รายงานโครงงานวิชาชพี ภูมทิ ศั น์
เรอ่ื ง
แนวทางการออกแบบกระถางต้นไม้จากพลาสวดู
โดย
นาย วชิ ญพ์ ล แก้วมณี
รหสั 6119101312
สาขาเทคโนโลยีภมู ิทศั น์ คณะสนถาปตั กรรมศาสตรแ์ ละการออกแบบสงิ่ แวดลอ้ ม
มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้
ปกี ารศกึ ษา 2564
อนมุ ตั ิโครงงาน
ชอ่ื โครงงาน แนวทางการออกแบบกระถางตน้ ไมแ้ บบติดผนังจากพลาสวดู
ชื่อผู้เขยี น นาย วิชญพ์ ล แกว้ มณี
สาขาวิชา
คณะมหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยภี มู ทิ ัศน์
ปกี ารศกึ ษา คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม
มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้
ชื่ออาจารยท์ ่ีปรกึ ษา 1/2564
ผศ. อจั ฉรี เหมสนั ต์
ลงนาม .................................................
ลงนาม .................................................
ช่ือโครงงาน แนวทางการออกแบบกระถางตน้ ไมแ้ บบติดผนงั จากพลาสวูด
ช่ือผู้เขยี น นาย วิชญ์พล แก้วมณี
สาขาวชิ า เทคโนโลยีภมู ทิ ัศน์
ปีการศึกษา 1/2564
บทคัดย่อ
งานวจิ ยั น้ีมจี ุดประสงค์เพอ่ื วิเคราะห์ความสามารถของพลาสวดู ในการนามาประยุกต์สาหรบั การ
ใชง้ านในงานภูมทิ ัศน์โดยท่โี ครงงานนจี้ ะนาเสนอออกมาในรูปแบบของกระถางต้นไม้ โดยทีว่ ตั ถุประสงค์ที่
ทาการศกึ ษาคือการสรา้ งแนวทางในการออกแบบกระถางต้นจากพลาสวดู โดยทีจ่ ะมกี ารตงั้ สมมตุ ิฐาน
ทว่ี า่ กระถางทีผ่ ลติ มาจากพลาสวดู จะตอ้ งมดี ีไซล์ทีส่ วยงามและยงั ต้องคงคณุ สมบตั ิท่มี าจากพลาสวูดได้
อย่างครบถ้วน โดยมีรายละเอยี ด ดังน้ี ตัวกระถางที่ได้จะตอ้ งมีดีไซลท์ ่ีสวยงาม ตวั กระถางจะต้องยังคง
คณุ สมบัติจากพลาสวูดได้ ในการศึกษาจะทาการออกแบบกระถางมา 2 รปู แบบ เพือ่ เปน็ การทดลอง
ประสิทธภิ าพ โดยจะทาการทดลองด้วยการทดลองปลกู เปน็ ระยะเวลา 10-12 วนั โดยทจี่ ะใชต้ วั แปรใน
การทดลองทเ่ี หมอื นกนั เชน่ วสั ดปุ ลกู การใหน้ า้ เปน็ ต้น
ผลสรปุ จากการทดลองพบว่ากระถางท่ีได้ทาการออกแบบและทาการผลิตมาจากพลาสวูดดไี ซล์ที่
สวยงามและยงั คงคุณสมบัตทิ ีม่ าจากพลาสวดู ได้อยา่ งครบถ้วน โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ ตัวกระถางท่ไี ด้
จะตอ้ งมดี ีไซลท์ ส่ี วยงาม ตวั กระถางจะตอ้ งยงั คงคณุ สมบตั ิจากพลาสวดู ได้ เช่น ทนต่อความช้ืน ทนน้า
หรอื พน้ื ท่เี ปียกชื้นไดด้ ี ไม่บวมหรอื พองตัวเมื่อสมั ผสั นา้ นา้ หนักเบา
คาสาคญั : เพ่อื เปน็ การสร้างแนวทางการนาเอาพลาสวูดไปปรับใชใ้ นงานภมู ิทศั น์ในมติ ิอื่นๆ
กติ ตกิ รรมประกาศ
โครงงานนสี้ าเรจ็ ลลุ ่วงดว้ ยความกรณุ ามาจาก ผศ. อจั ฉรี เหมสนั ต์ เป็นอาจารย์ทป่ี รกึ ษา
โครงงานทไ่ี ด้ให้คาแนะนา แนวความคิด ตลอดจนแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเลม่ น้ี
เสร็จสมบรู ณ์ ผู้ศึกษาจงึ ขอกราบขอบพระคุณเป็นอยา่ งสูง
ขอกราบขอบพระคุณคณะอาจารยข์ องสาขาเทคโนโลยีภูมทิ ศั น์ คณะสนถาปตั กรรมศาสตร์และ
การออกแบบสิง่ แวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทีไ่ ด้ทสี ว่ นช่วยในการสนับสนนุ ใหก้ ารเรยี นรจู้ นประสบ
ผลสาเรจ็ ขอขอบคุณผู้ปกครอง ทไี่ ดใ้ ห้คาปรกึ ษาในเรอ่ื งต่างๆรวมท้ังเป็นกาลังใจทีด่ เี สมอมา และ
ขอขอบคุณเพ่ือนๆ ทกุ คนทม่ี สี ว่ นช่วยแนะนาการทาโครงงาน การใช้คอมพวิ เตอร์ การเขียนรูปเลม่
โครงงาน และการใช้งานโปรแกรม
นาย วชิ ญ์พล แกว้ มณี
สารบญั เร่ือง
เรื่อง หนา้
หนา้ อนุมตั โิ ครงงาน ก
ข
บทคัดยอ่ ค
กติ ตกิ รรมประกาศ 1
1
สารบญั 1
1
สารบญั รปู ภาพ
2
สารบัญตาราง 7
9
โครงงานเรื่อง แนวทางการออกแบบกระถางต้นไม้แบบติดผนังจากพลาสวูด 14
19
บทท่ี 1 บทนา 23
28
1.1 หลกั การและเหตุผล /ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา
1.2 จุดมุ่งหมาย/วตั ถปุ ระสงค์
1.3 สมมตุ ฐิ านของการศกึ ษาโครงงาน
1.4 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั
บทที่ 2 การทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง กติ ตกิ รรมประกาศ
2.1 พลาสวดู PLASWOOD
2.2 กระถางตน้ ไม้แบบแขวน
2.3 เทคนคิ งานชา่ ง การเขา้ ไม้.
2.4 หลักการออกแบบผลิตภัณฑ์
2.5 ไม้ประดับ
2.6 วสั ดุปลูกไม้กระถาง
2.7 การจกั สาน
สารบัญเรอ่ื ง(ต่อ)
บทที่ 3 วธิ กี ารศกึ ษาโครงงาน หนา้
บทที่ 4 3.1 ขอบเขตของการศึกษาโครงงาน
3.2 ขนั้ ตอนวิธีดาเนนิ การศึกษาโครงงาน 30
บทท่ี 5 3.3 วสั ดุอุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ีใช้ 31
ผลการศึกษาและการอภิปรายผล 35
บรรณานกุ รม 4.1 ผลการศกึ ษา
ประวัตผิ ศู้ ึกษา 36
ภาคผนวก 4.1.1 แบบของกระถางทีไ่ ด้ทาการออกแบบ 47
4.1.2 การปลูก 48
4.1.3 การคดั เลือกพรรณไม้ 50
4.1.4 การทดลองปลูก 53
4.1.5 ประเมนิ ประสิทธิภาพ 65
4.2 การอภิปรายผล
สรปุ ผลการศกึ ษา 69
5.1 สรปุ ผลการศึกษา 69
5.2 ขอ้ จากัดของการศึกษา 69
5.3 การประยกุ ต์ผลการศกึ ษา 69
5.4 ขอ้ เสนอแนะ
สารบญั รูปภาพ หนา้
2
ภาพที่ 4
2.1 วัสดุพลาสวูด 4
2.2 ตราพระอาทติ ย์ (Sun Plastwood) 5
2.3 ราคาขายพลาสวดู ตราพระอาทติ ย์ 5
2.4 ตราช้าง (Elephant Plastwood) 6
2.5 ราคาขายพลาสวูดตราช้าง 6
2.6 ตรานก (Light Plastwood) 8
2.7 ราคาขายพลาสวดู ตรานก 9
2.8 กระถางดินเผา 10
2.9 กระถางพลาสติก 11
2.10 กระถางเซรามคิ 11
2.11 การเข้าไม้แบบต่อชน (Butt Joints) 12
2.12 ชุดภาพตัวอยา่ งการเข้าไม้แบบตอ่ ชน 12
2.13 การเขา้ ไมแ้ บบต่อชน (Butt Joints) 13
2.14 ชุดภาพตัวอย่างการเขา้ ไม้แบบบงั ใบ 13
2.15 การเข้าไมแ้ บบร่องลิ้น (Tongue and groove) 14
2.16 ชุดภาพตวั อย่างการเข้าไมแ้ บบร่องลิน้ 14
2.17 การเขา้ ไม้แบบเดือยหางเหย่ยี ว (The Dovetail Wood Joint) 15
2.18 การเขา้ ไมแ้ บบ Dovetail Halving Joint 16
2.19 ตวั อยา่ งการใชร้ ูปทรงธรรมชาตเิ พือ่ ออกแบบผลิตภณั ฑ์
2.20 ตัวอยา่ งการออแบบโตะ๊ โดยการคานงึ ถึงหน้าที่ใช้สอย
สารบัญรปู ภาพ(ต่อ) หนา้
ภาพที่ 17
2.21 ทค่ี รอบลูกบิดประตูเพ่อื ปอ้ งกันไฟฟา้ สถติ 19
2.22 ตัวอยา่ งการขนส่งในทางต่างๆ 20
2.23 ชดุ ภาพพลดู ่าง 21
2.24 ภาพเฟริ ์น 21
2.25 ภาพบอนสี 22
2.26 ชุดภาพพันธ์ุไมท้ นี่ ยิ มปลกู ในกระถาง 22
2.27 ชดุ ภาพพันธไ์ุ ม้ทนี่ ิยมปลกู ในรม่ 23
2.28 ชุดภาพพนั ธุ์ไมท้ นี่ ิยมปลูกกลางแจง้ 24
2.29 ดนิ สาหรบั ปลกู ไม้กระถาง 24
2.30 หนิ ภเู ขาไฟสาหรบั ปลกู ไมก้ ระถาง 25
2.31 พีตมอสสาหรบั ปลูกไม้กระถาง 25
2.32 กาบมะพรา้ วสาหรับปลูกไม้กระถาง 26
2.33 แกลบเผาสาหรบั ปลูกไม้กระถาง 26
2.34 ดนิ ญ่ปี ุ่นสาหรับปลูกไมก้ ระถาง 27
2.35 เพอร์ไลตส์ าหรับปลกู ไมก้ ระถาง 27
2.36 เม็ดดนิ เผาสาหรับปลกู ไม้กระถาง 28
2.37 ผลิตภัณฑท์ เี่ กดิ จากกระบวนการผลิตดว้ ยการจกั สาน 30
3.1 กรอบแนวความคิดการศึกษาโครงงาน 32
3.2 สัดส่วนของกระถาง 32
3.3 วัสดปุ ลกู ภายในกระถาง 33
3.4 ปริมาณการใหน้ ้าในชว่ งทดลองปลกู
สารบัญรูปภาพ(ต่อ)
ภาพที่ หนา้
4.1 ชุดภาพกระถางรูปแบบประกอบชิน้ ส่วน 36-37
4.2 ชุดภาพแสดงชน้ิ ส่วน และการประกอบด้าน 6 ด้าน 38
4.3 ชุดภาพแสดงการประกอบยึดติดชนิ้ สว่ นให้แข็งแรง 38
4.4 ชดุ ภาพขน้ั ตอนการสรา้ งกระถางรูปแบบประกอบชิ้นสว่ น 39
4.5 ขั้นตอนการสร้างสว่ นฐานล่าง 39
4.6 ข้ันตอนการสรา้ งส่วนล่างและการเจาะรูกน้ กระถาง 40
4.8 ชุดภาพกระถางรูปแบบประกอบชิน้ ส่วนและจกั สารตกแต่งภายนอก 41-42
4.9 ภาพชดุ ขัน้ ตอนการสรา้ งกระถางรปู แบบประกอบชิ้นส่วนและจกั สานตกแต่งภายนอก 43
4.10 ภาพชดุ ขั้นตอนการสรา้ งกระถางรูปแบบประกอบชิ้นส่วนและจักสารตกแตง่ ภายนอก 43
4.11 ภาพชดุ การประกอบส่วนกระถางด้านในรปู ทรง 8 เหลยี่ ม 44
4.12 ภาพชุดแสดงการจักรสานลายตารางหมากรกุ รปู ทรงกลม 45
4.13 ภาพชดุ ขัน้ ตอนการสร้างกระถางรปู แบบประกอบชิ้นสว่ นและจักสานตกแตง่ ภายนอก 46
แสดงการตกแตง่ ภายนอกกระถาง 47
4.14 ชดุ ภาพตาขา่ ยพลาสตกิ รองกระถาง
4.15 ชุดภาพดนิ ผสมสูตรสาเรจ็ แม่โจ้ 47 ดิน 47
4.16 ชดุ ภาพกาบมะพรา้ วสบั 48
4.17 ต้นเล็บครุฑด่างท่ไี ด้เลอื กเข้ามาทาการทดลองปลูกในกระถางรูปแบบประกอบชนิ้ สว่ น 49
4.18 ต้นยางอินเดยี แดงท่ไี ด้เลอื กเข้ามาทาการทดลองปลกู ในกระถางรปู แบบประกอบ 50
ช้นิ สว่ นและจกั สานตกแต่งภายนอก 50
4.19 แก้วที่ใชร้ ดน้าในช่วงทดลองปลูก
4.20 ตัวอย่างในการรดน้าในชว่ งทดลองปลกู 51
4.21 ภาพกระถางแบบท่ี 1 ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ การให้นา้ ดแู ลรกั ษาปลกู เลยี้ ง 51
ในชว่ ง 2 สปั ดาห์
สารบญั รูปภาพ(ต่อ)
ภาพท่ี หนา้
4.22 ภาพกระถางแบบที่ 2 ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ การให้น้าดแู ลรกั ษาปลกู เลี้ยง 52
ในชว่ ง 2 สปั ดาห์ 54
4.23 กระถางรปู แบบประกอบช้ินสว่ นขนาดเลก็ 56
58
4.24 กระถางรูปแบบประกอบชิน้ ส่วนขนาดกลาง 60
62
4.25 กระถางรปู แบบประกอบชิ้นสว่ นขนาดใหญ่ 64
4.26 กระถางรูปแบบประกอบชน้ิ ส่วนและจักสารตกแต่งภายนอกขนาดเล็ก
4.27 กระถางรปู แบบประกอบชน้ิ ส่วนและจักสารตกแต่งภายนอกขนาดกลาง
4.28 กระถางรปู แบบประกอบชน้ิ สว่ นและจักสารตกแต่งภายนอกขนาดใหญ่
สารบญั ตาราง
ตารางที่ หน้า
7
2.1 ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ของกระถางดินเผา 8
9
2.2 ข้อดแี ละขอ้ เสยี ของกระถางพลาสติก 31
2.3 ขอ้ ดแี ละข้อเสยี ของกระถางเซรามิค 34
3.1 สัดส่วนของกระถางท่ใี ช้ในการทดสอบ โดยสดั ส่วนคอื 53
กว้างxยาวxสงู = 1:1:1 55
57
3.2 ตวั อย่างแบบประเมนิ ประสิทธิภาพของผลติ ภัณฑ์กระถาง 59
2 รูปแบบ 3ขนาด 61
63
4.1 แบบประเมินกระถางรูปแบบประกอบช้นิ สว่ นขนาดเล็ก
4.2 แบบประเมนิ กระถางรปู แบบประกอบช้นิ ส่วนขนาดกลาง
4.3 แบบประเมินกระถางรปู แบบประกอบชน้ิ ส่วนขนาดใหญ่
4.4 แบบประเมินกระถางรปู แบบประกอบช้ินส่วนและจักสารตกแตง่ ภายนอกขนาดเลก็
4.5 แบบประเมินกระถางรูปแบบประกอบชิ้นส่วนและจักสารตกแตง่ ภายนอกขนาดกลาง
4.6 แบบประเมินกระถางรปู แบบประกอบชิน้ ส่วนและจักสารตกแตง่ ภายนอกขนาดใหญ่
1
บทที่ 1 บทนำ
1.1 หลักกำรและเหตุผล
ในปัจจุบันได้เกิดควำมนิยมที่จะนำต้นไม้เข้ำมำปลูกในบ้ำนเป็นจำนวนมำก โดยเฉพำะไม้
กระถำง ซึ่งในปัจจุบัน พบว่ำมกี ระถำงหลำกหลำยรูปแบบ ไม่ว่ำจะเปน็ กระถำงพลำสติก กระถำงดิน
เผำ กระถำงไม้ กระถำงรปู หลอ่ ซีเมนต์ หรือรูปแบบอ่ืนๆ แต่ท้ังหมดที่กล่ำวมำนี้ล้วนมีทั้งข้อดีและขอ
เสียที่แตกต่ำงกันออกไป เช่น กระถำงพลำสติกมีให้เลือกรูปทรงเป็นจำนวนมำกแต่เม่ือโดยแดดจะ
เสอ่ื มสภำพอย่ำงรวดเรว็ กระถำงทที่ ำมำจำกไม้น้ันมีควำมแข็งแรงทนทำนแต่เมื่อสัมผัสกับน้ำไปนำน
วันจะทำให้บวมผไุ ด้ เป็นตน้
จำกท่กี ลำ่ วมำข้ำงตน้ นจ้ี ึงเกิดเป็นแนวคิดที่จะนำเอำแผ่นพลำสวูดมำออกแบบและประดิษฐ์
กระถำงต้นไม้เพ่ือให้ได้กระถำงรูปแบบใหม่ๆ และมีคุณสมบัติของพลำสวูด เพ่ือลดปัญหำกระถำง
แบบเดิม และเพิ่มมิติใหม่ๆในกำรเลือกใช้วัสดุ ดังน้ันโครงงำนกำรผลิตกระถำงจำกวัสดุพลำสวูดจึง
เป็นทำงเลือกหนึ่งของกำรออกแบบกระถำงต้นไม้ เพื่อทดแทนวัสดุอ่ืนๆในมิติของกำรใช้สอย ควำม
สวยงำม และสุนทรียภำพ ในงำนภมู ทิ ศั น์
1.2 วตั ถุประสงค์
1.2.1 เพื่อพฒั นำผลิตภณั ฑ์กระถำงต้นไมร้ ูปแบบใหม่ๆจำกวสั ดุไม้พลำสวูด
1.2.2 พัฒนำกระถำงทสี่ ำมำรถใชส้ อยได้และมีควำมสวยเทียบเท่ำหรือมำกกวำ่ วัสดุอนื่ ๆ
1.2.3 พัฒนำแนวทำงกำรเลอื กพันธไุ์ มท้ ีเ่ หมำะสมกบั กำรปลกู ในกระถำงภำยนอกอำคำร
1.3 สมมุตฐิ ำนของกำรศกึ ษำโครงงำน
กระถำงที่ผลิตมำจำกพลำสวูดท่ีออกแบบสำมำรถทำให้เกิดกำรใช้สอยได้อย่ำงดีและมี
คณุ ภำพเทยี บเทำ่ วัสดุอืน่ ๆ
1.4 ประโยชน์ท่ีคำดวำ่ จะได้รบั
1.4.1 ได้ผลิตภัณฑ์กระถำงต้นไม้รูปแบบใหม่ๆจำกวัสดุไม้พลำสวดู เพือ่ ทดแทนวสั ดุอ่ืนๆ
1.4.2 ได้ผลติ ภณั ฑ์กระถำงประเภทกระถำงแบบต่ำงๆที่ใช้ไดภ้ ำยนอกอำคำร
1.4.3 ทรำบเกณฑ์กำรคดั เลือกพนั ธุ์ไมท้ เ่ี หมำะสมกบั ประเภทและสภำพแวดล้อมภำยนอก
อำคำร
2
บทท่ี 2 กำรทบทวนวรรณกรรม
องค์ควำมรทู้ ี่เกย่ี วข้องประกอบด้วย
ในกำรศึกษำโครงงำนเรือ่ ง “แนวทำงกำรออกแบบกระถำงต้นไม้แบบติดผนังจำกพลำสวูด“
ผู้ศกึ ษำโครงงำนได้ศึกษำค้นคว้ำเอกสำรและองค์ควำมรู้ที่เก่ียวข้อง โดยนำเสนอตำมรำยละเอียดดัง
หวั ข้อตอ่ ไปนี้
- คณุ สมบัติของพลำสวูด
- กระถำงต้นไม้
- เทคนคิ งำนช่ำง กำรเขำ้ ไม้
- หลักกำรออกแบบผลติ ภณั ฑ์
- ไมป้ ระดับ และกำรเลอื่ กพนั ธุไ์ ม้
- วสั ดปุ ลูกไมก้ ระถำง
- กำรจกั สำน
2.1 พลาสวดู PLASWOOD
2.1.1 คุณสมบตั ขิ องพลาสวดู
พลำสวูด คือ แผ่นพลำสติกโฟม ชนิดแข็ง ผลิตจำกผง PVC ผสมกับสำรปรุงแต่งแล้วขึ้นรูป
ดว้ ยกรรมวิธกี ำรรีด กดทับด้วยลกู กลิ้ง และหล่อแผน่ ให้แข็งตวั อยำ่ งรวดเร็วด้วยน้ำหรืออำกำศ ทำให้
ได้แผ่นท่ีมีผิวหน้ำแข็งเป็นพิเศษทั้ง 2 ด้ำน มีลักษณะเป็นสีขำวผิวหน้ำมันและเรียบพร้อมทั้งเน้ือ
แกนกลำงท่ีละเอียดและแน่นไม่มีโพรงอำกำศ เป็นวัสดุท่ีถูกคิดค้นขึ้นเพ่ือใช้ทดแทนไม้ ช่วยอนุรักษ์
สงิ่ แวดล้อม พลำสวูดสำมำรถแบ่งออกได้เปน็ 3 ประเภทตำมควำมแข็งของวัสดุและคุณสมบัติกำรใช้
งำนดังนี้
ภำพท่ี 2.1 วสั ดุพลำสวูด
ทมี่ ำ : kitchen-form
3
1) Deca Foam (ควำมหนำทั่วไป 1 - 5 มม.) ผิวหน้ำจะมีควำมอ่อนตัวไม่แข็งมำก ตัวแผ่น
ค่อนข้ำงอ่อน ใชท้ ต่ี ดิ ไวโ้ ดยทไี่ มม่ อี ะไรมำกระแทรก เชน่ ป้ำยติดผนังภำยในอำคำร
2) Ex Foam (ควำมหนำทวั่ ไป 2 - 25 มม.) แผ่นชนิดนี้จะมีควำมแข็งมำกกว่ำ Deca Foam
สำมำรถนำมำฉลุ กบั ชิ้นงำนตำมควำมตอ้ งกำรได้
3) Celuka Foam (ควำมหนำท่ัวไป 6 - 25 มม.) แผ่นประเภทนี้ มีควำมแข็งแรงมำกขึ้นมำ
จำกสองประเภทแรกท่ีได้กล่ำวถึงไป สำมำรถทำเป็นพ้ืนหรือผนังแทนไม้ได้ รับแรงกระแทรกและ
น้ำหนกั ได้
พลำสวดู มีคุณสมบัติ ดังต่อไปน้ี
- ทนต่อควำมชน้ื ทนน้ำ หรือพนื้ ทเี่ ปียกชื้นไดด้ ี
- ทนปลวก มอด และแมลงต่ำงๆ ไม่สำมำรถทำลำยได้ เพรำะผลิตภัณฑ์ พลำสวูด ไม่มีไม้
(Wood) เปน็ ส่วนผสมในกำรผลิตทำใหว้ ัสดุปลอดภัยและไม่เป็นอำหำรของ ปลวก มอด
เชอ้ื รำ และแมลงดงั กล่ำว
- ไม่บวมหรือพองตัวเม่ือสัมผัสน้ำ ไม่หดตัวเหมือนไม้ทั่วไป เนื่องจำก เป็นวัสดุ PVC
(RIGID PVC INTEGRAL FOAM SHEET & CLADDING PROFILE PLASTWOOD) ซ่ึง
ไม่มไี ม้ (Wood) เปน็ ส่วนผสมในกำรผลติ
- น้ำหนักเบำ พลำสวูดมีควำมหนำแน่น 0.55-0.65 g/cm3 ด้วยคุณสมบัติน้ี ทำให้
สำมำรถใช้ในอุตสำหกรรมงำนเฟอร์นิเจอร์ เช่นหน้ำบำน ทำให้ไม่เปลืองอุปกรณ์
Fitting หรือเหมำะในงำนตกแตง่ ฝ้ำ ผนงั ได้เป็นอย่ำงดี
- ไม่ลำมไฟ ไม่เป็นเช้ือไฟ เน่ืองจำกในเนื้อพีวีซี ประกอบด้วยธำตุคลอรีน เป็นจำนวน
มำกกว่ำ 56 % จงึ ทำใหค้ ณุ สมบัติดับ ไฟได้เอง (Self-extinguished) ในยุโรปจึงนิยมใช้
ผลิตภัณฑ์ ท่ที ำมำจำก PVC เนอ่ื งจำก บ้ำน หรือ อำคำรสูงเมื่อเริ่มเกิดไฟไหม้ สำมำรถ
หำจดุ ต้นตอที่เกดิ กำรไหมไ้ ดอ้ ย่ำงทันเวลำ
- มคี วำมยดื หย่นุ สงู ดัดโค้งไดด้ ี เน่อื งจำก พลำสวูด วสั ดุเทอร์โมพลำสติกจึงสำมำรถนำมำ
ดดั หรือตัดโคง้ โดยใช้ควำมรอ้ น อำจจะใช้ แชน่ ำ้ มนั ร้อนหรือเปำ่ ลมร้อน ท่ีอุณหภูมิ 120
องศำเซลเซียสเป็นเวลำ 1-5 นำที และข้นึ รปู ตำมที่เรำออกแบบกำหนด Calibrator เช่น
แผน่ ดัดโค้ง แลว้ หลอ่ เย็นด้วยนำ้ หล่อเย็นทันทีจะได้แผ่นดัดโค้งท่ีทนทำนและถำวร และ
เนื่องจำกคุณสมบัติดังกล่ำว จึงเป็นวัสดุที่สำมำรถนำกลับมำใช้ได้อีก(RECYCLING IN
PRODUCTION PROCESS)
- เป็นฉนวนกันควำมร้อนและเสียง จึงทำให้บ้ำนเย็นสบำย และกันเสียงสะท้อนได้
สำมำรถนำไปทำตู้ลำโพง ได้
- คงทนต่อสำรเคมี กรดแก่และเบสแก่ เหมำะสำหรับใช้ในอุตสำหกรรมอำหำร หรือห้อง
Lab วิทยำศำสตร์ เป็นต้น, พลำสวูดมีควำมทนทำนได้น้อยต่อน้ำมันเบนซิน แต่ไม่
ทนทำนต่อตัวทำละลำยทร่ี ุนแรง
- ทำงำนง่ำย จบงำนเรียบร้อย คุณภำพและขนำดได้มำตรฐำน ไม่บิดงอเหมือนไม้
ธรรมชำติ
- พมิ พส์ ีหรือพ่นสีลงบนแผ่นพลำสวูดไดด้ ี
4
2.1.2 ตวั อย่างพลาสวูดท่มี ีตามท้องตลาด
2.1.2.1 แผ่นพลำสวูด ตรำพระอำทติ ย์ (Sun Plastwood)
พลำสวูดตรำพระอำทิตย์ เป็นแผ่นพีวีซี ชนิดแข็ง ที่ผลิตข้ึนเพ่ือใช้ทดแทนไม้ เหมำะ สำหรับ
ใชง้ ำนตกแต่งภำยนอก (outdoor) หรือท่ีต้องกำรควำมแข็งแรงทนทำนสำมำรถเป็น ฉนวนกันควำม
รอ้ นและกันเสยี ง มคี วำมคงทนตอ่ กำรผุกร่อน ทงั้ ควำมชน้ื (ไม่มกี ำรบวมตัว หรือพองตัวเม่ือสัมผัสกับ
น้ำ) เหมำะที่จะนำมำกน้ั หอ้ งทตี่ ดิ ตงั้ เครอื่ งปรบั อำกำศไดด้ ี
ภำพที่ 2.2 ตรำพระอำทิตย์ (Sun Plastwood)
ที่มำ : vintageproductssigns
ตวั อย่ำงรำคำขำย
ภำพท่ี 2.3 รำคำขำยพลำสวูดตรำพระอำทิตย์
ทม่ี ำ : vintageproductssigns
5
2.1.2.2 แผ่นพลำสวดู ตรำช้ำง (Elephant Plastwood)
แผ่นพลำสวูดตรำช้ำง เป็น แผ่นพีวีซี ชนิดแข็งท่ีผลิตข้ึนเพื่อใช้ ทดแทนไม้ สำหรับใช้ตกแต่ง
ภำยใน และภำยนอก ถอื เป็นพลำสวูดที่ได้ รับควำมนิยม และมีจุดเด่นท่ีควำม หนำ 3 - 6 มิลลิเมตร
มีผิวหนำ้ ท่ีแข็ง แรงต่ำงจำกพลำสวูดท่ัวๆ ไป สำมำรถ เป็นฉนวนกันควำมรอ้ นและกันเสียง ได้ มคี วำม
คงทนต่อกำรผกุ ร่อน ทงั้ จำก ควำมชนื้ (ไมม่ กี ำรบวมตัวหรอื พองตัวเม่ือสมั ผสั กับนำ้
ภำพที่ 2.4 ตรำชำ้ ง (Elephant Plastwood)
ท่ีมำ : vintageproductssigns
ตวั อย่ำงรำคำขำย
ภำพที่ 2.5 รำคำขำยพลำสวดู ตรำช้ำง
ทม่ี ำ : vintageproductssigns
6
2.1.2.3 แผน่ พลำสวูด ตรำนก (Light Plastwood)
แผ่นพลำสวดู ตรำนก เป็นแผ่นพวี ีซี ชนิดออ่ นทีผ่ ลติ ขน้ึ เพื่อใช้ทดแทนไม้ เหมำะ สำหรับใช้งำน
ตกแตง่ ภำยใน (indoor) สำมำรถเป็นฉนวนกนั ควำมร้อนและกันเสียง มีควำม คงทนต่อสำรเคมี กรด
แก่ และเบส
ภำพที่ 2.6 ตรำนก (Light Plastwood)
ทมี่ ำ : vintageproductssigns
ตวั อย่ำงรำคำ
ภำพท่ี 2.7 รำคำขำยพลำสวดู ตรำนก
ท่ีมำ : vintageproductssigns
7
2.2 กระถางตน้ ไม้
2.2.1 ความหมายของกระถางต้นไม้
กระถำง ตำมพจนำนุกรมฉบับรำชบัญสถำน พ.ศ.2525 หมำยถึง"ภำชนะท่ีมีปำกกว้ำง
รูปแบบต่ำงๆ ใช้สำหรับปลูกต้นไม้หรอื ใสน่ ้ำ" ทำมำจำกดนิ หรอื พลำสติกหรือ เซรำมิค มีรูระบำยน้ำ
ที่ก้น และมี ถำดรองรับน้ำเข้ำชุดกัน ขนำดรูปทรงและสีสันแตกต่ำงกันไปตำมควำมนิยมใช้สำหรับ
ตกแตง่ สภำพภำยในอำคำรใหส้ วยงำมเพมิ่ ขน้ึ
2.2.1.1 กระถำงดินเผำ
กระถำงดินเผำ เป็นกระถำงที่ทำด้วยดินเหนียว ด้วยวิธีกำรนำมำผ่ึงลมให้แห้งพอหมำดๆ
แล้วนำเข้ำเตำเผำ มีขนำดรูปร่ำงแตกต่ำงกันตั้งแต่ควำมกว้ำงของขอบปำกกระถำง 1 - 16 น้ิว โดย
แบง่ รปู ทรงดังน้ี
1) ทรงมำตำฐำน กระถำงแบบนม้ี คี วำมสูงเท่ำกบั ควำมกว้ำงปำกกระถำง มีขนำดต้ังแต่ 1 -
16 นิ้ว เหมำะสำหรบั ปลกู พนั ธุ์ไม้ทรงสูง ระบบรำกลึก
2) ทรงรูปกระทะ กระถำงแบบน้ีมีควำมสูงเพียงคร่ึงหน่ึงของ ควำมกว้ำงปำกกระถำง มี
ขนำดตัง้ 5 - 16 นิ้ว เหมำะสำหรับพันธไ์ุ มท้ รงเตี้ย
3) ทรงสเ่ี หลย่ี มหรือทรงถงั กระถำงแบบนี้มีควำมสูงประมำณ 1 ใน 3 ของควำมกว้ำงปำก
กระถำงมขี นำดต้งั แต่ 5 - 16 น้วิ เจำะรทู บี่ รเิ วณขอบกระถำงด้ำนบนประมำณ 3 - 4 รู นิยมใช้แขวน
พันธ์ุไมค่อนขำ้ งเลือ้ ย ใบหอ้ ยยอ้ ย ระบบรำกตื้น
ขอ้ ดี ขอ้ เสยี
1. เน้ือกระถำงมคี วำมพรุนโดยรอบทำให้กำร 1. มนี ้ำหนกั มำก
หมุนเวยี นของอำกำศดี กำรเจริญเตบิ พันธ์ไุ ม้ 2. สน้ิ เปลืองเนื้อทใ่ี นกำรเกบ็ รกั ษำ
เปน็ ไปอย่ำงรวดเรว็ เนอ่ื งจำกระบบรำกพชื 3. ชำรุดและเสยี หำยง่ำย
ไดร้ ับออกซิเจนเพียงพอ 4. เมื่อใช้ปลูกพชื นำนเข้ำจะเกดิ ตะไคร่จบั ดุแลว้
2. สำมำรถทำกำรฆำ่ เช้อื โรค - แมลง โดยกำรอบ ไมส่ วยงำม
หรอื รมยำได้สะดวกไมเ่ สียรปู ทรง 5. ลักษณะรปู ทรงมใี หเ้ ลือกน้อย
3. รักษำระดับอุณหภูมใิ ห้พอเหมำะตอ่ กำร
เจรญิ เติบโตของพันธไุ์ ม้
ตำรำงที่ 2.1 ข้อดีและข้อเสียของกระถำงดินเผำ
ที่มำ : tungsong.com
8
รปู ท่ี 2.8 กระถำงดนิ เผำ
ทมี่ ำ : tungsong.com
2.2.1.2 กระถำงพลำสติก
กระถำงพลำสติกเป็นกระถำงท่ีทำจำกเม็ดพลำสติก หลอมด้วยควำมร้อนให้ได้รูปทรง
สสี ันสวยงำมตำมรสนิยมของผู้ใชส้ อย มขี นำดให้เลือกมำกมำยตั้งแต่ควำมกว้ำงของขอบปำกกระถำง
1 - 16 น้วิ รปู ทรงเหมือนกบั กระถำงดนิ เผำ
ขอ้ ดี ข้อเสยี
1. ช่วยรักษำควำมชน้ื ไดด้ ี 1. ทรงทึบไม่มีควำมพรนุ ทำให้อำกำศถ่ำยเทไม่
2. มนี ำ้ หนกั เบำสะดวกในกำรขนย้ำย สะดวก รำกพชื มโี อกำสขำดออกซเิ จน
3. ไม่สน้ิ เปลอื งเน้ือท่ี
4. ปรำศจำกเรือ่ งกำรเกำะจบั ของตะไคร่นำ้ 2. ระดับอุณหภูมิของเครือ่ งปลกู จะสูงเกินไปใน
5. ทำควำมสะอำดง่ำย ฤดูรอ้ นทำใหพ้ ันธไ์ุ มเ้ ปน็ อนั ตรำย
3. ไมส่ ำมำรถนำไปฆำ่ เชือ้ โรค - แมลง โดยกำร
อบหรือรมยำได้ เพรำะจะทำให้เสียรูปทรง
4. ถ้ำผปู้ ลูกให้น้ำมำกเกนิ ไประบบอำจขำด
ออกซิเจนและเน่ำตำยได้
5. ถ้ำใหถ้ กู ควำมรอ้ นนำนๆ หรือนำไปตำกแดด
กระถำงจะกรอบและแตกหกั ได้งำ่ ย
ตำรำงที่ 2.2 ขอ้ ดีและข้อเสียของกระถำงพลำสติก
ทม่ี ำ : tungsong.com
9
รปู ท่ี 2.9 กระถำงพลำสตกิ
ทีม่ ำ : tungsong.com
2.2.1.3 กระถำงเซรำมคิ
กระถำงเซรำมิค เป็นกระถำงที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยให้มีรูปร่ำงที่แตกต่ำงกันออกไป เหมำะ
สำหรับปลูก ตกแต่ง โชวล์ วดลำย สีสนั ของกระถำง และควำมสวยงำมของพนั ธุ์ไมใ้ บประดบั หรือนิยม
ประดบั ตดิ ผนงั ห้อง
ขอ้ ดี ขอ้ เสีย
1. ทำควำมสะอำดง่ำย 1. รำคำคอ่ นข้ำงแพง
2. ปรำศจำกปัญหำเรื่องตะไครน่ ำ้ 2. มีน้ำหนกั มำก เคล่อื นไม่สะดวก
3. ลกั ษณะรปู ทรง ลวดลำย สสี นั สวยงำม 3. ทรงทบึ ไม่มีควำมพรนุ ทำใหก้ ำรถำ่ ยเทอำกำศ
4. ช่วยเกบ็ ควำมชื้นไดด้ ไี ม่ตอ้ งรดน้ำบอ่ ยๆ
เปน็ ไปในทำงเดียวกัน รูกน้ กระถำงระบบรำก
พนั ธุ์ขำดออกซเิ จน
4. ถ้ำให้นำ้ เกนิ ควำมตอ้ งกำรหรือมำกเกนิ ไป
พันธุ์ไมอ้ ำจเน่ำหรอื ตำยได้
ตำรำงท่ี 2.3 ข้อดีและขอ้ เสียของกระถำงเซรำมิค
ท่ีมำ : tungsong.com
10
รูปท่ี 2.10 กระถำงเซรำมิค
ทมี่ ำ : tungsong.com
2.3 เทคนคิ งานชา่ ง การเขา้ ไม้
2.3.1 ความหมายของงานชา่ ง
งำนช่ำง หมำยถึงกำรนำเอำควำมรู้พื้นฐำนของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ และวิธีกำรทำงำน
ตลอดจนกระบวนกำรทำงเทคโนโลยีทรัพยำกร พลังงำน และส่ิงแวดล้อม มำใช้ในกำรบำรุงรักษำ
ซ่อมแซม ติดตั้ง และผลิตเครื่องมือ เครื่องใช้ โดยมีกำรวิเครำะห์ ออกแบบ วำงแผน และลงมือ
ปฏิบัติงำนอย่ำงเป็นระบบ อีกท้ังมีกำรประเมิน และปรับปรุงวิธีกำรทำงำน เพ่ือให้ได้ผลงำนอย่ำง
สรำ้ งสรรค์ และสำมำรถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน
เทคนคิ การเขา้ ไม้
2.3.2 ความหมายของการเขา้ ไม้
กำรเข้ำไม้ (Wood Joints) คือ กำรนำไม้ตั้งแต่ 2 แผ่น หรือ 2 ท่อนขึ้นไปมำบำกรับ แล้ว
ประกอบเข้ำด้วยกัน ซึ่งเม่ือประกอบกันแล้วต้องแข็งแรงเป็นช้ินเดียวกัน โดยยึดไม้น้ันให้แน่นอยู่ใน
รปู แบบที่ตอ้ งกำรด้วยกำรตอกตะปู ,ตอกอัดด้วยลูกสลักไม้ ,กำรใช้สลักเกลียว(ในกรณีที่กำรเข้ำไม้มี
สเกลขนำดใหญ่) หรือ กำรเข้ำเดือยอัดกำว (ในกรณีที่ต้องกำรควำมประณีตของรอยต่อ) เป็นต้น
ดังนั้นกำรเข้ำไม้ ไม่ว่ำจะด้วยวิธีกำรใดๆ สิ่งที่ต้องให้ควำมสำคัญ และระมัดระวังเป็นอย่ำงมำกก็คือ
กำรวัดระยะ กำรเล่ือย กำรบำกไม้ หรือ กำรเจำะร่องทำเดือยจะต้องมีควำมละเอียดพิถีพิถันเพรำะ
หำกหลวม หรือ ไม่ได้มมุ ฉำกท่แี ม่นยำ อำจส่งผลให้รอยต่อของไม้มีควำมแข็งแรงท่ีลดลง ซึ่งจะทำให้
กำรนำไปใช้งำนมีควำมไม่สมบูรณ์ และอำจเป็นอันตรำยได้ นอกจำกน้ีเทคนิคกำรเข้ำไม้ในงำน
สถำปัตยกรรม ยังสำมำรถแบ่งลักษณะกำรนำไปใช้งำนออกได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ใช้ในงำน
โครงสร้ำงไม้ (เน้นควำมแขง็ แรง) และงำนเฟอร์เจอร์ (เน้นควำมประณีตสวยงำม)
11
2.3.3 การเขา้ ไม้ในรูปแบบตา่ งๆ
2.3.3.1 กำรเข้ำไม้แบบต่อชน (Butt Joints)
กำรเข้ำไม้แบบ Butt Joint เป็นวิธีท่ีกำรทำงำนได้รวดเร็ว และง่ำยที่สุด ด้วยกำรยึดไม้เข้ำ
ด้วยกันโดยใช้วธิ ยี ึดด้วยกำวและเดือยไม้หรือเดือยโลหะด้วยวิธีกำรชนไม้เพียงด้ำนเดียว จึงทำให้กำร
ยึดรอยต่อไม่ได้แข็งแรงมำกนัก นอกจำกมีกำรเสริมควำมแข็งแรงเพ่ิมเติม สำมำรถเอำข้อต่องำนไม้
แบบน้อี อกได้ดว้ ยมอื เปล่ำ เหมำะมำกกับกำรทำงำนด้วยไม้อัด งำนไม้ทเ่ี บำเป็นชนิ้ สว่ นทมี่ ีขนำดเล็ก
ภำพที่ 2.11 กำรเข้ำไมแ้ บบต่อชน (Butt Joints)
ทมี่ ำ : www.wazzadu.com
ตัวอยำ่ งกำรเข้ำไมแ้ บบตอ่ ชน
กำรเขำ้ ไมแ้ บบ Dowel Joint กำรเข้ำไม้แบบ Dowelled Mitre Joint
ภำพท่ี 2.12 ชดุ ภำพตัวอยำ่ งกำรเขำ้ ไมแ้ บบตอ่ ชน
ทมี่ ำ : www.wazzadu.com
12
2.3.3.2 กำรเขำ้ ไมแ้ บบบังใบ (Rabbet Joint)
กำรเข้ำไม้แบบบังใบนี้ เหมำะสำหรับกำรทำช้ินส่วนเฟอร์นิเจอร์ท่ีจำเป็นต้องต่อแผ่นไม้สอง
แผน่ เขำ้ ดว้ ยกัน และเปน็ กำรต่อที่ไม่จำเป็นต้องซ่อนรอยตอ่ วิธกี ำรคือใหบ้ ำกปลำยไม้ของทั้ง 2 ช้ินลง
ใหเ้ หลือควำมหนำครึ่งหน่ึง ควำมกว้ำงเท่ำกับหน้ำไม้น้ัน จำกนั้นจึงนำไม้ท้ัง 2 ช้ินมำประกบกัน ติด
กำวที่รอยต่อ หรือตอกยึดดว้ ยอปุ กรณ์อน่ื ๆ เชน่ ตะปู น๊อต
ภำพที่ 2.13 กำรเขำ้ ไมแ้ บบต่อชน (Butt Joints)
ท่ีมำ : www.wazzadu.com
ตวั อย่ำงกำรเข้ำไมแ้ บบบังใบ
กำรเขำ้ ไมแ้ บบ Corner Halving Joint กำรเข้ำไม้แบบ T- Halving Joint
ภำพท่ี 2.14 ชุดภำพตัวอยำ่ งกำรเข้ำไมแ้ บบบังใบ
ที่มำ : www.wazzadu.com
13
2.3.3.3 กำรเข้ำไมแ้ บบร่องลนิ้ (Tongue and groove)
คือเทคนิคกำรต่อไม้ท่ีใช้ยึดไม้สองแผ่นเข้ำหำกันบนจำกขอบของไม้ แทนกำรใช้ด้ำนปลำย
ของไม้ โดยขอบดำ้ นหนึง่ จะมชี ิน้ ส่วนยน่ื ออกมำเรียกวำ่ "ล้ิน" และประกบเข้ำกับชิ้นไม้อีกชิ้นที่ทำเป็น
"ร่อง" ไว้ โดยท่ไี มท้ ง้ั 2 ชนิ้ จะประกบเขำ้ กันไดอ้ ยำ่ งพอดี วิธีกำรต่อไม้ชนิดนี้สำมำรถเสริมด้วยกำวได้
บำงครง้ั ล้นิ และรอ่ งถูกตดั เปน็ มุมเล็กน้อยเพื่อให้แผ่นไมเ้ ข้ำ “ล็อค” ได้พอดี กำรต่อไม้วิธีนี้ส่วนใหญ่ใช้
กับไม้พน้ื หรอื กำรทำประตู จุดประสงคค์ อื เพ่ือซ่อนรอยต่อ หำกไม้มกี ำรยดื หรือหดตัวก็จะมองไมเ่ ห็น
ร่องเพรำะมลี ้นิ ไม้กน้ั อยู่
ภำพที่ 2.15 กำรเขำ้ ไมแ้ บบรอ่ งล้ิน (Tongue and groove)
ทมี่ ำ : www.wazzadu.com
ตัวอย่ำงกำรเข้ำไมแ้ บบรอ่ งล้นิ
กำรเข้ำไม้แบบ Corner Bridle Joint กำรเข้ำไม้แบบ Grooved-Frame
Mortise & Tenom
ภำพท่ี 2.16 ชุดภำพตวั อย่ำงกำรเข้ำไม้แบบรอ่ งลิ้น
ที่มำ : www.wazzadu.com
14
2.3.3.4 กำรเข้ำไมแ้ บบเดอื ยหำงเหยยี่ ว (The Dovetail Wood Joint)
ลกั ษณะรอยตอ่ เหมอื นกำรตอ่ แบบปำกฉลำม อำจจะใช้กำวเพียงเล็กน้อยเพื่อช่วยให้เกิดกำร
ยดึ ติด ไม่จำเป็นต้องใช้ตะปู หรือตัวยึดโลหะมำช่วยเพ่ิมควำมแข็งแรงอีก หำกรอยกำรเข้ำไม้ลงล็อค
กันอย่ำงพอดี ปกติแล้วจะดึงไม้ออกจำกกันได้ยำก ยกเว้นไม้จะถูกดึงออกมำในทำงเดียวกันจำก
ขั้นตอนท่ีใช้ในกำรประกบเข้ำไป มักใช้กับเฟอร์นิเจอร์ บำนประตู หน้ำต่ำง หรือแม้แต่โครงสร้ำง
อำคำรทตี่ อ้ งกำรโชวร์ อยตอ่ เน่ืองจำกกำรตอ่ ไมแ้ บบนจ้ี ะมีควำมทนทำนมำก แตก่ ำรบำกเดือยนั้นต้อง
ใช้ทกั ษะที่ชำนำญ เดอื ยที่ทำขึ้นมักมีควำมลำดเอียง 1:6 ถึง 1:8 โดยเฉล่ีย คือ 1:7 และหำกไม้ท้ังสอง
ชิ้นมสี ีตำ่ งกนั กจ็ ะชว่ ยใหร้ อยต่อนนั้ ชดั เจนสวยงำมข้นึ
ภำพที่ 2.17 กำรเข้ำไมแ้ บบเดือยหำงเหยย่ี ว (The Dovetail Wood Joint)
ทม่ี ำ : www.wazzadu.com
ตวั อย่ำงกำรกำรเข้ำไมแ้ บบเดอื ยหำงเหย่ียว
กำรเขำ้ ไม้แบบ Dovetail Halving Joint
ภำพท่ี 2.18 ภำพตัวอย่ำงกำรเขำ้ ไม้แบบเดือยหำงเหย่ยี ว
ทม่ี ำ : www.wazzadu.com
15
2.4 หลักการออกแบบผลติ ภณั ฑ์
2.4.1 ความหมายและความสาคญั
กำรออกแบบ คือ กิจกรรมกำรแก้ปัญหำเพ่ือให้บรรลุตำมเป้ำหมำยหรือจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
(Design is a goal-directed problem-solving) เป็นกำรกระทำของมนุษย์ ด้วยจุดประสงค์ท่ี
ต้องกำรแจ้งผลเป็นสิ่งใหม่ๆ มีท้ังที่ออกแบบเพื่อสร้ำงขึ้นใหม่ให้แตกต่ำงจำกของเดิมหรือปรับปรุง
ตกแต่งของเดิม ควำมสำคัญของออกแบบเป็นขั้นตอนเบ้ืองต้นที่จะทำให้กระบวนกำรในกำรผลิต
สนิ คำ้ หรือผลิตภัณฑป์ ระสบผลสำเร็จในตลำดและตรงตำมเปำ้ หมำย
2.4.2 รูปทรงทม่ี อี ิทธิพลต่อรูปลักษณง์ านออกแบบผลิตภัณฑ์
1) รูปทรงจำกธรรมชำติ (Natural Form)
เนอ่ื งจำกธรรมชำติมีควำมสำคัญและอยูร่ ำยล้อมมนุษย์ ทั้งรูปทรงที่เป็นส่ิงมีชีวิต เช่น พืช
สัตว์ต่ำงๆ และรูปทรงท่ีไม่มีชีวิต เช่น กรวด หิน ดิน ทรำย หรือปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติ เช่น
คล่นื ลม แสงแดด ฝนตก ฟำ้ รอ้ ง ฯลฯ โดยมนุษย์ได้รับแรงบันดำลใจจำกส่ิงเหล่ำน้ีในแง่มุมที่แตกต่ำง
กัน เช่น ควำมเป็นระเบียบและควำมสวยงำม (Beauty) ของดอกไม้ป่ำ ควำมลงตัวอย่ำงมีแบบแผน
(Order) ในรูปหกเหลี่ยมของรังผ้ึง ควำมสุนทรีของลวดลำย (Pattern) ในดอกทำนตะวัน เป็นต้น
แล้วถ่ำยทอดควำมคิดออกมำในรูปของผลิตภัณฑ์ ที่สำมำรถตอบสนองคุณประโยชน์ทำงกำรใช้สอย
แกม่ นุษย์ท้ังทำงร่ำงกำยและจติ ใจ
ภำพที่ 2.19 ตัวอย่ำงกำรใชร้ ูปทรงธรรมชำติเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์
ทมี่ ำ : slideshare.net
16
2) รูปทรงทม่ี นษุ ยส์ ร้ำงขนึ้ (Manmade Form)
รูปทรงที่มนุษย์สร้ำงข้ึน มีอิทธิพลต่องำนออกแบบผลิตภัณฑ์ ในอันท่ีจะก่อให้เกิดควำม
แตกต่ำงกันของแต่ละกลุ่มชน เช่น อำคำรบ้ำนเรือน ส่ิงของเคร่ืองใช้ ฯลฯ มักเป็นรูปทรง
เรขำคณิต ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นสำกลและเป็นที่รู้จักกันทั่วไป รูปทรงดังกล่ำวแบ่งตำมวิธีกำร
ผลติ ได้ 2 ประเภท คือ ประเภทท่ีสร้ำงข้ึนด้วยมือหรือเคร่ืองมือพื้นฐำน (Hand Tools) มีลักษณะ
กำรใช้งำนเฉพำะตำมจุดประสงค์ของผู้ออกแบบ ผลิตได้จำนวนน้อย รูปทรงมีลักษณะเฉพำะตัวไม่
ซำ้ กนั มกี ำรตกแต่งประดับประดำที่แสดงให้เห็นถงึ ควำมชำนำญทำงทักษะของช่ำงฝีมือ กับประเภท
ท่ีสรำ้ งขน้ึ ดว้ ยเครอื่ งจกั ร (Machine tools) มรี ปู ทรงทีเ่ หมอื นๆ กัน โดยผลิตออกมำเป็นจำนวนมำก
จำกแม่พิมพ์เดียวกัน ใช้วัสดุอย่ำงเดียวกัน มีท้ังที่เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำมำรถใช้ประโยชน์
โดยตรงและเปน็ ชิน้ ส่วน
2.4.3 ปจั จัยทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ การออกแบบผลิตภณั ฑ์
กำรออกแบบผลิตภัณฑ์มปี ัจจัย (Design factors) มำกมำยท่นี กั ออกแบบที่ต้องคำนึงถึง แต่
ในท่ีน้ีจะขอกล่ำวเพียงปัจจัยพ้ืนฐำน 10 ประกำร ที่นิยมใช้เป็นเกณฑ์ในกำรพิจำรณำสร้ำงสรรค
ผลงำนเชิงอุตสำหกรรม ซึ่งปัจจัยดังกล่ำวเป็นปัจจัยท่ีสำมำรถควบคุมได้ และเป็นตัวกำหนด
องค์ประกอบของงำนออกแบบผลิตภัณฑท์ ่สี ำคัญ ไดแ้ ก่
1)หนำ้ ทใี่ ช้สอย (Function)
ผลติ ภณั ฑ์ทุกชนิดจะตอ้ งมีหนำ้ ทใ่ี ช้สอยถกู ตอ้ งตำมเป้ำหมำยทต่ี ง้ั ไว้ คือสำมำรถตอบสนอง
ประโยชน์ใช้สอยตำมที่ผู้บริโภคต้องกำรได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ ในหน่ึงผลิตภัณฑ์นั้นอำจมีหน้ำที่ใช้
สอยอย่ำงเดียวหรือกลำยหน้ำท่ีก็ได้ แต่หน้ำท่ีใช้สอยจะดีหรือไม่น้ัน ต้องใช้งำนไประยะหนึ่งถึงจะ
ทรำบขอ้ บกพร่อง เชน่ กำรออกแบบโต๊ะอำหำรกับโต๊ะทำงำน โต๊ะทำงำนมีหน้ำที่ใช้สอยยุ่งยำกกว่ำ
มีล้ินชักสำหรับเก็บเอกสำร เครื่องเขียน ส่วนโต๊ะอำหำรไม่จำเป็นต้องมีลิ้นชักเก็บของ ระยะเวลำ
ของกำรใช้งำนส้นั กว่ำ แตต่ ้องสะดวกในกำรทำควำมสะอำด
ภำพท่ี 2.20 ตวั อยำ่ งกำรออแบบโตะ๊ โดยกำรคำนงึ ถงึ หนำ้ ท่ีใชส้ อย
ท่มี ำ : indexlivingmall
17
2)ควำมสวยงำมน่ำใช้ (Aesthetics or sales appeal)
ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมำนั้นจะต้องมีรูปทรง ขนำด สีสันสวยงำม น่ำใช้ ตรงตำมรสนิยม
ของกลุ่มผู้บริโภคเป้ำหมำย เป็นวิธีกำรเพิ่มมูลค่ำผลิตภัณฑ์ท่ีได้รับควำมนิยมและได้ผลดี เพรำะ
ควำมสวยงำมเป็นควำมพึงพอใจแรกท่ีคนเรำสัมผัสได้ก่อนมักเกิดมำจำกรูปร่ำงและสีเป็นหลัก กำร
กำหนดรูปร่ำงและสีในงำนออกแบบผลิตภัณฑ์น้ันไม่เหมือนกับกำรกำหนดรูปร่ำงและสีในงำน
จิตรกรรม ซ่ึงสำมำรถท่ีจะแสดงหรือกำหนดรูปร่ำงและสีได้ตำมควำมนึกคิดของจิตกร แต่ในงำน
ออกแบบผลิตภัณฑ์น้ัน จำเป็นต้องยึดข้อมูลและกฎเกณฑ์ผสมผสำนของรูปร่ำงและสีสัน ระหว่ำง
ทฤษฎที ำงศิลปะและควำมพึงพอใจของผ้บู ริโภคเข้ำด้วยกนั ถึงแมว้ ่ำมนุษย์แต่ละคนมีกำรรับรู้และพึง
พอใจในเร่ืองของควำมงำมได้ไม่เท่ำกัน และไม่มีกฎเกณฑ์กำรตัดสินใจใดๆ ท่ีเป็นตัวช้ีขำดควำมถูก
ควำมผิด แต่คนเรำส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มท่ีจะมองเห็นควำมงำมไปในทิศทำงเดียวกันตำมธรรมชำติ
ตัวอย่ำงเช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ ของท่ีระลึก และของตกแต่งบ้ำนต่ำงๆ ควำมสวยงำมก็คือ
หนำ้ ท่ีใชส้ อยน้นั เอง และควำมสวยงำมจะสรำ้ งควำมประทบั ใจแก่ผู้บรโิ ภคให้เกิดกำรตดั สนิ ใจซอ้ื ได้
3)ควำมสะดวกสบำยในกำรใช้ (Ergonomics)
กำรออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีนั้นต้องเข้ำใจกำยวิภำคเชิงกลเก่ียวกั บขนำด สัดส่วน
ควำมสำมำรถและขีดจำกัดที่เหมำะสมสำหรับอวัยวะต่ำงๆ ของผู้ใช้ กำรเกิดควำมรู้สึกท่ีดีและ
สะดวกสบำยในกำรใช้ผลิตภัณฑ์ ทั้งทำงด้ำนจิตวิทยำ(Psychology)และสรีระวิทยำ(Physiology)
ซึ่งแตกต่ำงกันไปตำมลักษณะเพศ เผ่ำพันธุ์ ภูมิลำเนำ และสังคมแวดล้อมท่ีใช้ผลิตภัณฑ์นั้นเป็น
ขอ้ บงั คับในกำรออกแบบ
4)ควำมปลอดภยั (Safety)
ผลิตภณั ฑ์ที่เกดิ ขน้ึ เพ่ืออำนวยควำมสะดวกในกำรดำรงชีพของมนุษย์ มีทั้งประโยชน์และ
โทษในตวั กำรออกแบบจงึ ตอ้ งคำนงึ ถึงควำมปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
ไม่เลือกใช้วัสดุ สี กรรมวิธีกำรผลิต ฯลฯ ที่เป็นอันตรำยต่อผู้ใช้หรือทำลำยสิ่งแวดล้อม ถ้ำ
หลีกเล่ียงไมไ่ ด้ต้องแสดงเคร่ืองหมำยเตือนไวใ้ หช้ ดั เจนและมคี ำอธิบำยกำรใชแ้ นบมำกบั ผลิตภัณฑ์ด้วย
ตัวอย่ำงเชน่ กำรออกแบบผลิตภัณฑ์เคร่ืองใช้ไฟฟ้ำ ควรมีส่วนป้องกันอุบัติเหตุท่ีอำจเกิดข้ึนได้จำก
ควำมเมอื่ ยล้ำหรอื พลั้งเผลอ
ภำพท่ี 2.22 ท่คี รอบลูกบิดประตเู พื่อป้องกันไฟฟำ้ สถติ
ทม่ี ำ : thai.child-safetyproducts
18
5)ควำมแข็งแรง (Construction)
ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมำน้ันจะต้องมีควำมแข็งแรงในตัว ทนทำนต่อกำรใช้งำนตำมหน้ำที่
และวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดโครงสร้ำงมีควำมเหมำะสมตำมคุณสมบัติของวัสดุ ขนำด แรงกระทำใน
รูปแบบต่ำงๆ จำกกำรใช้งำน ตัวอย่ำงเช่น กำรออกแบบเฟอร์นิเจอร์ท่ีดีต้องมีควำมม่ันคงแข็งแรง
ตอ้ งเข้ำใจหลกั โครงสร้ำงและกำรรับนำ้ หนัก ต้องสำมำรถควบคุมพฤติกรรมกำรใช้งำนให้กับผู้ใช้ด้วย
เช่น กำรจัดท่ำทำงในกำรใช้งำนให้กับผู้ใช้ด้วย เช่น กำรจัดท่ำทำงในกำรใช้งำนให้เหมำะสม
สะดวกสบำย ถูกสุขลักษณะ และต้องรู้จักผสมควำมงำมเข้ำกับช้ินงำนได้อย่ำงกลมกลืน เพรำะ
โครงสร้ำงบำงรูปแบบมีควำมแข็งแรงดีมำกแต่ขำดควำมสวยงำม จึงเป็นหน้ำท่ีของนักออกแบบท่ี
จะต้องเป็นผู้ผสำนสองส่ิงเข้ำมำอยู่ในควำมพอดีให้ได้ นอกจำกกำรเลือกใช้ประเภทของวัสดุ
โครงสร้ำงท่เี หมำะสมแลว้ ยังตอ้ งคำนงึ ถึงควำมประหยดั ควบคู่กนั ไปดว้ ย
6)รำคำ (Cost)
ก่อนกำรออกแบบผลิตภัณฑ์ควรมีกำรกำหนดกลุ่มเป้ำหมำยที่จะใช้ว่ำเป็นกลุ่มใด อำชีพ
อะไร ฐำนะเป็นอย่ำงไร ซึ่งจะช่วยให้นักออกแบบสำมำรถกำหนดแบบผลิตภัณฑ์และประมำณรำคำ
ขำยใหเ้ หมำะสมกับกล่มุ เป้ำหมำยได้ใกล้เคียงมำกขึ้น กำรจะไดม้ ำซ่งึ ผลิตภัณฑ์ท่ีมีรำคำเหมำะสมน้ัน
ส่วนหน่ึงอยู่ที่กำรเลือกใช้ชนิด หรือเกรดของวัสดุ และวิธีกำรผลิตที่เหมำะสม ผลิตได้ง่ำยและ
รวดเร็ว แตใ่ นกรณีท่ปี ระมำณรำคำจำกแบบสูงกว่ำทก่ี ำหนดก็อำจต้องมีกำรเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนำ
องค์ประกอบดำ้ นต่ำงๆ กันใหม่เพ่ือลดต้นทุน แตท่ ั้งนต้ี ้องคงไว้ซงึ่ คุณค่ำของผลติ ภัณฑน์ ้นั
7)วสั ดุ (Materials)
กำรออกแบบควรเลือกวัสดุทมี่ ีคณุ สมบตั ดิ ำ้ นตำ่ งๆ ได้แก่ ควำมใส ผิวมนั วำว ทนควำมร้อน
ทนกรดดำ่ งไม่ล่ืน ฯลฯ ให้เหมำะสมกบั หน้ำท่ีใช้สอยของผลิตภัณฑ์นั้นๆ นอกจำกน้ันยังต้องพิจำรณำ
ถงึ ควำมงำ่ ยในกำรดูแลรักษำ ควำมสะดวกรวดเร็วในกำรผลิต สั่งซื้อและคงคลัง รวมถึงจิตสำนึกใน
กำรรณรงค์ช่วยกันพิทักษ์ส่ิงแวดล้อมด้วยกำรเลือกใช้วัสดุที่หมุนเวียนกลับมำใช้ใหม่ได้ (recycle) ก็
เป็นสิง่ ที่นักอกแบบต้องตระหนกั ถึงในกำรออกแบบร่วมด้วย เพื่อช่วยลดกนั ลดปรมิ ำณขยะของโลก
8)กรรมวิธีกำรผลติ (Production)
ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดควรออกแบบให้สำมำรถผลิตได้ง่ำย รวดเร็ว ประหยัดวัสดุ ค่ำแรงและ
ค่ำใชจ้ ำ่ ยอน่ื ๆ แต่ในบำงกรณอี ำจต้องออกแบบใหส้ อดคล้องกับกรรมวิธีของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่
มีอย่เู ดมิ และควรตระหนักอยูเ่ สมอว่ำไมม่ ีอะไรทีจ่ ะลดต้นทนุ ได้รวดเร็วอยำ่ งมปี ระสทิ ธภิ ำพ มำกกว่ำ
กำรประหยัดเพรำะกำรผลิตทลี ะมำกๆ
9)กำรบำรงุ รกั ษำและซ่อมแซม (Maintenance)
ผลิตภัณฑ์ทกุ ชนดิ ควรออกแบบใหส้ ำมำรถบำรุงรักษำ และแก้ไขซ่อมแซมได้ง่ำย ไม่ยุ่งยำก
เมอ่ื มกี ำรชำรดุ เสยี หำยเกดิ ข้นึ งำ่ ยและสะดวกตอ่ กำรทำควำมสะอำดเพื่อช่วยยืดอำยุกำรใช้งำนของ
ผลติ ภณั ฑ์ รวมทง้ั ควรมคี ำ่ บำรงุ รักษำและกำรสึกหรอตำ่ ตัวอย่ำงเช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องมือ
เคร่อื งจักรกล เครื่องยนต์ และเคร่ืองใช้ไฟฟ้ำต่ำงๆ ที่มีกลไกภำยในซับซ้อน อะไหล่บำงช้ินย่อมมี
กำรเสอ่ื มสภำพไปตำมอำยุกำรใชง้ ำนหรอื จำกกำรใช้งำนทผ่ี ิดวธิ ี กำรออกแบบที่ดีนั้นจะต้องศึกษำถึง
ตำแหนง่ ในกำรจดั วำงกลไกแต่ละชน้ิ เพอ่ื ทจ่ี ะไดอ้ อกแบบส่วนของฝำครอบบริเวณต่ำงๆ ให้สะดวก
ในกำรถอดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้โดยง่ำย นอกจำกนั้นกำรออกแบบยังต้อ งคำนึงถึง
19
องค์ประกอบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กำรใช้ชิ้นส่วนร่วมกันให้มำกท่ีสุด โดยเฉพำะอุปกรณ์ยึดต่อกำร
เลือกใช้ช้ินส่วนขนำดมำตรฐำนที่หำได้ง่ำย กำรถอดเปลี่ยนได้เป็นชุดๆ กำรออกแบบให้บำงส่วน
สำมำรถใชเ้ กบ็ อะไหล่ หรอื ใช้เป็นอุปกรณ์สำรบั กำรซ่อมบำรงุ รกั ษำไดใ้ นตวั เป็นตน้
10) กำรขนสง่ (Transportation)
ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบควรคำนึงถึงกำรประหยัดค่ำขนส่ง ควำมสะดวกในกำรขนส่ง
ระยะทำง เสน้ ทำงกำรขนส่ง (ทำงบก ทำงนำ้ หรือทำงอำกำศ ) กำรกินเนื้อท่ีในกำรขนส่ง (มิติควำมจุ
กว้ำง ´ ยำว ´ สูง ของรถยนต์สว่ นบคุ คล รถบรรทกุ ท่ัวไป ตู้บรรทุกสินค้ำ ฯลฯ) ส่วนกำรบรรจุหีบห่อ
ต้องสำมำรถป้องกันไม่ให้เกิดกำรชำรุดเสียหำยของผลิตภัณฑ์ได้ง่ำย กรณีท่ีผลิตภัณฑ์ท่ีทำกำร
ออกแบบนั้นมีขนำดใหญ่ อำจต้องออกแบบให้ชิน้ สว่ นสำมำรถถอดประกอบได้ง่ำย เพื่อทำให้หีบห่อมี
ขนำดเล็กลง ตัวอย่ำงเช่น กำรออกแบบเคร่ืองเรือนชนิดถอดประกอบได้ ต้องสำมำรถบรรจุ
ผลิตภัณฑ์ลงในตู้สินค้ำที่เป็นขนำดมำตรฐำนเพ่ือประหยัดค่ำขนส่งรวมท้ังผู้ซ้ือสำมำรถทำกำรขนส่ง
และประกอบช้นิ สว่ นใหเ้ ขำ้ รปู เป็นผลิตภัณฑไ์ ด้โดยสะดวกด้วยตวั เอง
ภำพที่ 2.23 ตัวอยำ่ งกำรขนส่งในทำงตำ่ งๆ
ที่มำ : double-isolutions
20
2.5 ไมป้ ระดับ
2.5.1 ความหมายและความสาคญั
ไมป้ ระดับ หมำยถงึ พืชทีป่ ลกู ไว้เพอ่ื ควำมสวยงำมท่มี ำกขึ้น ใชป้ ระดบั ตกแต่งอำคำรบ้ำนเรือน
ให้เกิดควำมเจริญตำ สว่ นใหญไ่ มป้ ระดับมักเปน็ พชื ดอก จึงเรียกรวมกันว่ำ ไมด้ อกไม้ประดับ ซ่ึงควำม
เปน็ จรงิ แลว้ ไม้ประดับไม่จำเป็นต้องมีดอกก็ได้ เพียงมีใบที่ดูดีหรือมีสีสันสวยงำมก็ใช้ได้ ไม้ประดับมี
ขนำดเล็กหรือขนำดย่อมพอเหมำะแก่พ้ืนท่ีจัดตกแต่ง อำจปลูกไว้ในกระถำง ปลูกลงดิน หรือแขวน
ห้อยไวก้ ไ็ ด้
2.5.2 ประเภทของไมป้ ระดบั
1)ประเภทไมป้ ระดับภำยในอำคำรหรอื ในร่มรำไร
เป็นกลุ่มพืชท่ีต้องกำรแสงน้อย-ปำนกลำง ส่วนมำกจะปลูกอยู่ในอำคำรสำนักงำนท่ีมีแสงน้อย แดด
สอ่ งถึงบ้ำง อุณหภูมิไม่สงู
ตวั อยำ่ งไมป้ ระดับภำยในอำคำร
ภำพท่ี 2.24 ชุดภำพพลูด่ำง
ท่ีมำ : puechkase
พลูด่ำง จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับประเภทไม้เลื้อยที่นิยมปลูกมำกชนิดหน่ึง ท้ังปลูกในแปลงจัดสวน
ปลกู ในกระถำง และปลูกในแจกัน เนื่องจำกให้ใบดก ใบมีสีสันสวยงำม เติบโตได้ดีในทุกสภำพ และ
ดูแลงำ่ ย
21
2)ประเภทไมป้ ระดับภำยนอกอำคำรหรือกลำงแจง้
เป็นกลุ่มพืชที่ต้องกำรแสงมำกตลอดทั้งวัน ส่วนมำกปลูกประดับอยู่ภำยนอกอำคำรหรือตำมสนำม
ตำ่ งๆ
ตัวอย่ำงไม้ประดับภำยนอกอำคำร
ภำพท่ี 2.25 ภำพเฟิรน์
ที่มำ : puechkase
เป็นไม้ประดบั ท่ชี ว่ ยสรำ้ งบรรยำกำศให้บ้ำนดูเขียวขจีเหมือนป่ำ จะใส่กระถำงแขวนหรือปลูกลงดินก็
ควรให้อย่ใู นทที่ ่ีมีแดดรำไรและมีควำมช้ืนสูงเล็กน้อย ดูแลด้วยกำรรดน้ำให้ชุ่มทุกวัน จำกน้ันนำซำก
ใบไมม้ ำคลมุ หนำ้ ดินปอ้ งกนั ควำมช้นื ระเหย นอกจำกนคี้ วรละลำยปุ๋ยหมกั หรอื ปยุ๋ คอกกบั นำ้ รดลงไปท่ี
โคนต้นเดอื นละคร้ังพรอ้ มกับตัดเล็มสว่ นท่เี นำ่ ท้ิงไปอยำ่ งสมำ่ เสมอ
ภำพท่ี 2.26 ภำพบอนสี
ท่ีมำ : puechkase
บอนสี Caladium มถี ิ่นกำเนดิ มำจำกอเมรกิ ำใต้และประเทศในเขตรอ้ น ว่ำกันว่ำบอนสีเริ่มแพร่หลำย
เขำ้ มำในประเทศไทยในอดีต ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในสมัยก่อนนิยมเรียกกันว่ำ บอนฝรั่ง บอนสีน้ันเป็น
ไม้ล้มลกุ อวบนำ้ มหี วั หรอื เหง้ำเปน็ ลำต้นฝงั อยู่ใต้ดนิ
22
2.5.3 พันธุ์ไม้ทน่ี ิยมปลกู ในกระถาง
พรรณไม้ท่ีใช้เป็นไม้กระถำงได้ดีส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ท่ีไม่มีรำกแก้ว นอกจำกจะนำมำตัด
รำกแกว้ ออกทำเป็นไม้แคระ กำรแบง่ กลมุ่ ของไม้กระถำงอย่ำงกว้ำงๆ ตำมลักษณะควำมต้องกำรแสง
ของต้นไม้ ได้ดงั นี้
ภำพที่ 2.28 ชุดภำพพันธไ์ุ มท้ ีน่ ิยมปลูกในกระถำง
ทมี่ ำ : thaihometown
2.5.3.1 พันธุ์ไม้กระถำงในร่ม (Indoor Plants)
เป็นพันธุ์ไม้ท่ีนิยมปลูกประดับในสถำนท่ีร่ม หรือในอำคำร เช่น ว่ำนต่ำงๆ บอน เฟิร์น สำว
นอ้ ยประแปง้ โกสน พลูดำ่ ง เดหลี วำสนำ กำมะหย่ี หมำกผู้หมำกเมีย กล็อกซีเนีย อำฟริกันไวโอเลท
ฯลฯ พรรณไมเ้ หลำ่ นี้ตอ้ งกำรแสงแดดเพียง 20–40% ชอบอำกำศเย็น เป็นไม้ใบที่บอบบำง บำงชนิด
เปรำะ บำงชนิดเหนียว ใบเป็นมนั หรือสีตำ่ งๆ ส่วนใหญจ่ ะมีสีเขยี วมีลำยใบ
2.5.3.2 พันธุ์ไภมำ้กพรทะถ่ี 2ำ.ง2ก9ลชำุดงแภจำ้งพ(พOนั uธt์ุไdมo้ทoน่ี rยิ Pมlaปnลtูกsใ)นร่ม
ทมี่ ำ : panmai
23
เปน็ พรรณไม้ท่ีนิยมปลูกประดับสวน ริมร้ัว ริมอำคำร ระเบียง ที่นิยมปลูกเล้ียงกันมำก เช่น
โปย๊ เซยี น เบญจมำศ กุหลำบ ชวนชม เฟ่ืองฟ้ำ ว่ำนส่ีทิศ คริสต์มำส ดำวเรือง เป็นต้น เป็นกลุ่มไม้ที่
ชอบแสงแดด ปลูกกลำงแจ้งหรือร่มก็ได้ แต่จะต้องได้รับแสงแดดมำกกว่ำ 50% ข้ึนไป สำมำรถ
ปรบั ตัวได้ระยะเวลำหนึง่ เทำ่ นั้น ถ้ำนำไปประดบั ในท่รี ม่ นำนเกินไปจะไม่เจรญิ เตบิ โตตอ่
ภำพที่ 2.30 ชุดภำพพันธ์ุไมท้ ี่นยิ มปลูกกลำงแจ้ง
ทมี่ ำ : panmai
2.6 วสั ดปุ ลกู ไม้กระถาง
2.6.1 ความหมายของวัสดปุ ลกู
วัสดุปลูก หมำยถึง วัตถุต่ำงๆที่เลือกนำมำเพ่ือใช้ปลูกพืชทดแทนดิน และทำให้ต้นพืช
เจริญเติบโตได้เป็นปกติ วัตถุดังกล่ำวอำจเป็นชนิดเดียวกันหรือหลำยชนิดผสมกันก็ได้ และอำจเป็น
อินทรียวัตถุหรืออนนิ ทรยี ว์ ตั ถุก็ได้
โดยท่ัวไปวสั ดุปลกู มีบทบำทต่อกำรเจรญิ เตบิ โตของพชื 4 ประกำร คือ
- ค้ำจุนส่วนของพืชที่อยเู่ หนอื วสั ดปุ ลูกใหต้ ั้งตรงอยู่ได้
- เกบ็ สำรองธำตอุ ำหำรพชื
- กกั เกบ็ น้ำเพื่อเปน็ ประโยชน์ตอ่ พชื
- แลกเปลยี่ นอำกำศระหวำ่ งรำกพชื กับช่องว่ำงรอบๆวสั ดปุ ลกู
24
2.6.2 ตวั อย่างวัสดปุ ลกู ไมก้ ระถาง
2.6.2.1 ดิน
ดินมีหลำยสตู รหลำยประเภทให้เลือกใช้ สว่ นมำกจะระบไุ ว้ตัง้ แตห่ นำ้ ถุงแล้วว่ำเหมำะกับปลูก
อะไร ไมด้ อกไม้ประดับหรอื เพำะกล้ำ ซ่งึ ไม้แต่ละชนิดก็ชอบวัสดุปลูกไม่เหมือนกัน บำงประเภทชอบ
ดินโปรง่ บำงประเภทชอบดนิ ระบำยน้ำแตเ่ ก็บควำมชนื้ ได้ดี นอกจำกลักษณะของดินแล้วยังมีเร่ืองแร่
ธำตุ เพรำะดินถุงที่วำงขำยส่วนใหญ่มักมีธำตุอำหำรน้อย บำงคนก็หันไปใช้ดินผสมมูลไส้เดือน หรือ
พ่อค้ำแม่ค้ำส่วนใหญ่เลือกผสมดินใช้เอง เพ่ือเสริมธำตุอำหำรให้เพียงพอและตรงตำมควำมต้องกำร
ของตน้ ไมแ้ ต่ละชนิด
ภำพท่ี 2.31 ดนิ สำหรบั ปลูกไมก้ ระถำง
ทม่ี ำ : thestandard.co
2.6.2.2 หนิ ภูเขำไฟ
ลักษณะเหมือนก้อนหิน มีรูพรุน น้ำหนักเบำ ระบำยอำกำศได้ดี ช่วยป้องกันไม่ให้ดินจับตัว
เปน็ ก้อน ทำใหอ้ ำกำศหมุนเวียนในภำชนะปลูก ที่สำคัญในหินภเู ขำไฟยงั มีแร่ธำตุสำคญั อยู่ เช่น ซิลิกำ
แคลเซียม และแมกนเี ซียม ซงึ่ ธำตเุ หลำ่ นี้ช่วยดดู ซับสำรอำหำรท่ีสำคญั ต่อกำรเจริญเติบโตของพชื ได้ดี
2.6.2.3 พีตมอภสำพที่ 2.32 หินภเู ขำไฟสำหรับปลกู ไม้กระถำง
ทีม่ ำ : thestandard.co
25
พีตมอสเปน็ อินทรียวัตถุท่ีมีควำมโปร่ง สำมำรถเก็บควำมช้ืนได้ดี อุดมไปด้วยแร่ธำตุ และยัง
ปรำศจำกเช้ือโรคท่ีมักติดมำกับดิน คนนิยมนำมำใช้เพำะเมล็ด เพำะกล้ำ หรือผสมกับวัสดุปลูกชนิด
อนื่ ๆ ในประเทศไทยนำเขำ้ พีตมอสหลำยแบรนด์
ภำพที่ 2.33 พตี มอสสำหรับปลกู ไมก้ ระถำง
ทม่ี ำ : thestandard.co
2.6.2.4 กำบมะพร้ำวสับ / ขยุ มะพรำ้ ว
เนื่องจำกคุณสมบัติอุ้มน้ำและระบำยน้ำได้ดี จึงเหมำะกับต้นไม้ที่ชอบควำมช้ืน ส่วนขุย
มะพร้ำวมีน้ำหนักเบำ อุ้มน้ำได้ดีไม่แพ้กำบมะพร้ำวสับ ข้อดีคือมีธำตุโพแทสเซียมอยู่ เหมำะที่จะ
นำมำใช้เป็นวัสดุปลูกไม้ตอนตอนก่ิง หรือผสมดินเพ่ือเพิ่มควำมร่วนซุยให้กับชั้นดิน ก่อนนำกำบ
มะพรำ้ วมำใช้ควรแชน่ ้ำทง้ิ ไว้ 2-3 วนั
ภำพที่ 2.34 กำบมะพร้ำวสำหรบั ปลกู ไม้กระถำง
ทีม่ ำ : thestandard.co
26
2.6.2.5 แกลบเผำ / ขีเ้ ถำ้ แกลบ
วสั ดุปลูกสีดำผ่ำนกำรเผำจนกลำยเปน็ ขเี้ ถำ้ มำแล้ว มีควำมโปร่ง ระบำยน้ำได้ดีเช่นเดียวกับพี
ตมอส จึงมักนำมำผสมกับดินหรือวัสดุปลูกชนิดอื่นๆ โดยเฉพำะพืชที่ต้องกำรควำมร่วนและธำตุ
อำหำรอย่ำงพืชเพำะกล้ำ เพำะชำ หรืออนุบำลต้นไม้ ข้ีเถ้ำแกลบมีค่ำ pH ค่อนข้ำงสูง ช่วยลดควำม
เป็นกรดในดนิ ได้
ภำพท่ี 2.35 แกลบเผำสำหรับปลกู ไม้กระถำง
ท่มี ำ : thestandard.co
2.6.2.6 ดินญี่ปุ่น
ดินญ่ีปุ่นมีลักษณะพรุนและโปรง่ ทำใหเ้ ก็บควำมชน้ื ได้ดี เป็นแรธ่ ำตทุ ่เี กิดจำกภเู ขำไฟ จึงอุดม
ไปด้วยธำตอุ ำหำร มหี ลำยขนำดใหเ้ ลือกใช้ สำมำรถนำมำโรยหน้ำกระถำงแทนกรวดหรือหินภูเขำไฟ
ได้ นิยมนำมำปลูกบอนไซ แคคตัส หรือไม้อวบน้ำ เนื่องจำกข้อดีของดินญี่ปุ่นคือเน้ือไม่แข็ง ทำให้ไม่
บีบอดั โคนต้นไมแ้ ละไดฟ้ อรม์ ที่สวยงำม
ภำพท่ี 2.36 ดนิ ญปี่ ่นุ สำหรับปลกู ไมก้ ระถำง
ท่มี ำ : thestandard.co
27
2.6.2.7 เพอร์ไลต์
เพอร์ไลต์เกิดจำกกำรนำแร่หินภูเขำไฟตำมธรรมชำติมำเผำด้วยควำมร้อนสูงจนได้เป็นหิน
กรวดสีขำวขนำดเล็ก มีน้ำหนักเบำ อุ้มน้ำและระบำยน้ำได้ดี ช่วยกักเก็บควำมช้ืนให้อยู่ในวัสดุปลูก
มกั นำมำใช้กบั พืชท่ีต้องกำรควำมโปรง่ มีหลำยขนำด ใช้งำนได้ไม่ต่ำงจำกหินภูเขำไฟ ท้ังผสมดินและ
โรยหนำ้ กระถำง
ภำพท่ี 2.37 เพอรไ์ ลต์สำหรับปลกู ไม้กระถำง
ท่มี ำ : thestandard.co
2.6.2.8 เม็ดดินเผำ
เมด็ ดนิ เผำไดม้ ำจำกกำรเผำดนิ เหนยี วทีอ่ ุณหภูมิสงู จนอดั แนน่ กนั เปน็ เม็ดมีคุณสมบัติในกำรอุ้ม
น้ำระบำยน้ำและอำกำศได้ดีเพรำะสร้ำงช่องว่ำงในวัสดุปลูกได้เยอะ และยังมีธำตุอำหำรจำพวก
ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสท่ีพืชต้องกำรอกี ด้วยเม็ดดนิ เผำมหี ลำยขนำดตั้งแต่ก้อนเล็กๆเท่ำกรวดจนถึง
เม็ดใหญเ่ ท่ำน้ิวหวั แมม่ อื
ภำพท่ี 2.38 เมด็ ดินเผำสำหรบั ปลูกไมก้ ระถำง
ที่มำ : thestandard.co
28
2.7 การจักสาน
2.7.1 ความหมายของการจกั สาน
เครอื่ งจกั สำน คือ เครอ่ื งใช้ท่ที ำดว้ ยไม้ไผห่ รอื หวำย จำกฝมี อื ควำมคิด ภูมิปัญญำของชำวบ้ำน
มีลักษณะรปู ทรงแตกต่ำงกันไปตำมแต่ละท้องถิน่ ทัง้ นีข้ ้นึ อยู่กับภูมิประเทศ วัสดุอุปกรณ์คตินิยม และ
อำชีพของคนในท้องถิ่นนั้นๆ คำว่ำ “ จักสำน” คำว่ำ จัก คือ กำรทำให้เป็นแฉก เป็นหยักๆ ด้วยฟัน
เล่ือย หรืออีกวิธีกำรหน่ึง กำรที่ชำวบ้ำนใช้คมมีดผ่ำไม้ไผ่แล้วทำให้เป็นเส้นบำงๆ วิธีกำรอย่ำงนี้ก็
เรียกวำ่ จัก เชน่ กัน ส่วนไมไ้ ผ่ หรือ หวำย ทจี่ กั ออกมำเปน็ เส้นบำงๆ น้ันเรียกว่ำ ตอก ถึงตอนนี้กำรท่ี
ชำวบ้ำนนำตอกมำขัดกันจนเกิดลวดลำยที่ต้องกำร เรำเรียกว่ำ สำน ต่อจำกนั้นแล้วก็จะเป็นกำร
สร้ำงสรรค์ใหเ้ กดิ รูปทรงต่ำงๆ จนท้ำยท่ีสุดเป็นภำชนะสำมำรถนำไปใช้สอยได้ตำมตอ้ งกำร
กำรเรียกเครื่องจักสำนว่ำ “จักสำน” น้ัน เป็นคำท่ีเรียกขึ้นตำมวิธีกำรที่ทำให้เกิดเครื่องจัก
สำน เพรำะเครอื่ งจักสำนตำ่ งๆ จะสำเร็จเป็นรูปรำ่ งที่สมบรู ณไ์ ด้นน้ั ต้องผำ่ นกระบวนกำร ดังนี้
1. กำรจัก คือกำรนำวัสดุมำทำให้เป็นเส้น เป็นแฉก หรือเป็นร้ิวเพื่อควำมสะดวกในกำรสำน
ลักษณะของกำรจกั โดยท่ัวไปน้ันขึ้นอยู่กับลักษณะของวัสดุแต่ละชนิดซึ่งจะมีวิธีกำรเฉพำะที่แตกต่ำง
กนั ไป หรือบำงครั้งกำรจักไม้ไผ่หรือหวำยมักจะเรียกว่ำ “ตอก” ซ่ึงกำรจักถือได้ว่ำเป็นข้ันตอนของ
กำรเตรียมวัสดใุ นกำรทำเครอ่ื งจกั สำนข้นั แรก
2. กำรสำน เป็นกระบวนกำรทำงควำมคิดสร้ำงสรรค์ของมนุษย์ท่ีนำวัสดุธรรมชำติมำทำ
ประโยชน์โดยใช้ควำมคิดและฝีมือมนุษย์เป็นหลัก กำรสำนลวดลำยจะสำนลำยใดน้ันข้ึนอยู่กับควำม
เหมำะสมในกำรใชส้ อย ซ่ึงมีด้วยกัน 3 วิธี คือ – กำรสำนด้วยวิธีสอดขัด – กำรสำนด้วยวิธีกำรสอด
ขัดดว้ ยเสน้ ทแยง – กำรสำนดว้ ยวิธขี ดเปน็ วง
3. กำรถัก เป็นกระบวนกำรประกอบที่ช่วยให้กำรทำเครื่องจักสำนสมบูรณ์ กำรถักเครื่องจัก
สำน เชน่ กำรถักขอบของภำชนะจักสำนไมไ้ ผ่ กำรถักหูภำชนะ เป็นต้น กำรถักส่วนมำกจะเป็นกำร
เสริมควำมแขง็ แรงของโครงสร้ำงภำยนอก เช่น ขอบ ขำ ปำก กน้ ของเครอื่ งจกั สำน และเป็นกำรเพิ่ม
ควำมสวยงำมไปดว้ ย
ภำพที่ 2.39 ผลติ ภัณฑท์ ่ีเกดิ จำกกระบวนกำรผลติ ดว้ ยกำรจกั สำน
ท่ีมำ : sites.google.com/a/sapit.ac.th
29
2.7.2 ตัวอย่างวสั ดุทนี่ ามาใช้ในการจักสาน
1. ไม้ไผ่ เป็นไม้ท่ีใช้ทำเคร่ืองจักสำนมำกมำยหลำยชนิด มีลักษณะเป็นไม้ปล้อง เป็น
ข้อ มีหนำม และแขนงมำก เมอื่ แก่จะมสี เี หลอื ง โดยจะนำสว่ นลำต้นมำใช้จักเป็นตอกสำหรับสำนเป็น
ภำชนะตำ่ งๆ
2. กก เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหน่ึงที่ชอบขึ้นในท่ีช้ืนและมีขึ้นทั่วไป เช่น ในนำ ริมหนอง บึง
และที่น้ำท่วมแฉะ ลำต้นกลมหรือสำมเหลี่ยม มีทั้งชนิดลำต้นใหญ่ยำว และลำต้นเล็กและสั้น
สว่ นมำกนำมำทอเสอ่ื มำกกว่ำนำมำสำนโดยตรง
3. แหย่ง มีลักษณะคล้ำยไม้ไผ่แต่อ่อนนุ่มกว่ำ ไม่มีข้อ แข็งกว่ำหวำยใช้ได้ทนกว่ำกก
ชอบข้นึ ตำมท่ีแฉะ มีผิวเหลืองสวย ใชส้ ำนเส่ือ ทำฝำบำ้ น เปน็ ต้น
4. หวำย จะขน้ึ ในป่ำเป็นกอๆ ส่วนมำกจะใช้ประกอบเครื่องจักสำนอ่ืนๆ แต่ก็มีกำร
นำหวำยมำทำเครอ่ื งจกั สำนโดยตรงหลำยอย่ำง เชน่ ตะกร้ำหว้ิ ถำดผลไม้ เปน็ ตน้
5. ใบตำลและใบลำน ลำต้นสูงคล้ำยมะพร้ำว ใบเป็นแผงใหญ่คล้ำยพัด จะนำมำทำ
เครื่องจักสำนโดยจักในออกเป็นเส้นคล้ำยเส้นตอก แต่ต้องใช้ใบอ่อน ส่วนใหญ่จะใช้สำนหมวกและ
งอบ
6. กำ้ นมะพรำ้ ว ใชก้ ำ้ นกลำงใบของมะพร้ำว เหลำใบออกให้เหลือแต่ก้ำน แล้วนำมำ
สำนเช่นเดยี วกบั ตอก สว่ นมำกสำนเปน็ ตะกร้ำ กระจำดผลไม้เล็กๆ
7. ย่ำนลิเภำ มีลักษณะเป็นเถำวัลย์ชนิดหนึ่ง มีขนำดเท่ำหลอดกำแฟ ขึ้นตำมภูเขำ
เทือกเขำ และปำ่ ละเมำะ ในกำรใช้ตอ้ งนำลำต้นมำลอกเอำแตเ่ ปลอื กแลว้ จกั เป็นเส้นๆ ย่ำนลิเภำส่วน
ใหญ่จะนำมำสำนเปน็ ลำย เช่ยี นหมำก พำน เป็นต้น
8. กระจูด เป็นพันธ์ุไม้ตระกูลเดียวกับกก ชอบข้ึนในที่ชื้นแฉะ ลักษณะลำต้นเป็นต้น
กลมๆ ขนำดน้ิวกอ้ ย กอ่ นนำมำสำนจะต้องนำลำตน้ มำผง่ึ แดดแล้วทุบใหแ้ บนคลำ้ ยเส้นตอกกอ่ น แล้ว
จึงสำน
9. เตยทะเล เป็นต้นไม้จำพวกหนึ่งใบยำวคล้ำยใบสับปะรดหรือใบลำเจียก ข้ึนตำม
ชำยทะเล ใบมีหนำม ก่อนนำมำสำนต้องจกั เอำหนำมริมใบออกแล้วย่ำงไฟ แช่น้ำ แล้วจึงจักเป็นเส้น
ตอก
10. ลำเจียก หรอื ปำหนนั เปน็ ต้นไม้จำพวกเดียวกับเตย
11. คล้ำ เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งคล้ำยต้นข่ำ หรือกก มีผิวเหนียว ใช้สำนภำชนะ
เช่นเดียวกับหวำยและไม้ไผ่
30
บทที่ 3 วธิ ีกำรศึกษำโครงงำน
กำรศึกษำโครงงำนประกอบดว้ ยสว่ นสำคญั ดังนี้
3.1 ขอบเขตของกำรศึกษำโครงงำน
3.1.1 กรอบแนวควำมคิด (ภำพท่ี 3.1)
มิตใิ หม่ของกำรใช้วสั ดพุ ลำสวดู กับกำร
ผลิตกระถำงตน้ ไม้
วสั ดพุ ลำสวูด แนวทำงกำรออกแบบผลติ ภัณฑ์ กำรออกแบบ
กระถำงตน้ ไม้ ผลติ ภัณฑ์
ทดลองปลูกใน ผลติ ภัณฑก์ ระถำงต้นไม้จำก ควำมเหมำะสม
สภำพแวดล้อม พลำสวูด 2 รูปแบบ กำรเลอื กใช้พันธ์ุ
ภำยนอกอำคำร ไมใ้ หเ้ หมำะสม
และกำรดแู ล ประสทิ ธิภำพของผลติ ภัณฑ์กระถำง กับรปู แบบของ
ต้นไม้พลำสวดู 2 รปู แบบ ด้ำนกำรใช้สอย
รักษำ กระถำง
สรุ ทรยี ภำพ ต้นทุน
ภำพที่ 3.1 กรอบแนวควำมคิดกำรศกึ ษำโครงงำน
31
3.1.2 เน้ือหำ/ประเดน็ กำรศึกษำ
3.1.2.1 ศึกษำคณุ สมบัตแิ ละรูปแบบของพลำสวูด
3.1.2.2 ศึกษำแนวทำงออกแบบผลิตภณั ฑ์กระถำงใหเ้ หมำะสมกบั กำร
ใชส้ อยภำยนอกอำคำร
3.1.2.3 ศกึ ษำแนวทำงกำรเลือกใช้พนั ธไ์ุ ม้ทเ่ี หมำะสมกบั กระถำงและ
สภำพแวดล้อมภำยนอกอำคำร
3.1.2.4 ศึกษำประสิทธิภำพของผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นแนวทำงในพัฒนำต้นแบบของ
กระถำงในอนำคต
3.1.2.5 เปล่ียนเทยี บประสทิ ธภิ ำพของรูปแบบกระถำงที่ไดท้ ำกำรออกแบบ
3.2 ขั้นตอนวธิ ดี ำเนนิ กำรศึกษำโครงงำน
3.2.1 ออกแบบกระถำงต้นไม้โดยจะแบบเป็น 2 รูปแบบคือ
3.2.1.1 รูปแบบประกอบชิ้นส่วน
3.2.1.2 รปู แบบประกอบชิน้ ส่วนและจักสำนตกแต่งภำยนอก
3.2.2 ขนำดของกระถำงท่ใี ชใ้ นกำรออกแบบจะมี 3 ขนำดเพ่ือเป็นกำรทดสอบเร่ืองปริมำณ
วัสดทุ ่ใี ชใ้ นกำรออกแบบและประสทิ ธภิ ำพของกระถำงในกำรใชส้ อย ควำมงำม และต้นทนุ คอื
ขนำดเล็ก ขนำดกลำง ขนำดใหญ่ ในสัดส่วน กว้ำง-ยำว-สูง = 1 : 1 : 1 (ตำรำงท่ี 3.1 และ ภำพท่ี
3.2)
สดั สว่ น ขนำดเลก็ (น้วิ ) ขนำดกลำง(นิ้ว) ขนำดใหญ่(นว้ิ )
ควำมกว้ำง (X) 7 8.5 10
ควำมยำว (Y) 7 8.5 10
ควำมสูง (Z) 7 8.5 10
ตำรำงท่ี 3.1 สัดสว่ นของกระถำงทใี่ ช้ในกำรทดสอบ โดยสัดส่วนคอื
กว้ำงxยำวxสูง = 1:1:1
32
Y
Z
X
ภำพที่ 3.2 สัดส่วนของกระถำง
3.2.3 กำรพิจำรณำวัสดุปลูกที่เหมำะสมกับต้นไม้ในกระถำง โดยคัดเลือกดินปลูก จำกสูตร
สำเร็จของเกษตรกรอำเภอสันทรำย ชื่อ ดินผสมแม่โจ้ 47 ซ่ึงมีสูตรดินท่ีประกอบด้วย ดินดำ ขี้เถ้ำ
แกลบ แกลบดิน ขุยมะพรำ้ ว มะพรำ้ วสบั กำกลกู เตย และปุยคอย ในกำรปลกู จะใช้ส่วนประกอบดังนี้
(ภำพท่ี 3.3)
- ตำข่ำยพลำสตกิ รองกระถำง
- กำบมะพรำ้ วสับรองกระถำง = 1 ส่วนและโรยบนหนำ้ ดินปลกู = 1 สว่ น
- ดนิ ผสมสูตรสำเร็จแม่โจ้ 47 = 8 ส่วน
ตำขำ่ ยพลำสตกิ รองกระถำง
กำบมะพรำ้ วโรยบนหนำ้ ดินปลูก 1 ส่วน
ดินผสมสูตรสำเรจ็ แม่โจ้ 47 = 8 ส่วน
กำบมะพรำ้ วสบั รองกระถำง 1 ส่วน
3.2.4 กำรเลือกใชพ้ ันธ์ไุ มภ้ทำเ่ี หพมทำ่ี ะ3ส.3มวกัสับดรุปูปลแกูบภบำแยลใะนขกนรำะดถขำองงกระถำงท่ีออกแบบ
33
มเี กณฑก์ ำรเลือกพนั ธไ์ุ ม้ ดังนี้
3.2.4.1 ลักษณะทำงกำยภำพ 4 อย่ำงประกอบด้วย
1) รูปทรง
2) สี
3) ผวิ สัมผัส
4) ขนำด
3.2.4.2 สภำพแวดล้อมในกำรเจริญเตบิ โต จะเลือกใช้พืชพรรณที่สำมำรถเติบโตได้ใน
พ้นื ภำยนอกอำคำรหรอื พื้นทกี่ ลำงแจ้งเปน็ หลัก และเลือกใชพ้ ืชทพี่ รรณท่ี เหมำะสมกับกำรนำมำปลูก
ในกระถำงต้นไม้ได้
3.2.5 กำรทดลองปลกู และกำรดูแลรักษำตม้ ไมท้ ่ปี ลูกในกระถำง 2 รูปแบบ 3 ขนำด เป็น
เวลำ 2 สปั ดำห์ โดยกำรรดน้ำในชว่ งเวลำ 17.00-18.00น. โดยที่จะรดให้ดนิ พอชุ่มช่ืนตำมสัดส่วนของ
กระถำง โดยท่ขี นำดเล็กใช้ 1 แก้ว ขนำดกลำงใช้ 1.5 แก้ว ขนำดใหญ่ใช้ 2 แก้ว ที่ปริมำณน้ำ 1 แก้ว
จะเท่ำกับ 250 มลิ ลิลติ ร (ภำพท่ี 3.5)
กระถำงขนำดเลก็ 1 แก้วหรอื 250 มลิ ลิลติ ร
1.5 แกว้ หรอื 500 มิลลิลติ ร
กระถำงขนำดกลำง
2 แก้วหรอื 750 มิลลิลติ ร
กระถำงขนำดใหญ่
ภำพท่ี 3.4 ปริมำณกำรใหน้ ำ้ ในชว่ งทดลองปลกู
34
3.2.6 ประเมินประสทิ ธิภำพ กบั กำรใช้สอย ควำมงำม และสนุ ทรียภำพ ผลิตภัณฑ์กระถำง
3.2.6 ประเมินประสิทธิภำพ กับกำรใช้สอย ควำมงำม และสุนทรียภำพ ต้นทุนของ
ผลติ ภัณฑก์ ระถำง 2 รปู แบบ 3 ขนำด (ตำรำงที่ 3.2)
กระถางรปู แบบประกอบชน้ิ สว่ น ขนาดเลก็
ประสทิ ธิภาพ
การใช้สอย กำรใหค้ ะแนน 5 หมำยเหตุ
1 ควำมแข็งแรง 1234 5
2. กำรเจริญเติบโตของตน้ ไมใ้ นกระถำง
ความสวยงามและสุนทรียภาพ กำรให้คะแนน
1. ควำมพงึ พอใจ(ทำงควำมรู้สกึ ) 1234
2. กำรสร้ำงบรรยำกำศ
ตันทนุ การผลติ ปริมาณวสั ดุ
1. ปริมำณของวัสดุพลำสวูดทใี่ ช้
2. รำคำ(วัสด+ุ ค่ำแรง)
ตำรำงท่ี 3.2 ตัวอย่ำงแบบประเมนิ ประสิทธิภำพของผลติ ภัณฑก์ ระถำง
2 รปู แบบ 3ขนำด
35
3.3 วสั ดอุ ุปกรณ์ เคร่อื งมือท่ใี ช้
3.3.1 วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมือท่ีใช้ภำคสนำม หรือ ห้องปฏบิ ตั ิกำร
3.3.1.1 แผน่ พลำสวดู 5 มิลลเิ มตร
3.3.1.2 แผ่นพลำสวูด 1 มิลลิเมตร
3.3.1.3 กำวรอ้ น
3.3.1.4 ไม้เสียบลูกชิ้น
3.3.1.5 แท่งพลำสติก 4 มิลลิเมตร
3.3.1.6 ตำข่ำย
3.3.1.7 ตลับลูกปืน
3.3.1.8 ดินผสม
3.3.1.9 ต้นไม้(ทั้งภำยในและภำยนอก)
3.3.2 เครื่องมือ
3.3.2.1 สวำ่ นมอื
3.3.2.2 เคร่อื งเจยี ร์สำยอ่อน
3.3.2.3 มดี คัดเตอร์
3.3.2.4 ไมบ้ รรทดั
3.3.2.5 น๊อต
3.3.3 โปรแกรม
3.3.2.1 AutoCAD 2020
3.3.2.2 SketchUp 2019
36
บทที่ 4 ผลกำรศึกษำและกำรอภปิ รำยผล
กำรศึกษำโครงงำนวิชำชีพภูมิทัศน์เรื่อง “แนวทำงกำรออกแบบกระถำงต้นไม้แบบติดผนัง
จำกพลำสวูด” เพื่อทดสอบประสิทธิภำพของตัวกระถำงตำมสมมุติฐำนท่ีว่ำกระถำงท่ีผลิตมำ
จำกพลำสวูดจะตอ้ งมีดีไซล์ท่ีสวยงำมและยังต้องคงคุณสมบตั ทิ ม่ี ำจำกพลำสวดู ได้อย่ำงครบถ้วน โดยมี
รำยละเอยี ด ดงั น้ี ตัวกระถำงทีไ่ ดจ้ ะต้องมีดีไซล์ที่สวยงำม ตวั กระถำงจะต้องยังคงคุณสมบตั ิจำกพลำส
วดู ได้ เชน่ ทนต่อควำมช้ืน ทนนำ้ หรือพื้นทีเ่ ปียกชน้ื ได้ดี ไมบ่ วมหรือพองตัวเมื่อสัมผัสน้ำ น้ำหนักเบำ
เป็นตน้
4.1 ผลกำรศกึ ษำ ได้พจิ ำรณำทำงเลอื กของกำรออกแบบกระถำงเป็น 2 แนวทำง ได้แก่ กระถำง
รูปแบบประกอบช้นิ สว่ น กบั กระถำงรปู แบบประกอบชนิ้ สว่ นและจกั สำนตกแตง่ ภำยนอกคอื
4.1.1 แบบของกระถำงที่ไดท้ ำกำรออกแบบ
4.1.1.1 กระถำงรูปแบบประกอบชิ้นสว่ น
1) ได้ออกแบบกระถำงขนำดเล็ก กลำง และใหญ่ ขนำดสัดส่วน 1:1:1
รปู ทรง 6 เหลย่ี ม (ตำรำงท่ี 3.1 และ ภำพที่ 4.1)
วัสดุพลำสวดู Y
วสั ดรุ อง
ก้นกระถำง
Plan
Z รูระบำยน้ำ
ElevXation Section
37
ตัวกระถำง ตน้ ไม้
ประกอบช้ินส่วน
Prespective
ภำพท่ี 4.1 ชุดภำพกระถำงรปู แบบประกอบช้นิ สว่ น