ จะชื่น
พลงั ซ่ึงจารึกไวในคัมภีรพ ระไตรปฎ ก แลวทานจะรู ชอบวิธีการเรอื่ งเลาแบบน้ี
วา จิตใตส ํานึก กลายเปนพลังเนรมติ ไดอ ยางไร
ถอดรหสั ซัคเซส อิทธบิ าท ๔ ไขรหัสลับจักรวาล ผานสมองสทิ ธตั ถะ
ทางลัดสูการพัฒนาตนเอง บทเรียนชวี ติ ทน่ี ําไปใชไ ด มนษุ ยคอื แสงสวาง พวกเราทกุ คนมาทนี่ ีเ่ พื่อพัฒนา
จริง ถอดรหัสความสําเรจ็ บุคคลขนั้ เทพแหงวงการ ตัวเองคืนกลบั สคู วามสวาง หนา ทขี่ องเราคือเปลง
เพือ่ ดึงศกั ยภาพสูงสดุ มาใช สูค วามสาํ เร็จอันย่งิ ใหญ ประกายตวั เอง เพอื่ สรางความเปล่ียนแปลง เพอื่
อทิ ธิบาท ๔ มีคําตอบ ชวยเหลือผอู ื่น และเพ่อื สงมอบของขวญั ใหก ับโลกน้ี
บตั เตอรฟ์ ลาย บคุ๊ ส์
ชารจ์ พลังจิต ดงึ ดดู ชีวติ สมั ฤทธิผล
ผู้เขยี น : ทาสโพธิญาณ
รูปภาพ : Pixabay
ISBN (e-Book) 978-616-586-985-0
พมิ พค์ รั้งที่ 1 : พฤศจกิ ายน 2564
Email : [email protected]
Facebook : Butterfly Book
Youtube : Butterfly Book
Line : https://lin.ee/nyVGvZM