The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriporn, 2021-03-31 11:23:12

bio .02

bio .02

บทท่ี 15 16 17

จัดทำโดย
นำย กติ ตภิ พ ปุณณะเวส ม.5/8 เลขท่ี 10

นำเสนอโดย
คุณคูร นิชำภำ พฒั น์วชิ ัยโชติ

กล้ำมเนื้อหัวใจ ( Cardiac muscle) กำรแข็งตวั ของเลือด ( coagulation)

เป็นกลา้ มเน้ือลายชนิดหน่ึงที่อยนู่ อกอานาจจิตใจ คือกระบวนการซ่ึงทาใหเ้ ลือดกลายเป็นลิ่มเลือด เป็นกลไก
(involuntary) พบที่หวั ใจ ทาหนา้ ท่ีในการสูบฉีด สาคญั ของการหา้ มเลือด ทาใหเ้ กลด็ เลือดจบั กบั ไฟบรินกลาย
โลหิตไปยงั ระบบไหลเวยี นโลหิตโดยการหดตวั ของ เป็นล่ิมเลือด อุดรอยร่ัวของหลอดเลือด ทาใหเ้ ลือดไม่ไหลออก
กลา้ มเน้ือ จากหลอดเลือด หากมีความผดิ ปกติเกิดข้ึนกบั กระบวนการน้ี

อาจทาใหเ้ ลือดไม่แขง็ ตวั อยา่ งท่ีควรจะเป็น เกิดเลือดออกง่าย

หรือเลือดแขง็ ตวั ง่ายกวา่ ท่ีควรจะเป็น เกิดล่ิมเลือดในหลอด

เลือด

แกรนูโลไซต์ ( granulocyte) กลอบูลนิ ( Globulin)
คือสารประกอบโปรตีนในพลาสมา (น้าเลือด) ช่วยในการสร้าง
เป็นเซลลเ์ มด็ เลือดขาวที่มีแกรนูลอยภู่ ายในเซลล์ แอนติบอด้ีหรือภูมิคุม้ กนั ส่ิงแปลกปลอม
แบ่งยอ่ ยไดเ้ ป็น นิวโตรฟิ ล (neutrophil) มี
แกรนูลขนาดเลก็ นิวเคลียสมี 2-5 พู มีหนา้ ท่ีทาลายส่ิง
แปลกปลอมดว้ ยวธิ ีฟาโกไซโตซิส อีโอซิโนฟิ ล
(eosinophil) มีแกรนูลขนาดกลาง นิวเคลียสมี 2
พู มีหนา้ ที่ทาลายส่ิงแปลกปลอม และยบั ย้งั การสร้าง
สารก่อภูมิแพ้ เบโซฟิ ล (basophil) มีแกรนูลขนาด
ใหญ่ นิวเคลียสรูปร่างบิดเป็นรูป s หรือ m มีหนา้ ท่ี
ป้องกนั ไม่ใหเ้ ลือดแขง็ ตวั และหลง่ั สารฮิสตามีน
(histamine) ซ่ึงเป็นสารก่อภูมิแพ้

ของเหลวระหว่ำงเซลล์ (intercellular fluid) คลื่นไฟฟ้ำหัวใจ EKG (Electrocardiogram)
เป็นน้าท่ีอยรู่ อบๆ เซลล์ หรือน้าตามช่องวา่ งระหวา่ งเซลล์
มีหนา้ ที่ช่วยทาใหเ้ ยอื่ หุม้ เซลลช์ ุ่มช้ืนอยเู่ สมอ เพอ่ื ช่วยใน โดยปกติแลว้ หวั ใจสามารถทางานไดด้ ว้ ยกระแสไฟฟ้าเพ่ือคุม
การนาสารอาหาร หรือโภชนะต่าง ๆเขา้ สู่เซลลแ์ ละนาของ จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจ อีกท้งั ยงั มีผลต่อการทางานท่ีสัมพนั ธ์
เสียออกจากเซลล์ มีประมาณ 16-20% กนั ของหวั ใจท้งั 4 หอ้ ง หากไฟฟ้าที่ทาการควบคุมการทางาน
เกิดความผดิ พลาดจะส่งผลตอ่ อตั ราการเตน้ ของหวั ใจให้
ควำมดนั ซิสโตลี (Systolic blood pressure) ผดิ ปกติไดร้ วมถึงการดูเร่ืองของกลา้ มเน้ือหวั ใจขาดเลือด และ
หอ้ งหวั ใจที่โตผดิ ปกติ

หมายถึง แรงดนั เลือดในขณะท่ีหวั ใจบีบตวั ซ่ึงอาจจะสูงตาม
อายุ และความดนั ช่วงบนของคนคนเดียวกนั อาจมีค่าท่ีต่างกนั
ออกไป ตามท่าเคลื่อนไหวของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงของ
อารมณ์ และปริมาณของการออกกาลงั กาย

ควำมดันไดแอสโทลกิ กำรใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้ำหัวใจ (pacemaker

วดั ไดค้ า่ เท่ากบั 120 มม.ปรอท ส่วนคา่ ตวั ล่างเรียกวา่ implantation)
ความดนั ช่วงหวั ใจคลาย (ความดนั ไดแอส โต
ลิก:diastolic) หมายถึง ความดนั เม่ือหวั ใจคลายตวั เป็นหตั ถการเพื่อฝังอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์เขา้ ไปในผนงั
ซ่ึงจากตวั อยา่ งจะมีค่าเท่ากบั 80. มม.ปรอท นน่ั เอง เม่ือ หนา้ อกใตผ้ วิ หนงั ของผปู้ ่ วยเพือ่ กระตุน้ จงั หวะการเตน้ ของ
หวั ใจบีบตวั Systolic แรงดนั โลหิตในหลอดเลือดแดง หวั ใจ โดยทวั่ ไปเครื่องกระตุน้ ไฟฟ้าหวั ใจจะช่วยแกไ้ ข
จะมีแรงดนั นอ้ ยกวา่ แรงที่หวั ใจบีบตวั จงั หวะการเตน้ ของหวั ใจท่ีเตน้ ชา้ กวา่ ท่ีควรโดยส่ง
สัญญาณไฟฟ้าไปยงั หวั ใจหอ้ งท่ีทางานผดิ ปกติ
สัญญาณไฟฟ้าจะช่วยให้ ...

reverse transcriptase Inflammation

ในชีววทิ ยาโมเลกลุ และชีวเคมีนนั้ รีเวิร์สแทรนสคริปเทส การอกั เสบ (องั กฤษ: Inflammation) เป็นการ

(องั กฤษ: reverse transcriptase) เป็นเอนไซม์ ตอบสนองทางชีวภาพท่ีซบั ซ้อนของเนือ้ เยื่อหลอดเลือดต่อ

DNA polymerase ท่ีถอดรหสั single-stranded สงิ่ กระต้นุ ท่ีเป็นอนั ตราย เชน่ เชือ้ โรค เซลล์ที่เสอ่ื มสภาพ

RNA ให้เป็น double-stranded DNA นอกจากนนั้ หรือการระคายเคือง ซงึ่ เป็นความพยายามของสงิ่ มีชีวิตท่ี

ยงั ช่วยสร้าง double helix DNA หลงั จากที่ RNA ถกู จะนาสง่ิ กระต้นุ ดงั กลา่ วออกไปและซอ่ มแซมเนือ้ เยื่อท่ีถกู

reverse transcribed ให้เป็น single stranded ทาลาย การอกั เสบไมใ่ ชอ่ าการของการติดเชือ้ แม้ว่าการ

cDNA แล้วด้วย อกั เสบหลาย ๆ ครัง้ ก็เกิดขนึ ้ จากการตดิ เชือ้ เพราะวา่ การ

ตดิ เชือ้ นนั้ เกิดจากจลุ ชีพกอ่ โรคภายนอกร่างกาย แตก่ าร

transcription ปกตคิ ือการสร้าง RNA จากแมแ่ บบ อกั เสบคือการตอบสนองของร่างกายเพื่อตอ่ ต้านจลุ ชีพกอ่

DNA ซงึ่ reverse transcription ก็คือการทา โรคหรือตอ่ ปัจจยั อ่ืน ๆ เช่น การบาดเจ็บ สารเคมี สิ่ง

ย้อนกลบั (reverse) กระบวนการนี ้ แปลกปลอม หรือภมู คิ ้มุ กนั ตอ่ ต้านตนเอง

เซรุ่ม (Serum) เซลล์ความจา memory cell

เซรุ่ม (Serum) เป็นภมู คิ ้มุ กนั โรคท่ีฉีดเข้า เป็นลมิ โฟไซต์ชนิดบีซง่ึ เป็นสว่ นหนง่ึ ของระบบภมู ิค้มุ กนั แบบ
ร่างกายแล้วร่างกายสามารถนาไปใช้รักษาโรคได้ ปรับตวั เซลล์เหลา่ นีพ้ ฒั นาภายในศนู ย์สบื พนั ธ์ุของอวยั วะ

ทนั ที เพราะเซรุ่มเป็นแอนติบอดีท่ีสตั ว์สร้างขนึ ้ นา้ เหลอื งทตุ ยิ ภมู ิ เซลล์หนว่ ยความจา B จะไหลเวียนใน
เซรุ่มอาจทาได้โดยฉีดเชือ้ โรค ที่ออ่ นฤทธ์ิลงแล้วเข้า กระแสเลือดในสภาพทีห่ ยดุ นิ่งบางครัง้ เป็นเวลาหลายทศวรรษ
ไปใน ม้าหรือกระตา่ ย เม่อื ม้าหรือกระตา่ ยสร้าง [1] หน้าที่ของพวกเขาคือจดจาลกั ษณะของแอนตเิ จนท่ีกระต้นุ
เซลล์ B แมข่ องพวกมนั ในระหวา่ งการติดเชือ้ ครัง้ แรกเชน่ วา่
แอนตบิ อดีขนึ ้ ในเลือด เราจงึ ดดู เลอื ดม้าหรือ
กระตา่ ยที่เป็น นา้ ใส ๆ ซงึ่ มีแอนติบอดีอยู่ นามาฉีด หากเซลล์หนว่ ยความจา B พบแอนตเิ จนเดียวกนั ในภายหลงั ก็
ให้กบั ผ้ปู ่วย ตวั อยา่ งของเซรุ่ม เช่น เซรุ่มปอ้ งกนั โรค จะกระต้นุ ให้เกิดการตอบสนองของภมู ิค้มุ กนั ทตุ ยิ ภมู ิท่ีเร่งขนึ ้
คอตีบ เซรุ่มปอ้ งกนั โรคบาดทะยกั เซรุ่มปอ้ งกนั โรค และแข็งแกร่ง เซลล์หน่วยความจา B มีตวั รับเซลล์ B
ไอกรน เซรุ่มปอ้ งกนั โรคพิษสนุ ขั บ้า เซรุ่มแก้พษิ งู (BCRs) บนเย่ือห้มุ เซลล์ซงึ่ เหมือนกบั เซลล์ในเซลล์แมซ่ งึ่ ทา
เป็นต้น ให้พวกมนั สามารถจดจาแอนตเิ จนและติดตงั้ การตอบสนอง
ของแอนติบอดีท่ีจาเพาะได้

T cell เซลล์ทีทาลายสง่ิ แปลกปลอม

เป็นชนิดย่อยชนิดหนง่ึ ของเซลล์เม็ดเลอื ดขาวลมิ เซลล์ทีทาลายส่งิ แปลกปลอม (Cytotoxic T-Cell หรือ
โฟไซต์ที่มีบทบาทสาคญั ในการสร้างและพฒั นา CD8+) ชนิดนีจ้ ะทาลายสง่ิ แปลกปลอมหรือเซลล์ท่ีมีสง่ิ
ความสามารถของระบบภมู ิค้มุ กนั ของร่างกาย แปลกปลอม เช่น เซลล์มะเร็ง เซลล์ตดิ เชือ้ ไวรัส เซลล์จาก
เซลล์เหลา่ นีม้ กั ไมม่ ีบทบาทในการทาลายเซลล์อื่น อวยั วะทร่ี ่างกายปลกู ถ่าย เป็นต้น เซลล์ทีเมื่อได้รับเชือ้ โรค
หรือจบั กินสิ่งแปลกปลอม ไมส่ ามารถฆา่ เซลล์เจ้า ดงั กลา่ วแล้วจะเจริญและแบง่ ตวั มากมาย ซงึ่ สว่ นใหญ่จะเจริญ
บ้านท่ีติดเชือ้ หรือฆา่ จลุ ชีพกอ่ โรคได้ และถ้าไมม่ ี เป็นเซลล์ทีทาลายเชือ้ โรค และสว่ นหนง่ึ ก็จะกลายเป็นเซลล์ ...
เซลล์ระบบภมู คิ ้มุ กนั อ่ืน ๆ เซลล์ชนิดนีอ้ าจถกู มอง
วา่ ไมม่ ีประโยชน์ได้ เซลล์ทีเฮลเปอร์มีบทบาทใน
การกระต้นุ และชีน้ าการทางานของเซลล์ระบบ
ภมู คิ ้มุ กนั อ่ืน ๆ และถือวา่ มีบทบาทสาคญั ใน
ระบบ

เซลล์ทีผ้ชู ว่ ย (helper T cell) เซลล์นาเสนอแอนตเิ จน

- เซลล์ทีผ้ชู ว่ ย (helper T cell) ซงึ่ คือสารใด ๆ ที่กระต้นุ ให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทางภมู คิ ้มุ กนั
กระต้นุ การทางานและการแบง่ เซลล์ของ แบบปรับตวั (adaptive immune response)
เซลล์เมด็ เลอื ดขาว ในการตอบสนอง แอนตเิ จนมกั เป็นสารที่แปลกปลอมหรือเป็นพษิ ตอ่ ร่างกาย (เช่น
ดงั กลา่ วเซลล์บีและเซลล์ทีบางสว่ นจะ ตวั เชือ้ แบคทเี รีย) ซง่ึ เม่ือเข้ามาในร่างกายแล้วจะถกู จบั โดย
พฒั นาไปเป็นเซลล์ความจา (memory แอนติบอดีที่มีความจาเพาะ แอนติบอดีแตล่ ะชนิดถกู ออกแบบ
Cell) ที่มีความจาเพาะตอ่ แอนติเจนนนั้ มาเพ่ือตอบสนองกบั แอนติเจนชนิดหนง่ึ ๆ เนื่องจากมีความ
ทาให้เม่ือได้รับแอนติเจนชนิดเดมิ อีกในครัง้ แตกต่างอย่างจาเพาะในสว่ นจบั คอมพลเี มนท์
ตอ่ ไป จะตอบสนองและสร้างแอนติบอดีได้ (complementary determining region) ของ
อยา่ งรวดเร็ว แอนตบิ อดีนนั้ ๆ (มกั เปรียบเทียบวา่ เหมือนการจบั ค่กู นั ได้พอดี
ของลกู กญุ แจกบั แมก่ ญุ แจ) ผ้เู สนอให้ใช้คาวา่ แอนติเจนคือ
ลาสโล เดเทอร์ (László Detre) ซงึ่ ใช้ครัง้ แรกในบทความ
วิชาการที่เขียนร่วมกบั อีลี เมตช์นิคอฟ (Élie
Metchnikoff) ในปี ค.ศ. 1903

บเี ซลล์ พลาสมาเซลล์ (plasma cell

บีเซลล์ (องั กฤษ: B lymphocyte, B cell) เป็นเซลล์ พลาสมาเซลล์ (plasma cell, plasma B cell,
เมด็ เลอื ดขาวประเภทลมิ โฟไซต์ ซงึ่ เม่ือถกู กระต้นุ ด้วยสาร plasmocyte) เป็นเซลล์เมด็ เลอื ดขาวท่ีมีหน้าท่ี
แปลกปลอมหรือแอนติเจนจะพฒั นาเป็นพลาสมาเซลล์ที่มี สร้าง antibody ขนสง่ ทางนา้ เลือด (blood
หน้าที่หลงั่ แอนติบอดีมาจบั กบั แอนตเิ จน บีเซลล์มีแหลง่ กาเนิด plasma) และ ระบบนา้ เหลอื ง (lymphatic

ในร่างกายจากสเต็มเซลล์ ที่ชื่อวา่ "Haematopoietic system) โดยพลาสมาเซลล์นนั้ ถกู สร้างขนึ ้ ท่ีไข

Stem cell" ที่ไขกระดกู พบครัง้ แรกท่ีไขกระดกู บริเวณก้น กระดกู (bone marrow) เม่ือออกจากไขกระดกู ก็

กบของไก่ ทีช่ ื่อวา่ Bursa of Fabricius จงึ ใช้ชื่อวา่ "บี จะเป็น B cell กอ่ นที่จะมีการเปลี่ยนแปลงลกั ษณะมา
เซลล์" (บางแหง่ อ้างวา่ B ยอ่ มาจาก Bone Marrow เป็นพลาสมาเซลล์ พบได้ท่ีตอ่ มนา้ เหลอื ง
หรือไขกระดกู ซงึ่ เป็นที่กาเนิดของบีเซลล์ แตน่ ่ีเป็นเพียงความ

บงั เอิญเทา่ นนั้ ) ในขณะที่ ลมิ โฟไซต์อีกชนิด คือ ทีเซลล์ ถกู

ค้นพบครัง้ แรกที่ไขกระดกู บริเวณไทมสั จงึ ใช้ช่ือว่า "ทีเซลล์"

กรวยไต กระเพาะปัสสาวะ

กรวยไตเป็นอวยั วะที่มีลกั ษณะเป็นโพรง เป็นส่วนตอ่ กระเพาะปัสสาวะ (องั กฤษ: urinary bladder) เป็น
กบั ทอ่ ไต ทาหน้าที่รองรับนา้ ปัสสาวะที่กรองแล้วจาก อวยั วะซง่ึ เก็บปัสสาวะที่ไตขบั ถา่ ยออกมากอ่ นกาจดั ออกจาก
เซลล์ของไต จากนนั้ จงึ นาสง่ ไปท่ีทอ่ ไต ร่างกายโดยการถ่ายปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะเป็นอวยั ะ
ยืดหยนุ่ และเป็นกล้ามเนือ้ แอง่ อยู่ ณ ฐานเชิงกราน ปัสสาวะ
เข้าสกู่ ระเพาะปัสสาวะทางทอ่ ไตและออกทางทอ่ ปัสสาวะ
ปริมาตรของกระเพาะปัสสาวะระบไุ ว้ระหวา่ ง 500 ถงึ 1000
มิลลลิ ิตร[1]

การกรอง การดดู กลับ

การกรอง คือ การแยกสารผสมท่ีมีสถานะเป็น การดดู ซมึ กลบั และขบั ออกที่หลอดไตฝอย หน้าที่ของหลอดไต
ของแข็งออกจากของเหลว โดยใช้กระดาษกรองซง่ึ ฝอยในการดดู หรือขบั สารบางอยา่ งไปเรียกวา่ การขนสง่ ด้วย
มีรูพรุนขนาดเลก็ ทาให้อนภุ าคของของแข็งนนั้ ไม่ หลอดไตฝอย (tubular transportation) ซงึ่ แบง่ ได้
สามารถผ่านกระดาษกรองได้ สว่ นอนภุ าคของ เป็น ๒ อยา่ ง คอื ก. การดดู ซมึ ด้วยหลอดไตฝอย (tubular
ของเหลวจะผ่านกระดาษกรองได้ ซง่ึ ใน reabsorption) คือ การดดู สารตา่ งๆ ท่ีกรองออกมาใน
ชีวติ ประจาวนั เราจะค้นุ เคย กบั การกรองในรูปของ หลอดไตกลบั เข้าร่างกายซงึ่ ไตทาหน้าที่นี ้เป็นส่วนใหญ่
การใช้ผ้าขาวบางในการคนั้ นา้ กะทจิ ากมะพร้าว
แผน่ กรองอากาศในเคร่ืองปรับอากาศ อปุ กรณ์
กรองนา้ สะอาดในเคร่ืองกรองนา้ เป็นต้น

การสร้ างปั สสาวะ secretion

การสร้างปัสสาวะของไต เริ่มจากเลือดแดง การหลง่ั คือการเคลื่อนย้ายของวสั ดจุ ากจดุ หนง่ึ ไปยงั อีกจดุ หนง่ึ
ไหลเข้าสไู่ ตทงั้ 2 ข้าง ประมาณ 1,200 ลติ ร/ เช่นสารเคมีที่หลงั่ ออกมาจากเซลล์หรือตอ่ ม ในทางตรงกนั ข้าม
นาที ไตจะทาหน้าท่ีดดู ซมึ สารตา่ งๆ ท่ีเป็น การขบั ถ่ายคือการกาจดั สารหรือของเสยี บางอยา่ งออกจาก
ประโยชน์กลบั เข้าสรู่ ่างกายและขบั สารท่ีไม่ เซลล์หรือสง่ิ มีชีวติ กลไกการหลงั่ เซลล์แบบคลาสสิกคือผ่าน
ต้องการทงิ ้ ไปใน ปัสสาวะ ปัสสาวะจากท่อ ทางพอร์ทลั สารคดั หลงั่ ท่ีเยื่อห้มุ พลาสมาของเซลล์ท่ีเรียกว่าโพ
รวมจะไหลเข้าสกู่ รวยไตและหลอดไต เพื่อ โรโซม Porosomes
นาไปเกบ็ ไว้ในกระเพาะปัสสาวะและขบั ออก
จากร่างกาย ขบวนการสร้างปัสสาวะ
ประกอบด้วย 3 ขนั้ ตอน ...

โกลเมอรูลัส ของเหลวท่ผี า่ นการกรอง

โกลเมอรูลสั (ระบบรู้กลนิ่ ) เป็นโครงสร้างนิวโรพลิ รูปกลมใน ย่ือกรองจะยอมให้ของเหลวและสารโมเลกลุ เลก็ ๆ ที่

ป่องรับกล่ินของสมอง เป็นที่เกิดไซแนปส์ระหวา่ งปลายฆาน ละลายในพลาสมาผา่ นออกมาได้ ได้แก่ นา้ กลโู คส

ประสาท (olfactory nerve) และเดนไดรต์ของเซลล์ กรดอะมโิ น วติ ามิน เกลือแร่ เชน่ โซเดียม โพแทสเซียม

ไมทรัล, ของเซลล์ประสาทรอบโกลเมอรูลสั คลอไรด์ ไบคาร์บอเนต และยเู รีย แตไ่ มย่ อมให้สาร

(periglomerular cell), และของ tufted cell โมเลกลุ ใหญ่ เชน่ โปรตีน ไขมนั และเมด็ เลือดผา่ น

โกลเมอรูลสั (ไต) เป็นกระจกุ หลอดเลอื ดฝอย ทาหน้าท่ีกรอง ออกมาได้ ของเหลวที่กรองผ่านโกลเมอรูลสั ออกมา

เลือดขนั้ แรก อยทู่ ี่จดุ เร่ิมต้นของหนว่ ยไต (nephron) ซงึ่ เรียกวา่ ของเหลวท่ีกรองได้ หรือโกลเมอรูลาร์

เป็นโครงสร้างรูปทอ่ ท่ีมีหน้าที่กรองเลือดแล้วสร้างเป็นปัสสาวะ

ในไต

ของเหลวภายนอกเซลล์ ของเหลวภายในเซลล์

ร่างกายมนษุ ย์มีนา้ เป็นสว่ นประกอบประมาณ 60 . ไซโทพลาซมึ (Cytoplasm) เป็นสว่ นประกอบท่เี ป็น
% ของนา้ หนกั ตวั โดยแบง่ เป็นนา้ ท่ีประกอบเป็น ของเหลวอยภู่ ายในเซลล์ มีสารท่ีละลายนา้ ได้ เช่น โปรตีน
ไขมนั เกลือแร่ ฯลฯ ประกอบด้วยหนว่ ยเลก็ ๆ ท่ีสาคญั หลาย
ของเหลวในเซลล์ (Intracellular fluid) ชนิด ดงั นี ้3.1 ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) เป็น
และ ของเหลวนอกเซลล์ (Extracellular โครงสร้างที่มีลกั ษณะยาวรีเป็นแหลง่ ผลติ สาร ที่มีพลงั งานสงู
fluid) ของเหลวนอกเซลล์ประกอบด้วยสว่ นที่อยู่ ให้แก่เซลล์
ในหลอดเลือดคือ พลาสมา อยใู่ นหลอดนา้ เหลือง

(lymph) และของเหลวระหวา่ งเซลล์
(interstitial fluid) ซง่ึ สว่ นหลงั นีม้ ีประมาณ
80 ...


Click to View FlipBook Version