The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน เทคนิคการผลิตชิ้นส่วนด้วยเครื่องมือกล1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายไพรัช สุริยะ, 2020-09-21 04:35:27

เทคนิคการผลิตชิ้นส่วนด้วยเครื่องมือกล1

แผนการสอน เทคนิคการผลิตชิ้นส่วนด้วยเครื่องมือกล1

11. เหลก็ แทงํ ขนานมลี ักษณะตามข๎อใด

ก. มลี กั ษณะเรยี บ ข. มเี หล็กกลม

ค. เป็นแทํงสเี่ หลยี่ ม ง. มลี กั ษณะเป็นมมุ 45 องศา

12. Planer Jack คืออุปกรณใ์ ด

ก. เหล็กแทํงขนาน ข. เหลก็ แทํงฉาก

ค. เหลก็ ตวั ยู ง. เกลียวปรับรบั รองชิน้ งาน

13. เหล็กแทงํ ฉากมีรปู รํางตามขอ๎ ใด

ก. รูปตวั L ข. รูปตวั C

ค. รปู ตัว M ง. รูปตวั N

14. เครื่องไสมีลกั ษณะการทางานคลา๎ ยเครอื่ งจกั รกลใด

ก. เครื่องเลอื่ ยกลแบบชัก ข. เครอ่ื งเจาะ

ค. เครื่องกัด ง. เครอื่ งกลงึ

15. อปุ กรณใ์ ดชวํ ยในการจบั ยึดช้นิ งาน

ก. ปากกา ข. กนั สะท๎าน

ค. จานพา ง. ปลอกจับยึด

หน่วยท่ี 3
เครื่องไสและงานไส

หัวเรอื่ ง (Topics)
3.1 หลักการทางานของเคร่ืองไส
3.2 ชนิดเครือ่ งไส
3.3 สวํ นประกอบเครอ่ื งไส
3.4 เคร่อื งมือและอุปกรณ์ทีใ่ ชง๎ านไส
3.5 การคานวณหาความเร็วในงานไส
3.6 ความปลอดภัยในงานไส
3.7 การบารงุ รักษาเครอื่ งไส

แนวคดิ สาคญั (Main Idea)
เครื่องไสเป็นเคร่ืองจักรกลชนิดหนึ่ง ลักษณะการทางานสามารถลดขนาดได๎ทีละมากๆและ

สามารถทางานไดใ๎ นลกั ษณะงานไสผิวเรียบ งานไสรํองสปาย งานไสบําฉาก งานไสมุม อุปกรณ์ที่ใช๎ในการ
ชํวยจบั งาน ไดแ๎ กํ ปากกาจบั ชิน้ งาน เหลก็ แทงํ ขนานและอุปกรณจ์ บั ยดึ ตํางๆ

สมรรถะยอํ ย (Element of Competency)
1. ไสงานผิวเรยี บ รอํ งสปาย บาํ ฉาก ไสมมุ ได๎
2. ใช๎อุปกรณ์ในการจบั ชนิ้ งานไสได๎

จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (Behavioral objectives)
1. อธบิ ายหลกั การทางานของเคร่อื งไสได๎
2. บอกประเภทเครอื่ งไสได๎
3. บอกสํวนประกอบเครื่องไสได๎
4. บอกเคร่อื งมอื และอปุ กรณท์ ่ีใชง๎ านไสได๎
5. คานวณหาความเรว็ ในงานไสได๎
6. อธิบายความปลอดภยั ในงานไสได๎
7. บอกวิธกี ารบารุงรักษาเครื่องไสได๎

เน้ือหาสาระ (Content)
เครอื่ งไส(Shaping Machine) เป็นเคร่อื งจกั รกลท่ีอาศยั การเคลอ่ื นท่ีโดยมีดเดนิ ลักษณะเปน็ เส๎นตรงและให๎
ช้นิ งานวง่ิ พาคมตดั จงึ จะเกดิ การตดั เฉอื นชน้ิ งาน ในการเคลื่อนของมดี ไสหนึ่งชวํ งจังหวะคํไู สคอื มดี เดินไป
หนา๎ แล๎วถอยหลงั กลบั เรียกวําหนึ่งชวํ งจงั หวะคไูํ ส ซึ่งมดี ไสกนิ ช้ินงานขณะมีดเดนิ ไปหนา๎
3.1 หลักการทางานของเคร่ืองไส

เคร่ืองไส คอื เคร่อื งจักรทีใ่ ชไ๎ สชน้ิ งาน เพ่อื ลดขนาดชิน้ งานไดค๎ ร้ังละมากๆ ทง้ั งานไสผิวเรยี บ งานไส
รอํ งสปาย งานไสบาํ ฉาก เป็นตน๎ เพ่ือทาใหง๎ านเสร็จเร็วขน้ึ
3.2 ชนิดเครอื่ งไส

3.2.1 เคร่ืองไสนอน (Horizontal Shaping Machine)
เคร่ืองไสนอนเป็นเครอื่ งไสท่นี ิยมในการไสงานท่ัวๆไป ซ่ึงมีดไสจะตัดชิ้นงานในลักษณะเคลื่อนท่ี

กลับไปมาในแนวนอน

รูปท่ี 3.1 เครอื่ งไสนอน
(ทีม่ า : http://www.machine.in.th)
3.2.2 เคร่ืองไสตัง้ (Vertical Shaping Machine)
เครือ่ งไสตั้งเปน็ เคร่ืองไสต้งั ทมี่ ดี ไสจะตัดชนิ้ งานในลักษณะเคลอ่ื นทไ่ี ปกลับในแนวตง้ั นิยมใช๎
ในการไสรํอง เชํน รอํ งลิม่ รอํ งสปาย เฟอื งใน เป็นตน๎

รปู ที่ 3.2 เครอ่ื งไสต้ัง
(ทม่ี า: http://www.machine.in.th)
3.2.3 เครอ่ื งไสโต๏ะงานเคลื่อนที่ (Planer Machine)
เครอื่ งไสโตะ๏ งานเคล่อื นท่ี เปน็ เครอ่ื งไสขนาดใหญํที่โตะ๏ งานเคลื่อนท่ีผาํ นมดี ไสกลับไป
มา นิยมไสงานขนาดใหญํ

รูปที่ 3.3 เครือ่ งไสโต๏ะงานเคลือ่ นที่
(ทม่ี า : https://sites.google.com)

3.3 ส่วนประกอบเครอื่ งไสนอน

ชดุ หวั ไส
สกรูปรับระยะมีดไส
แคร่เลื่อน

โต๊ะงาน แขนคลตั ช์
รางเลื่อนขวาง สวติ ช์

ฐานเครื่องไส เพลาปรับระยะ
ชกั ไส
เพลาหมนุ โต๊ะงาน

เพลาปรับโต๊ะขนึ ้ ลง

รปู ที่ 3.4 สํวนประกอบเครอื่ งไสนอน
(ที่มา : http://www.machine.in.th)

3.3.1 ฐานเครือ่ ง (Base)
ฐานเครอื่ งเป็นสวํ นทีใ่ ชร๎ องรบั สวํ นตาํ งๆของเครอ่ื งไสซง่ึ ทามาจากเหลก็ หลอํ ตํอเนอ่ื ง

ขน้ึ มาจนถึงสํวนบนของเคร่ือง
3.3.2 โต๏ะงาน (Table)
โตะ๏ งานเป็นสํวนท่ใี ช๎รองรับชิน้ งานไสหรอื ปากกาจับงานไสและโตะ๏ งานนส้ี ามารถ

เคลื่อนท่ีไปมาซา๎ ยขวาของฐานเครื่อง หรอื ขน้ึ ลงได๎
3.3.3 แครํเคล่ือนที่ (Ram)
แครเํ คลอ่ื นท่เี ป็นสวํ นทอ่ี ยํูบนสุดของเคร่ืองไสซ่งึ วางอยํบู นฐานเครื่องสวํ นบน การ

เคลือ่ นท่กี ลับไปมาโดยระบบกลไกขับแครเํ ลื่อน

รูปที่ 3.5 แครเํ ลือ่ นและกลไกขับเคล่ือน
(ที่มา : มนสั นิระโส, 2559)

3.3.4 หวั เครอื่ งไส (Tool Head)
หวั เครื่องไสเปน็ สวํ นทีอ่ ยปํู ลายชดุ ของแครํเลือ่ น ใช๎สาหรับจับยึดมีดไสหวั เครือ่ งไส

สามารถเลอื่ นขึ้นลง และปรบั มุมเปน็ มมุ ตํางๆได๎ และหวั เครื่องไสมีสวํ น ประกอบดงั น้ี

สเกลปอ้ มไส มือหมนุ

แผน่ เลือ่ นหน้า สเกลปรับองศา
สกรูลอ็ กองศา สกรูยดึ แผน่ หน้า
สลกั
กลอ่ งมดี กลอ่ งนอก
มดี ไส
ปอ้ มมดี รูปท่ี 3.6 สวํ นประกอบหวั เครอ่ื งไส
(ที่มา : มนัส นิระโส, 2559)

1. ปูอนมดี (Tool Post) ใช๎จับมีดไสหรือดา๎ มมีดไส
2. กลอํ งมีด (Clapper) ใชร๎ องรับปูอนมดี และกระดูกข้นึ ในจงั หวะทแี่ ครเํ ล่ือนถอนหลงั เพือ่

ยกหลังมดี ให๎พน๎ จากงาน
3. กลํองนอก (ClapperBox) เป็นสวํ นท่จี บั ยึดชุดจบั มีดไสทงั้ หมดและสํวนนี้สามารถเอยี ง

เป็นมมุ ได๎
4. แผนํ เลอ่ื นมีด (Tool Slide) เป็นสํวนที่ใชเ๎ ลือ่ นมดี ขน้ึ ลง เพอ่ื ปอู นกินงาน โดยอาศยั สกรู

ปูอน

3.3.5 แขนปรบั ความเรว็ ไส (Cutting Stroke)
การไสงานทกุ ครง้ั ตอ๎ งตงั้ ความเรว็ ใหถ๎ ูกต๎อง เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการทางาน

รปู ท่ี 3.1 ตารางปรับความเรว็ เครื่องไส
(ที่มา : มนัส นริ ะโส, 2559)

3.3.6 ชุดปอู นไสอตั โนมัติ (Cross-feed Engagement Level)
เป็นชดุ เคลื่อนโตะ๏ งานปูอนกินงานอตั โนมตั ิซึง่ มีดไสกนิ ชน้ิ งานไดค๎ งที

ป่มุ ปรับอตั โนมตั ิ เพลาปรับระยะชกั

เพลาเคล่ือนโต๊ะงาน
เพลาปรับโต๊ะขนึ ้ -ลง

รปู ท่ี 3.7 ชดุ ปูอนไสอตั โนมตั ิ
(ทม่ี า : http://www.machine.in.th)

3.3.7 แขนคลัตซ์ (Clutch Control Level)
แขนคลตั ซเ์ ป็นสวํ นทใี่ ช๎ทาหนา๎ ที่ตัดตํอกาลัง จากระบบสํงของเครื่องไสในการไสงาน

และสงั่ ใหแ๎ ครเํ ล่อื นหยุดโดยไมตํ ๎องปดิ สวติ ซ์
3.3.8 ชดุ ปรับระยะไส (Ram Positioning Shaft)
ชุดปรบั ระยะไสทาหนา๎ ท่ีปรับความยาวแครํเลือ่ น เพือ่ ให๎มีดได๎ไสงานได๎ตามความยาวของ

งานซ่งึ มตี าแหนงํ ปรับ 2 จุด คอื สกรู ด๎านข๎างเครื่องไสสาหรับปรบั ความยาวของแครํเลื่อนและสกรูแครํ
เลือ่ นสาหรับปรบั ตาแหนํงหน๎ามีดและหลงั มีดไส

รูปท่ี 3.8 โครงสรา๎ งการปรับระยะไส
(ทม่ี า : ประเวศ ยอดยิ่ง, 2545)

3.4 เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ท่ใี ช้ในงานไส
1. ปากกาจับงานไส เป็นอปุ กรณ์ทจ่ี าเปน็ มาก เพราะสามารถทาให๎จบั งานไดร๎ วดเรว็

รูปที่ 3.9 ปากกาจบั งานไส
(ทม่ี า : มนัส นริ ะโส, 2559)

2. เหล็กแทง่ ขนาน เป็นอุปกรณ์ชํวยต้ังฉากชนิ้ งานใหไ๎ ดฉ๎ ากเวลาจับงานไส

รูปท่ี 3.10 เหล็กแทํงขนาน
(ท่ีมา : http://www.igetweb.com)
3. แท่งล่มิ จับยดึ เปน็ อุปกรณ์ท่ใี ช๎สาหรบั กดช้ินงานให๎แนํนมีลกั ษณะแบนเอยี งเป็นมมุ เพ่อื
กดชน้ิ งาน

แทง่ ลม่ิ จบั ยึด ชนิ ้ งาน

รปู ท่ี 3.11 แทงํ ล่ิมจับยดึ
(ท่มี า : มนสั นิระโส, 2559)

4. Toe Dogsเปน็ อปุ กรณท์ ี่ใชจ๎ ับยดึ ชน้ิ งานท่ีไมํสามารถกดดา๎ นบนของช้ินงานได๎

ตวั ลมิ่ ช่วยกด
เกลยี วกดชิน้ งาน

ชนิ ้ งาน

รปู ที่ 3.12 อุปกรณ์ทใ่ี ช๎จับยึดชิ้นงาน
(ที่มา : มนัส นริ ะโส, 2559)

5. Planer Jackเป็นเกลยี วปรับท่ีใช๎เป็นอุปกรณร์ องรับช้นิ งานด๎านลํางของดา๎ นท่ไี สเพ่อื รบั
แรงท่เี กดิ ข้ึนจากการไสชวํ ยปอู งกนั การสน่ั สะเทือน

ชนิ ้ งาน

C-Clavp

เกลียวชว่ ยปรับระดบั

รปู ท่ี 3.13 เกลยี วปรับใช๎เปน็ อปุ กรณ์รองรับชิ้นงาน
(ที่มา : มนสั นิระโส, 2559)

6. อปุ กรณ์ที่จาเปน็ สาหรับงานไส

(ก) แทํงขนาน (ข) ชุดแทํงฉาก (ค) สกรจู บั ยึด

รปู ท่ี 3.14 อุปกรณ์ท่จี าเป็นสาหรบั งานไส

(ทมี่ า : มนัส นิระโส , 2559)

7. ดา๎ มมดี ไส เป็นอปุ กรณ์จับมีดไสเพื่อไสชิ้นงาน

รปู ที่ 3.15 ด๎านมีดไส
(ทม่ี า : มนสั นิระโส , 2559)

3.5 คานวณความเร็วงานไส

จากสูตร V = NL

3 x 1,000
5

V = NL เมตร/ นาที

600

เมอ่ื กาหนด N = 600 × V คูจํ งั หวะชกั /นาที

L

V = ความเรว็ ตดั งานไส เมตร/นาที
N = จานวนคํจู งั หวะงานไส (เดนิ หน๎าและถอยหลงั กลบั 1 ครั้ง เทํากับ 1 คูํจังหวะงานไส)
L = ความยาวงานบวกทเ่ี ผ่ือหนา๎ มีดและเผ่ือหลงั มดี
= l + La + lu
l = ความยาวงานท่จี ะไสจรงิ
la = ระยะเผ่ือหนา๎ มดี 20 มม.
lu = ระยะเผ่อื หลงั มีด 10 มม.

รูปที่ 3.16 การตั้งระยะไส
(ทม่ี า : มนัส นิระโส, 2559)

3.6 การลับมดี ไส
การลบั มีดไสมวี ธิ ีการจับคล๎าย กับการลบั มีดกลึง ตาํ งกันทคี่ ําของมุมที่ลับ ขนาดมีดไสโดยทัว่ ไปจะ

มีขนาดใหญกํ วํามีดกลงึ เพราะต๎องการความแข็งแรงมากกวํา แตสํ ามารถใช๎ขนาดเทํากันได๎ มดี ไสมี
รูปแบบตําง ๆ ดงั นี้

มีดไสข้าง มดี ไสละเอียด มีดไสหยาบ มดี ไสตกร่อง

มดี ไสผิวเรียบ มีดไสมมุ มดี ไสมมุ ซ้าย-ขวา

รปู ที่ 3.17 ฟอร์มมดี ไสชนดิ ตาํ ง ๆ
(ที่มา : ชลอ การทวี, 2548)

1. มดี ไสผวิ ราบ เป็นมดี ไสท่ีใช๎ไสผิวงานให๎เรียบและได๎ขนาดตามที่ตอ๎ งการ

รูปท่ี 3.18 รปู รํางและมมุ คมตดั ของมีดไสผิวราบ
(ที่มา : ชลอ การทว,ี 2548)

รปู ท่ี 3.19 การไสผิวราบ
ทมี่ า : มนัส นริ ะโส, 2559

2. มดี ไสบา่ ฉากหรือมีดไสตกร่อง ใช๎สาหรับไสตกรํองงานหรือไสเป็นบําตามทตี่ อ๎ งการ

มมุ คาย

มุมหลบด๎านหนา๎

มุมฟรดี า๎ นข๎าง

คมตดั

รปู ที่ 3.20 รูปรํางมีดไสบําฉากหรือมีดไสตกรอํ ง
(ทมี่ า : มนัส นริ ะโส, 2559)

หวั เครื่องไส

ปากกาจบั ชนิ ้ งาน มดี ไสตกร่อง
ชนิ ้ งาน

รปู ท่ี 3.21 การไสบําฉากหรอื การไสตกรํอง
(ทม่ี า : ชลอ การทว,ี 2548)

3.7 เคร่ืองมอื วดั ในงานร่างแบบสาหรบั งานไส
เวอรเ์ นียร์ไฮเกจเป็นเครื่องมอื วัดที่ใช๎ในงานรํางแบบ (Lay – out) เปน็ สํวนใหญํ โดยจะขีดให๎เป็นรอย

ทีม่ รี ะยะหรอื ขนาดความสงู ตําง ๆบนผวิ งานโดยใช๎คกํู ับโตะ๏ ระดบั หรือแทํนระดับ (Surface Plate)
3.7.1 เวอรเ์ นยี รไ์ ฮเกจเปน็ เวอร์เนยี รว์ ัดความสูงใช๎เมื่อต๎องการวัดตรวจสอบความสูงของงานและขีด

ขนาดความสูงของงานไดข๎ นาดถกู ต๎องแมํนยา ใช๎ขีดรํางแบบ (Lay out) ตามขนาดแบบงานเนื่องจากเวอร์
เนียร์ไฮเกจมีหลักการแบํงสเกลเชํนเดียวกับเวอร์เนียคาลิปเปอร์ขนาดความยาวในระบบเมตริก 300,
500, 600 แ ล ะ 1,000 ม ม . มี คํ า ค ว า ม ล ะ เ อี ย ด 0.02 ม ม . ข น า ด ค ว า ม ย า ว ใ น ร ะ บ บ อั ง ก ฤ ษ

12 น้ิว 18 นวิ้ 24 นิ้ว และ 40 นิว้ มีคาํ ความละเอยี ด 0.001 น้ิว

สเกลเลอ่ื น สเกลหลกั
ปากขีด สกรูปรับละเอียด
สกรูลอ็ กปรับขนึ ้ -ลง

ฐาน

รปู ท่ี 3.22 เวอรเ์ นยี รไ์ ฮเกจและสํวนประกอบ
(ทม่ี า : http://pacifictools.nanasupplier.com)

3.7.2 การอา่ นค่าวัดเวอรเ์ นียรไ์ ฮเกจ
การอาํ นคําหรอื ตง้ั คําวัดทส่ี เกลเวอรเ์ นยี ร์ไฮเกจ เพ่ือขดี หรอื ราํ งแบบบนผิวงานตามระยะที่

ต๎องการ เหมือนกับสเกลของเวอรเ์ นยี รค์ าลิเปอร์ทกุ ประการ
3.7.3 ขอ๎ ควรระวงั การใช๎เวอรเ์ นียรไ์ ฮเกจ

1. ตรวจสอบความสมบูรณ์ของเวอร์เนียรไ์ ฮเกจกํอนใชง๎ าน
2. ทาความสะอาดผิวโต๏ะระดบั หรอื ผวิ แทํนระดับให๎เรยี บรอ๎ ย
3. ทาความสะอาดฐานของเวอร์เนียรไ์ ฮเกจ

4. ควรมนี า้ มนั หลอํ ลนื่ ระหวํางผิวโต๏ะระดบั และฐานของเวอร์เนยี รไ์ ฮเกจขณะใช๎งานเพ่อื ลดการ
สึกหรอ

5. เลือ่ นปากวัดหรือตวั ขีดใหส๎ มั ผสั กับผวิ โตะ๏ ระดบั ตรวจขีดศนู ยข์ องเวอร์เนยี รส์ เกลปกตใิ หต๎ รง
กบั ขีดศนู ย์ของสเกลมาตราหลกั หากไมํตรงกนั ให๎ทาการปรบั ให๎ตรง

3.8 ความปลอดภัยในงานไส
1. สารวจความเรยี บรอ๎ ยของงานไสทุกคร้ังกอํ นจะเปดิ สวติ ชเ์ ครื่องไส
2. ผ๎ปู ฏิบัติงานต๎องแตงํ กายตามกฎของโรงงานฝกึ งาน

3. ตรวจสอบการจับชน้ิ งานดว๎ ยอปุ กรณจ์ บั ยึดวาํ ชิน้ งานแนํนหรอื ไมํ
4. เลอื กมดี ไสใหเ๎ หมาะกบั งานไส

5. เลือกความเรว็ อัตราปอู นให๎เหมาะกับวัสดุ
6. ผู๎ปฏบิ ตั งิ านไสตอ๎ งยนื ขนาบดา๎ นข๎าง ห๎ามยืนด๎านหนา๎ โตะ๏ งานเพราะอาจเกดิ อันตรายได๎
7. ไมสํ ัมผัสเศษโลหะดว๎ ยมอื ควรใชแ๎ ปรงขนอํอนชํวยปัดเศษโลหะออก

8. การปรับคาํ ตําง ๆ ของชน้ิ งานตอ๎ งหยดุ เครอื่ งไสให๎นิ่งทกุ ครัง้
9. ต๎องปิดเครื่องไสกอํ นทกุ ครัง้ กอํ นถอดชิน้ งาน

3.9 การบารุงรักษาเครอื่ งไส
1. หมั่นตรวจสอบนา้ มันเครื่องในโครงเคร่ืองอยเํู สมอเพราะเป็นน้ามนั ที่นา ไปหลอํ ล่ืนชุดสงํ

กาลัง

2. ตอ๎ งหยอดนา้ มนั ในสวํ นท่เี คลื่อนที่ทกุ สํวนกอํ นลงปฏิบตั ิงาน
3. ตอ๎ งปรบั ระยะใหเ๎ หมาะสมกบั ชน้ิ งานเพ่ือลดเวลาในการทางาน

4. ทาความสะอาดทุกครัง้ หลงั ปฏิบตั ิงานเสร็จ
5. การปรบั โตะ๏ ขน้ึ ลงหลังปฏิบัตงิ านเสร็จตอ๎ งปรบั ขาโตะ๏ ให๎อยูํที่ฐานเครอื่ งรองรับนา้ หนัก
ตามเดิม

แบบฝกึ หดั หน่วยที่ 3
เครื่องไสและงานไส

คาสงั่ จงตอบคาถามตํอไปนี้ให๎ถูกตอ๎ ง
1. การตรวจสอบปากกาจบั ชน้ิ งานสามารถทาไดโ๎ ดยวิธีใดบ๎าง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
2. ปากกาจับยึดชนิ้ งานแบงํ ออกได๎ก่ีชนิด ประกอบด๎วยอะไรบ๎าง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
3. วิธกี ารจับงานทรงกระบอกกลวงมวี ิธีใดบา๎ ง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
4. อุปกรณช์ วํ ยจับยึดชิ้นงานไสมีอะไรบา๎ งระบุมา 4 ประเภท

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
5. เครอ่ื งไสมีกป่ี ระเภทอะไรบ๎าง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
6. เคร่อื งไสมคี วามหมายวําอยํางไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..

7. สํวนประกอบของเคร่อื งไสนอนมกี ีอ่ ยํางอะไรบา๎ ง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
8. ความปลอดภยั ในการปฏบิ ัติงานเครอ่ื งไสมีอะไรบา๎ งระบมุ า 5 ข๎อ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
9. สูตรคานวณความเรว็ ของเครอื่ งไสคอื อะไร

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..
10. วธิ บี ารุงรักษาเคร่ืองไสมีอะไรบา๎ งระบมุ า 5 ข๎อ

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………..

แบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยท่ี 3
เครือ่ งไสและงานไส

คาสงั่ จงเลอื กคาตอบทถ่ี ูกท่ีสุดเพียงข๎อเดยี ว

1. เครื่องไสชนดิ ใดนยิ มใช๎ในงานซํอมท่วั ไป

ก. เคร่อื งไสนอน ข. เครื่องไสแครํยาว

ค. เคร่อื งไสโตะ๏ งานเคล่ือนที่ ง. เคร่ืองไสตงั้

2. เครอ่ื งไสชนดิ ใดใช๎ไสชน้ิ งานทม่ี ีขนาดใหญมํ าก

ก. เครือ่ งไสนอน ข. เคร่อื งไสแครยํ าว

ค. เครอื่ งไสโตะ๏ งานเคลือ่ นท่ี ง. เครื่องไสตงั้

3. ข๎อใดคอื งานท่ีเครอ่ื งไสไมํสามารถทาได๎

ก. ไสรํองสปาย ข. ไสราบ

ค. ไสเฟือง ง. ไสเกลยี ว

4. เครื่องไสมลี ักษณะการทางานตามขอ๎ ใด

ก. ไสตดั ชนิ้ งานจงั หวะชกั กลบั จงั หวะเดียว ข. ไสตัดชิ้นงานทัง้ สองจงั หวะ

ค. ไสตัดชิน้ งานเดนิ หนา๎ จังหวะเดียว ง. หมุนกดั ชน้ิ งาน

5. หนํวยความเรว็ งานไสคอื ข๎อใด

ก. เมตร/นาที ข. เมตร/วินาที

ค. มม./นาที ง. มม./วินาที

6. สูตรการต้งั ระยะไสคอื ข๎อใด

ก. La + L + Lu ข. L + La + Lu

ค. Lu + La + L ง. L + Lu + La

7. การตั้งระยะไสหนา๎ มีดเผ่ือไว๎ก่ี มม.

ก. 10 มม. ข. 20 มม.

ค. 25 มม. ง. 30 มม.

8. การต้งั ระยะไสหลงั มีดเผอ่ื ไว๎กี่ มม.

ก. 10 มม. ข. 20 มม.

ค. 25 มม. ง. 30 มม.

9. เครื่องมอื วดั ในงานราํ งแบบงานไสคือข๎อใด

ก. เวอรเ์ นียรค์ าลิเปอร์ ข. ฟตุ เหล็ก

ค. เวอรเ์ นยี รไ์ ฮเกจ ง. ถูกทกุ ข๎อ

10. แทงํ ลิม่ จับยึดเป็นอปุ กรณ์สาหรับกดชน้ิ งานด๎านใด

ก. กดชิน้ งานดา๎ นลาํ ง ข. กดช้ินงานด๎านขา๎ ง

ค. กดช้นิ งานด๎านบน ง. กดชน้ิ งานทุกดา๎ น

11. เหลก็ แทงํ ขนานมลี ักษณะตามขอ๎ ใด

ก. มลี กั ษณะเรยี บ ข. มเี หลก็ กลม

ค. เป็นแทํงสเี่ หลยี่ ม ง. มีลกั ษณะเปน็ มุม 45 องศา

12. Planer Jack คืออุปกรณใ์ ด

ก. เหล็กแทํงขนาน ข. เหลก็ แทํงฉาก

ค. เหลก็ ตวั ยู ง. เกลียวปรบั รบั รองชน้ิ งาน

13. เหล็กแทงํ ฉากมีรปู รํางตามข๎อใด

ก. รูปตวั L ข. รปู ตวั C

ค. รปู ตัว M ง. รูปตวั N

14. เครื่องไสมีลกั ษณะการทางานคลา๎ ยเคร่อื งจกั รกลใด

ก. เครื่องเลอื่ ยกลแบบชกั ข. เครอ่ื งเจาะ

ค. เครื่องกัด ง. เคร่ืองกลึง

15. อปุ กรณใ์ ดชวํ ยในการจบั ยึดชิน้ งาน

ก. ปากกา ข. กนั สะท๎าน

ค. จานพา ง. ปลอกจับยดึ

ใบงานท่ี 12

ชอ่ื หนวํ ย เครือ่ งไส จานวน 6 ช่วั โมง
ชอื่ เรือ่ ง งานไสปากจบั ชน้ิ งาน

รปู ที่ 3.23 แบบงานไสปากจับช้นิ งาน

(ท่ีมา : มนัส นริ ะโส, 2559)

ใบงานที่ 13 จานวน 6 ช่วั โมง

ชอ่ื หนํวย เครอื่ งไส
ชอ่ื เรือ่ ง งานไสปากจบั ปากกานาเลอื่ น

รปู ท่ี 3.24 แบบงานไสปากจับปากกานาเลอื่ น

(ทม่ี า : มนัส นิระโส, 2559)

ใบงานที่ 14

ชอ่ื หนวํ ย เคร่อื งไส
ชอื่ เรือ่ ง งานไสฐานหมนุ ปากกา

จานวน 6 ชว่ั โมง

รปู ที่ 3.25 แบบงานไสฐานหมนุ ปากกา

(ท่ีมา : มนสั นิระโส, 2559)

ใบงานที่ 15

ชอ่ื หนวํ ย เคร่อื งไส
ช่ือเรือ่ ง งานไสปากจบั ปากกาตวั ประคองนาเลือ่ น

จานวน 6 ช่วั โมง

รูปที่ 3.26 แบบงานไสปากจับปากกาตัวประคองนาเล่อื น

(ท่ีมา : มนสั นริ ะโส, 2559)

เฉลยคาตอบ หนว่ ยท่ี 3เครอ่ื งไส
เฉลยคาตอบกอ่ นเรียน หนว่ ยที่ 3 เครื่องไส

1. ก 2.ค 3. ง 4. ค 5. ข 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ค 11. ค 12. ง 13. ก 14. ก 15. ก

เฉลยคาตอบหลงั เรยี น หน่วยท่ี 3เครื่องกัด

1. ก 2.ค 3. ง 4. ค 5. ข 6. ข 7. ข 8. ก 9. ค 10. ค 11. ค 12. ง 13. ก 14. ก 15. ก

เฉลยคาตอบแบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 3เคร่ืองกัด
1. การตรวจสอบปากกาจับชิน้ งานสามารถทาได๎โดยวิธใี ดบ๎าง
เฉลยแนวคาตอบ
การใช๎เวอรเ์ นยี ร์ไฮเกจแบบนาฬิกาตรวจสอบปากจับวําปากจับได๎ขนานหรือไมํ
2. ปากกาจบั ยึดช้นิ งานแบงํ ออกได๎กี่ชนดิ ประกอบดว๎ ยอะไรบา๎ ง
เฉลยแนวคาตอบ
2 ชนิด คอื

1. ปากกาจับช้นิ งานแบบปรบั องศาไมํได๎
2. ปากกาจบั ชนิ้ งานแบบปรับองศาได๎
3. จงบอกวิธีการจบั งานทรงกระบอกกลวงมวี ธิ ีใดบ๎าง
เฉลยแนวคาตอบ
การใชแ๎ ทํงวี-บล็อกรองรบั ชน้ิ งาน
4. จงยกอปุ กรณ์ชวํ ยจบั ยดึ ชิ้นงานไสมอี ะไรบา๎ งระบุมา 4 ประเภท
เฉลยแนวคาตอบ
1. เหล็กแทงํ ขนาน
2. แทงํ ลิ่มจับยดึ
3. Toe Dogs
4. Planer Jack

5. จงบอกเครอื่ งไสมกี ่ีประเภทและมเี คร่อื งไสอะไรบา๎ ง
เฉลยแนวคาตอบ

3 ประเภท

1.เครื่องไสนอน (Horizontal Shaping Machine)

2. เครอื่ งไสต้ัง (Vertical Shaping Machine)

3.เครอ่ื งไสโต๏ะงานเคลอ่ื นท่ี (Planer Machine)

6.จงให๎ความหมายของเครอื่ งไส

เฉลยแนวคาตอบ
เคร่อื งไส คือ เคร่ืองจกั รทีใ่ ช๎ไสช้นิ งาน เพอ่ื ลดขนาดชิน้ งานได๎ครง้ั ละมากๆ ทงั้ งานไสผิวเรยี บ งานไสรอํ ง

สปาย งานไสบาํ ฉาก เปน็ ต๎น เพือ่ ทาใหง๎ านเสร็จเร็วขึ้น
7.จงบอกสวํ นประกอบของเคร่ืองไสนอนมีก่อี ยํางอะไรบา๎ ง
เฉลยแนวคาตอบ

1. ฐานเคร่ือง (Base)
2. โตะ๏ งาน (Table)

3. แครเํ คลื่อนท่ี (Ram)
4. หัวเครอ่ื งไส (Tool Head)
5. แขนปรบั ความเรว็ ไส (Cutting Stroke)

6. ชุดปอู นไสอตั โนมตั ิ (Cross-feed Engagement Level)
7.แขนคลตั ซ์ (Clutch Control Level)

8. ชดุ ปรบั ระยะไส (Ram Positioning Shaft)
8.จงบอกความปลอดภัยในการปฏบิ ัตงิ านเครอ่ื งไสมีอะไรบ๎างระบุมา 5 ข๎อ
เฉลยแนวคาตอบ

1. สารวจความเรียบร๎อยของงานไสทุกครัง้ กอํ นจะเปดิ สวติ ชเ์ ครื่องไส
2. ผู๎ปฏิบัติงานตอ๎ งแตํงกายตามกฎของโรงงานฝึกงาน

3. ตรวจสอบการจบั ช้นิ งานด๎วยอปุ กรณ์จับยดึ วําชนิ้ งานแนนํ หรือไมํ
4. เลอื กมดี ไสให๎เหมาะกับงานไส
5. เลอื กความเร็วอัตราปูอนให๎เหมาะกับวสั ดุ

6. ผป๎ู ฏิบัตงิ านไสต๎องยืนขนาบดา๎ นขา๎ งห๎ามยนื ด๎านหนา๎ โตะ๏ งานเพราะอาจเกิดอันตรายได๎
7. ไมํสมั ผัสเศษโลหะดว๎ ยมอื ควรใชแ๎ ปรงขนออํ นชวํ ยปัดเศษโลหะออก

8. การปรับคําตําง ๆ ของช้ินงานตอ๎ งหยดุ เครอ่ื งไสใหน๎ ่ิงทุกคร้งั
9. ต๎องปดิ เคร่ืองไสกํอนทุกครง้ั กอํ นถอดช้นิ งาน

9. สตู รคานวณความเร็วของเคร่อื งไสคอื อะไร
เฉลยแนวคาตอบ
สูตร

10.จงบอกวธิ ีบารุงรักษาเครอ่ื งไสมอี ะไรบา๎ งระบุมา 5 ข๎อ
เฉลยแนวคาตอบ

1. หมน่ั ตรวจสอบนา้ มนั เครือ่ งในโครงเครือ่ งอยเํู สมอเพราะเปน็ น้ามนั ทน่ี า ไปหลํอลืน่ ชดุ สํงกาลัง
2. ตอ๎ งหยอดนา้ มนั ในสํวนทเ่ี คลอ่ื นท่ีทุกสํวนกํอนลงปฏิบตั ิงาน
3. ต๎องปรบั ระยะให๎เหมาะสมกบั ชนิ้ งานเพ่อื ลดเวลาในการทางาน
4. ทาความสะอาดทกุ ครง้ั หลงั ปฏบิ ตั ิงานเสร็จ
5. การปรบั โตะ๏ ข้นึ ลงหลังปฏบิ ตั งิ านเสร็จต๎องปรับขาโตะ๏ ใหอ๎ ยูํที่ฐานเครอ่ื งรองรบั น้าหนักตามเดิม

ขน้ั ตอนการจดั กิจกรรม หนว่ ยที่ 4

ข้นั ตอนการสอน( กิจกรรมครู) ข้นั ตอนการเรียน (กิจกรรม พฤตกิ รรมทส่ี ังเกต
(คณุ ลักษณะพงึ ประสงค)์
ผเ๎ู รียน)
ทุกคร้ังท่ีมกี ารเรียนการสอน
1. อธิบาย วตั ถุประสงค์ นกั เรยี นฟงั รายละเอยี ดในการ จะวดั ลกั ษณะพงึ ประสงค์
(คณุ ธรรมจริยธรรม) ที่สงั เกตได๎
มาตรฐานรายวิชา และ เรียน ได๎แกํ
- การตรงตอํ เวลา
คาอธบิ ายรายวิชา - การมรี ะเบียบวนิ ยั
- การตงั้ ใจเรยี น
2. อธิบาย เกณฑก์ ารให๎คะแนน นักเรยี นฟงั ขอ๎ ตกลงและ - การมมี นษุ ย์สมั พันธ์
- การมีความซื่อสัตย์สจุ รติ
และการประเมนิ ผลการเรยี น หลกั เกณฑร์ ํวมกนั - การมคี วามเคารพตํอครูและ
เพื่อนรวํ มชัน้ เรยี น
ขัน้ ทดสอบ

1. ใหน๎ กั ศกึ ษาทาแบบทดสอบ นักเรียนทาแบบทดสอบกอํ น

กอํ นเรียน (เวลา20 นาที) เรียนในเวลาทก่ี าหนด

ขั้นสอน

2. แจกเอกสารใบเนอื้ หาหนํวยที่ นกั เรยี นรับเอกสารใบความรู๎

4 เครือ่ งเจียระไน เอกสารประกอบการสอน

ขัน้ ประเมนิ

3. มกี ารประเมนิ เปน็ รายบคุ คล นกั เรียนทุกคนตง้ั ใจฟงั ไมํเขา๎ ใจ

4. มอบหมายให๎นักเรยี นทา ใหช๎ กั ถาม

กิจกรรมตาม ใบงานที่ 16-17 นักเรยี นแตลํ ะคนปฏิบตั ติ ามใบ

เสริมการเรยี นร๎ู งาน ท่ี 16-17

5. ใหน๎ ักศกึ ษาทาแบบทดสอบ นักเรยี นแตํละคนทา

หลงั การเรียน (เวลา30 นาท)ี แบบทดสอบหลังเรยี นและ

แบบฝึกหดั ท๎ายหนวํ ยที่ 4 ใน

เวลาทก่ี าหนด

แบบทดสอบก่อนเรยี นหน่วยท่ี 4
เครอื่ งเจียระไน

คาสง่ั จงเลือกคาตอบทีถ่ กู ที่สดุ เพียงข๎อเดียว

1. เคร่อื งจกั รกลประเภทใดทีล่ ดขนาดช้ินงานทีม่ คี วามละเอยี ดสูง

ก. เคร่อื งกดั ข. เคร่ืองไส

ค. เคร่อื งกลึง ง. เครอ่ื งเจียระไน

2. เครื่องเจยี ระไนสามารถเจยี ระไนไดก๎ ลี่ ักษณะ

ก. 1 ข. 2

ค. 3 ง. 4

3. เครอ่ื งเจียระไนแบบเพลานอน การขับเคล่อื นโต๏ะงานขบั เคลื่อนด๎วยระบบใด

ก. ป๊มั ข. คนั โยก

ค. ดว๎ ยมือหมุน ง. ระบบไฮดรอลิก

4. เครื่องเจียระไนเพลานอน โต๏ะงานหมนุ แบบใด

ก. หมนุ เป็นวงกลม ข. หมุนแบบแนวนอน

ค. หมนุ แบบแนวดิ่ง ง. ถกู ทัง้ ข๎อ ก. และ ขอ๎ ค.

5. เครอื่ งเจยี ระไนราบ หมุนแบบใด

ก. โต๏ะงานเคล่อื นท่ี ข. ล๎อหินเจียระไนเคลอื่ นท่ี

ค. โต๏ะงานเคลือ่ นทีพ่ ร๎อมกับล๎อหนิ ง. ชิ้นงานเคลอ่ื นที่

6. แทํงแมํเหล็กไฟฟาู ในการจับชนิ้ งานแบงํ ออกไดก๎ ปี่ ระเภท

ก.2 ประเภท ข.3ประเภท

ค.4 ประเภท ง.5 ประเภท

7. ข๎อใดคือหนา๎ ที่ของนา้ หลํอเยน็

ก. ระบายเศษโลหะ ข. ระบายความร๎อน

ค. ปอู งกันไมํใหข๎ ้นึ สนมิ ง. ถูกทุกข๎อ

8. ความเรว็ ตดั ของขอบล๎อหนิ เจียระไนทกี่ นิ ชน้ิ งานหนํวยออกมาเป็นข๎อใด

ก. มม./นาที ข. มม./วินาที

ค. เมตร/นาที ง. เมตร/วนิ าที

9. การตรวจสอบลอ๎ หินเจยี ระไนใช๎วธิ แี บบใด

ก. ใช๎ด๎ามไขควงเคาะ ข. ใชไ๎ มเ๎ คาะ

ค. ใชเ๎ หลก็ เคาะ ง. สงั เกตดูดว๎ ยตาเปลาํ

10. การตรวจสอบลอ๎ หินเจยี ระไนใช๎สํวนใดของล๎อหินในการตรวจสอบ

ก. ด๎านขา๎ ง ข. ด๎านหน๎า

ค. สํวนขอบง. ถกู ทุกข๎อ

11. วัสดุทีน่ าไปใชใ๎ นการตกแตงํ หนา๎ หนิ คือวสั ดุชนิดใด

ก. สเตนเลส ข. เหล็ก

ค. ทังสเตน ง. เพชร

12. การจับชน้ิ งานบนเคร่อื งเจียระไนราบควรจบั ยึดแบบใด

ก. วี – บลอ็ ก ข.แทนํ จับยึดสนามแมํเหลก็

ค. ปากกาจับชน้ิ งานง.ซี – แคลมป์

13. กฎความปลอดภยั ในการทางานเจยี ระไนขอ๎ ใดไมํถกู ต๎อง

ก. สวมแวนํ ตานิรภยั ทุกคร้ังขณะปฏบิ ัติงาน ข. ใช๎มือหมนุ เลื่อนยกหนิ

เจยี ระไนให๎สูงพน๎ จากโต๏ะงาน

ค. ขณะทางานไมํจาเปน็ ต๎องมคี วามพรอ๎ ม ง. ตรวจสอบหินเจียระไนวาํ มี

รอยบิน่ หรือแตกรา๎ วหรอื ไมํ

14. เครื่องเจยี ระไนเพลาทรงกระบอกมีสวํ นประกอบกส่ี ํวน

ก. 2 สวํ น ข. 4 สํวน

ค. 3 สวํ น ง. 5 สวํ น

15. เครื่องมอื วดั ละเอยี ดสาหรบั งานเจียระไนทรงกระบอกคือขอ๎ ใด

ก. เกจวัดรัศมี ข. เวอร์เนยี รค์ าลเิ ปอร์

ค. บรรทดั เหลก็ ง. ไมโครมิเตอร์

หน่วยท่ี 4
เคร่ืองเจยี ระไน

หวั ข๎อเรื่อง (Topics)
4.1 การทางานของเครอ่ื งเจยี ระไนแนวราบ
4.2 การทางานของเคร่อื งเจยี ระไนเพลาทรงกระบอก
4.3 ความปลอดภัยในการใช๎เคร่ืองเจียระไน
4.4 การบารุงรกั ษาเครือ่ งเจียระไน

แนวคดิ สาคญั (Main Idea)
เคร่ืองเจยี ระไน เป็นเครอื่ งจักรกลทีใ่ ช๎การลดขนาด ทาให๎ผิวงานเรียบและไดข๎ นาดชิ้นงานท่มี คี วามละเอยี ด
และเทยี่ งตรงสงู

สมรรถะยอํ ย (Element of Competency)
1. ลดขนาดท่ีทาใหผ๎ ิวช้นิ งานมีความละเอียดและเที่ยงตรงสูง
2. เจียระไนราบและเจียระไนกลมได๎

จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (Behavioral Objectives)
1. อธิบายหลกั การทางานของเครื่องเจียระไนได๎
2. บอกประเภทเคร่อื งเจียระไนได๎
3. บอกเครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ที่ใชง๎ านเจียระไนได๎
4. คานวณความเรว็ กดั อัตราปอู นกดั และ ปอู นลึกได๎
5. อธบิ ายความปลอดภยั ในการใชเ๎ ครอ่ื งเจยี ระไนได๎
6. บอกวิธีบารงุ รกั ษาเครื่องเจยี ระไนได๎

4.1 การทางานของเคร่ืองเจียระไนผิวราบ
4.1.1 ประเภทของเครอ่ื งเจยี ระไนผวิ ราบ (Surface Grinding)

รปู ที่ 4.1 เครอ่ื งเจยี ระไนผิวราบ

(ท่ีมา : http://shwallong.asia)

เครือ่ งเจยี ระไนแนวราบมีลกั ษณะการทางานแบบเพลาหนิ นอนกับเพลาหนิ ตง้ั
1. เครื่องเจยี ระไนแนวราบ เพลานอน โต๏ะงานเลอ่ื นซา๎ ย – ขวา

ทศิ ทางการหมนุ ล้อหินเจียรระไน

แกนล้อหิน
ทิศทางเข้าออกล้อหิน

ทศิ ทางล้อหนิ
กนิ ชนิ ้ งาน

โต๊ะจบั ชนิ ้ งานเป็นสนามแม่เหลก็ โต๊ะงานเลอ่ื นซ้าย-ขวา
ล้อหนิ เจียระไนราบทิศทางเข้า - ออก

รปู ที่ 4.3 เครอื่ งเจยี ระไนแนวราบชนดิ เพลานอนโต๏ะงานเลื่อนซา๎ ย-ขวา
(ทม่ี า : https://sites.google.com)

2. เครื่องเจียระไนแนวราบเพลาหนิ ต้งั โต๏ะงานหมุนเป็นวงกลม

ทิศทางล้อหินกินชิน้ งาน แกนเพลาล้อหนิ เจียระไน
สว่ นที่วางชนิ ้ งาน ทิศทางการหมนุ ล้อหินแนวตงั้

ทิศทางกราปู รทห่ีม4นุ .4โตเ๊ะคงราอ่ืนงเปเจ็นยี วรงกะลไนมเพลาหนิ ต้ังโหตนะ๏ ้างลา้อนหหนิ มเจนุ ียเรปะ็นไนวงกลม
(ทีม่ า : https://sites.google.com)

3. เครื่องเจียระไนแนวราบเพลาหัวเครื่องเจียระไนอยใูํ นแนวดง่ิ โต๏ะงานเลือ่ นซ๎าย – ขวา

แกนเพลา ทศิ ทางการหมนุ ลอ๎ หนิ

ทศิ ทางลอ๎ หนิ กินชิ้นงาน

ทิศทางโต๏ะงานเลือ่ นซา๎ ย-ขวา

รูปท่ี 4.5 เครอื่ งเจยี ระไนแนวราบชนิดเพลาต้งั โต๏ะงานเลอ่ื น
(ท่มี า : https://sites.google.com)

4.1.2 หลักการทางานเครอื่ งเจียระไนแนวราบ
เครอ่ื งเจียระไนแนวราบแบบเพลานอน เป็นการขบั เคลือ่ นโดยโต๏ะงานด๎วยระบบไฮดรอลกิ ชิ้นงานที่

เจียระไนเป็นช้ินงานแบน การจับยึดช้ินงานด๎วยแทํนจับยึดแมํเหล็กล๎อหินเจียระไนหมุนอยํูใน
แนวนอน และช้ินงานเคลื่อนท่ีผํานล๎อหินไปมาในแนวเส๎นตรง ลักษณะโครงสร๎างของเครื่องเจียระไน
แนวราบเป็นเหล็กหลอํ มีนา้ หนักมากพอ ไมํเกดิ การส่นั สะเทือนขณะเจยี ระไน

2. ส่วนประกอบของเครอื่ งเจยี ระไนแนวราบ

โตะ๏ งานเป็นสนามแมํเหลก็ ระบบหลอํ เย็น
แผงกันเศษเจยี ระไน ไฟแสงสวาํ ง

ล๎อหินเจียระไน

มือหมุนโต๏ะงานเข๎า-ออก มือหมนุ ล๎อหนิ ขนึ้ -ลง
ถงั นา้ มันหลอํ เยน็ ชุดควบคุมการทางาน

ฐานเครอ่ื ง

มอื หมนุ โต๏ะช้ินงานซา๎ ย-ขวา

1.
รูปท่ี 4.6 สํวนประกอบของเครือ่ งเจียระไนแนวราบ

(ทม่ี า : http://shwallong.asia)
3.อปุ กรณป์ ระกอบเครอื่ งเจยี ระไนราบ

(1) โตะ๏ งานเปน็ แทงํ สนามแมเํ หล็กสาหรับจบั ยึดชิน้ งาน
(2) ชุดควบคุม (Control Panel) เป็นอุปกรณ์ปิดเปิดให๎เครอื่ งทางาน
(3) ไฟแสงสวําง (Light) เปน็ อปุ กรณ์ให๎แสงสวํางขณะปฏบิ ตั ิงาน
(4) ถงั น้าหลอํ เยน็ เปน็ อปุ กรณ์ใสํน้าหลอํ เย็น (Coolant) เพอ่ื ระบายความรอ๎ น

ขณะเจยี ระไน
(5) ฐานเครื่อง (Base) เป็นสวํ นทร่ี องรบั นา้ หนักตวั เครือ่ งเจยี ระไนท้ังหมด ซึง่ ตวั

ฐานทามาจากเหลก็ หลอํ เพือ่ ปอู มกันการส่ันสะเทอื น
(6) มอื หมุนข้ึนลง เป็นอุปกรณป์ รบั ช้นิ งานใหข๎ ้ึนลงขณะเจยี ระไน
(7) แผงกนั เศษเจียระไน เปน็ อุปกรณ์กันเศษเหล็กท่ปี ะปนกบั น้าขณะ

เจยี ระไน

อปุ กรณจ์ บั ยึดชนิ้ งานมีดงั น้ี
(1)แทงํ จับยดึ งานแบํงออกไดก๎ ปี่ ระเภท
(ก) แทํงจับยึดงานแมํเหล็กชั่วคราว (Electromagnetic Chuck) เป็นเหล็กจับยึดช้ินงาน

แมเํ หล็กช่ัวคราว วัสดุท่ใี ช๎ทาแมเํ หลก็ ชว่ั คราวจะใช๎เหล็กอํอน เนอ่ื งจากเปิดกระแสไฟฟูาเข๎าไปจะทาให๎เกิด
การเหนยี่ วนามีสภาพแมํเหล็กอยาํ งรนุ แรง แมํเหล็กช่ัวคราวจึงนิยมใช๎จับยึดชิ้นงานเจียระไนหน๎าราบเมื่อ
ปิดกระแสไฟกจ็ ะหมดสภาพการเป็นแมํเหล็ก

รปู ท่ี 4.7 แมํเหล็กชวั่ คราว
(ท่มี า : http://www.chinacoalintl.com)
(ข) แทํงจับยึดงานแมํเหล็กถาวร (Permanent Magnetic Chuck) วัสดุที่ใช๎ทาแมํเหล็กจะมี
สภาพความเป็นแมํเหล็กเม่ือโยกคันโยกขึ้นจะเป็นสนามแมํเหล็กสามารถจับยึดชิ้นงานได๎ โดยไมํต๎องใช๎
กระแสไฟมาเก่ียวขอ๎ ง เมือ่ กดคนั โยกลงกจ็ ะหมดสภาพการเป็นแมสํ นามเหล็ก ดงั รปู ที่ 4.8

ยกขน้ึ เปน็ สนามแมํเหลก็
กดลงจะไมํเป็นสนามแมเํ หล็ก

รปู ท่ี 4.8 แมเ่ หล็กถาวร
(ทีม่ า : http://www.guangdar.com.tw)
(ค) แทนํ จบั ยึดงานแมํเหล็กสามารถปรบั มุมได๎ (Grinding an Accurate Angle Using a
Chuck)ลักษณะของแมํเหล็กนส้ี ํวนมากเปน็ แมเํ หล็กชั่วคราว จะใช๎เอยี งมุมเพ่อื ต๎องการเจียระไนช้ินงานท่มี ี
มมุ เอยี ง

รูปที่ 4.9 แทํนแมํเหลก็ เอยี งมมุ
(ท่มี า : http://www.walmag.cz/en/products)
(ง) แทงํ จับยึดงานสุญญากาศ (Vacum Chucks) การจับยึดชนิ้ งานดว๎ ยแทนํ จับยดึ งานด๎วย
สุญญากาศ เหมาะสาหรับการจับยึดงานทมี่ ีผวิ เรียบ แลว๎ นามาจับยดึ เพื่อเจียระไน

รูปที่ 4.10 แทํนจับยึดชิน้ งานโดยใชร๎ ะบบจับยดึ แบบสญุ ญากาศ
(ท่ีมา : http://www.braillon.com)

(2) ชุดต้ังความสมดุลของล๎อหิน

รูปที่ 4.11 ชุดปรับความสมดลุ ของลอ๎ หนิ
(ที่มา : http://www.pinnaclegrinder.com)

(3) ชดุ ต้งั หินให๎มีความสมดุล

รปู ที่ 4.12 การติดตัง้ ล๎อหินบนชดุ ตัง้ ความสมดุลบนล๎อหนิ
(ทีม่ า : http://www.neotools1.com)

(4) ชดุ แตงํ หนา๎ ล๎อหินวธิ ีการแตํงหน๎าหินด๎วยหัวเพชรเร่ิมจากทาการติดต้ังอุปกรณ์แตํงหน๎าหิน
บนโตะ๏ แมเํ หล็กล๎อหินเจียระไน ให๎หมุนแล๎วเลื่อนอุปกรณ์เข๎าหาล๎อหิน ตั้งระยะให๎หัวเพชรสัมผัสกับ
หัวหนิ เปิดน้าหลํอเย็นเพอ่ื ปอู งกันการกระเดน็ ของเศษหินที่แตกจากล๎อหินเจยี ระไน การฟุูงกระจาย
เลื่อนชุดแตํงหน๎าหินไปมาตลอดหน๎าหนิ เจยี ระไน

ล๎อหินเจียระไน

การตกแตงํ หินด๎วยหัวเพชร
รปู ที่ 4.13 การตง้ั ความลึกของเพชรแตงํ หนา๎ หนิ
(ที่มา : https://machinemechanics.wordpress.com)

138

รปู ที่ 4.14 ชดุ แตงํ หนา๎ ล๎อหิน แบบ Manual หรอื Hydraulic
(ทม่ี า : http://www.gromaxonline.com)

(5) ชดุ แตํงหน๎าหินปรบั องศา
เปน็ อุปกรณ์แตํงหนา๎ หินท่ีสามารถปรับองศาในการเจียรหน๎าหินได๎เต็มหน๎าและอุปกรณ์

แตงํ หนา๎ หินสามารถติดต้ังบนโตะ๏ งานได๎เพือ่ สะดวกในการใช๎งาน

รปู ท่ี 4.15 ชุดแตํงหนา๎ หินแบบรัศมี
(ทม่ี า : http://www.ebay.co.uk)

(6) ชุดหลอํ เยน็ พรอ๎ มอปุ กรณเ์ ปน็ อปุ กรณ์ท่สี าคญั ในการเจียระไนเพือ่ ระบายความรอ๎ น ซง่ึ
ประกอบด๎วย นา้ มันหลํอเยน็ ป๊ัม ถังใสํนา้ หลํอเย็น และอุปกรณ์สายยางท่ีจะตํอกับอปุ กรณ์เข๎ากับ
เครอื่ งเจียระไน หน๎าท่ีหลกั ของน้ามันหลอํ เย็น คอื ระบายความรอ๎ น และหลอํ ล่นื ระหวํางมีการตัด
เฉอื นกบั ชิ้นงาน นอกจากน้ีนา้ มันหลํอเย็นที่ดตี ๎องมีคุณสมบัตปิ อู งกนั การเกิดสนิมและไมมํ ีกลิน่ เหม็น

139

รปู ที่ 4.16 ชุดหลอํ เยน็ พร๎อมอุปกรณ์
(ทมี่ า : มนสั นิระโส, 2560)

4.1.3 การคานวณความเรว็ ขอบของล๎อหินเจยี ระไน
การคานวณความเรว็ ขอบของล๎อหนิ เจียระไน คือ ความเร็วตัดของล๎อหินเจยี ระไนทีก่ ินชิน้ งาน

เป็นระยะทางที่ขอบลอ๎ หนิ กนิ ชน้ิ งานท่หี มุนไปเป็นเวลา 1 นาที สูตรเหมือนกบั ความเรว็ ตดั แตตํ าํ งกัน
ทีห่ นวํ ยจาก เมตร/นาที มาเป็นเมตร/วินาที จงึ มสี ูตรการคานวณดงั นี้

V = dn (เมตร/วินาที)
1,000 x 60

กาหนดให๎

V = ความเรว็ ขอบลอ๎ หนิ เจยี ระไน (เมตร/วนิ าท)ี

N = ความเร็วรอบ (รอบ/วินาท)ี

d = ความยาวเส๎นผํานศูนยก์ ลางของล๎อหินเจยี ระไน (มม.)

140

ตวั อยํางท่ี 4.1 ต๎องการเจียระไนช้ินงานแบน 1 ชิ้น โดยมลี อ๎ เจยี ระไนเส๎นผํานศูนย์กลาง 350 มม.
หมนุ ด๎วยความเรว็ รอบ 1,350 รอบ/นาที จงคานวณความเรว็ ขอบของลอ๎ หนิ เจียระไน

วิธที า V = dn (เมตร/วนิ าท)ี
1,000 x 60

V = 3.14 x 350 x1350(เมตร/วนิ าที)

1,000 x 60

V= 22.72 เมตร/วินาที ตอบ

4.1.4 การคานวณความเร็วรอบของงานเจียระไน
การคานวณความเร็วรอบของงานเจียระไน คือ ความเร็วรอบของงานเจียระไนทลี่ ๎อหนิ เจยี ระไนหมนุ
ไปในเวลา 1 นาที มหี นวํ ยเปน็ รอบ/นาที จึงมสี ตู รการคานวณดงั นี้

จากสตู ร N = 1,000 x 60 x V (รอบ/นาที)
.d

ตัวอยํางที่ 4.2 ตอ๎ งการเจียระไนชน้ิ งานแบน 1ชน้ิ โดยมลี อ๎ เจยี ระไนเสน๎ ผํานศนู ย์กลาง 350 มม.คํา
ความเร็วขอบ 35 เมตร/นาที จงคานวณความเร็วรอบของล๎อหนิ เจยี ระไน

วธิ ีทา N = 1,000 x 60 x V (รอบ/นาท)ี
d

= 1,000x60x35 (รอบ/นาท)ี
3.14x350

N = 1,910.82 รอบ/นาที ตอบ

หมายเหตุ นาคําจากการคานวณไปเลือกคาํ ความเร็วรอบจากตารางท่ใี กล๎เคยี งผลการคานวณ

141

4.1.5 การตรวจและประกอบล๎อหนิ เจยี ระไน
1. การตรวจสอบล้อหินเจยี ระไน การตรวจสภาพภายนอกของล๎อหินเจยี ระไนวํามรี อยแตกรา๎ ว
หรอื ไมํ โดยใชไ๎ มเ๎ คาะหน๎าหินวํามเี สียงดังกังวานหรอื ไมํ หากดงั แสดงวาํ หนิ เจียระไนไมํมีรอยแตกร๎าว
กํอนทีจ่ ะนาหินไปตดิ ตัง้ ให๎นาหินไปชบุ นา้ กอํ นเพ่อื ปรับสภาพหนิ ให๎มคี วามชน้ื กํอนนาไปใชง๎ านและ
จะทาให๎หนิ ไมเํ กดิ รอยแตกรา๎ ว

รปู ท่ี 4.17 การตรวจสอบโดยใชไ๎ มเ๎ คาะ รปู ท่ี 4.18 หนิ เจยี ระไนชุบน้าเพื่อรกั ษาความช้ืน
(ท่ีมา : มนัส นริ ะโส, 2559)

2. การประกอบลอ้ หนิ เจียระไน

รูปที่ 4.19 ลักษณะการติดตั้ง รปู ที่ 4.20 การใช๎ประแจถอดและประกอบ

(ทม่ี า : มนสั นริ ะโส, 2559)

153

รปู ท่ี 4.21 ประแจถอดประกอบลอ๎ หินเจียระไน

(ทมี่ า : มนัส นิระโส, 2559)

การเลือกขนาดเม็ดทราย

ขนาดเม็ดทรายหรือเม็ดเกรน ( Grit Size)ของล๎อหนิ เจียรจะมีผลตํอผิวงานท่ีตอ๎ งการ ถ๎าขนาดเม็ด

หินทีล่ ะเอียด ยอมได๎ผวิ งานทล่ี ะเอียดถ๎าขนาดเม็ดหนิ ทห่ี ยาบยอํ มได๎ผิวท่หี ยาบ หากผ๎ูปฏบิ ตั งิ าน

ตอ๎ งการผิวหยาบหรอื ละเอียด ก็สามารถเลือกล๎อหนิ เจยี รทีม่ ขี นาดเม็ดหนิ ทีเ่ หมาะสมกับผิวที่

ต๎องการ

การเลือกใชง้ านเบอรล์ ้อหินเจยี ระไน

เบอร์ 24 – หยาบมาก เหมาะสาหรับงานขัด และตอ๎ งการเสร็จเรว็

เบอร์ 36 – หยาบ สาหรับงานทีไ่ มตํ อ๎ งการความละเอยี ดมาก

เบอร์ 46 – กลาง ไมหํ ยาบมาก และไมลํ ะเอยี ดมาก เหมาะกบั งานท่ใี ช๎แทนํ หิน เจียระไน

และขัดด๎วยเครื่องมอื

เบอร์ 60 – ละเอยี ด สาหรบั งานขัด ทาความสะอาด และลบมมุ

ตารางท่ี 4.1 ขนาดเมด็ ทราย

Roughness Roughness Roughness

parameter parameter parameter

Grit Size Ra (µm) Rt (µm) Rz (µm)

46 1.6 12.8 10.9

46 1 8 6.8
5.4
60 0.8 6.4 4.3
3.4
60 0.63 5 2.7
2.1
70 0.5 4 1.7
1.4
70 0.4 3.2

80 0.315 2.5

80 0.25 2

80 0.2 1.6

ทม่ี า : https://www.google.co.th/search?q=เบอรล์ อ๎ หนิ เจียระไน+ราบ&rlz

154

4.1.7 ขั้นตอนการเจียระไนราบ
1. ทาความสะอาดโต๏ะงานแมเํ หลก็

2. กอํ นนาช้นิ งานเจียระไนใหต๎ บแตงํ ขอบช้นิ งานดว๎ ยตะไบเสยี กอํ นเพราะหลังจากเจยี ระไนแล๎ว
ผิวชิ้นงานจะไมมํ ีรอยครีบ

3. เปดิ สวิตชใ์ หแ๎ มํเหลก็ เหนี่ยวนาจบั ยดึ ชน้ิ งาน
4. ตรวจสอบวําชน้ิ งานจับยดึ แนนํ หรอื ไมํ
5. ต้งั ระยะการเคลอ่ื นท่ตี ามแนวยาวของช้นิ งาน ให๎ปลายของช้ินงานเคล่ือนทย่ี าวกวําจดุ

สัมผัสของหนิ ข๎างละ 30 มิลลิเมตร เปน็ ระยะเผือ่ หนา๎ หนิ สมั ผัสงาน
6. ขณะเรม่ิ ตน๎ เจียระไนควรเปิดน้าหลํอเย็นพรอ๎ มกันไปด๎วย

4.2 การทางานของเครอ่ื งเจียระไนเพลาทรงกระบอก
เครือ่ งเจียระไนเพลาทรงกระบอก (Cylindrical Grinding) เครื่องเจียระไนเพลาทรงกระบอก

นามาใชใ๎ นการลดขนาดช้ินงานข้ันสุดท๎ายสามารถใชท๎ างานลดขนาดชนิ้ งานรูปทรงกระบอกชน้ิ งาน

เรยี ว งานเจยี รบาํ ฉาก

มอเตอร์ วาลว์ นา้ หลอ่ เเย็น
ล้อหิน

ยนั ศนู ย์หวั เคร่ือง แผงควบคมุ ปิด-เปิด
มอื หมนุ เล่ือนชนิ ้ งานซ้าย-ขวา คนั โยกลอ็ ก

ยนั ศนู ย์ท้ายเครื่อง
แผงควบคมุ อตั โนมตั ิ

แผงควบคมุ ความเร็วอตั โนมตั ิ

มอื หมนุ ให้ล้อหนิ เข้า-ออก

รูปท่ี 4.22 สํวนประกอบของเคร่อื งเจียระไนเพลาทรงกระบอก
(ทีม่ า : http://www.ajax-mach.co.uk)

4.2.1 ลักษณะการจับงานเจยี ระไนเพลาทรงกระบอก

รปู ท่ี 4.23 ใชห๎ ัวจับแบบสามจับจับชิน้ งาน รปู ท4ี่ .24 การใช๎ยันศูนย์จับชนิ้ งานล็อกด๎วยหวํ งพา

(ทมี่ า : มนสั นิระโส, 2558) (ที่มา : https://www.google.co.)

4.2.2 หลกั การทางานของเครอ่ื งเจยี ระไนกลม
มีสํวนประกอบ 3 สวํ น คอื

1. ชดุ หัวเคร่ือง (Work Head) สามารถปรับเปลี่ยนความเรว็ รอบโดยใช๎สายพานเป็นตัวสํง
กาลัง จะหมุนทศิ ทางตรงกนั ข๎ามกบั ทศิ ทางการเคลือ่ นทขี่ องหินเจียระไน และชุดหวั

เคร่ือง สามารถปรับเอียงมุมได๎ การจบั ช้ินงานสามารถจับดว๎ ยหวั จับหรอื ใช๎จับแบบยนั
ศูนย์หวั ทา๎ ย
2. ชุดล๎อหนิ (Wheel Head) เป็นล๎อหินจะถกู ตดิ ตง้ั เขา๎ กบั เพลาในแนวนอน จะหมนุ ใน

ทศิ ทางเดียว คอื หมุนทวนเขม็ นาฬกิ าเทํานัน้ และหมนุ ดว๎ ยความเรว็ รอบคงท่ี สามารถ
ปรบั ชดุ หินเอียงมุมได๎

3. โต๏ะงาน (Table) เปน็ โต๏ะสาหรับรองรบั ชนิ้ งาน เพ่อื จับยึดช้ินงานใหแ๎ นนํ กํอนทาการ
เจียระไน ซ่งึ โตะ๏ งานจบั ยึดประกอบดว๎ ย
(1) เปน็ สนามแมเํ หลก็ ในการจบั ยึดชน้ิ งาน

(2) การจบั ช้นิ งานขนาดเล็กควรหาช้นิ งานวางหน๎าหลังช้นิ งานเพ่อื ปูอมกันช้ินงานจับยึด
ไมํแนนํ

(3) ขบั เคลื่อนตามแนวยาวดว๎ ยระบบไฮดรอลิก

4.2.3 ลกั ษณะงานเจยี ระไน
1. งานเจียระไนกลม เปน็ การเจยี ระไนช้ินงานทรงกระบอกให๎มีผวิ เรียบและไดข๎ นาดของ
ช้ินงานตามทต่ี ๎องการ

รปู ท่ี 4.25 งานเจียระไนกลม
(ท่ีมา : มนสั นริ ะโส,2559)
2. งานเจยี ระไนบา่ ใช๎เจียระไนงานที่ผาํ นงานกลงึ ตกบํามากอํ นการเจยี ระไน ลกั ษณะน้สี ามารถ
เจียระไนชิน้ งานที่มีลักษณะตกบําได๎

รูปที่ 4.26 งานเจยี ระไนตกบาํ
(ทีม่ า : http://www.hybrid-precision.com, https://www.google.co.)
3. งานเจียระไนเรยี ว โตะ๏ งานของเคร่อื งสามารถปรับเอียงมุมได๎และบรเิ วณหวั เครอื่ ง
ที่สามารถปรับเอียงมุมได๎ ทาใหส๎ ามารถเจยี ระไนชิ้นงานทีม่ ลี กั ษณะเรียว โดยการใชไ๎ ดเฮจเกจ
เป็นเครอ่ื งมอื ทดสอบความเรยี ว

การใช๎ไดเฮจรเกูปจทต่ี 4ร.ว27จสงอานบเเจรียยี รวะไนเรยี ว

(ท่มี า : http://www.indianheadplating.com)
4. งานเจียระไนรูใน เครือ่ งเจียระไนเพลาทรงกระบอกมชี ดุ ประกอบ สามารถใช๎เจยี ระไนภายในรู
ใหไ๎ ด๎ขนาดความกว๎างของรใู นตามขนาดท่ีตอ๎ งการ

ทศิ ทางการหมนุ

ช้นิ งาน

ทศิ ทางลอ๎ หินกนิ ชน้ิ งาน

ทิศทางการหมุนลอ๎ หนิ

ทิศทางการเคล่อื นท่กี ารเจียรผาํ นรูใน

พ้ืนผิวที่ผาํ นการเจยี รมาใหมํ
พ้นื ผวิ ชิ้นงานเดิม
รปู ที่ 4.28 ลักษณะการเจยี ระไนรใู น
(ท่มี า : https://sites.google.com)

รปู ที่ 4.29 การเจียระไนรูใน
(ทีม่ า : http://kishangrinding.com/our-work.php)

4.2.4 การหาความเรว็ ของลอ้ หินเจยี ระไนทรงกระบอก
การหาความเร็วของลอ๎ หินเจียระไนทรงกระบอก คอื ความเร็วตดั หรือความเรว็ ขอบของล๎อหิน

เจียระไนท่กี นิ ช้ินงานเป็นระยะทางท่ขี อบล๎อหนิ กนิ ชิ้นงานท่ีหมนุ ไปเป็นเวลา 1 นาที สูตรเหมอื นกบั

ความเรว็ ตัดแตํตาํ งกันทห่ี นํวยจาก เมตร/นาที มาเปน็ เมตร/วนิ าที จงึ มีสูตรการคานวณดงั น้ี

V = dn(เมตร/วินาท)ี
1,000 x 60

กาหนดให๎

V = ความเร็วตัดหรือความเรว็ ขอบลอ๎ หินเจยี ระไน (เมตร/วนิ าท)ี
n = ความเร็วรอบล๎อเจียระไน (รอบ/วินาท)ี
d = ขนาดเสน๎ ผํานศูนย์กลางของล๎อหินเจียระไน (มม.)

ตวั อยาํ งที่ 4.3 ต๎องการเจียระไนชิ้นงานทรงกระบอก 1 ช้ิน โดยใช๎ลอ๎ เจียระไนที่มีเสน๎ ผาํ นศนู ยก์ ลาง
350 มม. หมนุ ด๎วยความเร็วขอบล๎อหนิ เจียระไน 35 เมตร/วินาที จงคานวณความเรว็ รอบของลอ๎ หนิ

เจยี ระไนจากสูตร

วธี ที า V = dn (เมตร/วนิ าที)
1,000 x 60

ยา๎ ยขา๎ งเพอ่ื หาความเร็วรอบ N = 1,000 x 60 xV (เมตร/วินาท)ี
d

= 1,000 x 60 x 35 (รอบ/นาที) ตอบ
3.14 x 350

N = 1,910.82 รอบ/นาที

4.2.4 การหาความเร็วรอบของชิน้ งานเจียระไนกลมทรงกระบอก
การหาความเร็วรอบของช้ินงานเจียระไนกลมทรงกระบอก คอื ความเร็วรอบของชิ้นงานเจียระไน
กลมทรงกระบอก ท่ีขอบลอ๎ หนิ เจียระไนหมนุ ไปในเวลา 1 นาที มีหนวํ ยเปน็ รอบ/นาที จึงมสี ูตรการ
คานวณดังนี้

จากสูตร N = 1,000 x V (รอบ/นาที)
dn

ตวั อยาํ งที่ 4.4 ต๎องการเจียระไนชนิ้ งานกลม 1 ช้ิน เสน๎ ผาํ นศนู ย์กลาง 35 มม .โดยใช๎ความเร็วขอบ
ของช้ินงาน 25 เมตร/นาที จงคานวณความเร็วรอบของชิ้นงาน

วธิ ที า N = 1,000 x V (รอบ/นาที)
dn

N = 1,000x25 (รอบ/นาที)
3.14x35

= 1,910.82 (รอบ/นาท)ี

N = 227.47 รอบ/นาทตี อบ

หมายเหตุ นาคาํ จากการคานวณไปเลอื กคาํ ความเรว็ รอบจากตารางทีใ่ กล๎เคยี งผลการคานวณ

4.3 ความปลอดภยั ในการทางานเจยี ระไน
1. ขณะทางานควรมีความพร๎อมและสุขภาพสมบรู ณ์
2. ตรวจสอบหินเจยี ระไนวาํ มรี อยบน่ิ หรือรอยแตกรา๎ วหรอื ไมํ
3. ใชม๎ ือหมุนเลื่อนยกหินเจยี ระไนให๎สงู พ๎นจากโต๏ะงาน เปดิ เคร่อื งดูการหมุนของหนิ วําปกติ

หรือไมํ
4. ขณะเปดิ ใหล๎ อ๎ หนิ หมุนใหต๎ รวจวาํ ปั๊มนา้ หลอํ เยน็ ทางานพร๎อมหรือไมํ
5. การจบั ยดึ ชนิ้ งานบนแทํนแมํเหลก็ ตรวจสอบดูวาํ เมอ่ื เปดิ สวติ ช์แลว๎ ช้นิ งานถูกจับยึดแนํน

หรอื ไมํ
6. เปิดสวิตช์ใหร๎ ะบบไฮดรอลกิ ทางาน ปรบั โต๏ะงานเคลอ่ื นไปมาซ๎าย – ขวา ปรบั ความเร็วให๎

เหมาะสมกับขนาดความยาวของงาน
7. สวมแวนํ ตานริ ภยั ทุกครัง้ เพอื่ ความปลอดภยั
8. วสั ดุงานประเภทเหลก็ เหน่ียวเหล็กแข็งควรหลํอเย็นขณะเจยี ระไนทกุ ครง้ั หากเปน็

เหล็กหลอํ ตอ๎ งเจยี ระไนแบบแหง๎ ควรเปดิ ระบบดดู ฝุนเพอ่ื ปอู งกันการฟงุู กระจายของเศษหนิ และเศษ
เหลก็

9. เมอ่ื เสรจ็ งานเจียระไนทกุ ครง้ั ควรใชต๎ ะไบลบคมช้ินงาน เพือ่ ปูองกนั อนั ตรายจากขอบ
ช้นิ งาน

4.4 การบารุงรักษาเครื่องเจยี ระไน
1. กอํ นลงปฏบิ ตั ิงานต๎องตรวจสอบความพรอ๎ มของเครอ่ื งเจียระไน ใหม๎ ีความพร๎อมทกุ ครัง้

กอํ นเปดิ สวติ ชเ์ ครื่องเจียระไน
2. ปดิ สวิตช์ระบบไฮดรอลกิ ทกุ จดุ หลงั ทาเสร็จ
3. ทาความสะอาดโตะ๏ งานหลงั ปฏิบัติงานเสร็จ
4. ปรบั โต๏ะงานกบั ลอ๎ หนิ เจยี ระไนให๎หํางออกประมาณ 2-3 นว้ิ
5. ปรับโต๏ะงานให๎อยํูก่งึ กลางของลอ๎ หินเจยี ระไน
6. ทาความสะอาดเศษฝุนหลังปฏิบตั ิงานเสรจ็

แบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 4
เคร่ืองเจยี ระไน

จงตอบคาถามตํอไปน้ใี ห๎สมบรู ณ์
1. หลกั การทางานของเคร่ืองเจยี ระไนเปน็ อยํางไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………............................................................................................
2. เครือ่ งเจียระไนแบงํ ออกได๎ 2 ลักษณะ คอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………............................................................................................
3. โตะ๏ งานของเคร่ืองเจียระไนผวิ ราบเคลอื่ นที่ไดโ๎ ดยใช๎ระบบใด
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………............................................................................................
4. การตรวจสอบสภาพลอ๎ หนิ เจียระไนทาได๎อยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………............................................................................................
5. วสั ดุที่ใช๎ในการแตงํ หน๎าหินเจียระไนคอื อะไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………............................................................................................


Click to View FlipBook Version