The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หากคุณคือผู้หนึ่งที่กังขากับปรากฏการณ์เหนือความคาดคิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณปรารถนา ซึ่งได้มาแบบบังเอิญ โดยเฉพาะเรื่องกฎแรงดึงดูด ที่คุณยังทำไม่ได้
“แก้วสารพัดนึก ดึงดูดสารพัดอย่าง” เล่มนี้มีคำตอบ!!

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Butterfly books, 2021-06-12 21:51:16

แก้วสารพัดนึก ดึงดูดสารพัดอย่าง

หากคุณคือผู้หนึ่งที่กังขากับปรากฏการณ์เหนือความคาดคิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณปรารถนา ซึ่งได้มาแบบบังเอิญ โดยเฉพาะเรื่องกฎแรงดึงดูด ที่คุณยังทำไม่ได้
“แก้วสารพัดนึก ดึงดูดสารพัดอย่าง” เล่มนี้มีคำตอบ!!

Keywords: แก้วสารพัดนึก,ดึงดูดสารพัดอย่าง,กฎแรงดึงดูด,กฎจักรวาล,ทาสโพธิญาณ

แก้วสารพัดนึก

ดึ ง ดู ด ส า ร พั ด อ ย่ า ง

ทาสโพธญิ าณ

1

คณุ ความดีทง้ั หลายขออทุ ศิ แด่แม่
ตอ่ มารดาผมู้ ีคณุ ประเสรฐิ ทกุ ท่าน
และบดิ า ครูบาอาจารย์ ท่านผมู้ คี ณุ อนั ย่ิงแกแ่ ผ่นดนิ

ตลอดถึงเพ่ือนสหธรรมกิ

2

คานา

ถึงวันนีเ้ ช่ือว่าหลายท่านเมื่อได้รู้กฎแรงดึงดูด หรือได้

อ่านหนงั สือเดอะซีเครต็ ของรอนดา เบริ น์ ทกุ คนก็คงท่งึ ราวกบั
เปิดโลกความเช่ือใบใหม่ให้กับตัวเอง แต่พอนามาปฏิบัติตาม
อยา่ งในหนงั สอื แลว้ บางทา่ นก็ไดผ้ ล บางทา่ นก็ไมไ่ ดผ้ ล มนั เป็น
เพราะอะไร ?

คาตอบคือ มบี างสง่ิ บางอย่างท่ีในเดอะซีเครต็ ไมไ่ ดบ้ อกไว้
หรืออาจจะบอกไม่หมด แต่ตอนนีค้ ุณจะไดร้ ูว้ ่า ส่ิงน้ันคืออะไร
และเป็นสง่ิ ท่ีพระพทุ ธเจา้ ตรสั ไวอ้ ย่างชดั เจนในพระไตรปิฎก

ส่วนตัวแลว้ บอกตามตรง คร้งั แรกท่ีผู้เขียนได้อ่านเดอะ
ซีเครต็ เม่อื หลายปีก่อน ก็ยอมรบั ว่า ชอบและรูส้ กึ ว้าว! กบั สาระ
ในส่ิงรอนดา เบิรน์ นาเสนอ โดยเฉพาะเนือ้ หาบางส่วนมีการ

3

อา้ งถึงยกั ษจ์ ินน่ีท่ีออกมาจากตะเกียงวิเศษของอะลาดิน แลว้ ดล
บนั ดาลใหท้ กุ ส่งิ ทกุ อย่างเป็นไปตามความปรารถนาของผขู้ อ ซ่ึง
เป็นการนา “ยกั ษ์จินน่ี” มาเปรียบเทียบกบั “กฎแรงดึงดดู ” ได้
อย่างดงึ ดดู น่าสนใจ

และน่ันคือการจุดประกายใหผ้ ูเ้ ขียน คิดแตกกอต่อยอด
ยอ้ นกลบั มาท่ีบา้ นเรา เอ!...ที่เมอื งไทยมอี ะไรคลา้ ยคลึงกบั ยกั ษ์
จินนบี่ า้ งหรือเปล่าหนอ ? ตอนนั้นช่ือแรกท่ีนึกไดก้ ็คือ หลวงพ่อ
ทนั ใจ, หลวงพ่อรวย, ไอไ้ ข่ ฯลฯ

นอกนั้นก็นึกช่ือไดแ้ ต่เป็นเทพ หรือส่ิงศักดิ์สิทธิ์ท่ีมาจาก
ประเทศอ่ืน ไม่ใช่ภูมิปัญญาไทย ตามคติความเช่ือโบราณ
ยอมรบั ว่า ตอนน้นั ช่ือท่ีคิดไดท้ ้ังหมด ยงั ไม่สรา้ งแรงบนั ดาลใจ
มากพอใหผ้ เู้ ขียน ลกุ ขนึ้ มาจบั ปากกาถกั ทอออกมาเป็นตวั อกั ษร
ก็เลยปลอ่ ยผา่ นไปก่อน...

ผ่านมาอีกเป็นปี ในท่ีสุดประกายไฟวิบวบั ก็ถูกจุดติดขึน้
อีกครง้ั เม่ือผเู้ ขียนไดพ้ บคาว่า “แกว้ มณี” หรือดวงแกว้ หน่ึงใน

4

แกว้ เจ็ดประการของพระเจา้ จกั รพรรดิ จากน้นั ก็มาพบรอ่ งรอยนี้
อย่างชัดเจนจากคาสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ กับหลวงพ่อ
วิริยังค์ สิรินฺธโร ท่ีพูดถึงคาว่า “แก้วสารพัดนึก” ไว้อย่าง
น่าสนใจ ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั คาสอนของพระพทุ ธเจา้ ในพระไตรปิฎก
เร่อื งไตรสกิ ขา ท่ีย่อลงจากอรยิ มรรคมอี งค์ 8 ซ่งึ เร่อื งนีม้ ี สมเด็จ
พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กล่าวไว้ ตรงนีแ้ หละท่ีทาให้
ไอเดียบรรเจิด เกิดเป็นหนังสือเล่มนี้ขึน้ มา “แก้วสารพัดนึก
ดงึ ดดู สารพัดอยา่ ง”

แค่ช่ือก็น่าจะเดาทิศทางไดแ้ ลว้ เน๊าะ ขา้ งในเนื้อหานั้น
ผเู้ ขียนนาศาสตรต์ ะวนั ตกมาผสานเขา้ กบั พทุ ธศาสตร์ ซ่งึ เป็นภมู ิ
ปัญญาแบบตะวนั ออก จากหนงั สอื เดอะซีเครต็ และเลม่ สาคญั ท่ี
ผเู้ ขียนอ่านแลว้ รูส้ กึ ประทบั ใจมากก็คือ As a man thinketh ของ
เจมส์ แอลเลน นอกจากนีก้ ็มีหนังสืออ่ืน ๆ อีกหลายเล่มท่ีนามา
อา้ งอิงเช่ือมโยงเป็นเหตเุ ป็นผลซ่งึ กนั และกนั โดยเฉพาะอย่างย่ิง
พระไตรปิฎก

5

ซ่ึงการเช่ือมโยง และการไดม้ าของขอ้ มูลในหนังสือเล่มนี้
เป็นอะไรท่ีสดุ มหศั จรรยส์ าหรบั ผเู้ ขียนมาก สารภาพเลยว่า ราว
กบั มิใช่ผเู้ ขียนคิดไดเ้ อง ผเู้ ขียนแค่ทาหนา้ ท่ีถกั ทอขอ้ มลู ต่าง ๆ ท่ี
ได้รับรูม้ าก็เท่าน้ัน เช่ือว่าผู้ท่ีเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มา
น่าจะพอนึกภาพออกว่า ผเู้ ขียนพดู ถึงอะไร! (ขนลกุ ) ใช่ครับ!

ทกุ ประสบการณล์ ีล้ บั ปรากฏการณเ์ หนือความคาดหมาย
ส่งิ ท่ีไดม้ าราวกบั เป็นเร่อื งบงั เอิญ ไมว่ ่าจะเป็นเร่อื งงาน เร่อื งเงิน
เร่อื งความรกั หรอื เร่อื งอะไรก็แลว้ แต่ท่ีคณุ ปรารถนา โดยเฉพาะ
เร่ืองกฎแรงดึงดูดท่ีเดอะซีเคร็ตกล่าวไว้ แล้วคุณยังทาไม่ได้
หนังสือเล่มนี้มีคาตอบ แล้วคุณจะรูว้ ่า ภูมิปัญญาโบราณท่ี
เรยี กว่า “แก้วสารพดั นึก” ทรงพลานภุ าพเหนือกว่ากฎแรงดงึ ดดู
แห่งจกั รวาลอยา่ งไร

ทาสโพธญิ าณ
มถิ นุ ายน 2564

6

สารบญั

คานา 3
พลังจติ 9

สกลุ เงนิ สากลแห่งจกั รวาล
MINDSET 25

ชดุ ความคิด พิชิตโชคชะตา
พลังความคดิ 43

เราคือผลู้ ขิ ติ ชีวติ ตวั เอง
กุญแจสู่อสิ รภาพ 61

Unlock ตวั ตน หลดุ พน้ พนั ธนาการ

7

แกว้ สารพดั นกึ ดึงดดู สารพัดอย่าง

8

ทาสโพธิญาณ

9

แก้วสารพัดนกึ ดึงดูดสารพดั อย่าง

เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับ Body & Mind ร่างกายและ

จิตใจ เป็นโลกภายในและโลกภายนอกท่ีสัมพันธ์กันในแบบ
ส่วนตวั ภาษาพระเรยี กว่า รูป นาม โลกภายในเป็นตวั กาหนด
โลกภายนอก ตวั ตนภายในควบคมุ ตวั ตนภายนอก

“ความคดิ ” เป็นตวั ตนภายใน
“พฤตกิ รรม” เป็นตวั ตนภายนอก
“ความคิดควบคมุ พฤติกรรม” ในทางพระท่านใชค้ าว่า “จิตเป็น
นาย กายเป็ นบ่าว” ดังน้ันเจ้านายผู้ควบคุมกายต้องเป็ น
“ความคดิ ทถี่ ูกต้องดงี าม”

10

ทาสโพธิญาณ

เพราะคณุ ภาพชีวิต สภาพแวดลอ้ ม ความสมั พนั ธ์ ทกุ ส่งิ
ทุกอย่างท่ีอยู่ภายนอกของชีวิตเรา คือภาพสะทอ้ นตวั ตนท่ีเรา
เป็นอย่ภู ายใน ดงั นนั้ ไม่ว่าสถานการณภ์ ายนอกจะเป็นอย่างไรก็
ตาม เราตอ้ งรักษาจิตใจภายในให้สงบ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่
เบียดเบียน อ่ิมเต็ม มีพอ และพรอ้ มท่ีจะใหอ้ อกไป เรียกง่าย ๆ
ว่า ความคิดท่ีถูกต้อง การควบคุมตัวเอง และความสงบ 3
อย่างนีห้ ลอมรวมกนั แลว้ ทาใหเ้ กิด “พลังจิต” เป็นฤทธิ์แห่งใจท่ี
ทรงอานาจในการกาหนดสภาพแวดล้อมภายนอก มีพลังดล
บนั ดาลดึงดูดใหค้ วามคิดนึกสาเร็จสมปรารถนา ดุจดัง “แก้ว
สารพัดนึก”

มหาเศรษฐีแห่งจกั รวาล

ท่านพุทธทาส ใหน้ ิยามว่า “แก้วสารพัดนึก” ก็คือช่วย
ใหน้ ึกอะไรไดร้ บั ส่งิ นน้ั ตามท่ีตนนึก คานีเ้ ป็นคาโบราณ และเช่ือ
ว่ามีอย่ดู ว้ ยกนั ทุกชาติทกุ ภาษา คือมนั มีส่ิงส่ิงหน่ึงซ่ึงจะอานวย
ประโยชนใ์ หแ้ ก่ผนู้ นั้ ตามความประสงคท์ กุ ประการ แลว้ ก็มาเรยี ก

11

แก้วสารพดั นึก ดึงดดู สารพัดอย่าง

กนั ว่า “แก้ว” ขอ้ นีต้ อ้ งเขา้ ใจว่า ถา้ ไม่รูจ้ กั ความหมายท่ีแทแ้ ลว้
หาเท่าไหร่มนั ก็ไม่พบ ถา้ รูเ้ ร่ืองนีด้ ีแลว้ คงจะไม่ตอ้ งหาลาบาก
มากมายนัก แลว้ ก็จะพบ พดู ไดส้ องแง่ก็คือ ในภาษาธรรม กับ
ภาษาชาวบา้ น

ในแง่ของภาษาธรรม แก้วสารพัดนึกในท่ีนีก้ ็คือ ธรรมะ
น่ันเอง การปฏิบัติตัวใหถ้ ูกต้องตามหลักธรรมน่ันเองเป็นแก้ว
สารพดั นึก คือตอ้ งรูก้ ฎของธรรมชาติ กฎของกรรม เป็นตน้ ลอง
ป ฏิ บั ติ ล ง ไ ป เ ถิ ด มั น จ ะ ใ ห้ ผ ล ส ม ค ว ร แ ก่ ก า ร ป ฏิ บั ติ เ ส ม อ
เพราะฉะนนั้ เราจะนึกเอาอะไรก็ได้ เม่อื ปฏบิ ตั ธิ รรมไปในลกั ษณะ
นน้ั แลว้ มนั ก็ตอ้ งไดร้ บั ส่งิ นน้ั เสมอ เช่นว่า อยากไปนรก อยากไป
สวรรค์ อยากไปนิพพาน ก็ปฏิบตั ิธรรมใหส้ มควรแก่ธรรมนั้น ๆ
ในท่ีสดุ ก็จะไดไ้ ปสมใจ

ทีนีใ้ นแง่ของภาษาชาวบา้ น แกว้ สารพดั นกึ ท่ีพวกชาวบา้ น
เขามีกนั อย่นู นั้ คงนึกเอาพระนิพพานไมไ่ ดแ้ น่ แลว้ มันก็ไม่ไดท้ า
ใหร้ ูจ้ กั นึกเอาพระนิพพานเสียดว้ ย เพราะอะไร ? เพราะมนั หวงั

12

ทาสโพธิญาณ

อย่แู ต่แกว้ แหวนเงินทอง ไอพ้ วกส่ิงของสง่ เสรมิ ความสขุ ทางเนือ้
หนงั อย่างเดียวเท่านนั้ เพราะฉะนน้ั ถา้ เราหวงั จะไดม้ าครอบครอง
แบบปราศจากโทษภยั จากกาม ควรถือเอาพระธรรมอนั บรสิ ทุ ธิ์
นน้ั เป็นแกว้ สารพดั นึกอนั ประเสรฐิ สงู สดุ

ดงั นนั้ ขอใหเ้ รารูจ้ กั ส่งิ ท่ีเรยี กว่า “แก้วสารพดั นึก” กนั ใหด้ ี
และใหเ้ ห็นว่ามนั มีอย่จู ริง มนั เป็นอย่างนั้นจรงิ แต่ขอใหค้ วา้ มา
ใหถ้ กู แลว้ ทาอย่างไร หรือตอ้ งทาอย่างไร ก็จะไดอ้ ย่างนั้นจริง
ใหศ้ ึกษาเร่ืองธรรมชาติ เร่ืองกฎของธรรมชาติ เร่ืองหนา้ ท่ีของ
มนุษยต์ ามธรรมชาติ และก็กฎท่ีจะไดร้ บั จากการทาหน้าท่ีนั้น
น่นั แหละจะเป็นแกว้ สารพดั นึกท่ีจรงิ แทโ้ ดยสมบรู ณ์

รอนดา เบริ น์ ผแู้ ต่งหนงั สือเดอะซีเคร็ต (The Secret)
บอกว่า ความคิด ความเช่ือ และความรูส้ กึ ส่งผลต่อชีวิตของ
เราโดยตรงในแง่ของกฎแรงดึงดูดท่ีโตต้ อบกบั จกั รวาล ผ่านการ
ขอหรอื คาอธิษฐานท่ีเรามคี วามเช่ือม่นั เตม็ เป่ียมวา่ จะไดร้ บั สง่ิ นน้ั

13

แก้วสารพดั นึก ดึงดดู สารพดั อย่าง

น อ ก จ า ก นี ้ใ น เ ด อ ะ ซี เ ค ร็ ต ยั ง อ ธิ บ า ย เ พ่ิ ม เ ติ ม อี ก ว่ า
ความคิดมีแรงดงึ ดดู หรอื คล่ืนความถ่ี เม่อื คณุ คิดอะไร ความคดิ
นน้ั ก็จะถกู สง่ กระจายออกไปในเวิง้ จกั รวาล และจะดึงดดู ส่ิงต่าง
ๆ ท่ีคลา้ ยคลงึ กนั มคี วามถ่ีระดบั เดียวกนั เขา้ มา

ทกุ อยา่ งท่ีเขา้ มาในชีวิต เราเป็นผดู้ งึ ดดู มนั เขา้ มาเอง ดว้ ย
ความคิด ความเช่ือ และความรูส้ กึ ของเราจากกฎแห่งแรงดึงดูด
ซ่ึงเปรียบเสมือนยกั ษจ์ ินน่ีในตะเกียงวิเศษของอะลาดิน ซ่ึงมีช่ือ
เรียกขานต่างกันออกไป ทั้งเทวดาประจาตวั นางฟ้ากายสิทธิ์
ตัวตนท่ีสูงส่ง หลวงพ่อทันใจ เราจะเรียกว่าอะไรก็ไดต้ ามช่ือท่ี
เหมาะกบั ใจคณุ ท่ีสดุ แต่ทกุ ศาสนาและปรชั ญาความเช่ือบอกว่า
ยังมีอะไรบางอย่างท่ีย่ิงใหญ่กว่าตัวเรามากนัก ซ่ึงพรอ้ มจะ
ออกมาจากจกั รวาล เหมอื นยกั ษจ์ ินน่ีออกจากตะเกียงวิเศษ แลว้
ดีดนิว้ บอกวา่ “ขา้ จะทาตามทที่ ่านปรารถนา!”

14

ทาสโพธญิ าณ

พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวริ ิยงั ค์ สิรินฺธโร) กลา่ ว
ว่า “พลังจติ ” เราเปรยี บเหมือนกนั กบั เงนิ มนั เป็นแกว้ สารพดั นึก
ขอแค่เรามีเงินเยอะ เราก็สามารถซือ้ ได้ทั้งรถ ซือ้ ได้ท้ังบ้าน
เพราะอะไร ? เพราะว่าเรามีเงินอยู่ในธนาคารแล้ว ในทาง
กลบั กัน ถา้ เราไม่มีเงินก็เปรียบเหมือนกับคนไม่มีพลงั จิต ไม่มี
แกว้ สารพดั นึก ถึงจะคิดนึกอะไรก็ไม่สาเร็จ คิดจะทาวิปัสสนาก็
ไมส่ าเรจ็ เป็นวปิ ัสสนา ดีไมด่ ีอาจกลายเป็นวิปัสสนปู กิเลสไป

รวมความว่า “แก้วสารพัดนึก” ในท่ีนีเ้ ก่ียวขอ้ งกบั กฎแรง
ดึงดูดแห่งจักรวาล ซ่ึงอาศัย Mindset ชุดความคิดท่ีถูกตอ้ ง มี
การควบคมุ ตวั เอง และความสงบตง้ั ม่นั แห่งจติ เป็นสมาธิ เพ่ือให้
จิตสามัญกลายเป็นจิตท่ีมีพละกาลัง ทรงอานาจในการดึงดูด
หรือนึกคิดอะไรก็ไดด้ งั ใจปรารถนา ราวกบั มหาเศรษฐีผมู้ ีอานาจ
ในการจบั จา่ ยซือ้ หาวตั ถสุ ่งิ ของ ฉนั ใดก็ฉนั นน้ั

15

แก้วสารพัดนึก ดึงดูดสารพัดอย่าง

อานาจในการดงึ ดดู ดลบนั ดาล

ประเด็นท่ีน่าสนใจคือ ในภาคทฤษฎีมนั ควรจะเป็นเช่นนน้ั
แตใ่ นทางปฏบิ ตั ิมนั ไมง่ า่ ยแบบนน้ั เพราะโดยปรกติธรรมชาติของ
สมองมนษุ ย์ จะชอบคิดลบมากกว่าคิดบวก แถมผคู้ นส่วนใหญ่
ยงั ชอบยา้ คิดยา้ ทา ชอบคิดถึง พดู ถึงสง่ิ ท่ีตนไมต่ อ้ งการ ไมว่ า่ จะ
เป็นการด่าทอ นินทาว่ารา้ ย เดินประทว้ ง พวกเขาเอาแต่ทาซา้
วนลปู อยกู่ บั ส่งิ ท่ีตนไมต่ อ้ งการ

แทนท่ีจะทาตรงกนั ขา้ ม คือไปใหค้ ่ากบั ส่งิ ท่ีตนตอ้ งการ น่ี
คือส่ิงท่ีควรทา แต่พวกเขากลับไม่ทา เหมือนคนบ่นว่าไม่ชอบ
กล่ินเหม็นของขยะ แต่เขาก็ยังเดินวนเวียนอยู่ใกลก้ ับกองขยะ
เห็นไหมวา่ มนั เป็นส่งิ ท่ีน่าประหลาดท่ีสดุ ของมนษุ ย์ แต่มนั ก็เป็น
ความจริง ย่ิงเม่ือนาหลกั การทางานของกฎแรงดึงดูดมาจบั ดว้ ย
แลว้ คุณจะย่ิงอดแปลกใจมิไดว้ ่า ทาไมมนุษยจ์ ึงมีพฤติกรรม
เช่นนั้น และน่ีก็คือเหตุท่ีทาให้พวกเขาวนเวียนจมปลัก ติด
แหงกอยใู่ นกบั ดกั แหง่ ทกุ ข์ ท่ีไมส่ าเรจ็ สมหวงั ในระดบั สมอง

16

ทาสโพธิญาณ

แน่นอนมันยังมีระดับท่ีลึกซึง้ กว่าน้ัน คือในระดับจิตใต้
สานึก แต่อยากชวนกลบั มาท่ีหลกั การก่อน ตอนนีเ้ รารูก้ นั แลว้ ว่า
จิตของคนเรามีค่าพลงั งานคล่ืนความถ่ีเป็นตวั กาหนดชะตาชีวิต
วา่ มนษุ ยแ์ ต่ละคนจะมีวถิ ีชีวิตเป็นไปอยา่ งไร ก็ขนึ้ อยกู่ บั ความคิด
ความเช่ือ และความรูส้ ึกภายในของเขาเป็นตัวกาหนดตัดสิน
หากค่าพลงั งานในจิตของเขาเป็นลบ ชีวิตของเขาก็จะเจอแตเ่ รอ่ื ง
ไมด่ ี ไมเ่ ป็นท่ีน่าปรารถนา ตรงกนั ขา้ มหากค่าพลงั งานในจิตเป็น
บวก ชีวิตก็จะประสบความสาเรจ็ พบเจอแตส่ ่งิ ดีงาม

หลายท่านในท่ีนี้ คณุ จะรูห้ รอื ไม่รูก้ ฎขอ้ นีก้ ็ตาม น่นั ถือว่า
เป็นเร่ืองธรรมดา เพราะมันเป็นศาสตรส์ มัยใหม่ท่ีมาจากฝ่ัง
ตะวนั ตก แต่ในฐานะชาวพทุ ธอย่ฝู ่ังตะวนั ออก หากคณุ ไมร่ ูเ้ ร่อื ง
กฎแห่งกรรม อันนีถ้ ือว่าคุณกาลังดาเนินชีวิตไปดว้ ยความมืด
บอด ซ่ึงเป็นอันตรายอย่างย่ิงต่อความเจริญเติบโตทางจิต
วิญญาณ และเราก็จะต่อกนั ไม่ติด หากคณุ ไม่มีพืน้ ความรูเ้ ร่ือง
กฎแหง่ กรรมเลย เพราะอะไร ?

17

แกว้ สารพัดนกึ ดงึ ดูดสารพดั อย่าง

เพราะกฎแรงดึงดูดท่ีเราพูดกันอยู่นี้ แทจ้ ริงแลว้ มันคือ
ภาค “มโนกรรม” หรือความคิด เป็นสว่ นหน่ึงของกฎแห่งกรรม
น่นั เอง “กฎแห่งกรรม” ประกอบดว้ ย กายกรรม (การกระทา)
วจีกรรม (คาพูด) และมโนกรรม (ความคิด) พระท่านถึงแนะนา
ใหเ้ รา คิดดี พูดดี ทาดี เพราะมันจะส่งผลเป็นวิบากกรรมดี
กลบั มาสเู่ รา นึกภาพออกไหม ? แต่เราจะไม่ลงลกึ เร่อื งกรรมไป
มากกว่านี้ ประเด็นก็คือ ไม่ว่าคุณจะตีความ หรือเช่ือมโยงกฎ
แห่งกรรมท่ีพระพุทธองคค์ น้ พบไปในแง่ไหน แต่ท่ีแน่ ๆ พระพทุ ธ
องคต์ รสั ไวอ้ ยา่ งชดั เจนกว่า 2,600 ปีมาแลว้ วา่

“การไมท่ าบาปทงั้ ปวง
การทากศุ ลใหถ้ งึ พรอ้ ม
การทาจิตของตนใหส้ งบผ่องใส
น่ีคือคาสอนของพระพทุ ธเจา้ ทง้ั หลาย”

หลายคนท่ีมีชีวิตระทมทกุ ข์ น่นั เป็นเพราะว่า จิตของเขาจมจ่อม
อย่กู บั พลงั งานลบ ความคิดและความรูส้ กึ ของเขากาลงั ผลิตคล่ืน

18

ทาสโพธญิ าณ

ความถ่ีตดิ ลบกระจายออกไป ผลคือมนั ก็จะดงึ ดดู ส่งิ ช่วั รา้ ยตา่ ง ๆ
ดา้ นลบเขา้ มาส่ชู ีวิต ในทางพระใชค้ าว่า “เสวยวิบากกรรมฝ่ าย
บาปอกศุ ล” เปรยี บเทียบใหเ้ ห็นภาพง่าย ๆ ดงั นี้

พลังงานลบ = บาปอกศุ ล สง่ ผลเป็น “ความทุกข”์
พลังงานบวก = บญุ กศุ ล สง่ ผลเป็น “ความสุข”

ดังนั้นด้วยหลักการง่าย ๆ ซ่ึงคุณน่าจะเช่ือมโยงไปต่อไดแ้ ล้ว
หากตอ้ งการคลายออกจากทกุ ข์ เราก็แค่ลดระดบั พลงั งานลบลง
ลดลงไปไดม้ ากเท่าไหร่ ความสุขเบาสบายก็จะปรากฏขึน้ มาได้
มากเท่านั้น ประเด็นก็คือ พูดนะมนั ง่าย แต่เวลาทาจริงมนั ไม่
ง่าย เพราะสมองกับจิตใต้สานึกมีฟังก์ชันการทางานต่างกัน
สมองอย่ใู นสว่ นของความคดิ ใชเ้ ก็บขอ้ มลู ความรู้ แต่จิตใตส้ านึก
อยู่ในส่วนของความรูส้ ึกทาหนา้ ท่ีเก็บสะสมอารมณค์ วามรูส้ ึก
แถมยงั สง่ ผลมีอิทธิพลกบั สมองโดยตรงอีกดว้ ย

หวังว่าคุณคงเคยไดย้ ินประโยคนีม้ าบา้ ง “รูห้ มดแต่อด
ไม่ได”้ ใช่ครบั ! สมองรูท้ กุ เร่อื งน่ันแหละ เช่น คนสบู บหุ ร่ี ทาไม

19

แกว้ สารพัดนกึ ดึงดดู สารพดั อย่าง

เขาจะไม่รูว้ ่าการสบู บหุ ร่ไี มด่ ี เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ แต่บางคน
ก็ยังอดสูบไม่ไดท้ ้ัง ๆ ท่ีรูอ้ ยู่ว่ามันไม่ดี มนั สิน้ เปลือง และเป็น
อนั ตรายต่อสขุ ภาพ หรอื หญิงสาวอว้ นตตุ ๊ะ อยากมีเรอื นรา่ งทรง
เสน่ห์ เธอก็รูว้ า่ กินมาก ๆ ไมด่ ี อาหารไขมนั สงู ของหวาน กินจกุ
กินจิก ไมเ่ ป็นผลดีตอ่ รูปรา่ งและนา้ หนกั ตวั ถามวา่ เธอไม่รูข้ อ้ มูล
เหล่านหี้ รอื ? เธอรูห้ มดแหละ แต่อดใจไมไ่ ดส้ กั ทีเวลาหวิ ขนึ้ มา

แปลว่า “รู”้ อย่างเดียวมนั ยงั ไม่พอ เพราะสมองไมม่ ีพลงั
มากพอท่ีจะต่อต้านอารมณ์ความรูส้ ึก “อยาก” ท่ีพลุ่งพล่าน
ขนึ้ มาจากจิตใตส้ านึก ดงั นนั้ การควบคมุ ความรูส้ กึ ท่ีอย่ใู นจิตใจ
ตวั เองไดน้ ่ีแหละ คือ “อานาจ” เป็นเสมือน “แก้วสารพัดนึก”
แห่งความสาเร็จสมปรารถนาทุกประการ ไม่ว่าจะเป็ น
ความสาเรจ็ สมหวงั ทางการงาน การเงนิ สขุ ภาพ ความสมั พนั ธ์
หรอื แมแ้ ต่อสิ รภาพทางจติ วิญญาณ

แตแ่ น่นอน “ความรู้” ก็จาเป็นตอ้ งมี เพราะถา้ ไมม่ ีความรู้
ก็จะไมเ่ กิดแรงจงู ใจ และทาไมไ่ ด้ ไปไมถ่ กู มนษุ ยจ์ ะทาอะไรเป็น

20

ทาสโพธญิ าณ

ก็ตอ้ งฝึก ตอ้ งเรียนรูม้ าก่อนทง้ั น้ัน ดงั น้นั มนุษยจ์ าเป็นตอ้ งมีครู
และพระพุทธเจา้ คือบรมครู หรือสุดยอดแห่งโคช้ ท่ีจะมาฝึกเรา
ให้รูจ้ ักใช้ความคิดได้ถูกต้องแม่นยา มีอานาจในการควบคุม
ตวั เอง และมีความสงบเยือกเย็นเป็นอิสระ1 ภาษาพระเรียกว่า
ปัญญา ศีล สมาธิ

ซ่ึงความสงบเยือกเย็นน่ีเองคือท่ีสดุ แห่งเคล็ดวิชชา “แกว้
สารพดั นึก ดึงดดู สารพดั อย่าง” เปรียบเหมือนตะเกียงวิเศษของ
อะลาดิน มียกั ษ์จินน่ีออกมาบนั ดาลใหท้ ุกอย่างสมปรารถนาได้
ฉันใด จิตท่ีสงบเยือกเย็นตั้งม่นั เป็นสมาธิก็มี “ปัญญาญาณ”
ออกมาบันดาลใหท้ ุกอย่างสาเร็จดังใจเราปรารถนาได้ ฉันน้ัน
เหมือนกนั ตรงนีก้ รุณาช่วยขีดเสน้ ใตก้ ากบั ไวด้ ว้ ยว่า

1 เป็ นอิสระ : อิสระจากนิวรณ์ ตอนทาสมาธิ จติ สงบระงบั ตงั้ ม่นั แลว้

21

แกว้ สารพดั นกึ ดงึ ดูดสารพัดอย่าง

“แค่คิดอย่างเดียวมันยังไม่พอ ท่ีจะดึงดูดความสาเร็จ
สมหวงั มาให้ หากคณุ ยงั ขาดอานาจในการควบคมุ ความรูส้ กึ ตวั
เอง ใหเ้ กิดความสงบเยน็ ว่างเป็นอิสระ”

เพราะจิตท่ีฝึกดีแลว้ นาความสขุ มาให้ น่ีคือสจั ธรรมความ
จริง เป็ นแก้วสารพัดนึกท่ีควบคุมกฎแรงดึงดูดให้ทางาน
ตอบสนองไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งแม่นยา สมความมุ่งมาดปรารถนาของ
เราทุกประการ แต่จะทาได้ดว้ ยวิธีอย่างไร และทาไมจึงเป็น
เชน่ นนั้ ทงั้ หมดนีค้ ือเร่อื งท่ีเราจะมาพดู กนั ในบทตอ่ ไป

22

ทาสโพธิญาณ

เคล็ดวชิ าแก้วสารพดั นึก

“พลังจติ ”

จิตท่ีฝึกดีแลว้ ย่อมนาสขุ มาให้ เพราะเป็นจติ ท่ีมพี ลงั
ทรงอานาจ มคี วามเป็นใหญ่ เป็นนายตวั เอง
ดว้ ยความคดิ ท่ีถกู ตอ้ ง และความสงบระงบั ตง้ั ม่นั
ปราศจากนิวรณร์ บกวน นึกคดิ อะไรก็ไดด้ งั ใจปรารถนา
ราวกบั แกว้ สารพดั นกึ เม่อื ปัญญาญาณออกมาดลบนั ดาล
เปรยี บเหมอื นมหาเศรษฐีผมู้ ีอานาจในการจบั จ่าย
พลงั ในการดงึ ดดู มาจากส่งิ ท่ีเราเป็น หาใชส่ ง่ิ ท่ีเราอยาก
“ความรู”้ ไมม่ พี ลงั มากพอท่ีจะตอ่ ตา้ น “ความอยาก”
ดงั นนั้ ขอ้ มลู ในสมองตอ่ ใหม้ มี ากเพียงใด ก็ยงั ไมส่ ามารถ
ดงึ ดดู ดลบนั ดาลได้ หาจิตยงั มไิ ดถ้ กู ฝึกใหม้ พี ลงั
ในการนกึ คิดในสง่ิ ท่ีถกู ตอ้ งดีงาม เป็นประโยชนต์ อ่ ตนเอง
และเป็นประโยชนต์ ่อโลก

23

แกว้ สารพดั นกึ ดึงดดู สารพัดอย่าง

24

ทาสโพธญิ าณ

25

แกว้ สารพดั นกึ ดงึ ดูดสารพดั อย่าง

ในช่วงชวี ิตของมนุษย์ เราคงปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ทุก

คนลว้ นตอ้ งการความสขุ สาเรจ็ ในชีวิตเหมือนกนั ไมม่ ใี ครอยากมี
ชีวิตติดแหงกอย่ใู นกรอบจากดั หลงวนเวียนอย่ใู นเกมกรรม ไม่
ว่าจะเป็นเร่ืองความสาเรจ็ ทางดา้ นวตั ถุ หรือความสาเรจ็ ทางจิต
วิญญาณ หรือเร่ืองอะไรก็แลว้ แต่ท่ีเป็นปัญหาอุปสรรค คอย
ลดิ รอนความเจรญิ เตบิ โตของชีวติ ดจุ กาแพงสงู ใหญ่ท่ีคอยปิดกนั้
พฒั นาการ เป็นเสมือนกับดกั หลมุ พราง ทาใหห้ ลายคนสบั สน
หวาดกลวั ไมส่ ามารถกา้ วขา้ ม หรอื ทะลทุ ะลวงผา่ นพน้ ไปได้

ขณะท่ีคนกล่มุ หน่ึง มีชีวิตประสบความสาเร็จ มีความสขุ
กายสบายใจ ส่วนคนอีกกลุ่มกลับลม้ เหลว มีความทุกข์ยาก
ลาบากกายคับแคน้ ใจ เหตุใดคนทัง้ สองกลุ่มนีจ้ ึงมีชะตาชีวิต
ตา่ งกนั ?

26

ทาสโพธญิ าณ

กรอบความคิด ‘ตดิ แหงก’ หรือ ‘ไปตอ่ ’

คุณคิดว่ามันเก่ียวกับพรสวรรค์ ทักษะความสามารถ
ตัวเลขในบัญชี ฐานะทางสังคม ความสัมพันธ์ และดีกรีใบ
ปรญิ ญาหรอื ไม่ คาตอบคือ ไม่ใช่เลยสักอย่าง!

ลองนึกถึงสัจธรรมข้อนี้ ในชีวิตจริงจะมีคนอยู่สองกลุ่ม
และคนท้ังสองกลุ่มนีจ้ ะใช้วิธีแกโ้ จทย์ปัญหาชีวิตไม่เหมือนกัน
ยกตวั อย่าง เร่อื งงานท่ีทา้ ทายคณุ ธรรมภายในตวั เอง มีโอกาส
ใหโ้ กงคอรปั ช่นั ทาแลว้ ไดผ้ ลตอบแทนมากมาย แต่ผิดศีลธรรม
คนกลุ่มแรกรูส้ ึกยินดีที่จะทา เพราะเห็นว่ามนั เป็นช่องทางลดั
พาตวั เองประสบความสาเรจ็ ไดเ้ ร็วกว่าคนอืน่ ส่วนกล่มุ ท่ีสองใช้
วิธีหลีกเล่ียงไมท่ า เพราะเห็นว่าน่ีคือความอ่อนแอ เป็นเหย่ือล่อ
ใหค้ นโลภผโู้ ง่เขลาเขา้ ไปติดกบั ซ่งึ น่ารงั เกียจ และไมค่ วรจะเกิด
ขนึ้ กบั ตนเองและสงั คม

27

แกว้ สารพดั นกึ ดงึ ดดู สารพดั อย่าง

เร่อื งปัญหาอปุ สรรค ในขณะท่ีชีวิตเกิดปัญหามีความทกุ ข์
คนกล่มุ แรกจะเอาแต่บ่น ผลกั ภาระความรบั ผิดชอบไปที่คนอื่น
และหาขอ้ อา้ งเพอื่ หลกี เลี่ยงทจี่ ะเขา้ เผชิญกบั ปัญหา สว่ นกล่มุ ท่ี
สองกลบั รูส้ กึ วา่ มนั เป็นบททดสอบท่ีเขาจะตอ้ งฟันฝ่า แกป้ ัญหา
หรอื เอาชนะอปุ สรรคไปใหไ้ ด้

หรือแมแ้ ต่เร่ือง ถกู คนอ่ืนตัดสินวิพากษ์วิจารณไ์ ปในทาง
เสียหาย คนกลุ่มแรกจะรูส้ ึกหัวรอ้ น รับไม่ได้ คิดว่าตัวเอง
สมควรใชค้ วามรุนแรง จัดการส่งั สอนใหบ้ ทเรียนแก่คนเหล่านี้
ส่วนกล่มุ ท่ีสองกลบั รูส้ กึ เฉย ๆ มองว่าเป็นเร่อื งธรรมดา แต่ไมใ่ ช่
เร่อื งท่ีตนจะตอ้ งเดือดเนือ้ รอ้ นใจ ถือคติวา่ “โกรธคือโง่ โมโหคือ
บา้ ไม่โกรธดีกว่า จะไดไ้ ม่บา้ ไม่โง่” คาพดู คนอ่ืนไมค่ วรอนญุ าต
ใหม้ าทาลายความสงบสขุ ภายในใจตน

ดว้ ยกรอบความคิดต่างกันแบบนี้ คุณว่าเม่ือ 10 ปี หรือ
20 ปี หรือหมดสิน้ อายขุ ยั ลาจากโลกนีไ้ ปแลว้ ชีวิตคนทงั้ สอง
กล่มุ นีจ้ ะเหมือนกนั ไหม ? แน่นอน ไม่เหมือน! เพราะคนกลุ่ม

28

ทาสโพธิญาณ

แรกจะถูกจองจาอยูใ่ นกรอบความคดิ ตวั เอง ถูกดงึ ใหจ้ มด่งิ ในภพ
ภูมทิ ตี่ ่ากวา่ มนษุ ยล์ งไปเรอื่ ย ๆ สว่ นกลมุ่ ท่ีสองไปต่อได้ จงึ มีชีวติ
ประสบความสาเรจ็ เจรญิ เติบโตมากกว่า มีความสขุ ท่ีเหนือกว่า
เพราะถกู ดงึ ดดู จากภพภมู ทิ ่ีสงู สง่ กว่ามนษุ ยข์ นึ้ ไป

ตามหลกั ความเช่ือของพทุ ธศาสนา จกั รวาลประกอบดว้ ย
31 ภพภูมิ (ลองนึกภาพนาฬิกาทรายประกอบตาม) เสน้ แบ่ง
จุดตัดก่ึงกลางของทุกภพภูมิ คือภพมนุษย์ ต่าลงมาก็เป็นสตั ว์
เดรจั ฉาน ต่าลงไปอีกก็เปรต อสุรกาย และต่าสุดทุกขท์ รมาน
ท่ีสดุ ก็เป็นภพภมู สิ ตั วน์ รก

ในทางตรงกันขา้ ม สงู ขึน้ ไปกว่าภพมนุษย์ ก็เป็นภูมิของ
เทวดาเสพเสวยความสขุ สงู ขนึ้ ไปอีกก็เป็นพรหม สงู ย่ิงขนึ้ ไปอีก
ก็เป็นอรูปพรหม และสงู ท่ีสดุ บรสิ ทุ ธิ์หมดจดท่ีสดุ ก็นิพพาน เป็น
บรมสุข เรียกอีกอย่างว่า โลกุตตรภูมิ ซ่ึงมีความพิเศษสุด คือ
เป็นอิสระ หลดุ พน้ ออกจากตวั เรอื นนาฬกิ าทราย ไมถ่ กู ดึงดดู ยึด
ติดดว้ ยกฎแหง่ จกั รวาล และกาลเวลา

29

แก้วสารพดั นกึ ดึงดูดสารพัดอย่าง

กฎแรงดึงดูดบอกว่า เราไม่ไดด้ ึงดูดส่ิงท่ีเราตอ้ งการเขา้ สู่
ชีวิต แต่จะดงึ ดดู สง่ิ ท่ีสอดคลอ้ งกบั ตวั ตนท่ีเราเป็น ดงั นนั้ มนั จึง
สาคญั มากว่า ตวั ตนท่ีเราเป็นมนั ถกู ห่อหมุ้ ดว้ ยชดุ ความเช่ือชนิด
ใด เป็นชุดความเช่ือท่ีสะอาดบริสุทธิ์ หรือสกปรกมอมแมม
โสโครก

มนษุ ยจ์ ะถกู กกั ขงั หรือพนั ธนาการ ก็ดว้ ยนา้ มือของตนเอง
เท่านนั้ ชดุ ความคิด ความเช่ือ และการกระทาของเราเอง คือผู้
คมุ ขงั โชคชะตา เพราะหากมนั ต่าชา้ ก็จะทาใหเ้ ราเป็นเสมือนติด
อย่กู บั โซต่ รวน ตรงกนั ขา้ มหากมนั สงู สง่ ดีงาม มนั ก็จะปลดปลอ่ ย
เราเป็นอิสระ นึกคิดอะไรไดด้ งั ใจปรารถนา

ส่ิงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึน้ จากฟ้าบันดาล โชคช่วย หรือ
พรหมลขิ ติ แต่เกิดจากการกระทาเป็น “บุคลกิ ภาพ” หรอื “ตัวตน
ภายนอก” ไม่ว่าจะเป็นความสงู ศกั ดิ์ หรือต่าชาติ ความบดั ซบ
หรอื น่าเคารพเล่ือมใส ความขีโ้ กรธขีห้ งดุ หงดิ หรอื ความสงบเย็น
เป็นอสิ ระ ซ่งึ ทง้ั หมดนีเ้ ราเป็นผแู้ สดงออกมาเอง ดว้ ยชดุ ความคดิ

30

ทาสโพธญิ าณ

ความเช่ือ ความเข้าใจ ท่ีเรายึดติดถือม่ัน ใช้เป็ นหลักคิด
ประจาตวั

เห็นไหมว่า จุดตง้ั ตน้ ท่ีทาใหค้ นทง้ั สองกล่มุ นีม้ ีชะตาชีวิต
ต่างกันราวฟ้ากับเหวแบบนีก้ ็เพราะ “กรอบความคิด” หรือ
“กระบวนการคดิ ” หรอื วธิ ีคดิ , ทัศนคติ ของพวกเขาต่างกนั
ศพั ทแ์ สงในปัจจบุ นั นิยมเรยี กว่า Mindset (มายดเ์ ซต็ )

ติดกระดุมเม็ดแรก ทาความเขา้ ใจใหถ้ กู ตอ้ งกอ่ น

คาว่า Mindset ภาษาพระใชค้ าว่า ทิฏฐิ ซ่งึ ทฏิ ฐิก็แบง่ ได้
๒ ประเภท คือ สัมมาทิฏฐิ กับ มิจฉาทิฏฐิ ตัว ทิฏฐิ หรือ
Mindset นนั้ เปรยี บเสมอื น “เขม็ ทศิ ” จะชีน้ าทางเราไป

ถา้ เรามีทัศนคติท่ีดี เป็นทัศนคติแบบเติบโต ก็เรียกว่ามี
“สัมมาทิฏฐิ” ซ่ึงแปลว่า ความเห็นถูกตอ้ ง หรือความเห็นชอบ
ประกอบดว้ ยความรู้ ความเขา้ ใจ และความเช่ือ ตวั ความเห็น

31

แกว้ สารพดั นกึ ดึงดดู สารพดั อย่าง

หรือทัศนคติ จะยึดโยงอยู่กับหลักการท่ีถูกตอ้ ง ซ่ึงไดผ้ ่านการ
เรยี นรู้ ฝึกหดั ขดั เกลามาแลว้ อย่างดี

ในทางกลบั กนั ถา้ เรามีชดุ ความคิดไม่ดี เป็นความเห็นท่ี
ผิดจากทานองคลองธรรม เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ แปลว่า
ความเห็นท่ีไม่ถูกตอ้ ง เป็นทศั นคติแบบตีบตนั แต่ในท่ีนีผ้ เู้ ขียน
จะไม่ลงลึกไปมากกว่านี้ เพราะเราจะม่งุ เนน้ ไปท่ี สัมมาทิฏฐิ
ความเหน็ ท่ีถกู ตอ้ ง หรอื ความเห็นชอบ

คาถามคือ ความเห็นที่ถูกตอ้ ง หรือความเห็นชอบเป็ น
อย่างไร ?

ในฐานะพุทธบริษัท ตอ้ งทาความเข้าใจว่า หนทางอัน
ประเสริฐท่ีจะปลดเปลือ้ งตนออกจากความทุกขท์ ้งั ปวงได้ พระ
พุทธองคช์ ีไ้ ปท่ี อริยมรรคมีองค์ 8 ซ่ึงองคธ์ รรมหมายเลขหน่ึง
ทรงเรม่ิ ตน้ ท่ี “สัมมาทฏิ ฐิ” การทาความเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ ง

อะไรคอื ทกุ ข์

32

ทาสโพธญิ าณ

อะไรคอื เหตทุ ที่ าใหเ้ กิดทกุ ข์
อะไรคอื ความดบั ไม่เหลอื แหง่ ทกุ ข์
อะไรคอื ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ ความดบั ไมเ่ หลอื แหง่ ทกุ ข์

ทาความเขา้ ใจใหถ้ ูกตอ้ งก่อน เหมือนการติดกระดุมเม็ดแรกให้
ตรง ตงั้ Mindset ใหถ้ กู ตอ้ งก่อนว่า ความเกิดเป็นทกุ ข์ ความแก่
เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลดั พราก ความเดือดเนือ้
รอ้ นใจ ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคบั แคน้
ใจก็เป็นทกุ ข์ รวมความว่า อุปาทาน คือ ความยึดติดถือม่ัน
ในส่งิ ตา่ ง ๆ น่นั เองท่ีเป็นตวั ยดึ โยงอยกู่ บั ทกุ ข์ ยดึ ตดิ อย่กู บั สง่ิ ใดก็
ทกุ ขอ์ ยู่กับส่ิงน้ัน คียส์ าคญั ก็คือ ความไม่สบายกาย ความไม่
สบายใจ และการยดึ ตดิ ถอื ม่นั

#คุณว่า ความลาบากยากจนเป็นความไม่สบายกายใช่
หรือไม่ ? และความผิดหวงั โง่เขลา ทอ้ แท้ ลม้ เหลว จดั เป็น
ความไม่สบายใจใช่หรือไม่ ? ถ้าวันนีค้ ุณยังเป็นทุกขว์ นเวียน
ซา้ ซากอยู่กบั ส่ิงเหลา่ นี้ น่นั เป็นเพราะว่า จิตใตส้ านึกของคณุ ยงั

33

แก้วสารพดั นึก ดงึ ดูดสารพดั อย่าง

ยึดติดถือม่นั อยู่กับภาวะเหล่านี้ หากคุณตอบว่า ใช่! ลองตั้ง
คาถามต่อยอดดสู ิ

อะไรคอื เหตทุ ที่ าใหเ้ กดิ ความยากจน หรอื ความลม้ เหลว
อะไรคอื ฐานะทดี่ บั ไม่เหลอื ความยากจน หรอื ลม้ เหลว
อะไรคอื ขอ้ ปฏบิ ตั หิ รอื ฮาวทูใหถ้ งึ ฐานะดงั กล่าวนนั้ ?

อย่าเพ่ิงด่วนสรุปแบบนักบุญใจแคบ เพราะสัมมาทิฏฐิมีท้ัง
ระดบั โลกียะ และโลกตุ ตระ ในทางโลกย่ิงคณุ ปฏิเสธหรอื ตอ่ ตา้ น
คุณเองน่ันแหละ คือผู้ดึงดูดภาวะเหล่านี้เข้ามา ในทางจิต
วญิ ญาณ ถา้ คณุ ตอ้ งการหลดุ พน้ อยา่ งแทจ้ รงิ ไมใ่ ชแ่ คห่ นีปัญหา
โดยใช้ธรรมะเป็ นข้ออ้าง ก็ต้องบอกว่า “ประตูแห่งพระ
อริยบุคคลขอต้อนรับ!” และแน่นอนเรายงั ไปกนั ตอ่ ...

เหตทุ ่ีทาใหเ้ กิดทกุ ข์ ความทะยานอยาก อยากได้ อยากมี
อยากเป็นนู่น น่ี น่นั สารพดั ความอยาก คือเหตุท่ีทาใหเ้ กิดทกุ ข์
เรยี กวา่ “ตณั หา”

34

ทาสโพธิญาณ

ถา้ สามารถถอดถอนตณั หาอปุ าทานได้ ก็จะหลดุ พน้ จาก
การยึดติดถือม่นั จากทุกข์ เขา้ ส่คู วามดับไม่เหลือแห่งทุกข์ คือ
บรรลบุ รมสขุ สาเรจ็ มีอสิ รภาพ

ขอ้ ปฏิบตั ิหรือฮาวทูง่าย ๆ ก็คือ อริยมรรคม์ ีองค์ 8 เป็น
หนทางดาเนินไปสคู่ วามหลดุ พน้ จากทกุ ขท์ งั้ ปวงไดใ้ นท่ีสดุ

เม่ือทาความเห็น ความเขา้ ใจใหถ้ กู ตอ้ งไดแ้ บบนีแ้ ลว้ จึง
เรียกว่า “สัมมาทิฏฐิ” พอมีสมั มาทิฏฐิ มีความเห็นความเขา้ ใจ
ถกู ตอ้ งแลว้ ก็สง่ ผลใหม้ ีความคดิ ความดาริ การตงั้ จติ ตง้ั ใจ ซ่งึ
จะทาการต่าง ๆ ท่ีสอดคลอ้ งกับความเห็น และความเช่ือน้ัน
ความคิด ความตัง้ ใจ ความดาริ อันนีท้ ่านเรียกว่า “สัมมา
สงั กปั ปะ” ซ่งึ จะขอยกไวก้ ลา่ วถงึ ในบทตอ่ ไป

Mindset ทถ่ี กู ตอ้ ง ดงึ ดดู สารพดั อย่าง

ประเด็นท่ีน่าสนใจคือ ทั้งสองอย่างนี้ เป็ นเร่ืองของ
“ความคิด ความเขา้ ใจ” เพราะฉะนนั้ จึงเป็นเร่อื งของ “ปัญญา”

35

แกว้ สารพัดนึก ดงึ ดูดสารพัดอย่าง

ปัญญาท่านเปรียบเสมือนแสงสว่าง บางครงั้ ท่านก็เปรียบเป็นดงั
“ดวงแก้ว” เป็นแกว้ สารพดั นึก เพราะมีอานภุ าพบนั ดาลใหท้ กุ ส่งิ
ทกุ อยา่ งสาเรจ็ สมปรารถนา

ถึงตรงนีห้ ลายท่านอาจเห็นต่าง โดยเฉพาะสายกฎแรง
ดึงดูด บางครงั้ คุณอาจไม่รูไ้ ม่เขา้ ใจว่า ในเม่ืออธิษฐานขอแลว้
เช่ือก็เช่ือแลว้ ใส่ความรูส้ กึ รว่ มไปกบั จินตนาการว่าไดร้ บั ส่งิ นน้ั ก็
ทาแลว้ แต่ทาไมยงั ไมเ่ ห็นว่ีแววว่าจะไดร้ บั ส่งิ นนั้ เลย หรือกฎแรง
ดงึ ดดู ไมท่ างาน คาตอบคือ คุณขอ เชอื่ รบั แลว้ แต่มสี ่งิ หน่ึงท่ี
คุณยังไม่รู้และยังไม่ได้ทา ซ่ึงมันบล็อกคุณอยู่ ส่ิงนั้นก็คือ
“ตัณหา” ใช่ครบั ! ตัณหาคือความอยากไดใ้ นส่ิงน้ัน ดังท่ีพระ
พทุ ธองคต์ รสั ไวช้ ดั เจนถึงเหตทุ ่ีทาใหเ้ กิดทกุ ข์ คือ “ตณั หา”

แน่นอนว่า ผรู้ ูส้ ายกฎแรงดึงดดู พดู ไวถ้ ูกแลว้ แต่ยงั ไม่ถกู
ทงั้ หมด พวกเขายงั ไม่รูแ้ จง้ แทงตลอดสาย ท่ีสาคญั พวกเขามไิ ด้
บอกว่า ส่ิงใดท่ีเป็นอุปสรรคคอยขัดขวาง กฎแรงดึงดูดไม่ให้
ทางานไดเ้ ต็มประสทิ ธิภาพ คุณตอ้ งเขา้ ใจว่า ในจิตใตส้ านึกนน้ั

36

ทาสโพธิญาณ

ความอยากเท่ากับความขาดแคลน ย่ิงคุณอยากไดม้ ากเท่าไหร่
ในใจของคุณก็ย่ิงขาดแคลนมากขึน้ เท่าน้ัน เม่ือภายในคุณยัง
ปล่อยคล่ืนส่นั สะเทือนความขาดแคลนออกไป ส่ิงท่ีมนั จะดึงดดู
กลบั เขา้ มาก็มแี ตค่ วามขาดแคลนเทา่ นน้ั นกึ ภาพออกไหม

“ตัณหา” ความทะยานอยากน่ันเอง คือสาเหตุแห่งทุกข์
มนั อยู่ฝ่ ายลบ เป็นอกุศล ก่อกาเนิดขึน้ จากตัวตนภายในท่ีผิด
ทานองคลองธรรม ซ่งึ เราเป็นผสู้ รา้ งมนั ขนึ้ มาเองจากความอยาก
อนั เกินขอบเขต จากนัน้ จึงปรากฏรูปออกมาเป็นตวั ตนภายนอก
ท่ีโลภมาก เหน็ แก่ตวั จดั และชอบเบียดเบยี นผอู้ ่ืน

พระพุทธเจ้าตรัสฮาวทูหรือวิธีดับทุกข์ไว้ ก็เพ่ือให้เรา
สามารถดบั ทกุ ขก์ ายและทกุ ขใ์ จไดท้ างโลกและทางธรรม แบบท่ี
ไม่ขัดแยง้ กัน เขา้ ถึงความสุขสาเร็จสมหวังดังใจคุณปรารถนา
ดงั นนั้ ตามกฎแรงดงึ ดดู นอกจากกระบวนการ ขอ เช่ือ รบั แลว้
ขั้นตอนท่ีคุณตอ้ งทาต่อไปก็คือ กาจัด “ตัณหา” ความทะยาน
อยากในใจออกไป เรยี กงา่ ย ๆ ว่า คุณตอ้ งปลอ่ ยวางความอยาก

37

แก้วสารพดั นกึ ดึงดดู สารพัดอย่าง

ไดใ้ คร่มีในส่ิงน้ันออกไปใหไ้ ด้ จาไวว้ ่า “ยิ่งอยากจะยิ่งไม่ได้
แตเ่ มื่อละวางความอยากได้ จงึ ไดม้ าครองสมใจ”

ไม่เช่ืออย่าลบหลู่! ศรทั ธาตอ้ งมาค่กู บั ปัญญา ในขนั้ ตอน
นี้ ฟังดูอาจจะยอ้ นแย้งกันในทางตรรกะ และไม่มีสอนอยู่ใน
หนังสือเดอะซีเคร็ต แต่น่ีแหละคือสดุ ยอดเคล็ดวิชาแกว้ สารพดั
นึก ท่ีสายกฎแรงดึงดูดไม่ได้บอกคุณในเชิงปั ญญา แต่
พระพทุ ธเจา้ บอกไวอ้ ยา่ งชดั เจน น่ีคือ Mindset เป็น สัมมาทฎิ ฐิ
ในระดบั โลกียสขุ ซ่ึงถา้ คณุ ตงั้ ไวไ้ ดต้ รง ถกู ตอ้ ง ก็จะสอดคลอ้ ง
กนั กบั ส่ิงท่ีพระพทุ ธองคส์ อนไว้ “ตัณหา” คือเหตุทาใหเ้ กิดทุกข์
เม่ือถอดถอนตณั หาอปุ าทานได้ ก็จะหลดุ พน้ จากการยึดติดจาก
ทุกข์ สู่ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ บรรลุบรมสุข สาเร็จ มี
อสิ รภาพ

คาถามสดุ ทา้ ย ทาอย่างไรใหส้ ามารถตงั้ Mindset แบบที่
ไม่ขดั แยง้ กนั ในทางโลกและทางธรรม เพอื่ ดงึ ดูดไดส้ ารพดั ?

“พอเทา่ กับรวย”

38

ทาสโพธญิ าณ

น่นั แปลว่า คณุ ตอ้ งเปล่ียนตัณหาใหเ้ ป็นฉันทะ เปล่ียนค่าจ้าง
ใหเ้ ป็นประโยชน์ ยกตวั อย่าง คณุ อานาจ กล่ันประชา อดีต
ศิลปินนกั วาดรูปผปู้ ระสบความสาเรจ็ ระดับโลก มีผลงานเป็นท่ี
ยอมรบั ว่าเป็น Root of Asia กับผลงานสรา้ งช่ือ ทาโร่ 78 ภาพ
จดั พิมพเ์ ผยแพรอ่ อกไปกว่าหลายภาษาท่วั โลก คณุ อานาจ เล่า
ใหส้ ่ือฟังวา่

ตอนท่ีวาดรูปชุดนีอ้ ยู่ วนั หน่ึงก็มีฝร่งั ชาวองั กฤษมาติดต่อ
ขอซือ้ ภาพชุดนี้ เขาเสนอราคาใหถ้ ึง 12 ล้านบาท ท้ังท่ีคุณ
อานาจไม่เคยต้ังราคาภาพวาดไวเ้ ลยว่า จะตอ้ งมีราคาเท่าน้ัน
เท่านี้ คณุ อานาจแค่ตอ้ งการเอาหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา
เผยแพร่ออกไปด้วยการวาดรูป ไม่ได้คิดท่ีจะเอาไปขายเพ่ือ
ตอ้ งการความร่ารวยอะไร และดว้ ย Mindset ท่ีถูกตอ้ ง ในท่ีสดุ
กฎแห่งจกั รวาล ก็ดึงดูดชาวองั กฤษเขา้ มาติดต่อซือ้ ภาพชุดนีไ้ ป
คณุ อานาจเผยเคลด็ ลบั การตง้ั Mindset ไวว้ ่า

“ความรวยมนั ไมใ่ ช่คาตอบสดุ ทา้ ยของชีวิต เพราะว่าคนท่ี
รวย คนท่ีพยายามหาเงินเน่ีย ก็เพ่ือจะมีความสุข แต่ถ้าเรามี

39

แกว้ สารพดั นกึ ดึงดูดสารพดั อย่าง

ความสขุ ในปัจจุบันแลว้ มนั ก็อ่ิม มนั ก็เต็ม มันพอ มันย่ิงกว่า
ความร่ารวยอีกนะ ความรวยเป็นแต่ตวั เลขอย่ใู นธนาคาร ท่ีเรา
รูส้ กึ วา่ เรามตี วั เลขอยู่ แตว่ า่ เราไมม่ ีความสขุ ก็ไมเ่ กิดประโยชน์

ถา้ เรามีความสขุ ถึงจะมีตวั เลข หรือไม่มีตวั เลข มนั ก็อ่ิม
มนั เต็ม ย่ิงถา้ สามารถเอาส่ิงท่ีเรามี มาทาประโยชนไ์ ด้ แบง่ ปัน
คนอ่ืนได้ น่นั แหละคือความสาเรจ็ ในชีวิต”

และน่ีก็คือ Mindset ในแบบ สัมมาทิฏฐิ ของผู้ท่ีถูก
ขนานนามว่าเป็น “เศรษฐีที่แท้จริง” ปัจจุบนั นีค้ ณุ อานาจออก
บวชเป็นพระภิกษุนามว่า หลวงพ่ออานาจ โอภาโส ท่ีเราชาว
พทุ ธรูจ้ กั กนั ดีในนาม ผอู้ อกแบบก่อสรา้ งวดั พระธาตผุ าซ่อนแกว้
อนั เล่ืองช่ือ ทง้ั หมดท้งั มวลท่ีกล่าวนี้ ก็เพ่ือจะบอกคุณว่า แกว้
สารพดั นึก ดึงดดู สารพดั อย่าง ซ่อนอย่ภู ายในจิตใจของเราน่ีเอง
คร่ึงหน่ึงมาจากการมี “สัมมาทิฏฐิ” คือมีความเห็นท่ีถูกตอ้ ง
สว่ นอีกครง่ึ หน่ึงนนั้ มาจากความคิดชอบ ซ่งึ เราจะมาว่ากนั ในบท
ตอ่ ไป!!

40

ทาสโพธิญาณ

เคล็ดวชิ าแก้วสารพัดนกึ

“สัมมาทฏิ ฐิ”

Mindset หรอื ทศั นคติน่ีเอง บนั ดาลใหช้ ะตาชีวิต
คนเราตา่ งกนั แบง่ ออกเป็นสองประเภท
ชดุ ความคิดแบบตีบตนั กบั ชดุ ความคิดแบบเติบโต
คณุ เช่ือและใชว้ ธิ ีคิดแบบไหน ชีวิตคณุ ก็จะเป็นไปตามนน้ั
กฎแรงดงึ ดดู บอกวา่ เราจะดงึ ดดู ไดใ้ นส่งิ ท่ีเราเป็น
ดงั นน้ั ควรทาความเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ ง
เป็น “สัมมาทฏิ ฐิ” อนั ประกอบดว้ ยความรู้
ความเช่ือ และความเขา้ ใจ ซ่งึ ยดึ โยงอย่กู บั หลกั
การท่ีถกู ตอ้ ง ศรทั ธาตอ้ งมาค่กู บั ปัญญา
ปัญญาเปรยี บเหมือนแกว้ สารพดั นกึ ดงึ ดดู ไดส้ ารพดั อยา่ ง
ดว้ ยการถอดถอนตณั หา ความอยากออกไป
จากหลกั คิดง่าย ๆ ก็คือ “พอเทา่ กับรวย”!!

41

หากทา นชน่ื ชอบเนอ้ื หาในเลม น้ี
เรามฉี บับเตม็ จําหนาย ในรูปแบบ e-Book
ซ่ึงมรี ายละเอยี ดมากกวา และทานสามารถสัง่ ซ้อื ได
ที่ meb : https://bit.ly/2TqxBsc
ที่ Ookbee : https://bit.ly/2TT8NJG

ดวยรักและขอบคณุ !!
Butterfly Book

ผลงานหนงั สือของ ‘ทาสโพธญิ าณ’

หนังสือชดุ ธรรมะฮาวทู / จติ วทิ ยา

หลงั พงิ ตน โพธิ์ เดอะคียข อใหไดทกุ อยา ง

สดุ ยอดหนงั สอื ธรรมะประยุกต ท่ีผเู ขยี นนําฮาวทู ความลับเรือ่ งกฎแรงดงึ ดดู ผานการตรสั รูของ
และนิทานมาผสมผสานเขา กันอยางลงตัว อา นงา ย พระพุทธเจา ซึ่งสอดคลองกนั กบั กระบวนการ ขอ
ชวนหัว และเปน สจั ธรรมรว มสมัยท่ีนําไปใชไ ดจ ริง เช่อื รบั ที่รอนดา เบิรน เขียนไวในเดอะซเี ครต็

เดอะคียพ ลงั เนรมติ จิตใตสํานกึ เรื่องเลา เคลาฮาวทู

จิตใตส ํานึกแหลงขมุ พลังมหาศาล ถกู ปกปด เปน นิทานชวนอา นผสานกบั ฮาวทู เคล็ดวิชา แนวคดิ
ความลบั มาอยางยาวนาน พละ 5 คอื กุญแจไขขมุ สไตลก ารเลาในแบบฉบับเฉพาะตัว แลว คณุ จะชื่น
พลงั ซ่ึงจารึกไวในคัมภีรพ ระไตรปฎ ก แลวทานจะรู ชอบวิธีการเรอื่ งเลาแบบน้ี
วา จิตใตส ํานึก กลายเปนพลังเนรมติ ไดอ ยางไร

ถอดรหสั ซัคเซส อิทธบิ าท ๔ ไขรหัสลับจักรวาล ผานสมองสทิ ธตั ถะ

ทางลัดสูการพัฒนาตนเอง บทเรียนชวี ติ ทน่ี ําไปใชไ ด มนษุ ยคอื แสงสวาง พวกเราทกุ คนมาทนี่ ีเ่ พื่อพัฒนา
จริง ถอดรหัสความสําเรจ็ บุคคลขนั้ เทพแหงวงการ ตัวเองคืนกลบั สคู วามสวาง หนา ทขี่ องเราคือเปลง
เพือ่ ดึงศกั ยภาพสูงสดุ มาใช สูค วามสาํ เร็จอันย่งิ ใหญ ประกายตวั เอง เพอื่ สรางความเปล่ียนแปลง เพอื่
อทิ ธิบาท ๔ มีคําตอบ ชวยเหลือผอู ื่น และเพ่อื สงมอบของขวญั ใหก ับโลกน้ี


Click to View FlipBook Version