ทัศนศิ ลป์ของไทย
ในแต่ละยุคสมัย
2.ผลงานทัศนศิ ลป์สมัย
ประวัติศาสตร์ก่อนสุโขทัย
ผลงานทัศนศิลป์สมัยประวัติศาสตร์
ก่อนสุโขทัย
ดินแดนประเทศไทยเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 1180 โดยหลัก
ฐานจากอายุของตัวอักษรบนจารึก ซึ่งพบที่ปราสาทเขาน้ อย จังหวัดสระแก้ว
เป็นหลัก ผลงานทัศนศิลป์สมัยประวัติศาสตร์ในช่วงก่อนสมัยสุโขทัยนี้ มีการ
เปลี่ยนแปลงของผลงานทั้งในด้านแนวคิดและเนื้ อหาของงานไปจากที่เคยเป็ นมา
อันเนื่องมาจากการได้รับอิทธิพลจากอารยธรรมภายนอก คือ อารยธรรมอินเดีย
ผ่านทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู และพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดการสร้างสรรค์
ผลงานเพื่อแสดงออกถึงความศรัทธาในศาสนาขึ้นมาอย่างมากมาย รวมทั้งได้รับ
เอารูปแบบศิลปะอินเกีย ศิลปะขอม เข้ามาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
อีกด้วย
สมัยประวัติศาสตร์ก่อนสุโขทัยจะแบ่งเรื่องราวการสร้างสรรค์
ผลงานทัศนศิลป์ไปตามแต่ละอาณาจักรได้ ดังนี้
สมัยทวารรดี สมัยเชียงแสน
และ
สมัยล้านา
สมัยลพบุรี สมัยศรีวิชัย
สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16)
สันนิฐานว่ามีศูนย์กลางของวัฒนธรรมอยู่แทบเมืองนครชัยศรี จังหวัด
นครปฐม แต่ผลานทัศนศิลป์แบบทวารวดีจะปรากฏหลักฐานกระจายอยู่ทั่ว
ประเทศ ซึ่งจากการสำรวจทางด้านโบราณคดี ได้พบซากเมืองที่เป็นศูนย์กลาง
ศาสนาของชุมชนในสมัยททวารวดีกระจายอยู่หลายแห่งในพื้นที่ตอนกลางของ
ประเทศ เช่น ที่ตำบลบัว จังหวัดราชบุรี ตำบลพงตึก จังหวัดกาญจนบุรี เมืองพระ
รถ จังหวัดชลบุรี เมืองอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท เป็นต้น
รูปแบบของผลงานทัศนศิลป์สมัยทวารวดีในด้านแนวคิดและเนื้อหา ส่วน
ใหญ่จะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท รูปแบบลักษณะสะท้อนถึง
การได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย แต่ก็เปลี่ยนแปลงรูปแบบไปบ้างจนมี
เอกลักษณ์เป็นของตนเอง ผลงานที่พบส่วนใหญ่จะเป็นด้านประติมากรรม เช่น
ธรรมจักรศิลากวางหมอบ เสาหินแปดเหลี่ยม ใบเสมาพระพุทธรูปที่ทำจากสำริด
ศิลา ลักษณะเด่นของพระพุทธรูปสมัยทวารวดีจะมีพระเกตุมาลาเป็นต่อมสั้น
ไม่มีไรพระศก พระโอษฐ์แบะ จีวรบางแนบติดกับพระองค์ ในส่วนของ
สถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี มักใช้การก่ออิฐถือปูนไม่นิยมก่อด้วยศิลาแลง รูป
สัณฐานของเจดีย์จะทำเป็นรูปเหลี่ยม องค์สถูปทำเป็นรูประฆังคว่ำ มียอดเตี้ย
เช่น พระฐมเจดีย์ (องค์เดิม) เจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม เป็นต้น
ใบเสมาหินสลักเล่าเรื่อง "พมพาพิสาป" พระพุทธรูปปางนาคปรกสมัยทวารวดี ถูกค้นพบ
สมัยทวารวดี ปัจจุบันแสดงอยู่ภายใน ที่วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดขอนแก่น พุทธลักษณะได้รับแบบอย่างมาจากศิลปะอินเดีย
สมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษทีี่ 12-18)
ลพบุรี หรือละโว้เป็นอาณาจักรที่มีความเจริญต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน มี
พื้นที่ครอบคลุมหลายจังหวัดในประเทศ ลพบุรีเป็นอาณาจักรที่ได้รับวัฒนธรรม
หลายชาติผสมกัน ทั้งจากอินเดีย ขอม และทวารวดี่วงแรกลพบุรีนับถือพระพุทธ
ศาสนานิกายเถรวาทตามอย่างอาณาจักรทวารวดี ผลงานทัศนศิลป์ที่สร่างสรรค์ขึ้น
ที่สำรวจพบเป็นพระพุทธรูปทำจากสำริด ศิลา รวมทั้งธรรมจักรศิลา ซึ่งมีอยู่เป็น
จำนวนมาก
แต่ภายหลังเมื่อลพบุรีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของขอม ก็ส่งผลให้พระพุทธ
ศาสนานิกายมหายานและศาสนาพราหมฮิน - ดูเข้ามามีบทบาทแทนที่ ผลงาน
ทัศนศิลป์ที่สร้างขึ้นในช่วงหลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านประติมากรรม หรือ
สถาปัตยกรรมก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สะท้อนให้เห็นการได้รับอิทธิพลของ
ศิลปะขอมมาอย่างเด่นชัด ผลงานที่สำคัญ เช่น พระพุทธรูปทรงเครื่องปาง
นาคปรก พระปรางค์สามยอด ปรางค์แขก จังหวัดลพบุรี ปราสาทหินพิมาย
จังหวัดนครราชสีมา ปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ประติมากรรมรูปพระ
โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมรูปพระนารายณ์ รูปแกะสลักพระะรหมแผ่น
ศิลา เป็นต้น
ปราสาทหินพนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็น
ปราสาทหินที่มีความงดงามามกที่สุดแห่งหนึ่ งในดินแดนสยาม
ประเทศ
สมัเชียงแสนและล้านา (พุทธศตวรรษที่ 12-25)
แต่เดิเป็นศูนย์กลางอยู่ในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย มีเขตอิทธฺ
พลอยู่บริเวณทางภาคเหนือตอนบน จนกระทั่งถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 สมัย
พระยามังรายมหาราช จึงได้ทรงย้ายราชธานีมาสร้างขึ้นใหม่ที่เมืองนพบุรีศรีนคร
พิงค์เชียงใหม่ และก่อตั้งเป็นอาณาจักรล้านนา
ลักษณะศิลปะสมัยเชียงแสน เป็นผลงานที่แสดงถึงศิลปะไทยค่อนข้าง
ชัดเจน มีการออกแบบสร้างสรรค์ผลงานด้วยคงามงดงามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ตัว ซึ่งมีอิทธิพลของศิลปะสมัยเชียงแสนได้สืบทอดส่งต่อมายังสมัยล้านาด้วย
ผลงานทางด้านทัศนศิลป์ สมัยเชียงแสนสะท้อนถึงการได้รับอิทธิพลการ
นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ลักษณะผลงานทางด้านประติมากรรม
สมัยเชียงแสนรุ่น 1 พระพุทธรูปจะมีพระวรกายอวบอ้วน พระพักตร์กลมคล้าย
ผลมะตูม พระขนงโก่ง พระนาสิกโค้งงุ้ม พระโอษฐ์แคบเล็กเสมือนยิ้มเล็กน้ อย
พระหนุเป็นปม พระรัศมีเหนือเกตุมาลาเป็นดอกบัวตูมเส้นพระศกขมวดพระ
เกศาใหญ่ พระอุระนูน ชายสังฆาฏิสั้นทำเป็นชายธง หรือเขี้ยวตะขาบ ส่วน
ใหญ่สร้างเป็นปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ฐานที่รององค์พระมีทั้งทำเป็นกลีบบัว
ประดับและมีลักษณะแบบฐานเป็ นเขียงที่ไม่มีดอกบัวรองรับ
ส่วนพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนรุ่น 2 หรือสมัยล้านา หรือสมัย
เชียงใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยเข้ามาผสมผสาน พระพักตร์
เป็ นรูปไข่
พระวรกายอวบอ้วน พระอุระนูน พระรัศมีทำเป็นแปลวเพลิง ขมวดพระ
เกศาเล็ก ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภี มักทำเป็นแบบขัดสามธิราบ
ทงด้านสถาปัตยกรร เป็นศิลปะเชียงแสนที่สร้างขึ้นในช่วงหลังสมัย
อาณาจักรล้านา ผลงานเด่นๆ เช่น เจดีย์วัดป่าสัก จังหวัดเชียงราย เจดีย์
เจ็ดยอด (วัดโพธาราม) จังหวัดเชียงใหม่ พระธาตุลำปางหลวง จังหวัด
เชียงราย พระบรมธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น
พระบรมธาตุดอยสุเทพ เป็นสถูปเจดีย์แบบเชียงแสนที่ผสมแบบลังกา
ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่
สมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13-19)
สันนิษฐานว่ามีศุนย์กลางอยู่ตั้งแต่ปลายคาบสมุทรมลายูจนถึงเกาะชวาและ
สุมาตรา รวมไปถึงบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะมี่เมืองไชยา จังหวัด
สุราษฎร์ธานี เนื่องจากมีการค้นพบสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยอิฐเก่าแก่และค้นพบ
ประติมกรรมที่ได้รับอิทะฺพลมาจากอินเดีย ผลงานทัศนศิลป์ของอาณาจักรศรีวิชัย
เท่าที่มีอยู่ จะเป็นผลงานทางด้านพระพุทธศาสนา ทั้งนิกายมหายยามและนิกาย
เถรวาท ผลงานที่เด่นๆ เช่น พระบรมไชยา พระพุทธรูปปางนาคปรกสำริด ปาง
มารวิชัย ประติมากรรมรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เทวรูปพระนารายณ์ พระ
พิทพ์ดินดิบ เป็นต้น
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะสมัยศรีวิชัย ถูกค้นพบที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี