The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2-การศึกษาความหลาหลายทางชีวภาพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by patcharee01k, 2022-12-16 14:56:49

2-การศึกษาความหลาหลายทางชีวภาพ

2-การศึกษาความหลาหลายทางชีวภาพ

เอกสารประกอบการเรียน

รายวิชาชีววิทยา 5 รหสั วิชา ว30245 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เรอื่ ง ความหลากหลายทางชวี ภาพ

เลม่ ที่ 2 เร่ือง การศึกษาความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ติ

นางสาวนภศร เสรีกลุ
ตําแหนง่ ครู

โรงเรียนโนนกลางวทิ ยาคม อําเภอพิบลู มังสาหาร จังหวดั อบุ ลราชธานี
สงั กัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั อบุ ลราชธานี




คำนำ

เอกสารประกอบการเรยี น รายวิชาชีววิทยา 5 รหสั วิชา ว33245 ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 6
เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเอกสาร
ประกอบการเรยี นทง้ั หมด 6 เลม่ ผู้สอนจัดทาข้นึ เพื่อใหผ้ ูเ้ รยี นใชป้ ระกอบกิจกรรมการเรียนการสอน
และสามารถเรยี นรดู้ ้วยตนเอง หรือนาไปใช้ในการเรียนการสอนซ่อมเสรมิ ได้ หรือใชใ้ นการสอนแทน
ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างคงทน
และนาผลไปสูก่ ารยกระดบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนไดด้ ยี ง่ิ ขนึ้

ภายในเล่มประกอบด้วย คาชี้แจงในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสาหรับครู
คาชี้แจงในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสาหรับนักเรียน แผนภูมิลาดับข้ันการใช้เอกสาร
ประกอบการเรียน มาตรฐานการเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ แบบฝึกหัด ใบงาน
แบบทดสอบหลังเรียน เฉลยแบบฝึกหัด เฉลยใบงาน เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
นักเรยี นจึงสามารถใช้เอกสารประกอบการเรียน เล่มน้ีได้ด้วยตนเอง ซึ่งก่อนใชน้ กั เรียนจะต้องศึกษา
คาชี้แจงการใช้ให้เข้าใจ หากมีข้อสงสัยให้สอบถามครูผู้สอนจนเกิดความเข้าใจก่อนลงมือปฏิบัติ
กิจกรรมเพอ่ื ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสูงสุด

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทาง
ชีวภาพ นี้จะทาให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพได้เป็นอย่างดี
และมีผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นสูงขึน้ สามารถใช้เพอ่ื ศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง เป็นสอ่ื ท่ีมีประสิทธภิ าพ
สามารถอานวยประโยชนต์ อ่ การเรยี นการสอนใหบ้ รรลวุ ตั ถุประสงค์ของหลักสตู รได้

นภศร เสรกี ลุ




สำรบัญ

เรอื่ ง หน้ำ

คานา ก
สารบัญ ข
คาช้ีแจงเกีย่ วกับเอกสารระกอบการเรียน ค
คาแนะนาในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสาหรับครู ง
คาแนะนาในการใช้เอกสารประกอบการเรียนสาหรบั นักเรียน จ
แผนภมู ิลาดบั ข้นั การใช้เอกสารประกอบการเรยี น เรอ่ื ง การศึกษาความหลากหลาย
ของสง่ิ มีชีวิต ฉ
สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 1
แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง การศึกษาความหลากหลายของส่งิ มีชวี ิต 3
ใบความรู้ เรอ่ื ง การศึกษาความหลากหลายของส่งิ มีชวี ติ 6
แบบฝึกหัด เร่ือง การศกึ ษาความหลากหลายของส่งิ มชี ีวติ 18
ใบงานท่ี 2 เร่อื ง การศกึ ษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวติ 23
แบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง การศกึ ษาความหลากหลายของสิง่ มชี วี ิต 24
เฉลยแบบฝกึ หัด เร่อื ง การศกึ ษาความหลากหลายของสง่ิ มชี วี ติ 27
เฉลยใบงานที่ 2 เร่อื ง การศึกษาความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิต 32
เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น / หลงั เรียน เร่ือง การศกึ ษาความหลากหลายของส่งิ มีชีวติ 33

บรรณำนุกรม 34
ประวตั ิยอ่ เจำ้ ของผลงำน 36




คำชแี้ จงในเกยี่ วกบั เอกสำรประกอบกำรเรยี น

1. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวิชาชีววิทยา 5

รหัสวิชา ว33245 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วยเอกสารประกอบการเรียน ทั้งหมด 6 เล่ม

ดงั นี้

เลม่ ท่ี 1 ความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ เวลา 2 ชวั่ โมง

เลม่ ท่ี 2 การศึกษาความหลากหลายของสง่ิ มชี ีวิต เวลา 2 ช่ัวโมง

เลม่ ที่ 3 กาเนิดของชวี ิต เวลา 2 ช่ัวโมง

เล่มท่ี 4 อาณาจกั รของสงิ่ มชี วี ิต เวลา 2 ชั่วโมง

เล่มที่ 5 ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย เวลา 2 ชวั่ โมง

เลม่ ที่ 6 การสูญเสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ เวลา 2 ช่วั โมง

2. เอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวิชาชีววิทยา 5

รหสั วิชา ว33245 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ประกอบด้วย

- คาชแ้ี จงเก่ยี วกับเอกสารประกอบการเรียน

- คาแนะนาสาหรบั ครู

- คาแนะนาสาหรบั นกั เรียน

- มาตรฐานการเรียนรู้ / จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ / สาระการเรียนรู้

- แบบทดสอบกอ่ นเรียน / แบบทดสอบหลังเรียน

- ใบความรู้ / ใบงาน / แบบฝกึ หดั

- เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น

- เฉลยใบงาน / แบบฝกึ หัด




คำแนะนำในกำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรยี นสำหรบั ครู

เอกสารประกอบการเรียน เร่อื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวชิ าชีววทิ ยา 5 รหัสวชิ า
ว33245 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 ครูผู้สอนเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการดาเนินการจัดการเรียนรู้ของ
นักเรยี นใหบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ ครูผู้สอนควรปฏิบัติ ดังนี้

1. จัดเตรยี มเอกสารประกอบการเรยี นใหพ้ ร้อมและเพยี งพอสาหรบั นักเรียน
2. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่อื ประเมินความรู้เดิมของนกั เรยี น
3. แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ูต่ ัวชว้ี ดั ใหน้ ักเรยี นทราบ
4. แจกเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ ให้นักเรียน
ศกึ ษาและแนะนาวิธใี ช้เอกสารประกอบการเรียนเพอื่ นกั เรียนจะได้ปฏิบัตไิ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง
5. ดาเนินการสอนตามกิจกรรมการเรียนร้ทู ี่กาหนดไว้ในแผนการจัดการเรยี นรู้
6. หากมีนักเรยี นบางคนเรียนไมท่ ัน ครูควรใหค้ าแนะนา หรืออาจมอบหมายงาน
หรอื เอกสารใหศ้ ึกษาเพ่มิ เติมในเวลาวา่ ง
7. หลังจากนักเรียนศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทาง
ชวี ภาพ เรยี บรอ้ ยแล้ว ครูและนักเรียนควรช่วยกันสรุป พร้อมทั้งใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั และทา
แบบทดสอบหลงั เรยี น
8. ครูเฉลยแบบฝึกหัด แบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และบันทึกคะแนนของ
นกั เรียนแตล่ ะคนไว้ เพอื่ ประเมนิ การพฒั นาและความกา้ วหน้า หากมนี กั เรียนไมผ่ า่ นเกณฑค์ รคู วร
จดั สอนซ่อมเสริม
9. ครสู งั เกตความตั้งใจของนักเรียน ความสนใจในการเรียน การทางานรว่ มกันเป็น
กลมุ่ ของนกั เรียนทุกกลุ่มอยา่ งใกลช้ ิด ถา้ กลุ่มใดมีปัญหาครูทาหนา้ ท่ีให้คาแนะนา
10.การตรวจนับคะแนนแบบทดสอบหลังเรียน ตอบถูกได้คะแนนข้อละ 1 คะแนน
โดยใชเ้ กณฑก์ ารผา่ นร้อยละ 80 ถ้านกั เรียนทาคะแนนได้นอ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 ควรจดั ใหม้ ีการสอน
ซอ่ มเสรมิ




คำแนะนำในกำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรยี นสำหรบั นักเรยี น

ในการศึกษาเอกสารประกอบการเรียน เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ รายวิชา
ชวี วทิ ยา 5 รหัสวิชา ว33245 ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 6 เล่มที่ 2 เรื่อง การศกึ ษาความหลากหลายของ
ส่งิ มีชวี ิต นกั เรียนควรปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนา ดงั นี้

1. อ่านคาชี้แจงเก่ียวกับเอกสารประกอบการเรียนและคาแนะนาสาหรับนักเรียนให้
เข้าใจกอ่ นทจ่ี ะลงมือศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น เรอ่ื ง ความหลากหลายของสงิ่ มีชีวิต

2. นกั เรียนศกึ ษาสาระ/มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสาคัญ จดุ ประสงค์
การเรยี นรู้ของเรื่องท่เี รียนให้เข้าใจ

3. ทาแบบทดสอบก่อนเรียน จานวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที เพ่ือประเมิน
ความรเู้ ดิมของนักเรยี น

4. ศึกษาเอกสารประกอบการเรียนจากใบความรู้ที่ครูจัดเตรียมไว้ด้วยความต้ังใจ
โดยปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอนทีก่ าหนดไวใ้ นกรอบคาสง่ั

5. เม่ือนักเรยี นศึกษาสาระการเรียนร้เู สร็จเรียบรอ้ ย ให้นกั เรียนทาแบบฝึกหัดท่ีครู
จัดเตรียมไว้ หากนักเรียนไม่เข้าใจสาระการเรียนรู้ใดให้กลับไปศึกษาอีกครั้ง และให้นักเรียน
ปฏิบตั ติ ามขั้นตอนเพ่อื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจมากย่ิงขน้ึ

6. ทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือเปรียบเทียบความก้าวหน้าในการเรียนของ
นักเรียน

7. นักเรียนศึกษาและทากิจกรรมร่วมกับครูหรือร่วมกับกลุ่มตามท่ีกาหนดไว้ใน
แบบฝึกหดั และใบงาน

8. นกั เรียนควรมีความซื่อสัตย์และวินัยในการทากิจกรรมการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ใน
เอกสารประกอบการเรียน

9. ในการทาแบบฝึกหัด แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนให้นักเรียนทาด้วย
ความตั้งใจและมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองให้มากท่ีสุด โดยไม่ดูเฉลยก่อนทาแบบฝึกหัดและ
แบบทดสอบ




แผนภูมิลำดบั ขัน้ กำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรยี น

อ่านคาช้ีแจงและคาแนะนาในการใช้เอกสารประกอบการเรียน

ศึกษาจดุ ประสงค์การเรยี นรสู้ ตู่ วั ช้วี ัด เสริมพืน้ ฐาน
ทดสอบก่อนเรียน ผู้มีพื้นฐาน

ศกึ ษาบทเรียนและฝกึ ปฏิบัติตามขั้นตอน ต่า

ประเมนิ ผลการทาเอกสารประกอบการเรียน

ไมผ่ า่ น ทดสอบหลังเรียน
การทดสอบ ผา่ นการทดสอบ

c[ศึกษาเอกสารประกอบการเรยี นเร่ืองตอ่ ไป

ลำดบั ขั้นกำรใช้เอกสำรประกอบกำรเรียน เรื่อง ควำมหลำกหลำยทำงชวี ภำพ
เล่มท่ี 2 กำรศกึ ษำควำมหลำกหลำยของสง่ิ มีชีวิต


1

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระท่ี 1 สงิ่ มีชีวิตกับกระบวนการดารงชวี ิต มาตรฐาน

มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใช้เทคโนโลยีชีวภาพท่ีมีผลต่อมนุษย์
และสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนา
ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ผลการเรียนรู้
สืบค้นข้อมลู ทดลอง อธบิ าย อภิปรายและวิเคราะห์สภาพปัญหาเกี่ยวกับความหลากหลาย

ทางชีวภาพ การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ กาเนิดของชีวิต อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต ความ
หลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. สารวจตรวจสอบ สืบค้นข้อมูล อภิปรายและอธิบายการศึกษาความหลากหลายทาง

ชีวภาพ การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมชี ีวติ การตั้งชื่อของสงิ่ มีชวี ิต พร้อมท้ังระบุเกณฑ์ที่ใช้ในการจาแนก
กลมุ่ ของส่ิงมชี วี ิต

2. สืบค้นข้อมูล อภิปรายและอธิบายลาดับเหตุการณ์กาเนิดของสิ่งมีชีวิตในอดีตจนถึง
ปจั จบุ ัน

3. สืบคน้ ขอ้ มูล และอธิบายลาดบั ขน้ั การจัดหมวดหมู่ของสงิ่ มชี ีวิต และวิธกี ารจัดหมวดหมู่
ของส่ิงมชี ีวิต

4. สืบค้นข้อมลู อภปิ รายความสาคญั ของช่อื วิทยาศาสตร์ รวมทั้งอธิบายความหมายของ
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ แบบแผนและหลักการเขียนชอื่ วิทยาศาสตร์

5 . สารวจตรวจสอบ สบื ค้นขอ้ มูลการสรา้ งและใชเ้ คร่อื งมอื ในการระบชุ นิดของสงิ่ มีชีวติ

สาระสาคัญ

สิ่งมีชีวิตที่พบอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นผลมาจากการเกิดวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตในช่วง
ระยะเวลากว่า 3,500 ล้านปี โดยในแต่ละยุคจะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นใหม่บ้างหรือสูญพันธุ์ไปบ้าง
บางส่วนก็ทิ้งร่องรอยแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของสปีชีส์นั้น แต่ส่วนใหญ่มักสูญหายไป
โดยไม่ปรากฏร่องรอยเหลือไว้เลย


2

1. ความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตมีองค์ประกอบที่สาคัญ คือความหลากหลาย
ทาง พนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางสปีชีส์ และความหลากหลายของระบบนเิ วศ

2. ความหลากหลายของสิ่งมีชวี ิตในอดีตศึกษาได้จากตารางธรณกี าล ซึ่งเป็นการศึกษาและ
คานวณอายซุ ากดกึ ดาบรรพ์ของสงิ่ มีชีวติ ได้เปน็ ยคุ ต่างๆ

3. การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตสามารถจัดได้เป็นระดับช้ัน โดยเริ่มจากหมวดหมู่ใหญ่แล้ว
แบ่งเปน็ หมวดหมู่ย่อยๆ หลายระดับโดยหมวดหมใู่ หญ่สุดเร่ิมจาก อาณาจกั ร ไฟลัม คลาส ออร์เดอร์
แฟมิลี จีนัส และสปชี ีสต์ ามลาดับ

4. ช่อื ของสงิ่ มชี วี ิตเป็นชื่อท่ตี ั้งขึ้นเพอ่ื ใช้เรยี กสิง่ มชี วี ิตให้มคี วามเขา้ ใจที่ตรงกนั ประกอบด้วย
ชื่อวทิ ยาศาสตร์ และชือ่ สามัญ

5. ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ในระดับสปีชีส์ประกอบดว้ ยช่ือสองสว่ นคือ ชื่อจีนสั และชื่อที่ระบสุ ปชี ีส์
6. นักวิทยาศาสตร์ในอดีตมีการศึกษาเกี่ยวกับกาเนิดของส่ิงมีชีวิตท าให้ทราบว่าเซลล์
เริ่มแรก เกิดจากกรดอะมิโน
7. มีการสันนิษฐานว่าส่ิงมีชีวิตที่เป็นเซลล์โพรคาริโอต มีก าเนิดมาจากเซลล์เร่ิมแรก
ซึ่งมีการ ดารงชีวิตแบบไม่ใช้แก๊สออกซิเจนไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ และลักษณะเด่นของ
ส่ิงมชี วี ิต กลมุ่ นค้ี ือ มีสารพนั ธกุ รรมแขวนลอยอยใู่ นไซโทพลาซมึ
8. ส่ิงมีชีวิตท่ีเป็นเซลล์ยูคาริโอตมีวิวัฒนาการมาจากส่ิงมีชีวิตที่เป็นเซลล์โพรคาริโอต
โดยสงิ่ มีชีวิตกลมุ่ นี้มลี ักษณะเด่นคอื มีสารพันธกุ รรมอย่ใู นนิวเคลียส


3

แบบทดสอบก่อนเรียน

บทที่ 20 ความหลากหลายทางชวี ภาพ เรือ่ ง การศึกษาความหลากหลายของสิ่งมชี วี ิต

รายวิชาชวี ิวทิ ยา 5 (ว33245) ชนั้ มธั ยมศึกศสาปีท่ี 6

คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบฉบบั นี้ จานวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาท่ีใช้ 10 นาที
2. จงเลอื กคาตอบทถี่ กู ตอ้ งท่ีสุด แล้วเขยี นเคร่อื งหมาย  ลงในกระดาษคาตอบ

1. ขอ้ ใดไมจ่ ดั เป็นความหลากหลายของสง่ิ มีชวี ิต
ก. ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม
ข. ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ค. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ง. ความหลากหลายทางชนิดสิ่งมชี ีวติ

2. มหายุคใดที่เรยี กว่าเปน็ ยุคของไดโนเสาร์ คอื
ก. มหายคุ พาลีโอโซอกิ
ข. มหายคุ พรีแคมเบรยี น
ค. มหายุคซีโนโซอกิ
ง. มหายคุ มีโซโซอิก

3. ขอ้ ใดเรยี งล าดบั การจัดหมวดหม่ขู องส่งิ มีชีวิต จากกลมุ่ ใหญม่ าเลก็ ได้ถกู ตอ้ ง
ก. อาณาจักร , ไฟลมั , คลาส , วงศ์ อันดบั , สกลุ , สปชี ีส์
ข. อาณาจกั ร, ดิวิชนั , คลาส , อนั ดบั วงศ์ , สกลุ , สปีชีส์
ค. อาณาจักร , ไฟลัม , วงศ์ , คลาส อันดบั , สกุล , สปีชีส์
ง. อาณาจักร , ดวิ ิชัน , คลาส , อันดับ วงศ์ , สปีชีส์ , สกลุ

4. สง่ิ มีชวี ติ ในข้อใดมีความคลา้ ยคลึงกันมากทีส่ ดุ
ก. ส่ิงมชี วี ติ ท่อี ยู่ในอันดบั (Order) เดยี วกนั
ข. สิง่ มชี ีวติ ทีอ่ ยู่ในสกุล(Genus) เดยี วกัน
ค. ส่งิ มีชีวิตที่อยูใ่ นวงศ์ (Family) เดียวกัน
ง. สิ่งมีชีวติ ทีอ่ ยูใ่ นคลาส (Class) เดียวกนั


4

5. ผู้เรยี นจะตงั้ ชอ่ื มะนาวเป็นช่อื วทิ ยาศาสตร์ ผู้เรียนจะต้องใช้ภาษาอะไร
ก. ภาษาละตนิ
ข. ภาษาอังกฤษ
ค. ภาษาบาลี
ง. ภาษาไทย

6. “ พืชทีเ่ ปน็ ต้นแบบในการศกึ ษาชวี วิทยาระดบั โมเลกลุ ของพชื คอื A. thaliana ” คาว่า thaliana
หมายถึง

ก. scientific name
ข. Species
ค. Genus
ง. Local name

7. ไดโคโตมัสคีย์ของสตั วม์ กีระดกู สันหลงั สตั ว์ใดมลี ักษณะดังต่อไปน้ี “ไม่มีขน – ไม่มคี รีบคู่ –
ผิวหนงั ไมีมเ่ กล็ด ”

ก. เต่า
ข. จ้ิงจก
ค. จระเข้
ง. คางคก

8. นักวิทยาศาสตรท์ ่านใดทพี่ ิสจู น์วา่ สิง่ มชี ีวติ มีกาเนดิ จากสงิ่ มีชวี ิต
ก. Alexander Oparin
ข. Louis Pasteur
ค. Sidney Fox
ง. Stanley Miller

9. เซลล์โพรคาริโอตแตกต่างจากเซลลย์ ูคารโิ อตอย่างไร
ก. ไม่พบนิวเคลยี ส
ข. ไมพ่ บออรก์ าแนลล์
ค. ไม่พบไรโบโซม
ง. ถกู ทง้ั ก และ ข


5

10. จากหลกั ฐานสนบั สนุนวา่ คลอโรพลาสต์ นา่ จะเปน็ ส่งิ มชี วี ติ ในกล่มุ ใด
ก. เหด็ รา
ข. โพรโทรซวั
ค. แบคทเี รีย
ง. พืช


6

ใบความรู้
เรือ่ ง การศึกษาความหลากหลายของส่ิงมีชวี ติ

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) คือ การมีส่ิงมีชีวิตนานาชนิด นานาพันธุ์
ใน ระบบนิเวศอันเป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัย ซ่ึงมีมากมายและแตกต่างกันท่ัวโลก หรือง่ายๆ คือ การที่มี
ส่ิงมีชีวิตหลายชนิด (Species) หลายสายพันธ์ุ และระบบนิเวศ ( Ecosystem) ท่ีแตกต่าง
หลากหลายบนโลก ความหลากหลายทางชีวภาพเกิดจากการสะสมความแตกต่างของสิ่งมีชีวิต
ในระยะ เวลานาน สามารถพิจารณาได้จากความหลากหลายทางพันธุกรรม ความหลากหลายทาง
สปีชีส์ และและความหลากหลายของระบบนิเวศ โดย ความหลากหลายทางพันธุกรรม ( Genetic
diversity) หมายถึง ความหลากหลายทาง พันธุกรรมที่ส่ิงมีชวี ิตแต่ละชีวิตได้รับการถ่ายทอดมาจาก
รุ่นพ่อแม่และส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปเช่น ลักษณะความหลากหลายของลวดลายและสีของหอยทาก
Cepaea nemoralls ความหลากหลายของสีสันของ emerald tree boas Corallus canius
ลักษณะทาง พันธุกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดน้ันผ่านทางยีน (gene) ท่ีมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด
ซ่ึงส่งผลให้ ส่ิงมีชีวิตชนิดเดียวกันอาจมีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกันไปตาม ยีน (gene)
ทีไ่ ด้รบั การถ่ายทอดมา ตวั อย่างของความหลากหลายทางพันธุกรรมมีอยู่ทุกครอบครัวของส่ิงมีชวี ิต
พ่ีนอ้ งอาจมสี ีผม สผี วิ และสีของนัยนต์ าท่แี ตกตา่ งกนั เปน็ ต้น

ส่ิงมีชีวิตที่พบอยู่ในปัจจุบันน้ีเป็นผลมาจากการเกิดวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตในช่วง
ระยะเวลากว่า 3,500 ล้านปี โดยในแต่ละยุคจะมีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นใหม่บ้างหรือสูญพันธุ์ไปบ้าง
บางส่วนก็ทิ้งร่องรอยแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของสปีชีส์นั้น แต่ส่วนใหญ่มักสูญหายไปโดยไม่
ปรากฏร่องรอยเหลือไว้เลย อย่างไรก็ตามนักธรณีวิทยา (geologist) และนักบรรพชีวิน
(palaeontologist) ได้พยายามสร้างตารางเวลาเพื่อบันทกึ ลาดับเหตกุ ารณ์กาเนิดของสิ่งมชี ีวิตชนิด
ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยใช้ลักฐานของซากดึกดาบรรพ์ (fossil) ท่ีสามารถคานวณอายุได้
ดังแสดงในตารางท่ี 2.1


7
ตารางท่ี 2.1 ตารางธรณกี าลแสดงเหตุการณ์สาคัญของสิ่งมชี ีวิตทกี่ าเนิดขึ้นบนโลก

ทมี่ า https://kas-kasanapharayat.blogspot.com/2013/06/blog-post_11.html


8

จากตารางธรณีกาลแสดงให้เห็นว่าในแต่ละยุคท่ีผ่านมาจะมีสปีชีส์เกิดขึ้นใหม่บ้าง
สูญหายไปบ้าง บางส่วนก็ท้ิงร่องรอยแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของสปีชีส์ แต่ส่วนใหญ่
จะสูญหายไปไม่เหลือร่องรอยปรากฏใหเ้ หน็ เลย นกั วิทยาศาสตร์ไดพ้ ยายามหาร่องรอยของส่ิงมีชีวิต
เพื่อแสดงเหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ท่ีผ่านมาเพ่ือให้เราทราบว่าส่ิงมีชีวิตบนโลกมีวิวัฒนาการมาได้
อยา่ งไร

นอกจากข้อมูลของซากดึกดาบรรพ์แล้วนักวิทยาศาสตร์ยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากข้อมูล
การศึกษาชีววิทยาระดับโมเลกุล การศึกษาชีววิทยาระดับโมเลกุลโดยการเปรียบเทียบลาดับเบส
การเปรียบเทียบลักษณะทางกายวิภาค ลักษณะทางสัณฐานวิทยาตลอดจนลักษณะทางนิเวศวิทยา
และพฤติกรรมเพื่อหาร่องรอยของสายวิวัฒนาการ (phylogeny) และสายวิวัฒนาการนี้
เป็นหลักเกณฑ์สาคัญในการจดั ลาดบั หมวดหมู่ของสิ่งมชี ีวิต (systematics) ท่ีใกล้เคียงกับธรรมชาติ
มากท่สี ุด เพือ่ ศกึ ษาความหลากหลายทางชวี ภาพ

การจัดหมวดหมขู่ องส่งิ มชี ีวิต
ปจั จุบันนคี้ าดว่ามีสิ่งมชี ีวิตชนิดตา่ งๆ ท่ีสามารถจาแนกชนิดได้อยู่ในโลกนี้ถึง 1.4 ล้าน ชนิด

และคาดว่าจะมีจานวนสงิ่ มีชวี ิตอกี ประมาณ 4 - 30 ล้านชนดิ ที่ยังไม่ไดร้ ับการค้นพบและ จัดจาแนก
การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตจะอาศัยลักษณะต่างๆเป็นหลักโดยเปรียบเทียบความ เหมือนหรือ
แตกต่าง ซ่งึ ความเหมอื นของสิง่ มีชวี ิตเกดิ จากการทีส่ ่ิงมีชวี ิตเหลา่ น้นั ผ่านขบวนการ ทางวิวฒั นาการ
ทเ่ี หมือนกัน ดังนั้นการจัดหมวดหมจู่ งึ เป็นการบอกว่าสง่ิ มีชีวติ แตล่ ะกลุ่มมี ความสมั พันธ์กับสง่ิ มชี วี ิต
อีกกลุ่มหน่ึงหรือไม่ ลักษณะของส่ิงมีชีวิตที่นามาใช้ในการจัดหมวดหมู่ เช่น ลักษณะทางสัณฐาน
วิทยา (morphological characteristics) นอกจากนี้ยังอาจใช้ ลักษณะทางกายวิภาค (anatomy)
และสรรี วิทยา (physiology) มาใชใ้ นการจัดจาแนก ส่ิงมชี ีวติ ออกเปน็ หมวดหมูไ่ ด้

การจัดจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ไม่ใช่เพียงเป็นการบอกชื่อชนิดของสิ่งมีชีวิต
เท่าน้ัน แต่จะต้องสามารถบ่งบอกถึงลาดับของสิ่งมีชีวิตและตาแหน่งในการเกิดข้ึนของชนิดใน
ขบวนการววิ ัฒนาการไดด้ ว้ ย การศกึ ษาชนิด ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ และความสัมพันธ์ใน เชิง
ววิ ฒั นาการระหวา่ งสง่ิ มีชวี ิตต่างๆ เรยี กวา่ อนุกรมวิธาน taxonomy หรอื อาจเรยี กว่า Systematics
แตน่ กั ชวี วิทยาบางส่วนอาจจะแยกทงั้ สองศาสตรน์ ี้ออกจากกนั โดยถือวา่ Taxonomy เปน็ การศกึ ษา
เพื่อให้คาอธิบายรายละเอียดเก่ียวกับส่ิงมีชีวิตน้ันๆ (description of species) ส่วน systematics
เป็นการศกึ ษาเพอ่ื จัดกลุ่มของสิ่งมีชีวิตท่ีมวี วิ ัฒนาการมา เหมือนกันให้อยูใ่ นกล่มุ เดียวกนั ซึ่งสามารถ
ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ของชาติวงศ์วานและ นามาจดั เป็นประวตั ชิ าติพันธ์ุ (phylogeny) ของ
ส่ิงมชี วี ิตกลมุ่ ต่างๆ ได้


9

อนุกรมวิธาน (Taxonomy) จะทาการจัดจาแนกส่ิงมีชีวิต (Classification) โดยการ

จดั ลาดับหมวดหมู่ของส่ิงมีชีวิตเริ่มจัด เป็นกลุ่มใหญ่ก่อน แล้วจึงแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ อีก

หลายระดับ โดยพิจารณาจาก กลุ่มใหญ่สุดของส่ิงมีชีวิต คือ อาณาจักร(Kingdom) กลุ่ม ย่อย

รองลงมา สาหรับสัตว์เรียกไฟลัม (Phylum) สาหรับพืชในอดีตเรียก ดิวิชัน (Division) ปัจจุบันใช้

ไฟลัมเช่นเดียวกบั สตั ว์ ในดิวิชันหรอื ไฟลัมหน่ึง ๆ แยกออกเป็นคลาส หลายคลาส (Class) หรือชั้น

ในแต่ละคลาสแยกออกเป็นหลายออร์เดอร์ (Order) หรืออันดับ แต่ละ ออร์เดอร์แยกออกเป็น

หลายแฟมลิ ี (Family) หรอื วงศ์ ในแต่ละแฟมลิ ียังแยกออกเปน็ จนี ัส (Genus) หรอื สกลุ แต่ละจีนัส

แบ่งยอ่ ยออกเปน็ หลายสปชี สี ์ (species) หรือชนดิ

อาณาจกั ร (Kingdom)

ดวิ ชิ ัน (Division) หรอื ไฟลัม (Phylum)

คลาสหรอื ชัน้ (Class)

ออร์เดอร์หรอื อนั ดับ (Order)

แฟมลิ ี่หรอื วงศ์ (Family)

จีนสั หรอื สกุล (Genus)

สปีชีสห์ รอื ชนดิ (species)

ในระหว่างกลุ่ม อาจมีกลุ่มย่อยอีก เช่น Sub Kingdom, Sub division เป็นต้น พืชแต่

ละชนิด อาจมีลักษณะต่างกันเล็กน้อย เรียกว่า พันธุ์ สิ่งมีชีวิตท่ีจัดอยู่ในสปีชีส์ เดียวกันต้องมี

ความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกนั ทางบรรพบรุ ุษสามารถสบื พันธก์ุ นั ได้ ลูกทไี่ ดจ้ ะตอ้ งไมเ่ ป็นหมัน

ตัวอยา่ งการจะเรยี กมนุษย์สายพนั ธุ์ปัจจุบนั โดยใช้หลกั อนกุ รมวธิ าน จะเรยี กไดด้ งั น้ี

Kingdom Animalia

Phylum Chordata

Subphylum Vertebrate

Class Mammalia

Subclass Theria

Order Primates

Family Hominidae

Genus Homo

Species Homo sapiens

การจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต จึงต้องอาศัยความรู้ที่บูรณาการแล้ว จึงสร้างกฎเกณฑ์
การจดั หมวดหมูข่ ึน้ มาท่เี รียกวา่ อนกุ รมวิธาน (taxonomy) ซึ่งนกั เรยี นจะไดศ้ ึกษาในลาดับต่อไป


10

การจดั หมวดหมูข่ องส่งิ มีชวี ติ
สง่ิ มีชีวิตบนโลกซงึ่ มีประมาณ 30 -40 ล้านสปีชสี ์ และมกี ารคน้ พบมากขน้ึ เรอื่ ยๆ ถา้ จะ

ศึกษาสง่ิ มีชวี ิตเหล่านีน้ ักเรียนจะทาอย่างไรจงึ จะสะดวกต่อการศกึ ษา
เพื่อความสะดวกในการศึกษาสิ่งมีชีวิตนักวิทยาศาสตร์จึงจาแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็น

หมวดหมู่ หรือ อนกุ รมวิธาน (taxonomy) ซึ่งมสี ว่ นประกอบดงั น้ี
1. การจัดหมวดหมู่ (classification) โดยมีการจัดแบ่งตาม ลักษณะท่ีเหมือนหรือ

แตกต่างกัน ตามลักษณะทเ่ี กี่ยวข้องสัมพันธ์กันระหว่างหมู่ของส่ิงมชี ีวิต และเป็นที่ยอมรับตามหลัก
อนกุ รมวธิ านปจั จบุ ัน

2. การวิเคราะห์ชนิดของสิ่งมีชีวิต (Identification) วิเคราะห์รายละเอียดว่ามีความ
คล้ายคลึงหรือแตกต่างกันอย่างไร โดยอาศัยข้อมลู จากเอกสารต่าง ๆ เชน่ คู่มือ (manual) หนังสือ
เก่ียวกบั พชื (Flora) หนงั สอื เกย่ี วกบั สตั ว์ (Fauna)

3. การตั้งชื่อส่ิงมีชีวิต (nomenclature) เป็นการให้ช่ือแก่สิ่งมีชีวิตอย่างมีหลักและ
วิธีการท่ีเป็น สากลที่เรียกว่า ช่ือวิทยาศาสตร์ (Scientific name) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก

นอกจากน้ีควรมีชื่อท้องถิ่น (native name) และช่ือสามัญ (common name) ของ
สง่ิ มชี ีวิตด้วย

รูปที่ 2.1 การจัดหมวดหมู่ผเี ส้ือ
ท่มี า https://kas-kasanapharayat.blogspot.com/2013/06/blog-post_11.html


11

ประวตั ิการจดั หมวดหม่ขู องสิ่งมชี ีวิต
ในการจัดจาแนกส่ิงมีชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ สมัยแรก ๆ มักใช้เกณฑ์ง่าย ๆ และยึด

ประโยชนเ์ ปน็ สาคญั บคุ คลสาคญั ที่มีผลงานเกยี่ วกับการแบ่งหมวดหมูส่ ่ิงมีชวี ิต เช่น
อารสิ โตเติล (Aristotle)
ประมาณ 350 ปี ก่อนครสิ ตศ์ ักราช อริสโตเติล นักปรัชญาชาวกรีก เป็นคนแรกทีไ่ ด้วาง

หลกั การจัดหมวดหมขู่ องส่งิ มชี ีวติ ได้จดั หมวดหมขู่ องส่ิงมชี ีวิตดังน้ี
1. สัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั และมีเลือดสีแดง (Enaima-Vertebrates) แบ่งออกเป็น 2 พวก

คือ พวกออกลูกเป็นไข่ (oviparous) ได้แก่ นก สัตว์คร่ึงน้าครึ่งบก สัตว์เลื้อยคลาน ปลา และพวก
ออกลูกเปน็ ตวั (viviparous) ได้แก่ คน ปลาวาฬ และสัตวเ์ ล้ีงลูกด้วยนมทัว่ ๆไป

2. สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและไม่มีเลือดสีแดง (Anaima-Invertebrate) คือ พวก
ห มึ ก (cephelopoda) พ ว ก กุ้ ง ก้ั ง ปู ( crustaceans) พ ว ก แ ม ล ง ( insects) แ ล ะ แ ม ง มุ ม
(spiders) หอย (mollusks)และดาวทะเล (echinoderms) พวกฟองน้า (sponge) แมงกระพรุน
ปะการงั และดอกไม้ทะเล (coelenterate)

นอกจากนี้ อารสิ โตเติลยังได้แบง่ พชื ออกเปน็ 3 กล่มุ ตามลกั ษณะและขนาด คือ
1. ไม้ล้มลุก (herbs)
2. ไม้พุ่ม (shurbs) มีเนื้อแข็งไม่เป็นลาต้นตรงขึ้นไปและมีการแตกกิ่งก้านสาขามาก
3. ไม้ยืนตน้ (trees) มีเน้อื แข็งมีขนาดใหญ่และมีลาต้นตรงขน้ึ ไปแลว้ จงึ แตกกิง่ ก้านสาขา
ตอนบน
ธีโอฟราสตัส (Theophrastus)
ประมาณ 285 ปีก่อนคริสต์ศักราช ธีโอฟราสตัส นักปรัชญาชาวกรีกลูกศิษย์ของ
อริสโตเตลิ ผู้เขียนหนังสือ Historia Plantarum) ได้แบ่งพชื ออกเปน็ กลุ่ม ๆ คอื
1. พชื ทมี่ อี ายปุ เี ดยี ว (annual)
2. พืชทมี่ ีอายสุ องปี (biennials)
3. พืชท่มี ีอายุมากกว่าสองปี (perenails)
ออกัสติน (St. Augustine)
ปี พ.ศ. 1983-2059 ออกัสติน ได้ได้แบ่งสัตว์ออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ สัตว์ที่มีประโยชน์
สัตวท์ ใี่ หโ้ ทษ และสัตว์ที่ไม่มีประโยชนแ์ ละสตั ว์ไม่มีโทษ
จอหน์ เรย์ (John Ray)
ปี พ.ศ. 2171-2248 จอหน์ เรย์ นักพฤกศาสตร์ชาวองั กฤษได้แบง่ พชื ออกเปน็ สองกลุ่มคอื
1. พืชใบเล้ยี งคู่ (dicotyledon)
2. ใบเลย้ี งเดียว (monocotyledon) และใช้คาว่าสปีชสี เ์ ป็นคนแรก


12

ลนิ เนียส (Carl Linnaeus)
ปี พ.ศ. 2250-2321 คาโรลัส ลินเนียสนักชีววิทยาชาวสวีเดน ได้จาแนกพืชดอก
เปน็ หมวดหมู่โดยถือเอาจานวนเกสรเพศผู้เป็นเกณฑ์ พืชที่มีเกสรเพศผู้เท่ากันจัดไว้เป็นพวกเดียวกัน
ซึ่งวิธีการดังกล่าวปัจจุบันยังใช้อยู่บ้าง และได้เขียนหนังสือชื่อ Species Plantarum ในปี
พ.ศ. 2296 ลินเนียสได้จัดสัตว์ต่าง ๆ ออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง แมลง ปลา
สตั ว์ครึ่งบกครึ่งน้า (สัตว์สะเทินน้าสะเทินบก) นก และสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้านม และได้เขียนหนังสือ
เกี่ยวกับสัตว์ ในปี พ.ศ. 2301 ช่ือSystema Naturae นอกจากน้ีลินเนียสยังเป็นบุคคลแรกท่ีต้ังช่ือ
พืชและสัตว์ เรียก ช่ือวิทยาศาสตร์ (Scientific name) และได้กาหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อ
วิทยาศาสตร์ให้กับสิ่งมีชีวิต และได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวิชาอนุกรมวิธานและจาแนก
สิ่งมชี วี ติ โดยใช้
1. ลกั ษณะภายนอกและโครงสรา้ งภายใน
2. แบบแผนการเจรญิ เติบโตและโครงสรา้ งระยะตัวอ่อน
3. ความสัมพันธ์ทางววิ ัฒนาการจากซากดกึ ดาบรรพ์ของสง่ิ มชี ีวติ ทีค่ น้ พบ
4. โครงสร้างของเซลล์และออร์แกเนล
5. สรีระวทิ ยาและการสงั เคราะหส์ ารเคมี
6. ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของสงิ่ มชี วี ิต
เฮกเคล (Haeckel)
เฮกเคล นักชีววิทยาชาวเยอรมันเป็นผู้ใช้คาว่า ไฟลัม (Phylum) และโพรติสตา
(Protists)
โคปแลนด์ (Copeland) จาแนกสง่ิ มีชวี ติ ออกเปน็ 4 อาณาจกั ร (Kingdom)
วิทเทเคอ (Whittaker) จาแนกสิ่งมชี ีวิตออกเป็น 5 อาณาจักร

รูปท่ี 2.2 ความแปรปรวนของรูปแบบและสสี ันทีพ่ บในหอยชนดิ เดยี วกนั Cepaea nemoralls
ท่มี า : Solomon et al , 2002


13

ช่อื ของสง่ิ มีชวี ติ

ระบบการเรียกช่ือสิ่งมีชีวิตแบบทวินาม (อังกฤษ: Binomial nomenclature) เป็นระบบ
การเรียกช่ือส่ิงมีชีวิตแต่ละสปีชีส์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันน้ี ช่ือแต่ละชื่อในระบบน้ีเรียกว่า ช่ือทวิ
นาม (Binomial name) หรือชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ (Scientific name) คือช่ือท่ีใช้เรียกแทนสิ่งมีชีวิตในส
ปชี ีส์ต่างๆ อย่างเปน็ ทางการ ชื่อทวินามจะเป็นภาษาละตนิ ประกอบดว้ ยคาศพั ท์ 2 คา คือ สกุล และ
สปีชสี ์ ซงึ่ ข้นึ อยู่กบั ส่งิ มชี ีวิตท่ีต้องการระบุ โดยรายละเอยี ดปลีกยอ่ ยอาจแตกต่างกนั ออกไปบา้ ง

ประวัติ

ระบบการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตแบบทวินาม ถูกคิดขึ้นใช้เป็นครั้งแรกโดย กาสปาร์
โบแอง (Gaspard Bauhin) และ ชอง โบแอ ง (Jean Bauhin) ซ่ึงมีชีวิตก่ อนคาร์ล ลินเนีย
สเกือบ 200 ปี ทว่าการใช้ระบบนย้ี ังจากัดอยู่ในวงแคบ ซ่ึงในสมัยนั้นสว่ นใหญ่ใช้ระบบการเรยี กช่ือ
สง่ิ มีชีวติ แบบไตรนาม แตต่ อ่ มาถงึ สมัยของคารล์ ลินเนยี ส ระบบน้กี ็เป็นท่แี พรห่ ลายขึน้ มาก

กฎการตัง้ ชอื่

มีหลกั เกณฑใ์ นการเขยี นดงั น้ี
1. ช่ือทวินามจะเป็นภาษาละติน ประกอบด้วยคาศัพท์ 2 คา คอื สกุล (genus) และ สปี

ชสี ์ (species)
2. ชื่อทวินามมักจะถูกพิมพ์ด้วยตัวเอน เช่น Homo sapiens หากเป็นการเขียนด้วย

ลายมือควรขดี เส้นใต้ลงไปแทน
3. คาศัพทค์ าแรก (ชื่อสกุล) ต้องขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่เสมอ นอกจากนั้นใช้อักษรตัว

เล็กทั้งหมด[1][2]เช่น Canis lupus หรือ Anthus hodgsoni แต่สาหรับสิ่งมีชีวิตท่ีต้ังช่ือทวินามไว้
ก่อนหน้าศตวรรษท่ี 20 และข้ึนตน้ ด้วยอักษรตวั ใหญ่อยแู่ ล้ว ไมต่ ้องเขียนเป็นตัวเลก็ อกี เชน่ Carolus
Linnaeus

4. ในสปีชีส์ย่อย ชื่อจะประกอบด้วยสามส่วนและสามารถเขียนได้สองแบบ โดยพชื และ
สตั วจ์ ะเขยี นตา่ งกัน เช่น

- เสือโคร่งเบงกอลคือ Panthera tigris tigris และ เสือโคร่งไซบีเรียคือ Panthera
tigris altaica

- ตน้ เอลเดอร์ดายุโรปคือ Sambucus nigra subsp. nigra และเอลเดอรด์ าอเมริกา
คือ Sambucus nigra subsp. canadensis

5. ในตาราเรียน มักมีชื่อสกุลย่อ หรือชื่อสกุลเต็มของนักวิทยาศาสตร์ผู้จัดทาช่ือนั้น
ต่อท้าย โดยชอ่ื สกุลย่อใชก้ ับพืช สว่ นช่ือสกุลเต็มใช้กับสัตว์ ในบางกรณถี ้าช่ือสปชี ีสเ์ คยถูกกาหนดให้


14

ช่ือสกุลที่ต่างออกไปจากช่ือในปัจจุบัน จะคร่อมชื่อสกุลนักวิทยาศาสตร์กับปีที่จัดทาไว้
เช่น Amaranthus retroflexus L., Passer domesticus (Linnaeus, 1758) ท่ีใส่วงเล็บเพราะใน
อดตี ชือ่ หลงั อย่ใู นสกลุ Fringilla

6.หากใช้กับชื่อสามัญ เรามักใส่ชื่อทวินามไว้ในวงเล็บต่อท้ายช่ือสามัญ เช่น
"นกกระจอกบา้ น (Passer domesticus) กาลงั มจี านวนลดลงอย่างนา่ ตกใจ"

7. การเขียนช่ือทวินามเป็นครั้งแรกในรายงานหรือส่ิงพิมพ์ เราเขียนเป็นชื่อเต็มก่อน
หลังจากน้ันเราสามารถย่อช่ือสกุลให้ส้ันลงเปน็ อกั ษรตัวแรกของช่ือสกลุ และตามด้วยจุด เช่น Canis
lupus ย่อเป็น C. lupus ด้วยเหตุท่ีเราสามารถย่อช่ือในลักษณะนี้ได้ ทาให้ช่ือย่อเป็นที่รู้จักและ
กล่าวถึงมากกว่าช่ือเต็ม เช่น T. Rex คือ Tyrannosaurus rex หรือ E. coli คือ Escherichia
coli เปน็ ต้น

8. บางกรณี เราเขียน "sp." (สาหรับสัตว์) หรือ "spec." (สาหรับพืช) ไว้ท้ายชื่อสกุล
ในกรณีท่ีไม่ต้องการเจาะจงช่ือสปีชีส์ และเขียน "spp." ในกรณีที่ต้องการกล่าวถึงหลายสปีชีส์
ตัวอยา่ งเช่น "Canis sp.", หมายถงึ สปชี สี ห์ น่ึงในสกลุ Canis

9. สิ่งมีชีวิตชนิดหน่ึงอาจมีช่ือวิทยาศาสตร์มากกว่าหน่ึงชื่อ ให้ใช้ชื่อตั้งข้ึนก่อนเป็นช่ือ
หลกั ส่วนช่ืออื่นเปน็ ช่ือพ้อง

10. ชือ่ วทิ ยาศาสตร์มักจะบอกลักษณะบางอย่างกบั สงิ่ มีชีวิตชนดิ น้นั
ช่ือของสิ่งมีชีวิต โดยปกติแล้วการเรียกช่ือของสิ่งมีชีวิต มีดังนี้ คือ 1. ช่ือพื้นเมือง (Local
name) เรียกตามทอ้ งถน่ิ 2. ช่อื สามญั (common name) คอื ช่ือทีเ่ รียกกันทวั่ ๆ ไป อาจเรยี กตาม
ลกั ษณะรูปร่าง ถิ่น กาเนิดหรือสถานท่ีอยู่ก็ได้เชน่ ปากกาทะเล หอยมุก เป็นต้น ซ่งึ ช่ือดังกล่าวอาจ
เรียกต่างกัน ใน แต่ละท่ีทาให้เกิดความเข้าใจผิดได้ 3. ช่ือวิทยาศาสตร์ (scientific name) คาโรลัส
ลินเนียส (Carolus Linnaeus) นัก พฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน ผู้ท่ีได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดา แห่ง
อนุกรมวิธาน เป็นคนกาหนดช่ือ วิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตโดยใช้ระบบทวินาม (Binomail
nomenclature) ประกอบด้วยสอง ส่วนหลัก และ อีกหน่ึงส่วนรอง คือ ส่วนแรกเป็นส่วนของช่ือ
สกลุ (generic name) ส่วนท่สี อง เปน็ ช่ือที่ระบสุ ปีชีส์ (Specific epithet) ท้ังสองส่วนตอ้ งทาใหเ้ ป็น
คาในภาษาลาตินเสมอ ช่ือ จีนัสตัวแรกเขียนด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ ตัวแรกของสปีชีส์เป็นช่ือ
ตัวพิมพ์เล็กธรรมดา ตอ้ ง เขียนให้ต่างจากอักษรอน่ื การพมิ พ์หรือเขยี นช่ือวทิ ยาศาสตร์จะต้องขีดเส้น
ใต้ หรอื พิมพห์ รือ เขยี นเป็นตัวเอนไม่ตอ้ งขีดเส้นใต้ ทง้ั 2 ชื่อไม่ตดิ กัน หรืออาจมสี ว่ นท่ีสาม ก็คอื ช่ือ
ผู้ตั้งหรือผู้คน พบส่ิงมีชีวิตชนิดน้ัน เรียกระบบน้ีว่า การตั้งชื่อแบบทวินาม ( binomial
nomenclature) ตวั อยา่ งเชน่
ชื่อวิทยาศาสตรข์ องถั่วลันเตา คอื Pisum sativum L.
Genus คอื Pisum


15

Species คอื sativum
ผูต้ ้งั ชือ่ คอื L. ยอ่ มาจาก Linn. หรอื Carolus Linnaeus

ภาพท่ี 2.3 ความแปรปรวนทางพนั ธกุ รรมทีพ่ บใน emerald tree boas Corallus canius
ทมี่ า : Solomon et al , 2002

ความหลากหลายทางสปีชีส์ (Species diversity) หรือความหลากหลายทางชนิด การ
เปล่ียนแปลงมีจุดเริ่มมาจากความหลากหลายทางพันธุกรรม แต่เกิดข้ึนสะสมความแตกต่างเป็น
ระยะเวลาที่ยาวนานหลายชัว่ รุ่น และผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรืออาจเกิดจาก การ
คัดเลือกพันธ์ุโดยมนุษย์ทาให้เกิดส่ิงมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ เช่น กล้วยไม้บางชนิดมีลักษณะ คล้ายกันแต่
ผสมพันธุ์กันไม่ได้ เน่ืองจากเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละชนิด ความหลากหลายของระบบนิเวศ
(Ecological diversity) ความแตกต่างของลักษณะ ของส่ิงมชี ีวิตเป็นผลจากกลไกทางพันธุกรรม ซ่ึง
การแปรผันท่ีเกิดขนึ้ ลกั ษณะใดทส่ี อดคล้อง เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะทาให้ลักษณะดังกล่าวถูก
คัดเลือกใหส้ ืบพนั ธแุ์ ละดารงอยตู่ ่อไป ดังนั้นสภาพแวดลอ้ มย่อมมผี ลต่อทศิ ทางและ การเปล่ียนแปลง
และแนวโน้มของความ หลากหลายของสิ่งมีชีวิต บนโลก สิ่งแวดล้อมท่ีหลากหลายเป็นผลมาจาก
ความหลากหลายของ ระบบนิเวศ ในโลกมีระบบนิเวศมากมายหลายชนิด กระจัดกระจายตาม
ภูมิศาสตร์ต่างๆระบบ นิเวศแต่ละประเภทจะมีชนิดของส่ิงมีชีวิตที่พบไม่เหมือนกันทั้งนี้เน่ืองจากมี
ปัจจัยทางกายภาพที่ ส่ิงมีชีวิตต้องการไม่เหมือนกัน จากข้อมูลดังกล่าว ความหลากหลายทาง
พันธุกรรม ความหลากหลายของสปีชีส์ และ ความหลากหลายของระบบนิเวศ เป็นองค์ประกอบ
สาคัญที่ก่อให้เกิดความหลากหลายทาง ชีวภาพ ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพก่อให้เกิดความ
สมดุลของโลก


16

การระบุชนิดของสงิ่ มีชีวติ

ในการศึกษาความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต นักวิทยาศาสตร์จะต้องมีการระบุ
(identifcaton) ชนิดของสิ่งมีชวี ิตนั้น โดยการสร้างเครื่องมอื สาหรับตรวจหาและระบุชนิดหรือกลุ่ม
ของส่ิงมีชีวิตว่าเคยจัดหมวดหมู่หรือต้ังชื่อไว้แล้วหรือยัง หากพบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตท่ีไม่เคยถูกจัด
หมวดหมู่หรือตั้งชื่อมาก่อนก็จะศึกษาเพ่ือจัดจาแนกและต้ังช่ือต่อไป เครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการระบุ
ชนิดหรือกลุ่มของส่ิงมีชีวิต คือ ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous key) ไดโคโตมัสคีย์เป็นคาท่ีมาจาก
ภาษากรีก หมายถึง แบ่งออกเป็นสอง่วน ดังน้ันหลักในการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิตจะอาศัย
ความแตกตา่ งของโครงสรา้ งทีละลักษณะมาพิจารณาเป็นคู่ ๆ

ส่ิงมีชีวิตมีความหลากหลายแตกต่างกันนักวิทยาศาสตร์มีเคร่ืองมือที่ใช้ในการระบุชนิด
ของส่ิงมีชีวิต คือ ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous) คือ เครื่องมือในการแบ่งกลุ่มย่อยส่ิงมีชีวิต
โดยเปรียบเทียบความแตกต่างทีละคูข่ องโครงสร้างลกั ษณะหนึ่ง หรอื หลายลกั ษณะ การแบ่งสิ่งมีชวี ิต
ทีละ2 กลุม่ ทาให้พจิ ารณาไดง้ า่ ยไม่สบั สนและส่ิงมีชวี ิตแต่ละกลุ่มจะมีไดโคโตมัสคยี ท์ ี่เหมาะสมเฉพาะ
ใช้แยกกลุม่ ย่อยของสงิ่ มชี วี ติ นั้น

ชนิดของ ไดโคโตมัสคยี ์ ( Dichotomous key)
คมู่ อื วเิ คราะห์เป็นเพยี งเครอ่ื งมือทสี่ ร้างขึ้นเพื่อชว่ ยในการตรวจสอบชนิดและช่ือวทิ ยาศาสตร์

โดยใช้ลักษณะสาคัญเช่น นิสัย ถน่ิ ที่อยู่ และโครงสรา้ งทางสญั ฐานวทิ ยาต่างๆ มาเขียนเปรยี บเทียบ
กนั เปน็ คู่ๆ โดยไม่มคี าบรรยายลกั ษณะเชน่

แบบคขู่ นาน (Bracketed key) การนาเอาลักษณะท่แี ตกต่างตรงข้ามกันอย่างเด่นชดั มา
เปรียบเทียบกันเป็นคู่ๆ จึงมีลักษณะเป็น 2 หัวข้อและมีหมายเลขกากับ (นิยมใช้ใช้ในงานทางด้าน
สตั ววิทยา) ข้อดคี อื พิมพง์ ่าย อ่านง่าย เพราะนาลกั ษณะที่แตกตา่ ง ตรงข้าม โครงสร้างเดียวกนั มาวาง
พมิ พเ์ รียงเข้าคู่ เปรยี บเทียบกัน หมายเลขทอี่ ยู่ทา้ ยสุดของเสน้ ปะ เปน็ เลขบอกให้ตดิ ตามพจิ ารณาใน
คตู่ ่อไป ซ่ึงมหี มายเลขอย่ดู ้านหน้าเป็นเลขเดียวกนั

แบบสรุปความ (Synoptical key) เป็นการอธิบายลักษณะต่างๆอย่างละเอียดแต่เขียน
เป็นหัวข้อ แตล่ ะข้อยาวหลายบรรทัด (ปจั จบุ ันไม่ค่อยนิยมใช้)

แบบเยอ้ื งเขา้ ขา้ งใน (Indented keyหรอื Yoked key) เป็นการนาเอาลักษณะทแี่ ตกต่าง
ตรงข้ามกนั อย่างเดน่ ชดั มาเปรียบเทียบกันเปน็ คู่ๆเชน่ เดียวกับแบบค่ขู นาน แต่จะพมิ พ์เยื้องเข้าข้าง
ในของลักษณะที่แตกต่างกันแต่ละคู่ คู่ท่ีต่างกันจะเรียงอยู่ในตาแหน่งตรงกัน และใช้อักษรหรือ
หมายเลขกากบั ตวั เดียวกนั เป็นแบบซง่ึ นยิ มใช้ในทางพฤษศาสตร์


17

การใชร้ ูปวิธาน (Dichotomous key)
เมื่อได้ตัวอย่างส่ิงมีชีวิตท่ีไม่รู้จักชื่อนามาตรวจสอบหาช่ือต้องเลือกใช้รูปวิธานให้ตรงกับ

จุดประสงค์ เลือกรปู วธิ านทเี่ กยี่ วขอ้ ง จากนน้ั จงึ นาไปตรวจสอบกบั รูปวธิ าน เมื่อได้ช่อื ของสงิ่ มีชวี ิต
แลว้ ควรอ่านคาบรรยายลกั ษณะน้นั ๆเพ่อื ตรวจสอบความถูกต้อง

การสร้างรปู วิธาน
เมือ่ มีตัวอยา่ งส่ิงมีชวี ติ และมคี วามประสงคจ์ ะสร้างรปู วธิ านให้ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอนตอ่ ไปน้ี
1. นาสง่ิ มชี ีวิตเหลา่ นน้ั มาศึกษาลกั ษณะต่าง ๆ
2. สรา้ งตารางเปรยี บเทยี บส่ิงมชี ีวติ กบั ลักษณะของสิ่งมีชวี ติ
3. เขยี นรูปวิธานนิยมแบง่ ลักษณะออกเป็นคซู่ ึง่ จะทาใหส้ ง่ิ มีชีวติ ออกเปน็ สองกลมุ่
4. เลือกลักษณะที่แบ่งส่ิงมีชีวิตออกเป็นสองกลุ่มนามาเขียนรูปวิธาน เช่น ลักษณะนิสัย

ถิน่ ทอ่ี ยู่ ลักษณะโครงสร้างที่สงั เกตไดช้ ัดเจน


18

แบบฝึกหัด
เร่ือง การศึกษาความหลากหลายขงสงิ่ มีชีวิต

คาชี้แจง ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดต่อไปนี้

1. ให้นักเรียนศกึ ษาความหมายของความหลากหลายทางชีวภาพ พิจารณาภาพแลว้ จับคู่ข้อความ

ที่มีความสัมพันธ์กนั กบั รปู ภาพ

ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม ความหลากหลายทางสปีชสี ์

ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ

1. คอื .........................................................................................................

2. คือ .........................................................................................................


19

3. คือ .........................................................................................................

4. คอื .........................................................................................................
2. ใหน้ ักเรียนศึกษาข้อมูลจากตารางธรณกี าลแลว้ ตอบคาถาม

2.1 ส่งิ มีชีวิตพวกแรกทเ่ี กดิ ขนึ้ บนโลก คอื สง่ิ มีชีวติ ใด มีอายกุ ี่ลา้ นปี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….


20

2.2 เรม่ิ มพี ชื เกดิ ขึน้ ในยคุ ใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2.3 จากตารางธรณกี าลการสญู พนั ธข์ุ องสิ่งมชี ีวติ จานวนมากเกิดประมาณกคี่ รงั้ และเกิดใน
ยุคใดบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2.4 ส่ิงมชี ีวติ ที่มเี ซลลย์ คู ารโิ อตเริ่มเกดิ ขนึ้ ในมหายุคใด และเกดิ ขึน้ เมือ่ ใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2.5 เริ่มปรากฏมนษุ ย์ในยุคใด และเมือ่ ประมาณกี่ปที ่ผี ่านมา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………….


21

3. ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาภาพเซลลโ์ พรคาริโอต และเซลลย์ คู ารโิ อตแล้ว ใช้ข้อความในตารางเติมคาลง
ในช่องว่างให้ถกู ตอ้ ง

เซลลโ์ พรคารโิ อต (Prokaryotic cell)

นิวคลอี อยด์ ไรโบโซมขนาด 70s ไซโทรพลาซึม
เย่อื ห้มุ เซลล์ ผนังเซลล์ แฟลกเจลลา


เซลลย์ ูคารโิ อต ( ตัวอย่างเซลลพ์ ชื ) แวคิวโอล 22
ไรโบโซมขนาด 80s ไซโทรพลาซมึ
กอลจแิ อพพาราตสั ผนังเซลล์
เอนโดพลาสมิกเรติคลู มั ชนิดขรุขระ คลอโรพลาสต์
ไมโทคอนเดรยี
นวิ เคลียส

ท่ีมา http://www.sciencegeek.net )

1) A คอื ……………………………………………………………………………………………………….
2) B คอื ……………………………………………………………………………………………………….
3) C คือ……………………………………………………………………………………………………….
4) D คอื ……………………………………………………………………………………………………….
5) E คือ……………………………………………………………………………………………………….
6) F คือ……………………………………………………………………………………………………….
7) G คอื ……………………………………………………………………………………………………….
8) H คอื ……………………………………………………………………………………………………….
9) I คอื …………………………………….………………………………………………………………….


23

ใบงานท่ี 2
แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง การศึกษาความหลากหลายของส่งิ มีชีวิต

คาช้แี จง ให้นักเรียนสรปุ ความรทู้ ี่เก่ยี วกบั “การศึกษาความหลากหลายของสงิ่ มีชีวิต”
เป็นแผนผงั มโนทศั น์ (Concept Mapping) ในกระดาษท่ีแจกให้แลว้ นาเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น


24

แบบทดสอบหลังเรยี น

บทท่ี 20 ความหลากหลายทางชวี ภาพ เร่ือง การศึกษาความหลากหลายของสิ่งมีชวี ิต

รายวชิ าชีวิวิทยา 5 (ว33245) ชัน้ มธั ยมศึกศสาปีที่ 6

คาชี้แจง 1. แบบทดสอบฉบบั น้ี จานวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาที่ใช้ 10 นาที
2. จงเลือกคาตอบทีถ่ กู ตอ้ งท่ีสุด แล้วเขยี นเครื่องหมาย  ลงในกระดาษคาตอบ

1. ไดโคโตมัสคีย์ของสัตว์มกีระดูกสันหลัง สัตว์ใดมีลักษณะดังต่อไปนี้ “ไม่มีขน – ไม่มีครีบคู่ –
ผิวหนังไมีม่เกล็ด ”

ก. เตา่
ข. คางคก
ค. จระเข้
ง. จงิ้ จก

2. นกั วทิ ยาศาสตรท์ ่านใดท่ีพสิ ูจน์ว่าสง่ิ มีชีวิตมีก าเนดิ จากสิ่งมชี วี ติ
ก. Alexander Oparin
ข. Stanley Miller
ค. Sidney Fox
ง. Louis Pasteur

3. ข้อใดเรยี งล าดบั การจัดหมวดหมขู่ องสง่ิ มีชีวติ จากกลุ่มใหญม่ าเล็กได้ถูกต้อง
ก. อาณาจักร , ไฟลมั , คลาส , วงศ์ อนั ดับ , สกุล , สปชี สี ์
ข. อาณาจกั ร, ดิวชิ นั , คลาส , อนั ดบั วงศ์ , สกลุ , สปีชีส์
ค. อาณาจักร , ไฟลมั , วงศ์ , คลาส อันดับ , สกลุ , สปีชสี ์
ง. อาณาจกั ร , ดิวชิ นั , คลาส , อนั ดับ วงศ์ , สปีชสี ์ , สกลุ

4. สิ่งมีชีวติ ในขอ้ ใดมีความคล้ายคลึงกันมากท่ีสุด
ก. สิ่งมชี ีวิตที่อยใู่ นสกลุ (Genus) เดียวกัน
ข. สิ่งมีชีวิตท่ีอย่ใู นวงศ์ (Family) เดียวกนั
ค. สง่ิ มชี วี ิตทอี่ ยใู่ นอนั ดับ (Order) เดียวกนั
ง. ส่งิ มีชวี ิตทอ่ี ย่ใู นคลาส (Class) เดียวกัน


25

5. ผเู้ รียนจะตง้ั ชื่อมะนาวเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ ผเู้ รียนจะตอ้ งใชภ้ าษาอะไร
ก. ภาษาองั กฤษ
ข. ภาษาบาลี
ค. ภาษาละตนิ
ง. ภาษาไทย

6. “ พืชที่เปน็ ต้นแบบในการศึกษาชีววทิ ยาระดับโมเลกุลของพืชคือ A. thaliana ” คาวา่ thaliana
หมายถงึ ขอ้ ใด

ก. Species
ข. scientific name
ค. Local name
ง. Genus

7. ขอ้ ใดไมจ่ ัดเป็นความหลากหลายของสงิ่ มชี วี ติ
ก. ความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม
ข. ความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ค. ความหลากหลายทางระบบนิเวศ
ง. ความหลากหลายทางชนดิ สงิ่ มีชีวิต

8. จากหลักฐานสนับสนนุ วา่ ไมโทคอนเดรีย นา่ จะเปน็ สิ่งมชี ีวติ ในกลุม่ ใด
ก. พืช
ข. โพรโทรซวั
ค. เห็ดรา
ง. แบคทเี รีย

9. เซลล์โพรคาริโอตแตกตีางจากเซลล์ยคู าริโอต คือขอ้ ใด
ก. ไมพ่ บนวิ เคลียส
ข. ไมพ่ บออรก์ าแนลล์
ค. ไมพ่ บไรโบโซม
ง. ไมพ่ บสารพันธุกรรม


26

10. มหายุคใดทีเ่ รยี กว่าเป็นยุคของไดโนเสาร์ คือ
ก. มหายคุ ซโี นโซอกิ
ข. มหายุคมโี ซโซอิก
ค. มหายคุ พาลีโอโซอกิ
ง. มหายคุ พรแี คมเบรยี น


27

เฉลยแบบฝกึ หดั
เรื่อง การศึกษาความหลากหลายขงส่ิงมชี ีวติ

คาช้แี จง ให้นักเรียนทาแบบฝึกหัดตอ่ ไปน้ี

1. ให้นักเรยี นศึกษาความหมายของความหลากหลายทางชีวภาพ พจิ ารณาภาพแลว้ จับคูข่ ้อความ
ท่ีมีความสมั พันธ์กนั กับรปู ภาพ

ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม ความหลากหลายทางสปีชีส์
ความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความหลากหลายทางชีวภาพ

1. คอื ..............ความหลากหลายทางพันธกุ รรม...............

2. คือ ..................ความหลากหลายทางสปีชสี .์ .....................


28

3. คอื .................ความหลากหลายของระบบนิเวศ...................

4. คอื ...............ความหลากหลายทางชีวภาพ................
2. ใหน้ กั เรียนศึกษาขอ้ มลู จากตารางธรณกี าลแลว้ ตอบคาถาม

2.1 ส่งิ มีชีวติ พวกแรกทีเ่ กดิ ข้นึ บนโลก คือสิ่งมีชีวติ ใด มอี ายุก่ีลา้ นปี
สงิ่ มีชีวิตพวกแรกทีเ่ กิดขนึ้ บนโลกคอื สิง่ มชี วี ติ ทมี่ ีเซลล์แบบโพรคาริโอต มีอายุ ประมาณ

3,500 ลา้ นปี


29

2.2 เริ่มมีพืชเกดิ ขนึ้ ในยุคใด
พชื เรม่ิ พบในยุคออร์โดวเิ ชยี น

2.3 จากตารางธรณีกาลการสญู พันธข์ุ องส่งิ มีชวี ติ จานวนมากเกิดประมาณกคี่ รงั้ และเกิดใน
ยุคใดบ้าง

การสูญพนั ธ์ขุ องสิง่ มีชีวิตจ านวนมากเกดิ ขึน้ มาประมาณ 3 ครง้ั และเกิดใน ยุค
แคมเบรยี น ,ยคุ เพอร์เมยี น และ ยคุ ครีเทเชยี ส

2.4 สงิ่ มีชีวิตท่มี เี ซลล์ยคู าริโอตเริม่ เกดิ ขน้ึ ในมหายุคใด และเกิดขึน้ เมื่อใด
เริม่ พบในมหายุคพรแี คมเบรยี น เมอ่ื ประมาณ 2,200 ล้านปี

2.5 เร่มิ ปรากฏมนษุ ยใ์ นยุคใด และเมื่อประมาณกี่ปีท่ีผา่ นมา
ยุคควอเทอนารี เม่ือประมาณ 1.8 ล้านปีที่ผา่ นมา

3. ให้นักเรียนพิจารณาภาพเซลลโ์ พรคารโิ อต และเซลล์ยูคารโิ อตแล้ว ใชข้ ้อความในตารางเตมิ คาลง
ในชอ่ งว่างใหถ้ กู ต้อง

เซลลโ์ พรคาริโอต (Prokaryotic cell)

นิวคลีออยด์ ไรโบโซมขนาด 70s ไซโทรพลาซึม
เยือ่ หมุ้ เซลล์ ผนังเซลล์ แฟลกเจลลา


เซลลย์ คู าริโอต ( ตัวอยา่ งเซลล์พชื ) แวควิ โอล 30
ไรโบโซมขนาด 80s ไซโทรพลาซึม
กอลจิแอพพาราตสั ผนังเซลล์
เอนโดพลาสมิกเรติคูลัมชนดิ ขรุขระ คลอโรพลาสต์
ไมโทคอนเดรยี
นิวเคลยี ส

ท่ีมา http://www.sciencegeek.net )

1) A คอื แวควิ โอล
2) B คอื ผนงั เซลล์
3) C คอื เอนโดพลาสมกิ เรติคูลัม ชนิดขรุขระ
4) D คอื นวิ เคลยี ส
5) E คือ ไมโทคอนเดรีย
6) F คอื คลอโรพลาสต์
7) G คือ กอลจิแอพพาราตสั
8) H คือ ไรโบโซมขนาด 80s
9) I คือ ไซโทรพลาซมึ


31

เฉลยใบงานที่ 2
แผนผังมโนทัศน์ เรือ่ ง การศึกษาความหลากหลายของสง่ิ มีชีวิต

คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรูท้ ่ีเกยี่ วกับ “การศึกษาความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ ”
เป็นแผนผังมโนทศั น์ (Concept Mapping) ในกระดาษท่แี จกให้แลว้ นาเสนอผลงานหนา้ ชน้ั เรยี น

ขนึ้ อยกู่ บั ดลุ พนิ จิ ของครผู สู้ อน


32

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น
เล่มท่ี 1 เร่ือง การศึกษาความหลากหลายของสงิ่ มชี ีวติ

คาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น คาตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น
ข้อท่ี คาตอบ ข้อท่ี คาตอบ

1ค 1ข
2ง 2ง
3ข 3ข
4ข 4ก
5ก 5ค
6ข 6ก
7ง 7ข
8ข 8ง
9ก 9ก
10 ค 10 ข


33

บรรณานกุ รม

กระทรวงศึกษาธกิ าร (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐานพทุ ธศักราช 2551.
กรงุ เทพมหานคร:ชมุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย.

โครงการตาราวิทยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์มูลนิธิ สอวน.(2552). ชวี วทิ ยา สตวั วทิ ยา3.
กรงุ เทพมหานคร:มลู นธิ ิ สอวน.

จริ ัสย์ เจนพาณิชย์ (2558). ชีววทิ ยาสาหรับนกั เรียนมธั ยมปลาย. กรงุ เทพมหานคร :
หจก.สามลดา.

เชาวน์ ชโิ นรักษ์ และพรรณี ชิโนรักษ์ (2552). ชีววทิ ยา 1. กรุงเทพมหานคร : โสภณการพมิ พ์
ซรี ส์ ตาร์ (2552). ชีววิทยา เล่ม 1. (แปลจาก Biology 1 Concepts and Applications

โดยทีมคณาจารย์ ภาควิชาชีววทิ ยามหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, ผู้แปล). กรงุ เทพมหานคร :
เจเอสที พบั ลิชช่ิง จากัด.
นงลักษณ์ สวุ รรณพนิ ิจ และ ปรีชา สวุ รรณพนิ ิจ (2552). จุลชีววทิ ยาท่วั ไป. กรุงเทพมหานคร :
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
บัญชา แสนทวี ,ชวลติ เขม็ พรหมมา, ดาริกา วีรวินันทนกุล, ฤทัย วันเฟื่องฟู (2540). หนงั สือเรยี น
สมบรู ณ์แบบวิทยาศาสตร์กายภาพชีวภาพ เรอ่ื ง ชวี ติ และวิวฒั นาการ
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย .วัฒนาพานิช สาราญราษฎร.์ พระนคร กรุงเทพฯ 10200.
พมิ พค์ ร้งั ท่ี 1.
ประสงค์ หลาสะอาด และจติ เกษม หลาสะอาด (มปป.). คูม่ อื สาระการเรียนรูพ้ ้ืนฐาน
และเพม่ิ เติมกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชีววิทยา ม.6 เล่ม5. กรุงเทพมหานคร :
พฒั นาศึกษา
ปรชี า สวุ รรณพินิจ และนงลกั ษณ์ สวุ รรณพนิ ิจ (2549). ชวี วทิ ยา 2. กรงุ เทพมหานคร :
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย.
วันดี วัฒนชยั ยิง่ เจริญ (2552). การจดั จาแนกส่ิงมชี ีวิต. ภาควิชาชีววิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ :
มหาวทิ ยาลยั นเรศวร.
สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2554). หนงั สือเรียนรายวิชาชวี วทิ ยา
เพ่ิมเติมเล่ม 5. กรุงเทพมหานคร : สกสค.
สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (2555). คูม่ อื ครูรายวิชาชีววทิ ยาเพ่มิ เติม
เลม่ 5. กรุงเทพมหานคร : สกสค.


34

สถาบันส่งเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2534). หนงั สอื แบบเรียนวชิ าวิทยาศาสตร์
กายภาพชวี ภาพ (สสวท.) เรือ่ ง ชีวติ และววิ ัฒนาการ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
และระดบั ประกาศนียบตั รวชิ าชพี . พมิ พ์ครง้ั ที่ 1. กรงุ เทพฯ:ครุ ุสภา.

http://cms574.bps.in.th/group12/kingdom-protista
https://sites.google.com/site/khwamhlakhlaythangchiwphaph/1-1
https://sites.google.com/site/sudathanakit1/khwam-hmaykhwam-hlak-hlay-thang-
chiwphaph
https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/create-web/10000/science/10000-
311.html
https://kas-kasanapharayat.blogspot.com/2013/06/blog-post_11.html
https://sites.google.com/site/chiwwithyaui/chux-khxng-sing-mi-chiwit
http://www.nana-bio.com/e-learning/biodiversity/biodiversity05/Biodiversity05.html


35

ประวัติย่อผู้จดั ทาผลงาน

ช่อื – สกลุ นางสาวนภศร เสรกี ลุ
วัน เดือน ปี เกิด วนั ท่ี 7 มกราคม พ.ศ. 2528
สถานทีเ่ กดิ อาเภอชานุมาน จังหวดั อานาจเจริญ
สถานท่ีอยปู่ ัจจุบนั บ้านเลขที่ 26 หมู่ 7 บ้านโคกนกกระเตน็
ตาบลโคกสาร อาเภอชานุมาน จังหวดั อานาจเจรญิ
ตาแหน่งหน้าทีป่ ัจจุบนั ครู
สถานทที่ างานปจั จุบัน โรงเรยี นโนนกลางวทิ ยาคม ตาบลโนนกลาง
อาเภอพบิ ูลมังสาหาร จงั หวัดอุบลราชธานี
ประวตั ิการศึกษา
พ.ศ. 2540 ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นชมุ ชนโคกสารวทิ ยา ตาบลโคกสาร
อาเภอชานมุ าน จังหวดั อานาจเจริญ
พ.ศ. 2543 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 3 โรงเรยี นชุมชนโคกสารวทิ ยา ตาบลโคกสาร
อาเภอชานมุ าน จังหวัดอานาจเจริญ
พ.ศ. 2546 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี นชานุมานวทิ ยาคม
อาเภอชานมุ าน จังหวดั อานาจเจริญ
พ.ศ. 2551 ปริญญาครุศาสตรบ์ ณั ฑิต (ค.บ.) สาขาวิชาวิทยาศาสตร์
(ชีววทิ ยา) ถาบันราชภัฏอุบลราชธานี จงั หวดั อบุ ลราชธานี
พ.ศ. 2558 ปรญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบณั ฑติ (ศษ.ม.)
สาขาวิชาบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลัยกรงุ เทพธนบรุ ี
กรุงเทพมหานคร


เอกสารประกอบการเรยี น
เรอ่ื ง ความหลากหลายทางชีวภาพ

โรงเรียนโนนกลางวิทยาคม อําเภอพบิ ลู มังสาหาร จงั หวัดอุบลราชธานี
สงั กัดองค์การบริหารส่วนจังหวดั อุบลราชธานี


Click to View FlipBook Version